ลำดับตอนที่ #43
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #43 : [Nor Like Special]Destiny or Deathiny? 4
4
Destiny or Deathiny?
“กรี๊ด สึกิจัง หยุดๆ!”มิอุโหยหวนเมื่อร่างในชุดกิโมโนสีฟ้าสว่างกำลังไล่เตะตากล้องอย่างเอาเป็นเอาตาย ใบหน้าขาวซีดขึ้นสีจัดด้วยความโมโหก่อนจะดุ่มๆ ไปยังกล้องราคาแพงพลางถลกชายกิโมโนขึ้น
“พอแค่นั้นล่ะ!”อากิระช้อนร่างที่กำลังจะฝากรอยเท้าแสนงามบนหน้าจอได้แบบฉิวเฉียด เขาโอบร่างผอมที่ดิ้นเหมือนคลุ้มคลั่งพลางระบายลมหายใจอย่างหงุดหงิด “ถ้านายทำอะไรเสียหายอีกฉันจะไม่ไปกับนายแล้วนะ”
ได้ผล! มิสึกิชะงัก ริมฝีปากที่ถูกตกแต่งไว้ด้วยเครื่องสำอางค์เม้มแน่น นัยน์ตากลมโตลุกโชนขณะตวัดมองคุณชายเล็กคาวามูระที่ยังทำหน้าไม่รู้สึกรู้สา
“สึกิจัง... อย่าทำอย่างนี้อีกนะจ้ะ”มิอุยิ้มเครียดก่อนจะบุ้ยใบ้ให้เมคอัพมาตกแต่งใบหน้าที่เครื่องสำอางค์เริ่มเลือนลางจนเกือบหาย คนโดนแต่งหน้าทำท่าเหมือนโดนบังคับกินยาขมแต่ก็จำยอมนั่งนิ่งๆ เนื่องจากคนขู่เขามันถือไพ่เหนือกว่า
แต่อีกไม่นานหรอก!
มิสึกิอยากกัดลิ้นตายเมื่อก้มลงมองกิโมโนที่สวมประดับร่าง แค่ต้องใส่สีที่มันไม่ใช่สีดำนี่ก็แย่พออยู่แล้วแถมต้องเอาหน้าตามาโชว์ชาวบ้าน! ยิ่งคิดยิ่งหงุดหงิด! ยังดีที่มิอุยอมทำตามที่เขาขอโดยใช้ชื่อปลอม แต่ทำไมต้องเป็นสึกิ!
มันฟังดูแต๋วจนน่าโมโห!
“ขืนนายไม่เลิกทำหน้าเหมือนพยายามสาปแช่งแบบนี้...ชาติไหนจะถ่ายเสร็จ?”อากิระยื่นหน้าไปใกล้คนที่ขึงตาใส่ ริมฝีปากบางระบายยิ้มหวาน “นี่แค่ถ่ายแบบเองนะ ยังไม่ได้เริ่มโฆษณาเลยด้วยซ้ำ”
มิสึกิทำหน้าเหมือนโลกถล่มทับ พลางขมุบขมิบอะไรงึมงำแล้วเคาะนิ้วเป็นจังหวะ
พิธีกรรมพิลึกๆ อีกแล้วสิท่า...
อากิระลอบยิ้มพลางเอนกายพิงผนักแล้วจ้องนิ่งๆ ไปยังมิสึกิที่ยังขมุบขมิบไม่หยุดปาก ...สงสัยจะสาปแช่งเขาอีกแหง... ความคิดที่ยิ่งเรียกรอยยิ้มให้กว้างขึ้น ...หมอนั่นไม่เฉลียวใจบ้างเลยรึไงนะว่าถ้าคำแช่งได้ผล เขาคงไม่มานั่งหัวโด่อยู่อย่างนี้!
“อากิจังงงงงง”มิอุโถมกายเข้าใส่อากิระที่อ้าแขนรับ พี่สาวคนสวยของเขาท่าทางจะเหนื่อยพอดู “ทำไงดี โปสเตอร์ยังไม่ได้ช็อตดีๆ เลยอ่า”
“ก็ถ่ายโฆษณาก่อนสิ เหลือนิดเดียวไม่ใช่เหรอ?”มิอุพยักหน้ารับ
“แต่ว่า....”ว่าแล้วก็บุ้ยใบ้ไปยังมิสึกิ “ขนาดภาพนิ่งยังไม่รอดเลย...แล้วโฆษณาจะไหวเหรอ?”
“ไม่แน่หรอก ดูบทแล้วก็ง่ายกว่าตั้งเยอะ”
“แต่ว่าต้องส่งอารมณ์ผ่านทางดวงตา...ประมาณว่ารักแรกพบประมาณนั้น จะรอดเหรอ?”
มิอุยิงถูกประเด็นจนอากิระหัวเราะพรืด จริงด้วยสินะ คอนเซ็ปต์ของน้ำหอมนี้คือความแตกต่างที่ลงตัว ถึงจะเปลี่ยนไปนิดหน่อยเพราะใช้มิสึกิแทนพี่นารุมิ เลยให้ตัวแทนความเย็นให้ดูกึ่งๆ เพศ มีเสน่ห์ลึกลับ แต่เขาว่ามันไม่ค่อยจะกึ่งเพศเท่าไหร่
กึ่งผีกึ่งคนมากกว่า!
“ไม่ลองไม่รู้หรอกน่า...”เด็กหนุ่มยิ้มให้ความมั่นใจ เขารู้ว่าพี่สาวเขาทุ่มให้กับงานชิ้นนี้มาก ตัวเขาก็พยายามอย่างเต็มที่เช่นเดียวกัน โฆษณาของน้ำหอมตัวหน้าร้อนก็เสร็จไปเกินครึ่งแล้ว เขาลงทุนขนาดยอมโดนทึ้งกลางรถไฟเพื่อให้มันออกมาสมบูรณ์สมจริง จะมาพังตรงนี้ไม่ได้เด็ดขาด!
เขาจ้องนิ่งไปยังใบหน้าของมิสึกิ... ใบหน้าเรียวเล็กก็ดูน่ารักดี ให้ความรู้สึกลึกลับน่าค้นหา ถ้าอยู่นิ่งๆ ไม่พูดไม่จาก็คงจะดีอยู่หรอก...
ว่าแล้วคุณชายเล็กคาวามูระก็ขยับยิ้มเมื่อความคิดบางอย่างแว่บเข้ามาในสมอง
“ที่นายบอกให้ฉันไปด้วย...เมื่อไหร่นะ?”เขาเดินไปกระซิบถามมิสึกิที่ริมหู ร่างนั้นสะดุ้งเฮือกก่อนจะตวัดมองตาขวาง
“มะรืนนี้!”
“อืมมม”เด็กหนุ่มลากเสียงยาว แสร้งถอนหายใจหนักๆ “ฉันกลัวว่าจะไปไม่ได้แล้วน่ะสิ...”
“ทำไม!”มิสึกิลุกพรวด อากิระตีสีหน้าเจ็บปวด
“ก็งานมันไม่เสร็จ...สงสัยมิอุจะไม่ยอมปล่อยไปน่ะ...”
ใบหน้าขาวซีดเปลี่ยนสีอย่างรวดเร็ว นัยน์ตากลมสวยลุกโชน อากิระกลั้นขำสุดชีวิต “ทั้งๆ ที่เหลืออีกนิดเดียวแท้ๆ มิอุบอกว่าขอตัวโฆษณาก็ยังดี...”
“แค่ถ่ายให้เสร็จก็โอเคใช่ไหม!”
“ต้องออกมาให้ดีด้วยน่ะสิ...”อากิระตีหน้าเครียด เขาซุกหน้าลงกับฝ่ามือ กลั้นหัวเราะจนตัวสั่นเทิ้ม “ทั้งๆ ที่ฉันไม่อยากผิดสัญญาเลยแท้ๆ...”
มิสึกิอยากจะเอาหัวโหม่งโลกให้มันตายไปเลย! เขาจำได้ว่าอาละวาดไปมากแค่ไหนตอนที่มีคนเอาบทโฆษณามาให้ มันเป็นอะไรที่ ‘น่าขยะแขยง’ ที่สุดในชีวิต! ให้ตกหลุมรักไอ้บ้านี่เนี่ยนะ! เอามีดมาเชือดเขาทิ้งเลยดีกว่า!
แต่ไม่มีทางเลือกอีกแล้ว...
“ก็ได้...ฉันจะพยายาม!”มิสึกิกลั้นใจตอบ อากิระลอบยิ้มกับฝ่ามือก่อนจะเงยหน้าขึ้นด้วยท่าทางเศร้าสร้อย
“ขอบคุณมาก...”เขายิ้มหวานพลางผุดลุกขึ้น
ปลาติดเบ็ดง่ายดายเกินคาด!
~~~ Death + Destiny ~~~
“คัททททททททททท”ผู้กำกับร้องลั่นเมื่อมิสึกิถอดรองเท้าเขวี้ยงใส่อากิระที่เบี่ยงตัวหลบได้เฉียดฉิว ชายหนุ่มยิ้มเครียด รีบเรียกหายาแก้ปวดหัวเป็นพัลวัน
“สึกิจัง! ขอเถอะ! แค่มองหวานๆ เองนะ เราถ่ายช็อตนี้มา 2 วันแล้ว”
มิสึกิเม้มปากแน่น เดินไปเก็บรองเท้าด้วยความหงุดหงิดแล้วใส่ไปส่งๆ
แค่เขาต้องทนมองหน้ามันก็จะบ้าตายแล้วให้ส่งตาหวาน! แค่ไม่เอามีดไปกะซวกก็บุญเท่าไหร่แล้ววะ!
“วันนี้แล้วนะ...”เสียงกระซิบบอกริมหู มิสึกิขึงตาตอบ
เด็กหนุ่มไม่รู้จะทำยังไงต่อไปดีแล้ว จะให้มองตาก็ยากอีก แต่ถ้าไม่เสร็จวันนี้หมอนั่นก็ไม่ยอมไป พิธีต้องล้มเลิก...เหลือทางสุดท้าย...
สะกดจิตตัวเอง!
ไวเท่าความคิด เด็กหนุ่มรีบวิ่งไปยังกระเป๋าใบเก่งแล้วควักนาฬิกาทรงกะโหลกออกมา สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วเริ่ม...แกว่ง...
“รัก...รัก...รัก...”มิสึกิเอ่ยอย่างเลื่อนลอย นัยน์ตากลมสวยตวัดตามการเคลื่อนไหวของนาฬิกาและไม่แคร์สายตาใครทั้งสิ้น ผู้กำกับอัดยาแก้ปวดหัวหนักๆ ในขณะที่อากิระหัวเราะจนปวดท้อง
คิดได้ยังไงเนี่ย!
“เอ้า...ที่รัก พร้อมรึยัง?”อากิระเริ่มเออออเมื่อเห็นว่าฝ่ายนั้นนั่งสะกดจิตตัวเองมาได้พักหนึ่ง มือเรียวตะปบนาฬิกาให้หยุดแกว่ง “ถ่ายต่อเถอะ... เดี๋ยวไม่เสร็จนะ”
“อือ...”มิสึกิรับในลำคอ โลกทั้งโลกหมุนคว้าง แล้วเพียงยืดกายขึ้นแข้งขาก็อ่อนเปลี้ยเกินกว่าจะทรงตัว
“ไหวรึเปล่า?”อากิระประคองร่างมิสึกิไว้ในอ้อมกอด อีกฝ่ายสูดลมหายใจลึก พยักหน้ารับอย่างจำยอม
“ไหว...”หากเสียงที่ตอยรับกลับแหบพร่า เรียกให้ใจของเด็กหนุ่มเต้นไม่เป็นส่ำ
หรือจะสะกดจิตได้ผลจริงๆ
“เอาล่ะ 3 2 1 เริ่ม!”
อากิระเดินอย่างสบายๆ ไปตามทางที่คุ้นเคย ตามบทเขาต้องเดินเรื่อยเปื่อยและไม่สังเกตเห็นมิสึกิ...แต่ดูเหมือนตอนนี้จะทำยากเหลือเกิน เพราะเจ้าตัวดีที่เดินมาจากอีกฝากดูไร้เรี่ยวแรงชอบกล
ในเสี้ยวเวลาที่เดินผ่าน ร่างสูงก้มลงมองเรือนร่างในชุดกิโมโนที่ช้อนขึ้น ..พลันหัวใจก็เต้นระรัวเกินระงับ... นัยน์ตากลมโตที่ช้อนมองเปล่งประกายดั่งดวงดาว ริมฝีปากสีสดเผยอขึ้นราวยั่วเย้า อากิระตกใจแทบสิ้นสติเมื่อร่างนั้นทรุดฮวบลงในอ้อมกอด ปลายนิ้วสวยยกขึ้นไล้หน้าเขาที่ขึ้นสีก่ำ...
“คัทททททท สุดยอดมาก!”ผู้กำกำกับหัวเราะลั่นปลุกอากิระจากห้วงภวังค์ เขาพยายามดันร่างหอมๆ ในอ้อมกอดออก แต่ว่า
โอ้กกกก!
ท่ามกลางความตื่นตะลึง มิสึกิก็ขย้อนของเก่ารดเสื้อผ้าของอากิระ ปลุกเด็กหนุ่มจากห้วงฝันได้อย่างร้ายกาจที่สุด!
อากิระนั่งหงุดหงิดไปตลอดทางกลับบ้าน โกรธที่สุดคงจะเป็นตัวเองที่เผลอหวั่นไหวไปกับไอ้คนข้างๆ น่าสมเพชชะมัด!
“นายต้องทำตามสัญญาด้วย ห้ามลืม!”ร่างในชุดคลุมสีดำย้ำแม้สภาพจะร่อแร่พอดู ผ้าขนหนูชุบน้ำผืนบางแปะอยู่บนศีรษะ “เดี๋ยวเลี้ยวขวาแยกข้างหน้าแล้วจอดที่ตึกที่สามก็ถึง”
อากิระเลี้ยวตามคำสั่ง เขาเลี้ยวเข้าไปจอดรถอยู่ในตึกหลังหนึ่งก่อนจะเดินตามมิสึกิขึ้นไปยังชั้น 2 ของอาคาร ระบายลมหายใจหนักๆ เมื่อรู้สึกถึงสายตาของคนที่เดินผ่าน
เพิ่งเริ่มรู้สึก เขาอาจจะคิดผิดก็ได้ที่ยอมทำตาม...
“นายอยากให้ฉันมาที่นี่ทำไม?”
“ถึงแล้ว”มิสึกิบอกแทนคำตอบ อากิระรู้สึกเหมือนน้ำเสียงนั้นสะใจเล็กน้อย
หมอนั่นพาเขาเข้ามาในห้องรับรองขนาดเล็ก ในห้องมีคนนั่งรออยู่ 2-3 คน แต่ละคนอยู่ในชุดสูททำงานแบบพนักงานบริษัททั่วไป อากิระขมวดคิ้ว
“เป็นเกียรติจริงๆ คาวามูระ อากิระคุง! นั่งก่อนสินั่งก่อน”หนึ่งในนั้นกระวีกระวาดเรียกเขาเข้าไปนั่งบนโซฟา “ดื่มน้ำก่อน เพิ่งมาถึงเหนื่อยๆ”
อากิระโค้งเล็กน้อยก่อนจะดื่มน้ำตามมรรยาท นัยน์ตาคมสวยกวาดไปรอบๆ รู้สึกแปลกๆ ที่สายตานั้นมองเขาเหมือนประเมินราคา...
“ตกลง...ผม ต้องทำอะไรครับ?”อากิระลืมถามมิสึกิไปสนิทว่าเรียกเขามาทำอะไร เพราะเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นไม่หยุดไม่หย่อนบวกกับต้องการไล่ต้อนคนชวนด้วย
“อ้าว...มิสึกิคุงไม่ได้บอกเหรอ?”ฟังๆ แล้วคำถามนั้นดูเจ้าเล่ห์ยังไงไม่รู้... อากิระขมวดคิ้ว ชักสังหรณ์ยังไงไม่รู้ ไม่ใช่ว่าไอ้หมอนี่...
“นายสัญญาแล้วนะคาวามูระ อากิระ...มาเป็นเหยื่อบูชายัญให้ฉันซะดีๆ!”มิสึกิประกาศกร้าว อากิระเบิกตากว้าง เขาเตรียมลุกพรวดหากสมองกลับเริ่มหมุนคว้าง หรือว่า...
“บัดซบ!”ร่างสูงสบถ เขาโดนวางยาในน้ำ! ไม่น่าชะล่าใจเลย!
“นาย...”ปลายนิ้วเรียวยกขึ้นชี้หน้ามิสึกิ เปลือกตาและทั้งร่างหนักเหมือนถูกถ่วง เด็กหนุ่มกัดฟันกรอด
แค้นนี้ต้องชำระแน่!
~~~ Death + Destiny ~~~
“อือ...”
แพขนตาหนากระพริบถี่ๆ เขารู้สึกถึงสัมผัสเย็นเฉียบบริเวณข้อมือและข้อเท้า แล้วเพียงขยับเบาๆ ก็เกิดเสียงคล้ายโซ่หนาเสียดสีกับพื้นหิน คิ้วสวยขมวดเข้าหากัน พยายามฝืนลืมตาขึ้นแล้วก็แทบไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น
ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ในห้องเดิมอีกแล้ว... แต่เป็นห้องใต้ดินที่ไหนสักแห่ง ประตูเหล็กบานใหญ่ยักษ์อยู่ผนังฝั่งตรงข้าม มีผู้คุมในชุดดำตัวใหญ่สองคนยืนเฝ้าราวกับสุนัขเฝ้ายาม ทั้งห้องมีเพียงแสงสลัวเลือนรางหากก็พอให้มองเห็นกลุ่มคนเกือบสิบคนที่ยืนจ้องมาทางเขาด้วยแววตากระหายอยาก...
นี่มัน...เลวร้ายสุดๆ...
อากิระลองขยับแขนขาแล้วก็เป็นดังคาด... เขาถูกล่ามด้วยโซ่หนาในท่าทางที่นั่งอยู่บนบัลลังก์หิน สัมผัสบริเวณคอคงจะเป็นปลอกหนัง ท่อนบนเปลือยเปล่าถูกขีดเขียนด้วยสัญลักษณ์แปลกๆ ทั่วแผ่นอกและลามไปถึงหน้าท้องแกร่ง เบื้องล่างถูกคลุมด้วยหนังสัตว์สีน้ำตาลหม่นผ่าลึกถึงต้นขาเรียว แขนและขาทั้งสองถูกวาดด้วยสัญลักษณ์แปลกตา ...ถ้าไม่ได้อยู่ในสภาพนี้เขาคงจะชื่นชมกับรอยสลักพวกนี้ล่ะนะ
“งดงามจริงๆ”หนึ่งในกลุ่มด้านล่างพูดด้วยเสียงแหบพร่า อากิระจำได้ว่าหมอนี่เป็นคนเดียวกับที่อยู่ในห้องเมื่อครู่ เพียงแต่เปลี่ยนจากชุดสูทเป็นผ้าหนังสัตว์คลุมกายเบื้องล่าง หมอนี่เป็นชายวัย 20 ต้นๆ ที่ท่าทางดูดีจนไม่น่าเชื่อว่าจะมีรสนิยมเบี่ยงเบนไปได้ขนาดนี้
มือของหมอนั่นไล้ลูบร่างกายตนเองพลางช้อนตาเขาที่อยู่บนบัลลังก์สูงกว่าด้วยท่าทางเทิดทูน “งดงามยิ่งกว่าในรูปภาพเสียอีก...”
“จับฉันมา...ต้องการอะไรกันแน่?”อากิระถามเสียงเรียบ แม้สมองจะพยายามคิดหาทางหนีอย่างร้อนรน เขาจะใจร้อนไม่ได้... ขืนพลาดมีหวังจบเห่
“ต้องการ?”ฝ่ายนั้นทวน ปรกายตาหยาดเยิ้มชวนสยอง “แน่นอน...พวกเราต้องการเธอไงล่ะ คาวามูระ อากิระคุง”
จะรอดไหมวะเนี่ย!
อากิระพยายามทำสีหน้าให้เรียบเฉยที่สุด ถ้าปล่อยให้อีกฝ่ายเป็นสีหน้าหวาดกลัวของเขาก็คงจะจบอีกเหมือนกัน ต้องหาทางถ่วงเวลาไปเรื่อยๆ
“ต้องการฉันไปทำไม? คำสั่งของ ทาคาฮาระ มิสึกิรึไง?”
“ไม่หรอก...ไม่ใช่”เจ้านั่นทำเสียงจิ๊จ้ะ “มิสึกิคุงไม่รู้หรอกว่าพวกเราต้องการเธอมากขนาดไหน... เด็กนั่นรู้แค่ว่าเธอจำเป็นต่อพิธีบูชายัญ...”
“บูชายัญ?”
“เป็นงานอดิเรกนิดหน่อยของพวกเรา ที่ทำให้มิสึกิคุงก็เป็นแค่พิธีประจำวันเท่านั้น แต่กับเธอ...”เจ้านั่นเว้นช่วง ไล่สายตามองร่างของอากิระอย่างปรารถนา “ความงดงามของเธอช่างคู่ควรกับการสังเวยต่อท่านจอมปิศาจ...พวกเราก็เลย...โกหกมิสึกิคุงนิดหน่อยว่าเธอจำเป็นต่อการบูชายัญของเ ขา”
“เจ้าหมอนั่นมันโง่เองสินะ”อากิระพึมพำอย่างหงุดหงิด สมองอันชาญฉลาดพยายามหาทางหนีทีไล่ นัยน์ตาคมตวัดมองโซ่หนาที่ไม่มีทางสะบัดหลุด...นอกจาก...
“แล้ว...พิธีต้องทำอะไรบ้างล่ะ?”อากิระขยับยิ้มหวานจนคนมองแปลกใจ ร่างสูงผ่อนลมหายใจช้าๆ นัยน์ตาเรียวสวยปรือลงอย่างยั่วเย้า “เอ้า...ถามแล้วไม่ตอบล่ะ?”เขาเร่ง จุดยิ้มมุมปากที่เรียกให้หัวใจคนมองเต้นรัว
“ก็...มีสัมพันธ์กับ หัวหน้า...”หนึ่งในนั้นเอ่ยเสียงเครือ ใบหน้าอวบอูมบิดเบี้ยวด้วยความริษยาเมื่อมองใบหน้างดงามของคนที่นั่งอยู่บนบังลังก์
ทั้งงดงาม...และสูงค่า...
“สัมพันธ์...งั้นเหรอ...”อากิระทวน ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนฉายประกายดุดัน ราวกับราชาผู้ถูกคุมขังในหอคอย แฝงอำนาจลึกล้ำและดึงดูดมหาศาล
“คนไหนหัวหน้า มาใกล้ๆ สิ”เด็กหนุ่มเอื้อมมือไปข้างหน้า รอยยิ้มที่ปรากฏนั้นดูร้ายกาจแต่ก็เปี่ยมเสน่ห์ไม่แพ้กัน “นายนั่นเอง...เดาไม่ผิดจริงๆ”
คนที่เขาพูดด้วยแรกสุดเป็นหัวหน้าอย่างที่คาด แต่คราวหน้าการก้าวย่างของหมอนั่นกลับเริ่มไม่มั่นคง...เพราะดวงตาทรงอำนาจที่ทอดมองมาทำให้ร่างกายปั่นป่วน...
“แล้ว...ในพิธี ฉันเป็นตัวแทนของจอมปิศาจรึเปล่า...”
เขาพยายามจะตอบปฎิเสธ แต่เมื่อสบสายตาของเด็กหนุ่มเบื้องหน้า ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากพยักหน้ารับ “งั้น...จูบสิ ที่ปลายเท้า...”
คนโดนสั่งอ้าปากค้าง หากก็ยอมศิโรราบเมื่อปลายนิ้วเย็นเฉียบเอื้อมแตะที่ปลายเส้นผม เขาก้มลงจรดริมฝีปากบนปลายนิ้วสวย หากคนสั่งกลบไม่พอใจ ตวัดเท้าฟาดลงบนหน้าจนสะบัดหัน!
“ความภักดีต่อราชาของนาย มีแค่นี้รึไง?”สุ้มเสียงทรงอำนาจจนทุกคนสะดุ้ง อากิระขยับเท้าจนโซ่กระทบกันกรุ้งกริ้ง “ถ้าได้แค่นี้...ก็เอาคนอื่นมาไม่ดีกว่ารึไง หืม...”
ทุกเสียงเงียบกริบ ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มสวย “อยากแก้ตัวอีกครั้งรึเปล่า?”
ปลายเท้าเอื้อมช้อนใบหน้าที่หมอบอยู่กับพื้นให้แหงนเงยขึ้น ดึงรั้งให้เข้ามาแนบชิดก่อนจะวาดลึกลงไปสัมผัสแผ่นอกเปลือยเปล่า “ว่าไง อยากจะแก้ตัวอีกครั้งรึเปล่า?”
“แก้...แก้ตัว”ร่างนั้นพึมพำราวขาดสติหากปลายเท้าที่ตวัดฟาดอีกครั้งกลับเรียกให้ทั้งห้องตะลึงงัน
“จะขอแก้ตัวน่ะ ต้องพูดว่ายังไง?”
“ได้โปรดให้ผม แก้ตัวอีกครั้ง...”
“ดีมาก เด็กดี”อากิระยิ้มสวย ใช้ปลายนิ้วขยี้ยอดอกของร่างที่หมอบอยู่ยังแทบเท้า มือเรียวเอื้อมไปจนสุดปลายโซ่พลางรั้งให้ใบหน้าได้รูปนั้นขยับเข้ามาใกล้ ปลายนิ้วลูบไล้ริมฝีปากที่เผยอออกด้วยความปรารถนา
“อยากได้อะไร บอกมาสิ?”
“จูบ...”หากเมื่อโดนบีบกรามแน่น เขาก็รีบเริ่มใหม่อีกครั้ง “ได้โปรด...จูบผม”
“บอกชื่อมาสิ...”อากิระกระซิบถามข้างหู ปลายลิ้นสัมผัสติ่งหูนิ่มจนร่างนั้นผวาเยือก
“ม...มาซาชิ”
“มาซาชิซัง...”ร่างสูงขยับยิ้มหวาน ประทับจูบบนเรียวปากก่อนจะขบแผ่วเบา เขาถอนออกมาช้าๆ สบตากับร่างที่ตกเป็นทาสอย่างสมใจก็ก้มลงประทับซ้ำ หากคราวนี้กลับหนักหน่วงรุนแรงจนรู้สึกถึงรสเลือดที่ริมฝีปาก
“มาซาชิซัง”อากิระกระซิบเสียงเครือ ปลายนิ้วเกลี่ยเรือนแก้มของหัวหน้าพีกรรม ใบหน้าได้รูปของชายหนุ่มแดงจัด นัยน์ตาเคลิ้มฝันมองใบหน้าของอากิระก่อนจะเบนหลบเมื่อมือของตนโดนดึงไปแตะแผ่นอกของเด็กหนุ่มที่ถูกพันธนาการ
“อยากได้รึเปล่า...”คำถามที่มาซาชิหายใจลึก สัมผัสเรือนร่างที่ถูกเขียนด้วยอักษรอย่างหลงใหล
“อยากได้ครับ...”ชายหนุ่มศิโรราบ จะเอื้อมลงไปจุมพิตผิวกายแต่ปลายนิ้วของอากิระกลับแตะห้ามแผ่วๆ พลางเลื่อนไล้ไปมา
“ปลดโซ่สิ...”
ชายหนุ่มจะเอ่ยปากค้าน หากสัมผัสหนักๆ บริเวณยอดอกกับความอุ่นร้อนบริเวณริมฝีปากก็หอมหวานเกินห้ามใจ “ฉันไม่ชอบโดนล่ามโซ่...แต่ชอบเป็นฝ่ายล่ามมากกว่า...”
เรือนแก้มอีกฝ่ายร้อนผ่าว ในสมองอื้ออึงจนลืมเหตุผลทั้งมวล ลืมว่ากำลังทำอะไรอยู่ ลืมว่าตอนแรกจะทำอะไร เพราะทั้งโลกของเขามีเพียงเด็กหนุ่มตรงหน้า...มีเพียงเด็กนี่เท่านั้น...
“ดีมาก..เด็กดี”อากิระยิ้มหวานถูกใจ เขามองใบหน้าหล่อเหลาของคนที่แก่กว่าตนเกือบสิบปีด้วยท่าทางพึงใจ ก็ชอบอยู่หรอกถ้าไม่เจอกันในสถานที่แบบนี้นะ...
ปลายโซ่กระทบพื้นดังแกร๊ก... อากิระลองขยับแขนขาที่เป็นอิสระ เขาให้รางวัลคนปลดปล่อยด้วยจูบร้อนแรงจนร่างอีกฝ่ายอ่อนยวบ...
“มาซาชิซัง ไว้คราวหน้าค่อยมาต่อละกันนะครับ”เขาพูดเสียงหวาน แล้วฟาดมือแรงๆ บริเวณท้ายทอยจนมาซาชิทรุดฮวบ!
“เฮ้ย!!”คนอื่นเพิ่งรู้สึกตัว รีบกรูกันเข้ามาจับอากิระแต่เด็กหนุ่มไหวตัวทัน
เขากระโดดขึ้นบนเก้าอี้หินก่อนจะกระโจนออกมาจากวงล้อม วาดเท้าเตะคนที่รั้งท้ายไปสองคนแล้วส่งหมัดหนักๆ เก็บไปอีกสาม ยังดีที่พวกนี้ไม่เก่งทางด้านการต่อสู้เลยไม่ตึงมือมาก
อากิระจัดการเก็บกวาดทั้งหมดภายในเวลา 10 นาที เด็กหนุ่มหยิบเสื้อคลุมจากชายร่างยักษ์ที่โดนเขาซัดสลบเหมือดมาห่มร่างก่อนจะผลักบานประตูหนาหนักที่ล็อคจากด้านใน
เด็กหนุ่มใช้เวลาคลำทางออกมาจากอาคารนั้นได้อย่างไม่ยากเย็น เพราะเป็นอาคารเดิมที่เขาเข้ามากับมิสึกิ หากแต่เด็กหนุ่มเสียเวลากับการสำรวจลู่ทางโดยรอบพักใหญ่ ภายในอกเต้นรัวด้วยความคั่งแค้น
ทาคาอาระ มิสึกิ! เรื่องนี้ไม่จบง่ายๆ แน่!
Destiny or Deathiny?
“กรี๊ด สึกิจัง หยุดๆ!”มิอุโหยหวนเมื่อร่างในชุดกิโมโนสีฟ้าสว่างกำลังไล่เตะตากล้องอย่างเอาเป็นเอาตาย ใบหน้าขาวซีดขึ้นสีจัดด้วยความโมโหก่อนจะดุ่มๆ ไปยังกล้องราคาแพงพลางถลกชายกิโมโนขึ้น
“พอแค่นั้นล่ะ!”อากิระช้อนร่างที่กำลังจะฝากรอยเท้าแสนงามบนหน้าจอได้แบบฉิวเฉียด เขาโอบร่างผอมที่ดิ้นเหมือนคลุ้มคลั่งพลางระบายลมหายใจอย่างหงุดหงิด “ถ้านายทำอะไรเสียหายอีกฉันจะไม่ไปกับนายแล้วนะ”
ได้ผล! มิสึกิชะงัก ริมฝีปากที่ถูกตกแต่งไว้ด้วยเครื่องสำอางค์เม้มแน่น นัยน์ตากลมโตลุกโชนขณะตวัดมองคุณชายเล็กคาวามูระที่ยังทำหน้าไม่รู้สึกรู้สา
“สึกิจัง... อย่าทำอย่างนี้อีกนะจ้ะ”มิอุยิ้มเครียดก่อนจะบุ้ยใบ้ให้เมคอัพมาตกแต่งใบหน้าที่เครื่องสำอางค์เริ่มเลือนลางจนเกือบหาย คนโดนแต่งหน้าทำท่าเหมือนโดนบังคับกินยาขมแต่ก็จำยอมนั่งนิ่งๆ เนื่องจากคนขู่เขามันถือไพ่เหนือกว่า
แต่อีกไม่นานหรอก!
มิสึกิอยากกัดลิ้นตายเมื่อก้มลงมองกิโมโนที่สวมประดับร่าง แค่ต้องใส่สีที่มันไม่ใช่สีดำนี่ก็แย่พออยู่แล้วแถมต้องเอาหน้าตามาโชว์ชาวบ้าน! ยิ่งคิดยิ่งหงุดหงิด! ยังดีที่มิอุยอมทำตามที่เขาขอโดยใช้ชื่อปลอม แต่ทำไมต้องเป็นสึกิ!
มันฟังดูแต๋วจนน่าโมโห!
“ขืนนายไม่เลิกทำหน้าเหมือนพยายามสาปแช่งแบบนี้...ชาติไหนจะถ่ายเสร็จ?”อากิระยื่นหน้าไปใกล้คนที่ขึงตาใส่ ริมฝีปากบางระบายยิ้มหวาน “นี่แค่ถ่ายแบบเองนะ ยังไม่ได้เริ่มโฆษณาเลยด้วยซ้ำ”
มิสึกิทำหน้าเหมือนโลกถล่มทับ พลางขมุบขมิบอะไรงึมงำแล้วเคาะนิ้วเป็นจังหวะ
พิธีกรรมพิลึกๆ อีกแล้วสิท่า...
อากิระลอบยิ้มพลางเอนกายพิงผนักแล้วจ้องนิ่งๆ ไปยังมิสึกิที่ยังขมุบขมิบไม่หยุดปาก ...สงสัยจะสาปแช่งเขาอีกแหง... ความคิดที่ยิ่งเรียกรอยยิ้มให้กว้างขึ้น ...หมอนั่นไม่เฉลียวใจบ้างเลยรึไงนะว่าถ้าคำแช่งได้ผล เขาคงไม่มานั่งหัวโด่อยู่อย่างนี้!
“อากิจังงงงงง”มิอุโถมกายเข้าใส่อากิระที่อ้าแขนรับ พี่สาวคนสวยของเขาท่าทางจะเหนื่อยพอดู “ทำไงดี โปสเตอร์ยังไม่ได้ช็อตดีๆ เลยอ่า”
“ก็ถ่ายโฆษณาก่อนสิ เหลือนิดเดียวไม่ใช่เหรอ?”มิอุพยักหน้ารับ
“แต่ว่า....”ว่าแล้วก็บุ้ยใบ้ไปยังมิสึกิ “ขนาดภาพนิ่งยังไม่รอดเลย...แล้วโฆษณาจะไหวเหรอ?”
“ไม่แน่หรอก ดูบทแล้วก็ง่ายกว่าตั้งเยอะ”
“แต่ว่าต้องส่งอารมณ์ผ่านทางดวงตา...ประมาณว่ารักแรกพบประมาณนั้น จะรอดเหรอ?”
มิอุยิงถูกประเด็นจนอากิระหัวเราะพรืด จริงด้วยสินะ คอนเซ็ปต์ของน้ำหอมนี้คือความแตกต่างที่ลงตัว ถึงจะเปลี่ยนไปนิดหน่อยเพราะใช้มิสึกิแทนพี่นารุมิ เลยให้ตัวแทนความเย็นให้ดูกึ่งๆ เพศ มีเสน่ห์ลึกลับ แต่เขาว่ามันไม่ค่อยจะกึ่งเพศเท่าไหร่
กึ่งผีกึ่งคนมากกว่า!
“ไม่ลองไม่รู้หรอกน่า...”เด็กหนุ่มยิ้มให้ความมั่นใจ เขารู้ว่าพี่สาวเขาทุ่มให้กับงานชิ้นนี้มาก ตัวเขาก็พยายามอย่างเต็มที่เช่นเดียวกัน โฆษณาของน้ำหอมตัวหน้าร้อนก็เสร็จไปเกินครึ่งแล้ว เขาลงทุนขนาดยอมโดนทึ้งกลางรถไฟเพื่อให้มันออกมาสมบูรณ์สมจริง จะมาพังตรงนี้ไม่ได้เด็ดขาด!
เขาจ้องนิ่งไปยังใบหน้าของมิสึกิ... ใบหน้าเรียวเล็กก็ดูน่ารักดี ให้ความรู้สึกลึกลับน่าค้นหา ถ้าอยู่นิ่งๆ ไม่พูดไม่จาก็คงจะดีอยู่หรอก...
ว่าแล้วคุณชายเล็กคาวามูระก็ขยับยิ้มเมื่อความคิดบางอย่างแว่บเข้ามาในสมอง
“ที่นายบอกให้ฉันไปด้วย...เมื่อไหร่นะ?”เขาเดินไปกระซิบถามมิสึกิที่ริมหู ร่างนั้นสะดุ้งเฮือกก่อนจะตวัดมองตาขวาง
“มะรืนนี้!”
“อืมมม”เด็กหนุ่มลากเสียงยาว แสร้งถอนหายใจหนักๆ “ฉันกลัวว่าจะไปไม่ได้แล้วน่ะสิ...”
“ทำไม!”มิสึกิลุกพรวด อากิระตีสีหน้าเจ็บปวด
“ก็งานมันไม่เสร็จ...สงสัยมิอุจะไม่ยอมปล่อยไปน่ะ...”
ใบหน้าขาวซีดเปลี่ยนสีอย่างรวดเร็ว นัยน์ตากลมสวยลุกโชน อากิระกลั้นขำสุดชีวิต “ทั้งๆ ที่เหลืออีกนิดเดียวแท้ๆ มิอุบอกว่าขอตัวโฆษณาก็ยังดี...”
“แค่ถ่ายให้เสร็จก็โอเคใช่ไหม!”
“ต้องออกมาให้ดีด้วยน่ะสิ...”อากิระตีหน้าเครียด เขาซุกหน้าลงกับฝ่ามือ กลั้นหัวเราะจนตัวสั่นเทิ้ม “ทั้งๆ ที่ฉันไม่อยากผิดสัญญาเลยแท้ๆ...”
มิสึกิอยากจะเอาหัวโหม่งโลกให้มันตายไปเลย! เขาจำได้ว่าอาละวาดไปมากแค่ไหนตอนที่มีคนเอาบทโฆษณามาให้ มันเป็นอะไรที่ ‘น่าขยะแขยง’ ที่สุดในชีวิต! ให้ตกหลุมรักไอ้บ้านี่เนี่ยนะ! เอามีดมาเชือดเขาทิ้งเลยดีกว่า!
แต่ไม่มีทางเลือกอีกแล้ว...
“ก็ได้...ฉันจะพยายาม!”มิสึกิกลั้นใจตอบ อากิระลอบยิ้มกับฝ่ามือก่อนจะเงยหน้าขึ้นด้วยท่าทางเศร้าสร้อย
“ขอบคุณมาก...”เขายิ้มหวานพลางผุดลุกขึ้น
ปลาติดเบ็ดง่ายดายเกินคาด!
~~~ Death + Destiny ~~~
“คัททททททททททท”ผู้กำกับร้องลั่นเมื่อมิสึกิถอดรองเท้าเขวี้ยงใส่อากิระที่เบี่ยงตัวหลบได้เฉียดฉิว ชายหนุ่มยิ้มเครียด รีบเรียกหายาแก้ปวดหัวเป็นพัลวัน
“สึกิจัง! ขอเถอะ! แค่มองหวานๆ เองนะ เราถ่ายช็อตนี้มา 2 วันแล้ว”
มิสึกิเม้มปากแน่น เดินไปเก็บรองเท้าด้วยความหงุดหงิดแล้วใส่ไปส่งๆ
แค่เขาต้องทนมองหน้ามันก็จะบ้าตายแล้วให้ส่งตาหวาน! แค่ไม่เอามีดไปกะซวกก็บุญเท่าไหร่แล้ววะ!
“วันนี้แล้วนะ...”เสียงกระซิบบอกริมหู มิสึกิขึงตาตอบ
เด็กหนุ่มไม่รู้จะทำยังไงต่อไปดีแล้ว จะให้มองตาก็ยากอีก แต่ถ้าไม่เสร็จวันนี้หมอนั่นก็ไม่ยอมไป พิธีต้องล้มเลิก...เหลือทางสุดท้าย...
สะกดจิตตัวเอง!
ไวเท่าความคิด เด็กหนุ่มรีบวิ่งไปยังกระเป๋าใบเก่งแล้วควักนาฬิกาทรงกะโหลกออกมา สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วเริ่ม...แกว่ง...
“รัก...รัก...รัก...”มิสึกิเอ่ยอย่างเลื่อนลอย นัยน์ตากลมสวยตวัดตามการเคลื่อนไหวของนาฬิกาและไม่แคร์สายตาใครทั้งสิ้น ผู้กำกับอัดยาแก้ปวดหัวหนักๆ ในขณะที่อากิระหัวเราะจนปวดท้อง
คิดได้ยังไงเนี่ย!
“เอ้า...ที่รัก พร้อมรึยัง?”อากิระเริ่มเออออเมื่อเห็นว่าฝ่ายนั้นนั่งสะกดจิตตัวเองมาได้พักหนึ่ง มือเรียวตะปบนาฬิกาให้หยุดแกว่ง “ถ่ายต่อเถอะ... เดี๋ยวไม่เสร็จนะ”
“อือ...”มิสึกิรับในลำคอ โลกทั้งโลกหมุนคว้าง แล้วเพียงยืดกายขึ้นแข้งขาก็อ่อนเปลี้ยเกินกว่าจะทรงตัว
“ไหวรึเปล่า?”อากิระประคองร่างมิสึกิไว้ในอ้อมกอด อีกฝ่ายสูดลมหายใจลึก พยักหน้ารับอย่างจำยอม
“ไหว...”หากเสียงที่ตอยรับกลับแหบพร่า เรียกให้ใจของเด็กหนุ่มเต้นไม่เป็นส่ำ
หรือจะสะกดจิตได้ผลจริงๆ
“เอาล่ะ 3 2 1 เริ่ม!”
อากิระเดินอย่างสบายๆ ไปตามทางที่คุ้นเคย ตามบทเขาต้องเดินเรื่อยเปื่อยและไม่สังเกตเห็นมิสึกิ...แต่ดูเหมือนตอนนี้จะทำยากเหลือเกิน เพราะเจ้าตัวดีที่เดินมาจากอีกฝากดูไร้เรี่ยวแรงชอบกล
ในเสี้ยวเวลาที่เดินผ่าน ร่างสูงก้มลงมองเรือนร่างในชุดกิโมโนที่ช้อนขึ้น ..พลันหัวใจก็เต้นระรัวเกินระงับ... นัยน์ตากลมโตที่ช้อนมองเปล่งประกายดั่งดวงดาว ริมฝีปากสีสดเผยอขึ้นราวยั่วเย้า อากิระตกใจแทบสิ้นสติเมื่อร่างนั้นทรุดฮวบลงในอ้อมกอด ปลายนิ้วสวยยกขึ้นไล้หน้าเขาที่ขึ้นสีก่ำ...
“คัทททททท สุดยอดมาก!”ผู้กำกำกับหัวเราะลั่นปลุกอากิระจากห้วงภวังค์ เขาพยายามดันร่างหอมๆ ในอ้อมกอดออก แต่ว่า
โอ้กกกก!
ท่ามกลางความตื่นตะลึง มิสึกิก็ขย้อนของเก่ารดเสื้อผ้าของอากิระ ปลุกเด็กหนุ่มจากห้วงฝันได้อย่างร้ายกาจที่สุด!
อากิระนั่งหงุดหงิดไปตลอดทางกลับบ้าน โกรธที่สุดคงจะเป็นตัวเองที่เผลอหวั่นไหวไปกับไอ้คนข้างๆ น่าสมเพชชะมัด!
“นายต้องทำตามสัญญาด้วย ห้ามลืม!”ร่างในชุดคลุมสีดำย้ำแม้สภาพจะร่อแร่พอดู ผ้าขนหนูชุบน้ำผืนบางแปะอยู่บนศีรษะ “เดี๋ยวเลี้ยวขวาแยกข้างหน้าแล้วจอดที่ตึกที่สามก็ถึง”
อากิระเลี้ยวตามคำสั่ง เขาเลี้ยวเข้าไปจอดรถอยู่ในตึกหลังหนึ่งก่อนจะเดินตามมิสึกิขึ้นไปยังชั้น 2 ของอาคาร ระบายลมหายใจหนักๆ เมื่อรู้สึกถึงสายตาของคนที่เดินผ่าน
เพิ่งเริ่มรู้สึก เขาอาจจะคิดผิดก็ได้ที่ยอมทำตาม...
“นายอยากให้ฉันมาที่นี่ทำไม?”
“ถึงแล้ว”มิสึกิบอกแทนคำตอบ อากิระรู้สึกเหมือนน้ำเสียงนั้นสะใจเล็กน้อย
หมอนั่นพาเขาเข้ามาในห้องรับรองขนาดเล็ก ในห้องมีคนนั่งรออยู่ 2-3 คน แต่ละคนอยู่ในชุดสูททำงานแบบพนักงานบริษัททั่วไป อากิระขมวดคิ้ว
“เป็นเกียรติจริงๆ คาวามูระ อากิระคุง! นั่งก่อนสินั่งก่อน”หนึ่งในนั้นกระวีกระวาดเรียกเขาเข้าไปนั่งบนโซฟา “ดื่มน้ำก่อน เพิ่งมาถึงเหนื่อยๆ”
อากิระโค้งเล็กน้อยก่อนจะดื่มน้ำตามมรรยาท นัยน์ตาคมสวยกวาดไปรอบๆ รู้สึกแปลกๆ ที่สายตานั้นมองเขาเหมือนประเมินราคา...
“ตกลง...ผม ต้องทำอะไรครับ?”อากิระลืมถามมิสึกิไปสนิทว่าเรียกเขามาทำอะไร เพราะเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นไม่หยุดไม่หย่อนบวกกับต้องการไล่ต้อนคนชวนด้วย
“อ้าว...มิสึกิคุงไม่ได้บอกเหรอ?”ฟังๆ แล้วคำถามนั้นดูเจ้าเล่ห์ยังไงไม่รู้... อากิระขมวดคิ้ว ชักสังหรณ์ยังไงไม่รู้ ไม่ใช่ว่าไอ้หมอนี่...
“นายสัญญาแล้วนะคาวามูระ อากิระ...มาเป็นเหยื่อบูชายัญให้ฉันซะดีๆ!”มิสึกิประกาศกร้าว อากิระเบิกตากว้าง เขาเตรียมลุกพรวดหากสมองกลับเริ่มหมุนคว้าง หรือว่า...
“บัดซบ!”ร่างสูงสบถ เขาโดนวางยาในน้ำ! ไม่น่าชะล่าใจเลย!
“นาย...”ปลายนิ้วเรียวยกขึ้นชี้หน้ามิสึกิ เปลือกตาและทั้งร่างหนักเหมือนถูกถ่วง เด็กหนุ่มกัดฟันกรอด
แค้นนี้ต้องชำระแน่!
~~~ Death + Destiny ~~~
“อือ...”
แพขนตาหนากระพริบถี่ๆ เขารู้สึกถึงสัมผัสเย็นเฉียบบริเวณข้อมือและข้อเท้า แล้วเพียงขยับเบาๆ ก็เกิดเสียงคล้ายโซ่หนาเสียดสีกับพื้นหิน คิ้วสวยขมวดเข้าหากัน พยายามฝืนลืมตาขึ้นแล้วก็แทบไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น
ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ในห้องเดิมอีกแล้ว... แต่เป็นห้องใต้ดินที่ไหนสักแห่ง ประตูเหล็กบานใหญ่ยักษ์อยู่ผนังฝั่งตรงข้าม มีผู้คุมในชุดดำตัวใหญ่สองคนยืนเฝ้าราวกับสุนัขเฝ้ายาม ทั้งห้องมีเพียงแสงสลัวเลือนรางหากก็พอให้มองเห็นกลุ่มคนเกือบสิบคนที่ยืนจ้องมาทางเขาด้วยแววตากระหายอยาก...
นี่มัน...เลวร้ายสุดๆ...
อากิระลองขยับแขนขาแล้วก็เป็นดังคาด... เขาถูกล่ามด้วยโซ่หนาในท่าทางที่นั่งอยู่บนบัลลังก์หิน สัมผัสบริเวณคอคงจะเป็นปลอกหนัง ท่อนบนเปลือยเปล่าถูกขีดเขียนด้วยสัญลักษณ์แปลกๆ ทั่วแผ่นอกและลามไปถึงหน้าท้องแกร่ง เบื้องล่างถูกคลุมด้วยหนังสัตว์สีน้ำตาลหม่นผ่าลึกถึงต้นขาเรียว แขนและขาทั้งสองถูกวาดด้วยสัญลักษณ์แปลกตา ...ถ้าไม่ได้อยู่ในสภาพนี้เขาคงจะชื่นชมกับรอยสลักพวกนี้ล่ะนะ
“งดงามจริงๆ”หนึ่งในกลุ่มด้านล่างพูดด้วยเสียงแหบพร่า อากิระจำได้ว่าหมอนี่เป็นคนเดียวกับที่อยู่ในห้องเมื่อครู่ เพียงแต่เปลี่ยนจากชุดสูทเป็นผ้าหนังสัตว์คลุมกายเบื้องล่าง หมอนี่เป็นชายวัย 20 ต้นๆ ที่ท่าทางดูดีจนไม่น่าเชื่อว่าจะมีรสนิยมเบี่ยงเบนไปได้ขนาดนี้
มือของหมอนั่นไล้ลูบร่างกายตนเองพลางช้อนตาเขาที่อยู่บนบัลลังก์สูงกว่าด้วยท่าทางเทิดทูน “งดงามยิ่งกว่าในรูปภาพเสียอีก...”
“จับฉันมา...ต้องการอะไรกันแน่?”อากิระถามเสียงเรียบ แม้สมองจะพยายามคิดหาทางหนีอย่างร้อนรน เขาจะใจร้อนไม่ได้... ขืนพลาดมีหวังจบเห่
“ต้องการ?”ฝ่ายนั้นทวน ปรกายตาหยาดเยิ้มชวนสยอง “แน่นอน...พวกเราต้องการเธอไงล่ะ คาวามูระ อากิระคุง”
จะรอดไหมวะเนี่ย!
อากิระพยายามทำสีหน้าให้เรียบเฉยที่สุด ถ้าปล่อยให้อีกฝ่ายเป็นสีหน้าหวาดกลัวของเขาก็คงจะจบอีกเหมือนกัน ต้องหาทางถ่วงเวลาไปเรื่อยๆ
“ต้องการฉันไปทำไม? คำสั่งของ ทาคาฮาระ มิสึกิรึไง?”
“ไม่หรอก...ไม่ใช่”เจ้านั่นทำเสียงจิ๊จ้ะ “มิสึกิคุงไม่รู้หรอกว่าพวกเราต้องการเธอมากขนาดไหน... เด็กนั่นรู้แค่ว่าเธอจำเป็นต่อพิธีบูชายัญ...”
“บูชายัญ?”
“เป็นงานอดิเรกนิดหน่อยของพวกเรา ที่ทำให้มิสึกิคุงก็เป็นแค่พิธีประจำวันเท่านั้น แต่กับเธอ...”เจ้านั่นเว้นช่วง ไล่สายตามองร่างของอากิระอย่างปรารถนา “ความงดงามของเธอช่างคู่ควรกับการสังเวยต่อท่านจอมปิศาจ...พวกเราก็เลย...โกหกมิสึกิคุงนิดหน่อยว่าเธอจำเป็นต่อการบูชายัญของเ ขา”
“เจ้าหมอนั่นมันโง่เองสินะ”อากิระพึมพำอย่างหงุดหงิด สมองอันชาญฉลาดพยายามหาทางหนีทีไล่ นัยน์ตาคมตวัดมองโซ่หนาที่ไม่มีทางสะบัดหลุด...นอกจาก...
“แล้ว...พิธีต้องทำอะไรบ้างล่ะ?”อากิระขยับยิ้มหวานจนคนมองแปลกใจ ร่างสูงผ่อนลมหายใจช้าๆ นัยน์ตาเรียวสวยปรือลงอย่างยั่วเย้า “เอ้า...ถามแล้วไม่ตอบล่ะ?”เขาเร่ง จุดยิ้มมุมปากที่เรียกให้หัวใจคนมองเต้นรัว
“ก็...มีสัมพันธ์กับ หัวหน้า...”หนึ่งในนั้นเอ่ยเสียงเครือ ใบหน้าอวบอูมบิดเบี้ยวด้วยความริษยาเมื่อมองใบหน้างดงามของคนที่นั่งอยู่บนบังลังก์
ทั้งงดงาม...และสูงค่า...
“สัมพันธ์...งั้นเหรอ...”อากิระทวน ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนฉายประกายดุดัน ราวกับราชาผู้ถูกคุมขังในหอคอย แฝงอำนาจลึกล้ำและดึงดูดมหาศาล
“คนไหนหัวหน้า มาใกล้ๆ สิ”เด็กหนุ่มเอื้อมมือไปข้างหน้า รอยยิ้มที่ปรากฏนั้นดูร้ายกาจแต่ก็เปี่ยมเสน่ห์ไม่แพ้กัน “นายนั่นเอง...เดาไม่ผิดจริงๆ”
คนที่เขาพูดด้วยแรกสุดเป็นหัวหน้าอย่างที่คาด แต่คราวหน้าการก้าวย่างของหมอนั่นกลับเริ่มไม่มั่นคง...เพราะดวงตาทรงอำนาจที่ทอดมองมาทำให้ร่างกายปั่นป่วน...
“แล้ว...ในพิธี ฉันเป็นตัวแทนของจอมปิศาจรึเปล่า...”
เขาพยายามจะตอบปฎิเสธ แต่เมื่อสบสายตาของเด็กหนุ่มเบื้องหน้า ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากพยักหน้ารับ “งั้น...จูบสิ ที่ปลายเท้า...”
คนโดนสั่งอ้าปากค้าง หากก็ยอมศิโรราบเมื่อปลายนิ้วเย็นเฉียบเอื้อมแตะที่ปลายเส้นผม เขาก้มลงจรดริมฝีปากบนปลายนิ้วสวย หากคนสั่งกลบไม่พอใจ ตวัดเท้าฟาดลงบนหน้าจนสะบัดหัน!
“ความภักดีต่อราชาของนาย มีแค่นี้รึไง?”สุ้มเสียงทรงอำนาจจนทุกคนสะดุ้ง อากิระขยับเท้าจนโซ่กระทบกันกรุ้งกริ้ง “ถ้าได้แค่นี้...ก็เอาคนอื่นมาไม่ดีกว่ารึไง หืม...”
ทุกเสียงเงียบกริบ ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มสวย “อยากแก้ตัวอีกครั้งรึเปล่า?”
ปลายเท้าเอื้อมช้อนใบหน้าที่หมอบอยู่กับพื้นให้แหงนเงยขึ้น ดึงรั้งให้เข้ามาแนบชิดก่อนจะวาดลึกลงไปสัมผัสแผ่นอกเปลือยเปล่า “ว่าไง อยากจะแก้ตัวอีกครั้งรึเปล่า?”
“แก้...แก้ตัว”ร่างนั้นพึมพำราวขาดสติหากปลายเท้าที่ตวัดฟาดอีกครั้งกลับเรียกให้ทั้งห้องตะลึงงัน
“จะขอแก้ตัวน่ะ ต้องพูดว่ายังไง?”
“ได้โปรดให้ผม แก้ตัวอีกครั้ง...”
“ดีมาก เด็กดี”อากิระยิ้มสวย ใช้ปลายนิ้วขยี้ยอดอกของร่างที่หมอบอยู่ยังแทบเท้า มือเรียวเอื้อมไปจนสุดปลายโซ่พลางรั้งให้ใบหน้าได้รูปนั้นขยับเข้ามาใกล้ ปลายนิ้วลูบไล้ริมฝีปากที่เผยอออกด้วยความปรารถนา
“อยากได้อะไร บอกมาสิ?”
“จูบ...”หากเมื่อโดนบีบกรามแน่น เขาก็รีบเริ่มใหม่อีกครั้ง “ได้โปรด...จูบผม”
“บอกชื่อมาสิ...”อากิระกระซิบถามข้างหู ปลายลิ้นสัมผัสติ่งหูนิ่มจนร่างนั้นผวาเยือก
“ม...มาซาชิ”
“มาซาชิซัง...”ร่างสูงขยับยิ้มหวาน ประทับจูบบนเรียวปากก่อนจะขบแผ่วเบา เขาถอนออกมาช้าๆ สบตากับร่างที่ตกเป็นทาสอย่างสมใจก็ก้มลงประทับซ้ำ หากคราวนี้กลับหนักหน่วงรุนแรงจนรู้สึกถึงรสเลือดที่ริมฝีปาก
“มาซาชิซัง”อากิระกระซิบเสียงเครือ ปลายนิ้วเกลี่ยเรือนแก้มของหัวหน้าพีกรรม ใบหน้าได้รูปของชายหนุ่มแดงจัด นัยน์ตาเคลิ้มฝันมองใบหน้าของอากิระก่อนจะเบนหลบเมื่อมือของตนโดนดึงไปแตะแผ่นอกของเด็กหนุ่มที่ถูกพันธนาการ
“อยากได้รึเปล่า...”คำถามที่มาซาชิหายใจลึก สัมผัสเรือนร่างที่ถูกเขียนด้วยอักษรอย่างหลงใหล
“อยากได้ครับ...”ชายหนุ่มศิโรราบ จะเอื้อมลงไปจุมพิตผิวกายแต่ปลายนิ้วของอากิระกลับแตะห้ามแผ่วๆ พลางเลื่อนไล้ไปมา
“ปลดโซ่สิ...”
ชายหนุ่มจะเอ่ยปากค้าน หากสัมผัสหนักๆ บริเวณยอดอกกับความอุ่นร้อนบริเวณริมฝีปากก็หอมหวานเกินห้ามใจ “ฉันไม่ชอบโดนล่ามโซ่...แต่ชอบเป็นฝ่ายล่ามมากกว่า...”
เรือนแก้มอีกฝ่ายร้อนผ่าว ในสมองอื้ออึงจนลืมเหตุผลทั้งมวล ลืมว่ากำลังทำอะไรอยู่ ลืมว่าตอนแรกจะทำอะไร เพราะทั้งโลกของเขามีเพียงเด็กหนุ่มตรงหน้า...มีเพียงเด็กนี่เท่านั้น...
“ดีมาก..เด็กดี”อากิระยิ้มหวานถูกใจ เขามองใบหน้าหล่อเหลาของคนที่แก่กว่าตนเกือบสิบปีด้วยท่าทางพึงใจ ก็ชอบอยู่หรอกถ้าไม่เจอกันในสถานที่แบบนี้นะ...
ปลายโซ่กระทบพื้นดังแกร๊ก... อากิระลองขยับแขนขาที่เป็นอิสระ เขาให้รางวัลคนปลดปล่อยด้วยจูบร้อนแรงจนร่างอีกฝ่ายอ่อนยวบ...
“มาซาชิซัง ไว้คราวหน้าค่อยมาต่อละกันนะครับ”เขาพูดเสียงหวาน แล้วฟาดมือแรงๆ บริเวณท้ายทอยจนมาซาชิทรุดฮวบ!
“เฮ้ย!!”คนอื่นเพิ่งรู้สึกตัว รีบกรูกันเข้ามาจับอากิระแต่เด็กหนุ่มไหวตัวทัน
เขากระโดดขึ้นบนเก้าอี้หินก่อนจะกระโจนออกมาจากวงล้อม วาดเท้าเตะคนที่รั้งท้ายไปสองคนแล้วส่งหมัดหนักๆ เก็บไปอีกสาม ยังดีที่พวกนี้ไม่เก่งทางด้านการต่อสู้เลยไม่ตึงมือมาก
อากิระจัดการเก็บกวาดทั้งหมดภายในเวลา 10 นาที เด็กหนุ่มหยิบเสื้อคลุมจากชายร่างยักษ์ที่โดนเขาซัดสลบเหมือดมาห่มร่างก่อนจะผลักบานประตูหนาหนักที่ล็อคจากด้านใน
เด็กหนุ่มใช้เวลาคลำทางออกมาจากอาคารนั้นได้อย่างไม่ยากเย็น เพราะเป็นอาคารเดิมที่เขาเข้ามากับมิสึกิ หากแต่เด็กหนุ่มเสียเวลากับการสำรวจลู่ทางโดยรอบพักใหญ่ ภายในอกเต้นรัวด้วยความคั่งแค้น
ทาคาอาระ มิสึกิ! เรื่องนี้ไม่จบง่ายๆ แน่!
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น