ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    *~Timeless Love~* [Fic TVXQ]

    ลำดับตอนที่ #13 : >>> 13

    • อัปเดตล่าสุด 20 พ.ค. 50



    *~Timeless Love~*

    ...Old Freind...




    เสียงเครื่องยนต์ดับลงพร้อมกับรถที่จอดสนิท นัยน์ตาคู่สวยกระพริบปริบๆมองสถานที่ที่ชายหนุ่มพามา... ก็ที่อยู่ตอนนี้มันสวนสนุกไม่ใช่เหรอ?   แล้วยูชอนจะพาเขามาที่นี่เพื่ออะไร?


    "นายพาฉันมาที่นี่ทำไม...?" เด็กหนุ่มหันไปมองหน้าเพื่อนสนิทอย่างสงสัย แต่ชายหนุ่มกลับเพียงยักคิ้วให้เล็กน้อยก่อนจะพูดตอบ



    "ก็...มาเที่ยวไง ไปเถอะน่าเสียเวลามากแล้ว..." คำตอบของยูชอนไม่ได้ไขข้อข้องใจให้เด็กหนุ่มเลย  แต่ไม่ทันที่ริมฝีปากบางนั้นจะได้เอ่ยโต้แย้งก็โดนร่างสูงจูง (ลาก) เข้าไปในสวนสนุกเสียแล้ว 



    เมื่อเป็นอย่างนี้แล้วร่างบางจึงปล่อยให้เป็นไปตามความต้องการของชายหนุ่มแต่โดยดี  เพราะยังไงนี่ก็นานแล้วที่เข้าไม่ได้ออกมาเที่ยวแบบนี้  ถึงจะไม่รู้ว่ายูชอนต้องการอะไร  แต่อย่างน้อยแจจุงก็มั่นใจว่านั่นจะไม่เป็นผลเสียกับเขาแน่นอน...



    สถานที่ซึ่งทั้งสองมาถึงก็คือสวนสนุกขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยเครื่องเล่นนานาชนิด ด้านหน้าทางเข้าคนสวมหุ่นตุ๊กตาเป็นตัวมิกกี้เมาส์ยืนคู่กับมินนี่เม้าส์ต้อนรับเหล่าวัยรุ่นหนุ่มสาวที่มาเที่ยวกัน ชายหนุ่มเดินไปที่ช่องจำหน่ายตั๋วโดยมีร่างบางยืนรออยู่ข้างๆ พนักงานสาวเห็นชายหนุ่มมาก็ยิ้มทักทายตามหน้าที่...



    "ยินดีต้อนรับค่ะ..."



    "ผมขอตั๋วผู้ใหญ่ 2 ใบครับ..." เสียงทุ้มเอ่ยตอบพนักงานสาว ก่อนจะหยิบเงินในกระเป๋ามายื่นให้... ชายหนุ่มรับบัตรมาก่อนจะหันไปเรียกคนข้างๆตัวที่ยังเหม่อมองไปรอบๆสวนสนุกอยู่



    "มัวมองอะไรอยู่น่ะ แจจุง..."



    "อ๊ะ... เสร็จแล้วเหรอ?" ร่าบางที่มัวแต่เหม่อมองสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินชายหนุ่มเรียก  แจจุงหันไปยิ้มให้ยูชอนก่อนจะเป็นฝ่ายควงชายหนุ่มให้เข้าไปข้างในเร็วๆ



    "เฮ้ๆๆ!!~ อะไรของนายเนี่ยแจจุง... เมื่อกี้ยังเห็นทำท่าไม่ค่อยอยากมาอยู่เลยไม่ใช่เหรอ?" คราวนี้กลายเป็นฝ่ายร่างสูงเองที่โดนเด็กหนุ่มลากไป



    "ก็นั่นมันตอนแรกนี่นา... ใครจะไปรู้ล่ะว่า อยู่ๆนายจะอยากพาฉันมาเที่ยวสวนสนุกแบบนี้นี่..."



    "
    เดี๋ยว!!~  แจจุง!~ ใจเย็น!!~  สวนสนุกมันไม่หนีนายไปไหนหรอกน่า  ไม่ต้องรีบก็ได้ฉันไม่อยากหกล้มต่อหน้าคนเยอะๆแบบนี้นะแจจุง!!~" แจจุงไม่สนใจคำพูดของชายหนุ่ม มือเรียวยังคงฉุดกระชากเขาให้ตามมาเร็วจนยูชอนเกือบล้ม...



    "
    ก็...นายเป็นคนบอกเองไม่ใช่เหรอว่าเสียเวลามากแล้ว จะมาชักช้าอยู่ทำไมเล่า? รีบไปเถอะน่า... เอ่อใช่ว่าแต่เมื่อกี้นายเรียกฉันว่า 'เจ้าหญิง' ใช่มั้ย ถ้าอย่างนั้นวันนี้ก็ยอมเป็นข้ารับใช้ของฉันดีๆสักวันละกัน..."



    "
    คร้าบๆ เจ้าหญิง... "สุดท้ายร่างสูงก็ต้องยอมจำนนด้วยคำพูดที่ตัวเองเป็นคนพูดเอง อำนาจการเป็นผู้นำตกเป็นของแจจุงโดยสมบูรณ์ทั้งที่เมื่อกี้มันยังเป็นของเขาอยู่เลยนี่นา~ ซึ่งยูชอนก็ได้แต่คิดในใจเงียบๆเพราะถ้าพูดออกมามีหวังเขาคงโดนร่างบางตรงหน้านี่ หัวเราะเยาะใส่เหมือนเมื่อก่อนแน่ๆ



    แจจุงลากยูชอนเดินเที่ยวไปรอบๆก่อนเด็กหนุ่มจะหยุดยืนอยู่ที่หน้าปราสาทผีสิง... ชื่อของสถานที่ที่ทำเอาร่างสูงหน้าซีดไปในทันที  มือหนาคว้าขอบรั้วที่อยู่หน้าปราสาทไม่ยอมให้ร่างบางได้ลากเขาเข้าไปผจญภัยในนั้นแน่...



    "
    ยูชอน.. ป่านนี้แล้วนายยังกลัวบ้านผีสิงอยู่อีกเหรอ?" น้ำเสียงหวานเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง แต่ชายหนุ่มฟังดูเหมือนร่างบางกำลังพูดเยาะเย้ยเขาอยู่ยังไงก็ไม่รู้...



    "
    ปะ..เปล่ากลัวสักหน่อย ตะ แต่ฉัน...ฉันยังไม่อยากเข้าไปนี่นา~  "



    "
    เหรอ? แต่ฉันอยากเข้านี่นา..."



    "
    โธ๋!!~ แจจุงก็ นายก็รู้ว่าฉันไม่ชอบมันนี่ แล้วนายจะพาฉันมาทำไมอ่า..." ดูเหมือนร่างสูงจะกลับทำตัวเป็นเด็กซะเอง  ในที่สุดเด็กหนุ่มก็ใจอ่อนไม่เข้าไปทั้งที่ในใจอยากเข้าไปจะตายอยู่แล้ว...



    "
    เฮ้อ~ ...เอาเถอะ ไม่เข้าก็ได้ ถือว่าเป็นการตอบแทนที่นายพาฉันมาเที่ยวก็แล้วกัน... ไปซะทีสิ เดี๋ยวฉันเปลี่ยนใจนะ..."



    "
    ตามบัญชาเลยครับเจ้าหญิง..." เสียงทุ้มเอ่ยลิงโลดปิดอาการดีใจไว้ไม่มิด  เด็กหนุ่มได้แต่นึกอยู่ในใจ 


    ...ไอ้นิสัยกลัวผีตั้งแต่เด็กจนโตนี่ แก้ไม่หายแฮะ...



     
    เลยกลายเป็นว่าเครื่องเล่นชิ้นแรกที่พวกเขาได้เล่นก็คือเครื่องเล่นรูปถ้วยกาแฟหมุน สำหรับยูชอนแล้วนี่ออกจะดูธรรมดาๆ แต่ชายหนุ่มก็ไม่เคยเข้าใจเลยว่าทำไมแจจุงถึงได้ชอบมันนัก ตั้งแต่เด็กๆ แล้วมาสวนสนุกทีไรจะต้องขอมาที่ไอ้ถ้วยกาแฟหมุนนี่ทุกที...


     

    ทั้งสองใช้เวลาไปกับเครื่องเล่นจำนวนหลายชิ้นจนเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มแหงนหน้ามองหอนาฬิกาของสวนสนุกที่บอกเวลาเที่ยงกว่าแล้ว... จึงพึ่งรู้สึกตัวว่าเขากับแจจุงนั้นไม่ได้ทานอะไรกันมาตั้งแต่เช้าแล้ว...



    "
    แจจุงไปหาอะไรทานกันดีกว่าน่า...นะ..."



    "
    นายหิวแล้วเหรอ? แต่ฉันยังไม่..."



    "
    พวกเรายังไม่ได้ทานอะไรตั้งแต่เช้าแล้วนะ หาอะไรทานก่อนแล้วเราก็ไปเดินย่อยที่ ' เมืองเทพนิยาย ' หลังจากนั้นค่อยไปเล่นต่อก็ได้นิ... " ยูชอนรู้ดีว่าทำไมแจจุงถึงไม่อยากไปทานอาหารเที่ยงเลยพูดดักไว้ก่อน



    "
    ก็ได้ๆ งั้นก็ไปกันเถอะ..."



    ชายหนุ่มเดินนำร่างบางมายังแถบร้านค้ามุมหนึ่งของสวนสนุก  ร้านอาหารต่างๆล้วนเนืองแน่นไปด้วยผู้คนที่มาต่อคิวกันยาวเหยียดเนื่องจากเป็นเวลาอาหารเที่ยงพอดี กว่าทั้งสองจะได้เข้าไปนั่งก็เกือบๆบ่ายโมง


    ร่างบางรีบตรงดิ่งเข้าไปยังโต๊ะที่ว่างอยู่ด้านในสุดของร้าน ตามด้วยชายหนุ่มที่นั่งลงตรงข้ามกัน  เมนูอาหารของร้านถูกวางลงต่อหน้าทั้งสองพร้อมกับบริกรสาวที่ปล่อยให้ทั้งสองมีเวลาเลือกอาหาร - เครื่องดื่มจากเมนู
    เมื่อหญิงสาวเดินกลับมาอีกครั้ง ชายหนุ่มก็เริ่มสั่งอาหาร...




    ผมขอกาแฟเย็น, ชาร้อน, คลับแซนวิซ, สเต็กเนื้อสันแล้วก็ซุปข้าวโพดกับขนมปังกระเทียมครับ แล้วนายล่ะ? เจ้าของเสียงทุ้มสั่งเป็นชุดเสียจนบริกรสาวจดรายการอาหารแทบไม่ทัน ก่อนจะหันไปถามเด็กหนุ่มที่สมุดเมนูยังบังใบหน้าหวานอยู่มิด



    เอ่อ....เดี๋ยวนะ... ร่างบางตอบทั้งที่ยังนั่งอ้ำอึ้งเพราะลังเลไม่รู้ว่าจะเลือกอะไรดี  แต่ร่างสูงกลับยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนจะหันไปสั่งอาหารเพิ่มแทนเด็กหนุ่มซะเอง...



    งั้น เอาสลัดผลไม้ สปาเกตตี้ไวท์ซอส ซุปไก่ข้นแล้วก็น้ำสตอเบอร์รี่เพิ่ม แค่นี้แหละครับ... ชายหนุ่มว่างพลางส่งเมนูคืนบริการสาว ในขณะที่ร่างบางหน้ามุ่ยมองหน้าตัวต้นเหตุอยู่นานสองนาน  แต่ร่างสูงก็ทำเป็นไม่สนใจอาการของคนตรงหน้า จนแก้มขาวเนียนพองลมป่อง เสียงหวานเอ่ยอย่างไม่พอใจ ถึงมันจะไม่ได้ดูเป็นอย่างนั้นในสายตาของยูชอนเลยก็ตาม



    ยูชอนอ่า~~ คนกินมันฉันไม่ใช่เหรอ? ทำไมนายถึงได้สั่งแทนฉันซะหล่ะ...



    ก็นายอยากเลือกช้าเองนี่นา อีกอย่างนะ ถึงนายจะสั่งเองก็ไม่ต่างจากนี้อยู่ดีไม่ใช่เหรอ?



    เฮ้อ~ นายเนี่ยนะ ไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ ว่าแต่นายจะบอกฉันได้รึยังว่านายพาฉันมามีอะไรคงไม่ได้แค่จะพามาเที่ยวอย่างนี้เฉยๆหรอกใช่มั้ย? ใบหน้าสวยกลับมาจริงจัง นัยน์ตาสีนิลจ้องเข้าไปหาความจริงในดวงตาคมเรียวของชายหนุ่ม หากแต่แววตาของชายหนุ่มไม่ได้บอกอะไรเลยแม้แต่น้อย ความเงียบระหว่างคนสองคนดำเนินไปจนในที่สุดเด็กหนุ่มก็เป็นฝ่ายทนไม่ไหวยอมแพ้เอาเสียก่อนจะรู้ความจริง...



    เอาเถอะ นายไม่พูด ฉันไม่ถามก็ได้...เสียงหวานว่าอย่างอ่อนใจ แผ่นหลังบางเอนพิงพนักเก้าอี้



    ทำไมล่ะแจจุง? ฉันจะพานายมาเที่ยวมันแปลกตรงไหนกัน?



    ถ้าเป็นเมื่อก่อนมันก็อีกเรื่องนี่...



    แจจุง!!!!~~” เสียงใสแสนคุ้นเคยจากด้านหลังเรียกให้ร่างบางหันควับไปอย่างเร็ว ภาพของเด็กหนุ่มร่างเล็กผมสีดำกำลังวิ่งเข้ามาหาเขา แจจุงลุกขึ้นยืนพร้อมกับร่างเล็กที่วิ่งมากระโดดกอดเข้าพอดี...



    ระ...เรียววุค นายมาอยู่ที่นี่ได้ไงเนี่ย...เสียงหวานเอ่ยอย่างตกใจระคนยินดี  รอยยิ้มแบบมีความสุขที่ห่างหายไปนานปรากฏบนใบหน้าสวย แม้ในใจนั้นออกจะหวาดหวั่นอยู่ลึกๆ



    ฉันมาเที่ยวกับพี่น่ะ  รู้มั้ยพี่ฉันดีใจมากเลยที่ฉันกลับไป พอเจอหน้าพี่ก็กอดฉันแล้วก็เอาแต่ร้องไห้ปากก็เอาแต่ขอโทษใหญ่เลย ฉันน่ะเกือบจะจมกองน้ำตาของพี่เลยนะ... ว่าแต่ออกมาจากที่นั้นเกือบสองอาทิตย์แล้วนะ ทำไมนายผอมลงอีกแล้วล่ะ ดูซิตัวนายนะซีดกว่าตอนที่อยู่ที่นั่นอีกนะ... ฉันบอกแล้วไงว่าให้ดูแลตัวเองบ้าง แต่ดูท่านายจะไม่ทำตามเลยสินะเนี่ย... เสียงใสว่ามาเป็นชุดยาวเหยียดอย่างไม่ปล่อยให้ร่างบางได้โต้แย้งอะไร ใบหน้าสวยได้แต่ยิ้มแหย เรียววุคยังคงพูดต่อไปโดยไม่ได้สนใจชายหนุ่มที่นั่งอยู่โต๊ะเดียวกับแจจุงเลยสักนิด



    เอ...ฉันว่ามันขาดอะไรไปนะ ใช่ สร้อยนายหายไปไหนซะแล้วล่ะ..?คำถามที่ทำเอาร่างบางถึงกับนิ่งไป สภาพสร้อยที่เสียหายยังติดตา แต่ก็ตอบเลี่ยงๆไป



    พอดีรีบเลยไม่ได้ใส่มาน่ะ เอ...แล้วพี่นายเขาไปไหนซะล่ะ? เสียงหวานเอ่ยพลางมองหาพี่ชายของร่างเล็ก ความจริงแล้วเด็กหนุ่มแค่ต้องการเปลี่ยนเรื่องเท่านั้น เพราะเขาไม่อยากให้ยูชอนรู้เรื่องตลอด 5 ปีที่ผ่านมา...



    พี่ไปซื้อไอศกรีมอยู่นะ พอดีฉันเห็นหลังนายคิดว่าคุ้นๆน่าจะใช่ ลองเรียกดูก็เป็นนายจริง...  อ่ะ...เกือบลืมเรื่องสำคัญ นายยังเจ็บตรงนี้อยู่มั้ย? เสียงใสเอ่ยอย่างเป็นห่วง มือเรียวเล็กแตะไปที่ข้อมือแล้วเลื่อนไปที่หน้าอกของร่างบาง ดวงหน้าสวยส่ายหน้าไปมาเป็นการปฎิเสธ...



    ไม่แล้วล่ะไม่ต้องห่วง... แจจุงเลือกที่จะโกหกออกไปเพราะไม่อยากให้ร่างเล็กต้องเป็นห่วง  แต่ดูเหมือนว่าเรียววุคเองก็ไม่ได้เชื่อในรอยยิ้มบางๆนั้นมากนัก เพราะรู้นิสัยของแจจุงดีว่าชอบฝืนตัวเอง และไม่อยากทำให้คนอื่นต้องเป็นห่วงตัวเองมากแค่ไหน



    เอาเถอะ...นายบอกว่าไม่เป็นไรฉันก็จะพยายามเชื่อ ร่างเล็กว่า ก่อนจะคว้านหาของในกระเป๋าสะพายของเจ้าตัวเอง แล้วยืนให้เด็กหนุ่ม เป็นกระดาษนามบัตรใบหนึ่ง... หัวกระดาษเขียนไว้ว่า

     



    โรงพยาบาลกลาง กรุงโซล

      คิมจองฮุน ( Kim Junghoon )

    แพทย์เฉพาะทางด้านหัวใจ  : หัวหน้าแผนกศูนย์ควบคุมและรักษาโรคหัวใจ



     

    ...นี่นามบัตรเพื่อนพี่ชายฉัน ถ้าเกิดเป็นอะไรขึ้นมานายไปหาเขาก็ได้นะ พี่บอกว่าเขาเก่งมาก...  วางใจได้...



    ขอบใจนะเรียววุค... เด็กหนุ่มรับมาเก็บไว้พร้อมกับยิ้มให้ร่างเล็ก  ในขณะที่เรียววุคเองก็พึ่งนึกอะไรออก...



    แล้วนี่ชางมินล่ะ ไม่ได้มาด้วยกันเหรอ?เสียงใสเอ่ยถามถึงเพื่อนเก่าอีกคนที่ไม่เห็นอยู่ด้วยกันทั้งที่ปกติจะเห็นชางมินอยู่กับแจจุงตลอดช่วงเวลาที่ต้องร่วมทุกข์ด้วยกันมาในนรกนั่น  ความเข้าใจในความเจ็บปวดของกันและกันที่คนอื่นไม่มีวันเข้าใจ...  มันทำให้ 5 ปีที่ผ่านมา ความสัมพันธ์พวกเขาเป็นยิ่งกว่าเพื่อนที่รู้ใจกันซะอีก  เรียววุคเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ร่างเล็กหน้ารักน่าหยิกคนนี้เองก็ไม่ต่างกับแจจุง เพียงแต่ระยะเวลาในนรกนั้นอาจจะน้อยกว่าก็เท่านั้น...



    อืม...รายนั้นเขาไปสวีทกับที่รักเขาอยู่น่ะ   ร่างบางยิ้มตอบเรียยวุคที่พึ่งจะสังเกตเห็นยูชอน ชายหนุ่มที่นั่งฟังบทสนทนาทุกประโยคอย่างตั้งใจเพื่อที่จะได้รู้เรื่องในอดีตของแจจุง...



    นั่นใครเหรอ? ร่างเล็กแอบกระซิบถามเด็กหนุ่ม แต่คงจะกระซิบดังไปหน่อย เลยกลายเป็นว่าชายหนุ่มแย่งตอบซะเอง



    ผมปาร์คยูชอน ครับเป็นเพื่อนของแจจุงยินดีที่ได้รู้จักครับ คุณ...เอ่อ... ชายหนุ่มเงียบไปเพราะไม่รู้ว่าควรเรียกร่างเล็กตรงหน้าว่าอะไร



    เรียก...เรียววุคเหมือนแจจุงก็ได้ครับ... อ่ะ...พี่มาแล้วล่ะ ฉันไปก่อนนะแจจุง... ยังไม่ทันจะได้คุยอะไรกันมากกว่านั้น ร่างเล็กก็รีบบอกลาแล้วจากไป โดยไม่ได้สังเกตร่างบางที่ยิ้มเจื่อนๆ แผ่นหลังเล็กไกลออกไปทุกที  ความเงียบงันระหว่างคนสองคนกลับมาอีกครั้ง เพียงแต่บรรยากาศแตกต่างมากกว่าเดิม

     



    ขอโทษนะค่ะ อาหารที่สั่งได้แล้วค่ะ... เสียงหวานแหลมด้านข้างโต๊ะดังขึ้น บริกรสาววางจานสเต็กกลิ่นหอมหวนลงเป็นอย่างแรกตามด้วยสลัดผลไม้และอีกหลายอย่างจนเต็มโต๊ะ หญิงสาวโค้งตัวลงเล็กน้อยหลังจากหน้าที่ของเธอเสร็จเรียบร้อย...



    ทานสิแจจุง เอาแต่มองหน้าฉันมันไม่อิ่มหรอกนะ... เสียงเอ่ยพลางเริ่มจัดการสเต็กเนื้อราดซอสตรงหน้าโดยไม่สนใจจะถามถึงเรียววุคเลยสักนิด ที่ไม่ถาม...ไม่ใช่ว่าไม่อยากรู้ แต่มันยังไม่ถึงเวลา เขาไม่อยากทำให้ความสุขและรอยยิ้มของคนตรงหน้าหายไปเร็วนัก ในขณะที่เด็กหนุ่มได้แต่อ่ำอึ้งที่ยูชอนไม่ถามอะไรเลย...

     



    หลังจากช่วงเวลาอาหารเที่ยงผ่านไป ยูชอนก็ปล่อยให้แจจุงได้เล่นไปทั่วโดยไม่ได้เอ่ยถามอะไรแม้แต่นิดเดียว เวลาล่วงเลยมานานจนเย็น ท้องฟ้าสีแดงพร้อมกับดวงอาทิตย์ที่กำลงจะตกดิน ตอนนี้ยูชอนและแจจุงกำลังยืนอยู่หน้าเครื่องเล่นชิ้นสุดท้ายที่ยังไม่ได้เล่น...ชิงช้าสวรรค์... ซึ่งอยู่ด้านในสุดของสวนสนุกแห่งนี้ ร่างบางยืนมองชั่งใจอยู่เพียงครู่เดียวก็หันหลังกลับ เสียงหวานเรียกชายหนุ่มที่มองตนอย่างไม่เข้าใจ



    กลับเถอะ...ยูชอน...



    แจจุง...



    นายไม่ขึ้นอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? ...ฉันไม่อยากขึ้นคนเดียวนี่นา... เหตุผลที่ยกมาบังหน้าคือ เรื่องกลัวความสูงของชายหนุ่ม แต่ยูชอนเองก็รู้เหตุผลที่แท้จริงดี เพราะคนที่จะขึ้นไปนั่งคู่กันนั้นไม่ได้มาด้วย และอาจจะไม่มีวันมาด้วยอีกตลอดไปก็ได้...



    อืม...งั้นก็กลับกันเถอะ...

     

     

     


    ในอีกด้านหนึ่ง....

      โรงพยาบาลกลาง กรุงโซล



    ชายหนุ่มผมทองนั่งรอเพื่อนสนิทผู้เป็นหมอที่ยังไม่ยอมมาเข้าเวรมาเป็นเวลาเกือบ 2 ชั่วโมง นาฬิกาที่ผนังห้องบอกเวลา 5 โมงเย็นกว่าๆ   นั่นก็หมายความว่าฮันกยองนั้นมาตั้งแต่ บ่าย 3 โมงแล้ว  ในที่สุดเวลาแห่งการรอคอยของชายหนุ่มก็หมดลง เมื่อเสียงทุ้มเพื่อนสนิทของเขาดังขึ้นจากด้านหลัง...



    เฮ้...ฮันกยอง ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ... มาทำอะไรเหรอ?



    ไอ้หมอ!!~... ฉันมารอแกตั้งแต่บ่าย 3 แล้วโวย... พึ่งเสด็จมาได้นะแก มือถือก็ไม่เปิดมันน่านัก... ชายหนุ่มพูดพลางทำท่าจะอักศอกใส่เพื่อนเก่าตัวดีที่ปล่อยให้เขานั่งรอตั้ง 2 ชั่วโมง...



    เอาน่า... ฮันนี่ก็โมโหไปได้ โทษทีๆ พอดีน้องฉันกลับมาแล้วนะ เลยพาไปเที่ยวซะหน่อย อย่าว่ากันเลยนะ... ว่าแต่นายมีอะไร...?ชายหนุ่มกำลังจะอัดเพื่อนอีกสักรอบเพราะ สรรพนามที่มันใช้เรียกเขานั่นแหละ ถ้าไม่ติดว่าสิ่งที่ถามมันสำคัญมากกว่าหรอกนะ...



    ฉันมีเรื่องอยากปรึกษา แล้วก็หวังว่านายจะช่วยฉันได้... น้ำเสียงจริงจังที่เรียกให้รอยยิ้มบนใบหน้าแพทย์หนุ่มหุบลง  นานแล้วที่ไม่ได้เห็นเพื่อนตัวเองจริงจังขนาดนี้...



    ไปคุยกันที่ห้องเถอะ  ตามมาสิ... นายแพทย์หนุ่มในชุดกาวน์สีขาวสะอาดตาเดินนำชายหนุ่มไปในห้องทำงานของตัวเองที่อยู่ไม่ไกลจากที่ที่ฮันกยองนั่งรอนัก  หน้าบานประตูสีเดียวกับผนังของโรงพยาบาลติดชื่อเจ้าของห้องเอาไว้

     



    = = = = = = = = = = = = = = =

    หัวหน้าแผนก

    คิมจองฮุน ( Kim Junghoon )

    = = = = = = = = = = = = = = =


     

    ฮันกยองเดินเข้าห้องไปก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งโซฟาสีครีมที่ยังว่างอยู่มุมห้อง ในขณะที่แพทย์หนุ่มนั่งลงบนโซฟาที่อยู่ตรงข้ามกัน บนโต๊ะมีแก้วกาแฟร้อนที่พยาบาลสาวยกมาบริการให้ก่อนจะเดินออกไป ในห้องตอนนี้จึงมีเพียงฮันกยองกับเจ้าของห้องเท่านั้น



    นายมีอะไรก็ว่ามา...?



    จองฮุน... คือว่า....บทสนทนาของชายหนุ่มทั้งสองดำเนินไปเรื่อยๆ โดยไม่มีผู้ใดล่วงรู้...

     


     





    ห้องอาหารขนาดกลางของโรงแรม เซนท์มาเรีย ในเครือบริษัทคิม ถูกเลือกเป็นที่รับประทานอาหารค่ำคืนนี้  ห้องอาหารสุดหรูที่มีแม่ของแจจุงเป็นคนออกแบบ เมื่อก่อนตอนเด็กๆแจจุงเคยมากับพ่อแม่ ตอนที่ครอบครัวของเขายังอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา สิ่งของ การจัดวาง หรือบรรยากาศรอบๆยังคงเหมือนเดิม มันทำให้เขาคิดถึงอดีต...อดีตที่เต็มไปด้วยความสุข...



    ยินดีต้อนรับครับ  2  ท่านนะครับ

    ครับ เอ่อ...ผมขอโต๊ะริมหน้าต่างนะครับ...



    ได้ครับ เชิญทางนี้... บริกรหนุ่มผายมือเข้าไปด้านในร้านก่อนจะเดินนำสองหนุ่มไป  จนมาถึงโต๊ะริมกระจกบานใหญ่ ซึ่งอยู่ด้านในสุด ซึ่งไม่มีลูกค้าคนอื่นๆเลย อาจเป็นเพราะว่าทั้งสองคนมาเร็วเกินไป บริกรหนุ่มส่งเมนูให้ทั้งสองคน คราวนี้ร่างบางรับเมนูมาแล้วส่งให้ยูชอนที่ได้แต่ทำหน้างงๆ แต่คำพูดประโยคถัดมาก็ทำให้เข้าใจ



    นายเลือกเองเหอะ... ยังไงเดี๋ยวนายก็สั่งแทนฉันอยู่ดี... ยูชอนพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ ก่อนจะเริ่มสั่งอาหาร ในขณะที่เด็กหนุ่มมองออกไปยังนอกหน้าต่าง



    ร้านอาหารแห่งนี้อยู่บนชั้นบนสุดของโรงแรม ภาพภายนอกหน้าต่างจึงทำให้เด็กหนุ่มนึกถึงนรกนั่นไม่ได้ เพราะสิ่งที่เห็นนั้นไม่ต่างกัน ท้องฟ้าสีดำสนิท ถูกประดับประดาไปด้วยดวงดาวส่องแสงระยิบระยับ  เมืองที่เต็มไปด้วยแสงสีเสียงเพลงและ ผู้คนมากมายเดินไปยังจุดหมาย โลกภายนอกที่สวยงามแต่จับต้องไม่ได้


     

    หลังจากบริกรหนุ่มรับออเดอร์รายการอาหารครบก็ไปทำหน้าที่ของตนต่อ ยูชอนมองแจจุงที่เหม่อมองไปนอกหน้าต่าง  มันถึงเวลาที่เขาควรจะรู้เรื่องราวทุกอย่างได้แล้วแม้ว่ามันอาจจะทำให้เขาต้องรู้สึกผิดมากกว่าเดิมก็ตาม...

     


    แจจุง...นายอยากรู้ใช่มั้ยว่าฉันพานายมาทำไม? ดวงหน้าสวยหันกลับมามองตาชายหนุ่ม



    เพราะฉันอยากรู้...ความจริง...



    ความจริง...? ความจริงอะไร?เสียงหวานซ่อนความตื่นตระหนกไว้ไม่มิด ในขณะที่ร่างสูงยังรักษาความต้องการอยากรู้ให้อยู่ภายใต้สีหน้าเรียบๆ



    ก็อย่างเช่น เหตุผลจริงๆที่นายบอกความจริงกับจุนซู หรือไม่ก็...เรื่องรอยแผลนี่... เสียงทุ้มว่าพลางคว้าข้อมือข้างซ้ายของเด็กหนุ่มพลิกหงายขึ้นเผยให้เห็นรอยสีน้ำตาลแดงจางๆ เป็นทางยาว... ร่างบางสะบัดทิ้งอย่างไม่แยแส แต่ก็ไม่อาจโต้แย้งอีกฝ่ายได้เช่นกัน...  

     


    ความจริงแล้วยูชอนเองก็เพิ่งสังเกตว่าที่แขนซ้ายของแจจุงนั้นมีรอยแผลที่มองยังไงก็รู้ว่าเกิดจากการกรีดข้อมืออย่างแน่นอน... โดยปกติแล้วแจจุงมักจะใส่เสื้อแขนยาวจนปิดไว้มิดอยู่เสมอ หรือไม่ก็มีสร้อยข้อมือที่สวมไว้จนคนทั่วไปไม่สังเกต  เป็นเพราะว่าวันนี้เด็กหนุ่มรีบจึงไม่ได้ใส่สร้อยข้อมือไว้... ส่วนเสื้อแขนยาวสีฟ้าอ่อนที่ใส่มาวันนี้ก็ไม่ได้ช่วยปกปิดรอยแผลนั้นเลยแม้แต่น้อย

     


    ความจริงที่อาจจะได้รู้ในวันนี้ทำเอาใจของชายหนุ่มสั่นเอาดื้อๆ เพียงแค่เศษเสี้ยวของความจริงยังทำให้เขารู้สึกได้มากขนาดนี้ แล้วถ้าเป็นทั้งหมดล่ะ...จะมากขนาดไหนกันนะ




    To Be Con...




     ด้วยคำแนะนำจากคุณเพื่อนที่รัก [ ก้าวแรกแห่งฝัน ]
    มันบอกว่าตอนนี้ไม่เหมาะ
    NC
    เอาไว้ตอนหน้าดีกว่า 55+

    ปล. บีจีใหม่เป็นไงบ้างเจ้าค่ะ ภูมิใจนำเสนอสุด
    เอ๊ะๆๆๆ  นู๋เซียหายใช่มั้ยค่ะ???
    55+ ไม่ได้หายหรอกเจ้าค่ะอยู่เหมือนกันแหละแต่อยู่ใต้ๆหน่อย
    (เป็นความซวยของโลมาเอง...) 
    เอาไว้คราวหน้าจะทำให้เห็นชัดๆนะเจ้าค่ะ 55+

    ปล2. ว่าแต่จบอย่างนี้...ค้างไปมั้ย???
    กด 1 ค้าง..... [ เม้นต์เยอะๆสิ พรุ่งนี้จะมาต่อให้ ]
    กด 2 ไม่ค้าง.... [ เอาไว้วันหลังค่อยต่อก็แล้วกันนะ ]
    กด 3 เฉยๆ.... [ บ๊ายบาย เจ้าค่ะ ชาติหน้าตอนบ่ายๆค่อยเจอกันใหม่]
    - - + +-b g-น่า รัก

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×