คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : ~ Happy Family ~ 12
บรรยากาศภายในโบสถ์หรูซึ่งวันนี้ถูกเลือกเป็นสถานที่จัดงานแต่งงานของยูชอนกับจุนซู แขกส่วนใหญ่ได้เดินทางมาถึงงานแล้วและกำลังรอเวลาที่จะได้ร่วมเป็นสักขีพยานในความรักครั้งนี้ ภายในงานนั้นมีเพียงยูชอนคนเดียวที่ยืนตอนรับแขกอยู่ส่วนจุนซูนั้นเก็บตัวอยู่อีกห้องหนึ่งโดยมีแจจุงอยู่เป็นเพื่อน
“ แจจุง ฉันตื่นเต้นจังเลยอ่ะ “ จุนซูที่นั่งสำรวจความเรียบร้อยของตนเองอยู่หน้ากระจกเอ่ยขึ้น เมื่อคืนร่างบางแทบจะนอนไม่หลับเพราะมัวแต่ตื่นเต้นกับพิธีในวันนี้
แจจุงยิ้มให้เพื่อนรัก เข้าใจดีว่าจุนซูคงจะตื่นเต้นมากเพราะวันนี้ถือเป็นวันสำคัญของชีวิตวันหนึ่งเลยล่ะเป็นวันที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในชีวิตหลายอย่าง อย่างน้อยๆก็สถานะภาพที่จะต้องเปลี่ยนจากคนโสดกลายเป็นคนที่มีเจ้าของแล้ว และยิ่งได้เห็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยประกายแห่งความสุขของจุนซูแล้วมันก็พลอยทำให้แจจุงยิ้มตามออกมาโดยอัตโนมัติ
“ นายไม่บอกฉันก็รู้ แน่ล่ะวันนี้วันแต่งงานเชียวนะ ” เสียงหวานเอ่ยแซวเพื่อนรักที่วันนี้ดูไม่เป็นตัวของตัวเองเท่าไหร่เพราะมัวแต่กังวลลัวว่าตัวเองจะไม่ดูดีเมื่อถึงเวลา
“ นายว่ายูชอนจะตื่นเต้นเหมือนฉันมั๊ย ” อยากรู้จังว่ายูชอนจะรู้สึกเหมือนกับเขาตอนนี้หรือเปล่า วันนี้ยังไม่ได้คุยกับยูชอนเลย
“ งานแต่งตัวเองทั้งที ใครจะไม่ตื่นเต้น “ แจจุงตอบพร้อมกับเช็คดูความเรียบร้อยของเจ้าสาวเป็นครั้งสุดท้าย “ อ๊ะ ใกล้ถึงเวลาแล้ว เดี๋ยวฉันเข้าไปรอในงานดีกว่า ”
“ อย่าพึ่งไปสิ อยู่เป็นเพื่อนกันก่อน ฉันไม่อยากอยู่คนเดียวนะ ”
“ เดี๋ยวคุณพ่อก็มารับ ทำใจให้สบายนะ ไม่ต้องตื่นเต้น ฉันต้องไปดูมุนบินน่ะ ” ร่างบางให้กำลังใจเพื่อนแต่เขารู้ดีว่าเมื่อถึงเวลาจุนซูจะสามารถควบคุมอาการตื่นเต้นของตนเองได้ แต่ตอนนี้สิ่งที่น่าห่วงที่สุดก็คือลูกหมีสุดที่รัก แจจุงล่ะกลัวจริงๆว่าลูกชายตนจะทำงานครั้งนี้ล่ม
“ อืมจริงสิ วันนี้ยังไม่เจอมุนบินเลยนี่นา ”
“ อยู่ในงานกับยุนโฮน่ะ ว่าแต่พวกนายจะไม่เปลี่ยนใจแน่นะ ” แจจุงหมายถึงเรื่องที่จะให้มุนบินถือแหวนแต่งงาน เปลี่ยนใจตอนนี้ก็ยังทันะจุนซู
“ แน่สิ ฉันน่ะเชื่อใจมุนบินอยู่แล้ว ” ส่งยิ้มด้วยความมั่นใจให้กับคุณแม่คนสวยที่ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยมั่นใจในตัวของลูกชายตัวเองเท่าไหร่
แจจุงอยู่รอบิดาของจุนซูสักครู่และเมื่อเห็นว่าตอนนี้เจ้าสาวไม่ได้อยู่คนเดียวแล้วร่างบางจึงแยกเข้ามาภายในงาน แต่ภาพที่เห็นทำเอาคุณแม่คนสวยยิ้มพร้อมกับส่ายหน้าเบาๆที่ทุกอย่างเป็นไปตามที่ตัวเองได้คาดการณ์เอาไว้
มุนบินที่วันนี้ถูกแต่งตัวด้วยชุดสูทรสีขาวนั้นกำลังอยู่ในอ้อมกอดของพ่อหมีแขนป้อมกอดคอคุณพ่อเอาไว้แน่น เพราะมุนบินจะไม่ยอมห่างจากแจจุงหรือว่ายุนโฮเลยถ้าหากว่าที่ตรงนั้นมีคนแปลกหน้าอยู่ด้วย
“ มุนบินครับ ทำไมหนูไม่ยืนล่ะลูก ” มือบางลูบผมของลูกชายที่วันนี้มันถูกเซ็ตให้ตั้งเป็นทรง วันนี้มุนบินของคุณแม่หล่อที่สุดเลย
“ อ้าว แจ ข้างในเรียบร้อยแล้วเหรอ ” ยุนโฮที่กำลังยืนคุยกับเพื่อนสมัยเรียนอยู่เอ่ยขึ้นเมื่อหันกลับมาแล้วพบคนรักยืนอยู่ก่อนจะส่งตัวลูกหมีที่ตอนนี้ออกแรงดิ้นจะไปหาคุณแม่
“ เรียบร้อยแล้ว แล้วทางนี้ล่ะ ”
“ เหมือนกัน แต่ว่า ” ตาคมเหลือบไปมองลูกชายที่อยู่ในอ้อมแขนของแจจุง เพียงแค่นี้ร่างบางก็รู้แล้วว่ายังเหลืออะไร
หลังจากมาถึงงานแล้วยุนโฮกับแจจุงก็แยกกันแจจุงนั้นเข้าไปหาจุนซูที่ห้องแต่งตัวส่วนยุนโฮก็แยกออกมาหายูชอนในงานโดยมีลูกหมีมาด้วย แต่พอเข้ามาในงานแค่นั้นแหละมุนบินก็มีท่าทีที่เปลี่ยนไปแขนป้อมที่กอดรอบคอแกร่งอยู่นั้นกระชับให้แน่นขึ้นไม่ยอมห่างจากยุนโฮไปไหน ขนาดให้นั่งที่เก้าอี้ยังไม่ยอมนั่งยุนโฮเลยต้องอุ้มลูกชายไว้จนกระทั่งแจจุงกลับเข้ามาในงานนี่แหละ
“ แล้วจะรอดไหมเนี่ย ” แจจุงเอ่ยกับสามีก่อนจะก้มลงมองเจ้าตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมแขนอย่าว่าแต่ถือแหวนเลยลงเดินเองยังไม่ยอม
“ ยุนว่าเราไปบอกยูชอนตอนนี้ก็ยังทันนะ ” ร่างสูงเห็นด้วยกับภรรยาเขาเองก็ไม่อยากเสี่ยงหรอกนะ เพราะงานนี้หรือว่าเป็นงานใหญ่พอสมควรมีแขกคนสำคัญมาร่วมงานมากมาย
“ เดี๋ยวขอแจลองคุยกับลูกก่อนนะ ” แจจุงบอกสามีก่อนจะอุ้มลูกชายไปนั่งที่เก้าอี้โดยที่มีเจ้าหนูนั่งอยู่บนตัก ตาเรียวเล็กมองคนที่มาร่วมงานไปมาคงจะกลัวสินะลูกชายที่เห็นคนเยอะขนาดนี้
“ ทำไมวันนี้ลูกชายคุณแม่เงียบจังเลยน๊า ” ร่างบางเริ่มหาเรื่องคุยเพราะมุนบินเอาแต่เงียบแล้วก็มองแขก ไปมาไม่ร่าเริงเหมือนทุกวันซึ่งแจจุงเองก็พอจะรู้ถึงสาเหตุ
“ คุณ
“ ยังกลับตอนนี้ไม่ได้ครับลูก ” ส่ายหน้าปฏิเสธพร้อมกับยิ้มอ่อนโยน
“ ทำไม ” หัวเล็กซบลงบนแผ่นอกบางของคุณแม่ ทำไมถึงจะกลับไม่ได้อ่ะก็หนูอยากกลับแล้วทำไมเดี๋ยวนี้คุณแม่ชอบขัดใจหนูจังเลย
“ เพราะงานยังไม่เสร็จไงครับ ถ้าเรากลับก่อนมันไม่ดี ” แจจุงหลีกเลี่ยงที่จะใช้คำว่าเสียมารยาทเพราะหากพูดออกไปมุนบินก็ไม่เข้าใจอยู่ดี
“ งานอะไรเหรอ ” งานอะไรทำไมมีคนเยอะแยะมุนบินไม่เห็นรู้จักใครเลย อ่อ รู้จักแค่อายูชอนกับอาชางมินแค่นั้นนี่ไม่รวมคุณปู่คุณย่านะเนี่ย
“ งานแต่งงานของอาจุนซูกับอายูชอนครับ ”
“ หรอ แล้วมันเป็นยังไง ” งานแต่งงานคืออะไรหว่ามุนบินไม่เห็นรู้จักเลยแล้วทำไมต้องแต่งงานกันด้วย โอ๊ย ทำไมมีแต่เรื่องที่หนูไม่รู้ทั้งนั้นเลย
“ คุณแม่ก็ไม่รู้เหมือนกัน ถ้าหนูอยากรู้หนูก็ต้องรอดู ” เริ่มมีความหวังขึ้นมานิดๆเมื่อลูกหมีเริ่มให้ความสนใจกับสิ่งที่คุณแม่บอก
เจ้าตัวเล็กลังเลอยู่ในอ้อมกอดของคุณแม่ อยากรู้หนูก็อยากรู้อยู่นะแต่ว่าหนูไม่ชอบคนเยอะคุณแม่บอกให้เขากลับไปได้ไหมอ่ะ ตาเล็กเหลือบมองคุณแม่พร้อมกับใช้ความคิด
“ ก็ได้ ” แล้วความอยากรู้ก็ชนะความกลัว นี่ก็เป็นนิสัยอีกอย่างหนึ่งที่มุนบินถอดแบบออกมาจากผู้เป็นพ่อคือจะรู้สึกไม่ชอบใจเวลาที่ตนไม่รู้ในเรื่องที่อยากรู้และจะทำทุกวิธีทางเพื่อให้ได้รู้
แจจุงแอบยิ้มน้อยๆเมื่อได้ยินคำตอบของลูกชายสำเร็จไปหนึ่งขั้นทีนี้ก็เหลือเพียงแต่ว่าจะทำยังไงให้ลูกหมียอมเป็นคนถือแหวน เพราะถึงแม้ว่าจะยอมอยู่ในงานต่อแต่แจจุงเดาได้เลยว่ามุนบินต้องไม่ยอมห่างจากเขากับยุนโฮเป็นแน่ ร่างบางคิดหาวิธีอยู่สักครู่ว่าจะพุดอย่างไรดีลูกชายถึงจะยอม
“ มุนบินครับ หนูอยากกินไอติมไหมลูก ” แล้วก็งัดเอามุขเดิมๆมาใช้อีกครั้ง แต่ครั้งนี้ชักไม่แน่ใจแล้วสิว่าจะได้ผลหรือเปล่า
“ อยาก ” เจ้าหนูเงยหน้าขึ้นมามองคุณแม่ด้วยแววตาเป็นประกาย ไอติมเหรอคุณแม่ก็รู้ว่ามันเป็นของโปรดหนู สำหรับไอติมแล้วไม่มีคำว่าไม่อยากหรอก
“ งั้นถ้าเสร็จงานคุณแม่พาหนูไปทานดีมั๊ยลูก ” ถึงจะตอบว่าอยากก็ใช่ว่าเจ้าตัวเล็กจะยอมทำตามเลยต้องสร้างเรื่องเพื่อเป็นข้อแลกเปลี่ยนกันสักหน่อย
“ ดี ” ตอบแบบไม่ต้องคิดกันเลยทีเดียว จะไม่ดีได้ยังไงตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลคุณพ่อกับคุณแม่ยังไม่พาหนูไปกินที่ร้านเลยสักครั้ง หนูคิดถึงไอติมจะแย่แล้ว
“ แต่ว่าคุณแม่มีข้อแลกเปลี่ยนนะ “
“ แลกเปลี่ยนอะไร ” ถามออกไปด้วยความไม่เข้าใจ จะกินไอติมต้องมีข้อแลกเปลี่ยนด้วยเหรอ
“ หนูต้องช่วยถือกล่องที่อยู่ในมือของคุณพ่อไปให้อายูชอนกับอาจุนซู ” แจจุงชี้ให้ลูกชายดูกล่องกำมะหยี่ที่อยู่ในมือของยุนโฮที่กำลังเดินเข้ามาหา
“ ..............” เจ้าหนูลังเลมองกล่องในมือคุณพ่อสลับกับหน้าหวานของคุณแม่ไปมา ทำไมต้องเป็นหนูด้วยล่ะทำไมคุณพ่อไม่เอาไปให้เอง
แจจุงยิ้มพอใจเมื่อเห็นท่าทางของลูกชาย ก่อนจะถามลองเชิงอีกครั้ง “ ว่าไงครับลูก ”
“ หนู...” หนูอยากกินไอติมนะแต่หนูก็ไม่อยากถือเหมือนกันเพราะเดียวก็มีคนมองหนูเยอะแยะหนูไม่ชอบอ่ะ ถึงแม้จะรู้ว่าเขามองเพราะหนูน่ารักก็เถอะ
“ คุณแม่ไม่ได้บังคับหนูนะลูก ถ้าหนูตกลงเดี๋ยวคุณแม่บอกคุณพ่อเดี๋ยวนี้เลย “ คุณแม่ไม่ได้บังคับหนูจริงๆนะลูกชายแค่เสนอทางเลือกให้แค่นั้น
“ ถ้าหนูไม่ตกลงล่ะ ” ถ้าเกิดว่าหนูไม่ตกลงแล้วหนูจะได้กินไอติมไหมอ่ะ
“ อืม อันนี้ก็ต้องคิดดูก่อนนะ ” นิ้วเรียวยกขึ้นมาเคาะปลายคางเบาๆราวกับว่าใช้ความคิดแต่ก็แอบมองดูลูกชายที่เริ่มหน้าเสียเพราะกลัวว่าจะไม่ได้ทานของโปรด
“ งั้นหนูตกลง ” แต่เพราะคุณแม่คิดนานไปหน่อยเลยทำให้เจ้าหนูรีบให้คำตอบ ท่องไว้มุนบินเพื่อไอติมเพื่อไอติม
แจจุงแอบอมยิ้มกับท่าทางของลูกชายและก็เป็นอีกครั้งที่มุนบินยอมจำนนให้กับของกิน จมูกโด่งกดลงไปบนแก้มของลูกชายเบาๆสูดดมเอาความหอมจากแป้งเด็กเข้าไปเต็มปอดก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆเมื่อเจ้าตัวเล็กเอ่ยฟ้องทันที
“ คุณแม่ วันนี้คุณพ่อให้ใครก็ไม่รู้หอมแก้มหนูตั้งหลายคน ” เจ้าตัวเล็กยู่หน้าด้วยความไม่พอใจวันนี้หนูโดนคนขอหอมแก้มจนแก้มจะช้ำหมดแล้วเนี่ย
ประตูบานใหญ่ที่เปิดออกเรียกความสนใจจากแขกที่นั่งรออยู่ภายในงานให้หันไปมองต้นทางที่แสงส่องผ่านเข้ามาร่วมทั้งยูชอนที่ยืนรออยู่ที่แท่นพิธี
ภาพของนางฟ้าตัวน้อยสองคนที่เดินถือดอกไม้นำหน้าร่างของคนสองคนเข้ามา วันนี้คุณคิมทำหน้าที่ส่งตัวลูกชายสุดที่รักให้กับว่าที่ลูกเขย จุนซูที่เดินควงแขนคุณพ่อเข้ามานั้นมีท่าทางประหม่าเล็กน้อยที่ตกเป็นเป้าสายตาของคนในงาน แก้มใสที่วันนี้มันถูกเติมแต่งด้วยเครื่องสำอางค์ราคาแพงขึ้นสีโดยอัตโนมัติส่งผลให้แก้มที่แดงอยู่แล้วยิ่งแดงขึ้นไปอีก
ยูชอนยืนมองเจ้าสาวของตัวเองด้วยความตกตะลึง ร่างสูงคิดว่าเวลาปกติจุนซูก็น่ารักอยู่แล้วแต่วันนี้เจ้าสาวของเขาทั้งสวยและน่ารักอยู่ในเวลาเดียวกันและยิ่งเดินเข้ามาใกล้เท่าไหร่ก็ยิ่งดูเหมือนว่าจุนซูยิ่งน่ารักขึ้นเท่านั้น ตาคมมองร่างบางที่เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าด้วยแววตาภูมิใจอย่างปิดไม่มิด
“ หมดหน้าที่ของพ่อแล้ว พ่อฝากจุนซูด้วยนะยูชอน ” คุณคิมเอ่ยฝากฝังลูกชายไว้กับลูกเขย หน้าที่ของคนเป็นพ่อคือส่งแก้วตาดวงใจของตนให้กับคนที่เขารักและรอดูความสุขและความเป็นไปในชีวิตลูกเพียงแค่นี้ก็มีความสุข
“ ขอบคุณครับที่คุณพ่อเชื่อใจผม ผมสัญญาว่าจะดูแลจุนซูให้ดีที่สุดจะไม่มีวันทำให้เขาเสียใจ ” ตอบด้วยความหนักแน่น และแน่นอนว่ามันไม่ใช่คำพูดที่พูดขึ้นมาลอยๆหากแต่ยูชอนจะทำจริงอย่างที่พูด
“ ขอบใจนะ ” ยิ้มอ่อนโยนให้ก่อนจะส่งตัวเจ้าสาวให้เจ้าบ่าวแล้วถอยกลับออกมานั่งกับภรรยา
เมื่อเจ้าบ่าวเจ้าสาวมาพร้อมกันที่แท่นพิธีแล้วบาทหลวงก็เริ่มทำพิธี ยูชอนชำเลืองมองคนที่ยืนอยู่ข้างๆเป็นระยะก่อนจะเผลอยิ้มด้วยความเป็นสุขใจจริงแล้วร่างสูงแทบไม่อยากจะละสายตาออกจากใบหน้าน่ารักนั่นเลยล่ะถ้าไม่ติดว่าตอนนี้กำลังทำพิธีอยู่ จุนซูเองก็เช่นกันร่างบางรู้สึกว่าวันนี้ยูชอนหล่อกว่าทุกวันบาทหลวงยังคงทำพิธีไปเรื่อยๆ
“ คุณ ปาร์คยูชอน คุณยินดีที่จะรับคุณคิมจุนซูเป็นภรรยาหรือไม่ ”
“ รับครับ ”
“ คุณยินดีที่จะรักและซื่อสัตย์ คอยดูแลปกป้องคุณคิมจุนซูตลอดไปหรือไม่ ”
“ ยินดีครับ ”
ทุกประโยคที่เปล่งเสียงออกมานั้นเต็มไปด้วยความหนักแน่นและจริงจัง ต่อหน้าพระผู้เป็นเจ้าปาร์คยูชอนคนนี้ขอให้คำสัตย์ว่าจะรักและปกป้องผู้ชายตัวเล็กๆที่อยู่ข้างกายไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ลูกจะไม่มีวันทำให้เขาเสียน้ำตาเป็นอันขาด บาทหลวงพยักหน้ารับก่อนจะหันไปเอ่ยกับจุนซูที่ยืนมองคนรักด้วยความตื้นตันใจ
“ คุณ คิมจุนซู คุณยินดีที่จะรับคุณปาร์คยูชอนเป็นสามีหรือไม่ ”
“ รับครับ ”
“ คุณยินดีที่จะอยู่เคียงข้างเขาไม่ว่าจะยามสุขหรือทุกข์หรือไม่ ”
“ ยินดีครับ ” เสียงหวานตอบด้วยความมั่นใจ
พระผู้เป็นเจ้าผู้ชายคนนี้คือคนที่ลูกรักหมดหัวใจลูกสัญญาว่าไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์หรือมีเรื่องราวต่างๆเข้ามาในชีวิตลูกจะขอยืนอยู่เคียงข้างผู้ชายคนนี้ตลอดไป ร่วมกันฝ่าฟันอุปสรรคและปัญหาต่างๆไปด้วยกันขอแค่มีเพียงผู้ชายคนนี้ที่ลูกรักยืนอยู่เคียงกันไม่ว่าจะมีอะไรผ่านเข้ามาลูกก็ไม่หวั่น
“ ในเมื่อลูกทั้งสองตกลงที่จะใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน ลูกมีสิ่งใดมายืนยันความรักของลูก ”
เมื่อบาทหลวงเอ่ยจบแจจุงที่นั่งอยู่ก็อุ้มลูกหมีลงจากตักพร้อมกับกระซิบเบาๆ “ มุนบินครับ ได้เวลาแล้วลูก ”
เจ้าหนูมองหน้าคุณแม่ก่อนจะได้รับการพยักหน้าเป็นเชิงบอกว่าถึงเวลาของหนูแล้ว ขาป้อมค่อยๆก้าวเดินด้วยความไม่มั่นใจในมือป้อมมีกล่องที่ด้านในบรรจุแหวนสองวงเอาไว้ มุนบินหันกลับมามองคุณพ่อกับคุณแม่อีกครั้งก่อนจะได้รอยยิ้มสวยของคุณแม่มาเป็นกำลังใจส่วนยุนโฮก็ชูกำปั้นขึ้นเพื่อบอกลูกชายว่าสู้ๆ เจ้าตัวเล็กหายใจเข้าจนเต็มปอดแล้วหันหน้ากลับไปขาป้อมค่อยๆก้าวเดินอีกครั้ง
ทุกย่างก้าวที่ลูกชายเดินทั้งยุนโฮกับแจจุงต่างช่วยกันลุ้นสุดตัวมือบางบีบมือหนาเอาไว้แน่นด้วยความตื่นเต้นจวบจนลูกชายสุดที่รักเดินไปถึงคุณอาทั้งสอง คุณพ่อกับคุณแม่หันมายิ้มให้กันและกันด้วยความโล่งอกก่อนรอยยิ้มทั้งสองนั้นจะแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มภาคภูมิใจเมื่อหันกลับไปมองตรงแท่นพิธี
แขกในงานต่างอมยิ้มเอ็นดูเมื่อเห็นเด็กชายตัวเล็กๆค่อยๆเดินถือกล่องแหวน เข้าไปหาคู่บ่าวสาวก่อนจะหยุดยืนอยู่ตรงกลางระหว่างยูชอนกับจุนซู
“ เรามีแหวนครับ ” ยูชอนหันไปตอบบาทหลวงเมื่อมุนบินเดินมาถึงพวกเขาแล้ว
“ พ่อขอดูได้ไหม ”
“ ครับ ”
ทั้งคู่ก้มลงไปหยิบกล่องที่อยู่ในมือของมุนบินโดยที่ไม่ลืมหอมแก้มนิ่มนั้นเป็นการตอบแทนหลานชายใครน๊าน่ารักที่สุดเลยมุนบินไม่เคยทำให้อาทั้งสองผิดหวังเลย
ทั้งยูชอนและจุนซูส่งแหวนเงินเกลี้ยงให้กับบาทหลวง มุนบินที่ไม่รู้ว่าหน้าที่ของตัวเองเสร็จแล้วก็ได้แต่ยืนมองคุณอาทั้งสองตาแป๋ว ในใจก็คิดว่าหนูกับไปหาคุณแม่ได้หรือยังอ่ะแต่ปากเล็กก็ไม่กล้าเอ่ยถามแต่เมื่อยืนอยู่นานก็ไม่มีใครบอกให้กลับไปซะทีเจ้าหนูเลยหันไปมองทางคุณแม่ แจจุงเมื่อเห็นว่าลูกชายมองกลับมาก็รีบกวักมือเรียกให้เข้ามาได้แล้วพอเห็นดังนั้นขาป้อมก็รีบวิ่งกลับไปทันที แจจุงหัวเราะเบาๆเมื่อเห็นว่าลูกชายรีบวิ่งกลับมาหัวเล็กซุกลงที่หน้าขาของคุณแม่คนสวยเพื่อปกปิดความเขิน มือกร้านของคุณพ่อลูบหัวเล็กเบาๆพร้อมกับรอยยิ้มที่บ่งบอกว่าภูมิใจในตัวลูกชายเหลือเกิน
“ ลูกชายคุณแม่เก่งจังเลย ” ว่าพลางอุ้มลูกชายขึ้นมานั่งบนตักพร้อมกับหอมแก้มนิ่มนั้นเข้าไปอย่างสุดรัก ตอนแรกก็ลุ้นแทบแย่กลัวว่ามุนบินจะเดินกลับมา
“ มุนบินของคุณพ่อเก่งที่สุดในโลกเลย ” พ่อหมีก็ไม่ยอมน้อยหน้า แม่หมีหอมครั้งเดียวแต่พ่อหมีจัดให้สองเลยแก้มยุ้ยๆแบบนี้น่าฟัดเป็นที่สุด
เจ้าตัวเล็กหัวเราะชอบใจเมื่อได้รับคำชม นี่ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยเสริมความมั่นใจให้กับเด็ก เพราะหากได้รับคำชมว่าสิ่งที่เขาทำนั้นดีแล้วเขาก็จะมีความกล้าที่จะทำสิ่งนั้นขึ้นไปอีก สามพ่อแม่ลูกหยุดการสนทนาเอาไว้ชั่วคราวแล้วหันกลับไปสนใจพิธีต่อ
ยูชอนกับจุนซูกำลังจะแลกแหวนกันโดยมีผู้คนที่มาร่วมงานเป็นสักขีพยาน แหวนสองวงที่ตอนนี้กลายเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่
“ ความรักอันบริสุทธิ์ของลูกทั้งสองพ่อเชื่อว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงมองเห็นและกำลังอวยพรให้กับลูกทั้งสอง ขออย่าให้มีผู้ใจมาพรากความรักของลูกทั้งสองออกจากกัน พ่อขออวยพร อาเมน ”
จบคำพูดของบาทหลวงก็เป็นอันเสร็จพิธีแต่มันจะไม่เสร็จก็ตรงที่มีเสียงๆหนึ่งดังขึ้นมาซะก่อนนี่แหละ
“ จูบเลยๆ ” จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากชิม ชางมินที่ไม่วายหาเรื่องแกล้งแม้กระทั่งในวันแต่งงานของพี่ชายโดยมีเสียงของยุนโฮตามมาเป็นเสียงสนับสนุนก่อนที่คนในงานจะช่วยกันเชียร์อีกแรง
จุนซูตาเขียวใส่คนต้นคิด จูบต่อหน้าคนตั้งเยอะแบบนี้น่าอายจะตาย ยูชอนที่ยืนอยู่ข้างๆได้แต่ยิ้มขันนานๆทีจะเห็นจุนซูเขินนี่นา
“ เห็นทีจะขัดไม่ได้แล้วล่ะจุนซู แขกเขาเรียกร้องมานะ ” เหมือนจะขอความเห็นแต่ฟังดูดีๆมันบีบกันชัดๆเลยนี่นา แต่ยังไม่ทันได้ตัดสินใจใบหน้าหวานก็ถูกรั้งเข้าไปจนริมฝีปากของทั้งคู่สัมผัสกัน ใบหน้าน่ารักขึ้นสีเป็นที่เรียบร้อยจะผละออกก็ไม่ได้เพราะยูชอนรั้งเขาไว้
แขกในงานพากันส่งเสียงแซวกันเกรียวกราวท่ามกลางเสียงหัวเราะสะใจของชางมินกับยุนโฮส่วนแจจุงก็ได้แต่อมยิ้มมือบางยกขึ้นมาปิดตาลูกชายเอาไว้ มุนบินยังเด็กเกินไปที่จะเห็นภาพอะไรแบบนี้
ยูชอนยังไม่ยอมปล่อยให้จุนซูเป็นอิสระปากหยักขบเม้มเบาๆเพื่อให้ปากบางเผยออกแล้วส่งลิ้นหนาเข้าไปรุกรานอย่างถือวิสาสะ นานหลายนาทีกว่าที่จุนซูจะถูกปล่อยเป็นอิสระเล่นเอาแทบหมดลมหายใจกันเลยทีเดียวและเมื่อกลีบปากบางถูกปล่อยเป็นอิสระใบหน้าหวานก็ซุกลงที่อกแกร่งของคนรักทันทีเพื่อซ่อนความเขินขายจากสายตาหลายคู่ที่ส่งมาล้อเลียน ส่วนร่างสูงก็ยิ้มด้วยความพอใจพร้อมกับหันไปยักคิ้วให้ชางมินกับยุนโฮที่ยืนยกนิ้วให้อยู่ที่เก้าอี้
...........................................................................................................................................................................................................
ลูกหมีจะไปรอดรึเปล่าเนี่ย ?
สารภาพว่าตอนแต่งด้วยสติที่กำลังมึนๆ เนื่องจากเมาข้อสอบ
ตอนแรกกะว่าแต่งให้ครบร้อยแต่ไม่ไหวค่ะ สมองตันมาก ก ก
เหลือสอบอีกสองวิชา แต่จะแอบแว๊บมาอัพให้นะค่ะ ( ที่จริงคือขี้เกียจอ่านหนังสือ หุหุ )
ความคิดเห็น