ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC 2pm ] เรื่องวุ่นๆของชมรมบ่ายสอง (TaecxKhun)

    ลำดับตอนที่ #1 : สัญญาสายเลือด

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.05K
      13
      12 เม.ย. 53

    writer box - มีคนบ่นว่าอ่านเจอเรื่องเครียดๆตอนแรกแทบจะ

    คลานออกจากหน้านี้ไม่ทัน 555 ก็เลยขอเรียบเรียงใหม่ ให้อ่านง่ายขึ้นนะจ๊ะ 

    เปลี่ยนจากการเล่าประวัติซาสตร์ของชาติเกา เป็น คุณปู่เล่านิทานแทน














    นิชคุณหลานปู่ อยากฟังนิทานมั้ย....




    อยากฟังฮับ....นิทานของคุณปู่สนุกทุกเรื่องเลยผมชอบ



    งั้นวันนี้มาฟังเรื่อง ‘สัญญาของชาติทหาร’ ดีมั้ย



    กระดิ่งลมส่งเสียงกรุ้งกริ่งไพเราะ เหนือบานประตูกระจกที่เปิดรับลมโกรกเย็นสบายเป็นพักๆ

    จนมองเห็นดอกทานตะวันในแปลงหลังบ้านเริ่มล้อเล่นกับสายลมจนโอนเอนอ่อนไหว

    ภายใต้แสงจันทร์ที่ทอดตัวลงมาอ่อนโยน

    เหมือนกล่อมเกลาและห่มร่างเด้กน้อยที่นอนหนุนตักชายแก่ด้วยบรรยากาศอบอุ่น

    มือสีคร้ามแดดที่เต็มไปด้วยรอยย่นนั้น ป้องไฟที่โชติช่วงจากหัวไม้ขีดก่อนจะจรดจุดลงที่ยากันยุงขดสีเขียว

    อีกมือที่ว่างนั้นก็ลูบศีรษะน้อยๆที่ไซร้แขนเขาอย่างออดอ้อน



    ชายสูงอายุเริ่มเล่าเรื่อง…




    กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีนายพลทหารคนไทยคนหนึ่ง ถูกส่งไปรบที่เกาหลีใต้ ตามคำสั่งกองทัพ

    เขาต้องคุมกองทัพหลายร้อยคน เพื่อช่วยเกาหลีใต้จากการรุกรานของเกาหลีเหนือ

    เมือ่ไปถึง ปรากฏว่า ที่นั่นอากาศหนาวมาก และ เสบียงอาหารก็เริ่มจะหมด

    ทหารหลายคนในกอง นั้นเกือบจะล้มตาย เพราะความหนาวและหิว





    ...หนาวขนาดไหนเหรอครับคุณปู่



    …หนาวกว่า ตอนที่หลานตักน้ำเย็นๆอาบจากตุ่ม ในคืนหน้าหนาวบ้านเรานเสียอีกนะหลานเอ๋ย…



    ทั้งหนาวทั้งเงียบเหงา มีแต่เสียงลมพายุหิมะหวีดร้อง จนทหารชั้นผู้น้อยบางคนเริ่มล้มป่วย




    ....เด็กน้อยพยายามจินตนาการพายุหิมะตาม การ์ตูนดิสนี่ย์ที่พ่อเคยเปิดให้ดู

    น่าเสียดายที่ในเมืองไทยไม่เคยมีหิมะตก มิอย่างนั้นเขาคงจะรับความรู้สึกได้ดีพอๆกับเรื่องเล่า คุณปู่เริ่มเล่าต่อ





    นายพลทหารคนนั้นเริ่มสังเกตุเห็น ทหารล้มป่วยทีละคน จึงไม่สามารถเดินทัพต่อไป

    เขาได้สั่งให้ตั่งค่ายทหาร ใกล้หมู่บ้านแห่งหนึ่ง





    เด้กน้อยที่นั่งตักคุณปู่ เริ่มจ้องของเล่นที่คุณปู่ซื้อให้ มันกระจัดกระจายอยู่รอบๆพื้น

    มีทั้งตุ๊กตาทหารนายพล และตุ๊กตาทหารชั้นผู้น้อย รถถังเอย เครื่องบิน และป้อมค่ายจำลอง

    มือเล็กหยิบฉวยมันมาอวดโชว์คุณปู่ ด้วยรอยยิ้มน่าเอ็นดู



    pic credit : http://fws.cc/panejorn/index.php?topic=462.0



    …ใช่แล้วหลาน นั่นแหละป้อมค่าย และหมู่บ้านล่ะ ? คุณปู่หัวเราะ เมือ่เด็กน้อยทำหน้ามุ่ยเป่าลมจนแก้มป่องใส

    …ก็คุณปู่ซื้อตุ๊กตาทหารให้ผม เท่านี่นิฮับ ..เด้กน้อยตอบพลางคีบเครื่องบินจำลองไปมา ทำท่าเหมือนจะบินฉวัดเฉวียน

    แต่ดวงตากลมใสยังคงจ้องปริบๆ และอยากฟังเรื่องเล่าต่อ ...





    เมื่อไปถีงหมู่บ้าน นายพลส่งทหารที่พูดภาษาเกาหลีได้ ไปเคาะประตูบ้านต่างๆ

    เพื่อขอปันอาหารพอที่ช่วยเหลือทหารที่บาดเจ็บ… แต่ก็ไม่มีใครเปิดรับเลยสักคน





    …โอ้โห ใจดำ จังนะครับคุณปู่ พวกเราอุตส่าห์ส่งทหารไปช่วยเกาหลีใต้ แต่ทำไมไม่ใครเปิดประตูต้อนรับ



    เด็กน้อยถามเจื้อยแจ้ว ด้วยสมองฉลาดเกินวัย



    ..เพราะว่าเขากลัวว่า ถ้าเปิดแล้วจะเป็น ศัตรูน่ะสิ หรือไม่ก้เปิดแล้ว อาจจะโดนเกาหลีเหนือลงทาเอาได้…เอาล่ะ ปู่จะเล่าต่อนะ




    และแล้วเหมือนมีแสงสว่างในความมืด มีบ้านหนึ่งเปิดประตูต้อนรับ ทหารนายพล

    คนนั้นเป็นผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้าน ออกมาขอบคุณที่ทหารไทยนั้นมาช่วยเหลือประเทศเขา

    จากนั้นเพื่อนบ้านก็ค่อยๆโผล่มาดูทีละคน ไม่นานก็เริ่มคุ้นเคยกับกองทหารไทย

    พวกเขาจึงได้รับน้ำใจจากชาวบ้าน ได้ข้าวสาร ได้อาหารดีๆมากมาย

    จนทำให้ทหารที่กำลังป่วยเริ่มมีกำลังใจ





    …..โอ้โห โชคดีจังเลยนะครับคุณปู่ ชาวบ้านต้องใจดีมากๆแน่เลย


    …ใช่ เห้นมั้ย คุณ หลานรัก ถ้าหนูอยู่บ้านเมืองไหน แล้วหนูพูดภาษาเขาได้ ไม่มีวันที่หลานจะลำบากหรอกลูก

    และที่สำคัญ เราต้องเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน รู้มั้ย ?



    …ครับคุณปู่ เด้กน้อยยิ้มรับร่า แม้จะไม่รู้จักความหมายของคำว่าอ่อนน้อมถ่อมตนดี

    แต่เด้กน้อยก็ฉลาดพอที่จะทำตัวเชื่อฟังพ่อแม่ปู่ย่าจนเป็นที่น่าเอ็นดูและรักใคร่ของคนที่พบเห้นทั่วไป





    ในคืนนั้นที่ทหารกำลังเฝ้ายามรอบๆหมู่บ้าน ก็เกิดมีกองทัพจีนบุกเข้ามา

    ด้วยความรักและผูกพันธ์ที่มีคนในหมู่บ้าน ถึงแม้จะพบเจอรู้จักแค่คืนเดียว

    นายพลจึงสั่งให้ตั้งรับเพื่อปะทะกับ ศัตรูสุดกำลัง ฝ่ายทหารไทยเสียเปรียบอยู่มากเพราะ

    คนน้อยกว่าแต่ก็สู้สุดกำลังเหมือนเสือ..





    เด้กน้อยชี้ตุ๊กตาเสือตัวใหญ่ที่หมอบอยู่มุมห้องและยิ้มชอบใจ





    กองทหารไทยรบสุดชีวิต จนนายพลเกือบจะโดนทำร้าย แต่ผู้ใหญ่บ้านคนนั้นก้งัดเอาปืน

    ออกมาช่วยไว้ทัน พอรุ่งสางกองทัพจีนก็ถอยหนีกลับไป แต่กองทัพไทยก็เสียพลทหารไปมาก

    … ชาวบ้านต่างพากันร้องไห้  พวกเขารู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณ ทหารไทยกองนั้น

    ที่ปกป้องหมู่บ้านจนสุดชีวิต ถึงแม้จะเป็นกลุ่มเล็กๆ

    ผู้ใหญ่บ้านได้แสดงความขอบคุณนายพลทหารคนนั้นใหญ่โต

    เขารู้สึกผูกพันธ์กับนายพลทหารไทยคนนั้นมาก

    จนไม่อยากให้กลับประเทศ จึงเลยเกิดความคิด

    ที่อยากเชื่อมสัมพันธ์ทั้งสองประเทศ ด้วยสายเลือด




    ….ยังไงฮับคุณปู่ ผมไม่เข้าใจ



    …ผู้ใหญ่บ้านนั้น มีลูกชายอยู่ เขาบอกนายพลว่า ถ้ามีลูกสาว เรามาเชื่อมตระกูลกันด้วยการแต่งงาน

    เป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้ สองชาตินั้นไม่ห่างไกลไปไหน



    …แล้วก็มีลูกเหรอครับ.... เด็กน้อยเดาเอาจาก ภาพน้องสาวตนเองที่ชอบเล่นตุ๊กตาบาร์บี้

    พอแต่งกับเคนก็มีลูกตัวเล็กๆ เป็นพยานรัก



    …ใช่แล้ว ถ้าทั้งลูกนายพลและลูกผู้ใหย่บ้านแต่งงานกัน ก็จะมีลูก ที่มีเชื้อสายสองประเทศ

    ทั้งไทยและเกาหลี ไงหลานเอ๋ย…



    .....โห แล้วตกลง ลูกนายพลกับลูกของผุ้ใหญ่บ้านคนนั้นได้แต่งงานมั้ยครับปู่ ?



    .....อา น่าเสียดาย นายพลก็มีลูก แต่เป็นลูกชาย ก้เลยอดแต่งงาน…



    ..…บู้.. เด็กน้อยพ่นลมออกจากปาก … ถ้าแต่งไมได้แล้วเขาต้องทำยังไงฮับปู่



    ....เอ้า ผู้ใหญ่ก็เลยเปลี่ยนเงื่อนไข บอกกับนายพลว่า ถ้า ลูกชายของนายพล มีหลานอีก ก็ส่งมาให้เลี้ยง

    คราวนี้จะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายก็ได้ เพราะ ลูกชายของผู้ใหญ่บ้านเขาก็ไม่แต่งงานเหมือนกัน

    แต่อยากเลี้ยงลูกของนายพลแทน




    …. ถ้าปู่ป็นนายพลทหารคนนั้น แล้วนิชคุณอยากเป็นชายชาติทหารเหมือนปู่ หนูจะไปอยู่เกาหลี

    เพื่อรักษาสัญญาที่ปู่มีกับผู้ใหญ่บ้านได้มั้ย ? ปู่ถามต่อ



    ……ฮับคุณปู่ ถ้าเพื่อรักษาสัญญาทหาร ผมจะไปคับ ! เด็กน้อยตอบด้วยท่าทีมุ่งมั่น

    มือก็ตะเบะเลียนแบบตุ๊กตาทหาร จนคุณปู่ต้องหัวเราะสรวล ในความน่ารักน่าเอ็นดู








    เบื้องหลังรอยแง้มประตู มีสองร่างที่ได้แอบฟังอยู่ ฝ่ายผู้หญิงแสดงความไม่สบายใจด้วยการถอนหายใจยาวๆ

    หล่อนได้แต่รำพึงรำพันกับฝ่ายชายว่า



    “คุณค่ะ ฉันไม่อยากให้คุณพ่อคุณเล่านิทานทหารอะไรนั่นให้นิชคุณฟังเลย แกยังเด็กแท้ๆ”



    “อย่าคิดมากนะคุณ ไปนอนเถอะ คุณพ่อก้แค่เล่าเรื่องเก่าๆสมัยก่อน คงไม่มีอะไรร้ายแรงหรอก”


    ผู้เป็นสามียกมือโอบไหล่หล่อนและลูบเบาๆ อย่างปลอบโยน


    “แต่ฉันกลัวคุณปู่ แกจะส่งนิชคุณไปเกาหลี จริงๆน่ะสิคะ สัญญาอะไรนั่น น่าจะลืมๆไปได้เสียที”




    หล่อนกังวลใจ ที่ผู้เป็นพ่อสามีที่อดีตเคยเป็นทหารนั้น ยังมีความจำเรื่องเก่าๆสมัยตนปฏิบัติราชการดีเลิศ

    พอนึกเรื่องไหนได้ก้ชอบถ่ายทอดเล่าให้เด้กน้อยนิชคุณฟังออกมาเป็นนิทาน

    หล่อนแค่อยากให้ลูกชายตัวน้อยเติบโตแบบเด็กธรรมดา โดยไม่ต้องถูกปลูกฝัง

    เรื่องทหารอะไรนั่นมากมายให้รกหัว ผิดกับผู้เป็นสามี แต่ว่าอะไรก็ง่ายๆตามผู้เป็นพ่อ

    เพราะถูกกรอกหูเรื่องทหารมาแต่เด็กแต่เล็กแล้ว จนไม่รู้สึกว่ามันจะแปลกอะไรนัก ถ้าจะเล่าให้รุ่นหลานฟังต่อ





    ***************************************************





    เมื่อกรุงเทพเข้าสู่ยุคคมนาคมเริ่มเจริญก้าวหน้า จนถึงขั้นมีการก่อสร้างสนามบินดอนเมืองเสร็จ

    ได้มีชายสองคนสัญชาติเกาหลี คือนายปาร์ค จินโฮ อดีตผู้ใหญ่บ้านในช่วงสงคราม

    และจินยองลูกชายซึ่งเติบโตเป็นหนุ่มใหญ่เต็มตัว

    บินข้ามทะเลลงมาเพื่อเยือนแดนสยามหลังจากได้รับจดหมายเชิญจากท่านนายพล




    นายพลซึ่งล่วงเข้าสู่วัยชราภาพ เปิดประตูเลื่อนซึ่งมี เด็กน้อยวัยประมาณห้าหรือหกขวบ

    นัยน์ตาสีน้ำตาลกลมโตสดใสนั่งอยู่บนพื้นที่เต็มไปด้วยของเล่น มองผู้มาเยือนด้วยความอยากรู้อยากเห็น

    มือน้อยกลิ้งลูกบอลสีสดทิ้ง พลางยืนจ้องหน้า คนทั้งคู่อย่างไม่มีท่าทีหวาดกลัว



    " คุณปู่ ฮะ นี่ใครเหรอครับ " เสียงพูดฉะฉาย ถูกตอบกลับด้วยภาษาอันไม่คุ้นเคย

    ทำให้เขาสะดุ้งโหยงพลางวิ่งหลบหลังคุณปู่


    " เขาถามหลานว่า หนูชื่ออะไร " คุณปู่ดันหลังน้อยๆ ให้กล้าออกมาเผชิญหน้าแขกต่างชาติ



    " ผมชื่อ นิชคูนนนน คร๊าบ " มีรอยแดงปื้นบนใบหน้าเด็กน้อย


    เมื่อจินยอง นั่งยองๆลูบหัวด้วยความเอ็นดู เขาเจรจากับคุณปู่ด้วยภาษาที่เด็กน้อยไม่คุ้นเคยอีกแล้ว

    ลูกกวาดสีหวานที่ถูกตระเตรียมมากจากต่างแดน มากพอทำให้นิชคุณตื่นตะลึง



    " ผมชักอยากได้ นิชคุณมาเป็นลูกแล้วสิ " จินยอง พูดกับบิดาตัวเองที่พลอย พยักเพยิดใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม






    **********************************************




    เสียง ทะเลาะดังพอที่จะทำให้ เด็กน้อยสะดุ้งตื่นกลางดึก พี่ชายและน้องสาวยังคงหลับปุ๋ยไม่รู้เรื่องราว

    คุณไต่บันไดลงมาดวงตากลมโตที่งังเงียลอบมอง ช่องว่างของประตูที่เปิดค้างไว้



    " ฉันไม่ยอมนะคะคุณ จะให้ลูกคุน ไปอยู่ต่างแดนคนเดียวได้ยังไง ฉันไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น นี่มันลูกฉันทั้งคน "

    คุณแม่ตวาดคุณพ่อซึ่งหน้าเครียด กับคุณปู่ที่นิ่งเงียบบนเก้าอี้โยก


    " นี่คุณใจเย็นๆหน่อยเถอะ มันไม่ใช่ตอนนี้สักหน่อย แล้วอีกอย่างมันเป็นสัญญาที่คุณปู่ต้อง

    ทำด้วยเกียรติชาติทหารด้วย "


    คุณพ่อปรนนิบัตินวดคุณปู่ที่นั่ง จิบชาจีนด้วยท่าทางสงบนิ่ง


    " ถ้าวันนั้นฉันไม่รอดชีวิต กลับมาลูกชายของฉันก็คงจะไม่ได้เกิดมา อย่าว่าแต่หน้าหลานเลย

    ไม่รู้ว่าเราจะได้เห็นหรือเปล่าเลย "



    เสียงพึมพำจากผู้ชรา ที่นั่งจิบชาถอนหายใจ เป็นครั้งแรกที่คุน เห็นคุณแม่สะอึกจนพูดไม่ออก .....





    ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑





    คุณ แม่พยายามส่งนิชคุณไปอยู่ สหรัฐอเมริกาเพื่อหนีปัญหากลายๆ ให้อยู่กับคุณยาย

    ถึงกระนั้นก็ไม่ได้ช่วยอะไรสักเท่าไหร่ ในขณะที่เด็กหนุ่มศึกษาในระดับ

    Junior High School เกรด 10 ( ม.4 )ได้รับอีเมลจากคุณพ่อ

    เล่าถึงเรื่องราวสัญญาต่างๆที่คุณปู่ขอร้องก่อนเสีย นิชคุณนึกถึงชายต่างชาติสองคนที่พบในวัยเด็ก

    คนหนุ่มกับคนแก่ นึกถึงคุณปู่ที่จับเขานั่งบนตักเล่าถึงนิทานทหารไทย

    ที่ได้สัญญากับชาวเกาหลีว่าจะเชื่อมโยงสายเลือดด้วยการส่งสายเลือดมาเกี่ยว ดอง .

    เรื่องสนุกทั้งหมดที่คุณปู่เคยเล่านั้น ล้วนแล้วแต่ไม่ใช่นิทาน

    หากแต่เป็นเรื่องจริงที่คุณปู่คอยปลูกฝังมาถึงปัจจุบัน



    " นิชคุณหนูถ้าหนูอยากเป็นชายชาติทหารเหมือนปู่ หนูต้องไปเกาหลีแทนปู่นะ "



    " ครับ คุณปู่ "



    เขาหมั่นรักษาคำสัญญาจนกระทั่ง ถูกคุณแม่จัดแจงส่งมาอเมริกา เพื่อหวังว่าคุณพ่อจะได้เปลี่ยนใจ

    แต่หาไม่......คุณพ่อยังคงยึดถือคำสัตย์เฉกเช่นตอนที่คุณปู่มีชีวิต ไม่ผิดเพี๊ยน

    เขาย่อตัวลงนั่งบนพรมพิงเตียงในห้องเล็กๆ ย้ายโรงเรียน ย้ายบ้าน ย้ายประเทศเป็นรอบที่สองแล้ว

    ในขณะที่กำลังมีความสุขกับการปรับตัว จนได้ฝูงเพื่อนนานาชาติ เวียตนาม ยุ่น เกาหลี

    จีน ฟิลิปปินส์เต็มไปหมดชีวิตที่สนุกสนาน บางทีก็เรียนๆเล่นๆ บางวันศุกร์ไปปาร์ตี้บ้าง

    เล่น pool ( สนุ๊กเกอร์ ) หรือว่า บางทีก็ออกไปดูหนังเป็นฝูงใหญ่ กัดเบอร์เกอร์คำโต

    แล้วหัวเราะล้อเลียนกัน  ชีวิตในอเมริกาที่กำลังไปได้ดีแท้ๆ...




    " แก๊ก " เสียงเศษหินเล็กๆปาถูกบานกระจก เด็กหนุ่มลุกพรวดเปิด หน้าต่าง



    " Hey you guys , how come ? " <แปล : เฮ้ พวกนายทำไม ถึงได้ ? >


    นิชคุณอ้าปากค้างเมื่อเห็นภาพเพื่อนๆฝูงใหญ่มารวมตัวหน้าบ้าน คุนรีบจ้ำพรวด

    แทบจะก้าวกระโดดทีเดียวลงมาจากบันไดชั้นบน จนคุณยายตกใจนึกว่าแผ่นดินไหวในแถบ LA

    ( มันไหวเป็นประจำอ่ะจ๊ะ )



    " We got your e-mail just yesterday. Is that true ? why you've to move to Korea ? "

    <แปล : เราเพิ่งได้อีเมลเมื่อวาน มันเรื่องจริงเหรอ ทำไมนายต้องย้ายไปเกาหลี>

    เพื่อนชาวเวียตนามชิงถามก่อนคนแรก ก่อนที่จะเพื่อนคนอื่นจะแย่งกันถามจน คุนตั้งตัวตอบไม่ติด



    " It's my Dad 's command, I can't avoid " <แปล : มันเป็นคำสั่งพ่อ ฉันเลี่ยงไมได้>

    คุน เล่าถึงเรื่องสัญญาของปู่ย่อๆ ต่อให้เพื่อนของเขาคัดค้าน ยังไงก็ยอมแพ้ในเมื่อ เ

    พื่อนชาวไทยคนนี้ยืนยันว่าต้องไปเพราะเขาไม่อยากผิดสัญญา เพื่อนหนุ่มชาวเกาหลียื่นหนังสือให้ปึกใหญ่



    " Here dude, It's learning korean language book for novice,

    I hope you'll be good over there "<แปล : นี่เจ้าเพื่อนยาก หนังสือเรียนภาษาเกาหลีสำหรับผุ้ฝึกหัด

    ฉันหวังว่านายจะต้องไปได้ดีที่นู๊น> คุนรับหนังสือและสวมกอดทุกคน ด้วยความซาบซึ้ง

    เขาสาบานว่าถ้าตอนนี้เขาเป็นเด็กผู้หญิงคงจะปล่อยโฮออกไปแล้วนานแล้ว อย่างไม่เกรงใครด้วย



    " Actually I'm really scare that I couldn't find good friends like you guys "

    <แปล : จริงๆแล้วฉันก็กลัวที่จะหาเพื่อนดีๆอย่างพวกนายไม่ได้อีกแล้ว>

    คุนยิ้มเจื่อน เพื่อนๆต่างแสดงสีหน้าสลดและรู้สึกเห็นใจ



    " Nichkhun, don't worry , you're a good heart person.

    You'll have a lot of good friends no matter where you are "

    <แปล นิชคุณ อย่ากังวลไปเลย นายเป็นคนจิตใจดี จะต้องมีเพื่อนที่ดีไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม >


    เพื่อนสาวชาวฟิลิปปินส์ด้วยรอยยิ้มเปื้อนน้ำตา คุนเองก้เริ่มคลอๆแล้ว

    เขาโดนเพื่อนรุมกอดเป็นก้อนกลมๆ ก่อนที่จะขออนุญาตคุณยายไปทานดินเนอร์อำลาครั้งสุดท้ายที่ร้านประจำ




    ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑




    เพียง ไม่กี่อาทิตย์สายการบิน Korea Air ก็พาเด็กหนุ่มในชั้น first class มาแตะกรุงโซลด้วยความปลอดภัย

    รถโรสลอยด์สีดำคันยาว โฉบจอดตรงหน้าเด็กหนุ่มอย่างตรงเวลา ทำเอาคนเดินผ่านแถวนั้น

    จ้องอย่างไม่เกรงใจนึกว่า ราชวงศ์ หรือลูกหลานประธานาธิบดีคนไหน

    กำลังมาเยือนประเทศเกาหลีใต้



    " เชิญครับ "



    คนขับหน้าขรึม จัดแจงยกกระเป๋าสัมภาระ เก็บอย่างเรียบร้อย นิชคุณก้าวขึ้นรถอย่างเก้อเขิน

    เขาพอรู้จากพ่อคร่าวๆว่าคุณปาร์คจินยองเป็นของเครือ JYP ที่มีทั้งกิจการเอนเตอร์เทนเม้นท์

    และห้างสรรพสินค้า โรงแรมชั้นนำทั่วโลก และโรงเรียนที่มีชื่อที่สุดในกรุงโซล

    ที่ๆเขากำลังจะเข้าไปเรียนอาทิตย์หน้า เขาเริ่มกังวลกับสถานภาพการเป็น บุตรบุญธรรมเพียงคนเดียว

    โดยเฉพาะต้องก้าวเข้าสู่แวดวงสังคมชั้นสูง และเหล่าผู้บริหาร ในประเทศที่เขาแทบจะไม่คุ้นเคย แม้แต่ภาษา




    รถคันหรูแล่นเข้า คฤหาสน์หลังงามกินเนื้อที่กว่า หลายสิบไร่ นิชคุณ มองที่สาวใช้นับได้คร่าวๆน่าจะเกิน

    ยี่สิบคน พลางแลเห็น เจ้าของบ้านออกมา ยืนต้อนรับหน้าประตูด้วยตัวเอง




    " ยินดีต้อนรับสู่บ้านเรานะลูก " จินยอง อ้าแขนกอด เด็กหนุ่ม สาวใช้รีบกรูกันคว้าสัมภาระเดินทางอย่างรู้งาน


    " ครับคุณจินยอง " นิชคุณรับกอดอย่าง อ้ำอึ้ง


    " เรียกพ่อสิ ลูก "


    "อ่า... " เขาแสดงท่าทีอึกอัก ก่อนที่จินยองจะฉวยพูด



    " ไม่เป็นไร พ่อรอได้ ไว้เรียกเมื่อลูกสบายใจนะ เดี๋ยวพ่อจะพาไปดูห้องนะ " นิชคุนเดินตาม อย่างว่าง่าย

    เขารู้สึกว่า ยิ่งเดินก็ยิ่งไกล ห้องแต่ละห้องที่เรียงพรึดกันแนวยาว

    เขาจำได้ว่าเดินผ่านประตูบานที่ยี่สิบกว่าไปแล้ว



    " ปกติ เวลาพ่อรีบๆก็กดสายในนะลูกเรียกคนขับรถกอล์ฟได้ ห้องของลูกจะอยู่ไกลหน่อย

    เพราะพ่อจัดไว้ที่ปีกขวาของบ้าน ทั้งโซน ติดสวนดอกไม้ที่พ่อ

    สั่ง import มาจากเนเธอร์แลนด์เมื่อวานนี้ หวังว่าลูกต้องชอบแน่ๆเลย "



    บาน ประตูสลักไม้หอมจากอินโดนีเซียเปิดกว้าง ห้องที่ถูกจัดไว้ราวกับโรงแรมชั้นดี

    เตียงสี่เสากว้างพอที่จะเกือบใช้เป็นสนามมวยได้ (!?) ผ้าปูที่นอนผ้าฝ้ายอียิปต์อย่างดี

    เครื่องเรือนสไตล์สแกนดิเนเวียนผสมการตบแต่งแบบโอเร็นทอลเล็กน้อย

    โทนสีอบอุ่นถูกถ่ายทอดทั่วผนังด้วยแชนเดอเลียโมเดิร์นดีไซน์จากศิลปินชาวญี่ปุ่น

    ปาร์คจินยองนึกถึงเดือนก่อนที่ประชุมเหล่า อินทีเรียดีไซเนอร์ชื่อดังมารวมตัวกัน

    เพื่อยื่นซองไอเดียแข่งขันกัน ตบแต่งห้องเจ้าชายน้อยผู้ที่จะมาเป็นรัชทายาทบัลลังก์ของ JYP

    จินยองเปิดหน้าต่างเบย์วินโดวอวดเหล่าดอกไม้อวดชูช่อทั่วสวนแบบสไตล์อังกฤษ

    นิชคุณ เริ่มกังวล เรานี่หรือที่จะเป็นลูกชายผู้สืบทอดจากคนๆนี้ได้

    เขามองสภาพตัวเองที่อยู่ในบ้านหลังงาม ที่ๆแตกต่างกับความเป็นตัวเขาอย่างสิ้นเชิง



    " ขอบคุณครับ ผมชอบมากๆเลย " เขาแสดงการขอบคณตามมารยาท พลางกวาดตามองทั้งห้องทั่วเพดาน

    ตั้งแต่เด็กที่เมืองไทยคุนต้องแชร์ห้องนอนเล็กเท่ารูหนูกับพี่ชาย

    จนถึงบ้านยายหลังเล็กๆกระทัดรัดในเขตชานเมือง LA

    ห้องนอนนี่มันกว้างไป เขาอาจจะต้องใช้เวลาทำใจให้คุ้นกับมันนานพอสมควร



    ' คุณจินยอง ครับอย่าลืมประชุมผู้ถือหุ้นบริษัทครับ ตอนบ่ายสองโมง ' เสียงประกาศผ่านลำโพงดังทั่วบ้าน

    ขัดใจคุณพ่อคนใหม่ของนิชคุณอย่างแรง เขากำลังสนุกสนานกับการเล่าถึงชั้นตอนในการตบแต่งห้องลูกชาย

    ด้วยความปลาบ ปลื้ม ท่านประธานคว้า วิทยุสื่อสารวอ พลางกรอกเสียงสั่งให้คนขับรถกอล์ฟไปส่งที่ตึกโรงรถ

    เขาสั่งลูกชาย คนใหม่ว่า


    " ถ้าลูกต้องการอะไรให้ บอกต้นห้องฮันคยอง นะลูกเขาจะมาเป็นบัตเล่อร์ส่วนตัวของลูกนับตั้งแต่วันนี้ "



    ท่านประธานสั่งเสียก่อนโดน เลขาส่วนตัวสาวสวยไอวี่ ลากขึ้นรถกอล์ฟคันจิ๋วเกรงว่าจะไปประชุมไม่ทัน

    คุณต้นห้องเคาะประตูอย่างมีมารยาท ถึงแม้ว่านิชคุณมัวแต่ตื่นตะลึงการตบแต่งจนลืมปิดประตูห้องนอน



    " อรุณสวัสดิ์ครับ คุณหนู " นิชคุณสะดุ้ง ชายในสูทอาร์มานี่เรียบร้อย


    หน้าตาสะอาดหมดจดท่าทางสงบเสงี่ยมเรียบร้อย ถือถาดพร้อมกับน้ำสีแดงสดใส


    " คุณท่านสั่งว่า คุณหนูคงจะเหนื่อยเชิญดื่มน้ำทับทิมสะกัดจากไร่เสปนก่อนเถอะครับ "

    นิชคุณโก่งโค้งคำนับ งกเงิ่น ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้ายังดูเหมาะกับสภาพแวดล้อมเช่นนี้ มากกว่าเขาเสียอีก



    " มาทางนี้สิครับผมจะพาไปชมส่วนต่างๆของบ้าน " ต้นห้องผายมือ เหมือนเขาจะนึกอะไรได้ จึงถามต่อว่า


    " จะให้ผมเรียกรถกอล์ฟมั้ยครับ "


    " เอ่อ ไม่ต้องครับ ผมอยากเดิน " นิชคุณรวบเสื้อฮู๊ดหนา รู้สึกว่าอุณภูมิจากเครื่องปรับอากาศ

    นี้หนาวเกินกว่าเล็กน้อย ฮันคยองปราดตามองเก็บรายละเอียดรอบตัวคนข้างๆแม้เพียงเล็กน้อย

    เขารีบคว้าวิทยุสื่อสาร กรอกเสียงเรียบและแฝงด้วยความเหี้ยม ไปยังฝ่ายเทคนิคของคฤหาสน์



    " ปรับอุณภูมิแอร์ให้อุ่นขึ้นเดี๋ยวนี้ ถ้าคุณหนูเป็นหวัดฉันจะปรับเงินเดือนพวกแกลง "

    ต้นห้องสะบัดใบหน้ากลับมายิ้มเหมือนเดิม พลางผายมือ



    " เชิญครับ "เสียงเดินกระทบหินอ่อนจากอิตาลี ของคนทั้งคู่เกิดความเงียบพักนึง



    " อาทิตย์หน้านี้เป็นวันเปิดภาคศึกษา คุณหนูต้องการอะไรเป็นพิเศษมั้ยครับ

    ท่านประธานปาร์ค อยากให้ผมจัดบอดี้การ์ดสัก 4-5 คน รถที่จะไปส่งคุณหนู

    คงจะเป็นเมอซิเดสสีดำรุ่นเอสคลาส โดยที่จะมีขบวนคุ้มกันประกบข้างละสอง "


    นิชคุณมองคุณต้นห้อง เล่าถึงการตระเตรียมวันแรกที่เปิดเทอม อย่างตะลึงงั้น

    เขาปากเกือบสั่นก่อนที่จะพูดออกมา



    " ไม่ครับ ผมอยากได้จักรยานแค่หนึ่งคันก็พอ แล้วก็ไม่เอาผู้ติดตามอะไรนั่นด้วย "


    นิชคุณสั่นหัวกับข้อเสนอที่กล่าวมาข้างต้น ฮันคยองนิ่งอึ้ง เหมือกับว่ากำลังฝันไปพักนึงเมือ่ได้ยินเช่นนั้น



    " เอาจริงเหรอครับ คุณหนู "


    นิชคุณผงกหัว " อื่อม ผมอยากไปโรงเรียนอย่างเด็กปกติ "




    ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑




    " ฮ้า จริงเหรอ ถ้าลูกฉันต้องการอย่างนั้น ก็จัดไปให้ซี่ " หูข้างหนึ่งหนีบโทรศัพท์

    ท่านประธานปาร์กกำลังง่วงอยู่กับการติดกระดุมแขนเสื้อ โดยที่เลขาแสนสวยจัดปกเสื้อให้ดูดี

    ก่อนไปงานเลี้ยงเปิดตัวเครื่องประดับดัง ในฮ่องกง



    " แต่มันจะไม่ปลอดภัยสินะครับท่าน " ต้นห้องแสดงน้ำเสียงถึงความกังวล

    เขาวาดจินตนาการออกไป หากรู้ว่าเป็นลูกชายของบริษัทเครือ JYP อาจจะโดนลักพาตัวเข้าสักวัน



    " เอาน่า ก็จัดคนติดตามห่างๆละกัน แค่นี้นะ ต้องไปงานเลี้ยงต่อ แล้วก็อย่าลืม

    กระจายคำสั่งย้ำทั่วบ้าน อะไรที่นิชคุณต้องการต้องจัดหามาให้

    ต่อให้แกต้องกระโดดขี่ยานนาซ่าไปเก็บชิ้นส่วนดวงจันทร์ก็ตาม แกร๊ก ! "

    เสียงวางหูโทรศัพท์เอาแต่ใจ ทำเอาต้นห้องเกิดความตึงเครียดในหน้าที่และหันมาพูดกับนิชคุณอย่างหวั่นใจ



    "ผมจะนำแค๊ตตาล๊อกจากบริษัทผลิตจักรยานที่ผลิตรุ่นที่ Lance Armstrong ใช้ โดยจัดหาให้คุณหนูคืนนี้ครับ"


    นิชคุณส่ายหน้าอีกครั้ง " ไม่ต้องครับ ผมอยากได้ที่บ้านหลังนี้มีอยู่แล้ว "


    " งั้นตามผมมา ที่ตึกโรงรถเถอะครับ "


    โรงรถที่ไม่อาจจะเรียกว่าเป็นโรงรถธรรมดาได้ หากใครได้ชมภาพยนตร์แบทแมนในฉาก

    พระเอกมีรถหรูๆยาวเรียงกันเป็นพรึ่ดเต็มโรงรถ อาจจะพ่ายแพ้ต่อ โรงรถบ้านท่านปาร์ค

    ที่มีถึง 6 ชั้นรวบรวมรถต่างๆเป็นที่ต้องการของนักสะสมทั่วโลก

    ทั้งแอสตัน มาตินเอย เฟอรารี่ บีเอ็ม แลมเบอกีนี่ พอร์ชช ( ปอร์เช่) และรถรุ่นคลาสสิคต่างๆ

    ไหนจะยังสนามทดสอบสมรรถภาพรถอีก ทั้งยังมีมอเตอร์ไซส์หลากรุ่น ตั้งแต่เครื่องใหญ่จนถึงรุ่นเล็ก



    " ท่านประธานปาร์ค ชื่นชอบ การสะสมรถมากเลยครับ โดยเฉพาะคันนี้ เราประมูลได้

    หลังจากหนังเรื่องเจมส์บอนด์ภาคล่าสุด "



    เขาชี้ไปทางรถที่อยู่แท่น vip อย่างภาคภูมิใจ พลางสาธยายคุณสมบัติรถต่างๆ ด้วยรูปลักษณ์ของตัวรถต่างๆ

    เองก็น่าจะล่อต่อล่อใจเด็กหนุ่มวัยรุ่นอยู่แล้ว เขามั่นใจว่านิชคุณคงจะต้องตา กับรถหรูๆในนี้สักคัน



    " ส่วนที่จอดว่างๆ คือที่ คุณปาร์คเตรียมซื้อรถต้อนรับคุณหนูครับ ท่านอยากให้คุณหนูเลือกด้วยตัวเอง "

    นิชคุณมองไปทางอื่น โดยไม่ได้สนใจต้นห้องส่วนตัวพูดแม้แต่นิดเดียว เขาเห็นจักรยานเก่าๆสีแดงซีด

    จอดพิงข้างผนัง ดูเหมือนมันจะถูกกลืนไปตามกาลเวลาที่นานพอสมควร


    " ผมอยากได้คันนี้ครับ " ฮันคยองเตรียมจะหันมา เขากะแล้วเชียวว่า

    เด็กผู้ชายยังไงก็บ้ารถสวยๆ เด็กก็คือเด็ก มันต้องเป็นเหมือนกันทั้งโลกสิน่า ฮันคยองสะดุ้งเล็กน้อย .


    " แค่นี้จริงๆเหรอครับ " เขาเหงื่อตก ไม่รู้ว่า จะใช้คำว่า ตาต่ำ หรือ รสนิยมไม่ปรุงแต่ง ดี

    แต่เนื่องจากอีกฝ่ายเป็นถึงคุณหนู ต้นห้องอย่างเค้าจึงไม่กล้าคิดวิจารณ์ต่อในหัว


    " นี่จักรยานใครเหรอครับคุณต้นห้อง "


    " มันเป็นจักรยานฝึกหัดขี่ คันแรกที่ท่านเจ้าสัว คุณพ่อของนายท่านซื้อให้

    ตอนที่สอบเข้ามัธยมประจำจังหวัดให้ครั้งแรกครับ "


    นิชคุณลูบคลำสีถลอก พลางเป่าให้ฝุ่นที่จับตัวหนาออกบางส่วน ความอบอุ่น

    ที่ผ่านถ่ายทอดจากคำบอกเล่าของคุณปู่

    ถ้าคุณปู่ปาร์คจินโฮ ยังอยู่ท่านต้องดีใจแน่ๆเลยว่า หลานของนายพลไทยคนนั้น

    อยากนำมันกลับมาวิ่ง มีชีวิตอีกครั้งหลัง  จากเคยโลดแล่นอยู่ในความทรงจำเก่าๆ



    " ผมจะดูแลให้ดีะครับ " เด็กหนุ่มส่งสายตาอ้อนวอน คุณต้นห้องไม่รู้จะขัดอะไร

    เพราะนึกถึงคำพูดก่อนวางหูของนายท่าน


    ' ต่อให้แกต้องกระโดดขี่ยานนาซ่าไปเก็บชิ้นส่วนดวงจันทร์ก็ตาม '




    " ครับ เชิญคุณหนูเถอะครับ " เขาผายมืออย่างสุภาพให้ นิชคุณที่ยิ้มร่า เจ้าชายน้อยเริ่มขยับกริ่ง

    และเริ่มทดลองปั่นในลานทดสอบรถฮันคยอนรู้สึกได้ถึงความสมถะที่เด็กคนนี้น้อมรับ

    ด้วยความถ่อมตัวอันสุดโต่งแล้วแบบนี้เขาจะดูแล

    ทายาทของ Park Jin Young อย่างไรดีเนี่ยะ !?






    END CHAPTER #1

    Writer Box - ตอนหน้าพระเอกจะปรากฏตัวแล้วววจร้า > . <


    -------------------------------------------------------------

    http://sookyeong.files.wordpress.com/2009/08/200908241807292100_1.jpg
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×