คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : >>> 05
*~Timeless Love~*
...Miss You & Never Change...
[ฤดูหนาวปี 2006]
รถยนต์สีดำคันงามวิ่งเข้าสู่รั้วกำแพงคฤหาสน์หรูของตระกูลชอย... แล่นไปจอดยังหน้าประตูคฤหาสน์ ก่อนที่ฮันกยองลูกน้องคนสนิท จะเปิดประตูรถคันหรูออกเพื่อต้อนรับชายหนุ่มในชุดสูทสีดำเรียบร้อย ร่างกายสูงโปร่ง ใบหน้าคมเข้ม จมูกเป็นสัน หากแต่ใบหน้านั้นกลับเต็มไปด้วยความหมองเศร้า...
“ยินดีต้อนรับกลับครับ...คุณชาย...” ฮันกยองกล่าวก่อนจะปิดประตูรถแล้วเดินตามซีวอนไป
ชายหนุ่มร่างสูงถอดเสื้อสูทตัวนอกออก แล้ววางมันพาดไว้บนพนักโซฟา ตามด้วยเนคไทและปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออก ก่อนจะล้มตัวลงบนโซฟาอย่างหมดแรง... มือข้างหนึ่งยกขึ้นมาวางปิดตาไว้...
“ฮันกยองได้ข่าวอะไรบ้างมั้ย?” ซีวอนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนล้า...หากแต่แฝงไปด้วยความหวัง... แต่เมื่อมองหน้าของฮันกยองที่ส่ายไปมาโดยไม่ยอมมองหน้าเขาแล้ว ความหวังนั่นก็แหลกสลายลงทันที...
“ไม่มีเลย... งั้นเหรอ?” เสียงของซีวอนเต็มไปด้วยความหมองเศร้า... โดยที่ฮันกยองไม่ได้พูดอะไรอีกเลย...
...ไม่ใช่ว่าไม่อยากจะพูดปลอบ เพียงแต่ว่าเขาในตอนนี้ไม่สามารถพูดอะไรได้อีกเลยต่างหาก...ตลอดเวลาเกือบห้าปีที่คนๆนี้จะคอยถามเขาด้วยคำถามเดิมๆทุกวันๆ ยิ่งนานวันเสียงนั้นยิ่งเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า... และนั่นยิ่งทำให้เขาลำบากใจในการตอบเพราะสิ่งที่เขาตอบได้มีเพียงแค่การส่ายหน้าตอบปฏิเสธที่สร้างแต่ความเจ็บปวดให้แก่ผู้ถามเท่านั้น...
และวันนี้ก็คงเป็นเหมือนเช่นทุกวัน ที่ใบหน้าคมนั้นจะเต็มไปด้วยความหมองเศร้าจนเขาแทบทนไม่ได้... อยากจะช่วยปลอบโยนคนคนนี้ แต่เขาก็รู้ตัวเองดีว่าเขาเป็นใคร และอยู่ในฐานะอะไร...ไม่มีใครแทนที่เขาคนนั้นในใจซีวอนได้...เขา...ผู้เป็นดั่งเทวดาในหัวใจของซีวอน
“นั่นสินะ มันก็ตั้งห้าปีแล้วนี่นะ... อืม...ห้าปีแล้วเหรอ? นานเหมือนกันนะเนี่ย 55+” ซีวอนถอนหายใจพลางหัวเราะแห้งๆคล้ายจะมีความสุข แต่ผู้ที่เป็นคนสนิทของซีวอนอย่างฮันกยองที่อยู่กับชายหนุ่มมานานย่อมรู้ดี...ว่าซีวอนไม่ได้มีความสุขอย่างที่พยายามจะทำเลยสักนิด เพราะเสียงหัวเราะนั้นไม่ได้มาจากความสุขไม่ หากแต่เป็นการหัวเราะเยาะในโชคชะตาของตนเอง...ที่ไม่สามารถตามหาคนที่รักกลับมาอยู่ในอ้อมกอดของตนได้...
...ห้าปี...ที่ข้างกายฉันไม่มีนาย ทำไมอะไรๆถึงได้ดูเงียบเหงาไปหมดอย่างนี้นะ...นายอยู่ที่ไหนกัน..ชางมิน...เทวดาน้อยของฉัน...
แม้ว่าจะร่ำรวยมีเงินทองมากมาย หรือประสบผลสำเร็จในธุรกิจมากเท่าใด แต่นั้นไม่ใช่สิ่งที่ซีวอนต้องการเลย สิ่งที่เขาต้องการมีเพียง ชางมิน เทวดาน้อยผู้น่ารัก ซึ่งถูกลักพาตัวไปอย่างไร้ร่องรอยกลับมาเท่านั้น
ซีวอนหลับตาลงพลางนึกถึงอดีต...ทั้งชีวิตวัยเด็กที่แสนเงียบเหงา และ ชีวิตที่สดใสในวันแรกที่ได้เจอกันของเขากับ ผู้ที่เป็นดั่งดวงใจ
ชอยซีวอน ผู้ที่ได้ชื่อว่ามหาเศรษฐีนักธุรกิจหนุ่มที่เก่งที่สุด ไม่ว่าคิดจะหยิบจับอะไรก็จะเกิดประสบผลสำเร็จไปเสียหมด... ไม่ว่าอะไรที่เขาต้องการจะต้องได้มา...แต่ใครจะรู้ว่ามีอยู่เพียงสิ่งเดียวที่ต้องการ แต่เขาไม่เคยได้จากใครนั่นก็คือ ‘ความรัก ’
ผมไม่เคยรู้สึกอยากได้อะไรมากมาย...เพราะสิ่งที่ผมต้องการมันไม่มีตัวตนอยู่จริง...
จนกระทั่งวันนั้น...วันที่ผมได้พบกับนางฟ้าของผม มันทำให้คนอย่างผมรู้สึกได้เป็นครั้งแรกว่าสิ่งที่เรียก ‘ความรัก ’ นั้นมีอยู่จริง
ชางมิน...เด็กหนุ่มผิวสีน้ำผึ้ง เจ้าของริมฝีปากสีกลีบกุหลายแรกแย้มที่ทำให้ผมหลงรักในทันทีที่ได้พบ...
หลังจากนั้นเป็นต้นมา...ชีวิตของซีวอนคนนี้ก็ไม่ว่างเปล่าอีกต่อไป...ผมมีชางมินที่ค่อยเติมสีสันแต่งแต้มให้ทุกวันมีแต่ความสุขและเสียงหัวเราะ เราต่างก็เติมเต็มความอบอุ่นให้กันและกัน
...แต่พระเจ้าก็ช่างให้เวลาแห่งความสุขนั้นสั้นเหลือเกิน...
อยู่ๆชางมินก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่มีอะไรเลยที่เขาพอจะใช้สืบหาตัวได้ เบาะแสเพียงอย่างเดียวที่เขามีคือเสียงของชางมินที่เขาได้ยินเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะไม่ได้เจอกันอีก
....ซีวอน...ช่วยด้วย...ช่วยผมด้วย... ไอ้เด็กนี่!!ผลั๊ก!!~ ซี...วอน...
ตลอดห้าปีผมเฝ้าเพียรพยายามตามหามาตลอด แต่ถึงจะนานอีกสักเท่าไหร่ผมก็ยังจะตามหาแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ...คงมีสักวันที่ผมจะได้เจอเขาอีกครั้งหนึ่ง...
ซีวอนปล่อยความคิดและอารมณ์ ไปกับสายลมเย็นๆยามกลางคืนริมระเบียง ก่อนจะได้ยินเสียงเปิดประตู ตามด้วยเสียงฝีเท้าวิ่งเข้ามาในห้องของคนสองคน...คิบอมกับฮีชอล
“ซีวอน... ไอ้คุณชายซีวอน พวกเราพบชางมินแล้วล่ะ...” คิบอมผู้เป็นทั้งมือขวาและบอดี้การ์ของซีวอนว่าอย่างดีใจ... ในที่สุดรอยยิ้มที่ไม่เคยปรากฏมาตลอดห้าปีของผู้เป็นเจ้านาย นับตั้งแต่ชางมินหายไปก็จะกลับมาอีกครั้งแล้ว...
“อืม...เหรอ?...ไม่เป็นไรหรอก...เฮ้ย!!! เดี๋ยวคิบอม เมื่อกี้นายว่าอะไรนะ...” ซีวอนรู้สึกตัวก่อนจะหันไปถามคิบอมอย่างร้อนรน...
“คังอินหาชางมินพบแล้ว...” คิบอมพูดอย่างรวดเร็วอีกครั้งด้วยความดีใจ เพราะชางมินเองก็เป็นเพื่อนของเขาเหมือนกัน แล้วซีวอนก็จะได้ไม่ต้องเศร้าอีกต่อไปแล้ว...
“จริงๆเหรอ? นายไม่ได้โกหกฉัน ใช่มั้ยเนี่ย...”
“เออสิ...ฉันจะโกหกนายไปทำไมเล่า?”
“ที่ไหน!!~ เขาอยู่ที่ไหน?? คิบอม!!~”
“เออน่ะ!!!...ฉันรู้น่าว่านายอยากเจอ ฉันเองก็ไม่แพ้นายหรอก...แต่มันต้องใช้เวลาสักนิด แล้วเราต้องได้ตัวชางมินกลับมาแน่ๆ ฉันรับรอง”
“คิบอม...ฮีชอล...ฮันกยอง...รู้มั้ย?วันนี้เป็นวันที่ฉันมีความสุขมากที่สุดเลย...” เสียงซีวอนพูดอย่างร่าเริง ด้วยความดีใจสุดขีด
“แล้วนายเจอเขาที่ไหน...คิบอมเล่าให้ฉันฟังหน่อย” ซีวอนว่าอย่างกระตือรือร้น นานแล้วที่ทั้งสามคนไม่ได้เห็นท่าทางแบบนี้ของผู้เป็นนายนับตั้งแต่ชางมินไม่อยู่...
“ชางมินถูกจับไปที่โรงแรม Maybe Hotel รู้ใช่มั้ยว่าที่นั่นเป็นยังไง? งานนี้คงต้องพึ่งตำรวจด้วยล่ะ เพราะโรงแรมนั่นไม่ใช่เล่นๆเลย”
“มันก็ใช่โรงแรมนั้นขึ้นชื่อเรื่องประเภทนี้จะตาย แต่ตำรวจเข้าไปค้นทีไรก็ไม่เคยเจอสักที”
“ก็ที่ที่พวกตำรวจเข้าไปตรวจมันใต้ดินนี่นา จะไปเจอได้ยังไง ในเมื่อสถานที่ที่พวกมันใช้อยู่ชั้นบนสุดของโรงแรม ซึ่งเจ้าของก็คงอ้างว่าเป็นห้องสูทราคาแพง และมีลูกค้าเป็นผู้มีอำนาจด้านต่างๆ เลยไม่อยากให้ตำรวจเข้าไปยุ่มย่าม และกับผู้มีอิทธิพลตำรวจก็ไม่ค่อยอยากยุ่งอยู่แล้ว...”
“เรื่องตำรวจ ฉันจัดการเอง”
ซีวอนว่าเสียงเรียบ ก่อนจะเอ่ยต่อไปว่า “คิบอม...นายเตรียมวางแผนเรื่องไว้ให้ดี...เราจะต้องฉวยโอกาสช่วงที่กำลังวุ่นวายตอนตำรวจเข้าตรวจพาตัวชางมินออกมา เข้าใจใช่มั้ย? คิบอม ฮีชอล ฮันกยองงานนี้ห้ามพลาด...!!!” น้ำเสียงเฉียบขาดจากร่างสูงตรงหน้าทำเอาทั้งสามคนตอบรับแทบไม่ทัน...
“รับทราบ...” ทั้งสามคนกล่าวก่อนจะเดินออกไปเตรียมวางแผน
ซีวอน...ฮีชอล...คิบอม...ฮันกยอง ทั้งสี่คนต่างเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขารู้จักกันครั้งแรกก็คือ หน้าที่
ซีวอน ทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลชอยที่แสนจะร่ำรวยและมีชื่อเสียง ดังนั้นทายาทคนเดียวของตระกูลอย่างเขาจึงต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวบ้างเป็นธรรมดา เพราะพ่อและแม่ต่างก็ต้องทำงาน ส่วนเพื่อนๆก็ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เขาสักคน แต่ใช่ว่าพ่อแม่ของซีวอนจะละเลยเรื่องนี้ เมื่อรู้ตัวว่าไม่สามารถมีเวลาให้ลูกชายได้อย่างเพียงพอ ทั้งสองคนจึงได้หาคนที่จะมาเป็นเพื่อนของลูกชายพร้อมกับคอยปกป้องไปพร้อมๆกัน
ฮีชอล...คิบอม สองพี่น้องตระกูลคิมทั้งคู่เป็นลูกชายของบอดี้การ์ดส่วนตัวของพ่อแม่ซีวอน ที่ได้รับหน้าที่ให้คอยปกป้องดูแลด้วยชีวิต... รวมทั้งฮันกยอง ลูกชายมาเฟียฮ่องกง เนื่องจากพ่อของเขาต้องการตอบแทนบุญคุณ คุณท่านและคุณนายแห่งตระกูลชอย จึงได้ส่งลูกชายอย่างฮันกยองให้มาเป็นเพื่อน และ คอยคุ้มครองดูแล...
สิ่งที่ทำให้พวกเขารู้จักกันคือ หน้าที่ หากแต่สิ่งที่คนทั้งสี่ได้รับและปฏิบัติต่อกัน กลับมากกว่าคำๆนั้น
สิ่งที่ซีวอนมีให้ตลอดมาคือ ความจริงใจ และไม่ถือตัว และสิ่งที่ทั้งสามคนตอบแทนกลับมาก็คือ ความจริงใจ และความจงรักภักดีอย่างที่สุดเช่นกัน...
ทิ้งไปให้หมดภาพอดีตที่แสนจะโหดร้าย... ลืมให้หมดกับความเจ็บปวดที่เคยได้รับ...
แล้วเริ่มต้นใหม่อีกสักครั้งด้วยรอยยิ้ม...
แม้ไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะต้องพบกับอะไร... ถึงแม้จะเจ็บปวดอีกสักแค่ไหน...
แต่ขอแค่ยังมีความหวัง... สักวัน...
ความเจ็บปวดนั้นก็จะค่อยๆจางหายไปเอง... สักวันหนึ่งมันจะต้องหายไป..
ณ ชั้นบนสุดของโรงแรมหรูกลางใจเมืองเกิดความวุ่นวายไปทั่วจากการที่ตำรวจเข้าบุกเข้าค้นหาสิ่งผิดกฎหมายอย่างไม่ให้พนักงานโรงแรมและบุคคลอื่นๆในโรงแรมได้ทันตั้งตัว...
“นายแม่ !!! นายแม่ !!! หนีเร็ว พวกตำรวจมา...” เสียงชายวัยกลางคนหน้าตาขี้ริ้ววิ่งมาอย่างตื่นตระหนกยิ่งทำให้ใบหน้าที่แสนน่าเกลียดนั้นยิ่งดูไม่ได้ขึ้นไปอีก...
“ว่าไงนะ!!~ พวกมันรู้ได้ยังไง “ หญิงสาวอายุคราวป้า ตอบกลับด้วยเสียงเกรี้ยวกราดและท่าทางที่ไม่ต่างกัน
“ไม่รู้เหมือนกัน แต่ตอนนี้พวกมันปิดล้อมทางออกไว้หมดแล้ว....เอาไงดี”
“โธ่เว้ย!!! บ้าจริง แล้วบันไดหนีไฟล่ะ ทางนั้นพวกมันคงไม่มามั้ง ไปเร็ว!!!~” หญิงสาวที่ถูกเรียกว่านายแม่ สั่งก่อนจะสาวเท้าก้าวเดินไปอย่างเร่งรีบ ตรงทางบันไดหนีไฟที่อยู่ขอบสุดของทางเดิน...
“ดีล่ะ!!~ ยังไม่มีใครมา ไปเร็วนายแม่” ชายวัยกลางคนรบเร้าให้ผู้ถูกเรียกลงไปก่อนแต่ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรมากกว่านั้น
“หยุดตรงนี้ซะดีกว่านะครับ...รู้ไม่ใช่เหรอครับ ว่าหนียังไงก็ไม่พ้น...” น้ำเสียงที่ฟังดูออกจะเป็นการเย้ยยัน... จากเด็กหนุ่มผิวสีน้ำผึ้งซึ้งในขณะนี้ใบหน้าเรียวนั้นกำลังยิ้มอย่างดูถูก...
“ชางมิน...แจจุง...นี่พวกแก!!~” เสียงเกรี้ยวกราดอันน่ากลัวของนายแม่ดังขึ้นอีกครั้ง หากเป็นเมื่อก่อนแจจุงกับชางมินอาจจะกลัวแต่ไม่ใช่ตอนนี้... เด็กหนุ่มทั้งสองยืนนิ่งไม่สนใจ นั่นยิ่งทำให้อารมณ์ของหญิงคนนั้นรุนแรงจนลืมความคิดที่จะหนีเสียหมด ปราดเข้ามาจะทำร้ายแจจุง แต่แล้วก็ต้องชะงักไปเมื่อมีคนออกมาขวางไว้...
“ขอโทษนะครับ...ผมคงยอมให้คุณทำอะไร คุณหนูทั้งสองไม่ได้หรอก...” เสียงคังอินหนึ่งในคนสนิทของซีวอนออกมาขวางไว้ก่อนที่มือนั่นจะถึงแจจุงเพียงไม่กี่เซน...
“แก!!!~”
“นายแม่ช่างพวกมัน!! เราต้องหนี!! “ ชายวัยกลางคนหันมาส่งเสียงเรียกให้หญิงสาวรีบหนี ก่อนที่พวกตำรวจจะมาจับพวกเขาไป... หญิงสาวหันมามองพวกเขาอย่างเคียดแค้น... ก่อนจะตัดใจแล้วเดินตามชายผู้นั้นลงไป... แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงักเมื่อทางที่กำลังจะลงไปนั้นมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 5 6 นายกำลังขึ้นมา พอจะขึ้นไปข้างบนก็มีคังอินและลูกน้องของคังอินอีก 2 3 คนขวางไว้...
“ก็บอกแล้วไงครับ ว่าหนียังไงก็ไม่พ้น...เออ...ใช่เกือบลืม ขอบคุณสำหรับเวลาของนรกบนดินนะครับ พวกเราจะกลับไปสวรรค์ของพวกเราแล้ว... ส่วนพวกคุณก็ต้องไปที่ที่ควรไปนะครับ... ” ชางมินหันมาส่งยิ้มให้เป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินจูงมือแจจุงแล้วจากไป...
ปล่อยให้หญิงสาวเคียดแค้นอยู่ในใจเงียบๆ พร้อมกับสาบานกับตนเอง หากมีโอกาสเธอจะต้องแก้แค้นให้ได้...!!!
หน้าจอโทรทัศน์ใหญ่ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองโซลกำลังฉายภาพ...นักอ่านข่าวสาวผู้กำลังรายงานข่าวด่วนที่เพิ่งเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว...เช้าวันนี้ ตำรวจบุกเข้าตรวจค้น โรงแรม Maybe Hotel โรงแรม 5 ดาวชื่อดัง กลางเมืองโซล พบว่า มีการทำธุรกิจขายบริการผิดกฎหมาย เจ้าของโรงแรมถูกจับตัวได้พร้อมลูกน้อง ขณะพยายามหลบหนีตำรวจทางบันไดหนีไฟของโรงแรม... ภาพของหญิงและชายวัยกลางคนถูกจับและกำลังถูกสอบสวนเพื่อตามหาผู้บงการใหญ่...
แจจุงกับชางมินยืนรอคังอินอยู่หน้าร้านค้าแห่งหนึ่งซึ่งตรงกับหน้าจอขนาดยักษ์นี่พอดี แต่สายตาของทั้งสองกลับมองไปบนหน้าจอนั้นอย่างไม่ใส่ใจสำหรับข่าวใหญ่ของประเทศวันนี้...แจจุงมองไปรอบๆก่อนจะเริ่มเดินไปรอบๆ พลางคิดในใจ
5 ปี... 5 ปีที่เขาเฝ้าเพียรพยายามมาตลอดเพื่อจะให้พ้นไปจากที่นั่น...ในที่สุดเขาก็ได้ออกมาแล้ว... เด็กหนุ่มสูดอากาศบริสุทธิ์... ยืนบนพื้นดินที่ไม่เคยได้แตะมาตลอด 5 ปี จนดูเหมือนฝัน...
“ชางมิน...ฉันไม่ได้ฝันไปใช่มั้ย? เราออกมาได้แล้วจริงๆใช่มั้ย? ” เด็กหนุ่มหันมาถามเพื่อนทั้งน้ำตา...แต่มันก็เป็นน้ำตาที่งดงามที่สุดเท่าที่ชางมินเคยเห็นมา... แต่เขาก็ไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่ยิ้มให้อย่างอ่อนโยนเหมือนเคย... ขณะนั้นเองก็ปรากฎร่างชายหนุ่มผิวขาวมายืนอยู่ข้างหน้าพวกเขา
“คุณชางมินครับ คุณชายซีวอนส่งผมมารับคุณครับ” คิบอมโค้งตัวลงเล็กน้อย แล้วยิ้มให้ชางมิน ก่อนที่ทั้งคู่จะโผเข้าหากัน...
“คิบอม...คิดถึงนายจังเลย ไม่เจอกันตั้งนานสบายดีหรือเปล่า? แล้วซีวอนล่ะ....ซีวอนไม่มาเหรอ?” คิบอมส่ายหน้าเบาๆ จนชางมินออกจะน้อยใจไม่ได้ที่ซีวอนไม่ยอมมารับด้วยตัวเอง... แต่ความคิดนั้นก็ต้องหยุดลงทันทีเมื่อ...
“ใครว่าฉันจะไม่มารับลูกแมวน้อยของฉันกันล่ะ....” เสียงทุ้มนุ่มที่คุ้นเคยและแสนคิดถึงเอ่ยอย่างอ่อนโยน
“ซีวอน!!!” เท่านั้นแหละ ชางมินก็วิ่งเขาหาซีวอนที่อ้าวงแขนรออยู่แล้ว....ก่อนจะโอบกอดอย่างแนบแน่นราวกับกลัวว่าคนในอ้อมกอดจะหายตัวไปอีกครั้ง...
“ชางมิน...นายกลับมาแล้วจริงๆด้วย...ชางมิน....” ทั้งกอดกันกลม เป็นภาพที่ทำเอาแจจุงอดอมยิ้มออกมาไม่ได้ เมื่อเห็นชางมินมีความสุขทั้งแจจุงและคิบอมก็พลอยมีความสุขตามไปด้วย..
“อ๊า...ซีวอน...ฉันมีคนจะแนะนำให้รู้จัก เขาเป็นเพื่อนฉัน เรารู้จักกันตอนอยู่ที่นั่น“ แล้วชางมินก็พาซีวอนเดินมาหาแจจุง... แต่เมื่อซีวอน และแจจุงมองหน้ากันก็ถึงกับอึ้งทันที... แจจุงหยุดคำพูดที่กำลังจะทักทายทันที ถึงเมื่อกี้ถึงจะได้ยินชื่อและมองเห็นหน้าซีวอนอยู่แต่ไม่ได้ตั้งใจมองอะไรมากมายนัก ประกอบกับคิดว่าคงได้ยินผิดไปจึงไม่ได้สนใจ แต่พอมองหน้าชัดๆถึงได้รู้ว่า...
“รุ่นพี่ซีวอน...!!”
“แจจุง...” ซีวอนเองก็ตกใจไม่แพ้แจจุงเหมือนกัน
“เอ๋...พวกนายรู้จักกันมาก่อนเหรอ?” ชางมินถามด้วยความสงสัย แต่ผู้ถูกถามคนทั้งคู่ไม่ตอบอะไร แถมยังหัวเราะออกมา สร้างความประหลาดใจให้ชางมินหนักขึ้นไปอีก...
“โลกมันกลมจริงๆด้วยนะครับรุ่นพี่...ผมไม่อยากเชื่อเลยนะครับ ว่าคนที่ชางมินรักจะเป็นพี่ไปได้...” แจจุงพูดไปยิ้มไปพลาง ไม่ต่างจากซีวอนเช่นกัน...
“แล้วเป็นไงล่ะ เทวดาของพี่น่ารักอย่างที่พี่บอกมั้ย?” ซีวอนว่าก่อนจะโอบชางมินเข้ามาในอ้อมกอด...
“ครับ น่ารักมากๆ แล้วก็เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของผมเลย” แจจุงยิ้มตอบซีวอน... ส่วนชางมินที่อยู่ในอ้อมกอดกับคิบอมก็มองหน้ากัน แล้วมองหน้าซีวอนที แจจุงที เป็นเชิงว่าคนคู่นี้เขาไปรู้จักกันตอนไหน แถมดูท่าจะรู้จักกันมานานแล้วซะอีก...
ระหว่างนั่งรถเพื่อเดินทางกลับคฤหาสน์หรูของตระกูล Choi
“นี่!! แล้วตกลงบอกได้รึยังว่าไปรู้จักกันตอนไหน... “ ชางมินรบเร้าให้ซีวอนกับแจจุงรีบเล่า แต่ดูท่าสองคนนี้เกิดอยากแกล้งชางมิน ผู้ไม่เคยมีอะไรที่ไม่รู้สักอย่างขึ้นมา เลยปิดปากเงียบไม่ยอมเล่ากันซะทั้งคู่ ยิ่งเพิ่มความสงสัยให้ชางมินหนักขึ้นไปอีก...
“นี่ซีวอน!! แจจุง!! ถ้าไม่บอกฉันจะโกรธแล้วน้า~” งัดไม้ตายสุดท้ายออกมา...ไม้ตายที่จะทำให้คนทั้งคู่รีบเปิดปากพูดกันแทบไม่ทัน... เพราะเวลาที่ชางมินโกรธน่ะ กว่าจะง้อได้แทบแย่!!!
“ไม่เอาน่า...อย่าโกรธนะ เล่าให้ฟังก็ได้ แจจุง นายเล่าทีสิ” ซีวอนหันมาทำหน้าอ้อนก่อนจะบอกให้แจจุงเป็นคนเล่า แล้วชางมินก็หันมามองหน้าแจจุงทันที...
“รู้แล้วน่า...”
“สรุปว่า...นายรู้จักกัน ตอนซีวอนไปสอนพิเศษให้รุ่นน้องว่างั้นสิ” สมองอันปราดเปรื่องของชางมินค่อยๆลำดับเรื่องราวและสรุปออกมาเป็นคำพูด
“อือ...ก็ประมาณนั้นแหละ...ส่วนที่รู้จักกันเป็นพิเศษก็เพราะ ความบ้าของรุ่นพี่นั่นแหละ...”
“หาบ้าเนี่ยนะ~” วันนี้แจจุงออกจะมีความสุขเพราะส่วนมากชางมินจะรู้ทันเขาไปซะทุกเรื่องในที่สุดก็มีเรื่องที่ชางมินไม่รู้บ้างแล้วล่ะ แจจุงเลยหัวเราะเบาๆก่อนไขข้อข้องใจให้ชางมิน
“ก็นายลองคิดดูสิ... ว่ามีอาจารย์ที่ไหนบ้าง สอนไปก็เรียกหาเทวดาบ้าง เดี๋ยวก็โทรศัพท์หาบ้าง เดี๋ยวก็สอนไปสอนมาแล้วมาพูดกับฉันแล้วบอกว่า เทวดาของฉันน่ารักกว่านายอีก อะไรทำนองเนี๊ยะ... แล้วจะไม่ให้ฉันหาว่าบ้าได้ไง...” แจจุงยังคงหัวเราะต่อไป ในขณะที่ชางมินกำลังบิดม้วนไปมาพยายามซ่อนความอายเอาไว้อยู่... ยังไม่วายโดนแจจุงล้อเข้าให้ซะอีก
“นี่ชางมินไม่ต้องอายขนาดนั้นก็ได้น่า...”
เมื่อมาถึงคฤหาสน์ ซีวอนได้พาแจจุงไปที่ห้องซึ่งซีวอนได้โทรสั่งฮันกยองให้จัดไว้ให้อยู่แล้ว... ก่อนจะพาชางมินไปที่ห้องของเจ้าตัวความจริงมันก็ห้องของซีวอนนั่นแหละ...
“เป็นไงบ้าง?”
“ว้าว...ยังเหมือนเดิมทุกอย่างเลยนะเนี่ย...” เสียงใสเอ่ยขึ้นก่อนจะกระโดดขึ้นไปบนเตียงแสนรักที่คิดถึง...ห้องที่เขาสองคนใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน... คืนวันที่แสนหวานกำลังหลั่งไหลกลับเข้ามาในความทรงจำอีกครั้ง
ชางมิน หันมองหน้าซีวอนทั้งน้ำตา..ที่ไม่รู้ว่าไหลมาตั้งแต่เมื่อไหร่... แต่มันก็ทำให้ซีวอนถลาเข้าไปโอบชางมินไว้ในอ้อมกอดทันที พอดีกับที่ริมฝีปากน้อยๆนั่นกำลังกล่าวอะไรบางอย่าง...
“ซีวอน...ฉันคิดถึงนายมากๆเลย...ฮึก...รู้มั้ยตอนที่ไม่เห็นนายครั้งแรก ฉัน...ฮึก...ฉันคิดว่านาย...อึก...นาย...จะรังเกียจฉันแล้วซะอีก...” ถึงชางมินจะเป็นคนบอกให้แจจุงเชื่อ แต่ความจริงแล้วชางมินเองก็แอบหวั่นๆอยู่ในใจเช่นกัน ถ้าทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่เขาคิดไว้ ชางมินก็คิดไม่ออกเลยว่าตัวเขาจะเป็นเช่นไร...
“รู้มั้ย?...ฉันคิดถึงนาย...คิดถึงนายมาตลอด...ในที่สุดเราก็ได้พบกันอีกครั้ง...ไม่ต้องกลัวว่าฉันจะเปลี่ยนไป...ถึงจะเกิดอะไรขึ้น...นายก็ยังคงเป็นลูกแมวน้อยของฉันเสมอ...”
“ซีวอน...”
“ไม่เอาน่าอย่าร้องไห้สิ...” มือหนาปาดน้ำตาออกจากดวงตากลมใสนั่นเบาๆ “ฉันเคยบอกแล้วไง...ว่าคนที่ฉันรักจะมีเพียงคนเดียวเท่านั้น...และคนคนนั้นก็คือ นายยังไงล่ะ...” ใบหน้าคมกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยอบอุ่นก่อนจะประทับริมฝีปากบนหน้าผากของชางมิน... ริมฝีปากอุ่นๆคลอจากหน้าผากลงมาที่ดวงตากลมแล้วเช็ดน้ำใสๆออกจากนัยน์ตาคู่นั้น ก่อนจะเลื่อนลงมาที่ริมฝีปากแดงเรื่ออย่างเนิ่นนาน... ซีวอนผลักร่างเล็กลงบนเตียงอย่างแผ่วเบา ก่อนจะพรมจูบไปทั่วร่างบางที่ถูกถอดเสื้อไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้...
“ซะ...ซี...ซีวอน...อย่า...” เสียงหวานพยายามเอ่ยห้าม แต่สำหรับซีวอนดูมันจะเป็นการเชิญชวนเสียมากกว่า
“อย่าห้ามฉัน...ชางมิน...ฉันจะลบรอยที่คนสกปรกพวกนั้นทำให้เทวดาน้อยของฉันต้องมัวหมองแบบนี้ออกไปให้หมด... กลับมาเป็นของฉันอีกครั้งนะ ชางมิน...” คำพูดที่เรียกรอยยิ้มพร่างพรายบนใบหน้าสวย ซีวอนคลี่ยิ้มบางๆกดจูบไปที่ริมฝีปากนั้นอีกครั้ง เลื่อนลงมาที่คาง ตามด้วยลำคอ ไล้มาจนถึงซอกคอ ลิ้นอุ่นแลบลีบเบาๆพร้อมกับดูดเม้มร่องรอยแสดงความเป็นเจ้าของเอาไว้รอยแล้วรอยเล่า เสียงครางในลำคอคล้ายแมวร้องข้างๆหูแผ่วเบา...
.............................
........................
..................
ค่ำคืนแห่งรักดำเนินต่อไปด้วยความโหยหาของกันและกัน...
............
.
..
“เป็นไงบ้าง...” น้ำเสียงทุ้มกล่าวอย่างห่วงใย ชางมินหอบเบาๆก่อนตอบพร้อมรอยยิ้ม
“เหนื่อย..แต่ก็...” ใบหน้าหวานแดงเรื่อ... ซีวอนคลี่ยิ้มบาง ดึงผ้าห่มจากปลายเตียงมาคลุมร่างบางและตัวเองไว้ จูบอ่อนโยนที่หน้าผากมน ชางมินซุกหน้ากับแผ่นอกกว้างที่คุ้นเคย
“ฉันรักนาย...ชางมิน...” เสียงทุ้มเอ่ยเบาๆที่ข้างใบหูนิ่ม
“ฉันก็รักนาย...รักนายมากที่สุดเลย...”
“หลับฝันดีนะ...ชางมิน...”
“ฝันดีเหมือนกันนะซีวอน...ราตรีสวัสดิ์” ชางมินในอ้อมกอดหลับลงสู้ห้วงนิทราลงอย่างรวดเร็วเพราะความเหนื่อย ในขณะที่ร่างสูงมองใบหน้ายามหลับของร่างบางด้วยรอยยิ้ม...
“ฝันดีสิ...ก็ฉันมีนายอยู่ข้างๆแล้วนี่นา...” แล้วซีวอนก็หลับตาลง ความอบอุ่นจากร่างบางที่แสนคิดถึงทำให้ชายหนุ่มหลับลงได้ไม่ยาก...
หากแต่ยังมีใครคนหนึ่งที่ยืนอยู่ริมระเบียงห้องข้างซึ่งรับลมเย็นยามกลางคืน... ความคิดล่องลอยไปเรื่อยๆ ใบหน้าสวยยามต้องแสงจันทร์งดงาม แต่แฝงไปด้วยความเศร้า... ในใจเฝ้าคิดถึงใครคนหนึ่ง...ที่ไม่รู้ว่าจะได้เจอเมื่อไหร่...
ยุนโฮ...ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานสักเพียงใด ไม่ว่าเราทั้ง 2 จะห่างไกลกันเพียงไหน... ไม่ว่าร่างกายนี้จะตกเป็นของใคร แต่ฉันขอยืนยันว่าทั้งหมดของหัวใจของฉันมีนายเพียงคนเดียว...
แจจุงยืนอยู่อย่างนั้นจะรู้สึกหนาวๆขึ้นมา ขาเรียวก้าวกลับไปในห้อง...แล้วล้มตัวลงนอนอย่างเหนื่อยล้าแต่มีรอยยิ้มเมื่อคิดถึงยุนโฮ... เปลือกตาบางเลื่อนลงมาปิดนัยน์ตาคู่สวยก่อนจะหลับลงสู่ห้วงนิทรา
โดยที่ร่างเพรียวบนเตียงไม่อาจรู้ได้เลยว่า... อีกไม่นานเกินรอ... เขาจะพบกับคนคนนั้น... คนที่เฝ้าฝันว่าจะได้พบกันอีกครั้งหนึ่ง...
แต่....พรหมลิขิตไม่ได้ใจดีขนาดนั้น...
โชคชะยังคงใจร้ายกับ ’คิมแจจุง’ เสมอ
To Be Con...
อืม...มาต่ออย่างรวดเร็ว
ตอนนี้เปลี่ยนอะไรไม่มากเพราะตอนที่แล้วเราแต่งใหม่
ตอนนี้ก็เลยตัดออกซะเยอะ แล้วเอามารวมกันซะ
เอาล่ะ รีบไปปั่นตอนต่อไปดีกว่า บายจ้า~
- - + +-b g-น่า รัก
ความคิดเห็น