ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 2 : แขกที่ไม่ได้รับเชิญ
Chapter 2 : แขกที่ไม่ได้รับเชิญ
“นี่ซองมิน! นาย! ตื่นได้แล้ว!” คยูฮยอนเขย่าตัวรูมเมทของตัวเองไปมาเบาๆเพื่อต้องการปลุกให้ตื่น แต่นี่ก็ผ่านมาซักระยะแล้วซองมินก็ไม่ยอมลุกเสียที
“อื้มม ขอนอนอีกนิดนะ” เมื่อโดนกวนมากๆเข้าซองมินเลยขยับตัวหนีหันไปอีกทางพร้อมกับดึงผ้าห่มมาคลุมโปงจนมิด
“นายจะไม่ไปเรียนหรือไง!” คยูฮยอนปีนขึ้นไปนั่งบนเตียงของซองมินแล้วกระชากผ้าห่มออก ที่จริงเขาก็ไม่ได้อยากยุ่งอะไรมากมายนักหรอก แต่เพราะเมื่อวานซองมินบอกให้เขาช่วยปลุกแล้วก็รับปากไปแล้วด้วย อีกอย่างเขาสองคนเป็นรูมเมทกัน ต่อไปมีอะไรเกิดขึ้นก็ต้องช่วยเหลือกัน
“ซองมิน!” เมื่อดึงผ้าห่มออกก็เห็นคนตัวเล็กนอนกอดหมอนข้างเอาไว้แน่น ดูเหมือนเด็กทั้งท่าทางและนิสัยจนคยูฮยอนต้องส่ายหน้าไปมา มือเอื้อมไปจับไหล่เล็กหวังเพื่อจะให้หันหน้ามา แต่แล้วคยูฮยอนกลับต้องเบิกตากว้าง
“อย่ามายุ่งน่า!”
ขาของซองมินฟาดเข้าเต็มๆที่ต้นคอของคยูฮยอนจนหงายหลังตกเตียงไป ซองมินสะดุ้งตกใจตื่นขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงดังตุบ! ที่ข้างเตียง ส่วนคยูฮยอนเมื่อตั้งสติได้ก็ค่อยๆยันตัวลุกขึ้นมาจ้องหน้าคนที่นั่งทำหน้าสะลืมสะลืออยู่บนเตียงมือก็ลูบต้นคอตัวเองไปมา ดีนะที่เป็นเตียงเดี่ยว ถ้าเกิดเป็นเตียงสองชั้นล่ะก็ ดีไม่ดีคยูฮยอนอาจจะได้ขาดเรียนตั้งแต่วันแรกเลยก็ว่าได้
“คยู! นายไปนั่งทำอะไรอยู่ตรงนั้นน่ะ” ซองมินร้องถามออกไปด้วยความงงปนสงสัย ไม่ได้รู้เลยว่าตัวเองทำอะไรลงไป
เมื่อได้ฟังคำพูดของซองมินคยูฮยอนยิ่งรู้สึกโมโหเข้าไปใหญ่ คนอุตส่าห์ช่วยปลุก แต่กลับโดนถีบซะตกเตียง ความรู้สึกตอนนั้นอย่างกับโดนไม้หน้าสามฟาดเอายังไงยังงั้น
“อ๊ะ! หรือว่า! คยูฉันขอโทษ!” ซองมินเห็นอาการนิ่งๆกับมือที่ลูบลำคอไปมาของคยูฮยอนก็พอจะเดาได้ลางๆ นี่เขาคงทำอะไรไม่ดีออกไปอีกแน่นอนคนตัวเล็กกว่าเลยรีบกระโดดลงจากเตียงเข้าไปดูอาการคยูฮยอนทันที
“นายนี่นะ!” คยูฮยอนทำได้แค่กัดฟันบ่นออกมา เขาไม่อยากจะว่าหรือด่าอะไรเพราะซองมินก็คงไม่ได้ตั้งใจ แต่มันก็อดโมโหไม่ได้จริงๆ
“ฉันขอโทษนะคยู” คงเป็นคำเดียวที่ซองมินจะพูดได้ตอนนี้ ก็ดูหน้าคยูฮยอนเข้าสิ บึ้งตึงจนเขาไม่กล้าจะเข้าใกล้เลยตอนนี้ คงจะโกรธมากๆ
“นายน่ะนอนให้มันดีๆหน่อยไม่ได้หรือไง ปลุกยากแบบนี้ต่อไปฉันจะไม่ปลุกแล้วแล้วนะ” คยูฮยอนลุกขึ้นเดินไปหยิบกระเป๋าที่วางอยู่บนเตียวตัวเองขึ้นมาสะพาย
“เจ็บมากเลยเหรอ ฉันขอโทษนะคยู” ซองมินพูดเสียงอ่อย เดินเข้าไปใกล้คยูฮยอนเอื้อมมือไปหวังจะดูรอยที่ตนเองทำไว้
“ฉันจะไปเรียนแล้ว นายก็รีบๆเข้าล่ะ” เมื่อหันมาเห็นคยูฮยอนก็เบี่ยงตัวหลบเล็กน้อยแล้วเดินออกไปจากห้องทันที วันนี้อารมณ์ไม่ดีแต่เช้าเลย
“รอฉันด้วยสิ!” ซองมินรีบวิ่งเข้าห้องน้ำเพื่อจัดการธุระส่วนตัวอย่างเร่งรีบ เขาไม่น่าทำให้คยูฮยอนโกรธเลย ความประทับใจแรกพบมันช่างไม่มีเลยจริงๆขนาดเป็นคนขอให้ปลุกแต่ดันถีบคยูฮยอนซะตกเตียง
ซองมินรีบจัดการธุระส่วนตัวจนเสร็จก่อนจะออกจากห้องมาด้วยความรีบร้อน หวังเพื่อจะตามคยูฮยอนให้ทัน แต่มันก็คงเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ขาสั้นๆอย่างซองมินกับขายาวๆอย่างคยูฮยอน กว่าซองมินจะแต่งตัวเสร็จคยูฮยอนก็คงเดินถึงคณะเรียบร้อย ที่สำคัญซองมินยังไม่รู้เลยว่าคยูฮยอนเรียนคณะอะไร เบอร์โทรศัพท์ก็ยังไม่ได้แลกไว้เพราะเมื่อวานซองมินเอาแต่พูดเรื่องของตัวเองอย่างเดียว
“โดนโกรธซะแล้ว” เมื่อวิ่งออกมาถึงหน้าหอพักเหล่านักศึกษาก็เดินกันให้พล่านไปหมด ซองมินเลยทำได้แค่พึมพำเบาๆคนเดียวเท่านั้น พลางมองซ้ายมองขวา ก่อนจะยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู ตอนนี้มันก็ใกล้เวลาที่เขาจะต้องเข้าเรียนแล้วเหมือนกัน
“ตอนเย็นค่อยง้อแล้วกัน” ซองมินถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนจะเดินมุ่งหน้าไปยังตึกคณะของตัวเอง
“เยซองจะไปพร้อมกันเลยหรือเปล่า” หลังจากที่แต่งตัวเสร็จแล้วเรียวอุกก็ตะโกนถามรูมเมทของตนเองที่ยังคงไม่ออกมาจากห้องน้ำ วันนี้ดูเขาจะตื่นเต้นเป็นพิเศษกับการได้เป็นนักศึกษาวันแรก
“ไปสิ” คนที่อยู่ในห้องน้ำตะโกนตอบกลับมา เรียวอุกยิ้มบางๆก่อนจะเดินไปนั่งรอที่เตียง
ถ้าเทียบระหว่างเมื่อวานกับวันนี้เยซองกับเรียวอุกดูสนิทสนมกันมากขึ้น โดยตกลงกันว่าจะทำตัวเป็นกันเองและไม่ใช้คำพูดที่มันสุภาพจนเกินไป
ไม่นานเยซองก็ออกมาจากห้องน้ำและรีบแต่งตัวเพราะกลัวว่าเรียวอุกจะรอนาน เมื่อเสร็จเรียบร้อยก็เดินมาหาเรียวอุกที่นั่งรออยู่
“ไปกัน” เอ่ยแล้วยิ้มตาหยีให้ เมื่อเรียวอุกลุกขึ้นก็ใช้แขนกอดคอคนตัวเล็กไว้ทันที
เรียวอุกหันมายิ้มให้อีกครั้งแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรกับการกระทำที่เขาคิดว่าที่ถึงเนื้อถึงตัวเกินไปของเยซองคงเพราะเยซองอยากจะสนิทกับเขาให้มากๆล่ะมั้ง
“อ๊ากกกก!!!! ไอ้โรคจิต!!! ทำไมไม่ไปเปลี่ยนในห้องน้ำ!!!” เสียงโวยวายของฮีชอลดังขึ้นแต่เช้า เพราะเมื่อเจ้าตัวตื่นขึ้นมาดันเห็นรูมเมทที่ตั้งสมญานามให้ว่า ไอ้โรคจิต กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ตรงหน้า
“นี่มันกี่โมงแล้วไม่เห็นหรือไง!! นายน่ะเลิกโวยวายซักที!! น่ารำคาญ!!” ซีวอนหยิบกางเกงมาใส่ ปากก็เถียงฮีชอลกลับโดยที่ตาไม่ได้มองคนที่โวยวายอยู่บนเตียงเลยซักนิด เมื่อจัดการตัวเองเสร็จแล้วก็ทำท่าจะออกไปจากห้องทันที
“นี่นายด่าฉันเหรอห๊ะ!” เมื่อโดนว่าแบบนี้มีหรือคนอย่างฮีชอลจะยอม ลุกขึ้นจากเตียงทำท่าจะไปหาเรื่องซีวอนแต่กลับโดนปิดประตูใส่หน้าซะดังลั่น
ปัง!
พอปิดประตูลงเท่านั้นเสียงโวยวายของฮีชอลก็ดังมาอีกระลอก ซีวอนที่ยืนอยู่หน้าห้องเลยได้แต่ถอนหายใจหนักๆออกมา ไม่รู้เขาจะทนอยู่กับรูมเมทขี้โวยวายคนนี้ไปได้นานเท่าไหร่กัน
ช่วงขายาวก้าวเดินไปยังบันไดอย่างเร่งรีบเพราะห้องของซีวอนอยู่ด้านในสุดซึ่งห่างไกลจากทางขึ้นลงที่สุด และมันก็ลำบากพอสมควร ไม่เข้าใจว่าทำไมมหาวิทยาลัยถึงไม่ทำทางขึ้นสองทางนักศึกษาที่อยู่ห้องในสุดอย่างเขาจะได้ไม่ต้องลำบากเดินไกลแบบนี้
“นายน่ะเลิกบ่นซักทีสิฮันคยอง ฉันจะสายอยู่แล้วนะ”
“นายก็หัดทำอะไรให้มันเรียบร้อยซะบ้างสิ”
บทสนทนาที่ดังขึ้นดึงความสนใจจากซีวอนให้หันไปมองได้อย่างไม่ยากนัก เพราะดูเหมือนคนๆนั้นจะประสบวิบากกรรมแนวๆเดียวกับเขา ประตูห้อง 1348 เปิดออกพร้อมกับเจ้าของห้องทั้งสองคนที่เดินออกมา คนหนึ่งตัวเล็กผอมบาง อีกคนตัวสูงดูนิ่งสุขุม
“เฮ้ย! ฮันคยอง” ซีวอนร้องทักออกมาอย่างตกใจ เมื่อเห็นเพื่อนเก่าที่รู้จักกันตอนเขาได้เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่จีน คนที่โดนเรียกเงยหน้าขึ้นมองแล้วยิ้มกว้างก่อนจะรีบเดินตรงเข้ามาหา
“ทำไมมาเรียนที่นี่ได้วะ คราวนี้เป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยนหรือไง” ทั้งสองกอดคอกันอย่างสนิทสนม ก่อนที่ซีวอนจะเป็นคนเริ่มบทสนทนาขึ้น ฮันคยองเป็นคนที่เรียนเก่งมาก ซีวอนจึงไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่นักที่ได้เห็นคนๆนี้ที่นี่
“เปล่าว่ะ คราวนี้ได้ทุน” ฮันคยองตอบหน้านิ่งๆ พูดจบก็ยิ้มออกมาบางๆ คำพูดที่ใช้สื่อสารกันนั้นดูสนิทสนมอย่างมาก
ฮยอกแจที่มองดูอยู่นั้นก็ได้แต่เบ้ปากเมื่อเห็นฮันคยองทำตัวเป็นกันเองกับเพื่อนคนอื่น แต่กับรูมเมทอย่างเขานี่สั่งอย่างกับพ่อ
“ฉันไปเรียนแล้วนะ” พูดจบฮยอกแจก็เดินจากไปทันที พอเจอเพื่อนแล้วลืมเขาเลยล่ะ นี่แหละหนอคนจีน
“รูมเมทนายน่ารักดีว่ะ” ซีวอนมองตามฮยอกแจไปแล้วหันกลับมายิ้มเจ้าเล่ห์ให้ฮันคยอง ตัวเล็กๆขาวๆปากแดงๆแบบนี้แหละ สเป๊กเขาเลย ดูดีกว่ายัยฮีชอลขี้วีนรูมเมทเขาตั้งเยอะถึงจะสวยไม่เท่าก็เถอะ
“ดีแต่หน้าตาล่ะสิ” ฮันคยองพูดแล้วก็ส่ายหน้าไปมา
“เพิ่งอยู่ด้วยกันแค่วันเดียวจะไปรู้ได้ไง ว่าแต่ชื่อไรวะ” ซีวอนยังคงถามต่อหน้าตาระรื่นเมื่อเจอเรื่องที่ตนเองสนใจ โดยลืมไปเลยว่าตอนนี้กำลังรีบอยู่
“ฮยอกแจ แล้วนายจะไปเรียนได้ยัง” ตอบออกมาเสียงเรียบแล้วยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู เวลาตอนนี้ก็ใกล้จะได้เวลาเข้าเรียนแล้ว ไม่ไปสายตั้งแต่วันแรกคงไม่ดีแน่
“เออว่ะ! ฉันไปก่อนนะ!” ว่าแล้วซีวอนก็วิ่งลงบันไดไปทันที ปล่อยให้ฮันคยองได้แต่ยืนส่ายหน้าไปมา
“อะไรของมัน” ฮันคยองได้แต่บ่นอยู่คนเดียวก่อนจะออกเดินตามคนอื่นๆไป ระหว่างทางก็เจอกับเพื่อนร่วมหอมากมาย ยิ้มทักทายกันไปตามประสาคนอยู่หอเดียวกัน บวกกับหน้าตาและท่าทางดูท่าแล้วฮันคยองจะเป็นที่สนใจของเพื่อนร่วมหออยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
“คิบอมไปส่งฉันที่คณะหน่อยสิ” น้ำเสียงออดอ้อนดังออกมาจากปากดงแฮนับครั้งไม่ถ้วนตั้งแต่เมื่อวานหลังจากที่อ้อนจนได้เตียงนอนด้านในสำเร็จ ดงแฮเลยออกอาการอ้อนแบบนี้กับคิบอมตลอดเวลาเมื่ออยากจะได้หรือต้องการอะไร
“ทำไมต้องไปส่งด้วยล่ะ อยู่ใกล้แค่นี้เอง” คิบอมถามเสียงเรียบพลางมองไปยังตึกข้างๆ ที่เดินไปเพียงไม่กี่เมตรก็ถึง
“ก็อยู่ใกล้แค่นี้เอง คิบอมไปส่งฉันหน่อยไม่ได้เหรอ” ดวงตาใสๆที่จ้องมองมาทำเอาคิบอมต้องเบียนหน้าหนี ดงแฮกระพริบปริบๆให้ดูน่าสงสาร ริมฝีปากเม้นน้อยๆ ทำแก้มป่องนิดๆให้ดูน่ารักน่าชัง ไม่ได้เป็นการเสแสร้งเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ แต่มันกลายเป็นนิสัยติดตัวที่ใครๆต่างบอกว่าน่ารักไปเสียแล้ว
คิบอมยังคงใช้ความเงียบเป็นคำตอบ เบียนหน้าหนีไม่ให้สบกับดวงตาใสๆนั่นแล้วต้องใจอ่อนอีก ก็แค่เดินไปตึกคณะตัวเองที่ห่างออกไปแค่ไม่กี่เมตร เดินไปเองไม่ได้หรือไงนะ
“ไปส่งแค่นี้ไม่ได้ใช่มั้ย! คิบอมใจร้ายที่สุดเลย!” ดงแฮทำเสียงงอน แล้วสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง
เมื่อได้ยินดงแฮพูดแบบนี้คิบอมก็หันหน้ากลับมาทันที เห็นดงแฮยืนกอดอกทำหน้าบึ้งตึง แล้วก็ต้องถอนหายใจออกมากับนิสัยเด็กๆของดงแฮ นี่เพิ่งรู้จักกันแค่วันเดียวดงแฮยังทำตัวขี้อ้อนขี้งอนได้ขนาดนี้ แล้วต่อไปเขาไม่ต้องยอมดงแฮไปทุกอย่างเลยหรือยังไงกันเมื่อวานเพิ่งบอกว่ารักเขา วันนี้ว่าเขาใจร้ายซะอย่างนั้น
“ก็ได้” คิบอมตอบออกมาเสียงเบา ทำเอาดงแฮยิ้มกว้างทันที ร่างเล็กรีบถลาเข้ามาควงลำแขนแข็งแรงเอาไว้ แล้วพาออกเดินไปทางตึกคณะตัวเองทันที
“เด็กบ๊องเอ้ย!” เสียงทุ้มพึมพำคนเดียวเบาๆ สายตาจับจ้องที่หัวถุยๆของดงแฮแล้วก็ยิ้มบางๆออกมา ให้ตายสิ รูมเมทเขานี่น่ารักจริงๆ
เวลาช่วงเช้าของวันช่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว นักศึกษามากมายเดินขวักไขว่อยู่ในโรงอาหารของแต่ละคณะ แต่หลายคนกลับรอคอยเวลาช่วงเย็นที่กำลังใกล้จะมาถึงมากกว่า เพราะคืนแรกของเปิดเทอมใหม่จะมีการจัดเลี้ยงของหอพัก ซึ่งงานนี้จะไม่มีเหล่าครูอาจารย์เข้ามาเกี่ยวข้อง ปล่อยให้นักศึกษาได้ปลดปล่อยกันเต็มที่ก่อนจะเริ่มการเรียนที่แสนจะหนักอึ้งตลอดทั้งปีการศึกษา
“คืนนี้เขาอนุญาตให้ดื่มแอลกอฮอล์ได้ด้วยนะ” เพื่อนร่างท่วมร่วมคณะอีทึกพูดขึ้นขณะที่กำลังยัดขนมปังเข้าปากหลังจากจัดการกับอาหารจานหลักไปเรียบร้อยแล้ว
“แบบนี้ก็ได้เมาเละเลยอ่ะดิ” อีทึกวางแก้วน้ำที่เพิ่งดื่มเสร็จลงกับโต๊ะ เขาชอบงานเลี้ยงอยู่นะ แต่นี้มันเป็นงานเลี้ยงของหอพักชาย มีแต่ผู้ชาย แล้วคิดดูพอพวกผู้ชายเมาอะไรมันจะเกิดขึ้น
“แต่มันก็น่าสนุกดีไม่ใช่เหรอ”
“แต่ฉันไม่ชอบกินเหล้า” อีทึกตอบแล้วเบ้ปาก นึกถึงแอลกอฮอล์แล้วไม่อยากจะนึกภาพตัวเอง ไอ้พวกของมึนเมาเข้าปากเขาเมื่อไหร่ล่ะจบกัน คนๆนั้นจะไม่ใช่ปาร์คจองซูคนนี้อีกต่อไป แล้วมันก็จะทำให้ภาพพจน์เขาเสียไปด้วย
“นายก็อย่าไปกินมันก็สิ้นเรื่อง” ชินดงเสนอความเห็นแล้วก็ยัดขนมปังชิ้นต่อไปเข้าปาก ไม่รู้ว่าอีทึกจะไปอะไรหนักหนากับแค่มีแอลกอฮอล์ในงานซึ่งมันก็เป็นปกติของงานเลี้ยงอยู่แล้ว
“งั้นฉันไม่อยู่ในงานเลี้ยงเลยจะดีกว่า”
“อีทึก! งานเลี้ยงหอน่ะมีแค่ปีละครั้งเองนะ นายอย่าอคติให้มากนักเลย!” ชินดงใช้อารมณ์นิดหน่อยในการพูด เพราะเริ่มจะรู้สึกหงุดหงิดอีทึกขึ้นมาตงิดๆ ที่บอกว่าจะไม่ไปงานเลี้ยงของหอ
“ฉันก็แค่บอกว่าฉันไม่ชอบเฉยๆ ไม่เห็นต้องใส่อารมณ์เลยหนิ” น้ำเสียงของอีทึกฟังดูอ่อนลงมากเมื่อเจอชินดงดุ เขาแค่ไม่ชอบแอลกอฮอล์เท่านั้นเอง
“ช่างมันเถอะ....หันไปข้างหลังสิ พ่อบอดี้การ์ดนายยืนอยู่นั่นน่ะ” ชินดงเบ้ปากไปข้างหลังของอีทึกเมื่อคนๆหนึ่งกำลังเดินมา
เมื่ออีกทึกหันไปมองก็พบกับคังอินกำลังส่งยิ้มมาให้พร้อมกับเดินตรงมาที่โต๊ะที่เขานั่งอยู่ อีทึกจึงส่งยิ้มกลับไปให้
“นั่งด้วยคนได้มั้ย” คังอินเอ่ยถามเมื่อเดินมาถึง
“นั่งสิ เพิ่งเลิกเหรอ” อีทึกเขยิบที่ให้คังอินข้างๆตน
“ซักพักแล้วล่ะแต่หาที่นั่งไม่ได้” คังอินยิ้มตาหยีกลับไปให้ ที่เขาได้ทานข้าวช้าก็ไม่ใช่อะไร ตึกคณะนี้ก็ไม่ใช่คณะที่เขาเรียนอยู่แถมยังต้องมองหาอีทึกอยู่พักใหญ่กว่าจะเจอ แต่เพื่อให้ได้อยู่ใกล้นางฟ้าคนสวย คังอินคนนี้ยอมเสียเวลาอยู่แล้ว
“ว่าแต่ทำไมมากินข้าวถึงที่นี่เลยล่ะ” อีทึกยกน้ำขึ้นมาดื่มพลางเอียงคอถามอย่างน่ารัก ทำเอาคังอินแทบละลายเลยทีเดียว
“คิดถึงนายไง” สายตาหวานเยิ้มถูกส่งไปให้รูมเมทที่ตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น อีทึกได้แต่ยิ้มแหยๆกลับมาให้กับคำพูดตรงๆของคังอินส่วนชินดงทำท่าจะอ้วกแล้วตอนนี้ เพราะคังอินเล่นพูดจาหวานเลี่ยนกับอีทึกแบบนี้ตั้งแต่ช่วงเช้าตอนมาส่งที่คณะ แถมบอกไว้ว่าตอนเย็นจะมารับกลับด้วยกัน แต่ไม่นึกว่าตอนกลางวันจะมาทานข้าวด้วยอีก ชินดงเลยเรียกคังอินว่าบอร์ดดี้การ์ดส่วนตัว
“ฉันว่าฉันไปดีกว่านะ” พูดจบชินดงก็ลุกเดินออกไปจากโรงอาหารทันที อีทึกที่กำลังจะเรียกรั้งไว้เลยได้แต่เงียบเพราะสายตาของคังอินที่กำลังมองอยู่ แถมคังอินเพิ่งจะได้ทานข้าว ถ้าเขาลุกออกไปอีกคนก็จะไม่สมควรเท่าไหร่นัก มันคงจะดูเสียมารยาทถ้าปล่อยให้คังอินนั่งทานข้าวคนเดียว
“ชินดงเขารีบไปไหนน่ะ” คังอินถามหน้าซื่อเมื่ออยู่ๆชินดงก็ลุกออกไป ไม่ได้รู้เรื่องเลยว่าต้นเหตุมากจากตัวเอง เพราะตัวแต่สนใจอีทึกคนเดียว
“เขาคงมีธุระสำคัญมั้ง” อีทึกหัวเราะแห้งๆขณะที่ตอบ เพราะสายตาของคังอินที่มองอยู่ตลอดเวลาเริ่มทำให้เขารู้สึกประหม่า
“แต่นายคงไม่รีบใช่มั้ย” คำถามนี้เหมือนจะออกแนวบังคับคำตอบซะมากกว่าสำหรับอีทึก เขาต้องตอบว่าไม่รีบใช่มั้ย
“จ๊ะๆ ไม่รีบ” อีทึกยิ้มบางๆกลับไปให้
เมื่อได้คำตอบคังอินก็ยิ้มตอบกลับมาก่อนจะได้เวลาลงมือทานอาหารกลางวันซักที ใจจริงนั้นอีทึกอยากจะตามชินดงไป แต่ก็ไม่กล้าพอกลัวคังอินจะโกรธที่อุตส่าห์มาหาแต่กลับโดนทิ้งไว้ให้นั่งคนเดียว เลยได้แต่นั่งท้าวคางมองคังอินที่ดูท่าจะมีความสุขไม่น้อยเลยทีเดียว
เริ่มเกิดความวุ่นวายขึ้นเล็กน้อยในช่วงบ่ายของวัน นักศึกษารุ่นพี่ที่เป็นหัวหน้าหอหรือบุคคลที่มียศตำแหน่งต่างๆ กำลังช่วยกันจัดเตรียมสถานที่ในการจัดเลี้ยงซึ่งจัดที่หน้าหอสิบสามเพราะบริเวณลานหน้าหอกว้างที่สุด ถึงแม้จะเป็นหอที่อยู่ไกลที่สุดก็ตาม
หลังเวลาเลิกเรียนเหล่านักศึกษาต่างมุ่งหน้ากลับหอของตัวเองทันที เรื่องที่ถูกหยิบยกมาพูดคุยคงหนีไม่พ้นเรื่องงานเลี้ยงหอพักประจำปีในคืนนี้ แต่สำหรับคนที่ไม่ได้พักที่หอพักของทางมหาวิทยาลัยนั้นไม่มีสิทธิ์เข้างานนี้ ซึ่งมีหลายคนออกปากบ่นว่าเสียดาย และเมื่อเทียบกันแล้วนักศึกษาที่เดินทางไปกลับนั้นมีมากกว่านักศึกษาที่อยู่หอมากทีเดียว
เมื่อตะวันลับขอบฟ้าแสงไฟก็ถูกเปิดแทนที่เพื่อให้ความสว่าง นักศึกษามากมายจากทุกหอมารวมตัวกันอยู่ที่งานเลี้ยงหน้าหอสิบสาม ถึงแม้จะมีบางคนที่ไม่ได้มาร่วมงานก็ตาม เสียงเพลงถูกเปิดดังกระทึ่มโดยไม่ต้องกลัวที่จะเกรงใจใครหรือจะมีใครมาว่า เครื่องดื่มและอาหารหลากสีสันถูกจัดวางที่โต๊ะเป็นแนวยาว เหล่านักศึกษาต่างขับกลุ่มพูดคุยทำความรู้จักกันอย่างออกรสออกชาติ
“นายเคยได้ยินเรื่องเล่าของหอพักที่นี่บ้างหรือเปล่า” หนุ่มร่างท้วมในกลุ่มนักศึกษากลุ่มใหญ่เปิดประเด็นขึ้น หลังจากที่ทำความรู้จักเพื่อนร่วมหอที่พักอยู่ชั้น 4 เหมือนกันได้ซักพักใหญ่แล้วและเรื่องที่พูดคุยนั้นก็หนีไม่พ้นเรื่องตำนานหรือเรื่องเล่าที่เคยได้ยินรุ่นพี่เล่าต่อกันมา
“หอพักที่นี่มีเรื่องเล่าด้วยเหรอ” เสียงใสๆของเพื่อนในกลุ่มถามขึ้น เพื่อนๆต่างหันไปมองคนถามก่อนจะหันกลับไปคนเล่าอีกครั้ง
“มีสิ และเรื่องมันก็เกิดที่หอพักเราด้วย” พูดจบเหล่าเพื่อนก็เลิกคิ้วกันด้วยความสงสัยและอยากรู้อยากเห็น
“นายไปรู้มาจากไหนชินดง ไม่ใช่ว่าจะเล่าเรื่องบ้าบออะไรหลอกให้พวกเรากลัวหรอกนะ” เพื่อนที่ดูจะสนิทที่สุดกับคนเล่าพูดขึ้น อีทึกมองเพื่อนอย่างจับผิด เพราะไม่อยากอยู่กับกลุ่มคนที่ดื่มแอลกอฮอล์เลยโดนลากมาฟังเรื่องของชินดงแทน
“มันไม่ใช่เรื่องบ้าบอนะอีทึก มีคนเคยเห็นแล้วจริงๆ” คำว่าเคยเห็นแล้วจริงๆของชินดงทำเอาเหล่าเพื่อนเขยิบเข้าหากันในทันที ไม่ว่าเป็นใครก็คงเดาออกว่ามันคงไม่ใช่เรื่องตลกหรือน่าสนุกแน่ๆ
“นายก็เล่ามาเลยสิชินดง” คังอินพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าเพื่อนๆกำลังตั้งใจฟังกันอยู่
“แต่ก่อนหอพักของเราจะมีห้องอาบน้ำรวมอยู่ด้านหลังหอ แต่ตอนนี้ปิดไปแล้ว เพราะที่นั่นมีคนตาย” ชินดงมองไปที่ตึกก่อนที่ประโยคสุดท้ายเสียงจะค่อยๆเบาลง เวลาตอนนี้ก็เกือบเที่ยงคืนแล้ว แถมมุมที่พวกเขาเลือกมานั่งคุยกันก็อยู่ห่างจากพวกที่กำลังสังสรรค์กันอยู่พอสมควร
“คิบอมฉันกลัว” ดงแฮที่ไม่ค่อยชอบเรื่องแบบนี้ซักเท่าไหร่เขยิบตัวเบียดเข้าหาคิบอม ทั้งบรรยากาศและความมืดมันทำให้ดงแฮเริ่มกลัวซะแล้ว ทั้งที่ยังเล่าไม่ถึงไหนเลยด้วยซ้ำ
“มันไม่มีอะไรหรอกน่า” คนพูดไม่เก่งอย่างคิบอมก็ทำแค่ได้เพียงเท่านี้ อยากจะเอื้อมมือไปโอบดงแฮเอาไว้เหมือนกันแต่ก็ไม่กล้า
“เล่าต่อสิ” คยูฮยอนที่กำลังฟังอย่างตั้งใจพูดขึ้น เพราะตอนนี้บรรยากาศกำลังได้พอดี ถึงเขาจะไม่ค่อยเชื่อเรื่องแบบนี้ซักเท่าไหร่ แต่ก็ชอบฟังอยู่ไม่น้อย
“เมื่อสองปีที่แล้วมีคู่รักคู่หนึ่งทะเลาะกัน ถ้าฉันจำไม่ผิดพี่เขาน่าจะชื่อยุนโฮกับแจจุงนะ พี่เขารักกันมาก แต่วันที่เกิดเหตุพี่ยุนโฮผิดนัดพี่แจจุง พี่แจจุงเลยโกรธมากๆ ไม่ยอมคุยด้วยเลย จนตอนเย็นพี่แจจุงไปอาบน้ำที่ห้องอาบน้ำรวม พี่เขาเหยียบสบู่ที่ตกอยู่ที่พื้นแล้วลื่นตกลงไปในอ่างอาบน้ำ แล้วหัวพี่เขากระแทกกับขอบอ่างทำให้พี่แจจุงสลบแล้วก็จมน้ำตาย”
เล่ามาถึงตอนนี้ดูเหมือนวงที่ล้อมไว้ตอนแรกจะเล็กลง ดงแฮเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของคิบอมเรียบร้อยแล้วตอนนี้ เพราะกระแซะเข้าไปใกล้ทีละนิดจนคิบอมต้องยอมให้ดงแฮเข้ามาซุกอยู่ในอกของตัวเองซองมินเองก็กลัวแต่เพราะคิดว่าคยูฮยอนโกรธตัวเองอยู่เลยได้แต่เขยิบเข้าไปใกล้ๆก่อนจะจับชายเสื้อคยูฮยอนไว้ เรียวอุกนั่งกอดเข่าฟังอย่างตั้งใจอยู่ข้างๆ เยซองที่กอดคนตัวเล็กเอาไว้หลวมๆ ส่วนฮันคยองกับซีวอนนั่งอยู่รอบนอกกันสองคน
“ฉันไปห้องน้ำก่อนนะ” ฮีชอลบอกกับฮยอกแจที่นั่งใกล้ตัวเองมากที่สุดก่อนจะลุกออกไปเงียบๆในขณะที่ทุกคนกำลังตั้งใจฟังเรื่องที่ชินดงเล่าอยู่ซึ่งฮยอกแจก็พยักหน้ารับแล้วกลับไปตั้งใจฟังชินดงอย่างเดิม
“แต่เพราะพี่ยุนโฮกับพี่แจจุงนั้นพักอยู่คนละชั้นกัน เรื่องที่จะง้อนั้นก็ดูจะยากขึ้นเพราะตอนนั้นก็ดึกมากแล้ว พี่ยุนโฮก็เกรงใจรูมเมทพี่แจจุง เลยโทรไปหาแต่รูมเมทพี่แจจุงรับแล้วบอกว่าพี่แจจุงไปอาบน้ำที่ห้องน้ำรวม พี่ยุนโฮเลยตามไปหาพี่แจจุงแล้วก็เห็นพี่แจจุงจมน้ำตายไปแล้ว”
“แล้วอย่าบอกนะว่าพี่ยุนโฮฆ่าตัวตายตาม” อีทึกแทรกขึ้นมาเมื่อดูเหมือนตัวเองจะเดาเรื่องถูก และก็เป็นไปตามความคาดหมาย
“ก็เกือบถูกนะ พี่ยุนโฮเสียใจมาก แต่ที่จริงแล้วพี่ยุนโฮเค้าไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าตัวตายตาม พี่เค้าดันไปเหยียบสบู่ก้อนเดียวกับพี่แจจุงแล้วก็ตกลงไปในอ่างอาบน้ำหัวกระแทกกับขอบอ่างแล้วก็จมน้ำตายเหมือนกัน”
“นายเล่าอย่างกับไปอยู่ในเหตุการณ์จริงๆอย่างนั้นแหละ” ซองมินเอ่ยขึ้นเมื่อชินดงเล่าจบแต่กลับได้สายตาขวางๆกับมา แต่แทนที่จะเป็นสายตาของชินกลับเป็นสายตาของคยูฮยอนที่นั่งยู่ข้างๆตัวเอง
“นายอย่าขัดน่าซองมิน” คยูฮยอนเอ่ยเชิงตำหนิ เขารู้ว่าซองมินนั้นเป็นคนพูดเก่ง แต่เวลาแบนี้มันไม่ควรเท่าไหร่
“ฉันก็แค่เสนอความเห็นเอง” เสียงอ่อยๆตอบกลับมา สีหน้าของซองมินนั้นดูหมองลง มือที่จับเสื้อคยูฮยอนปล่อยลงทันที เขาทำให้คยูฮยอนไม่พอใจอีกแล้วใช่มั้ยเนี่ย
ไม่มีคำพูดใดออกมาจากปากคยูฮยอนมีเพียงเสียงถอนหายใจเบาๆเท่านั้น ก่อนจะวาดแขนโอบรอบคอซองมินเพื่อให้รู้ว่าเขาไม่ได้โกรธอะไร เพราะเห็นซองมินทำสีหน้าไม่ดีตั้งแต่ตอนเช้าที่รู้ว่าถีบเขาจนตกเตียง
“และจากนั้นก็มีคนเห็นวิญญาณพี่ยุนโฮกับพี่แจจุงที่ห้องอาบน้ำรวมบ่อยๆ จนต้องเลิกใช้ไปและปรับปรุงหอพักใหม่ให้มีห้องน้ำในตัว แต่ห้องน้ำรวมที่อยู่ด้านหลังก็ยังไม่ได้ทุบทิ้ง” ชินดงเงียบไปซักพักก่อนจะเริ่มเล่าต่อ
“แล้วทำไมเขาไม่ทุบทิ้งไปล่ะ แล้วตอนนี้ยังไม่คนเห็นวิญญาณพี่สองคนนั้นอยู่หรือเปล่า” คำถามของเรียวอุกสร้างความอยากรู้อยากให้ทุกคนได้มากทีเดียว
“ก็เพราะวิญญาณของพี่ยุนโฮกับพี่แจจุงไปเข้าฝันท่านอธิการบดีน่ะสิ บอกว่าห้ามทุบห้องอาบน้ำรวมทิ้งเด็ดขาด ส่วนวิญญาณของพี่เขาตอนนี้.....”
“อ๊ากกกกก!!!!” ตอบยังไม่ทันจบประโยคดีเสียงร้องของใครบางคนที่ดังขัดขึ้นซะก่อน
“นั่นมันเสียงยัยขี้โวยวายหนิ” ซีวอนพูดขึ้นพร้อมกับลุกขึ้นมองหาต้นตอของเสียง เสียงนี้เขาจำได้ดีเลยล่ะ เสียงของคิมฮีชอล
-----------------------------------------------------
kr...Talk
เจอกันอีกแหละ เบื่อกันไหมเนี่ย
ตอนนี้มีแขกไม่ได้รับเชิญมาด้วย
ดีใจไหมล่ะ
ผีคู่รักยุนแจไม่ได้น่ากลัวหรอกนะ
มีภาพย้อนวันวานหวานๆให้ดูด้วย
........ความรักช่วงแรก ตั้งแต่เป็นแฟนกัน........
.......ออกไปเดทกัน.......
.
.........ถ่ายรูปกับเพื่อนๆ................
ไรเตอร์ช่างไร้สาระสิ้นดี
คนที่อ่านฝากไปโปรโมทเรื่องนี้กันด้วยนะ
บอกพ่อแม่พี่น้อง เพื่อนที่โรงเรียน เพื่อนข้างบ้าน
อาม๊าขายผักหน้าปากซอย
บอกให้มาอ่านมาเม้นกันเยอะๆนะ
ไปขอแลกลิงค์กับคนอื่นแหละ ฟิ้วววว~~~
-----------------------------------------------------
kr...Talk
เจอกันอีกแหละ เบื่อกันไหมเนี่ย
ตอนนี้มีแขกไม่ได้รับเชิญมาด้วย
ดีใจไหมล่ะ
ผีคู่รักยุนแจไม่ได้น่ากลัวหรอกนะ
มีภาพย้อนวันวานหวานๆให้ดูด้วย
........ความรักช่วงแรก ตั้งแต่เป็นแฟนกัน........
.......ออกไปเดทกัน.......
.
.........ถ่ายรูปกับเพื่อนๆ................
ไรเตอร์ช่างไร้สาระสิ้นดี
คนที่อ่านฝากไปโปรโมทเรื่องนี้กันด้วยนะ
บอกพ่อแม่พี่น้อง เพื่อนที่โรงเรียน เพื่อนข้างบ้าน
อาม๊าขายผักหน้าปากซอย
บอกให้มาอ่านมาเม้นกันเยอะๆนะ
ไปขอแลกลิงค์กับคนอื่นแหละ ฟิ้วววว~~~
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น