ลำดับตอนที่ #42
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #42 : [Nor Like special]Destiny or Deathiny? 3
3
Destiny or Deathiny?
มิสึกิรู้สึกร่างกายหนักอึ้งไปหมด...
เด็กหนุ่มยกมือขึ้นกุมศีรษะ ความปวดบริเวณศีรษะแล่นจี๊ดจนน้ำตาไหล เขาเอื้อมมือลูบรอยปูดด้านหลังหัว คาดว่ามันจะต้องเขียวช้ำเป็นแน่
ดวงตากลมโตสีดำสนิทกวาดมองไปรอบด้าน... เขานอนอยู่บนเตียงสีขาวสะอาด สภาพห้องดูสะอาดสะอ้านทำให้เด็กหนุ่มยิ่งมั่นใจว่านี่ไม่ใช่ห้องของเขาแน่ๆ! พยายามทบทวนภาพความทรงจำอย่างเลือนราง .
..ภาพของใครบางคนผุดขึ้นมาในมโนภาพ...
“ว้ากกกกกกกก!!!!” มิสึกิร้องลั่นเมื่อก้มลงเห็นว่าเสื้อคลุมตัวเก่งของเขากลับอันตรธานหายไปเสียแล้ว สิ่งที่สวมติดตัวมีเพียงแค่กางเกงในตัวเดียว แม้แต่กางเกงขายาวที่ถูกใส่ทับไว้อีกชั้นก็ถูกถอด!
“ตื่นแล้วเหรอ?” น้ำเสียงนุ่มนวลดังมาจากประตู ร่างสูงยกถอดอาหารเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มหวานประดับบนเรียวปากได้รูป “กินอาหารเช้าก่อนสิ”
“แก!” มิสึกิกัดฟันกรอด มองเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างเคียดแค้นและคนโดนมองก็ไม่ค่อยเข้าความหมาย “เสื้อผ้าฉัน!”
“มันเปื้อนน่ะฉันเลยเอาไปให้แม่บ้านซัก ใส่เสื้อผ้าฉันไปก่อนละกัน” ว่าพลางก็พยักเพยิดไปยังกองเสื้อผ้าข้างเตียง มิสึกิสะบัดหน้าหนี
“ฉันจะเอาเสื้อผ้าฉัน!”
“มันยังไม่แห้ง...”
“แกจะขโมยรึไง!” มิสึกิเริ่มหาเรื่อง อากิระได้แต่ทอดถอนใจอย่างเหนื่อยหน่าย
เสื้อผ้าแบบนั้นใครจะไปอยากได้...
“ที่นี่ที่ไหน?”
“บ้านฉัน” อากิระตอบเรียบๆ เริ่มหงุดหงิดเล็กน้อยที่โดนคนไม่รู้จักจิกหัวด่าทั้งที่เพิ่งจะช่วยให้รอดตายมาเมื่อคืน
“บ้านแกอยู่แถวไหน!”
“โอซาก้า”เขาจงใจตอบกวนประสาท ในเมื่ออีกคนพูดไม่ดีเขาก็ไม่มีอารมณ์จะสวมหน้ากากเทวดานักหรอก “รู้จักใช่ไหม?”
“แก๊!!!”มิสึกิทำท่าเหมือนพยายามพ่นไฟ เด็กหนุ่มถลึงตามองรอยยิ้มหวานของอีกคน “พาฉันไปส่งบ้านเดี๋ยวนี้!”
“ไม่ล่ะ ไม่ใช่หน้าที่สักหน่อย”อากิระพูดเรื่อยเฉื่อย ยิ่งพอเห็นท่าทางโมโหเป็นฟืนเป็นไฟของอีกคนเขายิ่งอารมณ์ดีอย่างบอกไม่ถูก “จะกลับก็กลับเองสิ...”
“งั้นเอาเสื้อผ้าฉันคืนมา!”
“ยังไม่แห้ง”
“ไม่แห้งก็เอามา!”
“ไม่ให้...”อากิระกลั้นหัวเราะเมื่อใบหน้าของอีกคนเปลี่ยนเป็นสีแดงสลับม่วงเหมือนสัญญาณไฟจราจร เจ้าตัวทำท่าจะควักอะไรบางอย่างหากกลับชะงักกึก
“กระเป๋าฉัน!”ว่าแล้วก็ช้อนตาขึ้นมองอีกคนในห้องอย่างคาดโทษ “แกเอากระเป๋าฉันไปไว้ไหน!”
“โน่นแหนะ” อากิระบุ้ยใบ้ไปยังกองผ้าขยุมขยุยตรงโซฟา มิสึกิตั้งท่าจะวิ่งไปหยิบหากอีกคนกลับไวกว่า อากิระกระโดดผลุงเดียวก็นั่งทับร่างอีกคนที่กำลังจะลุกไว้ได้สำเร็จ
“แก! ลุกเดี๋ยวนี้นะ”
“ไม่ล่ะ... ถ้าลุกไปนายก็เอาของในนั้นมาสาปแช่งฉันน่ะสิ...”
“ลุกไป!” มิสึกิโมโหจนควันออกหู เขามองเสี้ยวหน้าด้านข้างของคนเบื้องบนก่อนจะผลักสุดแรง!
อากิระถูกดันจนตกลงบนเตียงนุ่ม เขายิ้มกว้างอย่างจงใจก่อนจะฉุดแขนร่างที่เตรียมลุกหนีจนร่างนั้นร่วงหล่นลงบนอกของเด็กหนุ่มโครมใหญ่
“ปล่อยนะเว้ย!”มิสึกิร้องลั่น พยายามดึงแขนให้หลุดจากการเกาะกุมของคนเบื้องล่าง เขาเม้มริมฝีปากพลางเงยหน้าขึ้นอย่างเอาเรื่อง แล้วสายตาของทั้งคู่ก็ประสานกัน...
อีกแล้ว...
อากิระหนักใจกับตัวเองที่ดันเผลอหวั่นไหวไปกับดวงตาสีดำนั่น... แม้จะยังไม่เท่าอีกคนที่ดูเหมือนจะสติแตกอยู่กับอาการของตนเอง...
“อากิจัง!” เสียงหวานดังมาจากประตูเรียกให้ร่างทั้งสองหันขวับ พี่สาวคนโตตระกูลคาวามูระเบิกตากว้าง ใบหน้าขึ้นสีเรื่อ...
“ขอโทษที่มาขัดจังหวะ!”ว่าแล้วเธอก็ผลุนผลันจากไป อากิระอ้าปากค้าง แต่ก็ได้ไม่ถึง 10 วินาทีเมื่อเด็กสาววิ่งกลับมาอีกครั้ง นัยน์ตาคู่สวยฉายประกายระริก
“เจอแล้ว!”
อากิระไม่ทันได้ตีความคำพูดนั้นมิอุก็ถลาเข้ามาหาคนที่ดิ้นขลุกขลักบนตัวของเขา เด็กสาวคว้าร่างของมิสึกิมาใกล้ๆ ก่อนจะมองไปทั่วร่างอย่างไม่ปิดบัง
“เธอสนใจเป็นพรีเซนเตอร์น้ำหอมไหมจ้ะ?”คำพูดที่ราวกับคำสาปร้ายที่สาปให้ทั้งสองแข็งเป็นหิน
มันได้กลายเป็นโฆษณาเปื้อนเลือดแน่ๆ!
“โธ่... มิสึกิคุงไม่เปลี่ยนใจจริงๆ เหรอ?”มิอุกระแซะเข้าไปใกล้ร่างที่รีบเขยิบหนี เธอช้อนตาขึ้นอย่างออดอ้อน “เธอน่ะเหมาะที่สุดแล้ว...เหมาะกว่านารุมิอีก”
“ไม่!”มิสึกิตัดรอนเป็นครั้งที่ร้อยได้ แต่อีกคนก็ยังไม่ยอมรามือ
“นะ...นะจ้ะ”
“มิสึรุ กลับ!”เขาหันไปสั่งน้องชายที่มาสมทบก่อนหน้านี้ไม่นานอย่างเด็ดขาด มิสึรุทำแก้มป่อง
“เดี๋ยวสิพี่ ผมยังเจ็บแผล”
ไอ้แผลแค่แมวข่วนแบบนั้นมันจะเจ็บสักเท่าไหร่กันวะ!
มิสึกิตวัดมองรอยถลอกเล็กๆ ที่แขนซึ่งได้มาตอนมิสึรุลื่นล้มหน้าบ้าน เขายังไม่ได้สำเร็จโทษเจ้าน้องชายตัวแสบที่ดันตามมาช้าเพราะมัวแต่ส่งคนที่ตัวเองอัดไปโรงพยาบาลเลยนะ!
“โอย... ปวดหัว”มิอุกุมขมับพลางทิ้งตัวลงบนตักของมิสึกิ “สงสัยเมื่อคืนดื่มมากไปหน่อย...”
อากิระพ่นลมหายใจพรืดเมื่อเห็นท่าไม้ตาย 100 เล่มเกวียนที่พี่สาวของเขาขุดออกมาใช้... ถึงจะเมาแค่ไหนแต่แม่คุณน่ะน็อคยาก พลังชีวิตเหลือเฟือยิ่งกว่าแมลงสาบเสียอีก
คงกะเล่นบทออดอ้อนล่ะสิท่า...
“เอางี้สิจ้ะ บ้านที่นี่ก็มีห้องเหลือเฟือ ยังไงเราก็รู้จักกันก็พักที่นี่ก็ได้ จะได้ไม่ต้องเปลืองค่าโรงแรมด้วย”
“ไม่!”มิสึกิตอบโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด มิอุทำแก้มป่อง
“มิสึกิคุงใจร้าย... แล้วไอ้ผ้าคลุมเนี่ย ใส่ทำไม หน้าตาก็น่ารักออกจะตาย”
“อย่ายุ่ง!”เขาแว้ดลั่นเมื่อแม่ตัวดีทำท่าจะดึงผ้าคลุมศีรษะของเขาออก กว่าจะเจรจาเอาผ้าคลุมคืนมาได้ก็แทบตายเรื่องอะไรจะถอด! “ปล่อยฉันนะ ฉันจะกลับบ้าน!”
“ฮึ! ก็ได้ๆ แต่ฉันไม่ยอมรามือหรอกนะ!”มิอุสวมกอดมิสึกิทีหนึ่งก่อนจะขยิบตาอย่างน่ารัก “เดี๋ยวให้อากิจังไปส่ง”
“ผมปวดหัว...ง่วงนอนขับรถไม่ไหวหรอกครับ” อากิระปฎิเสธด้วยรอยยิ้ม มิอุตวัดมองไปยังนารุมิเป็นเป้าหมายต่อไปแต่พ่อคุณชายกลับลุกหนีไปเสียดื้อๆ
“นี่...อะไรกัน จะให้แขกกลับไปเองแบบนี้ได้ไงล่ะ...”
“ฉันกลับเองได้! มิสึรุ!”มิสึกิตวัดมองน้องชายที่สะดุ้งเล็กน้อย ก่อนใบหน้าน่ารักนั้นจะบิดเบี้ยวแล้วซีดสลดลงเหมือนใกล้ตายในนาทีอันใกล้
“ผม...กลับไม่ไหวหรอกครับ...ยังเจ็บแผลแล้วก็เพลียอยู่เลย”มิสึรุทำหน้าน่าสงสารผิดกับเมื่อ 5 นาทีก่อนลิบลับ มิสึกิแทบคลั่ง
“งั้นฉันกลับคนเดียวก็ได้!”
“ไม่ได้!”มิอุโพล่งลั่น พลางหันไปหาน้องชายคนเล็กที่เตรียมจะชิ่งหนีอีกคน “อากิจัง... ไปส่งมิสึกิคุงหน่อยสิ”
“ผมยังเพลียอยู่เลยครับ...”
“ฉันกลับเองได้!”
“เอ๊ะ! คู่นี้นี่ยังไงเนี่ย! เมื่อเช้ายังเห็นนอนกอดกันอยู่เลยแต่พอจะให้ไปส่งกลับเล่นตัว!”
ราวสายฟ้าฟาด! อากิระแทบร่วงลงจากเก้าอี้หลังจากฟังคำพูดชวนคิดลึกจากพี่สาวของตนเอง มิสึรุเบิกตากว้างเหมือนเห็นผี ในขณะที่ใบหน้าใต้ผ้าคลุมของมิสึกิเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ
“พี่เข้าใจผิดแล้ว...หมอนั่นลื่นล้มเฉยๆ”อากิระแก้ตัว
“ไม่รู้ล่ะ ถ้าอากิจังไม่ไปส่งก็ให้มิสึกิคุงนอนค้างที่นี่ ...ห้องอากิจังน่ะแหละ!”
มิสึรุรีบกลบเกลื่อนเสียงหัวเราะโดยการทำเป็นสำลักน้ำ เขาตีสีหน้าอ่อนเพลียก่อนจะทำเป็นแกล้งหลับบนโซฟาตัวนั้นอย่างตัดปัญหา มิสึกิมองอากิระอย่างเฉือดเฉือนในขณะที่อีกคนก็สบสู้ไม่แพ้กัน
“งั้น...ฉันนอนนี่ก็ได้แต่ไม่เอาห้องหมอนั่น!”มิสึกิชี้นิ้วไปยังใบหน้าหล่อเหลาของอากิระที่ยิ้มหวานรับ
“ฉันก็ไม่อยากให้คนที่ดูเหมือนซากศพมานอนบนเตียงนักหรอก ไม่อยากปัดรังควาญ”
“งั้นใครใช้ให้แกทำ!”
“ก็ไม่อยากทำนักหรอก...แต่เห็นคนที่มันโง่จนลื่นล้มหัวฟาดพื้นสลบแล้ว...”อากิระพ่นลมออกจากจมูก มิสึกิเต้นผาง
“ฉันจะสาปแช่งแก!”
“เชิญ...แต่ทางที่ดีควรจะถอนคำสาปออกจากตัวเองก่อนนะ จะได้เลิกเหมือนศพสักที”
“เอ้า พอ!”มิอุรีบเข้าไปห้ามทัพ เด็กสาวหันไปมองน้องชายคนเล็กที่ไม่เคยเห็นต่อปากต่อคำกับใครแบบนี้มาก่อน “มิสึกิคุง...เราขึ้นไปดูห้องกันดีกว่า”
เธอพูดตัดปัญหาพลางกึ่งลากกึ่งจูงเด็กหนุ่มตัวดี มิสึกิหันมาส่งสายตาอาฆาตให้อากิระส่งท้ายซึ่งอากิระก็ตอบโต้ด้วยรอยยิ้มนุ่มนวลบนเรียวปาก...
~~~ Death + Destiny ~~~
“ตายซะๆๆๆ คาวามูระ อากิระ แกตายซะเถอะ!!!”มิสึกิระบายความอัดอั้นใส่ตุ๊กตาฟางตัวจ้อย เจ้าตุ๊กตาเคราะห์ร้ายที่สภาพเริ่มไม่เหมือนตุ๊กตาเพราะแขนขาเริ่มเหวี่ยงไปคนละทิศละทาง
“ช่วงนี้หงุดหงิดจังเลยนะมิสึกิคุง?”หัวหน้าพิธีกรรมเอ่ยเมื่อเห็นว่าอารมณ์ของเด็กหนุ่มไม่ค่อยเสถียรนัก ทุกครั้งหลังเสร็จพิธีก็มักจะมานั่งตอกตุ๊กตาสาปแช่งใส่ใครคนหนึ่ง...
“หึ! ไม่หรอกครับ”มิสึกิพ่นลมหายใจก่อนจะเหวี่ยงเจ้าตุ๊กตาในมือลงบนพื้น “ว่าแต่...นี่ก็ใกล้พิธีกรรมครั้งสุดท้ายเข้าไปทุกที แล้วของสิ่งนั้นตกลงว่าไงครับ?”
“นี่ล่ะที่ฉันจะพูดล่ะ”ใบหน้าอวบอูมของชายหนุ่มแย้มรอยยิ้มกว้าง เขาควักอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋า มิสึกิหรี่ตาลง
นิตยสาร?
“คนนี้ไงล่ะ ทั้งชื่อ วันเกิด ดวง สายเลือด เหมาะจะเป็นเครื่องสังเวยของเราที่สุด”ชายหนุ่มหัวเราะพลางส่งหน้าที่เปิดค้างให้ร่างโปร่ง แล้วเพียงมองเห็นใบหน้าคนที่อยู่ในนั้นแว่บแรก...เขาก็เขวี้ยงหนังสือลงพื้น!
“ไม่!”เด็กหนุ่มเขี่ยหน้ากระดาษนั้นด้วยเท้าราวกับมันเป็นสิ่งที่แสนจะน่ารังเกียจ เจ้าของนิตยสารรีบเก็บขึ้นมาอย่างทะนุถนอม “ไม่เอาหมอนี่!” เขายื่นคำขาด
“ถ้าไม่ใช่คนนี้ก็ไม่ได้หรอก...ถ้าจะหาคนอื่นวันทำพิธีก็จะคลาดเคลื่อนไป อีกอย่างมิสึกิคุงก็รู้จักเขาไม่ใช่เหรอ เห็นมิสึรุคุงเคยบอก”
“อย่าเอาฉันไปรวมกับคนพรรค์นี้”เด็กหนุ่มเอ่ยเสียงเหี้ยม “ยังไงฉันก็จะเปลี่ยน”
“เปลี่ยนไม่ได้... ต้องคนนี้เท่านั้น”
“งั้นก็ไม่ทงไม่ทำมันแล้ว!”มิสึกิตัดรอนอย่างดื้อดึง คนฟังขมวดคิ้วมุ่น
“ไม่ได้หรอกนะมิสึกิคุง...”เขาเอ่ยเสียงแหบต่ำ “เพราะถ้าไม่ทำขั้นสุดท้าย...พิธีกรรมที่ทำมาทั้งหมดมันจะสะท้อนกลับไปหาเธอ ไม่สิ! ไม่ใช่แค่เธอ คนรอบตัวเธอจะพลอยเคราะห์ร้ายไปด้วย!”
ถ้อยคำที่ราวกับคำสาปร้าย!
มิสึกิขมวดคิ้วมุ่น ริมฝีปากบางเม้มแน่นเป็นเส้นตรง นัยน์ตาสีดำเป็นประกายระริกด้วยความโมโห
ทุกอย่างเป็นความผิดของนายคนเดียว! คาวามูระ อากิระ!
“ทำไมฉันต้องไปกับนาย?”
คำตอบเป็นอย่างที่มิสึกิคาด เขาพยายามข่มอกข่มใจเมื่อเห็นว่าใบหน้านั้นยังทำเป็นให้ความสนใจกับหนังสือเสียเต็มประดา
“ไปแค่นิดเดียวมันจะตายไหมล่ะ!”
“ก็ไม่...”เด็กหนุ่มลากเสียงเอื่อย รอยยิ้มบางๆ จุดที่มุมปาก “แต่ถ้านายเป็นคนขอ ฉันก็ไม่อยากไปเท่าไหร่...”
อ้ากกกกกกกกกกกก!!!!!
มิสึกิเข้าสู่สภาวะคลุ้มคลั่ง อยากจะกระโดดไปบีบคอนั่นให้หักเป็นสองท่อนแต่ก็ต้องข่มอารมณ์ลึก
ท่องไว้ๆ ...มิสึรุ สึโยชิ สึโบมิ...
“ฉัน...ขอร้อง”เขากัดฟันกรอดเมื่อประโยคบาดใจหลุดรอดจากริมฝีปาก คนที่ทำเป็นง่วนอยู่กับหนังสือเงยหน้าขึ้น รอยยิ้มหวานระบายบนใบหน้า
“ขอร้อง...อืม...ไปดีไหมนะ?”หมอนั่นทำท่ากวนประสาทน่าต่อย! ไอ้รอยยิ้มบนหน้านั้นน่ะมันฟ้องอยู่ทนโท่ว่าแกชอบใจ!
“เอางี้...ฉันมีข้อแลกเปลี่ยน...”
เป็นข้อแลกเปลี่ยนที่ดูไม่น่าไว้ใจเสียเลย... ยิ่งมาจากไอ้หมอนี่เขาก็ยิ่งรู้สึกว่ามันมีอะไรไม่ชอบมาพากล
“อะไร!”มิสึกิตวาดแว้ด อากิระทำเป็นนิ่งคิด
“ตกลงถ่ายแบบกับมิอุซะ”
“ไม่!”
“งั้นฉันก็ไม่...”อากิระสรุปง่ายๆ สั้นๆ เรียกให้คนฟังเต้นระริก
“แกก็ถ่ายด้วยไม่ใช่รึไง! แล้วฉันกับแกก็ไม่ชอบหน้ากันแล้วจะให้ถ่ายด้วยทำไม!”
“มันเป็นงาน...”อีกอย่างแกล้งนายก็สนุกดี...
อากิระจ้องไปยังผ้าคลุมที่ปกคลุมใบหน้า สามารถจินตนาการได้เลยว่าใบหน้าใต้ผ้าคลุมนั่นคงลุกโชนด้วยเพลิงอาฆาต “แล้วแต่นะ...นายถ่ายแบบ ได้เงิน ได้ชื่อเสียง แล้วฉันก็ยอมไปตามสัญญา มีอะไรเสียหาย?”
เสียความรู้สึกไงล่ะไอ้โง่!
มิสึกิกำหมัดแน่น คำพูดของหัวหน้าพิธีกรรมลอยวนอยู่ในหู ...เขาเกลียดการเป็นเป้าสายตา เกลียดการที่มีใครจ้องหน้า เกลียดคนมากๆ เกลียดแสงสว่าง และที่สำคัญ...
เขาเกลียด คาวามูระ อากิระ!
“ตกลง”มิสึกิสรุปเสียงแข็งหลังจากคำนวณในใจว่าผลดีมันมากกว่าผลเสียแบบก่ำกึ่ง คุณชายเล็กตระกูลคาวามูระชะงักนิดหนึ่ง ระบายยิ้มหวานหยดจนคนมองเริ่มไม่ไว้ใจ
“ดี...ฉันรอที่จะร่วมงานกับนายแทบไม่ไหวแล้ว...”เขาจ้องไปยังผ้าคลุมสีดำสนิทบริเวณที่คาดว่าจะเป็นดวงตากลมโตนั่น เพียงนึกถึงแววตานั้นอะไรบางอย่างก็ปั่นป่วนเกินควบคุม...
การถ่ายแบบครั้งนี้ต้องสนุกแน่ๆ!
Destiny or Deathiny?
มิสึกิรู้สึกร่างกายหนักอึ้งไปหมด...
เด็กหนุ่มยกมือขึ้นกุมศีรษะ ความปวดบริเวณศีรษะแล่นจี๊ดจนน้ำตาไหล เขาเอื้อมมือลูบรอยปูดด้านหลังหัว คาดว่ามันจะต้องเขียวช้ำเป็นแน่
ดวงตากลมโตสีดำสนิทกวาดมองไปรอบด้าน... เขานอนอยู่บนเตียงสีขาวสะอาด สภาพห้องดูสะอาดสะอ้านทำให้เด็กหนุ่มยิ่งมั่นใจว่านี่ไม่ใช่ห้องของเขาแน่ๆ! พยายามทบทวนภาพความทรงจำอย่างเลือนราง .
..ภาพของใครบางคนผุดขึ้นมาในมโนภาพ...
“ว้ากกกกกกกก!!!!” มิสึกิร้องลั่นเมื่อก้มลงเห็นว่าเสื้อคลุมตัวเก่งของเขากลับอันตรธานหายไปเสียแล้ว สิ่งที่สวมติดตัวมีเพียงแค่กางเกงในตัวเดียว แม้แต่กางเกงขายาวที่ถูกใส่ทับไว้อีกชั้นก็ถูกถอด!
“ตื่นแล้วเหรอ?” น้ำเสียงนุ่มนวลดังมาจากประตู ร่างสูงยกถอดอาหารเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มหวานประดับบนเรียวปากได้รูป “กินอาหารเช้าก่อนสิ”
“แก!” มิสึกิกัดฟันกรอด มองเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างเคียดแค้นและคนโดนมองก็ไม่ค่อยเข้าความหมาย “เสื้อผ้าฉัน!”
“มันเปื้อนน่ะฉันเลยเอาไปให้แม่บ้านซัก ใส่เสื้อผ้าฉันไปก่อนละกัน” ว่าพลางก็พยักเพยิดไปยังกองเสื้อผ้าข้างเตียง มิสึกิสะบัดหน้าหนี
“ฉันจะเอาเสื้อผ้าฉัน!”
“มันยังไม่แห้ง...”
“แกจะขโมยรึไง!” มิสึกิเริ่มหาเรื่อง อากิระได้แต่ทอดถอนใจอย่างเหนื่อยหน่าย
เสื้อผ้าแบบนั้นใครจะไปอยากได้...
“ที่นี่ที่ไหน?”
“บ้านฉัน” อากิระตอบเรียบๆ เริ่มหงุดหงิดเล็กน้อยที่โดนคนไม่รู้จักจิกหัวด่าทั้งที่เพิ่งจะช่วยให้รอดตายมาเมื่อคืน
“บ้านแกอยู่แถวไหน!”
“โอซาก้า”เขาจงใจตอบกวนประสาท ในเมื่ออีกคนพูดไม่ดีเขาก็ไม่มีอารมณ์จะสวมหน้ากากเทวดานักหรอก “รู้จักใช่ไหม?”
“แก๊!!!”มิสึกิทำท่าเหมือนพยายามพ่นไฟ เด็กหนุ่มถลึงตามองรอยยิ้มหวานของอีกคน “พาฉันไปส่งบ้านเดี๋ยวนี้!”
“ไม่ล่ะ ไม่ใช่หน้าที่สักหน่อย”อากิระพูดเรื่อยเฉื่อย ยิ่งพอเห็นท่าทางโมโหเป็นฟืนเป็นไฟของอีกคนเขายิ่งอารมณ์ดีอย่างบอกไม่ถูก “จะกลับก็กลับเองสิ...”
“งั้นเอาเสื้อผ้าฉันคืนมา!”
“ยังไม่แห้ง”
“ไม่แห้งก็เอามา!”
“ไม่ให้...”อากิระกลั้นหัวเราะเมื่อใบหน้าของอีกคนเปลี่ยนเป็นสีแดงสลับม่วงเหมือนสัญญาณไฟจราจร เจ้าตัวทำท่าจะควักอะไรบางอย่างหากกลับชะงักกึก
“กระเป๋าฉัน!”ว่าแล้วก็ช้อนตาขึ้นมองอีกคนในห้องอย่างคาดโทษ “แกเอากระเป๋าฉันไปไว้ไหน!”
“โน่นแหนะ” อากิระบุ้ยใบ้ไปยังกองผ้าขยุมขยุยตรงโซฟา มิสึกิตั้งท่าจะวิ่งไปหยิบหากอีกคนกลับไวกว่า อากิระกระโดดผลุงเดียวก็นั่งทับร่างอีกคนที่กำลังจะลุกไว้ได้สำเร็จ
“แก! ลุกเดี๋ยวนี้นะ”
“ไม่ล่ะ... ถ้าลุกไปนายก็เอาของในนั้นมาสาปแช่งฉันน่ะสิ...”
“ลุกไป!” มิสึกิโมโหจนควันออกหู เขามองเสี้ยวหน้าด้านข้างของคนเบื้องบนก่อนจะผลักสุดแรง!
อากิระถูกดันจนตกลงบนเตียงนุ่ม เขายิ้มกว้างอย่างจงใจก่อนจะฉุดแขนร่างที่เตรียมลุกหนีจนร่างนั้นร่วงหล่นลงบนอกของเด็กหนุ่มโครมใหญ่
“ปล่อยนะเว้ย!”มิสึกิร้องลั่น พยายามดึงแขนให้หลุดจากการเกาะกุมของคนเบื้องล่าง เขาเม้มริมฝีปากพลางเงยหน้าขึ้นอย่างเอาเรื่อง แล้วสายตาของทั้งคู่ก็ประสานกัน...
อีกแล้ว...
อากิระหนักใจกับตัวเองที่ดันเผลอหวั่นไหวไปกับดวงตาสีดำนั่น... แม้จะยังไม่เท่าอีกคนที่ดูเหมือนจะสติแตกอยู่กับอาการของตนเอง...
“อากิจัง!” เสียงหวานดังมาจากประตูเรียกให้ร่างทั้งสองหันขวับ พี่สาวคนโตตระกูลคาวามูระเบิกตากว้าง ใบหน้าขึ้นสีเรื่อ...
“ขอโทษที่มาขัดจังหวะ!”ว่าแล้วเธอก็ผลุนผลันจากไป อากิระอ้าปากค้าง แต่ก็ได้ไม่ถึง 10 วินาทีเมื่อเด็กสาววิ่งกลับมาอีกครั้ง นัยน์ตาคู่สวยฉายประกายระริก
“เจอแล้ว!”
อากิระไม่ทันได้ตีความคำพูดนั้นมิอุก็ถลาเข้ามาหาคนที่ดิ้นขลุกขลักบนตัวของเขา เด็กสาวคว้าร่างของมิสึกิมาใกล้ๆ ก่อนจะมองไปทั่วร่างอย่างไม่ปิดบัง
“เธอสนใจเป็นพรีเซนเตอร์น้ำหอมไหมจ้ะ?”คำพูดที่ราวกับคำสาปร้ายที่สาปให้ทั้งสองแข็งเป็นหิน
มันได้กลายเป็นโฆษณาเปื้อนเลือดแน่ๆ!
“โธ่... มิสึกิคุงไม่เปลี่ยนใจจริงๆ เหรอ?”มิอุกระแซะเข้าไปใกล้ร่างที่รีบเขยิบหนี เธอช้อนตาขึ้นอย่างออดอ้อน “เธอน่ะเหมาะที่สุดแล้ว...เหมาะกว่านารุมิอีก”
“ไม่!”มิสึกิตัดรอนเป็นครั้งที่ร้อยได้ แต่อีกคนก็ยังไม่ยอมรามือ
“นะ...นะจ้ะ”
“มิสึรุ กลับ!”เขาหันไปสั่งน้องชายที่มาสมทบก่อนหน้านี้ไม่นานอย่างเด็ดขาด มิสึรุทำแก้มป่อง
“เดี๋ยวสิพี่ ผมยังเจ็บแผล”
ไอ้แผลแค่แมวข่วนแบบนั้นมันจะเจ็บสักเท่าไหร่กันวะ!
มิสึกิตวัดมองรอยถลอกเล็กๆ ที่แขนซึ่งได้มาตอนมิสึรุลื่นล้มหน้าบ้าน เขายังไม่ได้สำเร็จโทษเจ้าน้องชายตัวแสบที่ดันตามมาช้าเพราะมัวแต่ส่งคนที่ตัวเองอัดไปโรงพยาบาลเลยนะ!
“โอย... ปวดหัว”มิอุกุมขมับพลางทิ้งตัวลงบนตักของมิสึกิ “สงสัยเมื่อคืนดื่มมากไปหน่อย...”
อากิระพ่นลมหายใจพรืดเมื่อเห็นท่าไม้ตาย 100 เล่มเกวียนที่พี่สาวของเขาขุดออกมาใช้... ถึงจะเมาแค่ไหนแต่แม่คุณน่ะน็อคยาก พลังชีวิตเหลือเฟือยิ่งกว่าแมลงสาบเสียอีก
คงกะเล่นบทออดอ้อนล่ะสิท่า...
“เอางี้สิจ้ะ บ้านที่นี่ก็มีห้องเหลือเฟือ ยังไงเราก็รู้จักกันก็พักที่นี่ก็ได้ จะได้ไม่ต้องเปลืองค่าโรงแรมด้วย”
“ไม่!”มิสึกิตอบโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด มิอุทำแก้มป่อง
“มิสึกิคุงใจร้าย... แล้วไอ้ผ้าคลุมเนี่ย ใส่ทำไม หน้าตาก็น่ารักออกจะตาย”
“อย่ายุ่ง!”เขาแว้ดลั่นเมื่อแม่ตัวดีทำท่าจะดึงผ้าคลุมศีรษะของเขาออก กว่าจะเจรจาเอาผ้าคลุมคืนมาได้ก็แทบตายเรื่องอะไรจะถอด! “ปล่อยฉันนะ ฉันจะกลับบ้าน!”
“ฮึ! ก็ได้ๆ แต่ฉันไม่ยอมรามือหรอกนะ!”มิอุสวมกอดมิสึกิทีหนึ่งก่อนจะขยิบตาอย่างน่ารัก “เดี๋ยวให้อากิจังไปส่ง”
“ผมปวดหัว...ง่วงนอนขับรถไม่ไหวหรอกครับ” อากิระปฎิเสธด้วยรอยยิ้ม มิอุตวัดมองไปยังนารุมิเป็นเป้าหมายต่อไปแต่พ่อคุณชายกลับลุกหนีไปเสียดื้อๆ
“นี่...อะไรกัน จะให้แขกกลับไปเองแบบนี้ได้ไงล่ะ...”
“ฉันกลับเองได้! มิสึรุ!”มิสึกิตวัดมองน้องชายที่สะดุ้งเล็กน้อย ก่อนใบหน้าน่ารักนั้นจะบิดเบี้ยวแล้วซีดสลดลงเหมือนใกล้ตายในนาทีอันใกล้
“ผม...กลับไม่ไหวหรอกครับ...ยังเจ็บแผลแล้วก็เพลียอยู่เลย”มิสึรุทำหน้าน่าสงสารผิดกับเมื่อ 5 นาทีก่อนลิบลับ มิสึกิแทบคลั่ง
“งั้นฉันกลับคนเดียวก็ได้!”
“ไม่ได้!”มิอุโพล่งลั่น พลางหันไปหาน้องชายคนเล็กที่เตรียมจะชิ่งหนีอีกคน “อากิจัง... ไปส่งมิสึกิคุงหน่อยสิ”
“ผมยังเพลียอยู่เลยครับ...”
“ฉันกลับเองได้!”
“เอ๊ะ! คู่นี้นี่ยังไงเนี่ย! เมื่อเช้ายังเห็นนอนกอดกันอยู่เลยแต่พอจะให้ไปส่งกลับเล่นตัว!”
ราวสายฟ้าฟาด! อากิระแทบร่วงลงจากเก้าอี้หลังจากฟังคำพูดชวนคิดลึกจากพี่สาวของตนเอง มิสึรุเบิกตากว้างเหมือนเห็นผี ในขณะที่ใบหน้าใต้ผ้าคลุมของมิสึกิเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ
“พี่เข้าใจผิดแล้ว...หมอนั่นลื่นล้มเฉยๆ”อากิระแก้ตัว
“ไม่รู้ล่ะ ถ้าอากิจังไม่ไปส่งก็ให้มิสึกิคุงนอนค้างที่นี่ ...ห้องอากิจังน่ะแหละ!”
มิสึรุรีบกลบเกลื่อนเสียงหัวเราะโดยการทำเป็นสำลักน้ำ เขาตีสีหน้าอ่อนเพลียก่อนจะทำเป็นแกล้งหลับบนโซฟาตัวนั้นอย่างตัดปัญหา มิสึกิมองอากิระอย่างเฉือดเฉือนในขณะที่อีกคนก็สบสู้ไม่แพ้กัน
“งั้น...ฉันนอนนี่ก็ได้แต่ไม่เอาห้องหมอนั่น!”มิสึกิชี้นิ้วไปยังใบหน้าหล่อเหลาของอากิระที่ยิ้มหวานรับ
“ฉันก็ไม่อยากให้คนที่ดูเหมือนซากศพมานอนบนเตียงนักหรอก ไม่อยากปัดรังควาญ”
“งั้นใครใช้ให้แกทำ!”
“ก็ไม่อยากทำนักหรอก...แต่เห็นคนที่มันโง่จนลื่นล้มหัวฟาดพื้นสลบแล้ว...”อากิระพ่นลมออกจากจมูก มิสึกิเต้นผาง
“ฉันจะสาปแช่งแก!”
“เชิญ...แต่ทางที่ดีควรจะถอนคำสาปออกจากตัวเองก่อนนะ จะได้เลิกเหมือนศพสักที”
“เอ้า พอ!”มิอุรีบเข้าไปห้ามทัพ เด็กสาวหันไปมองน้องชายคนเล็กที่ไม่เคยเห็นต่อปากต่อคำกับใครแบบนี้มาก่อน “มิสึกิคุง...เราขึ้นไปดูห้องกันดีกว่า”
เธอพูดตัดปัญหาพลางกึ่งลากกึ่งจูงเด็กหนุ่มตัวดี มิสึกิหันมาส่งสายตาอาฆาตให้อากิระส่งท้ายซึ่งอากิระก็ตอบโต้ด้วยรอยยิ้มนุ่มนวลบนเรียวปาก...
~~~ Death + Destiny ~~~
“ตายซะๆๆๆ คาวามูระ อากิระ แกตายซะเถอะ!!!”มิสึกิระบายความอัดอั้นใส่ตุ๊กตาฟางตัวจ้อย เจ้าตุ๊กตาเคราะห์ร้ายที่สภาพเริ่มไม่เหมือนตุ๊กตาเพราะแขนขาเริ่มเหวี่ยงไปคนละทิศละทาง
“ช่วงนี้หงุดหงิดจังเลยนะมิสึกิคุง?”หัวหน้าพิธีกรรมเอ่ยเมื่อเห็นว่าอารมณ์ของเด็กหนุ่มไม่ค่อยเสถียรนัก ทุกครั้งหลังเสร็จพิธีก็มักจะมานั่งตอกตุ๊กตาสาปแช่งใส่ใครคนหนึ่ง...
“หึ! ไม่หรอกครับ”มิสึกิพ่นลมหายใจก่อนจะเหวี่ยงเจ้าตุ๊กตาในมือลงบนพื้น “ว่าแต่...นี่ก็ใกล้พิธีกรรมครั้งสุดท้ายเข้าไปทุกที แล้วของสิ่งนั้นตกลงว่าไงครับ?”
“นี่ล่ะที่ฉันจะพูดล่ะ”ใบหน้าอวบอูมของชายหนุ่มแย้มรอยยิ้มกว้าง เขาควักอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋า มิสึกิหรี่ตาลง
นิตยสาร?
“คนนี้ไงล่ะ ทั้งชื่อ วันเกิด ดวง สายเลือด เหมาะจะเป็นเครื่องสังเวยของเราที่สุด”ชายหนุ่มหัวเราะพลางส่งหน้าที่เปิดค้างให้ร่างโปร่ง แล้วเพียงมองเห็นใบหน้าคนที่อยู่ในนั้นแว่บแรก...เขาก็เขวี้ยงหนังสือลงพื้น!
“ไม่!”เด็กหนุ่มเขี่ยหน้ากระดาษนั้นด้วยเท้าราวกับมันเป็นสิ่งที่แสนจะน่ารังเกียจ เจ้าของนิตยสารรีบเก็บขึ้นมาอย่างทะนุถนอม “ไม่เอาหมอนี่!” เขายื่นคำขาด
“ถ้าไม่ใช่คนนี้ก็ไม่ได้หรอก...ถ้าจะหาคนอื่นวันทำพิธีก็จะคลาดเคลื่อนไป อีกอย่างมิสึกิคุงก็รู้จักเขาไม่ใช่เหรอ เห็นมิสึรุคุงเคยบอก”
“อย่าเอาฉันไปรวมกับคนพรรค์นี้”เด็กหนุ่มเอ่ยเสียงเหี้ยม “ยังไงฉันก็จะเปลี่ยน”
“เปลี่ยนไม่ได้... ต้องคนนี้เท่านั้น”
“งั้นก็ไม่ทงไม่ทำมันแล้ว!”มิสึกิตัดรอนอย่างดื้อดึง คนฟังขมวดคิ้วมุ่น
“ไม่ได้หรอกนะมิสึกิคุง...”เขาเอ่ยเสียงแหบต่ำ “เพราะถ้าไม่ทำขั้นสุดท้าย...พิธีกรรมที่ทำมาทั้งหมดมันจะสะท้อนกลับไปหาเธอ ไม่สิ! ไม่ใช่แค่เธอ คนรอบตัวเธอจะพลอยเคราะห์ร้ายไปด้วย!”
ถ้อยคำที่ราวกับคำสาปร้าย!
มิสึกิขมวดคิ้วมุ่น ริมฝีปากบางเม้มแน่นเป็นเส้นตรง นัยน์ตาสีดำเป็นประกายระริกด้วยความโมโห
ทุกอย่างเป็นความผิดของนายคนเดียว! คาวามูระ อากิระ!
“ทำไมฉันต้องไปกับนาย?”
คำตอบเป็นอย่างที่มิสึกิคาด เขาพยายามข่มอกข่มใจเมื่อเห็นว่าใบหน้านั้นยังทำเป็นให้ความสนใจกับหนังสือเสียเต็มประดา
“ไปแค่นิดเดียวมันจะตายไหมล่ะ!”
“ก็ไม่...”เด็กหนุ่มลากเสียงเอื่อย รอยยิ้มบางๆ จุดที่มุมปาก “แต่ถ้านายเป็นคนขอ ฉันก็ไม่อยากไปเท่าไหร่...”
อ้ากกกกกกกกกกกก!!!!!
มิสึกิเข้าสู่สภาวะคลุ้มคลั่ง อยากจะกระโดดไปบีบคอนั่นให้หักเป็นสองท่อนแต่ก็ต้องข่มอารมณ์ลึก
ท่องไว้ๆ ...มิสึรุ สึโยชิ สึโบมิ...
“ฉัน...ขอร้อง”เขากัดฟันกรอดเมื่อประโยคบาดใจหลุดรอดจากริมฝีปาก คนที่ทำเป็นง่วนอยู่กับหนังสือเงยหน้าขึ้น รอยยิ้มหวานระบายบนใบหน้า
“ขอร้อง...อืม...ไปดีไหมนะ?”หมอนั่นทำท่ากวนประสาทน่าต่อย! ไอ้รอยยิ้มบนหน้านั้นน่ะมันฟ้องอยู่ทนโท่ว่าแกชอบใจ!
“เอางี้...ฉันมีข้อแลกเปลี่ยน...”
เป็นข้อแลกเปลี่ยนที่ดูไม่น่าไว้ใจเสียเลย... ยิ่งมาจากไอ้หมอนี่เขาก็ยิ่งรู้สึกว่ามันมีอะไรไม่ชอบมาพากล
“อะไร!”มิสึกิตวาดแว้ด อากิระทำเป็นนิ่งคิด
“ตกลงถ่ายแบบกับมิอุซะ”
“ไม่!”
“งั้นฉันก็ไม่...”อากิระสรุปง่ายๆ สั้นๆ เรียกให้คนฟังเต้นระริก
“แกก็ถ่ายด้วยไม่ใช่รึไง! แล้วฉันกับแกก็ไม่ชอบหน้ากันแล้วจะให้ถ่ายด้วยทำไม!”
“มันเป็นงาน...”อีกอย่างแกล้งนายก็สนุกดี...
อากิระจ้องไปยังผ้าคลุมที่ปกคลุมใบหน้า สามารถจินตนาการได้เลยว่าใบหน้าใต้ผ้าคลุมนั่นคงลุกโชนด้วยเพลิงอาฆาต “แล้วแต่นะ...นายถ่ายแบบ ได้เงิน ได้ชื่อเสียง แล้วฉันก็ยอมไปตามสัญญา มีอะไรเสียหาย?”
เสียความรู้สึกไงล่ะไอ้โง่!
มิสึกิกำหมัดแน่น คำพูดของหัวหน้าพิธีกรรมลอยวนอยู่ในหู ...เขาเกลียดการเป็นเป้าสายตา เกลียดการที่มีใครจ้องหน้า เกลียดคนมากๆ เกลียดแสงสว่าง และที่สำคัญ...
เขาเกลียด คาวามูระ อากิระ!
“ตกลง”มิสึกิสรุปเสียงแข็งหลังจากคำนวณในใจว่าผลดีมันมากกว่าผลเสียแบบก่ำกึ่ง คุณชายเล็กตระกูลคาวามูระชะงักนิดหนึ่ง ระบายยิ้มหวานหยดจนคนมองเริ่มไม่ไว้ใจ
“ดี...ฉันรอที่จะร่วมงานกับนายแทบไม่ไหวแล้ว...”เขาจ้องไปยังผ้าคลุมสีดำสนิทบริเวณที่คาดว่าจะเป็นดวงตากลมโตนั่น เพียงนึกถึงแววตานั้นอะไรบางอย่างก็ปั่นป่วนเกินควบคุม...
การถ่ายแบบครั้งนี้ต้องสนุกแน่ๆ!
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น