ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Nor like(yaoi)

    ลำดับตอนที่ #40 : [Nor Like Special]Destiny or Deathiny? 2

    • อัปเดตล่าสุด 30 ต.ค. 53


    2

    Destiny or Deathiny?




    “กรี๊ดดดด อากิจังน่ารักที่สุด” นารุมิทำหน้าหน่ายขณะมองพี่สาวคนโตยืนกรีดร้องใส่อากิระซึ่งโดนจับไปถ่ายแบบเสื้อผ้าเซ็ทใหม่ เด็กหนุ่มพยายามรวบรวมสมาธิอยู่ที่หนังสือในมือแต่เสียงหวีดร้องเกิน 180 เดซิเบลทำให้อารมณ์เขาขุ่นมัว

    “ถ้าพี่เบื่อก็ออกไปข้างนอกสิ” อากิระทิ้งตัวลงนั่งข้างพี่ชายซึ่งทำหน้าบอกบุญ เขาเอ่ยขอบคุณคนดูแลซึ่งนำน้ำมาให้ ...เป็นผลให้คนมองตาพร่าทันควัน...

    “ถ่ายเสร็จแล้วเหรอ?” อากิระส่ายหน้าพรืด

    “พักก่อนน่ะ...”

    นารุมิระบายลมหายใจหนักๆ ถ้าไม่ติดที่ว่าไม่อยากง้อมิอุไปอีกครึ่งเดือน เขาคงไม่มานั่งให้เซ็งอารมณ์อยู่ตรงนี้

    “พี่จะไม่ถ่ายโฆษณานั่นจริงน่ะเหรอ?” นารุมิตวัดมองคนพูดฉับ พลางตีหน้าเหมือนเซ็งเสียเต็มประดา

    “ก็น่าจะรู้ว่าฉันไม่ชอบเรื่องพรรค์นี้...”

    “สงสารมิอุ...เห็นบอกว่าคิดโปรเจคนี้มาครึ่งปี...”

    “มิอุขอให้นายมาเกลี้ยกล่อมฉันรึไง” คำถามเรียบๆ ซึ่งอากิระพยักหน้า

    “ผมก็ไม่เห็นว่ามันจะเสียหายตรงไหน อย่าลืมสิ...ได้เจอมิอุปีละครั้งเองนะ”

    “แต่โฆษณานั่นก็ออกหลายครั้งไม่ใช่เหรอ...”

    หัวแข็งชิบ!

    อากิระคิดอย่างหน่ายๆ ก่อนจะเลิกบทโน้มน้าวซึ่งดูท่าจะคว้าน้ำเหลว พอดีกับที่ร่างเล็กบางพุ่งถลามาข้างตัวก่อนโผเข้ากอดเด็กหนุ่มเต็มรัก!

    “เท่ห์ที่สุดเลยอากิจัง! ยิ่งโตยิ่งหล่อนะเนี่ย ช่างกล้องยังบอกเลยว่าเป็นนายแบบที่ดูดีที่สุดเท่าที่เคยถ่ายมาเลย!”

    “ชมเกินไปแล้ว...” อากิระคลี่ยิ้มหวาน ...หวานหยดเสียจนพี่สาวเห็นแล้วยังอดเผลอหวั่นไหวไม่ได้

    โอ๊ย! จะน่ารักเกินไปแล้วนะ!

    “ไม่เหมือนใครบางคน...ยิ่งโตยิ่งไม่น่ารัก” ว่าแล้วก็ตวัดมองนารุมิเหมือนจะบอกกลายๆ แต่เด็กหนุ่มกลับทำนิ่งเฉย ยิ่งอยากให้พี่สาวกระโดดเขมือบหัวเสียจริง!

    อากิระรีบแทรกเข้าไปห้ามทัพ เขาจับแขนพี่สาวซึ่งทำหน้ามุ่ยก่อนจะส่งยิ้มบางๆ ที่ใครเห็นก็ต้องใจอ่อนยวบ

    “มิอุจังอย่าทำหน้ายุ่งสิ เดี๋ยวไม่สวยนะ...”

    “อากิจังก็ดูนารุจังสิ! ทั้งๆ ที่วางตัวไว้ดิบดีแล้วแท้ๆ แล้วจะหาคนมาแทนได้จากไหนล่ะ!”

    “มันต้องหาได้สิ...”

    “ไอ้หาน่ะหาได้! แต่จะเอาขนาดที่แตกต่างแบบลงตัวกับอากิจังน่ะ! ควานหาทั่วญี่ปุ่นไม่รู้จะเจอเลยรึเปล่า! โฮๆๆ คนที่เหมาะกับชุดกิโมโนแล้วให้ความรู้สึกมีเสน่ห์ลึกลับ แล้วต้องหน้าตาพอจะไปกับอากิจังได้น่ะ โลกนี้นอกจากนารุจังจะไปมีได้ไง แงๆๆๆ”

    “เว่อร์ไปแล้วมิอุ...” อากิระถอนหายใจหนักๆ เขามองพี่ของเขาทั้งสองสลับไปมาด้วยอาการพูดไม่ออกบอกไม่ถูก

    ชักสังหรณ์ใจตงิดๆ ว่าปิดเทอมนี้คงจะมีเรื่องให้ชวนปวดหัวแหง...






    มิสึรุนั่งกุมขมับด้วยความปวดเศียรเวียนเกล้าเหลือจะกล่าว...

    สาเหตุจะมาจากใครไม่ได้นอกจากพี่ชายตัวดีของเขา กับพฤติกรรมที่แปลกแหวกไม่เหมือนชาวบ้านชาวช่อง... เสียงสวดพึมพำกับท่าทางบูชายัญเป็นกลุ่มทำให้เขาอยากเป็นลมขึ้นมาทันควัน!

    ยังดีที่มิสึกิยืนกรานจะสวมผ้าคลุมสีดำตัวเก่งแทนไอ้ชุดประหลาดซึ่งเป็นเขากวางเทียมกับผ้าคลุมหนังห่มส่วนล่าง ไม่งั้นเขาคงตัดพี่ตัดน้อง!

    เด็กหนุ่มทรุดกายลงนั่งอยู่ในเงามืดเช่นเดิม นึกเซ็งตัวเองที่ต้องมาติดแหงกอยู่โอซาก้ากับพี่มิสึกิอย่างช่วยไม่ได้ แต่ก็นะ... ถึงจะห่วงสึโยชิแต่พี่มิสึกิก็น่าห่วงน้อยอยู่เสียเมื่อไหร่...

    “พิธีวันนี้พอแค่นี้...” เสียงแหบต่ำเกือบทำให้เขากรีดร้องด้วยความดีใจ ร่างเล็กผุดลุกขึ้นเดินไปหาพี่ชายซึ่งท่าทางดูจะยินดีปรีดาเหมือนโด๊ปยามาสัก 10 ขวด

    “ไม่ต้องห่วงนะมิสึกิคุง...เจ้าศัตรูของเธอนั่นมันจะต้องย่อยยับจากพิธีของพวกเรา อีกไม่นานหรอก...”ส่งท้ายด้วยเสียงหัวเราะซึ่งพี่ชายเขาก็บ้าจี้หัวเราะสำทับ มิสึรุเกาหัวแรก

    “ว่าแต่...มิสึรุคุงไม่มาเข้าร่วมกับเราเหรอ?” คนที่เหมือนเป็นหัวหน้าเอ่ยชวนพลางส่งสายตาโลมเลียมายังมิสึรุซึ่งขนลุกซู่ เขามองกลับตาขวาง อยากจะสอยไอ้ปากเสียๆ นั่นให้อาบเลือดเสียจริง!

    “ไม่ล่ะครับ” น้ำเสียงที่ตอบหวานปานน้ำผึ้ง เขาคว้าหน้ากากแสนน่าเอ็นดูมาสวมแบบเลี่ยงปัญหา “กลับเถอะพี่มิสึกิ หิวข้าวแล้ว...”

    “งั้นเจอกันพรุ่งนี้นะมิสึกิคุง...แล้วฉันจะบอกในสุดท้ายว่าของที่ว่าจะเป็นใคร”

    “ครับ...” มิสึกิแสยะแยกเขี้ยวรับ

    มิสึรุนึกสังหรณ์ใจไม่ดีอะไรขึ้นมาลางๆ หากแต่เขาก็ปัดมันทิ้งไปอย่างรวดเร็ว...
    คงไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้อีกแล้วล่ะนะ...



    ~~~ Death + Destiny ~~~




    แสงไฟยามค่ำคืนโอซาก้าควรจะทำให้บรรยากาศมันดีขึ้น...

    อากิระเลือกใช้คำว่า ‘ควรจะ’ เพราะความเป็นจริงมันไม่ได้เป็นอย่างนั้น ในเมื่อพี่ชายของเขาก็เอาแต่กอดอกตีหน้าตาย ส่วนพี่สาวก็ไม่ต้องพูดถึง เมาป้อแป้อ้อแอ้ไปตั้งแต่กินเบียร์กระป๋องแรก! กลางร้านเนื้อย่างที่มีแต่เสียงหัวเราะ บรรยากศบนโต๊ะกลับอึมครึมชวนเหนื่อยใจ...

    “อากิจางงงงง อากิจางงงน่าร้ากกกกกกก จนพี่สาวอยากจะจุ๊บๆๆ” มิอุถือขวดเบียร์แกว่งไปมาก่อนจะกรอกเข้าปากอึกใหญ่ เขาล่ะอยากจะเป็นลมเพราะนอกจากแม่เจ้าประคุณจะคอแสนอ่อน แต่พอเมากลับน็อกยากยิ่งกว่าใครๆ

    “มิอุ พอได้แล้วน่า พรุ่งนี้ต้องตื่นไปทำงานไม่ใช่รึไง?”

    “ไม่เอาเซ่... นานๆ ทีอากิจางงง กับ นารุจางงงจะมาทั้งที”

    “พอแล้ว...” เขาดึงขวดเบียร์ออกจากมือพี่สาว จังหวะเดียวกับที่ใครบางคนเดินสวนมาโดยที่เขาไม่ทันเห็น เบียร์จึงกระฉอกใส่เสื้อผ้าอีกฝ่ายเกือบค่อนขวด!

    “ขอโทษครับ!” เขารีบพูดพลางช้อนตาขึ้นมองอีกฝ่าย แล้วเพียงแค่เห็นคนๆ นั้นชัดถนัดตา คำพูดทุกอย่างก็กลืนหายไปกับสายลม

    เกินกว่าคำว่าแปลก...

    อากิระจำได้ว่านี่คือหน้าร้อนแต่คนตรงหน้าเขากลับสวมผ้าคลุมสีดำตั้งแต่หัวจรดเท้าเหมือนหลุดมาจากหนังแฟนตาซีชื่อดัง(ในตัว ละครที่ชื่อผู้คุมวิญญาณ) ไม่ต้องพูดถึงของในมือ... กระเป๋าผ้าสีเดียวกับผ้าคลุมอัดแน่นด้วยอะไรหลายๆ อย่างจนโผล่ออกมาจากปากถุง ทั้งตุ๊กตาฟาง ตะปู ถุงมือสีคล้ายเลือด...

    “หึ หึ” เสียงแหบต่ำเย็นเยือกลอดออกมาจากริมฝีปากปลุกสติของเด็กหนุ่มให้หลุดออกจากภวังค์ เขาเพ่งไปยังรอยเปื้อนดวงใหญ่บนชุดคลุมนั่นก่อนจะคลี่ยิ้มสุภาพ

    “เดี๋ยวผมจะไปซื้อเสื้อผ้ามาให้ใหม่นะครับ เปื้อนเยอะขนาดนี้...”

    “ไม่เป็นไรหรอกครับ” น้ำเสียงที่แทรกมาจากเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ นัยน์ตากลมโตประกอบกับรอยยิ้มเป็นประกายวาววับ แต่กลับทำให้อากิระชะงักยิ่งกว่า...

    ไอ้หมอนี่ประเภทเดียวกับเขานี่หว่า...

    เขาว่าผีมักเห็นผีและแว่บแรกที่เห็นรอยยิ้มนั่นอากิระก็ฟันธงได้ทันทีว่าคนตรงหน้าเป็น ‘คนประเภทเดียวกับเขา’ เป็นพวก ‘2 บุคลิก’ หรือพูดง่ายๆ คือ ‘เสแสร้ง’ อย่างแนบเนียน
    นัยน์ตากลมๆ ของมิสึรุมองผ่านเลยอากิระก่อนจะหยุดลงตรงหน้านารุมิ รอยยิ้มหวานพลันกว้างขึ้น แต่ดวงตากลับเริ่มดูเหี้ยม

    “ว่าไงคาวามูระ” ลักยิ้มแสนน่ารักที่ข้างแก้มเรียกให้นารุมิขมวดคิ้ว เขาหรี่ตามองผู้พูดก่อนจะวางสีหน้าเรียบเฉย

    บรรยากาศมันชวนให้กระอักกระอ่วนใจอย่างไรชอบกล... อากิระมองฝ่ายแดงทีฝ่ายน้ำเงินที เริ่มจับบรรยากาศมาคุได้เลือนลาง แต่ก่อนที่จะได้เอ่ยปากถาม พี่สาวของเขาก็ดึงความสนใจทุกคนไปหมดเมื่อเธอเริ่มเขยิบเข้าไปใกล้ชายในชุดคลุมสีดำก่อนจะทำจมูกฟุดฟิด

    “หอมจังเลย...” ว่าเสร็จก็โอบหมับจนมิสึกิสะดุ้ง เท่านั้นยังไม่พอ มิอุยังกระชากร่างในผ้าคลุมกลิ้งโคโล่ลงบนตักจนผ้าคลุมหน้าเกือบเลื่อนเปิด มิสึกิรีบดึงกลับเป็นการใหญ่

    “ตัวหอมจังเลย...หอมเย็นๆ...ไหนขอดูหน้าหน่อยสิ”

    ท่าทางเด็กสาวจะครองสติไว้ไม่อยู่ เธอขึ้นคร่อมมิสึกิแบบไม่อายใคร่อนจะพยายามกระชากผ้าคลุมศีรษะให้หลุดออก ผู้ถูกกระทำส่งเสียงร้องลั่นร้าน

    “มิอุ หยุดๆๆๆ” อากิระรีบพุ่งเข้าไปกระชากตัวพี่สาวที่ยังดิ้นรนขัดขืนออกมา เขายื่นส่งเธอให้นารุมิซึ่งดูจะตกใจไม่ใช่น้อยก่อนจะหันไปโค้งอย่างสุภาพให้มิสึกิ

    “ขอโทษนะครับ...พอดีพี่สาวผมเมาไปหน่อย” ว่าแล้วก็กวาดยิ้มหวานแบบที่ใช้แก้ไขในทุกสถานการณ์ มิสึรุยิ้มตอบ

    “ไม่เป็นไรหรอกครับ”

    “มิสึรุ กลับ!” มิสึกิตะโกนลั่นเหมือนเสียขวัญ เด็กหนุ่มรีบหมุนตัวเดินออกจากร้าน หากแต่ก้าวได้ไม่ถึงสามก้าว...

    ปึก!

    เวรซ้ำกรรมซัด มิสึกิชนเข้าอย่างจังกับชายร่างใหญ่ซึ่งเดินเข้ามาภายในร้าน แต่แทนที่จะขอโทษ เด็กหนุ่มกลับพ่นลมออกจากจมูกก่อนจะเลี่ยงไปอีกทาง เรียกให้คนโดนชนโกรธจี๊ด

    “แกชนแล้วจะไม่ขอโทษหน่อยเหรอ!?” เสียงตะโกนลั่นที่สาปทุกคนในร้านให้แข็งเป็นหิน มิสึรุพยายามจะเข้าไปห้ามทัพ แต่ก็สายไปเสียแล้ว

    “ทำไมต้องขอโทษ..หึๆ ไอ้คนแบบแก...” เป็นการราดน้ำมันแล้วจุดไฟซ้ำที่รุนแรงจนมิสึรุพูดไม่ออก เขาเหมือนเห็นแบคกราวด์เป็นรูปลูกไฟพุ่งออกมาจากเบื้องหลัง

    “แก!” ชายร่างใหญ่เตรียมคว้าคอเสื้อร่างตรงหน้าแต่มิสึกิกลับทรุดกายลง เด็กหนุ่มควักอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋า ก่อนจะ...

    สาปแช่ง?

    มิสึรุอยากจะมุดดินหนีเมื่อพี่ชายเขาเริ่มอีกแล้ว... ท่าทางคนหาเรื่องก็คงจะงุนงงอยู่ไม่น้อยเหมือนกันมื่อพี่เขาควัก ‘อาวุธลับ’ ออกมาตอกกับโต๊ะไม้ข้างๆ เสียงค้อนไม้ผสานกับบทสวดฟังดูแสนวังเวง...

    มิสึรุยกมือขึ้นกุมขมับ!

    แต่สงสัยว่าวันนี้ทุกคนจะทำบุญมาน้อยจริงๆ... เมื่อเบียร์ในแก้วสาดโครมลงบนหัวของชายร่างยักษ์จนเปียกโชก แถมหลักฐานยังอยู่คามือของพี่สาวคนโตตระกูลคาวามูระที่ยืนจังก้าส่งยิ้มเย็นเยือก

    “หน้าตาไม่ได้เรื่อง!” ว่าแล้วเธอก็จิ้มอกคนที่โดนสาดเบียร์ใส่อย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว

    “ยัยบ้านี่!” เขาเตรียมคว้าร่างของเด็กสาว หากแต่อะไรบางอย่างที่ทิ่มปึ้ก! เข้าที่ขา เขาชะงักแล้วร้องลั่นร้าน

    “หึหึ” มิสึกิหัวเราะในลำคอ เข็มรูปกะโหลกปักเข้าที่ต้นขาของอีกฝ่ายจนแลเห็นเลือดสีแดงไหลซึมดวงใหญ่ ชายหนุ่มโกรธจนใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีม่วงเข้ม เขาวาดเท้าเตรียมเตะคนทำให้พ้นทางหากขาของใครคนหนึ่งกลับขวางทางแล้วเหยียบซ้ำจนขาของเขากลับไปวางไว้ที่พื้น!

    “อย่ามีเรื่องเลยครับ...” มิสึรุพูดพลางส่งรอยยิ้มแหยอย่างเหนื่อยใจ ตัวเขารู้สึกสงสารชายตรงหน้าอยู่ไม่ใช่น้อยที่เป็นผู้ถูกกระทำโดยไม่อาจโต้ตอบ แต่ในฐานะน้อชายก็ต้องปกป้องพี่...

    “อย่าเสือก!” หมัดขวาพุ่งตรงไปที่ใบหน้าเล็ก มิสึรุเบี่ยงตัวหลบ แล้วก่อนที่คนปล่อยหมัดจะทันได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ร่างของเขาก็กลับนอนแอ้งแม้งอยู่ที่พื้น!

    “อื้อหือ...อิปป้งเซโออิ” อากิระยิ้มขำเมื่อเห็นคนที่ร่างเล็กกว่าเกือบครึ่งทุ่มชายร่างโตลงบนพื้นอย่างง่ายดาย ใบหน้าของร่างที่อยู่บนพื้น ซีดสลับแดงแล้วกลับไปม่วงคล้ำอย่างน่าเห็นใจ

    “ขอโทษนะครับ แต่ช่วยกลับไปก่อนเถอะครับ ผมไม่อยากมีเรื่อง” มิสึรุพูดสุภาพ ชายคนนั้นผุดลุกขึ้น ใบหน้าบอกชัดว่าโกรธจนลมออกหู

    “ฝากไว้ก่อนเถอะแก! แล้วฉันจะคิดบัญชีกับแกแน่!” ว่าแล้วเขาก็ลากร่างบอบช้ำของตนเองออกจากร้าน

    มิสึรุระบายลมหายใจหนักๆ ก่อนทรุดกายลงบนโต๊ะ ทั้งเหนื่อยทั้งโล่งใจ เด็กหนุ่มส่งยิ้มบางๆ ให้อากิระที่นั่งฝั่งตรงข้าม หากสักพักนัยน์ตากลมโตนั่นก็เบิกกว้างขึ้น!

    “เฮ้ย! พี่มิสึกิ” มิสึรุหน้าถอดสีเมื่อจู่ๆ พี่ชายเขาพึมพำว่า ‘ลิ่ม’ แล้ววิ่งรี่ตามชายที่เพิ่งเดินออกจากร้านไป เขาเตรียมวิ่งตามแต่อีกคนกลับไวกว่า... พี่สาวเจ้าปัญหาตระกูลคาวามูระแซงหน้ามิสึรุแล้ววิ่งรี่ออกจากร้านเรียกให้เหล่าน้องชายเบิกตาโพลงเหมือนเจอผีหลอก

    “นี่มันวันอะไรกันนี่...” นารุมิบ่นพำก่อนจะวิ่งตามอากิระและมิสึรุออกจากร้าน



    ~~~ Death + Destiny ~~~




    “บ้าชิบ ไปไหนแล้ว!” อากิระสบถอย่างหัวเสียเมื่อพี่สาวตนเองที่เห็นอยู่หลังไวๆ กลับหายไปจากสายตา เขามองไปรอบตัว ผู้คนซึ่งเดินไปมาขวักไขว่หยุดมองเขาทั้งสามเป็นระยะ แต่ยังไม่มีวี่แววของมิอุ

    “เฮ้ย!” มิสึรุร้องลั่นพลางชี้ไปยังร่างในชุดคลุมสีดำที่เห็นหลังไวๆ เด็กหนุ่มทั้งสามรีบวิ่งตามทิศทางนั้น ร่างเล็กของมิสึรุรีบฝ่าฝูงชนหมายจะเข้าถึงตัวพี่ชายแต่ดูเหมือนจะยิ่งไกลออกไปทุกที

    “อากิระ!” นารุมิรีบร้องเรียกน้องชายตนพลางชี้มือไปยังทางซ้าย ร่างเล็กๆ ของพี่สาวคนสวยบัดนี้โผล่มาให้เห็นก่อนจะหายไปเหมือนภูติผี น้องชายทั้งสองได้แต่อับจนถ้อยคำ

    “แล้วค่อยเจอกัน ทาคาฮาระ” นารุมิเอ่ยลาอย่างเร่งร้อนก่อนจะเลี้ยวไปอีกทางเพื่อตามพี่สาวตน และปล่อยให้มิสึรุวิ่งตามมิสึกิต่อไป

    สองพี่น้องคาวามูระวิ่งตามพี่สาวตนเองผ่านตรอกซอกซอยต่างๆ ผู้คนในเส้นทางที่ผ่านเริ่มบางตาลงแต่ร่างของพี่สาวกลับยิ่งดูไกลออกไปทุกที ...มิอุวิ่งไวเหมือนเคย พวกเขายังจำได้ดีว่าไม่มีครั้งไหนที่จะจับร่างโปร่งบางนั่นได้สักครั้ง

    “หายไปแล้ว!” นารุมิโพล่งอย่างหงุดหงิดเมื่อวิ่งมาถึงทางแยกจู่ๆ พี่สาวตัวเองกลับหายลับไปดื้อๆ ร่างสูงเตะกำแพงแรงๆ ก่อนจะหันไปมองหน้าน้องชาย

    “เดี๋ยวผมไปทางนี้...แล้วถ้าเจอมิอุก็โทรบอกด้วย” นารุมิพยักหน้ารับแล้ววิ่งไปทางขวาส่วนอากิระแยกไปทางซ้าย...

    อากิระวิ่งไปตามเส้นทางซึ่งดูเหมือนจะมืดลง มืดลงทุกขณะ... เด็กหนุ่มหยุดเล็กน้อยหลังจากวิ่งตามทางแยกมาเกือบ 10 นาทีเพื่อปาดเหงื่อซึ่งไหลลงมาอาบใบหน้า นัยน์ตาคมสวยกวาดไปรอบๆ อย่างสำรวจอีกครั้ง...

    สถานที่เบื้องหน้าคือสนามเด็กเล่น ความมืดรางเลือนปกคลุมไปทั่วบริเวณจนอากิระต้องเพ่งมองภาพเบื้องหน้าให้ชัดๆ.... เรียวคิ้วขมวดจนเป็นปมเมื่อเห็นร่างๆ หนึ่งนั่งแกว่งชิงช้า ดูหลอนเหมือนหนังสยองขวัญซึ่งเขาเคยดู

    “หมอนั่น...” เขาพึมพำแผ่วเบาในลำคอเมื่อเห็นชัดถนัดตา หมอนี่คือผู้ชายประหลาดในชุดคลุมสีดำที่ร้านอาหาร...

    มาทำอะไรที่นี่?

    แล้วก่อนที่เขาจะเข้าไปใกล้คนประมาณ 5-6 คนก็เดินมาอีกทาง ดูเหมือนพวกนั้นจะไม่ทันเห็นอากิระซึ่งเบี่ยงตัวหลบไปหลังต้นไม้ใกล้ๆ คนกลุ่มนั้นเดินตรงไปยังเด็กหนุ่มซึ่งนั่งไกวชิงช้าอย่างไม่รู้สึกรู้สาสิ่งใดทั้งสิ้น

    “เฮ้ย! คนจริงๆ ด้วยว่ะ!” หนึ่งในนั้นเอ่ยอย่างตื่นเต้นพลางใช้เท้าเขี่ยชิงช้าให้หยุดนิ่ง ทั้งกลุ่มหัวเราะครืนใหญ่

    “พี่ชาย...มานั่งทำอะไรที่นี่คนเดียว...เอ..หรือจะเป็นพี่สาว”

    “หึ...”เสียงหัวเราะแหบต่ำแทนคำตอบทั้งหมด มิสึกิเรียมจะล้วงอาวุธออกมาหากแต่คนเหล่านั้นไวกว่า กระเป๋าในมือถูกกระชากก่อนที่เสียงฮือฮาจะตามมาไม่ขาด

    “โหยยย พวกแกดูของพวกนี้ดิ่วะ ตะปู ลิ่ม ตุ๊กตาวูดู เชือกเปื้อนเลือด สุดยอด...”

    “เอาคืนมา!” มิสึกิตะโกนลั่นพยายามคว้าของเหล่านั้นคืนมาหากแต่ไร้ผล เมื่อคนในกลุ่มยื่นส่งถุงต่อก่อนจะเข้ามามะรุมมะตุ้มจับแขนเด็กหนุ่มไพล่หลัง

    “โหย... พี่ชาย อย่างกน่า ไหนๆ ก็ไหนๆ ขอดูหน้าหน่อยได้ไหมเนี่ย...”

    “ปล่อย!” มิสึกิตะโกนลั่น พยายามเบี่ยงหลบมือซึ่งเอื้อมจับปลายผ้าคลุม เขาพยายามดิ้นรนขัดขืนสุดกำลังเมื่อผ้าคลุมศีรษะเขาเริ่มเลิ่กขึ้นๆ...

    เปรี้ยง!

    “โอ๊ย!” มือนั้นชะงักทันทีที่ก้อนหินขนาดเล็กอัดเข้าเต็มแรง เลือดไหลอาบมือจนใบหน้านั้นซีดขาว “ใครวะ!”

    อากิระค่อยๆ โผล่ออกมาจากมุมมืด... ใบหน้าหล่อเหลายังคงประดับยิ้มละไมขณะที่ในมือเดาะก้อนหินเล็กๆ เล่นเหมือนจะบอกว่า ‘ฉันนี่แหละทำ’

    “ไม่ไหวๆ รังแกคนไม่มีทางสู้”

    “อย่าเสือก!” คนที่โดนลูกหินที่มือหันไปส่งสายตาให้กับอีก 5 คนที่เหลือ ทุกคนพยักหน้าเตรียมเดินเข้าไปใกล้อากิระ แต่ว่า...

    โอ๊ย!

    เสียงร้องระงมเมื่อก้อนหินอีกหลายก้อนถูกโยนใส่อย่างแม่นยำราวจับวาง ใบหน้าคนขว้างยังคงดูอารมณ์ดีเหมือนกับกำลังโยนดอกไม้ให้พวกเขายังไงยังนั้น!

    “โทษที...พอดีฉันถนัดอะไรที่มันต้องใช้ความแม่นยำมากกว่าใช้กำลัง” คำพูดเรียบง่ายเรียกให้คนฟังยิ่งโมโหจัด หลายคนมีเลือดอาบที่ใบหน้าแต่ดูเหมือนเลือดจะเข้าตาจนเริ่มคลั่งเสียแล้ว

    อากิระหลบมีดที่พุ่งมาจากด้านหลัง เขาสวนกลับด้วยปลายเท้าก่อนจะแย่งมีดแล้วปาฉับไปทะลุบริเวณไหล่ของอีกคน

    แม้เขาจะไม่ถนัดเตะต่อยแต่ก็ถือว่ามีฝีมือ เพราะคนในตระกูลคาวามูระจะถูกเขี่ยวเข็ญด้านศิลปะการต่อสู้มาตั้งแต่จำความได้ แม้แต่มิอุที่เห็นหุ่นบอบบางขนาดนั้นแต่ก็ได้ดั้งในด้านยูโด ส่วนพี่นารุมิจะถนัดพวกเคนโด้เหมือนพ่อ ส่วนเขา...ชอบเล่นปืนกับธนูมากกว่า...

    “หยุดอยู่แค่นั้นล่ะ!” อากิระชะงักกึกเมื่อเหยื่อคนสุดท้ายบัดนี้กลับเอามีดจ่อคอชายในชุดคลุมสีดำ เด็กหนุ่มยืนนิ่งพลางสบถอย่างขัดใจ

    “นายนี่...น่าทุเรศจริง” อากิระรักษาระดับน้ำเสียงให้ราบเรียบและเปี่ยมรอยยิ้ม แม้ในใจจะเดือดจนไฟลุก! เขาเกลียดคนขี้ขลาดแบบนี้ที่สุด!

    “จะเอายังไง?” เด็กหนุ่มถามเสียงเรียบแต่อีกคนกลับอึกอัก มือเปื้อนเลือดนั้นสั่นระริก แล้วโดยไม่คาดคิด มิสึกิก็กดไปยังแผลเก่าจนเจ้าตัวร้องลั่น!

    “ระวัง!” คุณชายเล็กแห่งตระกูลคาวามูระร้องเสียงหลงเมื่อมิสึกิที่พยายามจะตะเกียกตะกายออกมาจากมือมีดถูกคว้าขาจนหน้าทิ่ม นัยน์ตาของเจ้านั่นเป็นประกายวับ มีดง้างขึ้นเตรียมแทงลงกลางหลัง!

    หมับ!

    อากิระตัดสินใจคว้าปลายมีดที่เตรียมแทง ใบหน้าหล่อเหลาบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บหากก็ยังแข็งใจง้างมือข้างที่ว่างขึ้นแล้วฟาดฉับลงไปบริเวณท้ายทอย! มือมีดสิ้นสติในทันที

    “บ้าชิบ” เด็กหนุ่มสบถอย่างหัวเสีย ก้มลงมองบาดแผลลึกที่มือตัวเอง

    เขาไม่มีทางเลือก... ขืนอัดหมอนั่นตอนนั้นเลย ถึงเจ้ามือมีดจะสลบแต่มีดก็อาจปักลงกลางหลังของอีกฝ่าย เลยได้แต่ยอมเจ็บตัวทั้งๆ ที่รู้จักก็ไม่รู้จักคนที่เขาช่วยเลยสักนิด

    “นาย...ลุกไหวมั้ย?” เขาหันไปหาร่างที่พยายามยันตัวขึ้นจากพื้น ท่าทางของหมอนั่นยังดูมึนๆ จนอากิระต้องรีบเข้าไปประคอง

    ผ้าคลุมศีรษะไถลเลื่อนโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัว... มิสึกิเหลียวกลับไปมองผู้ช่วยเหลือ นัยน์ตาสีดำหรี่ลงเล็กน้อยอย่างแปลกใจกับภาพที่เห็น...

    แต่ความตกใจนั้นคงเทียบไม่ได้กับอากิระ... ใบหน้าหล่อเหลาอ้าปากค้าง ดวงตาคู่สวยเบิกกว้าง คำถามนับพันผุดขึ้นมาในสมองแต่ไม่มีคำใดหลุดรอดจากริมฝีปาก...


    แสงจันทร์เลือนลางกระทบใบหน้าขาวซีดหากแต่ว่าเปี่ยมเสน่ห์อย่างประหลาด... ดวงตากลมโตสีนิลดึงดูดเด็กหนุ่มให้เข้าไปใกล้ แม้เครื่องหน้าไม่ได้งดงามชวนฝัน แต่เขากลับไม่อาจถอนสายตาราวโดนมนต์สะกด...


    มิสึกิรู้สึกประหลาดใจที่คนเบื้องหน้าจ้องเขาตาค้าง... แต่เหนือสิ่งอื่นใดเขารู้สึกเหมือนเห็นหมอนี่ชัดเจนยิ่งกว่าปกติ ทั้งนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนสีเดียวกับเรือนผม และแววตาที่เหมือนตรึงเขาไว้แบบที่ไม่เคยมีใครทำได้…

    ชัดเจน... เหมือนกับว่า...

    “ว้ากกกก!!!” มิสึกิร้องเสียงหลงเมื่อจับที่ใบหน้าตนแล้วพบว่าว่างเปล่า! ผ้าคลุมศีรษะของเขาเลื่อนหลุดไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ เด็กหนุ่มสะบัดตัวรวดเร็วจนมือของอากิระที่จับไหล่ไว้ต้องรีบปล่อย คุณชายคาวามูระนิ่วหน้าเมื่อนึกได้อีกครั้งว่าแผลของเขาเลือดยังไม่หยุดไหล

    แต่ดูเหมือนมิสึกิจะสติแตกกว่า เด็กหนุ่มได้กลิ่นเลือดที่ไหล่เลยเข้าใจไปว่าอีกฝ่ายทำร้าย เขาผุดลุกขึ้นเตรียมสาปแช่ง ทว่า... จังหวะที่กระโดดถอยหลังกลับเหยียบชายผ้าคลุม!

    โครม!

    “เฮ้ย นาย! เป็นอะไรรึเปล่า!” อากิระรีบวิ่งเข้าไปหาร่างที่ล้มหัวฟาดพื้นจนสลบเหมือด เขาไม่รู้จะขำหรือจะทำอย่างไรก่อนดี แต่ดูเหมือนพี่ชายของเขาจะรู้ใจเพราะช่างโทรเข้าได้จังหวะเหมาะเหม็ง!

    “ฉันเจอมิอุแล้ว” คำพูดเรียบๆ ของปลายสายเรียกให้เขาระบายลมหายใจอย่างโล่งอก
    “ครับ...ผมก็เจอ...เอ่อ...คนที่อยู่ในร้านอาหาร ที่ใส่ผ้าคลุมสีดำน่ะ”

    พี่ชายของเขาเงียบไปอึดใจ ดูเหมือนจะหันไปพูดกับใครบางคนที่เสียงคุ้นๆ เหมือนจะเป็นผู้ชายร่างเล็กที่เขาเจอในร้านอาหารเช่นกัน จนชวนแปลกใจว่าไปสมทบกันเอาตอนไหน?

    “นายดูแลเขาด้วยแล้วกัน แล้วเจอกันที่บ้าน”

    “ครับ พี่...” เขารับอย่างอ่อนอกอ่อนใจก่อนจะยัดมือถือลงในกระเป๋า มองร่างที่สลบไม่ได้สติอย่างหนักใจ...

    อากิระเผลอมองร่างนั้นอย่างเผลอไผล นัยน์ตาที่หลับพริ้มกับริมฝีปากสีซีดเรียกให้ใจเขาหวั่นวูบหนึ่งก่อนจะรีบสลัดไล่ เด็กหนุ่มเอื้อมลงช้อนร่างนั้นไว้ในอ้อมแขน

    “เบาชะมัด ผู้ชายจริงรึเปล่าเนี่ย...” เขาเลื่อนร่างนั้นไปพาดไว้ที่บ่า นึกทอดถอนว่าคนที่พบเห็นเข้า...

    จะคิดว่าเขากำลังเคลื่อนย้ายศพรึเปล่า?





    นารุมิวางโทรศัพท์ด้วยสีหน้าราบเรียบ...

    นัยน์ตาคมกวาดมองรอบตัวเหมือนไม่รู้สึกรู้สาพอๆ กับมิสึรุที่ยังยิ้มละไม พี่สาวตัวดีของเขายังหาเรื่องปวดหัวมาให้ไม่หยุด... เพราะเมื่อตอนที่พวกเขาพบแม่เจ้าประคุณก็เจอกับคู่ปรับเก่าบวกกับพลพรรคนับสิบซึ่งตอนนี้ยืนล้อมพวกเขาอย่างต้อนรับ…

    “ไม่ต้องห่วง อกิระดูแลพี่นายได้อยู่แล้ว” เขาเอ่ยให้ความมั่นใจกับมิสึรุซึ่งพยักหน้ารับ

    “งั้นก็ดีแล้วล่ะ...” มิสึรุยืดเส้นยืดสายอย่างสบายๆ ดวงตากลมโตกวาดมองไปรอบด้านก่อนจะเผยยิ้มกว้างอย่างชอบใจหนักหนา “ถ้านายไม่ว่าอะไร พวกนี้ฉันขอแล้วกัน”

    “แน่ใจว่าไหว?” คำตอบที่ได้คือรอยยิ้มแสนน่ารัก มิสึรุกวาดมองท่อเหล็กและมีดพกในมือของฝ่ายตรงข้ามอย่างสนุกสนาน

    “แน่นอน...แค่นายอย่าบอกสึโยะจัง”

    “สึโยชิไม่รู้เหรอว่านายเป็นแบบนี้?”

    มิสึรุแกล้งทำป็นแกล้งป่องก่อนหัวเราะอย่างชอบใจนักหนา “จะไปรู้ได้ไงล่ะ...ก็ฉันออกจะเป็นหนุ่มน้อยแสนน่ารักน่าปกป้องในสายตาของสึโยะจัง ไม่ได้ชอบการต่อสู้แต่เป็นคนที่ควบคุมตัวเองไม่ได้เวลาต้องสู้ แล้วก็จริงจังในการฝึก...”

    สรุปคือตอแหล...

    นารุมิสรุปในใจแบบที่เคยนึกสงสัยมานานแต่ไม่เคยพิสูจน์ และประจักษ์ชัดในวันนี้แล้วว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าเป็นพวก 2 บุคลิกอย่างที่เขาคาดจริงๆ

    “ถ้าแพ้อย่าโทษกันล่ะ” คำพูดของเขาเรียกให้มิสึรุยิ้มกว้าง

    “เกิดมาฉันยังไม่เคยแพ้ใครสักที...นอกจากตา...ไม่สิ...ครั้งสุดท้ายที่แพ้ตาคือห้าปีก่อนสินะ...”

    ว่าแล้วก็ยิ่งยิ้มกว้างเรียกให้นารุมิระบายลมหายใจหนักๆ

    บ้าการต่อสู้กันทั้งบ้าน!






    TBC นะจ้ะ^^
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×