ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ♂♂Will Love , So I Love [Kihae,etc.]

    ลำดับตอนที่ #33 : Will Love, So I love[Part 27] = กลับบ้าน + Example ตอนต่อๆไป

    • อัปเดตล่าสุด 30 ก.ค. 53







    27

    กลับบ้าน

     

     

     

     

    “ตื่นแล้วหรออาซิ้ม”

     

    “ล้อกันแต่เช้า อาแปะบ้า” คนเพิ่งตื่นหยิบหมอนข้างตัวก่อนจะปาไปยังคนที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำ ฮันคยองอมยิ้มเล็กๆพลางเอามือปัดหมอนก่อนที่จะมาถึงหน้าชแล้วนั่งลงที่ข้างเตียงของอีกคน ฮยอกแจทำหน้าบูดเล็กน้อยก่อนจะยกยิ้มเล็กๆเมื่อเห็นรอยแดงที่เป็นจ้ำๆบนตัวของอีกคน นั่นหมายความว่าเขาเป็นคนของผมยังไงล่ะ(?)

     

    “ยิ้มอะไร”

     

    “ฉันชอบรอยที่ฉันทำไว้บนตัวนายนะ” ไม่พูดเปล่าแถมยังเลื่อนมือไปยังลำคอหนาของอีกฝ่ายแล้วไล้ไปยังแผงอกกำยำที่มีหยดน้ำเกาะกันเรียงราย จังหวะการหายใจของร่างสูงเริ่มจะติดขัดเมื่อนิ้วเล็กๆยังไต่ไปมาไม่หยุด ฮยอกแจเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะหัวเราะเบาๆเมื่อเห็นผลงานของตัวเองแล้วค่อยเลิกแกล้ง

     

    “นายนี่นะฮันคยอง~

     

    “ทำแบบนี้ระวังจะโดนกดอีกรอบนะ”

     

    “เมื่อคืนก็ล่อไปห้า เช้านี้จะเอาอีกหรอ”

     

    “ก็ไม่แน่ ยั่วเก่งๆแบบนี้ระวังจะโดนไม่ใช่น้อย” นิ้วเรียวปิดลงบนริมฝีปากบางที่เผยอขึ้นเพราะความตกใจน้อยๆ เสียงหัวเราะหลุดออกมาจากปากของทั้งคู่ก่อนที่ฮันคยองจะขยับตัวเข้าไปอุ้มร่างเล็กให้ขึ้นมานั่งบนตัก ฮยอกแจเบ้ปากเล็กๆเพราะมันสะเทือนไปถึงช่วงล่างที่ยังคงระบมจากสมรภูมิรักเมื่อคืนไม่หาย

     

    “เจ็บมากมั้ย?”

     

    “มาลองโดนดูมั้ย ถ้าฉันจะรุกก็ไม่เลวนะ”

     

    “ถ้าจะตอบแบบนี้ เก็บเสียงไว้ครางให้ฉันฟังดีกว่านะ” มือเล็กตวัดเข้าตีเข้าที่ไหล่เปลือยทันทีที่แปลคำพูดจบ ฮันคยองแสร้งร้องโอดโอยว่าเจ็บมากมายทำเอาคนตีต้องหันขวับทั้งตัวเพราะเข้าใจว่าเจ็บจริงด้วยเสียงที่แป๊ะลงดังลั่นห้อง ผิวขาวของอีกฝ่ายที่เริ่มปรากฎรอยแดงตามฝ่ามือทำเอาฮยอกแจต้องร้องขอโทษสียกยกใหญ่

     

    “ขอโทษๆ เจ็บมากรึเปล่า...ฮันคยอง มันแดงแล้วอ่ะ”

     

    “เลียให้หน่อย แสบ”

     

    “เลีย? อย่ามาบ้า”

     

    “แสบบบบบ แสบมากอ่ะ ไม่ไหวแล้ว ทำไมมันแดงเถือกอย่างนี้”

     

    ดูท่าว่าร่างสูงจะไม่ยอมหยุดโวยวายง่ายๆ ฮยอกแจเลยส่ายหัวน้อยๆแล้วทาบริมฝีปากลงไปที่บริเวณที่แดงช้าๆ ลิ้นร้อนละเลงไปทั่วส่วนที่ตี ฮันคยองขนลุกซู่ก่อนจะดึงคนตัวเล็กออกมาจ้องหน้า

     

    “ยั่วหรอ อาซิ้ม”

     

    “อะไรของนายอีกเนี่ย บอกว่าแสบให้เลีย ก็เลียแล้วนี่ไง มาหาว่าฉันยั่วอีก เง้อ”

     

    ไม่รอให้อีกฝ่ายได้พูดมากกว่านี้ก็รั้งท้ายทอยของอีกฝ่ายเข้ามาใกล้ก่อนจะปิดริมฝีปากลงไปทันที แทนที่ร่างเล็กจะดิ้นปลกๆกลายเป็นว่าจูบตอบเสียอย่างนั้น มือเล็กเลื่อนขึ้นโอบรอบคออีกฝ่ายช้าๆก่อนจะเป็นฝ่ายกดริมฝีปากลงไปหนักๆ มือหนาไล้ไปทั่วแผ่นหลังเนียนที่ไม่มีอะไรปกปิด

     

    “อย่าดื้อน่าฮัน~”

     

    มีเมียน่ารักไว้ให้อ้อน ไม่ดื้อก็เสียชาติเกิดแย่

     

    ไม่เอาฮัน~ ไม่มีแรงแล้วเนี่ย เมื่อคืนก็ทำไปแล้วนี่

     

    ไม่เป็นไร! เช้านี้ฉันทำเอง

     

     

     

     

     

     

     

    “ตังค์ไปละนะ ต้องกลับกรุงเทพวันนี้แล้ว”

     

    “กลับวันเดียวกันเลย นี่! อย่าไปป่วนใครที่ไหนอีกนะ นักท่องเที่ยวเกาหลีไม่ได้ใจดีแบบพี่ทุกคนหรอกนะจะบอกให้” ฮีชอลกอดอกแล้วยืนปั้นหน้าขรึมพลางนึกย้อนไปถึงเมื่อวานซืนที่ตัวเองหมดแรงก็ไม่ใช่เพราะใครที่ไหนนอกจากยัยเด็กตัวแสบที่อายุไม่เท่าไหร่แต่วางแผนเป็นขั้นเป็นตอนให้เจ้าซีวอนตัวโตกดเขาเสียอยู่หมัด

     

    “อื้อ~ ตังค์จะพยายาม ฮ่าฮ่า”

     

    “ยัยเด็กนี่......จับตีซะเลย”

     

    “พี่อีทึกกล้าตีตังค์หรอ=[]=! เปเปอร์ยืนมองอยู่นะ” ว่าพลางบุ้ยปากไปยังอีกคนที่ถูกอ้างถึงที่กำลังยืนนิ่งๆอยู่ที่เคาเตอร์ อีทึกหัวเราะน้อยๆก่อนจะยกมือเป็นเชิงว่ายอมแพ้ ยืนคุยกันต่ออีกซักครู่ตัวเธอก็มองนาฬิกาก่อนจะหันไปตามเสียงเรียกที่ตะโกนแทรกเข้ามา

     

    “ตังค์ไปจริงๆแล้วนะ บ๊ายบาย” สตางค์ว่าพลางโบกมือบ๊ายบายก่อนจะส่งยิ้มกว้างๆให้อีกรอบแล้วเดินหายไปกับเปเปอร์ที่เจ้าตัวแนะนำมา ฮีชอลกับอีทึกหันมองหน้ากันก่อนที่ฮีชอลจะเป็นฝ่ายหันหน้าหนีเพราะอีกคนส่งยิ้มกรุ่มกริ่มมาให้ คังอินที่เห็นเหตุการณ์เลยส่ายหัวเบาๆก่อนจะไปโอบเอวของคนไม่รู้ตัวออกมา

     

    “อะไรยองอุน”

     

    “ไม่ชอบให้มองคนอื่น หวง”

     

    “ก็ฮีชอลสวย...........มองนิดๆหน่อยๆไม่เป็นไรมั้ง”

     

    “ฉันไม่ชอบ มองแค่ฉันคนเดียวสิ” ร่างสูงยกมือขึ้นบังคับใบหน้าสวยให้หันมามองตนเอง อีทึกหัวเราน้อยๆก่อนจะเอาหน้าผากของตัวเองชนกับของอีกฝ่ายแล้วส่ายไปมาอย่างอ้อนๆ หญิงสาวอีกคนที่เป็นผู้ดูแลทัวร์ก็ยิ้มออกมาก่อนจะกระแอมไอขัดจังหวะของบรรยากาศหวานๆอย่างทันท่วงที

     

    “ขอโทษนะคะ แต่ถ้าไม่รีบขึ้นรถ จะไม่ทันไฟลท์บินไปกรุงเทพ”

     

    เมื่อหันไปมองอีกทีก็พบว่าตอนนี้น้องๆขึ้นไปนั่งบนรถบัสขนาดเล็กที่มาจอดเรียบร้อยแล้ว แถมยังพากันเกาะกระจกแล้วส่งสายตามาล้อเลียนคู่รักอาวุโส(?)ที่ยังหวานใส่กันจนไม่ยอมขึ้นรถ อีทึกส่งสายตาพิฆาตใส่ทุกคนที่นั่งอยู่บนรถก่อนจะหันไปยิ้มขอบคุณหญิงสาวที่เอ่ยปากเตือน จนโดนแซวกลับมา

     

    “รถคันนี้ปราศจากน้ำตาลค่ะ^^

     

     

     

     

     

     

    หลังจากที่กลับมาถึงเกาหลีทงเฮก็โดนคิบอมพากลับไปยังบ้านหลังใหญ่ของตัวเองโดยอ้างเหตุผลว่าพ่อของเขาอยากพบหลังจากที่คราวนั้นยังคุยกันไม่เสร็จเพราะต้องไปเยี่ยมฮยอกแจที่ถูกรถเฉี่ยวเสียก่อน ทงเฮที่ยังหายไข้ไม่ขาดก็ไม่อยากจะขัดอะไรให้มากมายนัก ความเพลียจากการเดินทางทำเอาคนน่ารักหลับทันทีที่ขึ้นรถของทางบ้านคิบอมที่ขับมารับ ส่วนคนอื่นๆก็แยกย้ายกันกลับบ้านเพราะยังเหลือเวลาอีกสองวันกว่าที่โรงเรียนจะเปิดเรียนต่อไป

     

    “ทงเฮ.......ไหวรึเปล่า”

     

    “ไหว....ไหวครับ” คนถูกเรียกยกศรีษะขึ้นก่อนจะสะบัดหัวเล็กน้อยเพื่อเรียกสติแล้วเดินลงจากรถตามคิบอมไป พ่อบ้านและแม่บ้านต่างก็ออกมาให้การต้อนรับยกใหญ่ หากแต่ว่าร่างเล็กไม่ได้ทำท่าตื่นตาตื่นใจเหมือนแต่ก่อนเพราะอาการหนักอึ้งที่หัวทำเอาเวียนเกล้าอยากจะนอนเร็วๆ คิบอมเมื่อเห็นร่างบางท่าไม่ดีก็มาช่วยพยุงเดินเข้าไปในบ้าน

     

    “ตกลงไหวมั้ยเนี่ย”

     

    “ไหวครับ”

     

    “หน้าซีดแบบนั้ยังทำปากแข็งอยู่อีก”

     

    “คิบอมก็รู้อยู่แล้วจะถามทำไมเนี่ย”

     

    “ก็......อยากให้นายอ้อน ผิดรึไง”

     

    พอขึ้นมาถึงยังห้องนอนของตัวเอง เจ้าของห้องก็ปิดประตูก่อนจะประคองร่างเล็กด้วยความเป็นห่วงพลางถามย้ำอีกรอบเผื่อคนหน้าซีดจะเลิกทำปากแข็งเลยกลายเป็นว่าโดนเขาจิ้มหน้าผากเบาๆสองครั้งเพราะร่างเล็กปากแข็งไม่เลิก ทงเฮเลยยู่หน้าใส่เล็กน้อยก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นหัวเราะเบาๆ เมื่อได้ฟังเหตุผลที่เขาถาม

     

    “ฮ่ะๆ ผมจะจำไว้ใช้คราวหลังแล้วกันฮะ”

     

    “ไม่ต้องคราวหลัง คราวนี้เลย”

     

    ร่างบางหัวเราะอีกครั้งก่อนจะถูกผลักให้นอนลงบนเตียงซึ่งทงเฮก็ทำตามอย่างว่าง่าย ร่างสูงใช้หน้าผากของตัวเองวัดไข้อีกครั้งก่อนจะพบว่าร่างเล็กตัวอุ่นๆเลยบ่นพึมพำเบาๆแล้วลุกขึ้นยืน มือเล็กกระตุกชายเสื้อไว้ทำให้อีกคนต้องหันมามอง

     

    “จะไปไหนหรอฮะ”

     

    “จะไปตามหมอ เห็นเป็นมาหลายวันแล้วท่าทางจะไม่ดีขึ้น”

     

    “ผมไม่เป็นอะไรหรอกน่า อาการเพลียจากการเดินทางไกลๆน่ะฮะ”

     

    “นายน่ะ มีหน้าที่นอนก็นอนไปนะรู้มั้ย” ไม่ว่าเปล่าสายตายังจ้องไปยังริมฝีปากบางพลางก้มหน้าลงไปใกล้หมายจะจูบให้หนำใจ แต่คนตัวเล็กกลับยกมือขึ้นปิดที่ปากเขาเสียก่อน

     

    “ไม่เอา ไม่จูบ เดี๋ยวคิบอมติดหวัด” ทงเฮพูดเสียงอู้อี้ ประโยคที่ได้ฟังทำเอาคนได้ยินเผยยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะเคลื่อนไปจูบหน้าผากอุ่นๆแทนแล้วทิ้งไว้ซักพักใหญ่จึงค่อยผละออกก่อนจะเลื่อนผ้าห่มขึ้นปิดถึงคอของอีกฝ่ายพลางสั่งกำชับ

     

    “นอนพัก เข้าใจมั้ย แล้วห้ามวิ่งซนออกไปข้างนอกนะ”

     

    “อื้อ~ เมื่อกี้คิบอมดูดแรงไปแล้วไปไหนไม่ได้หรอก แล้วอย่าลืมเอาแรงมาคืนผมด้วย”

     

    อยากจะกดจูบแรงๆคนที่พูดอ้อนตามคำที่บอกซักทีสองทีหากแต่ต้องอดกลั้นใจเอาไว้พลางพยักหน้ารับคำคนขอ แล้วเดินออกนอกห้องมา ระวังตอนเอาแรงคืน จะหมดอีกรอบก็แล้วกัน

     

    คิบอมเดินลงมายังชั้นล่างก่อนจะเรียกแม่บ้านที่อยู่แถวนั้นให้เข้ามาหาแล้วบอกว่าให้ตามหมอเพราะร่างบางยังคงไม่หายดีถึงแม้ว่าวันแรกจะเป็นหนัก(เพราะโดนเขาทำพิษใส่) แต่ก็ประมาณสามวันแล้วที่อาการดีขึ้นหากแต่แย่ลงอีกครั้งในวันนี้

     

    “คุณชายครับ” เสียงเรียกดังขึ้นส่งผลให้คนที่กำลังจะเดินขึ้นบันไดหันกลับมามองแล้วเดินเข้ามาหาพ่อบ้านคนสนิทตั้งแต่เด็ก คนอาวุโสกว่าโค้งตัวให้เล็กน้อยเพราะคนตรงหน้ามีศักดิ์เป็นเจ้านาย คิบอมอยากจะเอ่ยปากห้ามแต่ก็ยั้งปากไว้เพราะรู้ว่าพ่อบ้านคนนี้ไม่มีทางยอมแน่นอน

     

    “ไปที่สวนดีกว่าครับคุณชาย” พูดพลางผายมือให้คุณชายของเขาเดินไปก่อน ซึ่งคิบอมก็เดินออกไปแต่โดยดีเพราะคาดว่าน่าจะเป็นเรื่องส่วนตัว

     

    “สวัสดีฮะพ่อบ้านโก มาคราวที่แล้วผมไม่เจอเลยนะ ไม่สิไม่ได้เจอกันมาตั้งนานแล้วมากกว่า”

     

    “ขอโทษด้วยครับ ผมต้องไปทำงานแทนคุณผู้ชายที่อเมริกา คุณชายโตขึ้นมากเลยนะครับ”

     

    คนที่โตขึ้นมากไม่ตอบทำเพียงส่งยิ้มเล็กน้อยเท่านั้น พลางทิ้งตัวลงนั่งบนโต๊ะที่ตั้งไว้อยู่กลางสวน พ่อบ้านเดินมาหยุดอยู่ข้างๆโต๊ะหากแต่ไม่ยอมนั่งเพราะถือว่าเป็นกฎของพ่อบ้านที่พึงปฏิบัติ

     

    “วันนี้คุณผู้หญิงจะกลับมาทานข้าวเย็นที่บ้าน คุณชายว่าอย่างไรบ้างครับ”

     

    “......กลับบ้าน งั้นหรอ  ไม่ติดประชุมอะไรที่ไหนรึไง”

     

    “ไม่ครับ จะให้ผมจัดโต๊ะอาหารกี่ที่”

     

    “ไม่ต้องเผื่อผม วันนี้เพื่อนมานอนที่บ้าน ไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ ยกอาหารขึ้นไปให้ผมบนห้องนะ”

     

    “แต่คุณชายครับ.......”

     

    “เขาไม่สนใจผมหรอก ช่างมันเถอะ พูดไปเดี๋ยวก็ให้ร้ายเขาเสียเปล่าๆ ดีใจนะครับที่ได้พบกันอีก

     

    ยินดีมากครับคุณชาย

     

    พ่อบ้านก้มหัวให้น้อยๆก่อนจะเดินถอยออกห่างไม่คิดที่จะเซ้าซี้อะไรคุณชายของเขาต่อ เพราะความสัมพันธ์ของแม่ลูกคู่นี้กระท่อนกระแท่นมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ส่วนใหญ่แล้วคุณชายของเขาก็มักที่จะอยู่กับพ่อของตัวเองมากกว่า คิบอมเดินขึ้นห้องด้วยใบหน้าที่ติดเครียดเล็กน้อยเมื่อได้ยินว่ามารดาของตนเองจะกลับบ้านในวันนี้ พอจะหลบเลี่ยงได้อยู่ถ้าหากว่าไม่มีใครบอก แต่แน่นอนว่าพวกแม่บ้านจะต้องรายงานทันทีที่หล่อนเหยียบพื้นบ้านแน่ๆ

     

    ความสัมพันธ์ของเขากับแม่ไม่ดีมาตั้งแต่เด็กอาจจะเป็นเพราะน้ำเสียงแข็งๆของผู้ใหญ่ทำเอาเขาในตอนเด็กๆไม่ค่อยชอบเท่าไรนัก ดังนั้นเวลาส่วนใหญ่เขาจะทุ่มให้กับผู้เป็นพ่อเสียมากกว่า แม่จะแวะเวียนเข้ามาหาเขาเป็นบางที หากแต่ว่าสิ่งที่แม่พูดออกมานั้นไม่ได้เป็นสิ่งที่ลูกควรได้ยินจากแม่ แต่เป็นคำพูดที่เต็มไปด้วยความคาดหวังและกดดันเขาตลอดเวลา

     

    “หมอมาแล้วหรอฮะ” เมื่อมาถึงยังห้องคนตัวเล็กที่ควรจะนอนกลับลุกขึ้นมานั่งบนเตียง คิบอมเหลือบไปมองก่อนจะเดินเข้าไปหาแล้วเอานิ้วเขกเบาๆที่หน้าผาก

     

    “เจ็บนะ” ร่างบางบ่นอู้อี้พลางเอามือลูบบริเวณที่โดนทำร้ายเบาๆ “แล้วไหนล่ะฮะหมอ?”

     

    “ยังไม่มาหรอก แล้วทำไมไม่นอน?”

     

    “เมื่อกี้ได้ยินเสียงเปิดประตู เลยไม่อยากนอนต่อแล้ว”

     

    “ฉันทำให้นายตื่นหรอ”

     

    “ไม่ฮะๆ ผมไม่อยากนอนแล้วจริงๆนะ”

     

    “นอนลงซะ  นี่คือคำสั่ง” เมื่อได้ยินอีกคนพูดแบบนั้น คนที่โดนสั่งก็เบ้ปากเล็กน้อยก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดถึงลำคอของตัวเอง ร่างสูงทิ้งตัวลงนั่งข้างๆก่อนจะหาหนังสือมาอ่าน เสียงของคนตัวเล็กอู้อี้ขึ้นอีกครั้งทำเอาต้องละสายตาจากหนังสือชั่วคราว

     

    “คิบอม....รักผม...ที่ตรงไหน?”

     

    “ฉันบอกหรอว่ารักนาย”

     

    “คิบอมกำลังทำให้ผมเสียความมั่นใจ”

     

    “................”

     

    “................”

     

    “ถ้าจะบอกว่า....เห็นหน้านายครั้งแรก แล้วฉันก็ชอบเลยล่ะ จะว่ายังไง?”

     

    “ผมไม่เข้าใจ หมายความว่าคิบอมเคยเห็นผมมาก่อนหน้านั้นงั้นหรอ?”

     

    “นอนเสียเถอะคนดี อย่าคิดอะไรให้ปวดหัวไปมากกว่านี้อีกเลยนะ”

     

     

     

     

     

     

    “แม่ครับ ผมกลับมาแล้ว”

     

    คนที่เพิ่งกลับมาถึงบ้านโผเข้าหาผู้เป็นแม่พลางโถมกอดด้วยความคิดถึงทำเอาคนที่เดินลากสัมภาระของคนสวยตามเข้ามาต้องหยุดดูด้วยสายตาที่อ่อนโยนกับการกระทำที่คล้ายเด็กแม้เจ้าตัวจะเถียงสุดขาดใจดิ้นว่าแก่กว่าเขาก็ตาม ซีวอนหยุดตัวเองไว้เพียงที่หน้าประตูก่อนจะยืนมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกที่ผสมปนเปกันไป

     

    ใช่ว่าจะไม่เคยมีแบบนี้.............หากแต่มันนานมาแล้วก็เท่านั้น

     

    “ซีวอน? เข้ามาสิลูก เอ๊ะนั่น?? สัมภาระของฮีชอลรึเปล่า”

     

    “ใช่ฮะ”

     

    “ฮีชอล! ทำไมให้น้องแบก แล้วทำไมเราไม่ถือเอง หื้อ?”

     

    “อะไรกัน~ ก็อยู่ที่ไทยหมอนี่แกล้งผมสารพัดแม่ไม่รู้หรอก ฉะนั้นเพื่อเป็นการทำโทษนั่นคือวิธีการที่ถูกต้องที่สุดแล้ว อีกอย่าง.....นายเองก็เต็มใจใช่มั้ย  ซีวอน^^

     

    น้ำเสียงหวานๆที่ทอดยาวถ้าหากว่าไม่ใช่ในสถานการณ์แบบนี้คนตัวใหญ่คนจะวิ่งเข้าไปกอดแล้วจูบปากบางๆนั่นให้บวมช้ำเสียให้เข็ด หากแต่ว่าเป็นการขู่บังคับให้เออออไปกับตัวของฮีชอลเองเพื่อที่จะไม่ได้ถูกกล่าวว่าอะไรจากมารดาของตัวเอง เจ้าตัวเลยส่ายหัวเบาๆจนคนสวยโดนแม่หยิกเบาๆเข้าที่ต้นแขน

     

    “ผมเจ็บนะแม่!

     

    “ก็ใครใช้ให้เราเอาแต่ใจแบบนี้ เอาของขึ้นไปเก็บ จัดการกับเสื้อผ้าเน่าๆของลูกด้วยนะ”

     

    “คร้าบแม่ ซีวอน! ลากกระเป๋าตามฉันขึ้นมา”

     

    “ฮีชอล!!

     

    “คร้าบๆ ยกเองก็ได้คร้าบออมม่า ซีวอนเอากระเป๋าฉันมานะ!” คนสวยตวาดแหวเพราะแทนที่ร่างหนาจะเอากระเป๋ามาให้เขากลับเดินดุ่มๆลากไม่สนใจใครขึ้นไปยังชั้นสอง ฮีชอลรีบวิ่งตามโดยมีสายตาของแม่มองตามขึ้นไปด้วยความเอ็นดู

     

    ไม่ใช่ไม่รู้ว่าลูกชายของเพื่อนคิดอะไรกับลูกชายของเธอ เพียงแต่ว่า.....ถามไปตอนนี้ก็จะเป็นการทำร้ายตัวเองซะเปล่าๆ

     

    “ขอบใจมาก ทีนี้นายก็ลงไปได้แล้วนะ” ฮีชอลเอ่ยขึ้นหลังจากที่มาหยุดอยู่ที่หน้าห้องของตัวเองพลางเปิดประตูแล้วแทรกตัวเข้าไปในห้อง หากแต่อีกคนกลับใช้ท่อนแขนดันประตูเอาไว้

     

    “อะไรกัน พี่จะไม่ให้ผมเข้าไปในห้องหน่อยหรอ”

     

    “ให้เข้าไปในห้องงั้นหรอ? ไม่มีทางซะหรอก! คนที่เพิ่งข่มขืนฉันไปหมาดๆ จะยอมให้เข้าห้องไปได้ยังไง”

     

    “ข่มขืนหรอ? ไม่หรอกมั้ง เสียงครางงี้หวานเชียว”

     

    “ซีวอน!!!

     

    “อ้าวเรียกซะดัง กลัวจำชื่อสามีไม่ได้หรอครับ” ได้ยินน้ำเสียงยียวนกับใบหน้ากวนประสาททำเอาคนสวยชักฉุนถึงกับเผลอกระแทกประตูใส่ท่อนแขนล่ำๆของซีวอนจนเจ้าตัวร้องโอ๊ยพลางทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้น พอเห็นอย่างนั้นก็เลยปิดประตูแล้วเดินเข้าห้องไปโดยไม่สนใจกลับไปจัดการกระเป๋าเสื้อผ้าของตัวเอง แต่พอได้ยินเสียงร้องที่ไม่ยอมหยุดก็ทำเอาใจสั่นเพราะไม่คิดว่าจะเจ็บจริงๆ ฮีชอลหยุดมือจากการรื้อเสื้อผ้าก่อนจะเปิดประตูห้องออกมายังเห็นซีวอนนอนกุมแขนอยู่ท่าเดิม เจ้าตัวเลยย่อตัวลงไปก่อนจะแตะที่แขนเบาๆ

     

    “เจ็บจริงๆหรอ”

     

    “ผมนอนขนาดนี้แล้วเจ็บหลอกๆครับ”

     

    “ซีวอน- -

     

    “ก็พี่อะ......โอ๊ย! อย่าบีบแรงสิ ผมเจ็บนะ”

     

    “มันเจ็บขนาดนั้นเลยหรอ ฉันบีบเบาๆเองนะ”

     

    “เมื่อกี้พี่กระแทกแรงมากไม่รู้หรอ......โอ๊ย!ผมเจ็บจริงๆนะพี่!

     

    “พูดจาซะส่อ- - ตกลงว่าเจ็บจริงๆปะเนี่ย” พูดพลางถกแขนเสื้อของอีกฝ่ายดูพบเป็นรอยแดงๆเลยรู้สึกผิดนิดหน่อย

     

    “เดี๋ยวฉันลงไปเอาน้ำแข็งมาประคบให้ รอแปปนะ”  ฮีชอลพูดเสียงอ่อยๆก่อนจะพาคนตัวโตที่เจ็บแขนให้นั่งลงบนเตียงที่ตัวเองหวงนักหวงหนา แล้วเดินลงไปข้างล่างเพื่อหยิบน้ำแข็งและผ้าขึ้นมาประคบคนขี้สำออยที่นั่งอยู่บนห้อง

     

    บนห้อง!?!

     

    ตูจะให้มันนั่งอยู่ในห้องทำไมฟะเนี่ย! บนเตียงอีกต่างหาก

     

    พอคิดได้ก็โยนของในมือลงในอ่างล้างจานแล้วรีบวิ่งขึ้นห้องก่อนจะเห็นไอ้คนที่นอนร้องโอดโอยจะเป็นจะตายเมื่อครู่กำลังนอนกลิ้งลงบนเตียงโดยมีอัลบั้มภาพของเขาในตอนเด็กๆอยู่ในมือ ฮีชอลกระโดดคว้าอัลบั้มภาพมาไว้ในมือ

     

    “ยิ้มอะไร!

     

    “แค่ดีใจ ที่พี่กระโดดขึ้นมาคร่อมผมไว้เนี่ย อยากออนท๊อปก็ไม่บอก”

     

    “ทะลึ่ง! หัวนายก็มีแต่เรื่องแบบนี้ ปล่อยฉันนะ” ฮีชอลดิ้นขลุกขลักก่อนจะดิ้นหนักมากขึ้นไปอีกเมื่อมือใหญ่เริ่มเลื้อยไปยังสะโพกของตัวเอง

     

    “ซีวอน!!!!

     

    “ครับ”

     

    “ทะลึ่งใหญ่แล้วนะ!......นี่ ฉันยังเจ็บอยู่นะโว้ยยยยยย”

     

    เมื่อถูกเค้นที่สะโพกหนักๆเข้าคนสวยก็เริ่มร้องโวยวายก่อนจะโยนอัลบั้มภาพในมือทิ้งแล้วกดแขนทั้งสองข้างของคนตัวใหญ่ลงกับเตียง รอยยิ้มหวานเคลือบยาพิษถูกแต่งบนใบหน้าหวานซ้ำแล้วซ้ำเล่าทำเอาคนมองต้องกลืนน้ำลายเอกใหญ่ด้วยความตื่นเต้น

     

    “อยากลองเคะดูมั้ยซีวอน จะได้รู้ไงว่าเวลาถูก แทง เป็นยังไง”

     

    “ไม่ดีกว่าครับ^^ ผมว่าพี่เหมาะสมกับตำแหน่งนี้ดีแล้ว”

     

    “แต่แหม~ ถ้าจะให้มองว่านายสวยน่ะ ฉันก็มองได้นะ”

     

    “พี่มองว่าผมหล่อมันก็ดีอยู่แล้วนะ” คนที่เกือบจะโดนมองว่าสวยกลืนน้ำลายอีกครั้งเพราะมือบางที่ไล้ไปทั่วแผงอกของเขาเบาๆทำเอาขนลุกเกรียวไปตามๆกัน อยากจะพลิกตัวกลับไปคร่อมคนสวยใจจะขาดแต่ก็ยังอยากรู้ว่าคนสวยจะทำให้เค้าตื่นเต้นได้ขนาดไหน

     

    “ไม่เล่นดีกว่า เอาล่ะเด็กน้อยเอ๋ย ออกไปจากห้องฉันได้แล้ว”

     

    จู่ๆฮีชอลก็ทำท่าจะถอยออกจากตัวเขาทำเอามือหนาเลื่อนไปจับสะโพกบางอย่างรวดเร็วแล้วจับคนสวยให้ลงมานอนอยู่ใต้อาณัติของเขาทันที แน่นอนว่าเสียงโวยวายตามมาอย่างทันท่วงที

     

    “ปล่อยนะ! ฉันจะไปเก็บของ”

     

    “พี่ทำผมตื่น”

     

    “แล้วที่นายลืมตาอยู่ตอนนี้หลับใช่มั้ยฮะ!

     

    “ที่เป้าผม= =*

     

    “ไปช่วยตัวเองไป๊!!!!!





    ตัวอย่างในตอนต่อๆไป
    "แม่ไม่ยอมให้ลูกแต่งงานกับเด็กนั่นเด็ดขาด!!"

    "ผมก็ไม่ได้คิดจะแต่งงานกับทงเฮอยู่แล้ว"

    ..............................

    .......................

    ..................

    "สุดท้ายที่คิบอมหาคำตอบที่ว่าย้ายผมมาทำไมไม่ได้ ก็เป็นเพราะว่าเหตุผลของคิบอมคือเห็นผมเป็นเพียงของเล่นใช่มั้ย?"

    ..............................

    ...................

    "พี่รักนายนะ ทงเฮ"

    "อย่าเพิ่งพูดมันออกมาเลยฮะรุ่นพี่ เพราะขนาดคนที่ผมคิดว่าเขารักผมจริงๆ สุดท้ายผมยังได้เป็นเพียงแค่ของเล่นชิ้นหนึ่งของเค้า"

    ......................................

    ...........................

    .................

    "ผมติดสินใจแล้วฮะ ผมจะกลับมัธยมซองจิน"

    ".................."

    "ยังไงรบกวนคิบอมช่วยทำเรื่องย้ายกลับให้ผมด้วยนะ...."

    "อย่าไปนะ........ทงเฮ"

    "................"

    "อย่าไปจากฉัน  อยู่เป็นความสุขของฉันตลอดไปจะได้มั้ย?"

    ..................................................

    ...................................

    .........................

    ..............

    "ทุกอย่างจบแล้วฮะคิบอม  ตอนนี้ผมกับรุ่นพี่ยุนโฮ เรากำลังเริ่มต้นกัน ด้วยความรู้สึกที่ดีแน่นอน"






    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    ตังค์อยากคุย-..-

    กราบสวัสดีรีดเดอร์ทุกท่านและมิตรรักแฟนฟิคของตังค์ทุกคน(จะมาหาเสียงใช่มั้ย?)
    ตังค์หายไปนานมากสำหรับการอัพฟิค แต่ขยันอัพอะไรไม่รู้บ้าบอคอแตกบ่อยๆ- -;; ซึ่งอาจจะดราม่าบ้าง ไร้สาระบ้าง- - แต่ตังค์ยังอยากติดต่อกับรีดเดอร์อยู่นะT^T ก็เลยออกมาอย่างที่เห็นนั่นแหละ
    ตอนนี้ใช้เวลาแต่งนานที่สุดเพราะตบตีแย่งชิงไอพดอเพื่อนมานั่งแต่งเนื่องจากคอมก็ไม่ค่อยได้เปิด ก็เลยนั่งแต่งในไอพอดไปก่อน- -พล๊อตมาตอนไหนก็กระชากหัวเพื่อนมาแล้วบอกว่า เอาไอพอดมากุจะแต่งฟิค อะไรเทือกนี้
    ตอนแรกว่าจะเป็นคิเฮทั้งหมด แต่เกิดอาการตื้อและไปต่อไม่ถูกเลยจัดอันดับความอยาก(?)แต่งของตัวตังค์เอง ผลเลยออกมาได้วอนซินเป็นตัวปิดตอน แบบน่ารัก(หื่นๆ)กันไป-..-


    อย่างที่มีอัพเดท= = ตังค์กำลังจะทำเป็นรูปเล่มให้ได้ซื้อเก็บไว้เป็นที่ระทึกหูระทึกตา และตอนนี้กำลังหาคนออกมาแบบปกฟิคหลายๆคนเพื่อหาปกฟิคที่งามตาที่สุดในความคิดของรีดเดอร์ ซึ่งจะปิดรับเร็วๆนี้แล้ว= =;;(ทำไมมันเร็ว?)
    ตังค์จะจบเล่มแรกด้วยตอนนี้เพราะตอนต่อไปมันจะเป็นเนื้อหาที่เข้าสู่วงโคจรของหลักความเป็นจริงในปัจจุบันซักนิดนึง (จะพูดซับซ้อนเพื่อ?)
    เอาเป้นว่า อย่างที่เห็น แม่ของคิบอมกลับมาแล้ว และตัวแม่เนี่ยแหละที่จะเป็นตัวดำเนินเรื่องต่อในเล่มหน้า(ตอนหน้าด้วย) เข้มข้นกว่าตอนที่ผ่านๆมาแน่นอนหลังจากตอนนี้ไป 


    ขอบคุณรีดเดอร์ทุกๆคนที่ยังเม้นต์และคอยให้กำลังใจกับตังค์ ขอบคุณมากนะคะ^^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×