คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #58 : Rule 43 : รักพี่ต้องอยู่ด้วยกัน 100%
“อ๊ากกกกก! หนอน...หนอน!! อ๊ากกกกกก!!” ขณะที่กำลังเริ่มเกี่ยวข้าวหลังจากที่ได้รับการฝึกสอนจากคนงานมาแล้วไอ้พี่เสือก็แหกปากร้องไห้พลางดิ้นไปมาเหมือนคนกลัวอะไรบางอย่างจนก้าวไม่ออก เมื่อได้ยินพี่เสือกรีดร้องว่ามีหนอนคนข้างๆ ผมก็ขยับเข้ามาใกล้พลางเกาะไหล่ผมแน่น
“ไอ้เสือดำ กลัวอะไรกะอีแค่หนอนวะ?” ไอ้คิมทำหน้าเซ็งๆ ก่อนจะจับหนอนนาข้าวขึ้นมาเล่นเอาไอ้พี่เสือช็อคจนอ้าปากค้างไปเลยครับ และเมื่อมันเห็นว่าพี่เสือกลัวมากมันจึงรีบโยนหนอนทิ้งไปไกลๆ
“พี่ลัน...กลัวเหมือนกันเหรอ?” ผมแอบชำเลืองมองพี่ลันที่เกาะไหล่ผมอยู่ก่อนจะพบว่าพี่ลันหน้าซีดเผือดไปเลยล่ะครับ
“มัน...น่าขยะแขยง” พี่ลันเริ่มระแวงว่าจะมีหนอนอยู่ใกล้ๆ ตัวเองหรือเปล่าจึงหันซ้ายหันขวา
“งั้นขึ้นไปนั่งก่อนดีกว่าครับเพราะมันไม่ได้มีตัวเดียวแน่ๆ” ผมจับมือพี่ลันที่เกาะไหล่ของตัวเองเอาไว้ก่อนจะพาพี่มันขึ้นไปนั่งใต้ร่มไม้รวมกับพวกยายที่กำลังจัดแจงหาอาหารเอาไว้เพราะวันนี้เราจะทานข้าวเย็นกันที่นี่
“อ้าว...ทำไมสองคนนี้รีบขึ้นมาจังล่ะ? เป็นอะไรหรือเปล่า?” ยายผมถามขึ้นเมื่อเห็นผมพาพี่ลันกับพี่เสือขึ้นจากนา
“คิก พี่เขากลัวหนอนน่ะครับ” ผมบอกพลางหัวเราะเบาๆ ทำให้พี่ลันกับพี่เสือหันมาจ้องเขม็งผมจึงรีบวิ่งกลับลงทุ่งนาเพราะกลัวทั้งสองคนจะถีบซะก่อน
“พี่ไอ...หมอนั่นเป็นไงบ้างครับ?” เมื่อผมกลับลงมาเกี่ยวข้าวไอ้คิมก็เดินเข้ามาถาม สีหน้ามันดูเป็นห่วงพี่เสือสุดๆ เลยล่ะครับ
“ก็...ยังดูกลัวๆ อยู่นะ ท่าทางจะกลัวมากเลยล่ะ” ผมบอกพลางแอบยิ้ม เห็นท่าทางกวนๆ เกรียนๆ แต่ดูเหมือนไอ้คิมจะแคร์พี่เสือมากทีเดียว มัวแต่ปากแข็งเดี๋ยวเขาก็หนีไปมีเมียใหม่หรอก ฮึๆ
“...” ไอ้คิมขมวดคิ้วพลางชะเง้อคอมองพี่เสือ
“นี่...ไปดูแลสิ ไปแกล้งเขาไว้ท่าทางจะโกรธมากเลยนะ” ผมบอก ก็พี่เสือดูท่าทางจะโกรธที่ไอ้คิมจับหนอนขึ้นมาให้ดูน่ะสิ
“ไม่เอาหรอกครับ อยากโกรธก็โกรธไป” ไอ้คิมทำเป็นไม่สนใจทั้งๆ ที่สายตาก็ยังแอบเหลือบไปมองพี่เสือเป็นระยะๆ
“รู้รึเปล่าว่าพี่เสือขี้เบื่อ ถ้ามัวแต่ทำตัวไม่รักพี่มันแบบนี้เดี๋ยวก็ไปหาคนใหม่หรอก” ผมแกล้งพูดโกหก
“จริงเหรอ?” ไอ้คิมหน้าตื่นทันที “งะ...งั้นผมขอขึ้นไปก่อนนะครับ” ไอ้คิมพูดก่อนจะรีบขึ้นจากนาไปหาไอ้พี่เสือที่ฝั่ง ผมมองก่อนจะเผยยิ้มบางๆ ไอ้คิมนี่ก็น่ารักดีนะครับ ทำเป็นไม่สนใจทั้งๆ ที่ใจอยากจะสนเขาเหลือเกิน ไอ้พี่เสือก็ขี้แกล้ง เข้ากันได้ดีแบบแปลกๆ จริงๆ คู่นี้
หลังจากที่ช่วยกันเกี่ยวข้าวจนเหนื่อยพวกเราก็ขึ้นมาพักทานข้าวเย็นกันครับ ไม่รู้พวกเด็กเมืองกรุงจะหลงเสน่ห์ทุ่งนาอะไรขนาดนั้น บอกว่าถ้ากินข้าวเสร็จจะลงไปเกี่ยวต่อ นี่พวกเอ็งคิดว่าเรากำลังเล่นกันหรือเปล่าเนี่ย แหม สนุกกันใหญ่เชียวนะ
“เหนื่อยไหม?” พี่ลันเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับเหงื่อให้ผม ผมอมยิ้มก่อนจะส่ายหน้าไปมา
“ไม่เหนื่อยครับ” ผมบอก
“ดี คืนนี้จะได้ไม่เกรงใจ” พี่ลันกระซิบบอก
“จะบ้าเหรอ!? ทะลึ่ง!” ผมตีแขนพี่ลันแรงๆ ก่อนจะส่ายหน้าไปมากับความหื่นไม่เลือกที่ของพี่มัน ก็คืนนี้เราจะค้างกันที่บ้านตากับยายนี่ครับ ผมละอายใจ
พี่ลันมองหน้าผมพลางยิ้มนิดๆ ก่อนจะแอบกอดเอวเอาใจโดยไม่ให้ใครทันสังเกตเห็น ตอนแรกผมก็ขัดอยู่หรอกแต่พอมองไปรอบๆ ไม่มีใครสนใจก็เลยปล่อยเลยตามเลย ไอ้พี่ลันนี่ก็เหลือเกิน หาเรื่องให้ผมเขินได้ตลอดเวลา
หลังจากเที่ยวเล่นกันที่บ้านตายายพวกเราก็เคลื่อนทัพกลับไปที่บ้านของผมเพื่อนอนพักผ่อนจากนั้นก็แยกย้ายกันกลับโดยที่ผมกับพวกเด็กเมืองกรุงกลับไปด้วยกันส่วนไอ้เมฆกับไอ้วิทก็กลับบ้านของตัวเอง ตอนแรกพี่ขลุ่ยตื๊อจะไปกับไอ้เมฆให้ได้แต่ไอ้เมฆมันไม่ยอมพี่ขลุ่ยก็เลยต้องนั่งรถหน้าหงอยกลับไปกับพวกผมส่วนไอ้วิทนั้นได้ลากพี่พัดไปด้วยครับ เห็นพี่เปอร์บอกว่าจะไปกับพี่พัดด้วยแต่ไม่รู้ทำไมถึงได้กลับพร้อมพวกผม สงสัยเปลี่ยนใจล่ะมั้ง
น้าชัยขับรถไปส่งคนอื่นๆ ตามบ้านของพวกเขาก่อนจะมาแวะส่งผมกับพี่ลันที่คอนโดของพี่ลัน โถ่ แทนที่จะไปส่งผมที่หอทำไมถึงมาส่งถึงถิ่นพี่ลันแบบนี้เนี่ย สองสามวันที่ผ่านมาพี่มันจ้องจะงาบผมอยู่ตลอดพอกลับเข้าถ้ำผมโดนขย้ำแน่งานนี้
“พี่เตี้ย บอกไว้ก่อนเลยนะว่านั่งรถมาเหนื่อยๆ จะไม่ทำอะไรทั้งนั้น” เมื่อหิ้วกระเป๋าเข้ามาในห้องผมก็รีบชี้หน้าพี่ลันเพื่อบอกก่อนที่พี่มันจะทำอะไรผม ถ้าไม่รีบเตือนเดี๋ยวจะไม่ทัน
“จุ๊บทีหนึ่ง” พี่ลันบอกพลางยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ผมถอยห่างนิดหน่อยก่อนจะยื่นหน้าไปจุ๊บเบาๆ ที่ริมฝีปากสีส้มอมชมพูของพี่ลัน ที่จริงก็อยากจะจุ๊บอีกอยู่หรอกนะแต่กลัวเกินเลย พี่ลันยิ่งควบคุมตัวเองไม่ค่อยจะได้อยู่ด้วย
“เฮ้อ ปิดเทอมแล้วก็ไม่รู้จะไปไหนเนอะ” ผมเดินไปนั่งลงบนโซฟาก่อนจะบ่นอย่างเบื่อๆ
“แล้วจะรีบกลับมาทำไม? น่าจะอยู่ดูร้านช่วยแม่ไปก่อน” พี่ลันบอก
“ไม่ใช่ว่าสาวๆ ที่นั่นสวยหรอกนะ?” ผมเขม่นตามองพี่ลันอย่างจิกๆ ผมกลัวนิสัยเดิมของพี่มันที่เที่ยวแจกเบอร์แจกเมล์ไปทั่วน่ะสิครับ ยิ่งมีผู้หญิงเข้ามาเหล่แล้วยิ่งน่าห่วง ตอนอยู่ที่บาร์ใช่ว่าจะมียัยหมิวคนเดียวนะครับที่คิดจะหลีพี่ลัน มีอีกเยอะเลยล่ะ ถ้าไม่ติดว่าพี่มันนั่งหลบมุมทำหน้าเหมือนคนปวดอึล่ะก็พวกผู้หญิงคงเข้าไปขายขนมจีบให้เยอะแน่ๆ
“กังวลด้วย?” พี่ลันเลิกคิ้วพลางเดินมานั่งข้างๆ ก่อนจะกดเปิดทีวี
“เปล๊า” ผมตอบเสียงสูง
“ฮึๆ” พี่ลันหัวเราะในลำคอก่อนจะกดรีโมตเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ
“พี่เตี้ยหยุด! กดกลับไปช่องเมื่อกี้หน่อย” ผมบอกเมื่อเจอช่องที่สนใจเข้า มันเป็นช่องหนังครับและตอนนี้หนังที่กำลังฉายอยู่คาดว่าจะเป็นหนังที่พี่ลันชอบที่สุดซะด้วย
“อย่าคิดจะดูมันเด็ดขาด” พี่ลันหันมามองหน้าผมดุๆ ก่อนจะกดเปลี่ยนช่อง ผมหัวเราะคิกคักอย่างสนุกสนานที่เห็นพี่มันหน้าซีดเผือด หนังที่ว่าก็หนังผีนั่นแหละครับ แต่น่าแปลกนะครับที่พี่ลันกลัวผีแต่หนังซาดิสม์ เลือดสาด ฆ่าตัดตอนซับซ้อนซ่อนเงื่อนนี่ชอบเหลือเกิน ผมว่าหนังพวกนั้นน่ากลัวกว่าหนังผีเยอะเลยเพราะมันสื่อถึงความเจ็บปวดที่มีอยู่จริง และยิ่งเป็นหนังสืบสวนอย่างโฮล์มสพี่ลันยิ่งชอบ
“คิกๆ กลัวอะไรไม่เข้าเรื่อง ฮ่าๆ” ผมหัวเราะขำพี่ลันก่อนจะถูกตบหัวเบาๆ แต่กระนั้นผมก็ยังขำต่อ
“ไม่หยุดขำจับปล้ำจริงๆ ด้วย” เมื่อเจอคำขู่เมื่อครู่เข้าไปผมจึงรีบหุบปากทันที ที่จริงก็อยากจะขำต่ออ่ะนะแต่แบบ...เหนื่อยไง คึๆ
“ลองดูสิ จะใช้สันมือฟันให้สลบเลยคอยดู” ผมยกมือขึ้นมาแสดงท่าทางแต่แทนที่พี่ลันจะกลัวกลับยิ้มซะงั้น ผมรีบชักสีหน้าทันทีเมื่อนึกขึ้นได้ว่าระดับการต่อสู้ของพี่มันสูงกว่าผมแถมตัวยังใหญ่กว่าอีกต่างหาก มองทางไหนก็เสียเปรียบชัดๆ เลยเรา
“เก่งจริง” พี่ลันบีบจมูกผมก่อนจะเอื้อมมือมาโอบไหล่เอาไว้แล้วดึงไปนั่งให้ชิดกัน
“นี่พี่เตี้ย พี่ว่าเราจะทะเลาะกันไหมครับ? เห็นคนเป็นแฟนกันเขาทะเลาะกันตลอดเลย” ผมเอียงคอซบไหล่พี่ลันก่อนจะถามขึ้น ตั้งแต่คบกันมาเราก็ทะเลาะกันบ้างแต่ไม่บ่อย จะทะเลาะทั้งทีทะเลาะกันเรื่องใหญ่มากซะด้วยสิ
“ทำไมถามงั้นล่ะ?”
“ถามดูเฉยๆ ก็เผื่อว่ามีเรื่องทะเลาะกันไง” ผมยิ้มขำๆ กับความคิดตัวเอง
“นี่ไม่มีอะไรทำเลยจะหาเรื่องมาทะเลาะหรือไงฮะสูง” พี่ลันยีหัวผมเบาๆ
“ใช่ที่ไหนล่ะ? แค่ถามเฉยๆ ใครจะอยากทะเลาะกับพี่ล่ะ โกรธได้น่ากลัวมาก” ผมทำปากยื่น ไม่น่ากลัวได้ไงครับ เล่นซะผมเข้าโรงพยาบาล ถ้าไม่ติดว่าตอนนั้นเฮิร์ตอยู่ผมคงอายหมอจนไม่กล้าให้หมอตรวจแล้วล่ะครับ
“แต่ทำให้โกรธบ่อยๆ ก็ดีเหมือนกันนะ ฮึๆ” พี่ลันหัวเราะในลำคอเสียงต่ำ หน้าผมร้อนฉ่าก่อนจะตีแก้มพี่ลันกลบความเขิน
“โรคจิต” ผมว่า โกรธบ่อยพี่มันก็ได้กดผมแบบโรคจิตบ่อยๆ น่ะสิ ไม่เอาด้วยหรอก น่ากลัวจะตาย ยิ่งตอนพี่ลันทำหน้าโกรธผมยิ่งกลัว เพราะยิ่งพี่มันโกรธเรื่องผมมากเท่าไหร่ก็เท่ากับว่าพี่มันเสียใจมากเท่านั้นและผมเองก็จะเสียใจที่ทำให้พี่มันเสียใจ
“เราไปเที่ยวกันไหม?” จู่ๆ พี่ลันก็ถามขึ้น
“เอ๋? ไปเที่ยว? ที่ไหนครับ?” ผมถาม
“ทะเลไหม? หรือจะขึ้นเหนือดี?” พี่ลันถามพลางเล่นผมของผมเหมือนหยอกเย้า จั๊กจี้แฮะ
“ทำไมถึงอยากไปล่ะครับ?”
“เหมือนไปฮันนีมูนกันไง กลับมาจะได้มีลูกสักสองสามคน” พี่ลันพูด หน้าผมร้อนฉ่าเหมือนถูกไฟลน
“เพ้อเจ้อ!” ผมตีไหล่พี่ลันแรงๆ ระบายความเขิน เขินทีไรรุนแรงทุกทีเลยเรา แอบสงสารพี่ลันเหมือนกันนะครับที่ต้องคอยรับแรงของผม มือผมก็ไม่ใช่เบาๆ ตบคนแต่ล่ะครั้งนี่ชาไปทั้งตัวเลยทีเดียว จำได้ว่าเคยเผลอฟาดคู่ซ้อมจนเขาเกือบร้องไห้
“แล้วตกลงจะไปที่ไหนกันดี?” พี่ลันถาม
“ผมว่าเอาไว้ให้เราพักอีกสักสองสามวันก่อนค่อยคิดละกันเนอะ ช่วงนี้ก็เที่ยวที่ห้องพี่ไปก่อนก็ได้” ผมบอก
“หืม?” พี่ลันส่งเสียงในลำคออย่างเจ้าเล่ห์
“เฮ้ย แต่ผมไม่ได้หมายความถึงเรื่องแบบนั้นนะ ผมหมายถึงนอนกลิ้งเล่น เช่าหนังมาดู อะไรทำนองนั้นต่างหาก” ผมรีบปฏิเสธความคิดแปลกๆ ของพี่ลันทันที
“ไปออกกำลังกายด้วยไหม?” พี่ลันถามเสียงต่ำ
“บ้า!” ผมฟาดต้นแขนพี่ลันอีกครั้งทันที
“คิดอะไร? หมายถึงไปวิ่ง ไปปั่นจักรยานหรือไม่ก็ไปฝึกที่ยิมต่างหาก หรือว่านายอยากจะ...”
“ไม่ได้อยากซะหน่อย!!” ผมรีบปฏิเสธก่อนที่พี่ลันจะพูดจบ อายจังเลยครับ ปล่อยไก่ไปตัวเบ้อเริ่ม ใครจะไปคิดว่าพี่มันจะชวนเข้ายิมก็ปกติเห็นชวนขึ้นเตียงตลอด โถ่! อายจริงอายจัง
“เขิน?” พี่ลันกระแซะพลางเอานิ้วมาจิ้มที่แก้มของผม ผมรีบปัดมือพี่มันออกก่อนจะก้มหน้างุด เออ เขินโว้ย! รู้แล้วยังจะมาแหย่อีก นิสัยไม่ดี ไอ้บ้า
“ไม่ได้เขิน! ไม่เอาแล้ว ไม่คุย ง่วง จะนอน” ผมเบือนหน้าหลบสายตาของพี่ลันก่อนจะดันไหล่พี่มันให้เอนลงไปพิงกับพนักพิงก่อนที่ผมจะพิงไหล่พี่มันอีกที ผมยกขาขึ้นมานั่งบนโซฟาแล้วยืดตัวเอนซบพี่ลันแล้วหลับตาลง พี่ลันหัวเราะในลำคอนิดๆ ก่อนจะเลื่อนมือมาวางทาบที่เอวผมแล้วผ่อนลมหายใจเหมือนกำลังจะนอนพักเหมือนกัน ผมอมยิ้มนิดๆ ก่อนจะค่อยๆ ปลดปล่อยสติสู่ห้วงนิทรา
45% left
หลังจากนอนพักกันจนเต็มอิ่มผมกับพี่ลันก็ไปซื้อของกับที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตใกล้ๆ ครับ ก็พี่ลันน่ะสิงอแง(?)อยากจะทำกับข้าวกินเองก็เลยต้องมาช้อป ซื้อกินง่ายๆ สบายๆ ไม่ชอบชอบความลำบากเนอะไอ้พี่บ้านี่ แถมตอนเดินซื้อของพี่ลันยังจะเดินเกาะเดินแกะผมจนผมต้องเอ็ดเข้าให้ถึงยอมเดินเฉยๆ พี่มันกินแรงผมมากครับ ให้ผมเข็นรถเข็นอยู่คนเดียวเลย
“กะหล่ำปลี แครอท มันฝรั่ง ข้าวโพดอ่อน เอ๊ะ เอาพริกด้วยดีไหมน้า?” ขณะที่กำลังเลือกผักอยู่ผมก็แอบแซวพี่ลันนิดๆ วันนี้จะทำสเต็กหมู มันบดและกะหล่ำทอดน้ำปลากินกันครับก็เลยมาหาซื้อผักเคียง ตอนแรกจะไม่มีกะหล่ำทอดน้ำปลาหรอกเพราะมันไม่เข้ากับเมนูที่จะกินเอาซะเลยแต่พี่ลันอยากจะกินให้ได้ก็เลยจัดให้ครับ
“จะเอาพริกไปทำซอสเกรวี่เหรอสูง?” พี่ลันหรี่ตามองผมก่อนจะหยิบพริกจากมือผมไปวางไว้ที่เดิม ผมหัวเราะคิกคักก่อนจะเดินไปโซนขายเนื้อ
“เอาเนื้อหมักสำเร็จไปดีไหมครับ?” ผมหันไปถามพี่ลันที่เดินตามหลังมา ผมขี้เกียจแล่เนื้อแล้วก็หมักนี่หว่า
“ไม่ เอาไปหมักเองดีกว่า” พี่ลันบอก
“พี่จะแล่เนื้อเองไหมล่ะ?” ผมถาม ไอ้ที่จะทำเนี่ยผมต้องเป็นคนทำทุกอย่างนั่นแหละครับเพราะพี่ลันทำกับข้าวไม่เป็น แค่หุงข้าวยังแฉะจนกินไม่ลงเลยครับ ดีนะที่ไม่ทอดไข่ไหม้ด้วย
“ทำไม่เป็น” พี่ลันพูดหน้าตาย
“นั่นไง แล้วทำมาเป็นพูดดี ชิ” ผมทำปากยื่นก่อนจะหันไปเลือกเนื้อที่หมักแล้ว
“ก็อยากกิน...ฝีมือแฟนไง” วลีสุดท้ายพี่ลันโน้มหน้ามากระซิบทำให้ผมชะงัก มือที่กำลังจะหยิบเนื้อที่ห่อด้วยพลาสติกใสชะงักทันที ผมเม้มปากก้มหน้าก่อนจะเดินไปเลือกเนื้อสด พูดแบบนี้ใครเขาจะปฏิเสธลงล่ะครับ ทำก็ทำวะ
“ชะ...ชอบเนื้อส่วนไหนครับ?” ผมถามอย่างอายๆ คำพูดเมื่อกี้ยังทำให้ผมเขินค้างอยู่เลยครับ
“ส่วนไหนก็ได้แต่ไม่เน้นมันนะ เดี๋ยวอ้วน” พี่ลันพูดพลางตบพุงตัวเองปุๆ ผมมองก่อนจะขำ แหม...แอบห่วงหล่อเหมือนกันนะ แต่เอาเข้าจริงพออาหารมาอยู่ตรงหน้าก็แม่งกระเดือกลงท้องทุกอย่างเลย
“ยังจะห่วงอ้วนอีกนะ” ผมยิ้มนิดๆ ก่อนจะตบพุงพี่ลันบ้าง
หลังจากหัวร่อต่อกระซิกกับพี่ลันได้นิดหน่อยผมก็หันมาเลือกเนื้อต่อแต่ก็ต้องพบกับสายตาของพนักงานที่ยืนประจำบูธขายเนื้อ อื้อหือ สายตาของป้าแกดูไม่ค่อยจะไว้ใจเราสองคนเลยครับ ตาตีบๆ หน้าอวบอ้วนขาวซีดที่กำลังหันมองพวกเราเขม็งทำให้ผมไม่ต่อไม่เป็นเลยทีเดียว ผมหน้าซีดก่อนจะรีบเลือกเนื้อให้มันเสร็จๆ ไป ลืมตัวไปหน่อย เล่นซะถูกมองแปลกๆ เลยเรา
ซื้อของเสร็จเราก็กลับไปที่คอนโด...
“สูง สอนทำอาหารหน่อย” พี่ลันหยิบผ้ากันเปื้อนไปสวมก่อนจะเดินเข้ามาหาผมที่กำลังแร่เนื้อทำสเต็ก
“คิดยังไงให้สอนทำครับเนี่ย?” ผมถามอย่างงงๆ ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นอยากจะเข้าครัว วันนี้คิดยังไงถึงอยากจะทำอาหารล่ะเนี่ย
“ก็ไม่อยากให้นายเหนื่อยคนเดียว อยากช่วยไง” พี่ลันพูดพลางขยับเข้ามากอดเอวผมเอาไว้ ผมวางมีดที่กำลังแล่เนื้อลงก่อนจะตีมือพี่มันเบาๆ ทำให้พี่มันต้องรีบปล่อยมือออกจากเอวของผม
“ใช่ให้เหนื่อยเพิ่มขึ้นหรือเปล่าครับพี่เตี้ย?” ผมถามกวนๆ
“ปากดี” พี่ลันพูดลอดไรฟันก่อนจะเอื้อมมือมาดึงแก้มของผมจนปากยืดออก ผมปัดมือพี่ลันออกก่อนจะหัวเราะ เล่นอะไรไม่เข้าเรื่องจริงๆ เลย
“อ่ะๆ ก่อนอื่นก็สอนทำสเต็กก่อนก็แล้วกันครับ” ผมบอกก่อนจะหันหน้าไปที่เนื้อที่กำลังแล่ “แร่เนื้อให้มันบางๆ หรือจะหนาก็ได้แต่มันจะสุกช้า แล้วก็ทุบๆๆ” ผมบอกพลางพยิบที่ทุบเนื้อสเต็กมาทุบอย่างเมามัน “จากนั้นก็เอามาหมักกับเครื่องปรุงต่างๆ ชอบพริกไทยไหม?” ผมเทซอส ใส่เครื่องปรุงอื่นๆ ตามขนาดที่ชอบก่อนจะหันไปถามพี่ลัน
“ถ้าไม่เยอะก็กินได้นะ” พี่ลันบอก ผมพยักหน้ารับก่อนจะเอาพริกไทยเม็ดมาทุบแล้วนำไปขยำใส่กับเนื้อ
“เสร็จแล้วก็เอาไปแช่ตู้เย็นสักชั่วโมงสองชั่วโมงค่อยเอามาทอด ระหว่างนี้ก็เอาผักไปต้มก่อนละกัน” ผมเดินหมุนตัวเอาเนื้อไปแช่ตู้เย็นก่อนจะดึงพี่ลันมายืนข้างๆ แล้วให้พี่มันช่วยปอกเปลือกผักแต่ดูเหมือนพี่มันจะใช้มีดทำครัวไม่คล่องเอาซะเลยมันจึงต้องสอน สอนไปก็ดุไปครับเพราะพี่มันเงอะงะสุดๆ ก็เข้าใจหรอกนะว่าไม่เคยทำก็เลยทำไม่เป็นแต่แค่หั่นผักเด็กประถมยังทำได้เลย
หลังจากนั้นผมก็ทำอย่างอื่นต่อโดยมีพี่ลันเป็นผู้ช่วยที่คอยเรียนรู้การทำอาหารจากผมไปด้วย ขณะที่ผมทำมันบดผมก็ให้พี่ลันไปทำกะหล่ำทอดน้ำปลา และก็ได้เรื่องเพราะพี่มันวิ่งวุ่นหลบน้ำมันที่กระเด็นซะรอบครัวเลยทีเดียว สุดท้ายผมก็ต้องทำเองทุกอย่าง แต่ก็สนุกดีครับ เห็นอีกด้านที่น่ารักของพี่ลันแล้วมีความสุขดีจริงๆ
วันรุ่งขึ้นหลังจากที่ผมนอนค้างที่ห้องของพี่ลันพี่มันก็พาผมไปออกกำลังกายตั้งแต่เช้าที่สวนสาธารณะ เนื่องจากผมไม่เอาชุดเล่นกีฬามาไว้ที่ห้องพี่ลันก็เลยต้องยืมชุดของพี่มันเหมือนเคย ตอนแรกว่าจะใส่กางเกงขายาวเพราะอากาศค่อนข้างหนาวแต่กางเกงขายาวของพี่ลันมันก็ยาวเกินไปหน่อยก็เลยต้องใส่ขาสั้น
“บรื๋อ! หนาวนะเนี่ย” ผมวิ่งเหยาะๆ ไปพลางเป่าลมใส่มือ นี่มันก็หน้าหนาวแถมยังออกมาวิ่งตั้งแต่ตีห้ามันก็ต้องหนาวอ่ะดิ
“มาวิ่งใกล้ๆ สิ” พี่ลันอ้าแขนออกก่อนจะวิ่งมาประกบท้าย ผมตีมือพี่ลันก่อนจะวิ่งหลบไปข้างๆ นี่จะมาออกกำลังกายหรือจะมาทำอะไรกันแน่ฟะเนี่ย?
“พี่เตี้ย ทำอะไรอายคนอื่นเขาบ้างสิครับ” ผมเอ็ดเบาๆ
“อายทำไม? ใครคนเขารู้ไปเลยดิว่านี่ เมียกู!” พี่ลันพูดพลางหันไปหรี่ตามองผู้หญิงกลุ่มหนึ่งที่มาวิ่งออกกำลังกายเหมือนกัน ผมอยากจะบอกเหลือเกินว่าคนที่ผู้หญิงเขาเหล่น่ะไม่ใส่ผมแต่เป็นพี่ลันต่างหาก หล่อไม่รู้ตัวรึไงวะหมอนี่
“บ้า พี่เตี้ย พูดอะไรก็ไม่รู้” ผมหันไปขมวดคิ้วใส่พี่ลัน แกล้งทำท่าโกรธหรอกครับเพราะที่จริงแล้วผมเขินมากกว่า
“ฉันว่าไม่ต้องออกกำลังกายที่นี่แล้ว กลับบ้านไปออกที่ห้องดีกว่าเนอะ” พี่ลันพูดพลางโน้มหน้ามาหอมแก้มผมเบาๆ ผมหันไปเหลือกตาใส่ก่อนจะตีหน้าที่ลันหนักๆ จนพี่ลันหน้าสะบัด
“ทุเรศจริงๆ” ผมว่าแต่สุดท้ายก็กลับบ้านพร้อมพี่ลันอยู่ดี
หลังจากออกกำลังกายรอบเช้าตามที่พี่ลันต้องการผมก็โทรสั่งข้าวเช้ามาขึ้นมากินด้วยกันบนห้อง ไอ้พี่ลันงี้เปรมสุดๆ ครับ ไม่รู้ไปหื่นมากจากไหน ฟัดเอาๆ จนจะเดี้ยงคาเตียงอยู่แล้ว
ปิ๊ง ป่อง!
“อ่ะ! สงสัยข้าวมาส่งแล้ว ไปเอามาหน่อยสิครับพี่ลัน” ผมชี้มือไปที่ประตูก่อนจะกดเปลียนช่องทีวี
“เดี๋ยวนี้กล้าใช้เหรอ?” พี่ลันถาม
“ครับผม” ผมตอบเต็มปากเต็มคำก่อนจะถูกหอมปากเบาๆ พี่ชี้หน้าพี่ลันที่แกล้งทำเป็นลอยหน้าลอยตาไปเปิดประตูอย่างหมั่นไส้
“กี้...?” เสียงของพี่ลันดังขึ้นทำให้ผมนิ่งงันก่อนจะรีบหันหน้าไปมองว่าคนที่มาเยือนคือใคร
“ลันคะ” ผมเบิกตากว้างมองคนที่กำลังเดินเข้าไปกอดแขนพี่ลัน พี่ลันเองก็ยืนนิ่งเหมือนกำลังอึ้งเหมือนกัน ทำไมพี่กี้ถึงมาที่นี่? มาทำไม?!
ตอนนี้ไม่ได้เช็คเลยอ่า คำผิดเยอะไม่ว่ากันน้า เดี๋ยวแก้จ้า
ความคิดเห็น