ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Nor like(yaoi)

    ลำดับตอนที่ #42 : [Nor Like special]Destiny or Deathiny? 3

    • อัปเดตล่าสุด 31 ต.ค. 53


    3

    Destiny or Deathiny?







    มิสึกิรู้สึกร่างกายหนักอึ้งไปหมด...

    เด็กหนุ่มยกมือขึ้นกุมศีรษะ ความปวดบริเวณศีรษะแล่นจี๊ดจนน้ำตาไหล เขาเอื้อมมือลูบรอยปูดด้านหลังหัว คาดว่ามันจะต้องเขียวช้ำเป็นแน่

    ดวงตากลมโตสีดำสนิทกวาดมองไปรอบด้าน... เขานอนอยู่บนเตียงสีขาวสะอาด สภาพห้องดูสะอาดสะอ้านทำให้เด็กหนุ่มยิ่งมั่นใจว่านี่ไม่ใช่ห้องของเขาแน่ๆ! พยายามทบทวนภาพความทรงจำอย่างเลือนราง .

    ..ภาพของใครบางคนผุดขึ้นมาในมโนภาพ...


    “ว้ากกกกกกกก!!!!” มิสึกิร้องลั่นเมื่อก้มลงเห็นว่าเสื้อคลุมตัวเก่งของเขากลับอันตรธานหายไปเสียแล้ว สิ่งที่สวมติดตัวมีเพียงแค่กางเกงในตัวเดียว แม้แต่กางเกงขายาวที่ถูกใส่ทับไว้อีกชั้นก็ถูกถอด!

    “ตื่นแล้วเหรอ?” น้ำเสียงนุ่มนวลดังมาจากประตู ร่างสูงยกถอดอาหารเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มหวานประดับบนเรียวปากได้รูป “กินอาหารเช้าก่อนสิ”

    “แก!” มิสึกิกัดฟันกรอด มองเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างเคียดแค้นและคนโดนมองก็ไม่ค่อยเข้าความหมาย “เสื้อผ้าฉัน!”

    “มันเปื้อนน่ะฉันเลยเอาไปให้แม่บ้านซัก ใส่เสื้อผ้าฉันไปก่อนละกัน” ว่าพลางก็พยักเพยิดไปยังกองเสื้อผ้าข้างเตียง มิสึกิสะบัดหน้าหนี

    “ฉันจะเอาเสื้อผ้าฉัน!”

    “มันยังไม่แห้ง...”

    “แกจะขโมยรึไง!” มิสึกิเริ่มหาเรื่อง อากิระได้แต่ทอดถอนใจอย่างเหนื่อยหน่าย

    เสื้อผ้าแบบนั้นใครจะไปอยากได้...

    “ที่นี่ที่ไหน?”

    “บ้านฉัน” อากิระตอบเรียบๆ เริ่มหงุดหงิดเล็กน้อยที่โดนคนไม่รู้จักจิกหัวด่าทั้งที่เพิ่งจะช่วยให้รอดตายมาเมื่อคืน

    “บ้านแกอยู่แถวไหน!”

    “โอซาก้า”เขาจงใจตอบกวนประสาท ในเมื่ออีกคนพูดไม่ดีเขาก็ไม่มีอารมณ์จะสวมหน้ากากเทวดานักหรอก “รู้จักใช่ไหม?”

    “แก๊!!!”มิสึกิทำท่าเหมือนพยายามพ่นไฟ เด็กหนุ่มถลึงตามองรอยยิ้มหวานของอีกคน “พาฉันไปส่งบ้านเดี๋ยวนี้!”

    “ไม่ล่ะ ไม่ใช่หน้าที่สักหน่อย”อากิระพูดเรื่อยเฉื่อย ยิ่งพอเห็นท่าทางโมโหเป็นฟืนเป็นไฟของอีกคนเขายิ่งอารมณ์ดีอย่างบอกไม่ถูก “จะกลับก็กลับเองสิ...”

    “งั้นเอาเสื้อผ้าฉันคืนมา!”

    “ยังไม่แห้ง”

    “ไม่แห้งก็เอามา!”

    “ไม่ให้...”อากิระกลั้นหัวเราะเมื่อใบหน้าของอีกคนเปลี่ยนเป็นสีแดงสลับม่วงเหมือนสัญญาณไฟจราจร เจ้าตัวทำท่าจะควักอะไรบางอย่างหากกลับชะงักกึก

    “กระเป๋าฉัน!”ว่าแล้วก็ช้อนตาขึ้นมองอีกคนในห้องอย่างคาดโทษ “แกเอากระเป๋าฉันไปไว้ไหน!”

    “โน่นแหนะ” อากิระบุ้ยใบ้ไปยังกองผ้าขยุมขยุยตรงโซฟา มิสึกิตั้งท่าจะวิ่งไปหยิบหากอีกคนกลับไวกว่า อากิระกระโดดผลุงเดียวก็นั่งทับร่างอีกคนที่กำลังจะลุกไว้ได้สำเร็จ

    “แก! ลุกเดี๋ยวนี้นะ”

    “ไม่ล่ะ... ถ้าลุกไปนายก็เอาของในนั้นมาสาปแช่งฉันน่ะสิ...”

    “ลุกไป!” มิสึกิโมโหจนควันออกหู เขามองเสี้ยวหน้าด้านข้างของคนเบื้องบนก่อนจะผลักสุดแรง!

    อากิระถูกดันจนตกลงบนเตียงนุ่ม เขายิ้มกว้างอย่างจงใจก่อนจะฉุดแขนร่างที่เตรียมลุกหนีจนร่างนั้นร่วงหล่นลงบนอกของเด็กหนุ่มโครมใหญ่

    “ปล่อยนะเว้ย!”มิสึกิร้องลั่น พยายามดึงแขนให้หลุดจากการเกาะกุมของคนเบื้องล่าง เขาเม้มริมฝีปากพลางเงยหน้าขึ้นอย่างเอาเรื่อง แล้วสายตาของทั้งคู่ก็ประสานกัน...

    อีกแล้ว...

    อากิระหนักใจกับตัวเองที่ดันเผลอหวั่นไหวไปกับดวงตาสีดำนั่น... แม้จะยังไม่เท่าอีกคนที่ดูเหมือนจะสติแตกอยู่กับอาการของตนเอง...

    “อากิจัง!” เสียงหวานดังมาจากประตูเรียกให้ร่างทั้งสองหันขวับ พี่สาวคนโตตระกูลคาวามูระเบิกตากว้าง ใบหน้าขึ้นสีเรื่อ...

    “ขอโทษที่มาขัดจังหวะ!”ว่าแล้วเธอก็ผลุนผลันจากไป อากิระอ้าปากค้าง แต่ก็ได้ไม่ถึง 10 วินาทีเมื่อเด็กสาววิ่งกลับมาอีกครั้ง นัยน์ตาคู่สวยฉายประกายระริก

    “เจอแล้ว!”

    อากิระไม่ทันได้ตีความคำพูดนั้นมิอุก็ถลาเข้ามาหาคนที่ดิ้นขลุกขลักบนตัวของเขา เด็กสาวคว้าร่างของมิสึกิมาใกล้ๆ ก่อนจะมองไปทั่วร่างอย่างไม่ปิดบัง

    “เธอสนใจเป็นพรีเซนเตอร์น้ำหอมไหมจ้ะ?”คำพูดที่ราวกับคำสาปร้ายที่สาปให้ทั้งสองแข็งเป็นหิน

    มันได้กลายเป็นโฆษณาเปื้อนเลือดแน่ๆ!









    “โธ่... มิสึกิคุงไม่เปลี่ยนใจจริงๆ เหรอ?”มิอุกระแซะเข้าไปใกล้ร่างที่รีบเขยิบหนี เธอช้อนตาขึ้นอย่างออดอ้อน “เธอน่ะเหมาะที่สุดแล้ว...เหมาะกว่านารุมิอีก”

    “ไม่!”มิสึกิตัดรอนเป็นครั้งที่ร้อยได้ แต่อีกคนก็ยังไม่ยอมรามือ

    “นะ...นะจ้ะ”

    “มิสึรุ กลับ!”เขาหันไปสั่งน้องชายที่มาสมทบก่อนหน้านี้ไม่นานอย่างเด็ดขาด มิสึรุทำแก้มป่อง

    “เดี๋ยวสิพี่ ผมยังเจ็บแผล”

    ไอ้แผลแค่แมวข่วนแบบนั้นมันจะเจ็บสักเท่าไหร่กันวะ!

    มิสึกิตวัดมองรอยถลอกเล็กๆ ที่แขนซึ่งได้มาตอนมิสึรุลื่นล้มหน้าบ้าน เขายังไม่ได้สำเร็จโทษเจ้าน้องชายตัวแสบที่ดันตามมาช้าเพราะมัวแต่ส่งคนที่ตัวเองอัดไปโรงพยาบาลเลยนะ!

    “โอย... ปวดหัว”มิอุกุมขมับพลางทิ้งตัวลงบนตักของมิสึกิ “สงสัยเมื่อคืนดื่มมากไปหน่อย...”

    อากิระพ่นลมหายใจพรืดเมื่อเห็นท่าไม้ตาย 100 เล่มเกวียนที่พี่สาวของเขาขุดออกมาใช้... ถึงจะเมาแค่ไหนแต่แม่คุณน่ะน็อคยาก พลังชีวิตเหลือเฟือยิ่งกว่าแมลงสาบเสียอีก

    คงกะเล่นบทออดอ้อนล่ะสิท่า...

    “เอางี้สิจ้ะ บ้านที่นี่ก็มีห้องเหลือเฟือ ยังไงเราก็รู้จักกันก็พักที่นี่ก็ได้ จะได้ไม่ต้องเปลืองค่าโรงแรมด้วย”

    “ไม่!”มิสึกิตอบโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด มิอุทำแก้มป่อง

    “มิสึกิคุงใจร้าย... แล้วไอ้ผ้าคลุมเนี่ย ใส่ทำไม หน้าตาก็น่ารักออกจะตาย”

    “อย่ายุ่ง!”เขาแว้ดลั่นเมื่อแม่ตัวดีทำท่าจะดึงผ้าคลุมศีรษะของเขาออก กว่าจะเจรจาเอาผ้าคลุมคืนมาได้ก็แทบตายเรื่องอะไรจะถอด! “ปล่อยฉันนะ ฉันจะกลับบ้าน!”

    “ฮึ! ก็ได้ๆ แต่ฉันไม่ยอมรามือหรอกนะ!”มิอุสวมกอดมิสึกิทีหนึ่งก่อนจะขยิบตาอย่างน่ารัก “เดี๋ยวให้อากิจังไปส่ง”

    “ผมปวดหัว...ง่วงนอนขับรถไม่ไหวหรอกครับ” อากิระปฎิเสธด้วยรอยยิ้ม มิอุตวัดมองไปยังนารุมิเป็นเป้าหมายต่อไปแต่พ่อคุณชายกลับลุกหนีไปเสียดื้อๆ

    “นี่...อะไรกัน จะให้แขกกลับไปเองแบบนี้ได้ไงล่ะ...”

    “ฉันกลับเองได้! มิสึรุ!”มิสึกิตวัดมองน้องชายที่สะดุ้งเล็กน้อย ก่อนใบหน้าน่ารักนั้นจะบิดเบี้ยวแล้วซีดสลดลงเหมือนใกล้ตายในนาทีอันใกล้

    “ผม...กลับไม่ไหวหรอกครับ...ยังเจ็บแผลแล้วก็เพลียอยู่เลย”มิสึรุทำหน้าน่าสงสารผิดกับเมื่อ 5 นาทีก่อนลิบลับ มิสึกิแทบคลั่ง

    “งั้นฉันกลับคนเดียวก็ได้!”

    “ไม่ได้!”มิอุโพล่งลั่น พลางหันไปหาน้องชายคนเล็กที่เตรียมจะชิ่งหนีอีกคน “อากิจัง... ไปส่งมิสึกิคุงหน่อยสิ”

    “ผมยังเพลียอยู่เลยครับ...”

    “ฉันกลับเองได้!”

    “เอ๊ะ! คู่นี้นี่ยังไงเนี่ย! เมื่อเช้ายังเห็นนอนกอดกันอยู่เลยแต่พอจะให้ไปส่งกลับเล่นตัว!”

    ราวสายฟ้าฟาด! อากิระแทบร่วงลงจากเก้าอี้หลังจากฟังคำพูดชวนคิดลึกจากพี่สาวของตนเอง มิสึรุเบิกตากว้างเหมือนเห็นผี ในขณะที่ใบหน้าใต้ผ้าคลุมของมิสึกิเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ

    “พี่เข้าใจผิดแล้ว...หมอนั่นลื่นล้มเฉยๆ”อากิระแก้ตัว

    “ไม่รู้ล่ะ ถ้าอากิจังไม่ไปส่งก็ให้มิสึกิคุงนอนค้างที่นี่ ...ห้องอากิจังน่ะแหละ!”

    มิสึรุรีบกลบเกลื่อนเสียงหัวเราะโดยการทำเป็นสำลักน้ำ เขาตีสีหน้าอ่อนเพลียก่อนจะทำเป็นแกล้งหลับบนโซฟาตัวนั้นอย่างตัดปัญหา มิสึกิมองอากิระอย่างเฉือดเฉือนในขณะที่อีกคนก็สบสู้ไม่แพ้กัน

    “งั้น...ฉันนอนนี่ก็ได้แต่ไม่เอาห้องหมอนั่น!”มิสึกิชี้นิ้วไปยังใบหน้าหล่อเหลาของอากิระที่ยิ้มหวานรับ

    “ฉันก็ไม่อยากให้คนที่ดูเหมือนซากศพมานอนบนเตียงนักหรอก ไม่อยากปัดรังควาญ”

    “งั้นใครใช้ให้แกทำ!”

    “ก็ไม่อยากทำนักหรอก...แต่เห็นคนที่มันโง่จนลื่นล้มหัวฟาดพื้นสลบแล้ว...”อากิระพ่นลมออกจากจมูก มิสึกิเต้นผาง

    “ฉันจะสาปแช่งแก!”

    “เชิญ...แต่ทางที่ดีควรจะถอนคำสาปออกจากตัวเองก่อนนะ จะได้เลิกเหมือนศพสักที”

    “เอ้า พอ!”มิอุรีบเข้าไปห้ามทัพ เด็กสาวหันไปมองน้องชายคนเล็กที่ไม่เคยเห็นต่อปากต่อคำกับใครแบบนี้มาก่อน “มิสึกิคุง...เราขึ้นไปดูห้องกันดีกว่า”

    เธอพูดตัดปัญหาพลางกึ่งลากกึ่งจูงเด็กหนุ่มตัวดี มิสึกิหันมาส่งสายตาอาฆาตให้อากิระส่งท้ายซึ่งอากิระก็ตอบโต้ด้วยรอยยิ้มนุ่มนวลบนเรียวปาก...





    ~~~ Death + Destiny ~~~






    “ตายซะๆๆๆ คาวามูระ อากิระ แกตายซะเถอะ!!!”มิสึกิระบายความอัดอั้นใส่ตุ๊กตาฟางตัวจ้อย เจ้าตุ๊กตาเคราะห์ร้ายที่สภาพเริ่มไม่เหมือนตุ๊กตาเพราะแขนขาเริ่มเหวี่ยงไปคนละทิศละทาง

    “ช่วงนี้หงุดหงิดจังเลยนะมิสึกิคุง?”หัวหน้าพิธีกรรมเอ่ยเมื่อเห็นว่าอารมณ์ของเด็กหนุ่มไม่ค่อยเสถียรนัก ทุกครั้งหลังเสร็จพิธีก็มักจะมานั่งตอกตุ๊กตาสาปแช่งใส่ใครคนหนึ่ง...

    “หึ! ไม่หรอกครับ”มิสึกิพ่นลมหายใจก่อนจะเหวี่ยงเจ้าตุ๊กตาในมือลงบนพื้น “ว่าแต่...นี่ก็ใกล้พิธีกรรมครั้งสุดท้ายเข้าไปทุกที แล้วของสิ่งนั้นตกลงว่าไงครับ?”

    “นี่ล่ะที่ฉันจะพูดล่ะ”ใบหน้าอวบอูมของชายหนุ่มแย้มรอยยิ้มกว้าง เขาควักอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋า มิสึกิหรี่ตาลง

    นิตยสาร?

    “คนนี้ไงล่ะ ทั้งชื่อ วันเกิด ดวง สายเลือด เหมาะจะเป็นเครื่องสังเวยของเราที่สุด”ชายหนุ่มหัวเราะพลางส่งหน้าที่เปิดค้างให้ร่างโปร่ง แล้วเพียงมองเห็นใบหน้าคนที่อยู่ในนั้นแว่บแรก...เขาก็เขวี้ยงหนังสือลงพื้น!

    “ไม่!”เด็กหนุ่มเขี่ยหน้ากระดาษนั้นด้วยเท้าราวกับมันเป็นสิ่งที่แสนจะน่ารังเกียจ เจ้าของนิตยสารรีบเก็บขึ้นมาอย่างทะนุถนอม “ไม่เอาหมอนี่!” เขายื่นคำขาด

    “ถ้าไม่ใช่คนนี้ก็ไม่ได้หรอก...ถ้าจะหาคนอื่นวันทำพิธีก็จะคลาดเคลื่อนไป อีกอย่างมิสึกิคุงก็รู้จักเขาไม่ใช่เหรอ เห็นมิสึรุคุงเคยบอก”

    “อย่าเอาฉันไปรวมกับคนพรรค์นี้”เด็กหนุ่มเอ่ยเสียงเหี้ยม “ยังไงฉันก็จะเปลี่ยน”

    “เปลี่ยนไม่ได้... ต้องคนนี้เท่านั้น”

    “งั้นก็ไม่ทงไม่ทำมันแล้ว!”มิสึกิตัดรอนอย่างดื้อดึง คนฟังขมวดคิ้วมุ่น

    “ไม่ได้หรอกนะมิสึกิคุง...”เขาเอ่ยเสียงแหบต่ำ “เพราะถ้าไม่ทำขั้นสุดท้าย...พิธีกรรมที่ทำมาทั้งหมดมันจะสะท้อนกลับไปหาเธอ ไม่สิ! ไม่ใช่แค่เธอ คนรอบตัวเธอจะพลอยเคราะห์ร้ายไปด้วย!”

    ถ้อยคำที่ราวกับคำสาปร้าย!

    มิสึกิขมวดคิ้วมุ่น ริมฝีปากบางเม้มแน่นเป็นเส้นตรง นัยน์ตาสีดำเป็นประกายระริกด้วยความโมโห

    ทุกอย่างเป็นความผิดของนายคนเดียว! คาวามูระ อากิระ!









    “ทำไมฉันต้องไปกับนาย?”

    คำตอบเป็นอย่างที่มิสึกิคาด เขาพยายามข่มอกข่มใจเมื่อเห็นว่าใบหน้านั้นยังทำเป็นให้ความสนใจกับหนังสือเสียเต็มประดา

    “ไปแค่นิดเดียวมันจะตายไหมล่ะ!”

    “ก็ไม่...”เด็กหนุ่มลากเสียงเอื่อย รอยยิ้มบางๆ จุดที่มุมปาก “แต่ถ้านายเป็นคนขอ ฉันก็ไม่อยากไปเท่าไหร่...”

    อ้ากกกกกกกกกกกก!!!!!

    มิสึกิเข้าสู่สภาวะคลุ้มคลั่ง อยากจะกระโดดไปบีบคอนั่นให้หักเป็นสองท่อนแต่ก็ต้องข่มอารมณ์ลึก

    ท่องไว้ๆ ...มิสึรุ สึโยชิ สึโบมิ...

    “ฉัน...ขอร้อง”เขากัดฟันกรอดเมื่อประโยคบาดใจหลุดรอดจากริมฝีปาก คนที่ทำเป็นง่วนอยู่กับหนังสือเงยหน้าขึ้น รอยยิ้มหวานระบายบนใบหน้า

    “ขอร้อง...อืม...ไปดีไหมนะ?”หมอนั่นทำท่ากวนประสาทน่าต่อย! ไอ้รอยยิ้มบนหน้านั้นน่ะมันฟ้องอยู่ทนโท่ว่าแกชอบใจ!

    “เอางี้...ฉันมีข้อแลกเปลี่ยน...”

    เป็นข้อแลกเปลี่ยนที่ดูไม่น่าไว้ใจเสียเลย... ยิ่งมาจากไอ้หมอนี่เขาก็ยิ่งรู้สึกว่ามันมีอะไรไม่ชอบมาพากล

    “อะไร!”มิสึกิตวาดแว้ด อากิระทำเป็นนิ่งคิด

    “ตกลงถ่ายแบบกับมิอุซะ”

    “ไม่!”

    “งั้นฉันก็ไม่...”อากิระสรุปง่ายๆ สั้นๆ เรียกให้คนฟังเต้นระริก

    “แกก็ถ่ายด้วยไม่ใช่รึไง! แล้วฉันกับแกก็ไม่ชอบหน้ากันแล้วจะให้ถ่ายด้วยทำไม!”

    “มันเป็นงาน...”อีกอย่างแกล้งนายก็สนุกดี...

    อากิระจ้องไปยังผ้าคลุมที่ปกคลุมใบหน้า สามารถจินตนาการได้เลยว่าใบหน้าใต้ผ้าคลุมนั่นคงลุกโชนด้วยเพลิงอาฆาต “แล้วแต่นะ...นายถ่ายแบบ ได้เงิน ได้ชื่อเสียง แล้วฉันก็ยอมไปตามสัญญา มีอะไรเสียหาย?”

    เสียความรู้สึกไงล่ะไอ้โง่!

    มิสึกิกำหมัดแน่น คำพูดของหัวหน้าพิธีกรรมลอยวนอยู่ในหู ...เขาเกลียดการเป็นเป้าสายตา เกลียดการที่มีใครจ้องหน้า เกลียดคนมากๆ เกลียดแสงสว่าง และที่สำคัญ...

    เขาเกลียด คาวามูระ อากิระ!

    “ตกลง”มิสึกิสรุปเสียงแข็งหลังจากคำนวณในใจว่าผลดีมันมากกว่าผลเสียแบบก่ำกึ่ง คุณชายเล็กตระกูลคาวามูระชะงักนิดหนึ่ง ระบายยิ้มหวานหยดจนคนมองเริ่มไม่ไว้ใจ

    “ดี...ฉันรอที่จะร่วมงานกับนายแทบไม่ไหวแล้ว...”เขาจ้องไปยังผ้าคลุมสีดำสนิทบริเวณที่คาดว่าจะเป็นดวงตากลมโตนั่น เพียงนึกถึงแววตานั้นอะไรบางอย่างก็ปั่นป่วนเกินควบคุม...

    การถ่ายแบบครั้งนี้ต้องสนุกแน่ๆ!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×