ลำดับตอนที่ #34
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #34 : Nor like 27 - Ferris wheel[B]
[Nor Like] 27 Ferris wheel[B]
“ดีใจที่ได้เจอกันขนาดนั้นเชียว?”ชายหนุ่มยิ้มกว้างให้สึโยชิที่หน้าซีดเป็นไก่ต้ม แล้วสีหน้านั้นก็เปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำฉับพลัน เมื่อได้ยินประโยคถัดมาที่หมอนั่นหันไปพูดกับคนคุมเครื่องเล่น
“งั้นผมขึ้นกระเช้านี้กับเพื่อนผมนะครับ”
“เฮ้ย!”
“โทชิ! แล้วฉันล่ะ”เสียงร้องของเขาถูกกลบด้วยเสียงอุทานของสาวน้อยข้างๆหมอนั่น ...แต่อีกฝ่ายเพียงเหลียวกลับไปมองเล็กน้อย พลางยักไหล่เหมือนไม่เห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญ
“ก็รออยู่ข้างล่างนี่ล่ะ...หรือถ้ารอไม่ได้ก็กลับบ้านไปก่อนก็ได้..”
“โทชิ...นาย...”เธอกรีดเสียง ใบหน้าหวานสวยบูดบึ้ง...ดูเหมือนเด็กสาวจะพยายามกล้ำกลืนคำด่าลงคอ แล้วกระแทกส้นเท้าเดินจากไปโดยไม่เหลียวหลัง...
สึโยชิแสนจะคาดหวังว่าหมอนั่นจะเดินตามแฟนสาวไป...แต่เปล่า...นอกจากมันจะไม่เดินตาม ....มันยังทำท่าจะเดินเข้ามาในกระเช้า จนเขาต้องรีบดันตัวไปอยู่หน้ากระเช้าพยายามจะฝ่าออกไปด้านนอก แต่ดูเหมือนไอ้หมอนั่นจะรู้แกว... เพราะไม่ว่าเขาจะเดินไปทางฝากไหน มันก็ขยับขวางมันทางนั้น!
“น่า... ไม่ต้องเขินหรอก”คำพูดที่เล่นเอาสึโยชิถึงกับน้ำลายติดคอ พูดไม่ออกไปชั่วขณะ
ทำไมมันหน้าด้านอย่างนี้วะ!
ปัง!!
การต่อสู้ชะงักลงทันควันเมื่อใครคนหนึ่งทุบชิงช้าสวรรค์แบบไม่กลัวมันเจ๊ง... ทุกสายตาหันขวับไปยังบุคคลที่สามที่ยืนทำหน้าบึ้ง... สายตาเย็นชาปานประหนึ่งน้ำแข็งจ้องเขม็งไปยังเด็กหนุ่มนิรนามที่มันยังกล้าส่งยิ้มให้แบบไม่รู้ร้อนรู้หนาว...
แกเท่ห์มากนารุมิ!
สึโยชิที่ใจมาเป็นกองกลับมายิ้มได้อีกครั้งแม้รอยยิ้มนั้นจะยังดูเฝื่อนๆก็ตามที อย่างน้อยก็ยังดีกว่าต้องเผชิญชะตากรรมคนเดียว... ยังไงซะขึ้นชิงช้าสวรรค์กับนารุมิสองต่อสองมันก็ดีกว่าขึ้นกับหมอนั่นเป็นไหนๆ คิดได้ดังนั้นเขาก็รีบกระตุกแขนนารุมิ ...แต่หมอนั่นกลับยังจ้องอีกคนนิ่ง... สายตานั่นน่ะบอกได้เลยว่าไอ้คุณชายคาวามูระน่ะมันกำลังก่อสงครามเย็น...แถมยังเป็นสงครามเย็นขั้นติดลบซะด้วยสิ...
“ฉันจะขึ้นชิงช้าสวรรค์กับหมอนั่น...สองคน...”คำพูดแรกที่นารุมิเอ่ยออกมาเรียกเอาทุกเสียงเงียบกริบ ไม่รู้ว่าหมอนั่นมันรู้ตัวรึเปล่าว่าพูดอะไรออกมา แต่คำนั่นก็เล่นเอาสึโยชิหน้าขึ้นสีก่ำ และเรียกรอยยิ้มกว้างจากเด็กหนุ่มอีกคน ที่ยังเหมือนไม่รู้สึกรู้สมอะไรนัก
“อะ...ก็ได้...ตามสบาย...พวกนายมาด้วยกันนี่”ไม่ว่าเปล่า เด็กหนุ่มยังผละจากชิงช้าสวรรค์มาก้าวหนึ่ง เปิดทางให้นารุมิเดินเข้าไปข้างใน แถมท้ายยังปิดประตูกระเช้าแทนพนักงานเสียด้วย...
“แล้วค่อยเจอกันนะ...อย่าลืมคิดถึงฉันล่ะ สึโยชิ”หมอนั่นว่าพลางขยิบตาส่งท้ายก่อนที่กระเช้าจะค่อยๆเลื่อนจากไป...
*************
“ปลาหลุดไปอีกตัวแล้วสิ”
เด็กหนุ่มจ้องข้อความด่ายาวเหยียดที่ส่งมาจากแม่สาวที่เขาเพิ่งสลัดทิ้งไปเมื่อครู่ เขามองมันด้วยอาการขบขันก่อนจะกดลบ แล้วหาเบอร์โทรของคนที่เขามีเรื่องเร่งด่วนจะต้องถาม...
‘มีเรื่องอะไรอีกล่ะ’ เสียงทักทายแรกจากอีกฝากสายส่อเค้าเย็นชา แต่โทชิกลับขยับยิ้มกว้าง
“โทรมาหานายนี่ฉันต้องมีเรื่องด้วยรึไงทาคาโตะ?”
‘ใช่...ถ้าไม่มีเรื่องอะไรนายก็คงไม่โทรมาหรอก’ คำตอบที่ได้เล่นเอาคนฟังหัวเราะร่วน ก่อนจะกรอกตอบด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดีแบบเคย
“เออ ก็ได้ ฉันยอมรับว่ามันมีเรื่อง”เขารับอย่างยอมจำนน “นายจำเรื่องที่ฉันเคยให้ไปสืบได้ไหม เรื่องที่ไอ้กัปตันชมรมบ้านั่นมันเอามาล่อฉันน่ะ...ตกลงว่าไง?”
‘ออ...เรื่องนั้น’ ทาคาโตะรับคำในลำคอ ‘ตกลงว่ามันเป็นเรื่องจริง...ชื่อหมอนั่นเพิ่งถูกเพิ่มมาทีหลังนี่เอง หลังจากที่กัปตันนั่นตกลงกับนาย...’
“งั้นก็โชคดีของมันไป เพราะฉันกะจะไปเตะมันอยู่แล้วเนี่ยตอนเห็นว่าเป้าหมายของฉันดันมาเที่ยวแทนที่จะไปฝึกซ้อม ”
‘...นายเจอวาคาบายาชิ?’
“ใช่...ที่ฟูจิคิวตอนฉันกำลังเดทกับแฟนใหม่อยู่พอดี ฉันเห็นหมอนั่นกำลังจะขึ้นชิงช้าสวรรค์เลยกะจะขึ้นด้วย ...เออว่ะทาคาโตะ!”โทชิโพล่งเมื่อเพิ่งนึกขึ้นมาได้ “ไอ้คุณชายสุดหล่อซี้นายก็มากับสึโยโยของฉันด้วย ฉันจำหน้ามันได้ ...หน้าตาหล่อตายซากอย่างนั้นน่ะไม่มีทางผิดตัว”
‘นารุมิน่ะนะ? เจอที่ฟูจิคิว?’
“ก็เออสิ...นายไม่เชื่อฉันหรือไง”โทชิยังพูดอย่างอารมณ์ดีแม้จะได้ยินน้ำเสียงเหมือนไม่ค่อยเชื่อถือของอีทาคาโตะ “หมอนั่นน่ะมากับเป้าหมายฉันแถมยังแย่งขึ้นกระเช้าไปกับเป้าหมายของฉันสองคนอีก ...นายต้องมาเห็นหน้าหมอนั่นตอนที่มาเจอฉันกำลังจะขึ้นกระเช้ากับสึโยโยของฉัน...หน้างี้หยั่งกะจะแดกหัวแหนะ”
‘....’
“ฉันสงสัย....เหมือนว่า....สองคนนั้นน่ะมีอะไรแปลกๆ...”
‘ไม่ใช่หรอกน่ะ....นารุมิมีคนที่ชอบอยู่แล้ว’
“ชอบได้ก็เปลี่ยนได้”
‘อย่าเอามาตรฐานของนายมาวัดคนอื่น’คำพูดของทาคาโตะที่โทชิขยับยิ้มมุมปากรับ
ลองได้ทาคาโตะออกโรงปกป้องใครแล้วเถียงไปก็ไม่มีประโยชน์... เขารู้ว่าหมอนั่นคงไม่เชื่อเพราะมันสนิทกับคุณชายตายซากนั่นมาตั้งแต่เด็ก ก็เห็นไปเที่ยวด้วยกันบ่อยๆ ...แต่เอาเถอะ...เชื่อไม่เชื่อมันก็ไม่สำคัญนักหรอก
“ตามใจนาย จะเชื่อหรือไม่เชื่อ...”โทชิวรรคไปนิดหนึ่ง นัยน์ตาคมหรี่ลงเล็กน้อยอย่างเจ้าเล่ห์ “แต่คนนี้น่ะฉันจริงจังมาก...แล้วก็จะไม่ยอมยกให้ใครเด็ดขาด”
‘ฉันก็เห็นนายบอกว่าจริงจังกับทุกคน’
“แต่คนนี้น่ะไม่เหมือนคนอื่นหรอกนะเว้ย....ฉันไม่เคยถูกใจใครนานข้ามปีมาก่อน เสียดายด้วยซ้ำที่หมอนั่นดันเข้าที่โรงเรียนโน้นแทนที่จะเป็นโรงเรียนนาย ทั้งที่ฉันออกจะมั่นใจแล้วเชียว”
‘งั้นฉันก็ถือว่านั่นเป็นโชคดีของวาคาบายาชิ’
“ปัดโธ่! นายนี่ขัดตลอด ให้ตาย! ให้ท้ายเพื่อนนายเหลือเกินนะ”ว่าไปงั้นทั้งที่เจ้าตัวกำลังหัวเราะร่วน และอีกฝ่ายก็ถอนหายใจอย่างปลงอนิจจัง
‘ฉันไม่ได้ให้ท้าย...จะบอกอะไรให้นะ สองคนนั้นเขาอยู่ห้องเดียวกัน จะสนิทกันก็...คงไม่แปลกอะไร...’
“ออ...ถ้าเป็นคนธรรมดาก็คงไม่แปลกหรอก แต่เป็นคุณชายน้ำแข็งนี่ก็...”
‘...’
“แล้วฉันจะบอกอะไรให้นะทาคาโตะ...ถึงเพื่อนนายคนนั้นจะชอบสึโยโยจังของฉัน ฉันก็ไม่สนใจหรอกนะ ....ไม่มีเป้าหมายคนไหนที่ฉันตั้งใจจีบแล้วไม่สำเร็จ...”
‘ฉันก็จะบอกนายเหมือนกัน
ว่าฉันก็ไม่เคยเห็นคนไหนที่นารุมิมันตั้งใจจีบแล้วจะรอดไปได้...’
*************
ทาคาโตะเอนกายพิงพนักพลางจ้องมองมือถือที่การสนทนาเพิ่งจบลงไปสดๆร้อนๆ สมองค่อยๆประมวลผลข้อความที่เพิ่งรับรู้
นารุมิมีอะไรกับวาคาบายาชิงั้นเหรอ...?
แม้มันจะไม่ค่อยน่าเชื่อถือแต่มันก็มีความเป็นไปได้... เขายังจำได้ดีว่าไม่กี่เดือนก่อนนารุมิมันยังโทรมาหาขอให้เขาช่วยเรื่องโรงแรมนั้น...จะว่าไปแล้ว...มันก็น่าแปลกใจจริงๆนั่นล่ ะ...เขาเพิ่งมารู้ตอนเช้าว่าห้องที่หมอนั่นจะเข้าคือห้องของคุณวาคาบายาชิ แล้วคืนนั้นลูกชายของเขาก็มาพักพร้อมกับเด็กผู้ชายอีกคนหนึ่ง...หรือนั่นจะเป็นยูยะ?
“น่าสนุกแหะ”ทาคาโตะขยับยิ้มอย่างอารมณ์ดีพลางต่อสายไปยังเป้าหมายทันควัน
เรื่องนี้มันน่าสนุก...เขาไม่เคยเห็นใครหรืออะไรดึงดูดความสนใจของนารุมิได้มาก่อนนอกจากยูยะ...จริงอยู่ที่เขาพูดกับโทชิไปว่า ‘ไม่เคยเห็นคนไหนที่นารุมิมันตั้งใจจีบแล้วจะรอดไปได้’ก็เถอะ แต่ความจริงแล้วนารุมิมันไม่เคยตั้งใจจีบใครสักคน เพราะแค่มันปลายตามองเป้าหมายก็มาสยบแทบเท้าแล้ว...
“อย่าว่ากันล่ะนารุมิ...ถือว่าเป็นการเอาคืนที่น้องสาวฉันติดนายมากกว่าฉันละกัน...”
*************
ชิงช้าสวรรค์... ช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ใกล้ตกดิน... คนสองคนนั่งตรงข้ามกัน... ทั้งๆที่มันควรจะโรแมนติค...แต่...
โว้ยยยยย!นารุมิ! แกจะทำหน้าเหมือนปวดขี้อย่างนี้ไปอีกนานแค่ไหนวะ!
นั่นแหละ...ไอ้ตัวพาเสียบรรยากาศมันกำลังปล่อยออร่าน้ำแข็งแผ่กระจายออกมารอบตัวเหมือนปล่อยกัมมันตรังสี ขึ้นชิงช้ามาได้ก็เอาแต่เงียบ เงียบ และเงียบจนคนพูดเก่งอย่างเขาก็ไม่รู้จะพูดอะไรดี ...ก็หมอนั่นมันเล่นเปล่งรังสีอำมหิตซะขนาดนั้น...
“ดูนั่นดิ่นารุมิ!”เพื่อทำลายความเงียบเขาเลยเริ่มชี้มั่วออกไปข้างนอก นัยน์ตาคมเพียงปรายตามนิ้วเขา แล้วหรี่ตาเหมือนจะถามว่า อะไร?
...เออ...แล้วชี้อะไรล่ะวะ...
ไอ้ตัวพูดก็พูดไปมั่วๆขัดบรรยากาศ ลืมไปเสียสนิทว่าไอ้บ้านี่มันขี้หงุดหงิด ...สุดท้าย...เห็นอะไรชัดๆก็แก้ขัดไปก่อน
“พระอาทิตย์ว่ะ”เขาตอบได้งี่เง่าสุดๆเท่าที่เคยตอบมาแต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไรดี ...แล้วมุกนี้ก็เหมือนคุณชายคาวามูระมันจะไม่ปลื้ม เขาเลยต้องกลับมานั่งจ๋องเหมือนเก่า อดด่าตัวเองไม่ได้ที่ดันงี่เง่าไม่กล้าหือกับไอ้บ้านี่...เป็นปกติเขาโวยป่าแตกไปแล้ว...แต่ตอนนี้...ขืนโวยขึ้นมามันต้องจับเข าโยนออกไปนอกกระเช้าแหงๆ
“นายรู้จักกับฟูมิโนะซาโตะได้ยังไง?”สึโยชิถึงกับสะดุ้งที่จู่ๆไอ้คนที่เงียบมานานก็ดันโพล่งออกมาโดยเขาไม่ทันตั้งตัว ...ดวงตาคมปลาบของหมอนั่นจ้องหน้าเหมือนพยายามจะมองเนื้อสมอง คนโดนถามเลยได้แต่อ้าปากค้างพูดไม่ออก
“ฉันไม่เห็นรู้มาก่อนว่านายจะสนิทกับหมอนั่น...”คำถามคล้ายจะย้ำกระตุ้นให้สมองของสึโยชิทำงาน เด็กหนุ่มกระพริบตาปริบ พยายามนึกทบทวน...
...ใครวะ...ฟูมิโนะซาโตะ...
...............
อ๋อ.... ไอ้บ้านั่นแหง
“คนเมื่อกี้น่ะเหรอ”สึโยชิถามกลับเพื่อความมั่นใจ แม้คำตอบที่ได้จะเป็นเพียงนัยน์ตาที่โชนแสงกล้ากว่าเดิมของนารุมิ...แต่ว่า...
ชัวร์แหงๆ...มันต้องเป็นศัตรูกันมาก่อนชัวร์
“ก็ไม่เชิงว่ารู้จัก...”เขาตอบอ้อมๆ แล้วพอสบตากับอีกฝ่าย เขาก็รีบสะดุ้งหลบตา
ว้อยยยยยย จะกลัวมันหาอะไรวะ!
แม้จะคิดแบบนั้นแต่ตาเจ้ากรรมก็ดันไม่ยอมสบตา เขามองออกไปนอกหน้าต่างเหมือนพยายามค้นหาทองทั้งๆที่สมองคิดอย่างหนัก
เดี๋ยวนะ...ทำไมเขาต้องมานั่งหงอมันด้วย...จะว่ากลัวก็...ไม่ใช่มั้งถึงหน้ามันจะดุก็เหอะ...หรือจะเป็นเกรง...จะเกรงทำไมล่ะใน เมื่อมันไม่ใช่พ่อแม่ญาติโยมซะหน่อย...ที่ไม่กล้ากะมันเพราะ...เพราะอะไรวะ...ไม่มีเหตุผลเลยว้อยยยยย!
สึโยชิทำเป็นใจแข็งหันกลับไปสบตา แม้จะร้อนๆหนาวๆกับไอ้ลูกตาวับๆนั่นแต่เขาก็ทำเป็นไม่สนใจ เด็กหนุ่มแสร้งเลิ่กคิ้ว แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เริ่มกวนประสาท
“ทำไม...นายไม่ถูกกันรึไง?”
“หมอนั่นเคยเป็นแฟนเก่าพี่สาวฉัน...”คราวนี้สึโยชิกลายเป็นฝ่ายสนใจบ้าง เขายื่นเข้าไปใกล้ๆ พลางทำสีหน้าเหมือนอยากจะฟังต่อ ...แต่ไม่รู้ทำไม... หน้าของนารุมิมันถึงได้บูดยิ่งกว่าเก่า...
“ตั้งใจฟังเหลือเกินนะ...ฉันล่ะชักสงสัยว่าไอ้’ก็ไม่เชิงว่ารู้จัก’ ของนายนี่มันยังไง”นารุมิประชด เล่นเอาคนที่เกือบจะอารมณ์ดีอยู่แล้วของขึ้นจนได้
“แกจะประชดอะไรนักวะนารุมิ! แกเกลียดกันก็อย่าเอาฉันไปเอี่ยวดิ่วะ”
“ฉันไม่ได้...”คุณชายคาวามูระถอนหายใจเฮือกใหญ่ กลืนคำพูดลงคอก่อนจะนั่งนิ่ง นึกหงุดหงิดตัวเองที่ใส่อารมณ์กับเรื่องไม่เป็นเรื่อง...
ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้ง... ต่างฝ่ายต่างมองออกไปนอกกระเช้า มองพระอาทิตย์ที่เริ่มคล้อยต่ำลง ณ เส้นขอบฟ้า... แสงสุดท้ายของวันใกล้จะลาลับ แต่ความสับสนในใจกลับเพิ่มขึ้นทุกที...
“ใครๆก็รู้ว่าหมอนั่นน่ะเป็นเพลย์บอย...”
คำพูดทำลายความเงียบที่เรียกสายตาของสึโยชิให้หันกลับมามอง... “ขอแค่ถูกใจ...หมอนั่นก็จีบทั้งนั้นไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย...แต่เท่าที่ฉันรู้...หมอนั่นไม่เคยคบใครเกินเดือนนึง”
ตลอดเวลาที่พูดนารุมิทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่าง ...มองภูเขาไฟฟูจิเหมือนมันน่าสนใจมากกว่าเขา... ซึ่งก็เป็นการดี...เพราะถ้าหมอนั่นหันมา...
...จะต้องเห็นแน่ๆว่าเขาหน้าแดงแค่ไหน...
“โธ่เอ๊ย! ก็พูดมาตรงๆดิ่วะว่าเป็นห่วง”สึโยชิพูดพลางหัวเราะร่วนแก้เก้อ แต่เด็กหนุ่มก็แทบสำลักน้ำลายเมื่ออีกฝ่ายปรายตากลับมา พลางตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ...
“ใช่...ฉันเป็นห่วง”
แค่คำพูดประโยคเดียวเรียกให้สึโยชิหน้าขึ้นสีจัด เด็กหนุ่มหัวเราะค้าง รีบหันกลับไปจ้องพระอาทิตย์ตกที่สีมันชักจะไม่ผิดแผกไปจากใบหน้าของเขา ระหว่างที่สึโยชิกำลังนึกอยู่ว่าจะพูดอะไรต่อดี นารุมิก็ต่อประโยคของตนเองจนจบ...
“นายยิ่งโง่ๆอยู่ ขืนยุ่งกับหมอนั่นก็โดนฟันแล้วทิ้งพอดี”
...........
ใครจะโดนฟันแล้วทิ้งวะแม่งงงงงง!!!!
เส้นเลือดที่ขมับของสึโยชิปูดโปนจนสังเกตได้ เด็กหนุ่มตวัดมองคุณชายคาวามูระตาขวาง รอยยิ้มกวนประสาทผุดขึ้นที่ริมฝีปากอย่างจงใจ
“ไอ้ความหวังดีของนายน่ะเก็บไว้ให้ยูยะดีกว่านะ เพราะคนโดนหลอกง่ายๆน่ะ...คงไม่ใช่ฉันหรอก...จริงมั้ย?”สึโยชิพูดเสียงเย็น “อีกอย่างนะ...นายคงลืมไปว่าฉันน่ะ ไม่ได้ชอบผู้ชาย”เด็กหนุ่มกระแทกเสียงอย่างจงใจ ก่อนจะสบถอะไรงุบงุบในลำคอ
“งั้นก็ดี...”น้ำเสียงของนารุมิเย็นเยียบไม่แพ้กัน ต่างฝ่ายต่างจ้องตากันนิ่งเหมือนจะสาปส่งให้อีกคนมีอันเป็นไปกะทันหัน “แต่ฉันว่าหมอนั่นน่ะคงไม่ได้คิดแบบนั้นหรอกนะ...สายตาที่มองนายน่ะ...แทบจะกินไปทั้งตัวอยู่แล้ว”
“ช่วยไม่ได้หรอกนะ คนมันมีเสน่ห์...”ถ้าเป็นปกติสึโยชิคงไม่มีทางพูดอะไรน่ากลัวๆแบบนี้แน่ แต่ตอนนี้เขาโกรธจนควันออกหู อะไรๆก็เลยมีข้อยกเว้น “แต่ถึงฉันจะยุ่งกับหมอนั่น... มันก็ไม่ใช่เรื่องของนาย”
“ฉันแค่เตือนด้วยความหวังดี...แต่ถ้านายเต็มใจจะเป็นผู้หญิงของหมอนั่นขนาดนั้นฉันก็ไม่มีสิทธิ์จะว่า”
“ฉันเป็นผู้ชาย!!!”สึโยชิตะโกนลั่น ความโกรธครอบงำจนตาพร่า “แล้วฉันก็ไม่ได้ชอบผู้ชายด้วย ใครจะไปเหมือนนายวะ!”
คราวนี้ได้ผล... นารุมินิ่งเงียบ แต่ดูเหมือนจะเป็นความเงียบสงบก่อนจะเกิดพายุ...
“ถึงฉันจะชอบผู้ชาย...”น้ำเสียงคราวนี้นิ่งกว่าที่เคย นิ่งจนเสียดไปถึงหัวใจคนฟังให้กระตุกด้วยความหวาดหวั่น
“แต่ฉันก็ไม่มีทางชอบนายแน่ สึโยชิ...”
*************
ทันทีที่ทั้งสองลงจากชิงช้าสววรค์ ร่างบอบบางของลูกสาวคนโตเจ้าของเรียวกังก็รีบวิ่งลิ่วเข้ามาหา สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น ริมฝีปากบางเม้มแน่นแต่สายตากลับเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น มือซ้ายของเธอจูงมายุมาด้วย เด็กหญิงยังคงยิ้มสดใสขณะหยุดยืนอยู่ตรงหน้าสึโยชิ ผิดกับพี่สาวลิบลับ...
“ขอโทษนะคะ”เด็กสาวก้มหัวลงต่ำเล่นเอาสึโยชิสะดุ้งด้วยอารามตกใจ ร่างบอบบางนั้นสั่นระริกเหมือนคนกำลังร้องไห้ “เป็นความผิดของฉันเองค่ะที่ทำให้ทั้งสองคนต้องลำบากดูแลมายุจัง จะว่าอะไรฉันก็ได้ค่ะ!”
“น่า...ไม่เป็นไรหรอก...เงยหน้าขึ้นก่อนเถอะ”สึโยชิรีบพูด เขาก้มลงตบบ่าเด็กสาว “เรื่องเล็กน้อยไม่เป็นไรหรอกน่ะ...”
สึโยชิยิ้มกว้างให้พี่สาวของมายุที่ใบหน้าสวยนั้นยังแฝงความไม่มั่นใจ เด็กสาวยิ้มชืดรับ ก่อนจะปรายตาไปยังอีกคนที่ยังยืนนิ่ง...
“อย่าไปสนใจหมอนั่นเลย...พวกใจแคบน่ะ”เมื่อเห็นสายตาของเธอสึโยชิจึงเอ่ยเรียบๆแม้จะยังส่งยิ้มให้เด็กสาว เธอมองสึโยชิสลับกับนารุมิไปมา ทำท่าคล้ายจพูดอะไรบางอย่างแต่ก็กลับนิ่งเงียบลงไปอีก
“กลับกันเถอะ ไปเถอะมินะจัง เริ่มดึกแล้วเด็กผู้หญิงกลับบ้านมืดๆมันไม่ดีนะ”
“เธอวางแผนไว้ตั้งแต่ต้นแล้วใช่ไหม...”คำพูดที่เรียกให้มินะสะดุดฝีเท้าตนเอง ใบหน้าขาวใสเผือดซีด เธอเหลียวกลับไปมองนารุมิก่อนจะรีบตวัดกลับไปที่ปลายเท้าตนเอง
“ที่วันนี้มายุมาอยู่กับพวกฉัน เธอจงใจใช่ไหม...”
“นายพูดบ้าอะไรวะนารุมิ! ใครจะไปจงใจทำน้องตัวเองหาย!”
“นายมันโง่ หุบปากไปเลย”
เปรี้ยง!
หมัดหนักๆอัดเข้าเต็มหน้าของนารุมิจนเด็กหนุ่มลงไปกองกับพื้น เจ้าของหมัดจะเป็นใครไปได้นอกจากรองกัปตันชมรมคาราเต้ ผู้ที่ตอนนี้ยืนดวงตาวาวโรจน์ด้วยความโกรธจัด
“นายมัน...งี่เง่า”สึโยชิพูดเบาๆ ...เขามองตาของนารุมิ ก่อนจะรีบก้มต่ำเพราะไม่อาจฝืนมองดวงตานั้นได้
ทั้งๆที่เขาเป็นคนต่อยเองแท้ๆ แต่ทำไมนะ... ที่หัวใจมันถึงเจ็บเหลือเกิน...
“ข ขอโทษค่ะ”น้ำตาค่อยๆร่วงเผาะลงมาจากเรือนแก้มของมินะที่เห็นเหตุการณ์โดยตลอด แม้แต่มายุที่ยืนอยู่ข้างก็ถึงกับร้องลั่น เล่นเอาสึโยชิฟื้นคืนสติฉับพลัน และยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นเพราะทำอะไรไม่ถูก
“ย อย่าร้องไห้กันสิ โธ่...”
“ขอโทษค่ะวาคาบายาชิซัง ที่คาวามูระซังพดมาน่ะถูกแล้วค่ะ...”
“วันนี้เป็นแผนของฉันเอง ฉะ...ฉัน...ฉันแค่อยากขึ้นชิงช้าสวรรค์กับคาวามูระซัง แต่...ขอโทษนะคะ เพราะฉันไม่มีความกล้าพอ...ฉันเลยให้มายุล่อพวกคุณมาที่นี่ตอนห้าโมง แล้วหลังจากนั้น...ฉันคิดว่าตัวเองคงมีความกล้ามากพอที่จะไปขอคาวามูระซังให้ขึ้นชิงช้าสวรรค์ด้วยได้ แต่...แต่...ข ขอโทษค่ะ ฉันขอโทษ ที่คาวามูระซังพูดมาน่ะถูกแล้วค่ะ อย่าโกรธเขาเลยนะคะ”
เหมือนโดนฟ้าผ่าเปรี้ยงลงกลางหลัง...
สึโยชิถึงกับยืนนิ่ง นัยน์ตาเบิกโพลงมองมินะเหมือนไม่เชื่อหู
งั้น...ที่เขาต่อยนารุมิก็...
“คนที่ไม่มีความกล้าพอน่ะ...”
น้ำเสียงคุ้นหูจากด้านหลังเรียกให้สึโยชิสะดุ้ง แม้ไม่ได้หันกลับไปแต่ก็พอจะรู้ว่าอีกฝ่ายอยู่ในอารมณ์ไหน แค่ดูจากสีหน้าของเด็กสาวตรงหน้าที่ทำท่าเหมือนจ้องผีแค่นี้ก็รู้...
“คนที่ไม่มีความกล้าพอ...ก็ไม่มีทางจะคว้าอะไรที่ตัวเองต้องการมาได้...ชีวิตเธอก็ได้เฝ้ามองเท่านั้นแหละ...ชีวิตเธอ...ทำไ ด้แค่นี้เหรอไง...หรือชีวิตเธอมีแค่นี้? จะเป็นพวกไร้ค่าตลอดไปงั้นเหรอ?”
“เฮ้ย นารุมิ!”สึโยชิรีบตวัดกลับไปหาคนที่ผละจากไปแล้ว เด็กหนุ่มกะจะหันไปด่าที่ดันเสียมรรยาทกับผู้หญิง ...แต่เพียงเว่บเดียว...แค่เพียงแว่บเดียวที่เห็นสายตาคู่นั้น...หัวใจของเขาก็เหมือนถูกบีบกลายเป็นก้อนเนื้อเล็กๆ...
“ฉันกลับล่ะ...นายคงจะต้องไปส่งพวกเด็กๆสินะ...”นารุมิพูดโดยไม่หันกลับไปมอง และสึโยชิก็ไม่กล้าที่จะเอ่ยถาม
...เขาทำพลาด...พลาดไปแล้วจริงๆ...
“ตามไปสิคะ...”น้ำเสียงอ่อนหวานของเด็กสาวเรียกให้เด็กหนุ่มสะดุ้ง สึโยชิเหลียวกลับไปมอง ก่อนจะส่งยิ้มเจื่อนๆให้
“จะปล่อยให้เด็กผู้หญิงกลับคนเดียวได้ไง”
“ได้สิคะ”มินะยิ้มกว้าง พลางค้นอะไรบางอย่างในกระเป๋าง่วน “อย่าลืมสิว่าแถวนี้น่ะถิ่นฉันนะคะ ฉันมาที่นี่บ่อยจนหลับตาเดินได้แล้ว เอ้า นี่คะ”
มินะส่งอะไรบางอย่างให้สึโยชิที่รับมาอย่างงงงัน เขามองของในมือสลับกับเด็กสาวอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก
“ตามไปสิคะ...แล้วเจอกันที่โรงแรมนะ”เด็กสาวรุนหลังของสึโยชิ ก่อนจะกระซิบเบาๆ “ที่ไม่มีความกล้าพอ...ก็ไม่มีทางจะคว้าอะไรที่ตัวเองต้องการมาได้หรอกค่ะ”
*************
“นารุมิ เฮ้ย นารุมิ!”สึโยชิตะโกนไล่หลังร่างที่รีบเร่งฝีเท้าเหมือนควายที่บ้านมันหาย เขาวิ่งทันหมอนั่นในอีกไม่กี่อึดใจ มือเรียวเอื้อมคว้าไหล่กว้างก่อนกระชากให้หันมา
“ฉันกลับด้วย”
“ไม่รอพวกนั้นแล้วเหรอ?”น้ำเสียงเย็นชากว่าเคยเล่นเอาสึโยชิใจแป้ว เด็กหนุ่มฝืนยิ้มฝืดๆ พยายามข่มอารมณ์ไม่ให้ตัวเองเผลอทำเสียเรื่องอีกรอบ
“มินะบอกว่ากลับเองได้...”
นารุมิไม่ได้พูดอะไรตอบ หมอนั่นเพียงทำท่าจะออกเดินต่อ ...ติดแต่ที่มือของสึโยชิที่มันยังคว้าไหล่ของเด็กหนุ่มเอาไว้แน่น
“ฉัน...เมื่อกี้...เอ่อ...”สึโยชิพยายามเริ่มต้นประโยค เขายากจะขอโทษที่เมื่อกี้ใจร้อนวู่วาม แต่...
ปัดโธ่เว้ย! กับพ่อฉันยังไม่เคยขอโทษเลยนะเว้ย!
“นารุมิ เมื่อกี้....”
ก็แกมันงี่เง่าก่อนนี่หว่า...
“นายน่าจะขึ้นชิงช้าสววรค์กับสึโบมินะ”
“นายมีเรื่องจะพูดแค่นี้ใช่ไหม?”นารุมิเย็นชาเสียงยิ่งกว่าเก่า จนสึโยชินึกด่าตัวเองที่ทำพลาดไปเสียได้
“เปล่า...ฉัน...เอ่อ...”
“ถ้าจะพูดถึงเรื่องยัยเด็กนั่น ฉันขอยืนยันว่าฉันไม่ผิด”
“ฉันแค่จะบอกว่าฉันกับหมอนั่นเราไม่ได้มีอะไรกัน”
เฮ้ย! ผิดประเด็น
สึโยชิอยากจะตบปากตัวเองนักที่เผลอโพล่งเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องออกไป แต่พอมองหน้านารุมิ หมอนั่นก็ทำท่าเหมือนจะอยากให้พูดต่อ...
“ฉันเพิ่งรู้ชื่อหมอนั่นก็ตอนนายบอกเมื่อกี้นี้แหละ...แต่ฉันเคยเจอหมอนั่นเมื่อปีที่แล้ว...เรามีเรื่องกัน...นิดหน่อย...”
จะพูดทำไมวะสึโยชิ...
“ที่งานแข่งคาราเต้ระดับภูมิภาค ตอนนั้นหมอนั่นแข่งคู่ชิงกับฉัน...แล้ว...มันก็เกิดเรื่อง...เอ่อ...ฉัน...ไม่เล่าได้ไหม อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้”
เฮ้ย สึโยชิ แกมาทำน้ำเสียงออดอ้อนต่อหน้าผู้ชายได้ไงวะ!
สึโยชิที่สติกลับมาอีกครั้งแทบไม่เชื่อว่าตัวเองทำอะไรลงไป... เขาแทบอยากจะมุดแผ่นดินหนีเสียให้ได้ เด็กหนุ่มพยายามปรับอารมณ์ให้เป็นปกติขณะล้วงอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง
“เอ้า...นายปากแตก...”
สึโยชิยื่นอะไรบางอย่างให้นารุมิที่รับมาอย่างงงงัน เด็กหนุ่มค่อยๆก้มลงมองของในฝ่ามือช้าๆ และพบว่ามันคือ
...พลาสเตอร์...
สิ่งของที่เรียกให้นารุมิเผลอแย้มรอยยิ้มกว้าง เขาก้มลงมองพลาสเตอร์ในมือด้วยความขบขัน ก่อนจะไล่สายตาไปยังอีกคนที่ยังทำเป็นมองฟ้ามองดินไปเรื่อยเปื่อย แม้แก้มของหมอนั่นจะขึ้นสีแดงจางๆก็เถอะ
มันเห็นแล้ว...น่าแกล้งชะมัด...
“สึโยชิ...”คุณชายคาวามูระหุบยิ้มพลางแสร้งพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด เล่นเอาคนรอฟังใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม
“มะ มีอะไร...”
“ฉัน...ไม่ชอบลายกระต่าย”ตอนแรกสึโยชิยังเหมือนไม่เข้าใจนักว่าอีกคนพูดถึงอะไร แต่พอมองดูพลาสเตอร์ที่ถูกยื่นคืนให้ ก็พบว่ามันเป็น...สีชมพูลายกระต่ายขาวหน่อมแหน้มแหววสุดขีด... เล่นเอาเขาถึงกับพูดอะไรไม่ออก
“แล้วอีกอย่าง...คนปากแตกที่ไหนเขาปิดพลาสเตอร์ สมองของนายนี่ท่าจะมีปัญหา...”
“แกว่าไงนะนารุมิ!”
“ก็บอกว่าสมองของนายน่าจะมีปัญหาไง...ฉันโดนนายต่อยนะไม่ได้หกล้ม พรุ่งนี้น่ะคงบวมแน่ๆ หมัดหนักเป็นบ้า”
“สมน้ำหน้าแก นี่ล่ะคือการลงโทษที่พูดจาร้ายกาจกับเด็กผู้หญิง”
“นายน่ะ...ถึงจะผ่านผู้หญิงมามากแต่ก็เป็นประเภทที่แพ้น้ำตาผู้หญิงใช่ไหมล่ะ...ยัยนั่นน่ะนะ...ฉันว่าจริงๆแล้วแผนนี้มันต้ องมีอะไรมากกว่านี้แต่ฉันขี้เกียจจะซักต่อ เสียเวลา”
“โธ่ ทำวางมาด ไม่รู้ก็พูดมาเถอะ”
“ขอโทษ...”ร่างสูงขยับยิ้มกว้าง ก่อนจะโน้มลงมาใกล้พลางกระซิบด้วยรอยยิ้ม “ฉันไม่ได้โง่เหมือนนายสักหน่อย”
“แกว่าใครโง่วะนารุมิ!!! โว้ย จะหนีไปไหนวะกลับมาพูดให้รู้เรื่องนะโว้ยยยย”สึโยชิตะโกนไล่หลังร่างที่เร่งฝีเท้าจากไป
ถึงแม้วันนี้มันจะผ่านไปไม่ค่อยราบลื่น...แต่ยังไงก็จบลงด้วยดีล่ะนะ...
*************
เช้าวันใหม่มาถึงอย่างรวดเร็ว...
สึโยชิสะพายเป้ขึ้นพาดบ่าพลางเงยหน้ามองท้องฟ้าสีฟ้าสวยด้วยความอาลัย
เขาชอบที่นี่... ถึงแม้เมื่อวานเขาจะทะเลาะกับนารุมิบ่อยไปหน่อยแต่โดยรวมมันก็มีความสุขดี คุณลุงเจ้าของเรียวกังก็แสนใจดี สองพี่น้องมนะกับมายุก็แสนจะน่ารัก อากาศก็ดี บรรยากาศก็สวยเพราะอยู่ใกล้ทะเลสาบ ถ้ามีเวลามากกว่านี้อีกสักนิดเขาต้องอยู่เที่ยวต่อแน่ๆ เสียแต่เวลาคงจะไม่พอ...
“จะไปกันรึยัง”น้ำเสียงเย็นชาที่สึโยชิหันไปมอง เด็กหนุ่มกระตุกยิ้มมุมปาก ก่อนจะยักไหล่
“ไปดิ่...”ว่าพลางก็เดินนำหน้าโดยมีอีกคนเดินมาข้างๆไม่ห่าง
แม้การมาเที่ยวของเขาครั้งนี้มันจะไม่สัมฤทธิ์ผลเท่าไหร่แต่ก็ถือว่าไม่เลวร้าย...แม้ตัวเขาจะไม่แน่ใจตัวเองว่ารู้สึกยังไง กับไอ้คุณชายคนนี้กันแน่แต่ยังไงก็คงไม่ได้เกลียด...
ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของเวลาละกัน...
“เออ นารุมิ ว่าแต่นายจะไปเลยหรือว่าจะไปส่งฉันที่สถานีรถไฟก่อนวะ”สึโยชิหันกลับไปถามคุณชายตัวดีที่ยังทำหน้านิ่ง แต่ก่อนที่จะได้ทันตอบอะไร เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือก็ดังขัดจังหวะเสียก่อน...
ต่างฝ่ายต่างหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู ทั้งสองมองหน้ากัน ก่อนที่จะหันไปอีกทางแล้วกดรับ
“ฮัลโหล ฉันกำลังจะไปมิสึรุ/ยูยะ”
“ว่าไงนะ เปลี่ยนที่เข้าค่าย!!!”คำพูดประสานเสียงที่ทั้งสองหันมามองกันโดยไม่ได้นัดหมาย
“นาย อย่าบอกนะว่า...”สึโยชิเสียงเครียด จ้องนารุมิตาไม่กระพริบ “ชมรมเคนโด้เคนโด้ก็เข้าค่ายที่ฟูจิอยู่แล้วนี่ แต่คงไม่ใช่...”
“ค่ายของตระกูลทาคาฮาระ ถ้านายหมายถึงอย่างนั้นน่ะนะ...”
สึโยชิถึงกับอ้าปากค้าง...
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะเนี่ย!!! ทำไมถึงเปลี่ยนที่เข้าค่ายไปเป็นที่นั่น แถมยังต้องไปกับชมรมเคนโด้
ท่าทางหน้าร้อนนี้ของสึโยชิ...มันคงจะไม่จบลงง่ายๆซะแล้ว...
แถมท้าย
สึโบมิรีบคว้าโทรศัพท์มือถือที่ส่งเสียงเรียกเข้าอย่างรวดเร็ว เด็กสาวจ้องชื่อคนโทรมาก่อนจะแย้มรอยยิ้มกว้าง
“ว่าไงมินะจัง แผนเป็นไปด้วยดีไหม”
‘ไม่ค่อยราบลื่นเท่าไหร่น่ะสึโบมิจัง แต่ก็จบลงด้วยดีนะ นารุมิซังหล่ออย่างที่เธอว่าจริงๆด้วย พี่ชายเธอก็เท้เท่ เห็นแล้วฉันอยากมีพี่อย่างนี้บ้าง’
“แหม ไม่หรอกจ้ะ แล้วสองคนนี้ทะเลาะกันบ้างรึเปล่า?”
‘ตลอดเวลาเลยล่ะจ้ะ...แต่ว่านะ เหมือนพี่เธอโดนแกล้งมากกว่า’
“อย่างนี้ล่ะจ้ะ...แต่ก็นะ...ยิ่งทะเลาะกันยิ่งรักกันไม่ใช่เหรอ แล้วว่าไง เธอว่าคาแร็คเตอร์ทั้งคู่เหมือนคาสึยะกับมานามิของฉันรึเปล่า”
‘เหมือนต้นแบบเดี๊ยเลยล่ะ ฉันนะ จินตนาการคล่อปรื๋อเลยล่ะ แต่สึโบมิจัง ฉันเกือบโดนนารุมิซังจับได้แหนะจ้ะ แต่โชคดี ที่พี่เขาไม่อยากเอาเรื่อง’
“พี่ฉันเขาไม่สงสัยเลยใช่ไหมล่ะ นี่แหละ พี่เขาป็นโรคแพ้ทางคนทำตัวน่าสงสารน่ะจ้ะ”
‘จริงอย่างที่เธอบอกเลยล่ะ อ๊ะ สึโบมิจังฉันต้องวางก่อนนะแม่เรียกทานข้าวน่ะจ้ะ ไว้เราค่อยคุยกันใหม่นะ’
“จ้า ขอบคุณมากนะ”
มินะวางสายไปแล้ว สึโบมิเลยขยับยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดีพลางพลิกหน้านิตยสารในมือให้หยุดอยู่ที่หน้าท่องเที่ยว เด็กสาวหยิบรูปภาพเรียวกังเก่าๆที่ถูกสอดไว้ขึ้นมาถือ
คนแนะนำเรียวกังที่นี่ให้พี่สึโยชิก็คือเธอเอง...แค่บอกว่ารู้จักกันพี่สึโยชิก็ไม่ติดใจสงสัยอะไร เรียกได้ว่าแผนสำเร็จไปได้ด้วยดี แต่ไอ้แผนต่อไปนั้น...
ราวกับอ่านใจออก เมื่อประตูห้องของเด็กสาวถูกเปิดออกก่อนที่ร่างผอมบางของมิสึรุจะก้าวเข้ามาภายใน เด็กหนุ่มทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้ว่าง ก่อนจะแย้มรอยยิ้มให้เด็กสาว
“เป็นไง เพื่อนโทรมารึยังสึโบมิ”
“โทรมาแล้ว ทุกอย่างเรียบร้อยดี...”ต่างฝ่ายต่างสบตากันก่อนที่ทั้งคู่ต่างก็ยิ้มกว้าง
“งั้นก็ ต่อไปตาฉันล่ะนะ...”
“ฝากด้วยล่ะมิสึรุ”
“วางใจได้เลย”ว่าพลางเด็กหนุ่มก็ผุดลุกขึ้นก่อนจะเดินไปที่ประตู พยายามเก็บซ่อนอารมณ์ที่แท้จริงไว้ไม่ยอมให้สึโบมิเห็น...
ถ้าเพื่อความสุขของสึโยชิ...ฉันจะทำทุกอย่าง...
“ดีใจที่ได้เจอกันขนาดนั้นเชียว?”ชายหนุ่มยิ้มกว้างให้สึโยชิที่หน้าซีดเป็นไก่ต้ม แล้วสีหน้านั้นก็เปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำฉับพลัน เมื่อได้ยินประโยคถัดมาที่หมอนั่นหันไปพูดกับคนคุมเครื่องเล่น
“งั้นผมขึ้นกระเช้านี้กับเพื่อนผมนะครับ”
“เฮ้ย!”
“โทชิ! แล้วฉันล่ะ”เสียงร้องของเขาถูกกลบด้วยเสียงอุทานของสาวน้อยข้างๆหมอนั่น ...แต่อีกฝ่ายเพียงเหลียวกลับไปมองเล็กน้อย พลางยักไหล่เหมือนไม่เห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญ
“ก็รออยู่ข้างล่างนี่ล่ะ...หรือถ้ารอไม่ได้ก็กลับบ้านไปก่อนก็ได้..”
“โทชิ...นาย...”เธอกรีดเสียง ใบหน้าหวานสวยบูดบึ้ง...ดูเหมือนเด็กสาวจะพยายามกล้ำกลืนคำด่าลงคอ แล้วกระแทกส้นเท้าเดินจากไปโดยไม่เหลียวหลัง...
สึโยชิแสนจะคาดหวังว่าหมอนั่นจะเดินตามแฟนสาวไป...แต่เปล่า...นอกจากมันจะไม่เดินตาม ....มันยังทำท่าจะเดินเข้ามาในกระเช้า จนเขาต้องรีบดันตัวไปอยู่หน้ากระเช้าพยายามจะฝ่าออกไปด้านนอก แต่ดูเหมือนไอ้หมอนั่นจะรู้แกว... เพราะไม่ว่าเขาจะเดินไปทางฝากไหน มันก็ขยับขวางมันทางนั้น!
“น่า... ไม่ต้องเขินหรอก”คำพูดที่เล่นเอาสึโยชิถึงกับน้ำลายติดคอ พูดไม่ออกไปชั่วขณะ
ทำไมมันหน้าด้านอย่างนี้วะ!
ปัง!!
การต่อสู้ชะงักลงทันควันเมื่อใครคนหนึ่งทุบชิงช้าสวรรค์แบบไม่กลัวมันเจ๊ง... ทุกสายตาหันขวับไปยังบุคคลที่สามที่ยืนทำหน้าบึ้ง... สายตาเย็นชาปานประหนึ่งน้ำแข็งจ้องเขม็งไปยังเด็กหนุ่มนิรนามที่มันยังกล้าส่งยิ้มให้แบบไม่รู้ร้อนรู้หนาว...
แกเท่ห์มากนารุมิ!
สึโยชิที่ใจมาเป็นกองกลับมายิ้มได้อีกครั้งแม้รอยยิ้มนั้นจะยังดูเฝื่อนๆก็ตามที อย่างน้อยก็ยังดีกว่าต้องเผชิญชะตากรรมคนเดียว... ยังไงซะขึ้นชิงช้าสวรรค์กับนารุมิสองต่อสองมันก็ดีกว่าขึ้นกับหมอนั่นเป็นไหนๆ คิดได้ดังนั้นเขาก็รีบกระตุกแขนนารุมิ ...แต่หมอนั่นกลับยังจ้องอีกคนนิ่ง... สายตานั่นน่ะบอกได้เลยว่าไอ้คุณชายคาวามูระน่ะมันกำลังก่อสงครามเย็น...แถมยังเป็นสงครามเย็นขั้นติดลบซะด้วยสิ...
“ฉันจะขึ้นชิงช้าสวรรค์กับหมอนั่น...สองคน...”คำพูดแรกที่นารุมิเอ่ยออกมาเรียกเอาทุกเสียงเงียบกริบ ไม่รู้ว่าหมอนั่นมันรู้ตัวรึเปล่าว่าพูดอะไรออกมา แต่คำนั่นก็เล่นเอาสึโยชิหน้าขึ้นสีก่ำ และเรียกรอยยิ้มกว้างจากเด็กหนุ่มอีกคน ที่ยังเหมือนไม่รู้สึกรู้สมอะไรนัก
“อะ...ก็ได้...ตามสบาย...พวกนายมาด้วยกันนี่”ไม่ว่าเปล่า เด็กหนุ่มยังผละจากชิงช้าสวรรค์มาก้าวหนึ่ง เปิดทางให้นารุมิเดินเข้าไปข้างใน แถมท้ายยังปิดประตูกระเช้าแทนพนักงานเสียด้วย...
“แล้วค่อยเจอกันนะ...อย่าลืมคิดถึงฉันล่ะ สึโยชิ”หมอนั่นว่าพลางขยิบตาส่งท้ายก่อนที่กระเช้าจะค่อยๆเลื่อนจากไป...
*************
“ปลาหลุดไปอีกตัวแล้วสิ”
เด็กหนุ่มจ้องข้อความด่ายาวเหยียดที่ส่งมาจากแม่สาวที่เขาเพิ่งสลัดทิ้งไปเมื่อครู่ เขามองมันด้วยอาการขบขันก่อนจะกดลบ แล้วหาเบอร์โทรของคนที่เขามีเรื่องเร่งด่วนจะต้องถาม...
‘มีเรื่องอะไรอีกล่ะ’ เสียงทักทายแรกจากอีกฝากสายส่อเค้าเย็นชา แต่โทชิกลับขยับยิ้มกว้าง
“โทรมาหานายนี่ฉันต้องมีเรื่องด้วยรึไงทาคาโตะ?”
‘ใช่...ถ้าไม่มีเรื่องอะไรนายก็คงไม่โทรมาหรอก’ คำตอบที่ได้เล่นเอาคนฟังหัวเราะร่วน ก่อนจะกรอกตอบด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดีแบบเคย
“เออ ก็ได้ ฉันยอมรับว่ามันมีเรื่อง”เขารับอย่างยอมจำนน “นายจำเรื่องที่ฉันเคยให้ไปสืบได้ไหม เรื่องที่ไอ้กัปตันชมรมบ้านั่นมันเอามาล่อฉันน่ะ...ตกลงว่าไง?”
‘ออ...เรื่องนั้น’ ทาคาโตะรับคำในลำคอ ‘ตกลงว่ามันเป็นเรื่องจริง...ชื่อหมอนั่นเพิ่งถูกเพิ่มมาทีหลังนี่เอง หลังจากที่กัปตันนั่นตกลงกับนาย...’
“งั้นก็โชคดีของมันไป เพราะฉันกะจะไปเตะมันอยู่แล้วเนี่ยตอนเห็นว่าเป้าหมายของฉันดันมาเที่ยวแทนที่จะไปฝึกซ้อม ”
‘...นายเจอวาคาบายาชิ?’
“ใช่...ที่ฟูจิคิวตอนฉันกำลังเดทกับแฟนใหม่อยู่พอดี ฉันเห็นหมอนั่นกำลังจะขึ้นชิงช้าสวรรค์เลยกะจะขึ้นด้วย ...เออว่ะทาคาโตะ!”โทชิโพล่งเมื่อเพิ่งนึกขึ้นมาได้ “ไอ้คุณชายสุดหล่อซี้นายก็มากับสึโยโยของฉันด้วย ฉันจำหน้ามันได้ ...หน้าตาหล่อตายซากอย่างนั้นน่ะไม่มีทางผิดตัว”
‘นารุมิน่ะนะ? เจอที่ฟูจิคิว?’
“ก็เออสิ...นายไม่เชื่อฉันหรือไง”โทชิยังพูดอย่างอารมณ์ดีแม้จะได้ยินน้ำเสียงเหมือนไม่ค่อยเชื่อถือของอีทาคาโตะ “หมอนั่นน่ะมากับเป้าหมายฉันแถมยังแย่งขึ้นกระเช้าไปกับเป้าหมายของฉันสองคนอีก ...นายต้องมาเห็นหน้าหมอนั่นตอนที่มาเจอฉันกำลังจะขึ้นกระเช้ากับสึโยโยของฉัน...หน้างี้หยั่งกะจะแดกหัวแหนะ”
‘....’
“ฉันสงสัย....เหมือนว่า....สองคนนั้นน่ะมีอะไรแปลกๆ...”
‘ไม่ใช่หรอกน่ะ....นารุมิมีคนที่ชอบอยู่แล้ว’
“ชอบได้ก็เปลี่ยนได้”
‘อย่าเอามาตรฐานของนายมาวัดคนอื่น’คำพูดของทาคาโตะที่โทชิขยับยิ้มมุมปากรับ
ลองได้ทาคาโตะออกโรงปกป้องใครแล้วเถียงไปก็ไม่มีประโยชน์... เขารู้ว่าหมอนั่นคงไม่เชื่อเพราะมันสนิทกับคุณชายตายซากนั่นมาตั้งแต่เด็ก ก็เห็นไปเที่ยวด้วยกันบ่อยๆ ...แต่เอาเถอะ...เชื่อไม่เชื่อมันก็ไม่สำคัญนักหรอก
“ตามใจนาย จะเชื่อหรือไม่เชื่อ...”โทชิวรรคไปนิดหนึ่ง นัยน์ตาคมหรี่ลงเล็กน้อยอย่างเจ้าเล่ห์ “แต่คนนี้น่ะฉันจริงจังมาก...แล้วก็จะไม่ยอมยกให้ใครเด็ดขาด”
‘ฉันก็เห็นนายบอกว่าจริงจังกับทุกคน’
“แต่คนนี้น่ะไม่เหมือนคนอื่นหรอกนะเว้ย....ฉันไม่เคยถูกใจใครนานข้ามปีมาก่อน เสียดายด้วยซ้ำที่หมอนั่นดันเข้าที่โรงเรียนโน้นแทนที่จะเป็นโรงเรียนนาย ทั้งที่ฉันออกจะมั่นใจแล้วเชียว”
‘งั้นฉันก็ถือว่านั่นเป็นโชคดีของวาคาบายาชิ’
“ปัดโธ่! นายนี่ขัดตลอด ให้ตาย! ให้ท้ายเพื่อนนายเหลือเกินนะ”ว่าไปงั้นทั้งที่เจ้าตัวกำลังหัวเราะร่วน และอีกฝ่ายก็ถอนหายใจอย่างปลงอนิจจัง
‘ฉันไม่ได้ให้ท้าย...จะบอกอะไรให้นะ สองคนนั้นเขาอยู่ห้องเดียวกัน จะสนิทกันก็...คงไม่แปลกอะไร...’
“ออ...ถ้าเป็นคนธรรมดาก็คงไม่แปลกหรอก แต่เป็นคุณชายน้ำแข็งนี่ก็...”
‘...’
“แล้วฉันจะบอกอะไรให้นะทาคาโตะ...ถึงเพื่อนนายคนนั้นจะชอบสึโยโยจังของฉัน ฉันก็ไม่สนใจหรอกนะ ....ไม่มีเป้าหมายคนไหนที่ฉันตั้งใจจีบแล้วไม่สำเร็จ...”
‘ฉันก็จะบอกนายเหมือนกัน
ว่าฉันก็ไม่เคยเห็นคนไหนที่นารุมิมันตั้งใจจีบแล้วจะรอดไปได้...’
*************
ทาคาโตะเอนกายพิงพนักพลางจ้องมองมือถือที่การสนทนาเพิ่งจบลงไปสดๆร้อนๆ สมองค่อยๆประมวลผลข้อความที่เพิ่งรับรู้
นารุมิมีอะไรกับวาคาบายาชิงั้นเหรอ...?
แม้มันจะไม่ค่อยน่าเชื่อถือแต่มันก็มีความเป็นไปได้... เขายังจำได้ดีว่าไม่กี่เดือนก่อนนารุมิมันยังโทรมาหาขอให้เขาช่วยเรื่องโรงแรมนั้น...จะว่าไปแล้ว...มันก็น่าแปลกใจจริงๆนั่นล่ ะ...เขาเพิ่งมารู้ตอนเช้าว่าห้องที่หมอนั่นจะเข้าคือห้องของคุณวาคาบายาชิ แล้วคืนนั้นลูกชายของเขาก็มาพักพร้อมกับเด็กผู้ชายอีกคนหนึ่ง...หรือนั่นจะเป็นยูยะ?
“น่าสนุกแหะ”ทาคาโตะขยับยิ้มอย่างอารมณ์ดีพลางต่อสายไปยังเป้าหมายทันควัน
เรื่องนี้มันน่าสนุก...เขาไม่เคยเห็นใครหรืออะไรดึงดูดความสนใจของนารุมิได้มาก่อนนอกจากยูยะ...จริงอยู่ที่เขาพูดกับโทชิไปว่า ‘ไม่เคยเห็นคนไหนที่นารุมิมันตั้งใจจีบแล้วจะรอดไปได้’ก็เถอะ แต่ความจริงแล้วนารุมิมันไม่เคยตั้งใจจีบใครสักคน เพราะแค่มันปลายตามองเป้าหมายก็มาสยบแทบเท้าแล้ว...
“อย่าว่ากันล่ะนารุมิ...ถือว่าเป็นการเอาคืนที่น้องสาวฉันติดนายมากกว่าฉันละกัน...”
*************
ชิงช้าสวรรค์... ช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ใกล้ตกดิน... คนสองคนนั่งตรงข้ามกัน... ทั้งๆที่มันควรจะโรแมนติค...แต่...
โว้ยยยยย!นารุมิ! แกจะทำหน้าเหมือนปวดขี้อย่างนี้ไปอีกนานแค่ไหนวะ!
นั่นแหละ...ไอ้ตัวพาเสียบรรยากาศมันกำลังปล่อยออร่าน้ำแข็งแผ่กระจายออกมารอบตัวเหมือนปล่อยกัมมันตรังสี ขึ้นชิงช้ามาได้ก็เอาแต่เงียบ เงียบ และเงียบจนคนพูดเก่งอย่างเขาก็ไม่รู้จะพูดอะไรดี ...ก็หมอนั่นมันเล่นเปล่งรังสีอำมหิตซะขนาดนั้น...
“ดูนั่นดิ่นารุมิ!”เพื่อทำลายความเงียบเขาเลยเริ่มชี้มั่วออกไปข้างนอก นัยน์ตาคมเพียงปรายตามนิ้วเขา แล้วหรี่ตาเหมือนจะถามว่า อะไร?
...เออ...แล้วชี้อะไรล่ะวะ...
ไอ้ตัวพูดก็พูดไปมั่วๆขัดบรรยากาศ ลืมไปเสียสนิทว่าไอ้บ้านี่มันขี้หงุดหงิด ...สุดท้าย...เห็นอะไรชัดๆก็แก้ขัดไปก่อน
“พระอาทิตย์ว่ะ”เขาตอบได้งี่เง่าสุดๆเท่าที่เคยตอบมาแต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไรดี ...แล้วมุกนี้ก็เหมือนคุณชายคาวามูระมันจะไม่ปลื้ม เขาเลยต้องกลับมานั่งจ๋องเหมือนเก่า อดด่าตัวเองไม่ได้ที่ดันงี่เง่าไม่กล้าหือกับไอ้บ้านี่...เป็นปกติเขาโวยป่าแตกไปแล้ว...แต่ตอนนี้...ขืนโวยขึ้นมามันต้องจับเข าโยนออกไปนอกกระเช้าแหงๆ
“นายรู้จักกับฟูมิโนะซาโตะได้ยังไง?”สึโยชิถึงกับสะดุ้งที่จู่ๆไอ้คนที่เงียบมานานก็ดันโพล่งออกมาโดยเขาไม่ทันตั้งตัว ...ดวงตาคมปลาบของหมอนั่นจ้องหน้าเหมือนพยายามจะมองเนื้อสมอง คนโดนถามเลยได้แต่อ้าปากค้างพูดไม่ออก
“ฉันไม่เห็นรู้มาก่อนว่านายจะสนิทกับหมอนั่น...”คำถามคล้ายจะย้ำกระตุ้นให้สมองของสึโยชิทำงาน เด็กหนุ่มกระพริบตาปริบ พยายามนึกทบทวน...
...ใครวะ...ฟูมิโนะซาโตะ...
...............
อ๋อ.... ไอ้บ้านั่นแหง
“คนเมื่อกี้น่ะเหรอ”สึโยชิถามกลับเพื่อความมั่นใจ แม้คำตอบที่ได้จะเป็นเพียงนัยน์ตาที่โชนแสงกล้ากว่าเดิมของนารุมิ...แต่ว่า...
ชัวร์แหงๆ...มันต้องเป็นศัตรูกันมาก่อนชัวร์
“ก็ไม่เชิงว่ารู้จัก...”เขาตอบอ้อมๆ แล้วพอสบตากับอีกฝ่าย เขาก็รีบสะดุ้งหลบตา
ว้อยยยยยย จะกลัวมันหาอะไรวะ!
แม้จะคิดแบบนั้นแต่ตาเจ้ากรรมก็ดันไม่ยอมสบตา เขามองออกไปนอกหน้าต่างเหมือนพยายามค้นหาทองทั้งๆที่สมองคิดอย่างหนัก
เดี๋ยวนะ...ทำไมเขาต้องมานั่งหงอมันด้วย...จะว่ากลัวก็...ไม่ใช่มั้งถึงหน้ามันจะดุก็เหอะ...หรือจะเป็นเกรง...จะเกรงทำไมล่ะใน เมื่อมันไม่ใช่พ่อแม่ญาติโยมซะหน่อย...ที่ไม่กล้ากะมันเพราะ...เพราะอะไรวะ...ไม่มีเหตุผลเลยว้อยยยยย!
สึโยชิทำเป็นใจแข็งหันกลับไปสบตา แม้จะร้อนๆหนาวๆกับไอ้ลูกตาวับๆนั่นแต่เขาก็ทำเป็นไม่สนใจ เด็กหนุ่มแสร้งเลิ่กคิ้ว แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เริ่มกวนประสาท
“ทำไม...นายไม่ถูกกันรึไง?”
“หมอนั่นเคยเป็นแฟนเก่าพี่สาวฉัน...”คราวนี้สึโยชิกลายเป็นฝ่ายสนใจบ้าง เขายื่นเข้าไปใกล้ๆ พลางทำสีหน้าเหมือนอยากจะฟังต่อ ...แต่ไม่รู้ทำไม... หน้าของนารุมิมันถึงได้บูดยิ่งกว่าเก่า...
“ตั้งใจฟังเหลือเกินนะ...ฉันล่ะชักสงสัยว่าไอ้’ก็ไม่เชิงว่ารู้จัก’ ของนายนี่มันยังไง”นารุมิประชด เล่นเอาคนที่เกือบจะอารมณ์ดีอยู่แล้วของขึ้นจนได้
“แกจะประชดอะไรนักวะนารุมิ! แกเกลียดกันก็อย่าเอาฉันไปเอี่ยวดิ่วะ”
“ฉันไม่ได้...”คุณชายคาวามูระถอนหายใจเฮือกใหญ่ กลืนคำพูดลงคอก่อนจะนั่งนิ่ง นึกหงุดหงิดตัวเองที่ใส่อารมณ์กับเรื่องไม่เป็นเรื่อง...
ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้ง... ต่างฝ่ายต่างมองออกไปนอกกระเช้า มองพระอาทิตย์ที่เริ่มคล้อยต่ำลง ณ เส้นขอบฟ้า... แสงสุดท้ายของวันใกล้จะลาลับ แต่ความสับสนในใจกลับเพิ่มขึ้นทุกที...
“ใครๆก็รู้ว่าหมอนั่นน่ะเป็นเพลย์บอย...”
คำพูดทำลายความเงียบที่เรียกสายตาของสึโยชิให้หันกลับมามอง... “ขอแค่ถูกใจ...หมอนั่นก็จีบทั้งนั้นไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย...แต่เท่าที่ฉันรู้...หมอนั่นไม่เคยคบใครเกินเดือนนึง”
ตลอดเวลาที่พูดนารุมิทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่าง ...มองภูเขาไฟฟูจิเหมือนมันน่าสนใจมากกว่าเขา... ซึ่งก็เป็นการดี...เพราะถ้าหมอนั่นหันมา...
...จะต้องเห็นแน่ๆว่าเขาหน้าแดงแค่ไหน...
“โธ่เอ๊ย! ก็พูดมาตรงๆดิ่วะว่าเป็นห่วง”สึโยชิพูดพลางหัวเราะร่วนแก้เก้อ แต่เด็กหนุ่มก็แทบสำลักน้ำลายเมื่ออีกฝ่ายปรายตากลับมา พลางตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ...
“ใช่...ฉันเป็นห่วง”
แค่คำพูดประโยคเดียวเรียกให้สึโยชิหน้าขึ้นสีจัด เด็กหนุ่มหัวเราะค้าง รีบหันกลับไปจ้องพระอาทิตย์ตกที่สีมันชักจะไม่ผิดแผกไปจากใบหน้าของเขา ระหว่างที่สึโยชิกำลังนึกอยู่ว่าจะพูดอะไรต่อดี นารุมิก็ต่อประโยคของตนเองจนจบ...
“นายยิ่งโง่ๆอยู่ ขืนยุ่งกับหมอนั่นก็โดนฟันแล้วทิ้งพอดี”
...........
ใครจะโดนฟันแล้วทิ้งวะแม่งงงงงง!!!!
เส้นเลือดที่ขมับของสึโยชิปูดโปนจนสังเกตได้ เด็กหนุ่มตวัดมองคุณชายคาวามูระตาขวาง รอยยิ้มกวนประสาทผุดขึ้นที่ริมฝีปากอย่างจงใจ
“ไอ้ความหวังดีของนายน่ะเก็บไว้ให้ยูยะดีกว่านะ เพราะคนโดนหลอกง่ายๆน่ะ...คงไม่ใช่ฉันหรอก...จริงมั้ย?”สึโยชิพูดเสียงเย็น “อีกอย่างนะ...นายคงลืมไปว่าฉันน่ะ ไม่ได้ชอบผู้ชาย”เด็กหนุ่มกระแทกเสียงอย่างจงใจ ก่อนจะสบถอะไรงุบงุบในลำคอ
“งั้นก็ดี...”น้ำเสียงของนารุมิเย็นเยียบไม่แพ้กัน ต่างฝ่ายต่างจ้องตากันนิ่งเหมือนจะสาปส่งให้อีกคนมีอันเป็นไปกะทันหัน “แต่ฉันว่าหมอนั่นน่ะคงไม่ได้คิดแบบนั้นหรอกนะ...สายตาที่มองนายน่ะ...แทบจะกินไปทั้งตัวอยู่แล้ว”
“ช่วยไม่ได้หรอกนะ คนมันมีเสน่ห์...”ถ้าเป็นปกติสึโยชิคงไม่มีทางพูดอะไรน่ากลัวๆแบบนี้แน่ แต่ตอนนี้เขาโกรธจนควันออกหู อะไรๆก็เลยมีข้อยกเว้น “แต่ถึงฉันจะยุ่งกับหมอนั่น... มันก็ไม่ใช่เรื่องของนาย”
“ฉันแค่เตือนด้วยความหวังดี...แต่ถ้านายเต็มใจจะเป็นผู้หญิงของหมอนั่นขนาดนั้นฉันก็ไม่มีสิทธิ์จะว่า”
“ฉันเป็นผู้ชาย!!!”สึโยชิตะโกนลั่น ความโกรธครอบงำจนตาพร่า “แล้วฉันก็ไม่ได้ชอบผู้ชายด้วย ใครจะไปเหมือนนายวะ!”
คราวนี้ได้ผล... นารุมินิ่งเงียบ แต่ดูเหมือนจะเป็นความเงียบสงบก่อนจะเกิดพายุ...
“ถึงฉันจะชอบผู้ชาย...”น้ำเสียงคราวนี้นิ่งกว่าที่เคย นิ่งจนเสียดไปถึงหัวใจคนฟังให้กระตุกด้วยความหวาดหวั่น
“แต่ฉันก็ไม่มีทางชอบนายแน่ สึโยชิ...”
*************
ทันทีที่ทั้งสองลงจากชิงช้าสววรค์ ร่างบอบบางของลูกสาวคนโตเจ้าของเรียวกังก็รีบวิ่งลิ่วเข้ามาหา สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น ริมฝีปากบางเม้มแน่นแต่สายตากลับเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น มือซ้ายของเธอจูงมายุมาด้วย เด็กหญิงยังคงยิ้มสดใสขณะหยุดยืนอยู่ตรงหน้าสึโยชิ ผิดกับพี่สาวลิบลับ...
“ขอโทษนะคะ”เด็กสาวก้มหัวลงต่ำเล่นเอาสึโยชิสะดุ้งด้วยอารามตกใจ ร่างบอบบางนั้นสั่นระริกเหมือนคนกำลังร้องไห้ “เป็นความผิดของฉันเองค่ะที่ทำให้ทั้งสองคนต้องลำบากดูแลมายุจัง จะว่าอะไรฉันก็ได้ค่ะ!”
“น่า...ไม่เป็นไรหรอก...เงยหน้าขึ้นก่อนเถอะ”สึโยชิรีบพูด เขาก้มลงตบบ่าเด็กสาว “เรื่องเล็กน้อยไม่เป็นไรหรอกน่ะ...”
สึโยชิยิ้มกว้างให้พี่สาวของมายุที่ใบหน้าสวยนั้นยังแฝงความไม่มั่นใจ เด็กสาวยิ้มชืดรับ ก่อนจะปรายตาไปยังอีกคนที่ยังยืนนิ่ง...
“อย่าไปสนใจหมอนั่นเลย...พวกใจแคบน่ะ”เมื่อเห็นสายตาของเธอสึโยชิจึงเอ่ยเรียบๆแม้จะยังส่งยิ้มให้เด็กสาว เธอมองสึโยชิสลับกับนารุมิไปมา ทำท่าคล้ายจพูดอะไรบางอย่างแต่ก็กลับนิ่งเงียบลงไปอีก
“กลับกันเถอะ ไปเถอะมินะจัง เริ่มดึกแล้วเด็กผู้หญิงกลับบ้านมืดๆมันไม่ดีนะ”
“เธอวางแผนไว้ตั้งแต่ต้นแล้วใช่ไหม...”คำพูดที่เรียกให้มินะสะดุดฝีเท้าตนเอง ใบหน้าขาวใสเผือดซีด เธอเหลียวกลับไปมองนารุมิก่อนจะรีบตวัดกลับไปที่ปลายเท้าตนเอง
“ที่วันนี้มายุมาอยู่กับพวกฉัน เธอจงใจใช่ไหม...”
“นายพูดบ้าอะไรวะนารุมิ! ใครจะไปจงใจทำน้องตัวเองหาย!”
“นายมันโง่ หุบปากไปเลย”
เปรี้ยง!
หมัดหนักๆอัดเข้าเต็มหน้าของนารุมิจนเด็กหนุ่มลงไปกองกับพื้น เจ้าของหมัดจะเป็นใครไปได้นอกจากรองกัปตันชมรมคาราเต้ ผู้ที่ตอนนี้ยืนดวงตาวาวโรจน์ด้วยความโกรธจัด
“นายมัน...งี่เง่า”สึโยชิพูดเบาๆ ...เขามองตาของนารุมิ ก่อนจะรีบก้มต่ำเพราะไม่อาจฝืนมองดวงตานั้นได้
ทั้งๆที่เขาเป็นคนต่อยเองแท้ๆ แต่ทำไมนะ... ที่หัวใจมันถึงเจ็บเหลือเกิน...
“ข ขอโทษค่ะ”น้ำตาค่อยๆร่วงเผาะลงมาจากเรือนแก้มของมินะที่เห็นเหตุการณ์โดยตลอด แม้แต่มายุที่ยืนอยู่ข้างก็ถึงกับร้องลั่น เล่นเอาสึโยชิฟื้นคืนสติฉับพลัน และยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นเพราะทำอะไรไม่ถูก
“ย อย่าร้องไห้กันสิ โธ่...”
“ขอโทษค่ะวาคาบายาชิซัง ที่คาวามูระซังพดมาน่ะถูกแล้วค่ะ...”
“วันนี้เป็นแผนของฉันเอง ฉะ...ฉัน...ฉันแค่อยากขึ้นชิงช้าสวรรค์กับคาวามูระซัง แต่...ขอโทษนะคะ เพราะฉันไม่มีความกล้าพอ...ฉันเลยให้มายุล่อพวกคุณมาที่นี่ตอนห้าโมง แล้วหลังจากนั้น...ฉันคิดว่าตัวเองคงมีความกล้ามากพอที่จะไปขอคาวามูระซังให้ขึ้นชิงช้าสวรรค์ด้วยได้ แต่...แต่...ข ขอโทษค่ะ ฉันขอโทษ ที่คาวามูระซังพูดมาน่ะถูกแล้วค่ะ อย่าโกรธเขาเลยนะคะ”
เหมือนโดนฟ้าผ่าเปรี้ยงลงกลางหลัง...
สึโยชิถึงกับยืนนิ่ง นัยน์ตาเบิกโพลงมองมินะเหมือนไม่เชื่อหู
งั้น...ที่เขาต่อยนารุมิก็...
“คนที่ไม่มีความกล้าพอน่ะ...”
น้ำเสียงคุ้นหูจากด้านหลังเรียกให้สึโยชิสะดุ้ง แม้ไม่ได้หันกลับไปแต่ก็พอจะรู้ว่าอีกฝ่ายอยู่ในอารมณ์ไหน แค่ดูจากสีหน้าของเด็กสาวตรงหน้าที่ทำท่าเหมือนจ้องผีแค่นี้ก็รู้...
“คนที่ไม่มีความกล้าพอ...ก็ไม่มีทางจะคว้าอะไรที่ตัวเองต้องการมาได้...ชีวิตเธอก็ได้เฝ้ามองเท่านั้นแหละ...ชีวิตเธอ...ทำไ ด้แค่นี้เหรอไง...หรือชีวิตเธอมีแค่นี้? จะเป็นพวกไร้ค่าตลอดไปงั้นเหรอ?”
“เฮ้ย นารุมิ!”สึโยชิรีบตวัดกลับไปหาคนที่ผละจากไปแล้ว เด็กหนุ่มกะจะหันไปด่าที่ดันเสียมรรยาทกับผู้หญิง ...แต่เพียงเว่บเดียว...แค่เพียงแว่บเดียวที่เห็นสายตาคู่นั้น...หัวใจของเขาก็เหมือนถูกบีบกลายเป็นก้อนเนื้อเล็กๆ...
“ฉันกลับล่ะ...นายคงจะต้องไปส่งพวกเด็กๆสินะ...”นารุมิพูดโดยไม่หันกลับไปมอง และสึโยชิก็ไม่กล้าที่จะเอ่ยถาม
...เขาทำพลาด...พลาดไปแล้วจริงๆ...
“ตามไปสิคะ...”น้ำเสียงอ่อนหวานของเด็กสาวเรียกให้เด็กหนุ่มสะดุ้ง สึโยชิเหลียวกลับไปมอง ก่อนจะส่งยิ้มเจื่อนๆให้
“จะปล่อยให้เด็กผู้หญิงกลับคนเดียวได้ไง”
“ได้สิคะ”มินะยิ้มกว้าง พลางค้นอะไรบางอย่างในกระเป๋าง่วน “อย่าลืมสิว่าแถวนี้น่ะถิ่นฉันนะคะ ฉันมาที่นี่บ่อยจนหลับตาเดินได้แล้ว เอ้า นี่คะ”
มินะส่งอะไรบางอย่างให้สึโยชิที่รับมาอย่างงงงัน เขามองของในมือสลับกับเด็กสาวอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก
“ตามไปสิคะ...แล้วเจอกันที่โรงแรมนะ”เด็กสาวรุนหลังของสึโยชิ ก่อนจะกระซิบเบาๆ “ที่ไม่มีความกล้าพอ...ก็ไม่มีทางจะคว้าอะไรที่ตัวเองต้องการมาได้หรอกค่ะ”
*************
“นารุมิ เฮ้ย นารุมิ!”สึโยชิตะโกนไล่หลังร่างที่รีบเร่งฝีเท้าเหมือนควายที่บ้านมันหาย เขาวิ่งทันหมอนั่นในอีกไม่กี่อึดใจ มือเรียวเอื้อมคว้าไหล่กว้างก่อนกระชากให้หันมา
“ฉันกลับด้วย”
“ไม่รอพวกนั้นแล้วเหรอ?”น้ำเสียงเย็นชากว่าเคยเล่นเอาสึโยชิใจแป้ว เด็กหนุ่มฝืนยิ้มฝืดๆ พยายามข่มอารมณ์ไม่ให้ตัวเองเผลอทำเสียเรื่องอีกรอบ
“มินะบอกว่ากลับเองได้...”
นารุมิไม่ได้พูดอะไรตอบ หมอนั่นเพียงทำท่าจะออกเดินต่อ ...ติดแต่ที่มือของสึโยชิที่มันยังคว้าไหล่ของเด็กหนุ่มเอาไว้แน่น
“ฉัน...เมื่อกี้...เอ่อ...”สึโยชิพยายามเริ่มต้นประโยค เขายากจะขอโทษที่เมื่อกี้ใจร้อนวู่วาม แต่...
ปัดโธ่เว้ย! กับพ่อฉันยังไม่เคยขอโทษเลยนะเว้ย!
“นารุมิ เมื่อกี้....”
ก็แกมันงี่เง่าก่อนนี่หว่า...
“นายน่าจะขึ้นชิงช้าสววรค์กับสึโบมินะ”
“นายมีเรื่องจะพูดแค่นี้ใช่ไหม?”นารุมิเย็นชาเสียงยิ่งกว่าเก่า จนสึโยชินึกด่าตัวเองที่ทำพลาดไปเสียได้
“เปล่า...ฉัน...เอ่อ...”
“ถ้าจะพูดถึงเรื่องยัยเด็กนั่น ฉันขอยืนยันว่าฉันไม่ผิด”
“ฉันแค่จะบอกว่าฉันกับหมอนั่นเราไม่ได้มีอะไรกัน”
เฮ้ย! ผิดประเด็น
สึโยชิอยากจะตบปากตัวเองนักที่เผลอโพล่งเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องออกไป แต่พอมองหน้านารุมิ หมอนั่นก็ทำท่าเหมือนจะอยากให้พูดต่อ...
“ฉันเพิ่งรู้ชื่อหมอนั่นก็ตอนนายบอกเมื่อกี้นี้แหละ...แต่ฉันเคยเจอหมอนั่นเมื่อปีที่แล้ว...เรามีเรื่องกัน...นิดหน่อย...”
จะพูดทำไมวะสึโยชิ...
“ที่งานแข่งคาราเต้ระดับภูมิภาค ตอนนั้นหมอนั่นแข่งคู่ชิงกับฉัน...แล้ว...มันก็เกิดเรื่อง...เอ่อ...ฉัน...ไม่เล่าได้ไหม อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้”
เฮ้ย สึโยชิ แกมาทำน้ำเสียงออดอ้อนต่อหน้าผู้ชายได้ไงวะ!
สึโยชิที่สติกลับมาอีกครั้งแทบไม่เชื่อว่าตัวเองทำอะไรลงไป... เขาแทบอยากจะมุดแผ่นดินหนีเสียให้ได้ เด็กหนุ่มพยายามปรับอารมณ์ให้เป็นปกติขณะล้วงอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง
“เอ้า...นายปากแตก...”
สึโยชิยื่นอะไรบางอย่างให้นารุมิที่รับมาอย่างงงงัน เด็กหนุ่มค่อยๆก้มลงมองของในฝ่ามือช้าๆ และพบว่ามันคือ
...พลาสเตอร์...
สิ่งของที่เรียกให้นารุมิเผลอแย้มรอยยิ้มกว้าง เขาก้มลงมองพลาสเตอร์ในมือด้วยความขบขัน ก่อนจะไล่สายตาไปยังอีกคนที่ยังทำเป็นมองฟ้ามองดินไปเรื่อยเปื่อย แม้แก้มของหมอนั่นจะขึ้นสีแดงจางๆก็เถอะ
มันเห็นแล้ว...น่าแกล้งชะมัด...
“สึโยชิ...”คุณชายคาวามูระหุบยิ้มพลางแสร้งพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด เล่นเอาคนรอฟังใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม
“มะ มีอะไร...”
“ฉัน...ไม่ชอบลายกระต่าย”ตอนแรกสึโยชิยังเหมือนไม่เข้าใจนักว่าอีกคนพูดถึงอะไร แต่พอมองดูพลาสเตอร์ที่ถูกยื่นคืนให้ ก็พบว่ามันเป็น...สีชมพูลายกระต่ายขาวหน่อมแหน้มแหววสุดขีด... เล่นเอาเขาถึงกับพูดอะไรไม่ออก
“แล้วอีกอย่าง...คนปากแตกที่ไหนเขาปิดพลาสเตอร์ สมองของนายนี่ท่าจะมีปัญหา...”
“แกว่าไงนะนารุมิ!”
“ก็บอกว่าสมองของนายน่าจะมีปัญหาไง...ฉันโดนนายต่อยนะไม่ได้หกล้ม พรุ่งนี้น่ะคงบวมแน่ๆ หมัดหนักเป็นบ้า”
“สมน้ำหน้าแก นี่ล่ะคือการลงโทษที่พูดจาร้ายกาจกับเด็กผู้หญิง”
“นายน่ะ...ถึงจะผ่านผู้หญิงมามากแต่ก็เป็นประเภทที่แพ้น้ำตาผู้หญิงใช่ไหมล่ะ...ยัยนั่นน่ะนะ...ฉันว่าจริงๆแล้วแผนนี้มันต้ องมีอะไรมากกว่านี้แต่ฉันขี้เกียจจะซักต่อ เสียเวลา”
“โธ่ ทำวางมาด ไม่รู้ก็พูดมาเถอะ”
“ขอโทษ...”ร่างสูงขยับยิ้มกว้าง ก่อนจะโน้มลงมาใกล้พลางกระซิบด้วยรอยยิ้ม “ฉันไม่ได้โง่เหมือนนายสักหน่อย”
“แกว่าใครโง่วะนารุมิ!!! โว้ย จะหนีไปไหนวะกลับมาพูดให้รู้เรื่องนะโว้ยยยย”สึโยชิตะโกนไล่หลังร่างที่เร่งฝีเท้าจากไป
ถึงแม้วันนี้มันจะผ่านไปไม่ค่อยราบลื่น...แต่ยังไงก็จบลงด้วยดีล่ะนะ...
*************
เช้าวันใหม่มาถึงอย่างรวดเร็ว...
สึโยชิสะพายเป้ขึ้นพาดบ่าพลางเงยหน้ามองท้องฟ้าสีฟ้าสวยด้วยความอาลัย
เขาชอบที่นี่... ถึงแม้เมื่อวานเขาจะทะเลาะกับนารุมิบ่อยไปหน่อยแต่โดยรวมมันก็มีความสุขดี คุณลุงเจ้าของเรียวกังก็แสนใจดี สองพี่น้องมนะกับมายุก็แสนจะน่ารัก อากาศก็ดี บรรยากาศก็สวยเพราะอยู่ใกล้ทะเลสาบ ถ้ามีเวลามากกว่านี้อีกสักนิดเขาต้องอยู่เที่ยวต่อแน่ๆ เสียแต่เวลาคงจะไม่พอ...
“จะไปกันรึยัง”น้ำเสียงเย็นชาที่สึโยชิหันไปมอง เด็กหนุ่มกระตุกยิ้มมุมปาก ก่อนจะยักไหล่
“ไปดิ่...”ว่าพลางก็เดินนำหน้าโดยมีอีกคนเดินมาข้างๆไม่ห่าง
แม้การมาเที่ยวของเขาครั้งนี้มันจะไม่สัมฤทธิ์ผลเท่าไหร่แต่ก็ถือว่าไม่เลวร้าย...แม้ตัวเขาจะไม่แน่ใจตัวเองว่ารู้สึกยังไง กับไอ้คุณชายคนนี้กันแน่แต่ยังไงก็คงไม่ได้เกลียด...
ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของเวลาละกัน...
“เออ นารุมิ ว่าแต่นายจะไปเลยหรือว่าจะไปส่งฉันที่สถานีรถไฟก่อนวะ”สึโยชิหันกลับไปถามคุณชายตัวดีที่ยังทำหน้านิ่ง แต่ก่อนที่จะได้ทันตอบอะไร เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือก็ดังขัดจังหวะเสียก่อน...
ต่างฝ่ายต่างหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู ทั้งสองมองหน้ากัน ก่อนที่จะหันไปอีกทางแล้วกดรับ
“ฮัลโหล ฉันกำลังจะไปมิสึรุ/ยูยะ”
“ว่าไงนะ เปลี่ยนที่เข้าค่าย!!!”คำพูดประสานเสียงที่ทั้งสองหันมามองกันโดยไม่ได้นัดหมาย
“นาย อย่าบอกนะว่า...”สึโยชิเสียงเครียด จ้องนารุมิตาไม่กระพริบ “ชมรมเคนโด้เคนโด้ก็เข้าค่ายที่ฟูจิอยู่แล้วนี่ แต่คงไม่ใช่...”
“ค่ายของตระกูลทาคาฮาระ ถ้านายหมายถึงอย่างนั้นน่ะนะ...”
สึโยชิถึงกับอ้าปากค้าง...
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะเนี่ย!!! ทำไมถึงเปลี่ยนที่เข้าค่ายไปเป็นที่นั่น แถมยังต้องไปกับชมรมเคนโด้
ท่าทางหน้าร้อนนี้ของสึโยชิ...มันคงจะไม่จบลงง่ายๆซะแล้ว...
แถมท้าย
สึโบมิรีบคว้าโทรศัพท์มือถือที่ส่งเสียงเรียกเข้าอย่างรวดเร็ว เด็กสาวจ้องชื่อคนโทรมาก่อนจะแย้มรอยยิ้มกว้าง
“ว่าไงมินะจัง แผนเป็นไปด้วยดีไหม”
‘ไม่ค่อยราบลื่นเท่าไหร่น่ะสึโบมิจัง แต่ก็จบลงด้วยดีนะ นารุมิซังหล่ออย่างที่เธอว่าจริงๆด้วย พี่ชายเธอก็เท้เท่ เห็นแล้วฉันอยากมีพี่อย่างนี้บ้าง’
“แหม ไม่หรอกจ้ะ แล้วสองคนนี้ทะเลาะกันบ้างรึเปล่า?”
‘ตลอดเวลาเลยล่ะจ้ะ...แต่ว่านะ เหมือนพี่เธอโดนแกล้งมากกว่า’
“อย่างนี้ล่ะจ้ะ...แต่ก็นะ...ยิ่งทะเลาะกันยิ่งรักกันไม่ใช่เหรอ แล้วว่าไง เธอว่าคาแร็คเตอร์ทั้งคู่เหมือนคาสึยะกับมานามิของฉันรึเปล่า”
‘เหมือนต้นแบบเดี๊ยเลยล่ะ ฉันนะ จินตนาการคล่อปรื๋อเลยล่ะ แต่สึโบมิจัง ฉันเกือบโดนนารุมิซังจับได้แหนะจ้ะ แต่โชคดี ที่พี่เขาไม่อยากเอาเรื่อง’
“พี่ฉันเขาไม่สงสัยเลยใช่ไหมล่ะ นี่แหละ พี่เขาป็นโรคแพ้ทางคนทำตัวน่าสงสารน่ะจ้ะ”
‘จริงอย่างที่เธอบอกเลยล่ะ อ๊ะ สึโบมิจังฉันต้องวางก่อนนะแม่เรียกทานข้าวน่ะจ้ะ ไว้เราค่อยคุยกันใหม่นะ’
“จ้า ขอบคุณมากนะ”
มินะวางสายไปแล้ว สึโบมิเลยขยับยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดีพลางพลิกหน้านิตยสารในมือให้หยุดอยู่ที่หน้าท่องเที่ยว เด็กสาวหยิบรูปภาพเรียวกังเก่าๆที่ถูกสอดไว้ขึ้นมาถือ
คนแนะนำเรียวกังที่นี่ให้พี่สึโยชิก็คือเธอเอง...แค่บอกว่ารู้จักกันพี่สึโยชิก็ไม่ติดใจสงสัยอะไร เรียกได้ว่าแผนสำเร็จไปได้ด้วยดี แต่ไอ้แผนต่อไปนั้น...
ราวกับอ่านใจออก เมื่อประตูห้องของเด็กสาวถูกเปิดออกก่อนที่ร่างผอมบางของมิสึรุจะก้าวเข้ามาภายใน เด็กหนุ่มทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้ว่าง ก่อนจะแย้มรอยยิ้มให้เด็กสาว
“เป็นไง เพื่อนโทรมารึยังสึโบมิ”
“โทรมาแล้ว ทุกอย่างเรียบร้อยดี...”ต่างฝ่ายต่างสบตากันก่อนที่ทั้งคู่ต่างก็ยิ้มกว้าง
“งั้นก็ ต่อไปตาฉันล่ะนะ...”
“ฝากด้วยล่ะมิสึรุ”
“วางใจได้เลย”ว่าพลางเด็กหนุ่มก็ผุดลุกขึ้นก่อนจะเดินไปที่ประตู พยายามเก็บซ่อนอารมณ์ที่แท้จริงไว้ไม่ยอมให้สึโบมิเห็น...
ถ้าเพื่อความสุขของสึโยชิ...ฉันจะทำทุกอย่าง...
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น