คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Intro คำถาม
Intro
คำถาม
เสียงเพลง Who I am ดังลอดออกมาจากหูฟังของคนที่กำลังหลับตาพริ้มอยู่ที่เบาะนั่งแถวหลังสุดของรถประจำทางสาย 89 มันดังเสียจนคนที่แอบมองอยู่นึกสงสารว่าเสียงเพลงนั่นมันจะทำลายระบบประสาทสัมผัสทางการได้ยินของเจ้าของเครื่องเล่น MP3 ไปมากน้อยแล้วแค่ไหน
อี ทงเฮคือคนที่ลอบมองอยู่หลายครั้ง เขาคิดว่าตัวเองควรจะเดินเข้าไปปลุกชายคนนั้นดีหรือว่าจะปล่อยให้คนๆ นั้นสะดุ้งตื่นขึ้นมาเอง เวลาผ่านไปห้านาทีกว่าๆ ร่างบางก็ลอบถอนหายใจยาวอย่างนึกโล่งอกเมื่อเพลงหยุดลง ทว่ามันกำลังอยู่ในโหมดเปลี่ยนเพลงต่างหาก
เพลงต่อไปเริ่มขึ้นแล้ว...
เสียงเพลงที่ดังขึ้นไม่ใช่เพลงที่นุ่มนวลอย่างเพลงแรก แต่กลับเป็นเพลงแนวร็อคแอนโรล์ที่แสนจะแสบแก้วหู ขนาดคนที่นั่งอยู่ไกลยังรู้สึกรำคาญขนาดนี้ แล้วคนที่เอาหูฟังแนบกับหูจะไม่รู้สึกตกใจตื่นบ้างเลยหรือ
หากแต่เขากลับหลับสนิทตามเดิม ศีรษะที่ค่อยๆ เอียงไปซบหน้าต่างกระแทกกับกระจกใสจนทงเฮคิดว่าสมองของชายคนนั้นอาจจะถูกกระทบกระเทือนแล้วแน่ๆ
“เอ่อ...คุณ...”
ทงเฮยื่นมือออกไป แต่ก็ชั่งใจไว้เมื่อคิดว่ามันอาจจะเสียมารยาทไปหรือเปล่าที่ทำแบบนี้ บางทีคนๆ นั้นอาจจะไม่ต้องการความช่วยเหลือจากใครเลยก็ได้ มือบางชักกลับมาเกาศีรษะของตนด้วยความขวยเขิน คนบนรถประจำทางเริ่มจ้องมาทางเขากันใหญ่ สายตาแต่ละคนกำลังขอร้องให้ทงเฮปลุกคนที่สร้างความรำคาญเสียที
“อ่า...ทำยังไงดี ตื่นสักทีเถอะครับ ผมกำลังจะลงป้ายหน้าแล้วนะ”
เด็กหนุ่มทงเฮยืนขึ้นเต็มความสูง ป้ายต่อไปก็จะถึงบ้านของเขาแล้ว เขาย่ำเท้าไปบนพื้นอย่างร้อนใจ นิ้วเรียวจิ้มไปกดกริ่งเพื่อขอลงจากรถประจำทาง ก่อนจะรีบวิ่งไปหาชายคนนั้นด้วยความเร็วแสง และภายในเสี้ยววินาทีที่ทงเฮกำลังจะเอื้อมมือไปเขย่าร่างของชายคนนั้น เขาก็ยังทันสังเกตใบหน้าขาวซีดของชายแก้มตอบอีกด้วย จมูกโด่งเป็นสันแต่ไม่ได้สวยเด่นอะไร ทว่ามันเข้ากับริมฝีปากที่หยักได้รูปเป็นอย่างดี ผมสีทองที่ไถด้านข้างออกเกือบหมดและเซ็ทผมด้านหน้าให้ยุ่งเหยิงนิดๆ ทำให้หน้าของเขาดูเรียวมากขึ้นไปอีก
จะผอมไปไหนนะ
ทงเฮนินทาชายคนนั้นอยู่ในใจ ก่อนจะสะดุ้งขึ้นเมื่อได้ยินเสียงประตูรถประจำทางเปิดออก มือที่กำลังจะสัมผัสท่อนแขนของชายคนนั้นชะงักทันทีเมื่อเขาลืมตาขึ้น
“จะทำอะไรน่ะ?”
สายตาที่ไม่ค่อยเป็นมิตรมองมายังทงเฮด้วยความสงสัย ร่างบางชักมือกลับมาเกาศีรษะตัวเองอีกครั้งตามสไตล์ของตัวเอง เขาเพิ่งสังเกตเห็นดวงตาเฉี่ยวของชายผมทองคนนี้
ดวงตาน่ามองจัง
ความคิดของทงเฮที่ชอบนินทาคนอื่นผุดขึ้นมาอีกแล้ว เขาสะบัดหน้าสองสามทีก่อนจะรีบตอบอีกฝ่ายที่ทำหน้าตาเครื่องหมายคำถามใส่เขา
“เพลงคุณเสียงดังมากเลยน่ะครับ ผมแค่จะปลุก”
“หืม?”
ชายคนนั้นถอดหูฟังออก เขาปิดเครื่องเล่น MP3 และดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้ยินประโยคที่ทงเฮพูดออกไปเมื่อครู่นี้ด้วย เสียงประตูกำลังจะปิดลงและรถก็กำลังจะเคลื่อนออกไป ทงเฮจึงรีบกดกริ่งรัวก่อนจะแทรกตัวลงมาอย่างรถอย่างรวดเร็วที่สุด
ร่างบางยืนตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม เขาหันหลังให้รถประจำทางที่เคลื่อนออกไปช้าๆ รู้สึกใจเต้นเหลือเกินที่ไปคุยกับชายแปลกหน้าแบบนั้น นี่เป็นครั้งแรกที่ทงเฮรู้สึกว่าตัวเองทำอะไรบ้าๆ แต่สาบานได้ว่าเขาจะไม่ทำอะไรเปิ่นๆ อย่างวันนี้อีกแล้ว
ผ่านไปเกือบนาที รถประจำทางคงเคลื่อนออกไปไกลมากแล้ว เด็กหนุ่มพ่นลมออกจากปากกลมๆ ก่อนจะหมุนตัวกลับไปมอง แต่ก็ต้องสะดุ้ง
“เฮ้ย! คุณ...”
“อะไรของนาย?”
ผู้ชายคนเมื่อครู่ลงจากรถมาด้วยอย่างนั้นเหรอ ทงเฮคิดอยู่ในใจ ชายแปลกหน้าถามว่า ‘อะไร’ อีกแล้ว ดูเหมือนว่าคนๆ นี้จะมีความสามารถพิเศษในการตั้งคำถามแบบนี้นะ ทงเฮรู้สึกหน้าชา เขาเพิ่งสาบานไปเองว่าจะไม่ทำอะไรบ้าๆ อีก แต่นาทีต่อมาทงเฮก็ยังคงทำมัน ร่างบางหมุนตัวแล้วเดินออกไปตามทางกลับบ้านของตน เขาไม่กล้าหันหลังกลับไปมองชายแปลกหน้าคนนั้นอีกเลย
หากแต่เสียงฝีเท้ายังดังตามหลังมาอยู่เรื่อยๆ
ตึก...
ตึก...
“คุณจะเดินตามผมมาทำไมครับ”
ทงเฮหันกลับไปถามด้วยแววตาใสซื่อ ชายคนนั้นเหวี่ยงกระเป๋าเป้สีขาวไปพาดบ่าทำให้ทงเฮเพิ่งสังเกตเห็นว่าเขาสะพายกระเป๋ามาด้วย ดวงตาคู่เฉี่ยวมองกลับมาที่ทงเฮด้วยสายตานิ่งๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้น
“ใครเดินตามนาย?”
“ผมถามคุณก่อนนะครับ แล้วทำไมคุณต้องพูดแต่ประโยคคำถามด้วย”
“นั่นน่ะสิ แล้วเมื่อกี๊นายว่าใครเดินตามนาย”
เสียงลมหายใจพ่นออกมาทางจมูกด้วยความหงุดหงิด เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าทำไมผู้ชายที่ทำตัวไม่เป็นมิตรจึงสะกดใจเขาได้ดีเช่นนี้ ผู้ชายคนนั้นจ้องท่าทางร้อนรนของทงเฮ ทงเฮเองก็จ้องชายคนนั้นกลับไปเช่นกัน แต่แทนที่เขาจะหลบสายตาก่อน ดวงตาที่ใสซื่อกลับทำให้ชายคนนั้นต้องเบือนหน้าหนี
“ผมคิดว่าคำถามของผมอาจจะไม่สำคัญพอที่จะให้คุณตอบ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”
ทงเฮบอกอย่างสุภาพ เขากล่าวลาและโค้งตัวให้ชายคนนั้นก่อนจะเดินออกมา แต่ว่าเสียงฝีเท้ายังคงดังตามเขาอยู่เรื่อยๆ ดวงตะวันที่คล้อยลงต่ำทอดเงาของพวกเขาเป็นแนวยาวไปทางด้านหลัง คนที่เดินอยู่ด้านหลังจึงสามารถเป็นฝ่ายที่ได้แอบมองบ้าง แผ่นหลังบางของเด็กหนุ่มตัวเล็ก อายุน่าจะประมาณยี่สิบต้นๆ ซึ่งแน่นอนว่าเด็กกว่าเขาหลายปีเลยทีเดียว
ดวงตาที่จ้องมาหาเขาเมื่อครู่นี้...บริสุทธิ์
บริสุทธิ์เสียจน...อี ฮยอกแจต้องเป็นฝ่ายเมินหน้าหนีเสียเอง
เขาปฏิเสธไม่ได้ว่า...เขาเองก็ใจสั่นเช่นกันที่เด็กนั่นจ้องมาเช่นนั้น
ที่บ้านหลังเล็กๆ ในสุดของซอย ชายหนุ่มร่างสูงกำลังวุ่นอยู่กับการเตรียมอาหารถึงเก้าอย่างเพื่อต้อนรับน้องชายต่างมารดาที่กำลังจะกลับมาในเย็นนี้ เขาทำอาหารไม่ค่อยเก่งเท่าไรนัก แถมยังทำท่าทางงกๆ เงิ่นๆ เหมือนคนแก่ และเมื่อพลิกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู พื้นที่เท้าสัมผัสอยู่ก็ดูเหมือนจะร้อนขึ้นจนเขาต้องกระโดดโลดเต้นโหยงเหยง
“ทงเฮจะมาแล้ว โอ๊ยๆ ทำไม่ทันแน่เลย”
“กลับมาแล้วคร้าบ...”
เสียงใสลากยาวมาจากทางประตูหน้าบ้าน ชเว ซีวอนเบิกตาโพลงอย่างตกใจ อาหารเสร็จไปแล้วแปดอย่าง เหลือซุปข้าวโพดของโปรดทงเฮเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
“โห พี่ซีวอนทำอะไรน่ะ หอมเชียว”
เด็กหนุ่มร่างบางค่อยๆ ปรากฏตัวอยู่ด้านหลังของซีวอน และเมื่อร่างสูงหันไปพบน้องชาย เขาก็ยิ้มกว้างจนริมฝีปากแทบจะเป็นรูปสามเหลี่ยมมุมป้านคว่ำ ทงเฮโผเข้ากอดพี่ชายเบาๆ เพื่อทักทาย ก่อนจะเอียงคอส่งยิ้มแป้นน่ารัก
“ไปนั่งรอที่โต๊ะอาหารก่อนสิ เดี๋ยวพี่ตามไป”
“มีอะไรพิเศษเหรอครับ?”
ทงเฮถามด้วยความอยากรู้ แต่พี่ชายตัวโตกลับยักไหล่ให้เท่านั้น คนเป็นน้องจึงเดินไปนั่งที่โต๊ะอย่างว่าง่ายโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าการกลับมาที่บ้านแห่งนี้หลังจากห่างหายไปนานกว่าหกเดือนทำให้คนที่รออยู่รู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่อีกครั้ง
เพียงไม่นาน ซีวอนก็เดินกลับมาพร้อมซุปข้าวโพดที่เป็นอาหารอย่างที่เก้า ทงเฮยิ้มไม่หุบเลยตั้งแต่กลับมา ร่างบางรับช้อนกับตะเกียบมาจากซีวอน ก่อนจะลงมือชิมซุปข้าวโพดเป็นอย่างแรก
“อ๊า ร้อนๆ”
“ใจเย็นๆ ก็ได้ พี่ทำอาหารพวกนี้ให้นายคนเดียวนะ”
ทงเฮกำลังชื่นชมกับอาหารทั้งก้าวอย่างที่พี่ชายเป็นคนทำให้ ซีวอนขยี้ผมน้องเบาๆ ก่อนจะลองชิมฝีมือตัวเองดูบ้างว่ามันจะย่ำแย่สักแค่ไหน เขาลอบมองทงเฮอยู่หลายครั้ง ทงเฮยิ้มกว้างอยู่ตลอดเวลาจนซีวอนที่ชั่งใจอยู่สักพักต้องเอ่ยถามขึ้น
“ทำไมวันนี้ดูอารมณ์ดีจัง?”
ทงเฮวางตะเกียบและช้อนลงเบาๆ มือบางยกขึ้นทาบแก้มที่รู้สึกว่าจะร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด แต่สิ่งที่น่าแปลกกว่านั้นคือการที่เขานึกถึงภาพของคนแปลกหน้าที่เพิ่งเจอกันเมื่อครู่
“ม...ไม่มีอะไรหรอกครับ”
รีบแก้ตัวอย่างตะกุกตะกัก ก่อนจะยกน้ำขึ้นดื่มด้วยความเขินอาย
“มีคนบอกว่าถ้าเราได้เห็นคนที่เราหลงรักอยู่ตรงหน้า เราจะหุบยิ้มไม่ได้นะ”
พรวด!
ทงเฮสำลักน้ำที่เพิ่งดื่มไปเมื่อครู่ออกมาจนพี่ชายตกใจ การที่เราพบใครครั้งแรกแล้วใจสั่นมันจะเรียกว่าความรักได้เลยหรือ เท่าที่เขาอ่านหนังสือมา ในหนังสือบอกไว้ว่าความรักต้องเกิดจากความผูกพัน ทว่าการที่ทงเฮรู้สึกแปลกๆ อย่างวันนี้ก็ทำให้เขาหาคำตอบให้กับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้เลย
“พี่ซีวอนก็หุบยิ้มไม่ได้เหมือนกันนั่นแหละ”
ทงเฮรีบบ่ายเบี่ยง แล้วโยนความผิดไปให้พี่ชายต่างมารดา ความจริงแล้วซีวอนเป็นทั้งพี่ชายต่างมารดาและต่างบิดาของทงเฮด้วย เพราะพ่อของทงเฮแต่งงานครั้งที่สองกับแม่ของซีวอน พวกเขาจึงต้องมากลายเป็นพี่น้องกัน ร่างบางก้มหน้าก้มตาทานอาหารฝีมือของคนเป็นพี่อย่างเอร็ดอร่อยโดยไม่รู้เลยว่าสายตาของซีวอนในตอนนี้เป็นเช่นไร
พี่จะหุบยิ้มได้ยังไง ในเมื่อคนที่พี่รักอยู่ตรงหน้านี่เอง
Talk with Lee Seen
เป็นฟิกอึนเฮเรื่องแรก คู่รองคือคยูฮยอนเป็นเคะ
แต่ตอนนี้ขอดองคยูฮยอนไว้ในใจซีนก่อนนะคะ
เพราะมันเป็นเรื่องแรก เลยไม่รู้ว่าจะแต่งออกมาได้ดีแค่ไหน
ต้องการกำลังใจเป็นคอมเม้นท์ด้วยความเร่งด่วนเลยค่ะ
อยากบอกว่าฟิกเรื่องนี้ไม่ดราม่านะคะ แต่มันจะโรแมนติกนิดๆ เลี่ยนหน่อยๆ
หวังว่าคงจะมีคนที่ถูกใจบ้างน้า...
ความคิดเห็น