ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Nor like(yaoi)

    ลำดับตอนที่ #46 : Nor Like Valentine’ special

    • อัปเดตล่าสุด 14 ก.พ. 57


    Nor Like Valentine’ special

     

                    “นายบอกว่าพรุ่งนี้ไม่ว่าง??” น้ำเสียงของคุณชายนารุมิเย็นเยียบกว่าน้ำแข็งขั้วโลกใต้

                    สึโยชิยีหัวตัวเองจนยุ่ง รู้สึกยุ่งยากใจชอบกล “อือ ไม่มีคนเข้าเวร นายก็น่าจะรู้นี่ อาชญากรรมมันไม่ได้หยุดเพราะเป็นวันวาเลนไทน์สักหน่อย” เขาปล่อยมุขฝืดออกไป และแน่นอนว่าอีกฝากสายโทรศัพท์คงไม่ตลกตาม

                    “อ่อ เป็นคนดีจริงๆ” ไอ้หมอนี่ขี้ประชดชะมัด ยิ่งอายุเยอะขึ้นยิ่งขี้ประชด

                    สึโยชิเอาคางเกยกับเอกสารกองโต แล้วระบายลมหายใจออกมา “นารุมิ ฟังนะ...” เขาเว้นช่วงพลางคิดคำ “ฉันก็ไม่อยากให้เป็นแบบนี้ แต่ไม่มีคนทำงานจริงๆ คนอื่นเขาก็มีนัดกันหมด แล้วจะไม่มีคนอยู่เวรก็ไม่ได้ด้วย”

                    “แล้วนายไม่มีนัดหรือไง?” นารุมิสวนกลับอย่างฉับไว “หรือนายคิดว่ามันไม่สำคัญ?”

                    สึโยชิกัดริมฝีปาก ขืนตอบออกไปว่าไม่สำคัญ มีหวังทะเลาะกันหนักอีกแหง เห็นแบบนี้แต่นารุมิมันขี้งอนเอาเรื่อง

                    “...ฉันเปล่า” เขาตอบไม่เต็มเสียง

                    อีกฝากสายเงียบไปอึกใจ เขาได้ยินเสียงระบายลมหายใจหนัก ก่อนจะเป็นความเงียบงันอันยาวนานจนทำเอาเขาใจไม่ดี

                    “ช่างเถอะ” ในที่สุดนารุมิก็พูดออกมา น้ำเสียงไม่มีแววประชดประชัน หากมันราบเรียบจนเล่นเอาใจเขาแป้ว

                    “นารุมิ...ฉันขอ...”

                    “ไม่เป็นไร ช่างมันเถอะ” หมอนั่นคล้ายจะยอมถอย แต่น้ำเสียงอ่อนแรงแบบนั้นสึโยชิไม่ชอบเลย

                    “นายโอเคนะ?” เขาถาม ทั้งที่ตนเองต่างหากที่รู้สึกเริ่มไม่โอเค มันหน่วงๆ ในอกแบบแปลกๆ

                    “อืม นายไปทำงานเถอะ ฉันก็จะทำงานเหมือนกัน แล้วค่อยคุยกันนะ” พูดจบมันก็วางสายไปทิ้งให้เขาอ้าปากค้าง ก่อนจะจ้องมองมือถือด้วยดวงตาที่กระพริบปริบๆ

                    “หืม สึโยชิ ทะเลาะกับแฟนอีกแล้วเหรอ?” มาซาชิ เจ้านายของเขาวางแก้วกาแฟก่อนจะทิ้งลงนั่งบนโต๊ะฝั่งตรงข้าม อีกฝ่ายเป็นผู้ชายอายุไล่เลี่ยกันกับเขา แต่หน้าที่การงานสูงกว่าเพราะจบโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ในขณะที่เขาเป็นเพียงนายตำรวจชั้นผู้น้อย ตอนแรกนารุมิมันเลยคัดค้านหัวชนฝาที่เขาจะสมัครมาเป็นตำรวจ แต่เขาแค่อยากทำ ตแหน่งอะไรเขาไม่ได้สนใจสักหน่อย ยังไงมรดกรวมกับหุ้นของพ่อที่มีในทาคาซึกิกรุ๊ปมันก็ทำให้เขาอยู่สบายไปทั้งชาติ ตราบใดที่ตระกูลนั้นมันไม่ล่มจมไปซะก่อน

                    “อ่า ก็ไม่เชิงหรอก” เขาตอบอ้อมแอ้ม

                    “อย่างนี้ล่ะ พวกคุณหนูร่ำรวยก็เอาแต่ใจเป็นธรรมดา” สึโยชิฟังแล้วได้แต่หัวเราะแหะๆ แบบไม่คิดจะแก้ไขความเข้าใจผิด

                    เพื่อนร่วมงานของเขาพากันเข้าใจกันไปว่าเขามี แฟนสาวเป็นคุณหนูไฮโซที่คบกันมาตั้งแต่สมัยเรียน ม.ปลาย เนื่องมาจากว่าวันเกิดเขาเมื่อสองปีก่อน นารุมิมันดันเกิดอารมณ์บ้าบออะไรของมันไม่รู้ ซื้อรถยุโรปใหม่เอี่ยมให้เขาหนึ่งคันแถมยังเอามาเซอร์ไพรส์ที่หน้าสถานีตำรวจ

                    ปกติไอ้บ้านี่ก็ไม่เคยทำตัวป๋าขนาดนี้หรอก แต่เขามารู้ทีหลังว่ามันทั้งหึงทั้งหงุดหงิดที่เขาชอบนั่งรถของ มาซาชิ ที่เป็นทั้งเจ้านายและเพื่อนร่วมงานกลับบ้านบ่อยๆ ล่ะมั้ง มันเลยซื้อรถให้ประชดเสียเลย แถมยังเอาคนขายรถมาโพนทะนาเสียอีกว่ารถคันนี้แฟนของเขาซื้อให้ เป็นการปักป้ายว่าเขามีแฟนแล้วแถมยังใจป้ำ ซึ่งนั่นเป็นสาเหตุที่เขากับมันทะเลาะกันใหญ่โตจนเลิกกันไป ก่อนจะกลับมาคืนดีกันในอีก 1 อาทิตย์ให้หลังนั่นล่ะ

                    เขาเลยไม่กล้าจะแก้ไขความเข้าใจผิด เพราะขืนบอกว่าที่ซื้อให้ไม่ใช่แฟนสาว แต่เป็น แฟนหนุ่มล่ะก็...เขาเองนั่นล่ะที่ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ตรงไหน!

                    “แล้วพรุ่งนี้นายไม่ไปเที่ยวไหนหรือไง?” เขาเปลี่ยนประเด็น

                    มาซาชิยิ้มก่อนส่ายหัวน้อยๆ “วันเศร้าของคนโสด ทำงานดีกว่าออกไปเดินตามท้องถนนให้เจ็บปวดใจนะ”

                    ใช่ว่ามาซาชิขี้เหร่หรืออะไร หมอนี่ถือว่าเป็นคนหนุ่มอนาคตไกล แถมรูปร่างหน้าตาดีในระดับหนึ่งเลยเป็นที่หมายปองของสาวๆ ทั้งในและนอกสถานี แต่ไอ้หมอนี่ก็เอาแต่ปฎิเสธไปหมด พอเขาลองถามก็บอกแค่ว่ายังไม่เจอคนที่ใช่ เล่นเอาเขาเหนื่อยใจ เพราะตราบใดที่มาซาชิยังไม่มีแฟน เจ้าตัวคงไม่รู้ว่าชอบถูกแฟนของเขาเอาชื่อมันไปเป็นประเด็นหยิบยกชวนทะเลาะบ่อยๆ

                    นารุมิมันก็นะ...ขี้หึงชิบเป๋ง ตัวมันคุณสมบัติพร้อมกว่ามาซาชิไม่รู้เท่าไหร่ แถมสาวๆ ที่มาติดก็เยอะและครบเครื่องกว่ามาซาชิไม่รู้กี่เท่า เขายังไม่เก็บเป็นประเด็นมาชวนทะเลาะเลย ไม่รู้มันจะบ้าบออะไรนักหนา ไอ้คุณชายน้ำแข็งเอ๊ย!

                    “แน่ใจนะว่าพรุ่งนี้นายจะเข้าเวรเป็นเพื่อนฉัน กว่าจะออกเวรก็ 4 ทุ่มเลยนะ แฟนนายไม่โมโหตายหรือไง?” มาซาชิยังจี้จุดไต้ตำตอของเขา สึโยชิได้แต่ถอนหายใจ

                    “ช่างเถอะ เดี๋ยวค่อยง้อทีหลัง”

                    มาซาชิยังคงเลิ่กคิ้วคล้ายจะถามว่า แน่ใจนะ?

                    จริงๆ แล้วเขาก็ไม่แน่ใจ แต่จะทำอะไรได้เล่า ได้แต่หวังว่านารุมิมันคงจะเข้าใจจริงๆ...หวังว่านะ

     

    --------------------------------------Nor Like--------------------------------------

     

                    อ่า...สงสัยคงงอนแหงๆ

                    สึโยชิเหลือบตามองนาฬิกาที่บอกเวลาบ่าย 3 โมงสลับกับมือถือที่ยังคงเงียบกริบมาตลอดวัน ทั้งๆ ที่วันนี้เป็นวันวาเลนไทน์...ปกติถ้าไม่ได้ฉลองกันหมอนั่นจะต้องโทรหา 3 เวลา แต่วันนี้กลับไม่มีสัญญาณอะไรเลย พอเขาโทรกลับไปก็เจอสายไม่ว่างบ้าง ไม่รับสายบ้าง โทรไปได้ 3-4 ครั้งเขาก็ชักไม่กล้าโทรต่อ

                    “แฟนงอนจริงๆ สินะ” มาซาชิเอ่ยถามอย่างไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นนอกจากซ้ำเติมกันซะเปล่าๆ

                    เขายีหัวตัวเองก่อนจะรับอย่างจำยอม “...น่าจะเป็นอย่างนั้น”

                    “เอาน่า นายก็เตรียมดอกไม้ช่อใหญ่ๆ แล้วคืนนี้ก็บุกไปหาถึงห้อง เชื่อเถอะ ยังไงเธอก็ใจอ่อนให้นายอยู่แล้ว คบกันมาตั้งหลายปีนี่นะ ไม่เลิกกันง่ายๆ ด้วยเรื่องแบบนี้หรอก”

                    พูดอะไรผิดไปแล้ว...

                    เขาเลิกกันง่ายๆ ด้วยเรื่องไร้สาระมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้วต่างหาก

                    สึโยชิรู้สึกเบื่อๆ ดวงตาเล็กเรียวจ้องมองกระถางบอนไซที่อุตส่าห์ซื้อมาเมื่อวันก่อนพร้อมกับหอบหิ้วมาวันนี้ด้วย เขาก็ไม่รู้หรอกว่ามันเรียกว่าต้นอะไร แต่เขาเห็นมันขนาดเล็กๆ ออกดอกสีชมพูอ่อน แถมยังตัดแต่งทำเป็นบอนไซดูแล้วน่ารักดี ถ้าเอาไปวางไว้บนโต๊ะทำงานนารุมิมันคงสดชื่น

                    แต่มันดันมางอนกันแบบนี้...เล่นเอาเขาหมดแรงไปเลย

                    มาซาชิมองตามสายตาเขา ก่อนจะหยุดลงยังกระถางดอกไม้อันน้อยที่สึโยชิวางแอบไว้ข้างโต๊ะ หมอนั่นเปรยยิ้ม “เฮ้ๆ แฟนนายไม่แก่ขนาดจะเลี้ยงบอนไซมั้ง ให้เธอจะไม่โกรธเอาเหรอ?”

                    “ไม่หรอกน่า” เขาว่าแค่ให้มันก็คงดีใจแล้ว...มั้ง

                    “ช่างเถอะ ทำงานๆ อย่าเพิ่งคิดเรื่องนั้นเลย” หมอนั่นตบไหล่เขาก่อนจะกลับห้องทำงานไป ทิ้งให้เขาจมกับกองงานด้วยสภาพเหม่อลอยเหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่าง

     

                   

     

                    หลังจากนั้นเขาก็ยุ่งหัวปั่นจนเกือบจะลืมเรื่องของนารุมิไปเลย

                    วันวาเลนไทน์แท้ๆ แต่ดันมีคดีวิ่งราว ต่อยตี ขโมยขึ้นจนเขากับมาซาชิและเพื่อนชมรมคนโสดอีก 3-4 ชีวิต ยุ่งกันจนหัวปั่น กว่าจะได้เลิกงานก็ปาไปเกือบเที่ยงคืน

                    เขาหอบข้าวของพร้อมกระถางต้นไม้เดินโสลเสลไปที่รถ มาซาชิยังไม่วายบอกสำทับให้เขาโทรไปง้อแฟนอีกที แต่พอเขาโทรไปหา ไอ้เวรนารุมินั่นดันไม่รับสาย จากที่เขารู้สึกผิดก็เปลี่ยนเป็นโมโหแทน

                    มันจะอะไรนักหนาวะ!

                    เขาเปิดรถก่อนจะโยนของทุกอย่างไว้ข้างหลัง ยกเว้นเจ้ากระถางต้นไม้นั่นที่เขาให้สิทธิพิเศษมันมาไว้เบาะข้างรถ ยังไม่ทันจะออกรถเจ้ามาซาชิดันวิ่งกระเซอะกระเซิงมาบอกว่าขอติดรถกลับด้วย เขาก็เออออไม่ได้ว่าอะไร แค่ไหว้วานให้มันอุ้มเจ้ากระถางเพื่อนยากไว้ให้ด้วย

                    “นายไม่ไปง้อแฟนจริงอ่ะ?” ไม่รู้มันจะอะไรกับแฟนเขานักหนา เขาได้แต่งึมงำตอบ

                    “พรุ่งนี้แล้วกัน” อย่างน้อยพรุ่งนี้ก็วันหยุด เขาจะบุกไปง้อมันถึงบ้าน ถ้ายังไม่ใจอ่อนอีกเขาก็จนปัญญาแล้ว

                    “แฟนนายสวยไหม?”

                    คำถามนี้เล่นเอาเขากรอกตา พยายามนึกหาคำบรรยายดีๆ “เป็นคนหน้าตาดีน่ะ” เขาไม่ได้โกหกสักหน่อย แค่บอกไม่หมดว่ามันหล่อบัดซบแบบที่เอาเขากับมาซาชิรวมกันก็หล่อไม่เท่าไอ้เวรนั่นหรอก

                    “เฮ้ย!

                    จู่ๆ ก็มีรถคันสีดำแล่นปราดมาตัดหน้า เขาที่มัวแต่เหม่อกระทืบเบรกสุดแรง รถเบรกดังเอี๊ยดดดด! ยังดีที่เขาเพิ่งหักพวงมาลัยออกจากสถานีเลยขับไม่เร็วมากเลยเบรกได้ทัน ไม่งั้นคงได้ชนรถคันนั้นไปแล้ว!

                    เขาขมวดคิ้ว บีบแตรไล่อย่างโมโห แต่ไอ้รถคันนั้นก็ยังคงจอดนิ่งๆ ไม่มีทีท่าว่าจะขับจากไป สึโยชิที่อารมณ์โกรธกรุ่นสบถพำ ตวัดมองทะเบียนรถ...ก่อนจะชะงัก

                    เฮ้ยๆ อย่าบอกนะว่า...

                    สมองเขาว่างเปล่าเมื่อเห็นร่างสูงของใครบางคนเปิดประตูออกมาจากฝั่งคนขับ หมอนั่นอยู่ในชุดโค้ทยาวดูมีสง่าราศีแบท่านประธานบริษัทไหนสักแห่งกึ่งๆ กับเจ้าพ่อมาเฟียบอกไม่ถูก ดวงตาเรียวรีคมกริบมองผ่านกระจกเข้ามาจ้องตาเขาที่นั่งแข็งทื่อเป็นท่อนไม้ ก่อนจะกระดิกนิ้วสไตล์คุณหนูเอาแต่ใจที่ถูกสปอยล์จนเคยตัว

                    “...นายรู้จัก?”

                    “อืม” เขางึมงำเมื่อหาเสียงตัวเองเจอ ปลดเข็มขัดนิรภัยก่อนจะเดินออกไปหาเจ้าคุณชายที่ยืนรออยู่บนฟุตบาท โดยที่มีมาซาชิเดินตามมาด้วยติดๆ

                    เขาร้อนๆ หนาวๆ เมื่อเห็นสายตาเย็นเยียบทีมองเขาที สลับกับมาซาชิที “เลิกงานแล้วทำไมยังไปด้วยกันอีก?”

                    “รถมาซาชิเสียน่ะ” เขารีบพูด คล้ายกับกำลังร้อนตัวทั้งที่มันก็เป็นความจริงเมื่อเห็นหมอนั่นเลิ่กคิ้ว ดวงตาหรี่ลงคล้ายจับผิด

                    “บังเอิญจังนะ”

                    ไอ้ขี้ประชดเอ๊ย!

                    “แค่ไปส่ง เดี๋ยวก็กลับบ้านแล้ว” เขาพูดรัวเร็ว ส่งยิ้มแหยๆ ให้คุณชายน้ำแข็งที่ยังคงทำหน้ามึนตึง

                    “ไม่คิดจะไปหาฉัน?”

                    “ก็กะว่าจะไปพรุ่งนี้ กลัวนายนอนแล้วจะไปกวน”

                    “มีสักครั้งหรือไงที่นายไปหาแล้วฉันบอกว่านายไปกวน?” นารุมิพูดเสียงเย็น เขากลืนน้ำลายก่อนจะสั่นหัวดิก โหมดนี้ของนารุมิรับมือยากชะมัด...แถมพอมันเข้าโหมดนี้ทีไรแสดงว่าโกรธสุดๆ ทุกที

                     “ใครน่ะ แนะนำหน่อยสิ?” มาซาชิเอ่ยขึ้นมาหลังจากที่พวกเขาเงียบกันไปสักพัก มันคงอยากจะสร้างบรรยากาศให้ดีขึ้นแต่ช่างไม่รู้เอาเสียเลยว่าแทรกได้โคตรผิดเวลา

                    สึโยชิอึกอัก มองหน้านิ่งขึงของนารุมิแล้วกลืนน้ำลาย เขาก็อยากตอบว่าเพื่อนหรอก...แต่ขืนตอบแบบนั้นไป นารุมิมันได้โมโหกว่าเดิมแน่ การเอาตัวไปขวางพายุน้ำแข็ง ไม่ต้องทำนายสึโยชิก็เดาได้ว่าตัวเองต้องศพไม่สวยแหงๆ

                    “เอ่อ...” เขาพยายามหาคำพูดดีๆ

                    “แฟน คนรัก เลือกเอาว่าจะเรียกแบบไหน” อันนี้สึโยชิไม่ได้ตอบแต่เป็นเสียงเย็นๆ ของนารุมิ หมอนั่นจ้องมาซาชิเขม็ง ในขณะที่มาซาชิตาโต มองนารุมิอย่างไม่อยากจะเชื่อ

                    “เอ๊ะ!? แฟน แฟนใคร?”

                    มาซาชิส่งสายตาเป็นคำถามมายังเขาที่ก้มหน้ามองปลายเท้าตัวเองก่อนงึมงำ “แฟนฉันเอง...”

                    “แฟนนาย?! ไหนว่าเป็นแฟนสาวผู้ร่ำรวยไง?!

                    “ฉันไม่เคยพูดสักคำ” เขายังคงงึมงำตอบ

                    เหลือบมองนารุมิ ก็ยังเห็นมันทำหน้าราบเรียบ หากดวงตาปรากฏวี่แววพอใจขึ้นมาบางๆ สึโยชิลอบถอนหายใจหน่อยๆ ก็ดีที่เขายอมรับ...อย่างน้อยก็ไม่ทำให้นารุมิโกรธกว่าเดิม ไม่งั้นเขาคงจนปัญญา หาวิธีง้อดีๆ ไม่ออกนอกจากเอาตัวเข้าแลก

                    มาซาชิยังคงจ้องนารุมิราวกับมองเรื่องแปลกประหลาดมหัศจรรย์ของโลก “แฟนนายหล่อชะมัด แต่ว่าฉันคุ้นหน้าแฟนนายอยู่นะ...” มาซาชินิ่งนึกก่อนจะตาโตกว่าเดิม “เฮ้ย! นี่มันคุณชายตระกูลคาวามูระนี่หว่า! โอ้โห มีแฟนเป็นคนดังไม่เห็นเคยบอกเพื่อนฝูงเลย”

                    นารุมิมองมาซาชิก่อนทำสีหน้าเหมือนมองคนบ้า ดวงตาคมกริบตวัดมองสึโยชิที่สะดุ้งเฮือก “ขึ้นรถ”

                    “รถไหน?” เขาถามอัตโนมัติ แต่นารุมิกลับทำหน้าเหมือนเขาถามคำถามโง่ๆ

                    “รถฉัน”

                    “อ้าว แล้วรถฉันล่ะ?”

                    “ก็ให้เพื่อนนายขับไป เดี๋ยวไปเอาวันหลัง ขึ้นรถ” คำสั่งเด็ดขาดก่อนเจ้าตัวจะสะบัดตูดขึ้นไปนั่งฝั่งคนขับเล่นเอาสึโยชิไม่กล้าถามซ้ำ ได้แต่วิ่งรี่ไปเอากระเป๋า ก่อนจะขอกระถางที่มาซาชิอุ้มไว้แล้วกุลีกุจอขึ้นรถนารุมิไปอย่างไม่กล้าชักช้า

                    ทันทีที่เขาขึ้นรถแล้วคาดเข็มขัดเรียบร้อยหมอนั่นก็เหยียบคันเร่งจนสึโยชินึกว่าอยู่ในสนามแข่ง เขาแทบตาเหลือก ก่อนจะเหลียวมองคุณชายคาวามูระที่ยังทำหน้าตาย

                    “เฮ้ยๆ นารุมิ ลืมไปรึเปล่าว่าฉันเป็นตำรวจนะ ขับก็...”

                    “เงียบ”

                    พอหมอนั่นพูดเพียงคำเดียวเขาก็หุบปาก แล้วกอดกระถางบอนไซแน่นขึ้น

                    นารุมิปรายหางตามามอง เขาเห็นแว่บๆ ว่ามันจ้องกระถางบอนไซเขม็ง น้ำเสียงต่อมาเลยเย็นเยียบยิ่งกว่า “ต้นไม้นั่น...ใครให้มา”

                    สึโยชินิ่งอึ้ง ก่อนจะเม้มริมฝีปากนิดๆ

                    “เปล่า”

                    “หมายความว่าไงเปล่า? น้ำหน้าอย่างนายจะซื้อไปปลูก?”

                    เขาชักจะเริ่มโมโหขึ้นมานิดๆ เมื่อฟังจบ เสียงที่ตอบกลับเลยติดจะห้วน “น้ำหน้าอย่างฉันไม่ซื้อไปปลูกหรอก แต่ซื้อให้น้ำหน้าอย่างคนบางคนที่แม่งโคตรงี่เง่า”

                    ลมหายใจนารุมิสะดุด ก่อนความเร็วของลดจะผ่อนลงช้าๆ ท่ามกลางความเงียบที่โรยตัวลงมา

                    “...ซื้อให้ฉัน?” หมอนั่นทำเสียงเหมือนไม่อยากเชื่อ

                    เขาอยากจะประชดต่อหรอก แต่พอนึกขึ้นได้ว่าวันนี้ก็วันแห่งความรัก จะทะเลาะกันไปก็หงุดหงิดกันซะเปล่าๆ เลยพยักหน้า “สุขสันต์วันวาเลนไทน์นะนารุมิ”

                    ใบหน้าแข็งทื่อของนารุมิมลายหายไปก่อนจะแทนที่ด้วยรอยยิ้มกว้าง คล้ายจะนานแล้ว...ที่เขาไม่เห็นมันยิ้มอย่างนี้ ในอกเลยพองๆ ฟูๆ นึกดีใจที่ตนเองตัดสินใจถูกที่พูดความจริงแทนที่จะชวนทะเลาะ

                    “...ขอบคุณ” นารุมิเอ่ยรับ ดวงตาคมเป็นประกายพราวจนเขานึกเขินขึ้นมาดื้อๆ เลยกระแอมกระไอน้อยๆ “ของฉัน...ไปเอาที่ห้องแล้วกัน”

                    “อืม...” สึโยชิไม่นึกแปลกใจหรอก เพราะยังไงนารุมิมันก็เตรียมให้เขาทุกปีต่างกับตัวเองที่เตรียมมั่งลืมมั่ง

                    แต่เอาเถอะ...

                    สึโยชิคิดในใจ

                    ต่อจากนี้เขาจะพยายามเป็นแฟนที่ดีแล้วกัน...

     

    จบ!

     

     

    ต่ออีกนิดละกัน...

     

     

     

                    ไอ้นารุมิ...ไอ้ขี้โกหก!

                    ของขวัญอะไรของมัน พอมาถึงห้องมันก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง เข้ามานัวเนียจากนั้นก็จัดหนักลากยาวจนสึโยชิแทบฟ้าเหลือง นี่คือของขวัญของมันหรือไง?!

                    เขาขยับตัวลุกขึ้นนั่งก่อนจะนิ่วหน้า สะโพกปวดระบมไปหมด ดังนั้นเมื่อเห็นนารุมิที่หน้าตาสดชื่นผ่องใสเดินกลับเข้ามาในห้องพร้อมกระเป๋าสีดำและถุงใบใหญ่อีกใบ มันเลยยิ่งขวางหูขวางตา

                    “นี่ของขวัญวาเลนไทน์ของนาย” นารุมิพูดพลางวางกระเป๋าสีดำและถึงสีเข้มลงมาตรงหน้าเขา

                    แม้จะหงุดหงิด แต่ความอยากรู้อยากเห็นมีมากกว่า สึโยชิเลยมองอีกฝ่ายตาขวางก่อนจะคว้าถุงมาเปิดก่อน หลังจากนั้นก็...

                    อึ้ง...

                    เขาใบ้กิน...

                    มองของในถุงสลับกับนารุมิ ก่อนจะกระพริบตา “นี่อะไร?” เขาชี้ไปที่ในถุง

                    นารุมิเลิ่กคิ้ว ก่อนยิ้มบางๆ ที่มุมปาก “เสื้อเกราะกันกระสุนรุ่นใหม่ไงล่ะ คุณตำรวจ”

                    เขารู้ว่ามันคือเสื้อเกราะกันกระสุน แต่ที่ถามนี่คือ...อย่าบอกนะว่า

                    มันให้เสื้อเกราะเขาเป็นของขวัญวันวาเลนไทน์?

                    สึโยชิก้มมองกระเป๋าสีดำอย่างหวาดผวา ก่อนจะกลั้นใจเปิดมันขึ้นมา แล้วใบ้กินอีกรอบเมื่อเห็นปืนรุ่นใหม่เอี่ยม 3 กระบอกนอนนิ่งอยู่ในนั้น

                    “พวกนี้ปืนรุ่นล่าสุด ระยะหวังผลใช้ได้ แถมแรงถีบไม่มาก อย่างนายคงกะระยะยิงได้แม่นกว่ากระบอกเก่า แถมอัตราการโหลดกว่าไวกว่า ยิงต่อเนื่องได้ดีกว่ารุ่นอื่นๆ” นารุมิบรรยายสรรพคุณต่ออย่างสนุกปาก “จริงๆ ฉันอยากจะซื้อไรเฟิลให้ แต่พวกชอบใช้กำลังอย่างนายคงไม่ใช้ งั้นเอาพวกนี้ไปดีกว่า”

                    สึโยชิคล้ายสมองไม่สั่งการ เขามองปืน สลับกับชุดเกราะ แล้วมองหน้าของคุณชายคาวามูระที่ยังคงเรียบเฉย ไม่มีแววล้อเล่นแต่อย่างใด

                    “อ้อ ลืมไปอีกอย่าง...” นารุมิเอ่ยเรียบๆ ก่อนจะหยิบนามบัตรสีขาวออกมาจากกระเป๋า “นี่เป็นเบอร์โทรของมือดีของฉันเอง ถ้าคิดว่าไม่ไหวก็โทรไปเรียกพวกนี้มาได้ พวกนี้ฝีมือดี แถมจัดการได้ไร้ร่องรอย ไม่ต้องกังวล”

                    “ฉันเป็นตำรวจนะโว้ย!” เขารู้สึกอึ้งจนหงุดหงิด ได้แต่มองหน้านารุมินิ่ง นี่มันทำงานหนักจนเพี้ยนไปแล้วรึไงฟะ!

                    “เพราะนายเป็นตำรวจไงล่ะฉันถึงให้ของพวกนี้” นารุมิเอ่ยเรียบๆ ไม่มีร่องรอยของการประชด “พกไว้เถอะ ถ้านายไม่รับฉันจะทำให้เรื่องมันเอิกเกริกกว่านี้ หรืออยากให้ทำแบบนั้น?”

                    สึโยชิรู้...อย่างนารุมิไม่เคยขู่ มันทำจริงตลอด และเขาก็ไม่กล้าลองเสี่ยงด้วย

                    นารุมิมองตาเขานิ่งๆ ใบหน้าหล่อเหลาฉายแววจริงจังปนๆ กับรักใคร่ห่วงใย มันคงเห็นว่าเขาไม่ค่อยพอใจเลยถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนจะปรับน้ำเสียงให้นุ่มลง

                    “นายรู้ใช่ไหม...ว่าฉันเป็นห่วง” มันพูดพลางเกลี่ยผมที่ปรกหน้าผากเขาเบาๆ น้ำเสียงอ่อนโยนของนารุมิ...ที่เขามักพ่ายแพ้เสมอก็ทำให้อารมณ์เขาอ่อนลงได้เช่นทุกครั้ง

                    “แต่ว่า...”

                    “ใช้ซะ...” นารุมิพูดเสียงนิ่ง ก่อนจะก้มลงจูบกลางหน้าผากเขาเบาๆ ก่อนจะเลื่อนริมฝีปากลงมาที่แขนขวาอันเปลือยเปล่า ดวงตาคมวาวมองรอยแผลจางๆ แล้วกดริมฝีปากลงไปแผ่วผิว “...แล้วอย่าบาดเจ็บกลับมาอีก”

                    “...อืม”

                    ในที่สุดเขาก็ใจอ่อน เมื่อเห็นแววตาของนารุมิที่ยังคงเกลี่ยแผลเป็นที่แขนเขาเบาๆ

                    สึโยชิรู้ดี...ว่านารุมิไม่อยากให้เขาเป็นตำรวจ หมอนั่นกลัวเขาเป็นอะไรไปยิงกว่าอะไรทั้งนั้น เขายังจำได้ว่าเมื่อไม่กี่เดือนก่อนที่เขาโดนยิงกลับมา แม้จะแค่ที่แขน แต่นารุมิกลับทำเหมือนมันเป็นเรื่องใหญ่  นานมากแล้วที่เขาไม่ได้เห็นสีหน้าลนลานทำอะไรไม่ถูกของคุณชายคาวามูระ หมอนั่นวิ่งกระเซอะกระเซิงมาหาเขาที่โรงพยาบาลอย่างหมดมาด ก่อนจะดึงเข้าไปกอดแน่นเมื่อเห็นว่าเขาไม่เป็นไรมาก จนเขาต้องเป็นฝ่ายลูบหลังปลอบใจมันทีทำหน้าเหมือนกับจะร้องไห้เป็นเด็กๆ

                    “ฉันรักนายนะ สึโยชิ” นารุมิรวบเขาไปกอดทั้งตัว ก่อนจะพึมพำเบาๆ และเรียกให้สึโยชิหลุดจากภวังค์ความคิด เขากอดตอบ ก่อนจะซบหน้าลงกับไหล่กว้างที่เขารู้ดีว่ามันเข้มแข็งและอบอุ่นแค่ไหน

                    “อืม เหมือนกัน...”

                    นานมากแล้วที่พวกเขาไม่ได้พูดคำหวานๆ ให้กัน...แต่ทุกคำเขากลั่นมันออกมาจากใจเสมอ

                    “...ขอบคุณที่ยังอยู่ด้วยกันจนถึงวันนี้นะ”

                    ขอบคุณนะนารุมิ...นายเป็นของขวัญที่ดีที่สุดที่ฉันเคยได้รับมาเลย...

     

    ----จบจริงๆ----







    อู฿ยยยยยยยยยยย ไม่ได้เขียนเรื่องนี้นานนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนอัพฉลองรีปริ้นรอบที่สามค่ะ ใครยังไม่ได้จับ ไม่ได้จอง อย่าลืมหามาเป้นเจ้าของนะคะ ฮิอิ

    รายละเอียดจ้ะ

    อ่านเพิ่มเติมได้ที่

    http://nabushop.lnwshop.com/category/2/%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%88%E0%B8%AD%E0%B8%87-twins-sotus-nor-like-%E0%B9%82%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%83%E0%B8%99-16-%E0%B8%A1%E0%B8%B5-%E0%B8%84-%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%87-25-%E0%B8%A1%E0%B8%B5-%E0%B8%84


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×