ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC SJ] รักวุ่นๆ ชุลมุนยกแก๊ง[KYUMIN]

    ลำดับตอนที่ #52 : Part 20 : ฮันคยอง ไฟติ้ง! ภาค 2

    • อัปเดตล่าสุด 29 ก.ย. 52




    Part 20 : ฮันคยอง ไฟติ้ง!
                                                                                       
     
     
             เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นลงแล้ว ฮันคยองก็พาฮยอกแจไปส่งที่บ้านตามปกติ ถึงวันนี้ฮันคยองจะไม่ได้พาฮยอกแจไปทานข้าวมือเย็นที่ร้านอาหารเหมือนทุกครั้ง แต่วันนี้ฮันคยองได้รับเชิญให้ไปทานอาหารเย็นที่บ้านฮยอกแจ โดยที่แม่ของฮยอกแจเป็นคนชวนไว้ตั้งแต่เมื่อวาน
     
                    บนโต๊ะอาหารมื้อนี้ดูจะคึกคักไม่น้อย เพราะนานๆทีบ้านของฮยอกแจจะมีใครมาทานอาหารที่บ้านด้วย แถมยังเป็นว่าที่แฟนของฮยอกแจอีกต่างหาก ฝ่ายพ่อกับแม่ของฮยอกแจเองก็ดูจะชอบฮันคยองไม่น้อยเลยทีเดียว
     
                    “พ่อสังเกตเราสองคนมานานแล้วนะ เห็นฮันคยองไปรับไปส่งฮยอกแจตลอดเลย พ่อต้องขอบใจจริงๆ นะที่ช่วยดูแลฮยอกแจ”    พ่อของฮยอกแจพูดไปก็ยิ้มไป บอกตรงๆว่าเขารู้สึกดีกับฮันคยองมากๆ และไม่เคยรู้สึกถูกชะตากับเด็กผู้ชายคนไหนเท่าฮันคยองมาก่อน
     
                    “ครับ เป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว”    ฮันคยองตอบแล้วยิ้มกว้าง ดีนะที่พ่อแม่ของฮยอกแจไม่รังเกียจเขา
     
                    ฮยอกแจได้ฟังแบบนี้ก็รู้สึกหน้ามันร้อนวูบขึ้นมาซะเฉยๆ แต่ก็ยังทำเป็นนิ่ง ขืนเขามีอาการพ่อก็ได้แซวเขาอีก ดูแล้วพ่อคงจะชอบฮันคยองมากๆ จากที่เคยถามเขาว่าเป็นอะไรกับฮันคยอง และก็คิดว่าพ่อน่าจะเชียร์ฮันคยองอยู่ด้วย
     
                    “ฮันคยองเป็นคนจีนใช่มั้ย แล้วมาเรียนที่เกาหลีนานหรือยัง”    แม่ของฮยอกแจเริ่มถามบ้าง เธอเองก็อยากจะพูดคุยกับฮันคยองเหมือนกัน
     
                    “ครับ ผมเป็นคนจีน แต่ย้ายมาที่เกาหลีตั้งแต่อยู่ม.ปลาย แม่ของผมเปิดร้านอาหารที่นี่น่ะครับ ใกล้ๆนี่เองครับ”    ฮันคยองตอบไปก็ยิ้มไป เหลือบมองฮยอกแจที่เอาแต่นั่งเงียบไป ตอนนี้รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกเลยทีเดียว
     
                    “จริงเหรอเนี่ย วันหลังพาพ่อไปที่ร้านบ้างนะ”    พ่อฮยอกแจพูดแล้วหัวเราะร่า ว่าไปแล้วฮันคยองก็คงรวยไม่ใช่เล่นเลยนะ
     
                    “พ่อเหรอ”    ฮยอกแจหันไปขมวดคิ้วใส่พ่อตัวเอง ฮันคยองไม่ได้เป็นลูกของพ่อซักหน่อยแล้วทำไมถึงแทนตัวเองว่าพ่อแบบนั้น
     
                    “แล้วฮันคยองได้กลับไปเยี่ยมบ้านที่จีนบ้างหรือเปล่า”    พ่อฮยอกแจไม่ได้สนใจสายตาของลูกชายเลยแม้แต่นิดเดียว กลับหันไปคุยกับฮันคยองต่อ
     
                    “หึ่ย!”    ฮยอกแจได้แต่ฟึดฟัดอยู่คนเดียว แล้วก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อไป แต่หูยังคงสนใจสิ่งภายนอกว่าเขาคุยอะไรกันไปบ้าง
     
                    “กลับครับ ช่วงปิดเทอม”    ฮันคยองยังคงตอบด้วยรอยยิ้มเหมือนเดิม
     
                    “ถ้าว่าฮันคยองก็มาทานข้าวที่บ่อยๆก็ได้นะ พ่อยินดีต้อนรับ”    พ่อฮยอกแจพูดไปก็ยิ้มไปเช่นเดียวกับภรรยาที่ยิ้มไม่ยอมหุบ แต่ฮยอกแจกลับนั่งทำหน้าบึ้ง
     
                    “ครับ”
                    “พ่อว่าเราสองคนก็เหมาะกันดีนะ”    พ่อของฮยอกแจมองลูกชายตัวเองแล้วก็หันไปยิ้มให้ฮันคยอง เห็นฮันคยองเทียวไปรับไปส่งฮยอกแจอยู่บ่อยๆ ถ้าหากได้ฮันคยองมาคอยดูแลฮยอกแจมันคงจะดีไม่น้อยเลยทีเดียว
     
                    “ครับ/ไม่!”    ฮันคยองกับฮยอกแจตอบออกมาพร้อมกับแต่คนละประโยค ฮันคยองอมยิ้มแล้วแต่ฮยอกแจกลับเหมือนตะโกนขึ้นมาแล้วก็ปั้นหน้าบึ้ง
     
                    “พ่อรู้นะว่าฮันคยองตามจีบฮยอกแจอยู่ใช่มั้ยลูก ชอบพอกันอยู่ใช่มั้ยทั้งสองคน”    เหมือนกับว่าพ่อของฮยอกแจไม่ได้ฟังฮยอกแจเลยแม้แต่น้อย หันไปพูดกับฮันคยองหน้าชื่นตาบาน ดูก็รู้ว่าสนับสนุนให้คบกันขนาดไหน
     
                    “ครับ ผมจีบฮยอกแจอยู่”    ฮันคยองไม่ได้คิดจะปิดบังแต่อย่างใด ดีซะอีกที่ผู้ใหญ่รู้และให้การสนับสนุนขนาดนี้
     
                    “ฮันคยองเขาก็เป็นคนดีนะลูก ทำไมไม่ลองคบกันดูล่ะ”     พ่อฮยอกแจหันไปพูดกับลูกชาย
     
                    “พ่อรู้ได้ไงว่าเขาเป็นคนดี แล้วที่สำคัญผมไม่ได้ชอบเขา เราคบกันไม่ได้หรอก”    พูดจบฮยอกแจก็หันไปแยกเขี้ยวใส่ฮันคยอง โทษฐานที่ทำให้พ่อเข้าใจผิดและคิดสนับสนุน
     
                    “แล้วฉันไม่ดีตรงไหน”    ฮันคยองถามเสียงเรียบ จากสีหน้าที่ดูร่าเริงเมื่อกี้เปลี่ยนเป็นเรียบเฉยภายในทันที
     
                    เมื่อได้ฟังคำถามของฮันคยอง ฮยอกแจก็เงียบกริบไม่พูดอะไรออกมาอีก ทั้งสองคนนั่งมองหน้ากันอยู่นาน จนพ่อต้องพูดอะไรออกมาเพื่อทำลายความเงียบ
     
                    “พ่อก็นึกว่าฮยอกแจจะชอบฮันคยองซะอีก ก็เห็นไปไหนมาไหนด้วยกันออกจะบ่อย ถ้าลูกไม่ชอบฮันคยองก็อย่าไปให้ความหวังฮันคยองสิลูก ลูกทำแบบนี้มันเหมือนการให้ความหวังเลยรู้มั้ย”    พ่อฮยอกแจบอกใบหน้านิ่ง ฮยอกแจเลยก้มหน้าลงและไม่พูดอะไรออกมา เมื่อหลุดออกจากสายตาลูกชายพ่อของฮยอกแจก็หันไปขยิบตาให้ฮันคยอง ประมาณว่างานนี้พ่อจัดการเอง ฮันคยองจึงยิ้มกลับมาให้เป็นอันว่าเข้าใจกัน
     
                    “ต่อไปนี้ฮันคยองก็ไม่ต้องมาหาหรือมารับมาส่งฮยอกแจอีกแล้วนะ พ่อไม่อยากให้ฮันคยองเสียเวลา”    พ่อของฮยอกแจหันไปบอกกับฮันคยอง เมื่อฮยอกแจได้ยินก็รีบเงยหน้าขึ้นมาทันที
     
                    “ได้ไงพ่อ!”    ฮยอกแจจ้องหน้าพ่อตัวเองเขม็ง ถ้าเขาไม่ได้เจอกับฮันคยองแล้วจะเอาเงินที่ไหนไปใช้หนี้ให้ซีวอน เขาไม่ได้ให้ความหวังฮันคยองซักหน่อย ถ้าไม่ใช่เพราะต้องหาเงินให้ตายก็ไม่ไปกับฮันคยองเด็ดขาด
     
                    “ก็ลูกไม่ชอบฮันคยองเข้าจะไปรั้งเขาไว้ทำไม”    พ่อฮยอกแจแสร้งพูดสีหน้าเครียด ซึ่งดูจากท่าทางลูกชายแล้ว ฮันคยองคงได้เป็นเขยบ้านนี้แน่ๆ
     
                    “พ่อไม่เข้าใจผมหรอก”
     
                    “ลูกก็คงยังไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน”    สีหน้าพ่อของฮยอกแจนั้นดูจริงจังอย่างมาก แต่พอหันไปเห็นฮันคยองอมยิ้มก็อดจะหมั่นไส้ไม่ได้
     
                    “แม่! อาหารมื้อนี้ราคาเท่าไหร่!!”    ฮยอกแจลุกขึ้นแล้วถามแม่เสียงดัง ปกติฮันคยองต้องเป็นคนเลี้ยงอาหารเย็นเขาอยู่แล้ว ทั้งที่วันนี้จะยอมให้กินฟรีๆที่บ้าน แต่ก็มาทำเขาอารมณ์ไม่ดีจนได้ เพราะฉะนั้นค่าอาหารมื้อนี้ฮันคยองต้องจ่ายให้เขา
     
                    “ทำไมเหรอลูก”    แม่ฮยอกแจถามอย่างงงๆ
     
                    “เท่าไหร่ครับ บอกผมมา”    ฮยอกแจไม่ได้ตอบคำถามของแม่แต่เป็นการถามย้ำอีกครั้งพร้อมกับจ้องหน้าฮันคยองเขม็ง แต่ฮันคยองกลับส่งยิ้มกลับมาให้
     
                    “ประมาณสองหมื่นวอนมั้ง แม่ก็ไม่รู้เหมือนกันสิ”     แม่ฮยอกแจทำท่านึกแล้วก็บอกออกมา เธอไม่รู้หรอกว่าอาหารมื้อนี้มันราคาเท่าไหร่ เพราะไม่ได้ใช้ของที่ซื้อมาใหม่ทั้งหมด แล้วก็ไม่รู้ว่าฮยอกแจจะถามไปทำไม
     
                    “สองหมื่นวอน! จ่ายมาด้วย!”    เมื่อได้คำตอบฮยอกแจก็หันไปบอกฮันคยองแล้วนั่งลงอย่างเดิม หน้าตายังคงบึ้งตึงไม่เปลี่ยนแปลง ฮันคยองเลยได้แต่มองแล้วยิ้มเท่านั้น
     
                    “จ่ายค่าอะไรกันเหรอลูก”    แม่ฮยอกแจยังคงถามด้วยอาการมึนงง ไม่รู้ว่าฮันคยองกับฮยอกแจพูดเรื่องอะไรกันอยู่
     
                    “เปล่าครับ ไม่มีอะไร”    ฮันคยองตอบออกมายิ้มๆ แล้วจึงเริ่มทานอาหารต่อ กินไปก็มองฮยอกแจที่ไม่แม้แต่จะพูดคุยกับเขาเลยแม้แต่นิดเดียว สงสัยว่าต้องงอนเขาเรื่องเมื่อกี้แน่ๆ
     
                    หลังจากนั้นพ่อกับแม่ของฮยอกแจก็คุยเรื่องสัพเพเหระกันไปเรื่อยเปื่อยโดยจะวกกลับมาเรื่องของฮันคยองกับฮยอกแจเป็นบางครั้งบางคราว ซี่งพอพูดกันเรื่องนี้ทีไรฮยอกแจก็จะทำหน้าบึ้งทุกที
     
                    เมื่อจบมื้ออาหารฮันคยองก็ขอตัวกลับทันที ฮยอกแจเลยโดนพ่อบังคับให้ออกมาส่งฮันคยองที่หน้าบ้าน ซึ่งฮยอกแจก็มีท่าทีอิดอดเล็กน้อย แต่ก็ขัดอะไรพ่อไม่ได้อยู่ดี
     
                    “เข้ากันดีจังเลยนะ นายกับพ่อฉันน่ะ”    ฮยอกแจอดไม่ได้ที่ต้องพูด เขาหมั่นไส้ฮันคยองสุดๆ ที่พ่อสนับสนุนออกหน้าออกตาแบบนี้
     
                    “แต่ถ้านายไม่ชอบฉันจริงๆ ต่อไปนี้ฉันจะไม่มาเจอนายอย่างที่พ่อนายบอกก็ได้นะ”    ฮันคยองเปิดประตูรถแล้วจึงหันมาพูดกับฮยอกแจ แต่ถ้าเป็นเรื่องจริงแล้วถึงฮยอกแจไม่อยากจะเห็นหน้าเขา เขาก็จะมาให้เห็นหน้าอยู่ดีนั่นแหละ
     
                    “งั้นต่อไปนี้นายก็ไม่ต้องมาให้ฉันเห็นหน้าอีกแล้วนะ”    ฮยอกแจกอดอกพูด สีหน้าบึ้งตึงไม่เปลี่ยนแปลง
     
                    “ก็ได้ต่อไปนี้ฉันจะไม่มาให้นายเห็นหน้าอีก”    พูดจบฮันคยองก็ขึ้นรถไปและสตาร์ทเครื่องทันทีก่อนจะออกรถ สีหน้าและน้ำเสียงเศร้าๆของฮันคยองทำให้ฮยอกแจตกใจไม่น้อย ไม่คิดว่าฮันคยองจะทำอย่างที่พูดจริงๆ
     
                    รถของฮันคยองแล่นออกไปได้เพียงนิดเดียวเท่านั้นก็จอดอยู่กับที่ กระจกรถถูกเลื่อนลงพร้อมกับฮันคยองที่โผล่หน้าออกมา
     
                    “เมื่อกี้ล้อเล่นนะ”    พูดจบฮันคยองก็ปิดกระจกแล้วขับออกไปทันที พร้อมกับอมยิ้มอย่างมีความสุข เขาไม่มีทางปล่อยฮยอกแจไปง่ายๆหรอก
     
                    ฮยอกแจได้ฟังก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ รู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูกที่ฮันคยองบอกว่าแค่ล้อเล่น ริมฝีปากเผยยิ้มบางๆออกมาโดยไม่รู้ตัว ก่อนที่ฮยอกแจจะเดินกลับเข้าบ้านไป
                   
     
                    หลังจากที่กลับมาถึงบ้านฮันคยองก็ล้มตัวลงนอนบนตัวด้วยความเมื่อยล้า ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อจะโทรหาคนที่กำลังคิดถึงอยู่ ตอนนี้หน้าของฮยอกแจมันลอยอยู่เต็มหัวฮันคยองไปหมด
     
                    แต่ยังไม่ทันที่ฮันคยองจะได้จรดนิ้วลงไปบนปุ่มโทรศัพท์ของเขาก็ร้องออกมาซะก่อน โชว์ทางไกลจากต่างประเทศ ฮันคยองเห็นชื่อคนที่โทรมาแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้าน้อยๆ เนื่องจากโทรมาผิดเวลา
     
                    “สวัสดีครับม๊า”    ฮันคยองกดรับแล้วกรอกเสียงลงไป
     
                    (อาเกิงอ่า ตอนนี้ลื้ออยู่ไหน)    แม่ของฮันคยองตอบกลับมา ฟังจากน้ำเสียงแล้วดูเหมือนกำลังเร่งรีบอยู่
     
                    “อยู่บ้านสิครับม๊า ม๊าโทรมามีอะไรหรือเปล่าครับ”
     
                    (นี่ลื้อยังไม่ออกจากบ้านอีกเหรอ ลื้อต้องมางานเปิดร้านติ่มซำสาขาที่จีนนะอาเกิง ม๊าจองตั๋วเครื่องบินไว้เรียบร้อยแล้ว อีกหนึ่งชั่วโมงเครื่องจะออก ลื้อต้องไปได้แล้วน้า เดี๋ยวจะตกเครื่อง)
     
                    “ห๊ะ!! แล้วทำไมม๊าไม่โทรมาบอกผมให้เร็วกว่านี้ล่ะครับ ผมยังไม่ได้เก็บกระเป๋าเลย”    ฮันคยองเด้งตัวลุกขึ้นนั่งทันทีที่ฟังแม่ของตัวเองพูดจบ เขารู้อยู่ว่ามีงานเปิดสาขาใหม่ที่จีนแต่ม๊ากลับไม่บอกเขาล่วงหน้าแล้วเขาจะเตรียมตัวทันได้ยังไง
     
                    “คุณชายครับ ได้เวลาออกเดินทางแล้วครับ”    ยังไม่ทันขาดคำของฮันคยอง พ่อบ้านคนสนิทก็เคาะประตูห้องแล้วเดินเข้ามา
     
                    “ม๊า! ผมต้องไปเดี๋ยวนี้เลยเหรอ”    ฮันคยองหันไปพ่อบ้านที่ยืนยิ้มให้อยู่แล้วก็กลับมาคุยโทรศัพท์อีกครั้ง เขายังไม่ได้บอกใครเลยนะ
     
                    (ลื้อรีบๆเลยนะอาเกิงเดี๋ยวจะตกเครื่อง ทุกอย่างม๊าให้คนจัดไว้ให้หมดแล้ว อีกหนึ่งชั่วโมงม๊าจะโทรไปใหม่แล้วกันนะอาเกิง)    พูดจบแม่ของฮันคยองก็ตัดสายทิ้งไป
     
                    “ทำไมพี่ไม่บอกผมก่อนล่ะครับว่าต้องไปวันนี้”    ฮันคยองวางโทรศัพท์ไว้ที่โต๊ะก่อนจะหันไปบ่นพ่อบ้านเล็กน้อย
     
                    “ขอโทษครับคุณชาย รีบเตรียมตัวเถอะครับ เดี๋ยวจะโดนคุณหญิงบ่นเอา”    พ่อบ้านพูดแล้วอมยิ้มน้อยๆ ก่อนจะเดินไปเตรียมเสื้อผ้าให้ฮันคยองสำหรับใส่เดินทาง
     
                    “แล้วต้องไปกี่วันครับ”
     
                    “สองวันครับ”
     
                    “สองวันเลยเหรอ”    ฮันคยองทำตาโตเมื่อรู้ว่าตัวเองต้องไปจีนถึงสองวัน เขาจะไม่ได้เจอฮยอกแจอีกตั้งสองวัน
     
                    “รีบไปอาบน้ำได้แล้วครับ เดี๋ยวจะไม่ทัน”    พ่อบ้านดันฮันคยองให้เดินเข้าห้องน้ำ เพราะถ้าขืนชักช้ากว่านี้คงได้ตกเครื่องแน่ๆ
     
     
                    เช้าวันใหม่เริ่มขึ้นอีกครั้งหลังจากที่เรื่องร้ายๆได้ผ่านพ้นไป คยูฮยอนไม่ยอมอยู่ห่างจากซองมินเลยแม้แต่ก้าวเดียวตั้งแต่ออกจากบ้านมา แต่ซองมินก็ไม่ได้มีทีท่าว่ารำคาญหรืออย่างไร ดูจะชอบซะมากกว่า
     
                    ทางอีกฝั่งของอาคารเรียนคนสองคนกำลังจ้องมองมายังคยูฮยอนกับซองมินไม่วางตา แทมินเอนตัวพิงผนังของอาคารเรียน ดวงตาที่ดูหม่นมองเพราะร้องไห้มาทั้งคืนมองไปยังคนทั้งคู่ที่ดูมีความสุข แต่ตัวเองกลับรู้สึกทรมานอย่างที่สุด แล้วน้ำตามันก็พาลไหลลงมาอีกรอบ ทั้งที่ดวงตาบวมแดงจนรู้สึกปวดไปหมด
     
                    มินโฮที่ยืนอยู่ข้างๆก็ได้แต่มองดูอยู่เฉยๆเท่านั้น เพราะตั้งแต่กลับไปถึงบ้านเมื่อวานแทมินก็ไม่ยอมคุยด้วยอีกเลย เอาแต่ร้องไห้อย่างเดียว เขาเองก็รู้สึกเป็นห่วงอยู่ไม่น้อย แต่แทมินกลับสร้างกำแพงไม่ยอมให้เขาเข้าใกล้เลยแม้แต่น้อย ตอนนี้เลยทำได้แค่มองดูอยู่แบบนี้เท่านั้น
     
                    แทมินหันหลังกลับไปมองมินโฮด้วยสายตาเรียบเฉยแล้วจึงหันกลับไปมองคยูฮยอนกับซองมินอย่างเดิม ตอนนี้เขาแทบไม่มีกระจิตกระใจจะทำอะไรเลย เขาไม่อยากจะเห็นหน้ามินโฮ คนๆนี้ออกไปจากชีวิตได้เลยยิ่งดี
     
                    ใบหน้าหวานที่เต็มไปด้วยความหม่นหมองก้มลงมองพื้นเหมือนเป็นการสงบจิตสงบใจและทำใจไปในตัว ก่อนที่แทมินจะเดินตรงไปยังคยูฮยอนกับแทมิน เพื่อขอโทษกับเรื่องที่ได้ทำไว้ตามสัญญาที่ให้ไว้กับฮีชอล โดยมีมินโฮเดินตามไปไม่ห่างมากนัก
     
    ช่วงขาที่ก้าวเดินหยุดอยู่ตรงหน้าคยูฮยอนกับซองมิน แทมินเงยหน้าที่มีน้ำตาคลออยู่ตลอดเวลาขึ้นมามองแล้วยิ้มบางๆ ก่อนจะก้มหัวลง คยูฮยอนกับซองมินมองแทมินด้วยความตกใจ แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมา
     
    คยูฮยอนมองผ่านแทมินไปเห็นมินโฮยืนทำหน้านิ่งอยู่ด้านหลังแถมยังมองแทมินตาไม่กระพริบ บวกกับท่าทางแปลกๆของแทมินเริ่มทำให้เขารู้สึกถึงรางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยจะดีนัก
     
    น้องร้องไห้ทำไมครับ”    ซองมินเดินเข้าไปใกล้แทมินแล้วจับบ่าเล็กที่สั่นเพราะอาการสะอื้นไว้ หวังเพื่อจะช่วยปลอบใจ แต่มันกลับทำให้แทมินร้องไห้หนักยิ่งกว่าเดิม
     
    “ผมขอโทษฮะ...ฮึก...ผมขอโทษ”    แทมินก้มหัวลงอีกครั้งแล้วร้องไห้สะอึกสะอื้นมากกว่าเดิม แต่มันกลับทำให้ซองมินงงว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
     
    “ขอโทษพี่ทำไม”    ซองมินดึงแทมินเข้ามากอดไว้ อยู่ๆก็มาบอกขอโทษเขา แทมินเคยทำอะไรเขางั้นเหรอ ถึงได้มาขอโทษแบบนี้
     
    “ผมขอโทษทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมทำไว้ ยกโทษให้ผมด้วยนะฮะ”    แทมินยังคงร้องไห้ไม่หยุดอยู่ในอ้อมกอดของซองมิน
     
    คยูฮยอนเองก็ยังไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเรื่องมันเป็นมายังไงจึงเดินเข้าไปหามินโฮที่ยืนอยู่ด้านหลังของแทมิน โดยที่มีซองมินมองดูอยู่ตลอด
     
    “นี่มันเรื่องอะไรกัน”    คยูฮยอนถามมินโฮเสียงไม่ดังเท่าไหร่นัก ก่อนจะเหลือบไปมองแทมินที่ยังไม่ยอมผละออกจากซองมินเสียที
     
    “รับคำขอโทษของแทมินเถอะนะครับ ผมขอร้อง สิ่งที่แทมินทำคือสิ่งที่ทำให้พี่ทั้งสองคนทุกข์ใจ ผมจะไม่ขอพูดถึงมันอีก ได้โปรดให้อภัยแทมินเถอะนะครับ”    มินโฮก้มหัวให้คยูฮยอนหลังจากที่พูดจบ สิ่งที่เขาจะช่วยแทมินได้ก็มีเพียงเท่านี้ คยูฮยอนกับซองมินคงยังไม่รู้ว่าเรื่องทั้งหมดแทมินเป็นตัวต้นคิด เขาก็ไม่รู้ว่าถ้าทั้งสองคนรู้แล้วจะโกรธเคืองแทมินมากน้อยแค่ไหน แต่เขาก็จะช่วยปกป้องแทมินให้ถึงที่สุด
     
    “ให้อภัยงั้นเหรอ”    คยูฮยอนพูดออกมาเบาๆ ก่อนจะหันกลับไปมองแทมิน เขาพอจะเดาเหตุการณ์ได้บ้างแล้ว แต่ก็แค่สงสัยเท่านั้น หรือว่าเรื่องที่เกิดขึ้นจะเกิดจากแทมินหรือเปล่า
     
    “ครับ ให้อภัยเรานะครับ”    มินโฮเงยหน้าขึ้นมา แล้วขอร้องคยูฮยอนกับซองมินอีกครั้ง
     
    “นายคิดว่าจะมาขอโทษกันง่ายๆขนาดนี้เลยเหรอ”    คยูฮยอนจ้องมินโฮเขม็ง ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น แล้วคิดว่าเขาจะยอมให้อภัยง่ายๆอย่างนั้นเหรอ
     
    “คยู”    ซองมินผละออกจากมาแทมิน แล้วเดินเข้ามาจับมือคยูฮยอนไว้ สิ่งที่มันเกิดขึ้นไปแล้วเขาก็อยากให้มันจบๆไป ยังไงซะเขาก็ไม่ได้เสียหายอะไรมากอยู่แล้ว จะโกรธไปมันก็คงไม่ได้อะไรขึ้นมา
     
    “ซองมิน คยูฮยอน ไม่ขึ้นห้องเรียนกันเหรอ”    ยังไม่ทันที่จะมีใครพูดอะไรต่อ เสียงของเรียวอุกก็ดังแทรกขึ้นซะก่อน ท่าทางของเรียวอุกนั้นด็งงงวยกับเหตุการณ์ตอนนี้อยู่พอสมควร แทมินที่เอาแต่ร้องไห้ กับคยูฮยอนที่ทำหน้าเหมือนกำลังโกรธจัดอยู่
     
    ไม่มีใครตอบคำถามของเรียวอุกเลยแม้แต่คนเดียว นักเรียนบางคนที่เดินผ่านมาทางนี้เริ่มหยุดมองดู แต่โชคดีที่บริเวณนี้ไม่ใช่กลางสนาม แต่เป็นทางเดินไปยังตึกปีสามซึ่งคนไม่ค่อยเยอะมากนัก
     
    “แล้วน้องแทมินร้องไห้ทำไมกัน”    เรียวอุกเดินเข้าไปหาแทมิน มองดูด้วยความเป็นห่วงเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับไปมองซองมินกับคยูฮยอนที่ยืนประจันหน้ากับมินโฮ
     
    “พี่เรียวอุกฮะ ผมขอโทษนะฮะ”    แทมินก้มหัวให้เรียวอุก
     
    “ขอโทษเรื่องอะไร”    เรียวอุกบอกออกมาด้วยความตกใจ อยู่ๆก็มาขอโทษ มันเรื่องอะไรกัน
     
    “เรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นเพราะผมเอง...ฮึก...ผมเป็นคนวางแผนทั้งหมด แต่ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำพี่ทั้งสองคนเลยนะฮะ...ฮึก...ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ”    แทมินพูดไปก็ร้องไห้ไป เรื่องทุกอย่างที่มันผิดพลาดถึงมันจะไม่ใช่ความผิดเขาทั้งหมด แต่ตัวต้นเหตุก็คือเขา ยังไงความผิดก็คงอยู่ที่เขาเต็มๆ
     
    เมื่อแทมินพูดจบทุกคนก็เงียบกริบไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก คยูฮยอนแทบอยากจะเข้าไปซัดหมัดหนักๆใส่แทมินแต่มันก็คงไม่เหมาะสมเท่าไหร่ที่เขาจะไปรังแกเด็กอย่างแทมิน ถึงแม้ว่าแทมินจะได้ทำเรื่องที่ไม่น่าให้อภัยเลยก็ตามที
     
    “พวกนายน่ะไปให้พ้นๆสายตาฉันซะ! อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก!”    พูดจบคยูฮยอนก็พาซองมินกับเรียวอุกเดินขึ้นอาคารเรียนไป ทางที่ดีคือการไม่เห็นหน้ามินโฮกับแทมินน่าจะดีที่สุด
     
    ซองมินกับเรียวอุกไม่มีใครพูดอะไรออกมาเลยระหว่างที่คยูฮยอนพาทั้งสองไปส่งที่ห้องเรียน เพราะรู้ดีว่าตอนนี้คยูฮยอนคงกำลังโกรธมากๆอยู่ ถ้าพูดอะไรไปบางทีอาจจะทำให้อะไรๆมันแย่ลงก็เป็นได้
     
    เมื่อมาส่งซองมินกับเรียวอุกถึงที่ห้องเรียนคยูฮยอนแค่ยิ้มให้เท่านั้นก่อนจะเดินออกมา ซองมินกับเรียวอุกหันไปมองหน้ากันแล้วก็ถอนหายใจก่อนจะยิ้มออกมา
     
    “นายไม่เป็นไรใช่มั้ย”  เรียวอุกถามเมื่อทั้งสองนั่งที่ของตัวเองเรียบร้อยแล้ว หลังจากวันที่เกิดเรื่องเขาก็ยังไม่ได้ซองมินอีกเลย แถมเมื่อวานซองมินยังไม่มาโรงเรียนอีกต่างหาก
     
    “ฉันไม่นึกเลยนะว่าคนที่ทำจะเป็นแทมิน”    ซองมินไม่ได้คำถามของเรียวอุกเพียงแค่ยิ้มให้เท่านั้นบอกว่าตัวเองไม่ได้เป็นอะไรแล้ว ก่อนจะเริ่มบทสนทนาใหม่เพราะเขาก็ไม่อยากพูดถึงเหตุการณ์ที่มันเกิดขึ้นกับเขาเหมือนกัน
     
    “จริงๆฉันก็ไม่ค่อยรู้รายละเอียดเรื่องนี้เท่าไหร่หรอกนะ ไม่มีใครบอกฉันเรื่องนี้เลย แล้วฉันก็ไม่รู้ว่าแทมินมาสารภาพกับพวกเราทำไม”
     
    “ฉันว่าเราเลิกพูดถึงเรื่องนี้เถอะนะ”    ซองมินบอกด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูแล้วเหนื่อยๆ เรื่องที่มันไม่ดีคงไม่มีใครอยากนึกถึงมัน
     
    “อืม”    เรียวอุกยิ้มออกมาบางๆ แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
     
     
    คยูฮยอน ซองมินและเรียวอุกเดินจากไปแล้วแต่แทมินก็ยังคงยืนร้องไห้อยู่อย่างนั้น มินโฮก็ได้แต่ยืนมองอยู่ที่เดิม เพราะถ้าเข้าไปก็คงจะถูกแทมินผลักไสเหมือนเดิม
     
    “ขึ้นห้องกันเถอะ”    มินโฮพูดขึ้นทั้งที่ตัวยังยืนอยู่ที่เดิม ถ้าแทมินไม่ขยับตัวไปไหนเขาก็คงไม่ไปไหนเหมือนกัน
     
    แทมินชายตามามองเพียงเล็กน้อยเท่านั้นแล้วก็ไม่สนใจมินโฮอย่างเดิม ช่วงขาที่หมดแรงของแทมินพยายามก้าวเดินออกไปทีละก้าว ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงได้ร้องไห้มากมายขนาดนี้ ไม่ใช่เพราะความรู้สึกผิดอะไรมากมาย แต่คงจะเป็นเพราะความรู้สึกที่เสียไปซะมากกว่า
     
    “ไปห้องพยาบาลดีกว่านะ”    มินโฮเดินเข้าไปจับแขนแทมินไว้เพราะดูเหมือนว่าแทมินกำลังจะหมดแรงเข้าไปทุกที
     
    “นายไม่ต้องมายุ่งกับฉันหรอกน่า!”    เสียงที่แทมินพยายามตะโกนเพื่อให้มันดูน่ากลัวแต่มันกลับไม่มีพิษสงอะไรเลยกับมินโฮตอนนี้ เพราะแค่แรงจะขัดขืนยังไม่มี
     
    “อย่ามาดื้อตอนนี้เลยน่า ที่จริงวันนี้นายไม่น่ามาโรงเรียนเลยนะ”    มินโฮช้อนตัวแทมินขึ้นอุ้มแล้วเดินตรงไปยังห้องพยาบาล เมื่อเขาเห็นสภาพแทมินแล้วคิดว่าคงจะมาโรงเรียนไม่ไหวจริงๆ แต่เขาพูดเตือนอะไรไปก็ไม่เคยฟังซักอย่าง คงเพราะแทมินอยากจะมาขอโทษให้เรื่องทุกอย่างมันจบๆไป
     
    แทมินไม่ได้ตอบโต้อะไรกลับมา เขาเบื่อกับการเถียงกับมินโฮเต็มทน ทั้งที่ไม่อยากเห็นหน้าแต่มินโฮกลับตามติดเขาตลอด ยังไงเขาก็หนีออกไปจากผู้ชายคนนี้ไม่ได้เลยใช่มั้ย
     
    “ที่ฉันทำทุกอย่างก็เพราะเป็นห่วงนายนะแทมิน ฉันเป็นลูกผู้ชายพอที่จะรับผิดชอบสิ่งที่ฉันได้ทำลงไป”    มินโฮไม่ได้มองหน้าแทมินตอนพูด ถึงคำพวกนี้มันจะไม่ได้หวานซึ้งอะไร แต่เขาก็พูดด้วยความจริงใจไม่ได้เสแสร้งมันขึ้นมา
     
    แทมินซบหน้าลงกับอกของมินโฮเมื่อได้ฟัง น้ำตาหยดใสๆเริ่มไหลลงมาอีกรอบ ถึงตอนนี้จะรู้สึกเกลียดมินโฮยังไง ถึงจะพยายามผลักไสยังไง คนๆนี้ก็ไม่ยอมปล่อยให้เขาอยู่คนเดียวเลย แล้วเขาควรจะเปิดรับผู้ชายคนนี้ดีหรือเปล่า ทั้งที่โดนทำร้ายทางร่างกายและจิตใจขนาดนี้


                                                                         --------------------------------------------------------
    kr...Talk
    กลับมาแล้วจ้าทุกคน
    หลังจากหายไปนานๆๆๆๆ(เกือบจะโดนรีดเดอร์กระถืบ)
    เค้าขอโทษแล้วกันนะ เพราะว่ามั่วแต่ไปตามสามีเอสเจสุดหล่ออยู่
    ไม่ใช่สิคราวนี้ต้องสุดสวย มีแต่เหล่าเคะมา
    กรี๊ดกร๊าด!!!!ค่ะได้เข้ามีทด้วย พี่ๆน่ารักมากเลย
    วันนั้นเป็นอะไรที่สนุกมากๆเลย ที่ไม่สนุกคงเรื่องเสียเงินมั้ง

    อีกแค่ประมาณ4ตอนก็จะจบแล้วนะ
    ตอนหลังๆนี้เป็นของฮันฮยอกค่อนข้างเยอะ
    เพราะเค้ายังไม่สมหวังซักที ก็เลยต้องใส่ใจคู่นี้เป็นพิเศษ
    ช่วยเชียร์ป๋าฮันของเราด้วยนะ
    ขอบคุณที่ติดตามนะค่ะ
    ความคิดเห็นที่ 1126
    อันนี้ ขอ เป็นเม้น ความรู้สึกต่อฟิคนะคะ

    แบบว่า ตอนแรกก็สั่งซื้อมา เล่มแรกนะคะ
    เป็น ครั้งแรกเลยจิงๆ
    ตั้งแต่ ซื้อฟิคมา แล้ว ไรเตอร์ ส่งข้อความมาขอบคุน
    แล้วคือ ส่งมา หลายๆอย่าง

    มันทำให้เราเเบบ เฮ้ย !
    มีไรเตอร์ ที่แบบ สนใจ รีดเดอร์
    ขนาดนี้ เลยหรอ เนี่ย
    เพราะ ปกติ แบบ แค่ขอบคุนในเรื่อง ที่ซื้อ
    แล้ว ก็ แบบ ไม่เคยคุยกับไรเตอร์ ไม่ได้สนิท อะไรมากมาย
    แต่การใส่ใจของไรเตอร์ ทำให้ รีดเดอร์ คนนี้รู้สึกดี


    ตอนแรกที่เห็นเรื่องนี้ เข้ามาปุ๊บ
    ยังไม่ได้ อ่านอะไรมากมาย อ่านไป 1 ตอนมั้ง
    แล้ว เนื้อหามัน ดูน่าสนุก รวมทั้ง มีคยูมิน+
    เลยกด สั่งซื้อไป!


    หลังจากนั้น พอมาดูอีกที อ้าว ว!
    มีภาค 2 ด้วยอ่ะ แต่เพราะ ยุ่งๆ เลยไม่ได้เข้ามาอ่าน
    จนกรระทั่งตอนนี้ ฮี่ฮี่ มาไม่ทัน รวมเล่ม 2 เลย อ๊า
    ถึงจะซื้อ ร้านได้ แต่แพงกว่ากัน อ่ะ โอกกก


    อยากจะบอก ไรเตอร์ แต่งเก่งขึ้นมากๆเลยนะคะ
    จากภาคแรก กับ ภาค สอง สงเกตุได้เลยจิงๆ
    ว่า ภาษา การใช่คำ มันแบบ พัฒนาขึ้นสุดๆ
    กับ ภาค 2 ตัวเรื่องมันไม่ได้ น่าเบื่อเลย
    ไม่ได้แต่งมาเพื่อ ยืด แต่ แต่งมาเพื่อ ความสนุกจิงๆ
    คยูมิน + น่ารักมากเลยนะคะ

    ยิ้มได้ทุกครั้งที่ อ่านฟิคนี้เลยคะ
    ความรู้สึกอบอุ่นที่คยูมีให้มิน
    ก็เหมือนว่า จากคำที่ไรเตอร์ บรรยาย
    มันทำให้ รีดเดอร์คนนี้ รู้สึกได้นะคะ


    อ่าส์!!
    มาพิมอะไร ไร้สาระอยุ่นาน
    หวังว่า เม้นนี้ มันคงไม่เป็นการรบกวนไรเตอร์นะคะ
    ยังงัยไรเตอร์ก็สู้ๆนะคะ
    เพราะเราจะเข้ามาอ่าน มาเป็นกำลังใจให้ไรเตอร์^_^
    เพื่อ คยุมิน ที่รักยิ่ง รวมทั้งพี่ๆ คนอื่นๆด้วย


    สู้ตาย คะ
    Name : warnpani< My.iD > [ IP : 124.157.149.177 ]
    Email / Msn: warn.pa-ni(แอท)hotmail.com
    วันที่: 25 กันยายน 2552 / 18:19
    สำหรับคอมเม้นนี้ ขอบอกว่าไรเตอร์โคดๆๆๆๆๆซาบซึ้งเลย
    เป็นคนที่เม้นได้ยาวมาก แถมเป็นทุกความรู้สึกด้วย
    นอกจากจะซื้อหนังสือแล้ว ยังมาเม้นอีก อย่างนี้มันน่าจะมีรางวัลแถมให้
    เอาเป็นจุ๊บ1ทีแล้วกัน(จะให้ทำไมว่ะ) เป็นอะไรเล็กๆน้อยๆที่เราจะทำให้ได้
    ไม่ใช่แค่คนนี้หรอกนะ แต่ก็รักทุกคนที่อ่าน+เม้นเลย

                                                                              อย่าลืมรักKyuMinตลอดไปนะ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×