คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #37 : Nor like [29] - Get even...[A]
Nor like [29]
Get even...
สึโยชินั่งเพ่งโทรศัพท์มือถืออย่างเอาเป็นเอาตาย... ปลายนิ้วจ่ออยู่ที่ปุ่มส่ง คิ้วเรียวขมวดมุ่นก่อนจะเลื่อนไปที่ปุ่มลบ... สลับอย่างนี้ไปมาเกือบสิบนาทีแต่ก็ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะกดปุ่มไหนดี ...แถมที่สำคัญ...
นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาลังเลอยู่อย่างนี้...
“ว้อยยยยยยยยย!!” สึโยชิทิ้งตัวลงกับเตียงพลางชกหมอนด้วยความโมโห กับไอ้ข้อความสั้นๆอย่าง ‘แล้วตกลงงานของอากิระเป็นไงบ้าง’ นี่ทำไมมันช่างส่งยากส่งเย็นนักก็ไม่รู้...
“ฉันไม่ได้ถามสารทุกข์สุกดิบมันนี่หว่า จะกลัวทำไมวะ” เด็กหนุ่มพูดกับตัวเองพลางคว้ามือถือขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากตัดใจอยู่พักใหญ่จึงกลั้นใจกดส่ง...
เขารู้สึกว่าตัวเองชักเริ่มประสาทยังไงชอบกล...
“เพราะแกคนเดียว คาวามูระ นารุมิ!”
ใช่... เพราะไอ้บ้านั่นคนเดียว...
ที่เขาต้องนั่งคิดมากอยู่ตอนนี้ก็เพราะมัน! ที่เขาต้องมานั่งจ้องมือถือจะโทรไม่โทรดีก็เพราะมัน! ที่เขาต้องขลุกอยู่บ้านกับชมรมก็เพราะมัน! ที่โลกร้อนก็เพราะมัน! ที่คนตกงานก็เพราะมัน!
ทุกอย่างเพราะมันคนเดียว!!!
ตอนพวกเขากลับมาจากอิสุหมอนั่นก็หายหัวไปโอซาก้าแล้ว... แถมยังหายตัวไปตลอดปิดเทอมกลับมาเพียงครั้งเดียวคือตอนแข่งของชมรมเคนโด้แล้วก็กลับโอซาก้าต่อ
ตอนแรกนั้นไม่มีใครรู้ว่านารุมิไปโอซาก้าทำไม (อาจจะยกเว้นยูยะแต่เขาก็ไม่อยากถาม) จนผ่านไปเกือบสองอาทิตย์หมอนั่นถึงได้โทรมาหาเขา เป็นบทสนทนาที่สั้นอย่างเหลือเชื่อ...
แล้วก็น่าหงุดหงิดเป็นบ้า...
“พี่น้องทาคาฮาระมาทำอะไรที่โอซาก้า?”
ประโยคแรกที่หมอนั่นขึ้นทำให้หัวใจอันพองโตของเขา...ฟีบเหลือเท่าอึมด
“มิสึกิได้ตั๋วไปทัวร์ชมวิญญาณ นายเจอพวกเขาเหรอ” เขากระแทกเสียงตอบชัดเจนมาก และเชื่อนักว่าหมอนั่นคงจะโง่จนไม่ทันสังเกตเห็น...
“แล้วนายไม่ไป?”
อ๋อ แกล้งทำเป็นเพิกเฉยคำถามเหรอวะ!
“ฉันไม่ชอบวิญญาณ”
ไม่รู้ว่าแกแกล้งโง่หรือโง่จริง?
“อืม...งั้นแค่นี้ล่ะ เดี๋ยวฉันต้องไป...ช่วยพี่ทำงาน”
แล้วมึงจะไม่พูดถึงเรื่องที่มันค้างคาอยู่จริงๆเหรอวะไอ้ลิงแสมนี่!!!!
ตอนนั้นเขาแทบจะเขวี้ยงมือถือทิ้งด้วยความโมโห แต่พอสงบจิตสงบใจได้แล้วลองมานั่งคิดดู...เขาก็ไม่ค่อยมั่นใจว่าตัวเองอยากคุยเรื่องคืนนั้นจริงรึเปล่า...
เขาเองก็กลัวคำตอบ ตลอดเวลาที่หมอนั่นไม่ได้ติดต่อมาเขากังวลจนทำอะไรไม่ถูก จะโทรก็ไม่กล้า เหมือนไม่เป็นตัวของตัวเองเอาซะเลย...
แต่พอหมอนั่นโทรมาแล้วพูดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตัวเขาก็ทั้งโล่งใจแล้วก็กังวล... เขาไม่รู้ว่าให้เป็นเหมือนเดิมต่อไปมันจะดีจริงๆหรือเปล่า? แล้วถ้ามันพัฒนาขึ้น...มันจะดีจริงๆรึเปล่า? เขาสับสนสุดๆจนแทบจะเป็นบ้า! เกิดมาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน...
หลังจากนั้นเขากับหมอนั่นก็ผลัดกันโทรหา... เขาพยายามทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นและทำเป็นเหมือนเดิม ...ดูเหมือนนารุมิก็พยายามทำแบบที่เขาทำอยู่เหมือนกัน...
นารุมิเล่าว่าที่หมอนั่นต้องไปอยู่โอซาก้า เพราะว่าต้องไปอยู่กับแม่และพี่สาวทุกๆ ปิดเทอม แม่ของหมอนั่นทำแบรนด์เสื้อผ้า เครื่องประดับ และพวกเครื่องสำอาง โดยใช้นายแบบเป็นอากิระ ซึ่งเขาก็เดาได้ทันทีว่าแม่หมอนั่นก็คงกะจะให้เป็นนายแบบทั้งคู่แต่นารุมิมันคงค้านหัวชนฝา...
ความคิดของสึโยชิหยุดชะงักลงทันทีที่เสียงเมสเสจเข้า เด็กหนุ่มถลันลุกขึ้นนั่งพลางคว้ามือถือมากดอย่างลนลาน ใบหน้าขาวประดับยิ้มกว้างก่อนจะค่อยๆชืดลงเมื่อมองเมสเสจตอบรับ...ที่มีคำว่า
‘ก็ดี’
เขียนมาอย่างประหยัดถ้อยคำ...
ว้อยยยย!!! เขียนมากกว่านี้มันก็ไม่เก็บตังค์เพิ่งหรอกว้อยไอ้เลวนารุมิ!!!
สึโยชิยันตัวลุกขึ้นด้วยความโมโห มือเรียวยัดมือถือลงกระเป๋าอย่างส่งๆก่อนจะเตรียมไปชมรม
เนื่องจากการแข่งขันจะมาถึงในอีก 2 วันแต่ละคนเลยต้องฮึดซ้อมแทบล้มประดาตาย ตอนนี้โรงฝึกของชมรมคาราเต้ก็ซ่อมเสร็จแล้วเลยไม่ต้องใช้ร่วมกับชมรมเคนโด้อีก ทุกคนเลยแทบจะไปนอนที่ชมรมแทนกลับบ้านตามอย่างรุ่นพี่มัตซึริกันแล้ว...
RRRR
.
ฝีเท้าของสึโยชิชะงักทันทีที่ได้ยินเสียงเรียกเข้า เด็กหนุ่มรีบคว้ามือถืออย่างมีความหวังอีกครั้งและก็ผิดหวังแทบจะทันที...
“มีอะไรนากาโอะ” เขาเดินลงบันไดบ้านด้วยอาการเซ็งๆ “คืนนี้? ไม่ล่ะ... ขี้เกียจไป ใกล้แข่งแล้ว”
“อะไรวะสึโยชิ! แต่ก่อนนายเที่ยวเกือบทุกคืน แต่พอเปิดเทอมมาไม่กี่เดือนแกก็หยุดเที่ยวไปซะงั้น...สาวๆเขาบ่นคิดถึงแกจะแย่แล้วนะเว้ย”
“ก็ไม่มีอารมณ์นี่หว่า ไว้อยากแล้วฉันจะไป”
“อะไรวะ! โห...ไม่ต้องมาทำเป็นอ้างว่าใกล้แข่งหรอก มีแฟนดุก็บอกมาเหอะ”
“ไม่มี!”
“ทำไมต้องทำเสียงดุด้วยวะ ยิ่งทำเสียงอย่างนี้ยิ่งน่าสงสัย... ฉันได้ยินว่านอกจากแกจะไม่เที่ยวกลางคืนยังไม่ออกไปไหนเลยนี่หว่า...ที่บ้านมีอะไรดีๆรึไง”
“ถ้าแกไม่มีอะไรจะพูดอีกจะวางแล้วนะโว้ย!” สึโยชิกระชากเสียงพลางกระแทกประตูบ้านปิดดังลั่น
“โธ่ ไอ้... เออ ก็ได้วะ อุตส่าห์หวังดี! อยากเก็บตัวจำศีลต่อก็ตามใจ!”
สึโยชิวางสายอย่างหงุดหงิด คิ้วสวยขมวดมุ่นก่อนจะกระแทกมือถือลงกระเป๋า...
อารมณ์แบบนี้ใครจะอยากไปเที่ยววะ... คนยิ่งสับสนไม่รู้จะทำยังไอยู่ไอ้บ้านี่ก็ชวนเที่ยวเรื่อย ไม่มีอารมณ์หรอกโว้ยยยยยย ยิ่งนารุมิมันชอบโทรมามืดๆอยู่เดี๋ยวเกิดไม่ได้รับ...
เดี๋ยว...
ฝีเท้าของสึโยชิชะงักลงกะทันหัน ใบหน้าค่อยขึ้นสีฝาดก่อนที่ร่างทั้งร่างจะทรุดลงไปกองกับพื้น
เดี๋ยวนะๆๆ ปิดเทอมแท้ๆทำไมเขาต้องไม่ไปเที่ยวด้วย... แล้วทำไมเขาต้องรอรับโทรศัพท์ไอ้บ้านั่นด้วยวะ ทั้งๆที่มันทิ้งเขาไปหายูยะแท้ ไม่ใช่สิ...ไม่ได้ทิ้งนี่หว่า แต่ยูยะพ่อป่วยมันเลยต้องไปดูแลเขายังไปเยี่ยมมาเลย เออ ใช่... แล้วทำไมเขาต้องรอโทรศัพท์มัน ทั้งวันด้วย เออ ไม่ใช่อีก...เขาขี้เกียจออกนอกบ้านต่างหากอากาศข้างนอกมันร้อน...
แล้วทำไมฉันต้องมานั่งแก้ตัวกับตัวเองด้วยวะ!!!!!!!
คิดได้แค่นั้นสึโยชิก็รีบคว้ามือถือ เขากดโทรออกไปยังคนที่เพิ่งวางโทรศัพท์ไปเมื่อครู่ทั้งที่ใบหน้ายังคงแดงจัด
“ฮัลโหลนากาโอะ... เออ เปลี่ยนใจแล้วคืนนี้ฉันไปด้วย...ที่เดิมใช่ไหม เออ แล้วเจอกัน”
เด็กหนุ่มค่อยๆยันกายลุกขึ้นอีกครั้ง เขาสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะพยายามยิ้มให้ตนเอง
ทำไมปิดเทอมเขาต้องมานั่งเฉาด้วย... หมอนั่นมันจะไปคบกะใครก็ไม่เกี่ยวกะเขาสักหน่อย เขาไม่ได้อยาก...ชอบผู้ชาย...นักหรอก... ในเมื่อมันอยากทำเป็นเหมือนเดิมนักก็ดี เขาจะได้ไปหาสาวๆ มาดามหัวใจซะบ้าง...
ฉันไม่ต้องง้อแกหรอกโว้ย ไอ้เลวนารุมิ!
“สึโยชิ ทางนี้ๆ”
สึโยชิยิ้มกว้างพลางตรงไปยังกลุ่มเด็กหนุ่ม 2-3 คนที่โบกมือเรียกอย่างร่าเริง เขาทิ้งตัวลงนั่ง พลางสั่งเครื่องดื่มมาดับเครียดอย่างรวดเร็ว
“ว่าไงวะ ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ได้ข่าววาแกเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับชมรมนี่หว่า” หนึ่งในนั้นเอ่ยกับเขากลั้วหัวเราะพลางยกแก้วในมือขึ้นดื่ม “ตอนแกไม่อยู่นะ สาวๆแถวนี้บ่นคิดถึงกันใหญ่!”
“ทำไงได้... คนมันหน้าตาดี” คำตอบของสึโยชิเรียกเสียงหัวเราะร่วน
หลังจากการพูดคุยถามสารทุกข์สุกดิบอยู่พักหนึ่งหลายคนก็ขอตัวไปก่อน ไปเต้นบ้าง ไปคุยกับชาวบ้านบ้าง จนตรงนั้นเหลือเพียงเขาและเจ้าตัวแสบคนชวนที่ยังนั่งเป็นเพื่อนคุย
เด็กหนุ่มมองเหล้า แก้วแล้วแก้วเล่าที่สึโยชิยกซดอั้กๆ เป็นน้ำเปล่า เขายิ้มฝืดๆพลางยื่นมือไปห้ามการกระดกแก้วต่อไป
“ดื่มเร็วเกินไปแล้ว เดี๋ยวเมาหรอก...”
“ไม่เมาหรอกน่ะ” ว่าพลางก็ยกขึ้นดื่มเร็วๆอีกครั้งและชงแก้วใหม่ต่อทันควัน รอยยิ้มอีกฝ่ายจืดกว่าเดิม
“นายกลุ้มใจเรื่องอะไรอยู่รึเปล่า? ถ้าไม่อยากมาวันนี้จริงๆบอกมาตรงๆก็ได้นะเว้ย”
“ถ้าไม่อยากมาก็คงไม่มาหรอกน่ะ” สึโยชิตอบไปส่งๆ แม้จะยังดวดเหล้าเป็นน้ำเปล่าจนคนมองแทบเมาแทน “ดีซะอีก...ฉันกำลังเครียดพอดี จะได้ปลดปล่อยด้วย”
คำตอบที่อีกคนได้แต่อับจนถ้อยคำ... เด็กหนุ่มมองขวดเหล้าที่เกือบจะว่างเปล่าพลางส่ายหน้าด้วยความระอา
ถึงมันจะคอแข็งแต่ขืนยังดวดเข้าไปแบบนี้...อีกเดี๋ยวได้เมาหัวราน้ำแหงๆ...
เสียงเพลงจังหวะร้อนแรงดังผสานกับเสียงพูดคุยของผู้คน... แสงไฟวับแวมสาดส่องไปมาทั่วบรรยากาศมืดสลัว กลิ่นน้ำหอมฟุ้งกลิ่นตีกับกลิ่นเหล้าเมื่อสาวน้อยในชุดกระโปรงสั้นกุดสีดำเยื้องกรายเข้ามาใกล้และมองเขาด้วยหางตา
หญิงสาวโน้มตัวลงโอบกอดสึโยชิจากเบื้องหลังพลางก้มลงกระซิบ หน้าอกคัพ C บดเบียดกับแผ่นหลังยามเธอเลื่อนกายเข้าไปแนบชิด เด็กหนุ่มเพียงหัวเราะเบาๆก่อนจะเงยหน้าขึ้นประทับริมฝีปากแล้วเลื่อนไปยังไปยังข้างหู พูดอะไรอยู่ 2-3 คำจนฝ่ายตรงข้ามยิ้มกว้าง ขยิบตาแล้วหอมแก้มส่งท้ายก่อนจะเดินจากไป...
นากาโอะปรายมองคนที่ตกสาวสำเร็จไป 5-6 คนแต่ยังนั่งดื่มเหล้าเป็นว่าเล่น... ด้วยความหมั่นไส้เขาจึงยันเก้าอี้ฝ่ายตรงข้ามแรงๆเรียกให้สึโยชิยิ้มกว้าง
“ไม่ได้มานานสาวๆเขายังสวยกันไม่เปลี่ยน เมื่อกี้ก็แค่ทักทายแก้คิดถึงเฉยๆ อิจฉารึไง?” เด็กหนุ่มฉีกยิ้มแม้ดวงตาจะเริ่มหรี่ปรือ
“รู้งี้ไม่น่าชวนแกมา แย่งสาวไปหมด” นากาโอะพูดพลางหัวเราะร่วน เขาก้มลงมองมือถือก่อนจะเงยหน้าขึ้น “ทั้งๆที่ไม่ได้มาหลายเดือนเสน่ห์แกก็ยังแรงไม่เปลี่ยน...”
คำพูดนี้กระตุกต่อมโมโหของสึโยชิอย่างแรง เขากระแทกแก้วเหล้าด้วยอารมณ์
“หึ! ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย” ใบหน้านั้นเริ่มเป็นสีแดงจางๆ จากฤทธิ์แอลกอฮอล์
นากาโอะรีบแย่งแก้วมาจากมือของคนที่ยกดื่มอีกครั้ง หมอนั่นดื่มเหล้ามา 1 ชั่วโมงติดต่อกัน จนเริ่มจะตาโปรย หน้าแดง เขารีบก้มลงมองมือถือก่อจะเงยหน้ามองคนที่พยายามเข้ามายื้อแย่งเอาแก้วคืนไป อาการของหมอนั่นเหมือนสติเริ่มจะไม่อยู่กับตัว...
“พอได้แล้วน่ะ...ออกไปเต้นกับเจ้าพวกนั้นเหอะไป หยุดดื่มได้แล้ว”
“อย่ายุ่งน่ะ!” สึโยชิพยายามคว้าแก้วคืนแต่อีกฝ่ายกลับรีบเบี่ยงหนี
“พอได้แล้ว เดี๋ยวหมอนั่นมาแล้วคุยกันไม่รู้เรื่องพอดี”
“หมอนั่น? หมอนั่นหมอไหนวะ?” สึโยชิแย่งแก้วกลับคืนมาได้สำเร็จแล้วเริ่มผสมเหล้าต่ออีกครั้ง แต่อีกฝ่ายก็ยื้อกลับมาอย่างดื้อดึง
“เพื่อนฉันเอง... หมอนั่นน่ะมารอที่ผับนี้ 2-3 เดือนได้แล้วเพราะอยากคุยกับนาย แต่นายก็ไม่โผล่หัวมาเสียที...เห็นว่าเป็นเพื่อนเก่านายด้วยนี่”
“เพื่อนเก่าฉัน?” สึโยชิถามด้วยดวงตาปรือปรอย อีกฝ่ายพยักหน้า
“ใช่...พอฉันบอกว่าให้โทรหานายหมอนั่นก็บอกว่านายเปลี่ยนเบอร์ พอฉันจะให้เบอร์นายหมอนั่นก็ปฏิเสธลูกเดียว เอาแต่บอกว่าจะรอนายอยู่ที่นี่...พอวันนี้นายจะมาฉันเลยรีบเรียกหมอนั่นมา เห็นว่าใกล้ถึงแล...ทางนี้! โทชิ”
สึโยชิที่ยังไม่ทันปะติดปะต่อเรื่องดีได้แต่ขมวดคิ้วมุ่น เด็กหนุ่มมองนากาโอะโบกไม้โบกมือให้คนที่เดินตรงเข้ามาใกล้ก่อนจะตวัดมองไปยังเป้าหมาย...
โครม!!
สึโยชิหงายท้องตกเก้าอี้จังเบ้อเร่อ สร่างเมาแทบจะทันที! นัยน์ตาเล็กยิบหยีเบิกกว้าง ริมฝีปากอ้าค้าง คำพูดทั้งมวลจุกอัดที่ลำคอแต่ไม่สามารถพุ่งผ่านออกมาเป็นคำได้ด้วยอารามช็อคสุดขีด
“ไม่ได้เจอกันนาน คิดถึงจังเลยสึโยตัน!”
“แย้กกกกกก” สึโยชิใช้เท้าแทนคำทักทายเมื่ออีกฝ่ายโผเข้ามาหา ฝ่าเท้าเข้าเต็มๆท้องแต่อีกคนกลับยังยิ้มกว้าง
“ยังรุนแรงไม่เปลี่ยนเลยนะ...”
“แก... อย่าเข้ามาใกล้เกิน 3 เมตรนะโว้ย เตือนไว้ก่อน” เด็กหนุ่มขู่ฟอดพลางถอยไปหานากาโอะอย่างรวดเร็ว
นากาโอะตวัดมองคนที่ยืนยิ้มกว้างอยู่เบื้องหน้าสลับกับใบหน้าซีดขาวของคนที่อยู่เบื้องหลัง ความงุนงงฉายชัดในแววตา...
“อ้าว...ตกลง...พวกนายเป็นเพื่อนกันรึเปล่า?”
“ใช่/ไม่” คำตอบพร้อมเพรียงที่คนฟังยิ่งงงหนัก
“ตกลงยังไงกันแน่”
“ไหนสึโยตันบอกว่าให้บอกว่าเราเป็นเพื่อนกันไง...จะให้บอกความจริงไปเหรอว่าเป็นอย่างอื่น...” โทชิลากเสียงเนิบนาบพลางขยับเข้ามาใกล้
“แกอย่ามาซี้ซั้ว ฉันกับแกน่ะ...”
“เป็นแฟนกัน...”
“ไม่ใช่โว้ย!” สึโยชิโวยลั่นแม้จะยังซ่อนตัวอยู่ข้างหลังนากาโอะ อาการนั้นยิ่งเรียกรอยยิ้มกว้างจากโทชิ
“อ้าว...งั้นจะให้เรียกว่าอะไร? ก็พวกเราน่ะออกจะล้ำลึกถึงขนาด...”
ปฏิกิริยาของร่างกายไปไวกว่าความคิด... สึโยชิรีบสลัดความกลัวแล้วพุ่งพรวดไปตะครุบปากของคนที่ยังแย้มยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดี ใบหน้าซีดขาวสลับแดงเอ่ยพะงาบๆส่งซิกอย่างไม่มีคำพูด ...ทุกกิริยาล้วนอยู่ในสายตาของนากาโอะที่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก
“ตกลงว่ายังไงกันแน่?”
นัยน์ตาเป็นประกายวับของคนโดนปิดปากจ้องมองสึโยชิอย่างอารมณ์ดี เด็กหนุ่มไหวไหล่เล็กน้อย มองตาของคนลนลานที่มองเขาสลับกับนากาโอะเลิ่กลั่กอย่างนึกสนุก
“เพื่อนเก่าน่ะ...”
สายตาของนากาโอะมีความสงสัยเต็มเปี่ยมแม้จะไม่ได้พูดอะไรออกมา หลังจากนิ่งไปครู่เขาจึงพยักหน้าเนิ่บๆ ก่อนจะเดินเข้ามาตบไหล่สึโยชิ
“งั้นก็ดีแล้ว ฉันไปผ่อนคลายก่อนล่ะ อยู่เป็นเพื่อนนายแล้วเบื่อจะแย่”
“อย่าเพิ่งไป!/โชคดีนะ” ทั้งคู่ประสานเสียงก่อนที่ร่างสูงจะยิ่งยิ้มกว้าง แล้วก่อนที่สึโยชิจะทันได้พูดอะไร...เด็กหนุ่มก็ค่อยๆโน้มกายลงกระซิบข้างหู...
“ถ้ายังต่อต้านอีกฉันจะแฉเรื่องของเราให้หมด...”
ได้ผล... ใบหน้าของสึโยชิเปลี่ยนจากสีซีด เป็นแดง แล้วเปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำเร็วเสียยิ่งกว่าสัญญาณไฟจราจร เขาเฝ้ามองนากาโอะที่เดินหายไปกลางฟลอร์ด้วยความรู้สึกที่อยากจะร้องไห้...
กลับมาเอาลูกระเบิดของแกกลับไปด้วยยยย!!!
สึโยชิจ้องมองแก้วเปล่าเบื้องหน้าของตนเองอย่างเอาเป็นเอาตาย และพยายามอย่างถึงที่สุดที่จะทำเป็นว่าเก้าอี้ทางขวาของตนเองว่างเปล่า...
ความทรงจำเลวร้ายตอนเจอกับไอ้บ้านี่ครั้งแรกผุดวูบขึ้นมาเป็นฉากๆ เขาคิดว่าไอ้การเจอกันโดยบังเอิญที่ fuji Q คงจะเป็นการฟาดเคราะห์ครั้งสุดท้ายชาตินี้จะได้ไม่ต้องเจอกันอีก แต่เปล่า... นี่ยังต้องเจอกันอีกครั้งแถมยังเร็วเกินคาด...
เขาเหล่มองสาวสวยคนที่ 10 เห็นจะได้ซึ่งเดินมาคลอเคลียไอ้หมอนั่น แต่เจ้านั่นเพียงก้มลงกระซิบเบาๆที่ข้างหู สาวเจ้าก็ตวัดมองมายังสึโยชิทันควันก่อนจะส่งสายตารังเกียจเดียดฉันท์มาให้
“นายไม่ต้องขยับไปไกลขนาดนั้นก็ได้นะ” เด็กหนุ่มเอ่ยกลั้วหัวเราะเมื่อระยะห่างระหว่างเก้าอี้ทั้งสองนั้นเกือบ 2 เมตร โทชิค่อยๆ เลื่อนเข้าไปใกล้และสึโยชิยิ่งขยับหนี
“ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน! สาวๆแถวนี้สวยๆเยอะแยะไปตกเอาไป๊!”
“ไม่เอาล่ะ...ก็ฉันชอบนายที่สุดนี่”
คำพูดตรงไปตรงมาที่สึโยชิแทบร่วงลงจากเก้าอี้อีกรอบ อยากจะอ้วกขึ้นมารำไร
ใครเชื่อแกก็เตรียมลับเขาไปไถนาได้แล้วโว้ย!!!
“น่า...ฉันไม่ทำอะไรหรอกไม่ต้องระแวงขนาดนั้น” อีกฝ่ายพูดพลางยื่นเหล้าขวดใหม่ราคาแพงที่สุดในร้านมาให้ “เอามั้ย ฉันเลี้ยง”
“ไม่!” สึโยชิตอบชัดถ้อยชัดคำ ขืนกินสุ่มสี่สุ่มห้าตูก็โดนมอมดิ่วะ!
“ฉันไม่มอมเหล้านายไปปล้ำหรอกน่ะ”
สึโยชิสะดุ้งโหยงเมื่ออีกคนพูดเหมือนอ่านใจเขาออก ใบหน้าขาวซีดเปลี่ยนเป็นสีแดงจัดเมื่ออีกคนยิ้มกว้างเมื่อเห็นปฏิริยาของเขา เหมือนกับจะบอกว่า...รู้นะว่าคิดอะไรอยู่...
“เอ้า ดื่มๆ อย่าคิดมาก เพื่อนนายก็อยู่เต็มผับ” ว่าแล้วก็จัดการรินเหล้าให้เขาเสียเต็มพลางยื่นมาตรงหน้า
“แค่แก้วเดียวนะ” สึโยชิเอ่ยอ้อมแอ้มและรับมาแต่โดยดี...
“เฮ้ย! รินให้มันเร็วๆหน่อย”
สึโยชิโวยลั่นพลางยื่นแก้วพรวดมาตรงหน้าของพนักงานเสิร์ฟจำเป็นที่ยังยิ้มกว้าง ระยะห่างตอนแรกถูกร่นจนเหลือแค่ไหล่เกยกัน...
ใบหน้าของร่างโปร่งเป็นสีแดงจัด นัยน์ตาหรี่ปรอยฉ่ำหวาน กลิ่นเหล้าจากคนข้างกายเรียกให้โทชิหรี่ตาลงก่อนจะรีบคว้าเหล้าแก้วต่อไปที่สึโยชิยกขึ้นจ่อริมฝีปาก
เด็กหนุ่มตวัดมองคนห้ามอย่างขัดใจ เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้ก่อนจะใช้นิ้วชี้จิ้มหน้าผากของฝ่ายตรงข้าม
“นายบอกจะเลี้ยงแล้วจะผิดคำเหรอ!” สึโยชิที่เมาไปเรียบร้อยลืมไปสนิทว่าเคยมีเรื่องกับเจ้ามือ เขาพยายามคว้าแก้วที่ถูกแย่งกลับคืนมา
“พอได้แล้วน่า...ปกตินายไม่ดื่มขนาดนี้นี่...”
“นายรู้จักฉันดีเท่าไหร่กัน อย่ามายุ่งนะโว้ย!”
“นายอกหักมารึไง?”
เปรี้ยง! โทชิยิงตรงจุดอย่างจังจนอีกฝ่ายถึงกับน็อค และเรียกรอยยิ้มของเขาให้ยิ่งกว้างขึ้น
“เห... นายเลิกกับไอ้คุณชายตายซากนั่นแล้วเหรอ?”
“ไม่ใช่โว้ย!! ฉันกับหมอนั่นไม่มีอะไรกันสักหน่อย” แม้จะพูดแต่ใบหน้านั้นกลับหม่นลงจนคู่สนทนาสังเกตได้ และยิ่งรุกคืบหนักขึ้นไปอีก
“...แล้วตกลงมีเรื่องอะไรล่ะ...เล่าให้ฉันฟังได้นะ
” โทชิพูดเรียบๆน้ำเสียงไม่จริงจังนัก เขาดันเหล้ากลับคืนไปให้สึโยชิที่รีบคว้าขึ้นมาดื่ม “ฉันล้อเล่นน่า...”
“จะคืนคำรึไง...” สึโยชิที่เมาจนไม่เหลือสติอยู่กระโดดคว้าคอเสื้อของอีกฝ่ายก่อนจะโน้มกายลงมาใกล้ “ไหนบอกจะฟัง?”
“เอ้า...นึกว่าไม่อยากเล่า... งั้นเล่าไปสิฉันรอฟังอยู่”
โทชิยิ้มด้วยรอยยิ้มที่ปั้นให้ดูจริงใจที่สุด เขานิ่งงัน ก่อนจะค่อยๆรับฟังเรื่องราวที่พรั่งพรูออกมาจากริมฝีปากคนเล่าที่ถูกมอมเมาด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์...
“นายคิดดูนะ...หมอนั่นมันชั่วสุดๆเลยใช่ไหมล่ะ!”
“ใช่ๆ...ชั่วมากๆ”
“มีอย่างที่ไหนวะ ได้แล้วก็ทิ้ง แล้วเห็นหมอนั่นดีกว่าฉัน! ยังคุยกันไม่รู้เรื่องเลยนะโว้ย แม่ง! ทำตัวเป็นพ่อพระแล้วคิดว่าชาวบ้านจะไม่รู้เหรอว่ามันน่ะหื่นขนาดไหน...ทำมาเป็นพูดหวานไอ้เห็บหมาเอ๊ย! คิดว่าหน้าตาหล่อแล้วจะทำอะไรก็ได้งั้นเหรอ ทั้งๆที่ฉันตกลงจะช่วยแกเรื่องยูยะแล้วแกก็มาหลอกฟันอาจารย์เนี่ยนะ! ไอ้ศพลิง!”
“ใช่ๆ...ด่าได้ถูกเผง”
“ใช่ไหมล่ะ ปัดโธ่เอ้ย มีการหนีปัญหาไปโอซาก้าด้วยนะ ทำมาเป็นโทรหาแต่พูดแค่ 2-3 คำ ไม่เคยมีใครบอกเหรอวะว่าเขาไม่ได้คิดค่าโทรตามจำนวนคำน่ะ! เรียนดีซะป่าวแต่นิสัยโคตรแย่ อย่าคิดนะว่าบ้านรวยแล้วจะได้ทุกอย่าง อีโธ่ ถ้าฉันไม่สอน ยูยะก็ไม่หลงมันหัวปักหัวปำขนาดนี้หรอก แต่พอสมหวังนะก็ทิ้งฉัน ใช่สิฉันมันไร้ประโยชน์แล้วนี่... เชิญแกไปเสวยสุขกับไอ้เตี้ยไร้สมองนั่นตามสบายเลยโว้ย ไอ้หอกหัก แม่ง!!”
โทชิพยักหน้ารับอีกครั้งแม้จะต้องกลั้นขำสุดความสามารถ...
ความจริงที่เขามาที่นี่ก็แค่อยากเจอหน้า ทำความรู้จัก อยากอยู่ใกล้ก็แค่นั้น... แต่ไม่คิดว่าจะได้ฟังข่าวอะไรเจาะลึกขนาดนี้ แถมต้นข่าวยังมาจากเจ้าตัวโดยตรงเสียอีกด้วยสิ...
สึโยชิยังคงพล่ามอะไรเรื่อยเปื่อยโดยที่เขารับฟังอย่างสงบและเอ่ยปากรับรู้เป็นบางครั้ง การบ่นครั้งนี้ประเด็นหลักก็วนไปวนมาอยู่ไม่กี่อย่าง ส่วนใหญ่จะเป็นการด่าซะมากกว่า...เขารู้ทันทีว่าหมอนี่เก็บกดแค่ไหน เดาไม่ผิดเลยว่าความสัมพันธ์ของ 2 คนนี้มันมากกว่าเพื่อน แต่ไม่ได้คาดมาก่อนว่าจะเป็นรักสามเส้า...ไม่ใช่สิ...ถ้ารวมเขาเข้าไปด้วยก็ต้องเป็นสี่เส้าต่างหาก
โทชิเอื้อมมือไปลูบผมคนที่ฟุบลงกับโต๊ะและปากยังบ่นพำไปเรื่อยเปื่อย... เขาไล่ปรายนิ้วไปยังเรือนแก้มร้อนจัด ริมฝีปากแดงเรื่อ ไล้เบาๆอย่างสุภาพก่อนจะเลื่อนไปเล่นเส้นผมสีดำสนิทอีกครั้ง...
จะว่าไปตัวเขาเองก็ไม่ได้ต่างไปจากคาวามูระ นารุมิเท่าไหร่นัก... เวลา 1 ปีนับตั้งแต่ที่เขาได้เจอสึโยชิครั้งแรกนั้นเป็นช่วงเวลาที่แสนจะสับสน การเจอกันสั้นๆครั้งนั้นกลับติดตรึงอยู่ในความทรงจำของเขา...แม้ว่าเขาจะพยายามคบใครสักเท่าไหร่แต่ก็ไม่สามารถลบภาพใบหน้านี้อ อกไปจากใจได้ สุดท้าย... เขาที่หนีมาตลอดจึงได้เพียงแต่มารอคอยอยู่ที่นี่ ทำเป็นบังเอิญ...
แม้จะอยากเจอมากเหลือเกิน...
แต่ต่อไปนี้เขาจะไม่หนีอีกต่อไปแล้ว... ในเมื่อหัวใจของสึโยชิถูกชิงไปอยู่ในมือของคนที่ไม่เห็นค่า เขาต้องทวงกลับมาให้จงได้... แม้เขาจะรู้สึกเสียดายเวลาเกือบปีที่ไม่ยอมทำอะไรเลย แต่ต่อไปนี้เขาจะไม่ยอมอีกแล้ว... ไม่ว่าจะต้องทำยังไงเขาก็ต้องได้สึโยชิ... ไม่ว่ายังไงก็ตาม!!
“เลิกดื่มได้แล้วน่ะ” โทชิคว้าแก้วเหล้าคืนจากอีกฝ่ายอย่างระอา ใบหน้าแดงก่ำนั้นบึ้งตึงเหมือนเด็กๆ “เดี๋ยวก็กลับบ้านไม่ถูกหรอก”
“ม่ายเหนเปนไร ห้ายนากาโอะปายส่งก็ด้ายย” สึโยชิตอบเสียงป้อแป้ นัยน์ตาเรียวเล็กนั้นะปิดไม่ปิดแหล่
เขาเอื้อมมือไปลูบหัวสึโยชิอย่างอารมณ์ดี อีกฝ่ายสะบัดหนีเล็กน้อยก่อนจะทำสีหน้าเอาเรื่องแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้
“ว่าแต่...นายชื่อราย ฮึ! เจ้าคาราเต้หื่นกาม”
นั่น...ฉายาเขาเพราะซะไม่มี...
“โทชิ...ฟูมิโนะซาโตะ โทชิ” เด็กหนุ่มเอ่ยกลั้วหัวเราะ “จะเรียกคาราเต้หื่นกามก็ได้ ฉันยอมรับแต่โดยดี”
“ใช่! แกมานก้อม่ายด้ายต่างไปจากหมอนั่นซ้ากเท่าหร่ายหรอกก” ยิ่งพูดสึโยชิก็ยิ่งยื่นหน้าเข้ามาใกล้... และเรียกให้เขายิ่งยิ้มกว้าง...
“ฉันดีกว่าหมอนั่นแน่นอน” พูดเสร็จเขาก็คว้าร่างตรงหน้าเข้ามาประทับริมฝีปาก สัมผัสเพียงเบาๆและผละออกอย่างล้อเลียน
แต่อีกคนกลับไม่มีปฎิกิริยาใดๆผิดจากที่คาด... อาจจะเพราะเมาจัดจึงเพียงหรี่ตาลงก่อนจะโน้มหน้าเข้ามาชิด ไม่ได้มีแววหวาดเกรงแต่อย่างใด
“หึ! ทำรายว้า คิดว่าฉานจูบม่ายเปนหรืองายยย”
“แล้วจูบเป็นรึเปล่าล่ะ?” เขาเลิ่กคิ้วพลางเลื่อนใบหน้าไปใกล้ๆจนปลายจมูกชิดกัน อีกฝ่ายพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิด
“แกนี่มานเหมือนหมอน่านม่ายมีผิด ชอบช้ายหน้าหล่อสากดจิต”
“เห...ฉันก็หล่อเหมือนกันเหรอเนี่ย” โทชิหัวเราะอย่างอารมณ์ดีก่อนจะคว้าร่างตรงหน้าเข้ามาในอ้อมกอดโดยไม่มีอาการต่อต้านใดๆ
ความอบอุ่นที่ถ่ายทอดมาจากร่างในอ้อมกอดทำให้หัวใจของเขาเต้นระทึก ยิ่งกระชับอ้อมกอดแน่นหัวใจก็ยิ่งหวั่นไหว...เด็กหนุ่มลูบศีรษะอย่างเอ็นดูก่อนจะโน้มลงฝังหน้าลงกับกลุ่มผม แม้จะรู้ว่านี่เป็นการเอาเปรียบ แต่เขาก็ไม่อาจห้ามใจได้...
“สึโยสึโยของฉัน...นายตัดใจจากหมอนั่นแล้วมาคบกับฉันดีกว่า”
ฟี้~
เสียงกรนเบาเรียกเอาเด็กหนุ่มหลุดขำ เขากระชับอ้อมกอดแน่นพลางลูบหลังเหมือนกำลังเลี้ยงเด็ก ...ช่วงเวลานี้...เขาไม่อยากให้มันจบลงเลย...
RRRR
เสียงมือถือเรียกให้เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว เสียงเรียกเข้านั้นไม่คุ้นหูจนเขาต้องมองไปรอบๆเลิ่กลั่กพยายามหาต้นเสียง...และสะดุดอยู่ที่กระเป๋ากางเกงของคนที่หลับสนิทไม่ รู้เรื่องรู้ราว
หลังจากค้นอยู่พักหนึ่งเขาก็หยิบโทรศัพท์มาไว้ในมือ ตอนแรกกะจะปลุกร่างในอ้อมกอดขึ้นมารับโทรศัพท์แต่เมื่อเห็นชื่อคนโทรเข้า...รอยยิ้มก็ประดับบนใบหน้า...
คาวามูระ นารุมิ...
“ฮัลโหล...”
“.......” ปลายสายเงียบไปอย่างที่เขาคาด ยิ่งเรียกรอยยิ้มให้กว้างขึ้น
“ฮัลโหล...”
“นายเป็นใคร”
น้ำเสียงเย็นเยียบไม่ได้ทำให้เขาสลด... โทชิกลับยิ่งนึกสนุก
“แล้วนายล่ะเป็นใคร”
“....” ปลายสายเงียบไปอีกครั้ง ก่อนจะพูดด้วยเสียงกระชากกว่าเดิม
“ไปเรียกสึโยชิมารับสายสิ”
“เขาหลับ...”
เสียงกัดฟันกรอดที่ลอดก็รู้ได้ทันทีว่าอีกฝากกำลังปรอทแตก โทชิม้วนผมคนที่นอนหลับสนิทเล่นด้วยอารมณ์รื่นเริงเต็มที่
“บอกให้เขาโทรกลับมาหาฉันด้วย!”
“ได้...ไว้หมอนั่นอาบน้ำเสร็จแล้วจะให้โทรไป
” โทชิลากเสียงเนิบนาบ จงใจกวนประสาทอย่างเห็นได้ชัด “มีอะไรอีกมั้ย ฉันง่วง”
“จะอาบน้ำที่ผับรึไง?” น้ำเสียงตอกกลับมาแสดงว่าอีกฝ่ายก็ไม่โง่...อย่างน้อยก็ยังได้ยินเสียงเพลงดังลั่นที่มันฟ้องอยู่ทนโท่...
โทชิหัวเราะใส่โทรศัพท์อย่างเปิดเผยและจริงใจที่สุด เขาทำเป็นกระแอม 2-3 ครั้งแล้ววางหัวสึโยชิไว้บนไหล่ก่อนจะค่อยยื่นโทรศัพท์ไปใกล้ให้ได้ยินเสียงพึมพำประท้วงอย่างงัวเงีย
“ใครบอกนายว่าฉันกับสึโยตันจะอาบน้ำที่นี่ล่ะ...เราก็ต้องกลับไปอาบบ้านอยู่แล้ว...” เขาวรรคไปนิดหนึ่งเพื่อรอฟังปฏิกิริยา “สึโยตัน ไปนอนบ้านฉันไหม?”
เขาสะกิดร่างสึโยชิเบาๆจนอีกฝ่ายครางอีกครั้ง เด็กหนุ่มจงใจยื่นโทรศัพท์ไปใกล้ๆ
“นายมอมเหล้าหมอนั่นเหรอ!”เสียงอีกฝากสายดังเหมือนสายฟ้าฟาด
“ฉันน่ะ...ไม่จำเป็นต้องมอมเหล้าใครหรอกนะ...ถ้าไม่มีธุระอะไรล่ะก็...ค่อยคุยกันตอนเช้าละกัน สวัสดีและลาก่อน”
เขาวางสายไปก่อนที่อีกฝ่ายจะได้ทันประท้วงโวยวายใดๆทั้งสิ้น เด็กหนุ่มรีบชิงปิดเครื่องก่อนจะตะโกนเรียกนากาโอะที่เดินโซซัดโซเซกลับมาพอดี
“นายมีเบอร์ที่บ้านหมอนี่มั้ย? ฉันจะได้ไปส่ง”
นากาโอะเลิ่กคิ้วเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าหงึกหงัก เด็กหนุ่มกดโทรศัพท์ครู่หนึ่งก่อนจะส่งเบอร์มือถือของคนที่ชื่อ สึโบมิ มาให้
“น้องสึโยชิ...นายโทรไปถามเบอร์นี้ละกันเพราะฉันต้องไปต่อกับพวกนั้น” เด็กหนุ่มพยักเพยิดไปทางกลุ่มคน 5-6 คนก่อนจะรีบเผ่นแผล็วไปอย่างรวดเร็ว
โทชิก้มลงมองคนในอ้อมกอดด้วยรอยยิ้มกว้าง ปลายนิ้วค่อยเขี่ยขนตาเล่นอย่างเบามือ...
สึโยสึโยของฉัน... ฉันถือว่าฉันมาก่อนจะไม่ไว้หน้าหมอนั่นล่ะนะ ไม่ว่ายังไงฉันก็ต้องแย่งนายมาให้ได้
สงครามครั้งนี้มันไม่จบง่ายๆแน่!!
“เฮ้ย ปล่อยช้านเด่วนี้น้า” สึโยชิโวยลั่น พยายามสลัดให้หลุดจากการประคองของอีกฝ่าย “ฉานเดินเองด้าย ม่ายต้องมาจุ้นน้า”
“นายน่ะเดินไม่ตรงแล้ว ทำตัวดีๆหน่อย” โทชิล่ะอยากจะอุ้มไอ้คนดื้อนี่เสียจริง ติดที่ว่าเดี๋ยวแผนมันจะพังเสียเปล่าๆ “เอ้า บ้านนาย ถึงแล้ว”
โทชิรีบขยี้เส้นผมตัวเองให้เสียทรงอย่างรวดเร็ว เขารีบกระดกเหล้าที่เตรียมมารวดเดียวก่อนจะยัดลงใส่กระเป๋า และเพื่อความสมจริง เด็กหนุ่มจึงตีแก้มตัวเองให้มันดูแดงๆก่อนจะกดกริ่ง
เด็กสาวร่างเล็กในชุดนอนสีม่วงรีบกระวีกระวาดมาเปิดประตู เธอเบิกตากว้างเมื่อเห็นสภาพของพี่ชายตนเองและรีบมาช่วยอีกฝ่ายประคอง ทั้งสองช่วยกันแบกสึโยชิขึ้นชั้นสองอย่างยากเย็น เพราะเด็กหนุ่มนอกจากจะไม่ให้ความร่วมมือแล้วยังโวยลั่นแถมดิ้นพล่านจนน้องสาวล่ะอยากจะปล่อยให้นอนหน้าประตูบ้านรู้แล้วรู้รอด
“เอ้า พี่สึโยชินอนดีๆ” เธอสั่งคนที่โดนโยนลงบนเตียง เด็กสาวก้มลงห่มผ้าให้อีกฝ่ายก่อนจะตวัดกลับมามองอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ
สภาพของคนแบกไม่ได้ดีไปกว่าพี่ชายสักเท่าไหร่... นัยน์ตานั้นปรือปรอย เรือนแก้มขึ้นสีฝาด ดูเหมือนจะเมาได้ที่อยู่เหมือนกันแต่ก็ไม่หนักเท่าพี่สึโยชิ
“งั้นผม ขอตัวกลับก่อน” โทชิรีบพูด แต่เดินไปได้แค่ 2-3 เก้าเด็กหนุ่มก็ร่วงแปะลงบนพื้น ก่อนจะทรงตัวลุกขึ้นและพยายามเดินให้ตรงทาง...ภาพที่เห็นเรียกให้เด็กสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ค้างที่นี่เถอะค่ะ เมาขนาดนี้กลับบ้านอันตรายเปล่าๆ”
ไม่รู้ว่ามาส่งพี่สึโยชิได้ไงทั้งๆที่เมาขนาดนี้
“ผมไม่เป็นไรครับ...ผมกลับบ้านก็ได้...” ประโยคสุดท้ายขาดเป็นห้วงๆเมื่อจู่ร่างนั้นก็ค่อยวูบลงบนพื้นก่อนจะนิ่งสนิทไปในทันทีจนเด็กสาวสะดุ้งโหยง
“เฮ้ คุณ เป็นอะไรรึเปล่าคะ!”
ฟี้~
เสียงกรนเบาๆเรียกให้เธอหลุดขำ หลังจากพยายามอยู่ครู่ใหญ่เด็กสาวก็ลากร่างอะนหนักอึ้งมาที่เตียงได้สำเร็จ เธอดันพี่ชายเข้าไปไว้ข้างในก่อนจะยกอีกคนไปนอนข้างๆ นัยน์ตาเบื้องหลังกรอบแว่นระบายยิ้มเอ็นดู
“หน้าตาหล่อเหมือนกันนะเนี่ย...” เธอเพ่งพิศใบหน้าได้รูปที่หลับสนิท ทั้งจมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากได้รูป...แต่ว่า...ทำไมหน้าตาคุ้นๆชอบกลนะ...จะว่าเพื่อนก็ไม่คุ้นหน้าขนาดนั้น...
“ช่างเถอะ ไปนอนดีกว่า” เด็กสาวสรุปว่าเธอคงคิดมากไปจึงเดินออกไปจากห้องและทิ้งสองหนุ่มไว้ตามลำพัง...
TBC^^
หุหุๆๆๆๆ
ความคิดเห็น