คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #148 : แพทย์แผนดึกดำบรรพ์สมัยไอยคุปต์
*เว็บนี้ป้องกันการคัดลอก แต่ข้าน้อยขออนุญาตนำมาลงเป็นความรู้แก่พี่น้องชาวเด็กดีนะขอรับ โดยการนั่งพิมพ์อย่างตั้งอกตั้งใจ หวังว่าคงจะไม่ว่ากันนะขอรับ*
แพทย์แผนดึกดำบรรพ์สมัยไอยคุปต์
ขณะนี้ปัญหาเรื่องสิทธิบัตรยากำลังเป็นข้อพิพาทไปทั่วโลก ไทยเราเองก็ได้รับผลกระทบด้วย อันที่จริงแล้วการรักษาพยาบาลและยารักษาโรคหลายชนิดในปัจจุบัน ก็มีหลักการค้นคว้าและนำมาใช้ตั้งแต่ยุคโบราณนับพันๆ ปีมาก่อนแล้ว จึงมิควรนำมาอ้างกีดกัน หรือผลิตขายในราคาแพงๆ ดังที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
การแพทย์ที่ยอมรับกันว่า น่าจะเป็นรากฐานที่ “ทันสมัย” แห่งโลกในอดีตนั้นเกิดขึ้นในอียิปต์โบราณ หรือดินแดนไอยคุปต์ แห่งลุ่มแม่น้ำไนล์
โดยมีเอกสารโบราณที่จารึกไว้ในม้วนกระดาษปาปิรุส ซึ่งค้นพบโดยจอร์จ อีเบอร์ส ที่เมืองลักเซอร์ในปี ค.ศ.1873 เป็นบันทึกรวบรวมถึงการรักษาพยาบาลตั้งแต่ครั้ง 1,500 ปีก่อน ค.ศ. หรือกว่า 3,500 ปีก่อนโน้น
ต่อมาเอ็ดวิน สมิธ ก็ได้พบเอกสารปาปิรุสอีกฉบับหนึ่ง ที่มีรายละเอียดเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลของดินแดนไอยคุปต์ เป็นต้นว่า ถ้าแขนหักชาวอียิปต์จะเอากิ่งไม้เบิร์ซมาดามแล้วพันผ้าหุ้มโดยรอบ การฟกช้ำที่เกิดบนซีกซ้ายหรือขวาของศีรษะ จะทำให้เกิดการชาหรืออัมพาตของร่างกายซีกตรงข้าม เป็นต้น
ภายในสุสานคอม ออมโบ เก่าแก่ 2,000 ปี ริมแม่น้ำไนล์ นักโบราณคดีได้พบอุปกรณ์ผ่าตัดโบราณถึง 48 รายการ ทั้งเลื่อย ก้านหยั่งแผล คีม ตะไกร ฯลฯ
และเมื่อ ค.ศ. 2001 นี่เอง ก็มีการค้นพบสุสานของหมอหลวงเมื่อสมัย 4,000 ปีก่อน ภายในมีเครื่องมือแพทย์ทำด้วยบรอนซ์ จำนวน 30 ชิ้น นับเป็นอุปกรณ์แพทย์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก แสดงว่าอียิปต์ก็มีหมอผ่าตัดมาก่อนดินแดนใดๆ ในโลก
มีดผ่าตัดบางเล่มทำจากออปสิเดียน (หินกระจกสีดำจากภูเขาไฟ) ซึ่งมีคุณสมบัติคมกริบเสียยิ่งกว่าเหล็กกล้าเป็นสิบเท่า ใบมีดเรียบทำให้หลังการผ่าตัดปราศจากรอยแผลเป็น แพทย์แผนปัจจุบันหลายคนยังนิยมใช้มีดที่ทำจากออปสิเดียน
ความรู้ทางด้านกายวิภาค ที่จารึกบนม้วนปาปิรุสก็น่าทึ่งเช่นกัน ระบุไว้ว่าหัวใจมนุษย์นั้นทำหน้าที่สูบฉีดโลหิตไปยังทุกส่วนของร่างกาย ซึ่งความเห็นนี้เพิ่งจะได้รับการชี้ชัดในศตวรรษที่ 17
ปาปิรุสฉบับสมิธ ยังเป็นตำราเล่มแรกที่บรรยายถึงสมองและเยื้อหุ้มสมองซึ่งเรียกว่าเมนิงเกส อันเป็นที่มาของคำว่า MENINGITIS ที่แพทย์ปัจจุบันใช้เรียกโรคเยื้อหุ้มสมองอักเสบนั่นเอง
ปาปิรุสฉบับนี้ยังพูดถึงวิธีการรักษาโรคสมองไว้ด้วย นั่นคือ เมื่อคนไข้มีอาการปวดหัวรุนแรง อันเนื่องมาจากกรณี “ไฮโดรเซฟารุส” หรือมีน้ำในสมอง ซึ่งหากปล่อยไว้ไม่รักษา สมองก็จะพิกลพิการ และคนไข้จะไม่สามารถควบคุมความสมดุลของร่ายกายได้
วิธีการรักษาในปัจจุบันได้แก่ การค่อยๆ เจาะหัวกะโหลกคนไข้อย่างระมัดระวัง แล้วสอดท่อเข้าไประบายเอาน้ำในสมองออก เทคนิคนี้มีรากฐานมาจากการแพทย์ของไอยคุปต์อย่างแน่นอน ดูได้จากกะโหลกศีรษะของมัมมี่โบราณ ซึ่งพบรูกลมเรียบปรากฏอยู่ด้านหน้า คาดว่าเป็นฝีมือการเจาะด้วยค้อนและสิ่ว น่าอัศจรรย์ที่คนไข้หลายรายรอดชีวิตจากการรักษานี้
ทุกวันนี้ยาบรรเทาอาการปวดชนิดหนึ่งที่มีติดตู้ยาประจำบ้านคือ “แอสไพริน” ที่ระงับได้ตั้งแต่ปวดฟันยันปวดแผลผ่าตัด ยานี้ผลิตโดยบริษัทบายเออร์ ในปี ค.ศ.1899 จัดว่ายาระงับการปวดแรกสุดของโลก แต่อันที่จริงเมื่อ 5,000 ปีก่อนโน้นชาวยอียิปต์ได้นำแอสไพรินมาใช้กันแล้ว พวกเขาเอาเปลือกต้นวิลโลว์นี้เองที่โลกปัจจุบันนำมาสกัดตัวยาแอสไพริน
อุตสาหกรรมยามูลค่าแสนล้านบาทเดี๋ยวนี้ ค้นพบมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์แล้ว
ชาวอียิปต์เป็นโรคพยาธิเลือดใบไม้ในเลือดกันมาก พวกเขากินสมุนไพร อโล อีเวรา เป็นยาฆ่าพยาธิชนิดเดียวกับพวกเราทุกวันนี้ และก็ยังใช้สมุนไพรนี้สำหรับทาแผลไหม้พอง แผลสด ช้ำบวม ซึ่งก็เช่นเดียวกับเราอีก
สมุนไพรอีกตัวคือ ขมิ้น (TUMERIC) นอกจากใช้ปรุงอาหารแล้ว ก็เป็นยาทาแผลได้ด้วย แต่ปัจจุบันเราใช้รักษาอาการตกเลือดภายใน
เปลือกต้น FRANKINCENSE เป็นสมุนไพรที่อียิปต์ใช้ชำระล้างฆ่าเชื้อ กินแก้เจ็บปาก ระคายคอเหมือนกับเราใช้เป๊ะๆ
ส่วนยาแก้ไอของอียิปต์โบราณทำมาจากชะเอม (LICORICE) และใช้รักษาอาการปอดชื้นด้วย ซึ่งปัจจุบันเรานำมาใช้ล้างพิษภายใน
แต่ละตัวยาของไอยคุปต์มักประกอบด้วยเครื่องยาสิบกว่าอย่างผสมผสานกัน โดยจะมีถ้วยตวงพิเศษเพื่อให้ได้ปริมาณที่ละเอียดแน่นอน
นอกจากสมุนไพรแล้ว สิ่งอื่นๆ ในธรรมชาติก็ถูกนำมาใช้ในการรักษาพยาบาลจากการคิดค้นของแพทย์ไอยคุปต์
เช่น 5,000 ปีก่อนโน้น ถ้าคุณถูกมีดบาด แต่แผลไม่ลึกพอที่จะต้องเย็บ (ซึ่งสมันนั้นก็เย็บเป็นแล้ว) หมออียิปต์อาจตัดสินใจเอาชิ้นเนื้อดิบๆ มาปิดแผล เพราะรู้กันว่าเนื้อสดนั้นมีเอนไซม์ที่สามารถทำให้เลือดหยุดไหลได้ พอเลือดหยุดแล้ว เขาก็ทาแผลด้วยน้ำผึ้ง เพราะน้ำผึ้งจะช่วยดูดซับของเหลวในแผล ทำให้ไม่เกิดอาการบวม และยังมีฤทธิ์ฆ่าเชื้ออีกต่างหาก นับเป็นสารแอนติไบโอติกที่ใช้กันมาก่อนหน้าอเล็กซานเดอร์เฟลมมิง จะค้นพบตัวยาเพนิซิลินตั้งห้าพันปี
อาการผิดปกติของสายตาแบบหนึ่งที่เรียกกันว่า “บอดกลางคืน” คือการไม่สามารถเห็นได้ในที่แสงสลัวๆ สาเหตุมีหลายประการ แต่อย่างหนึ่งคือ ขาดวิตามินเอ แพทย์ปัจจุบันจึงรักษาคนไข้ด้วยการให้กินสารสกัดจากตับ เชื่อไหมว่า แพทย์ไอยคุปต์โบราณก็สั่งให้คนไข้สาวกินตับสดของลาเช่นกัน ตับนั้นมีวิตามินเออันอุดมสมบูรณ์
แม้กระทั้งยาคุกำเนิด สตรีไอยคุปต์ก็สามารถทำขึ้นเองได้อย่างง่ายดาย เจ้าหล่อนจะตัดหนามจากกิ่งต้นอะคาเซียที่มีอยู่ดาษดื่นในทวีปแอฟริกา แล้วเอามาใส่ครกตำจนแหลกระเอียด จากนั้นก็เติมอินทผลัม เหยาะน้ำผึ้งลงไปกวนให้เข้ากัน เอาสำลีเล็กๆ มาจุ่มในของเหลวนั้น ยามจะมีเพศสัมพันธ์ก็สอดสำลีเข้าไว้ล่วงหน้า สารละลายจากต้นอะคาเซียจะมีสภาพเป็นกรดแล็กติก ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ใช้ในการปรุงยาคุมกำเนิดสมัยนี้
ท้ายที่สุด พวกเธอรู้กระทั่งวิธีทดสอบว่าตั้งครรภ์หรือไม่!?
ยามที่เธอไม่แน่ใจว่ากำลังก่อกำเนิดทารกหรือเปล่า สตรีไอยคุปต์ก็จะหาพื้นที่ดินเล็กๆ แล้วฝังเมล็ดขาวบาร์เลย์กับเม็ดข้าวสาลีไว้ จากนั้นก็ปัสสาวะรดลงไป ถ้าหากไม่มีสิ่งใดเติบโตขึ้นมาจากพื้นดิน ก็เป็นอันแน่ใจว่า เธอมิได้ตั้งครรภ์ หรือมิฉะนั้นทารกในครรภ์เสียชีวิตไปแล้ว
ทีมงาน ต่วย’ตูน
อ้างอิง : http://www.chuanchom.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=423621&Ntype=7
ภายในเว็บจะมีรูปภาพ ใครอยากเห็นเชิญกดขอรับ แหะๆ ข้าน้อยไม่สามารถจะนำมาโชว์ได้ จึงขอเชิญที่เว็บที่อ้างอิงมานี้ขอรับ (_ _)
ความคิดเห็น