ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ] อลวนรัก หอพักสุดเพี้ยน (Super Junior Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #8 : Chapter 8 : แฟนกันวันที่ 1_100%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7.27K
      10
      17 มี.ค. 53


    Chapter8
     แฟนกันวันที่ 1
     
     
     
     
     
                    เช้าวันใหม่กับการเปิดเรียนในวันแรกของสัปดาห์หลังจากที่ใช้เวลาไปกับวันหยุดทั้งสองวันเต็ม วันนี้ดูเหมือนว่าบรรยากาศในห้องพัก 1347 จะแปลกไปซักนิด ไม่มีเสียงของคนช่างพูดที่สมควรจะพูดอะไรไปเรื่อยเปื่อยตั้งแต่เช้า คงเป็นเพราะว่าในหัวสมองกำลังคิดเรื่องบางเรื่องอยู่ ซึ่งก็ไม่ต่างกันนักกับรูมเมทตัวสูงที่หัวตอนนี้มีแต่เรื่องคำสั่งของคิงอีทึกเต็มไปหมด
     
                    จะไปพร้อมกันมั้ย คยูฮยอนถามซองมินเสียงเรียบโดยที่ไม่ได้หันหน้าไปมอง คนโดนทักสะดุ้งตัวโหยงก่อนจะพยักหน้ารับเบาๆ แล้วเดินตามคยูฮยอนออกมาจากห้อง
     
                    เสียงของเหล่านักศึกษาที่ต่างกำลังเตรียมตัวเพื่อไปเรียนดังกระจายไปตามส่วนต่างๆของตัวอาคาร แต่เสียงระหว่างช่องว่างของรูมเมททั้งสองกลับเงียบกริบ จนกระทั่งทั้งสองเดินมาหยุดอยู่ที่ทางเดินระหว่างบันไดกับลิฟต์
     
                    ซองมิน คยูฮยอน รอด้วยสิ!!” เสียงคุ้นหูร้องทักขึ้นมาจากด้านหลัง ทำเอาคนถูกเรียกหันขวับไปมองในทันที แล้วก็ทำเอาหัวใจหล่นวูบไปอยู่ที่ตาตุ่มเมื่อเสียงนั้นเป็นคนที่ไม่อยากจะเจอจริงๆ
     
                    กำลังจะไปเรียนใช่มั้ย งั้นไปพร้อมกันเลย อีทึกพูดด้วยน้ำเสียงที่สดใสก่อนจะเดินนำเข้าลิฟต์ที่เพิ่งออกไปเป็นคนแรก
     
                    ทั้งคยูฮยอนและซองมินนิ่งเงียบไม่ยอมเอ่ยปากพูดอะไรเลยแม้แต่น้อยเพราะไม่รู้ว่าอีทึกจะจำเรื่องที่สั่งตอนเป็นคิงได้หรือเปล่า เลยเลือกที่จะเงียบดีกว่า
     
                    ดูเหมือนอีทึกจะจำไม่ได้นะ คังอินเดินเข้ามากระซิบให้คยูฮยอนกับซองมินได้ยินแค่สองคน ยิ้มบางๆให้ ก่อนจะเดินเข้าไปในลิฟต์ ตั้งแต่เช้ามาเขาก็ไม่ได้ยินอีทึกพูดถึงเรื่องเกมคิงที่เล่นกันเมื่อวันหยุดที่ผ่านมาเลยแม้แต่น้อยเลยคิดว่าอีทึกคงจะลืมมันไปแล้ว และเขาเองก็ไม่อยากจะรื้อฟื้นให้เพื่อนๆที่ต้องมารับชะตากรรมความเมาของอีทึกด้วย
                   
                    ได้ฟังแบบนี้คยูฮยอนกับซองมินก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาเป็นกอง ก่อนจะเดินตามเข้าไปในลิฟต์ ไม่นานประตูก็เปิดออกเมื่อพวกเขาลงมาถึงชั้นหนึ่งเป็นที่เรียบร้อย อีทึกเป็นคนเดินนำอีกตามเคย
     
                    วีรกรรมที่พวกเขาได้ไปทำเอาไว้ทำให้คยูฮยอนกับซองมินก้มหน้าเดินตลอดเวลาเพราะไม่รู้ว่าจะมีคนไหนที่จำพวกเขาได้บ้างถึงแม้ว่าจะแสดงความรักโชว์เพื่อนร่วมหอไปไม่กี่ห้องก็ตาม
     
                    อ้าว! คุณสองคนนี่เอง!” เสียงหนึ่งร้องขึ้นมาอย่างตกใจเมื่อกลุ่มของพวกเขาเดินผ่าน
     
    ซองมินเงยหน้าขึ้นไปมองแล้วก็ต้องรีบยกกระเป๋าขึ้นมาบังหน้า ไม่ต่างกับคยูฮยอนที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาแล้วหันไปทางอื่น เพราะคนที่ทักนั้นดันเป็นคนที่พักอยู่ชั้นห้า คนที่เขาทั้งสองคนจูบโชว์ไปแบบไม่อายฟ้าอายดินเลยทีเดียว
     
    คังอินมองสภาพของเพื่อนร่วมกลุ่มแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้า ก่อนจะหันไปมองคนที่ทักพอพ้นสายตาอีทึกได้คังอินก็ทำท่าจุ๊ปากเพื่อไม่ให้คนๆนี้พูดอะไรออกมาแต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล
     
    เอ๊ะ! รู้จักพวกเราด้วยเหรอครับ อีทึกร้องถามสีหน้าสงสัย
     
    อ้าว! ก็วันนั้นพวกคุณมาเคาะประตูห้องผมไม่ใช่เหรอครับ แล้วคุณสองคนนั้นน่ะยังมาจูบกันหน้าห้องผมแถมยังบอกว่าคบกันแล้วด้วย พูดออกมายิ้มๆก่อนจะปิดท้ายด้วยการหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นท่าทางของคยูฮยอนกับซองมินแต่ที่จริงเขาก็รู้อยู่ว่ามันเป็นเกมแต่รู้สึกว่าทั้งคู่น่ารักดีเลยแซวออกไป
     
    มันก็แค่เกมน่ะครับ คังอินออกปากแก้ต่างให้ แต่ดูเหมือนมันจะไม่ได้ช่วยอะไรเลย เพราะท่าทางครุ่นคิดของอีทึกนั้นทำให้รู้สึกถึงรางไม่ดีขึ้นมาซะแล้ว
     
    ฉะ...ฉันไปเรียนก่อนนะ ซองมินพูดตะกุกตะกักทำท่าจะเดินเลี่ยงออกไป แต่เท้าที่กำลังจะก้าวเดินกลับต้องหยุดชะงักเมื่ออีทึกหันมามอง
     
    จะไปไหนล่ะ เดี๋ยวก่อนสิ....ขอบคุณมากเลยนะครับที่ช่วยเตือนความจำ พูดเสียงเข้มกับซองมินก่อนจะหันไปขอบคุณเพื่อนร่วมหอที่อุตส่าห์ช่วยเตือนความจำให้เขา ไม่งั้นตลอดหนึ่งอาทิตย์นี้คงไม่มีอะไรๆสนุกๆทำแน่
     
    ไม่เป็นไรครับ งั้นผมขอตัวนะครับ ขอให้รักกันนานๆนะครับ ก่อนไปก็ยังไม่วายพูดแซว ทำเอาซองมินแทบอยากจะมุดดินหนี ส่วนคยูฮยอนก็ได้แต่ยืนระงับอารมณ์รอรับชะตากรรม
     
    ทำไมนายไม่เตือนฉันล่ะคังอิน ก่อนจะจัดการกับเหยื่อทั้งสองอีทึกก็หันมาโวยวายใส่คังอินซะก่อน โทษฐานไม่ช่วยเตือนความจำ
     
    เอ่อ...คือ... คังอินได้แต่อ้ำๆอึ้งๆ เหตุผลหนึ่งคือไม่อยากให้คยูฮยอนกับซองมินต้องเดือดร้อนกับคำสั่งของอีทึก แต่อีกเหตุผลหนึ่งคือเขาไม่อยากนึกถึงนางฟ้าที่กินโซจูเข้าไปจนกลายร่างเป็นปีศาจแบบนั้น
     
    ฮ่า~ ช่างมันเถอะ....ว่าแต่นายสองคนเป็นแฟนกันไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่จับมือกันล่ะ บอกปัดคังอินไปก่อนจะหันมาสนใจอีกคู่แทน อีทึกชี้นิ้วไปที่มือของคยูฮยอนกับซองมินก่อนจะเริ่มออกคำสั่ง
     
    จับมือกันเร็วๆสิ แล้วนายก็ต้องไปส่งซองมินที่คณะด้วยนะ และตอนกลางวันก็ต้องพาไปกินข้าวด้วย ออกคำสั่งไปริมฝีปากก็เผยยิ้มออกไปอย่างมีความสุข
     
    คยูฮยอนถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนจะเอื้อมมือไปกุมมือซองมินเอาไว้ทำเอาใบหน้าขาวๆนั้นร้อนผ่าวขึ้นมาทันที
     
    ซองมินก้มหน้าก้มตาไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมา เขารู้สึกเขินคยูฮยอนจริงๆ ถ้าเกิดคยูฮยอนไม่ชอบแล้วต้องมาทำแบบนี้กับเขาคงรู้สึกอึดอัดมากแน่ๆ
     
    ทีนี้ก็เดินไปด้วยกันเลยนะ ฉันจะยืนมองจนกว่านายสองคนจะเดินลับตาไป อีทึกออกคำสั่งอีกครั้ง
     
    ให้ตายสิ คยูฮยอนบ่นออกมาเบาๆ แต่มันก็ทำให้คนซองมินได้ยินอย่างชัดเจน คยูฮยอนกระชับมือและกระตุกมือที่กุมอยู่เบาๆ ก่อนจะเริ่มออกเดิน
     
    ซองมินเดินก้มหน้าตามไปอย่างเงียบๆ แต่กลับโดนคยูฮยอนดึงให้ขึ้นมาเดินข้างๆกัน  ใบหน้าหวานจึงเงยหน้าขึ้นไปมองแต่อีกคนที่เอาแต่มองตรงไปข้างหน้า ซองมินจึงต้องก้มหน้าลงอย่างเดิม
     
    พอไปถึงก็บอกลากันหวานๆด้วยน้า!! แล้วผมจะมารับตอนเที่ยงนะครับ!!” เสียงแว่วๆของอีทึกตะโกนมาหลังจากที่เดินออกมาได้ซักพัก
     
    ได้ยินแบบนี้ซองมินยิ่งเกิดอาการหน้าแดง เพราะถ้าเกิดคยูฮยอนพูดออกมาจริงๆแล้วเขาจะทำยังไง แต่มันคงเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
     
     
    นายก็ไปแกล้งเพื่อนได้นะอีทึก คังอินออกปากเตือนเล็กน้อยกับความรักสนุกเกินไปของอีทึก
     
    อย่าคิดมากเลยน่า บางทีสองคนนั้นอาจจะซัมติงกันจริงๆก็ได้ใครจะไปรู้ และฉันนี่แหละจะเป็นสื่อกลางช่วยผลักดันหัวใจของสองคนนี้ให้มาสปาร์คกันเอง พูดจบก็หัวเราะชอบใจกับความคิดของตัวเอง คังอินเลยได้แต่ส่ายหน้าอีกครั้ง สงสัยธาตุแท้ของอีทึกจะเปิดเผยออกมาแบบกู่ไม่กลับซะแล้วตั้งแต่ดื่มโซจูเข้าไปวันนั้น ไม่น่าเลยจริงๆ
     
     
     
     
                    คยูฮยอนมาส่งซองมินถึงหน้าคณะตามคำสั่งก่อนจะมุ่งหน้าไปยังคณะของตัวเอง เพียงแต่ไม่ได้พูดตามคำพูดของอีทึกก็เท่านั้น
     
                    มาส่งถึงคณะเลยเหรอ เรียวอุกที่เพิ่งเดินมาถึงเห็นคยูฮยอนเพิ่งออกไปจึงถามขึ้นแล้วยิ้มบางๆไปให้
     
                    อืมๆ ก็อีทึกน่ะสิ พยักหน้ารับเบาๆ พร้อมกับโยนความผิดไปให้อีทึกที่ดันมาจำคำสั่งเพี้ยนๆของตัวเองได้ซะอย่างนั้น
     
                    งั้นหนึ่งอาทิตย์นี้นายก็ไม่โสดแล้วล่ะสิ เรียวอุกหัวเราะเบาๆเมื่อพูดจบ ทำเอาซองมินอมลมจนแก้มป่องเมื่อได้ฟัง
     
                    อย่าแซวสิ
     
                    ล้อเล่นน่า...ซองมิน กลางวันนี้เราไปกินข้าวกับฮยอกแจแล้วก็ดงแฮกันนะ ฉันนัดไว้แล้ว เรียวอุกชวนคุยระหว่างที่ทั้งสองกำลังเดินเข้าไปในตัวอาคาร เมื่อกี้เขาก็เพิ่งแยกกับดงแฮกับฮยอกแจที่โรงอาหาร กลางวันนี่เลยนัดไปทานข้าวด้วยกันอีก
     
                    เอ่อ...อ่ะ อืม ลังเลซักพักซองมินจึงตอบตกลง เพราะเขาคิดว่าคยูฮยอนคงไม่มารับอย่างที่อีทึกบอกไว้จริงๆ ที่ต้องเล่นเป็นแฟนกันก็คงเฉพาะต่อหน้าอีทึกเท่านั้น
     
                    งั้นเจอกันตอนเที่ยงนะ ฉันไปแล้ว ยกมือขึ้นโบกไปมาก่อนที่เรียวอุกจะเดินไปยังห้องเรียนของตัวเอง
     
                    ซองมินยืนนิ่งอยู่ตรงที่เดิมซักพักก่อนจะเริ่มออกเดินไปยังห้องเรียนของตัวเองบ้าง ตอนนี้ในหัวของเขามีแต่เรื่องของคยูฮยอนเต็มไปหมด แล้วตอนเที่ยงคยูฮยอนจะมารับเขาจริงๆมั้ยล่ะเนี่ย
     
     
     
     
                    การเรียนการสอนในครึ่งวันแรกจบลงไปเรียบร้อยแล้ว โรงอาหารในช่วงพักกลางวันนั้นคึกคักเป็นอย่างมาก สุดท้ายแล้วซองมินก็มานั่งอยู่กับเรียกอุก ดงแฮและฮยอกแจจนได้ เพราะไม่อยู่รอลุ้นว่าคยูฮยอนจะมารับเขาจริงๆมั้ย เพราะถ้าเกิดคยูฮยอนไม่มารับจริงๆเขาไม่รอเก้อเลยเหรอ
     
                    ตกลงนายกับคยูฮยอนต้องเป็นแฟนกันจริงๆใช่มั้ย แต่ดูท่าทางน่าจะเป็นคู่รักที่หวานนะ ดงแฮเริ่มบทสนทนาระหว่างที่ทั้งสี่คนกำลังรับประทานอาหารเที่ยงอยู่ พูดจบก็หัวเราะออกมาเบาๆ พอนึกถึงตอนที่ซองมินกับคยูฮยอนจูบกันทีไรเขาก็เขินแทนทุกที
     
                     มันก็แค่เกม นายอย่ามาแซวได้มั้ย ซองมินจิ้มอาหารเข้าปากก่อนจะบอกกลับไปด้วยสายตาเคืองๆ ไม่รู้ทำไมอีทึกต้องจำได้ ทำไมเขาถึงได้โชคร้ายแบบนี้
     
                    แต่เกมวันนั้นเขาให้แค่หอมแก้มเองนะ พูดจบดงแฮก็ยิ้มกรุ่มกริ่ม ส่วนคนอื่นก็ได้แค่ฟังแล้วนั่งอมยิ้มตาม ดงแฮนี่ช่างแซวจริงๆ ดูสิ ทำเอาซองมินหน้าแดงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
     
                    ทำเป็นพูดไปเหอะดงแฮ แล้วนายกับคิบอมล่ะ ออดอ้อนกันขนาดนั้น คบกันอยู่ใช่มั้ย เมื่อได้โอกาสซองมินจึงตอกกลับไปบ้าง เขาสังเกตมาหลายทีแล้วว่าคู่นี้มันต้องมีซัมติงกันแน่ๆ
     
                    เรียวอุกกับฮยอกแจที่นั่งฟังอยู่ด้วยพยักหน้าเห็นด้วยกับคำถามนี้ของซองมิน เพราะไม่ว่าใครก็สังเกตเห็นกันทั้งนั้นว่าคู่นี้มีอะไรแปลกๆ
     
                    พูดอะไรของนาย ฉันกับคิบอมก็เป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้นแหละ ดงแฮตอบออกมาหน้าตาใสซื่ออย่างคนที่ไม่ได้คิดอะไรจริงๆ เขากับคิบอมก็เป็นแค่รูมเมท ก็แค่เพื่อนกันเท่านั้น
     
                    “คนเป็นเพื่อนกันเขาต้องทำท่าออดอ้อนกันด้วยหรือไง ทำไมนายต้องอ้อนให้คิบอมมาส่งที่คณะทุกเช้า แล้วทำไมนายต้องทำตัวติดคิบอมด้วย บางทีนายอาจจะคิดกับคิบอมแค่เพื่อน แต่สิ่งที่นายทำไปน่ะ ถามคิบอมหรือยังว่าเขาคิดยังไงกับนาย ซองมินพูดไปตามความรู้สึกของตัวเอง เขารู้อยู่ว่าดงแฮเป็นคนขี้อ้อน ชอบอ้อนคนอื่นไปทั่ว แถมคนน่ารักๆ อย่างดงแฮโดนอ้อนบ่อยๆ มันก็ต้องมีหวั่นไหวบ้างล่ะ
     
                    พูดบ้าอะไรของนายน่ะซองมิน คิบอมไม่คิดอะไรหรอก....ฉันไม่คุยกับพวกนายแล้ว พูดจบดงแฮก็ก้มหน้าก้มตาทานอาหารของตัวเองไป เป็นไปไม่ได้หรอกที่คิบอมจะคิดกับเขาเกินเพื่อน เพราะนั่นมันก็เป็นนิสัยของเขา และคิบอมก็รู้ดี
     
                    ก็ขอให้เป็นอย่างที่นายบอกแล้วกัน ซองมินบอกก่อนจะลงมือทานอาหารของตัวเองต่อ
     
                    หลังจากนั้นหัวข้อสนทนาก็เปลี่ยนไปตามเรื่องราวที่ได้ยินหรือได้ฟัง ต่างคนก็ต่างยกมาพูดเพื่อไม่ให้บรรยากาศมันดูเงียบจนเกินไป จนกระทั่งได้เวลาเข้าเรียน ทุกคนจึงแยกย้ายกันไปยังตึกคณะของตัวเอง


                                                                      ----------------------50%----------------------

    ซองมินกับเรียวอุกเดินมาจนถึงหน้าตึกคณะของตัวเอง ท่าทางของซองมินที่เหมือนมองหาใครซักคน ทำให้เรียวอุกอดที่จะถามไม่ได้
     
                    มองหาใครเหรอซองมิน
     
                    ปะ...เปล่า ไม่มีอะไรหรอก เราไปกันเถอะ ส่ายหน้ารัวเป็นการปฏิเสธก่อนจะยิ้มบางๆ รีบเข้าไปคว้าข้อมือเรียวอุกเดินนำเข้าไปในตึกเรียนทันที
     
                    เดินเข้ามาด้านในได้พักหนึ่งซองมินก็ไม่วายหันไปมองด้านหน้าตึกเรียนอีกครั้ง เขาคงคิดถูกแล้วนะที่ไปทานข้างกลางวันกับเพื่อนๆ เพราะคยูฮยอนคงไม่ได้มารอจริงๆ
     
     
     
     
                    กลายเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้วที่ทุกวันจะเห็นผู้ชายหน้าตาดีนามว่าคิมคิบอมมายืนไปรับไปส่งรูมเมทตัวเล็กที่หน้าตึกคณะ และไม่นานบุคคลที่รอคอยก็ออกมา
     
                    หวัดดีคิบอม ดงแฮทักทายเสียงร่าเริงก่อนจะยิ้มสดใสไปให้ แต่เมื่อคิบอมยิ้มกลับมา ดงแฮยิ้มแหยๆก่อนจะหุบยิ้มไป เพราะเรื่องที่ซองมินพูดเมื่อตอนกลางวันมันเข้ามารบกวนจิตใจอีกแล้ว
     
                    เป็นอะไรหรือเปล่า คิบอมเอ่ยถามเมื่อเห็นดงแฮทำท่าทางแปลกๆ ท่าเป็นปกติคงเอาแต่พูดถึงเรื่องนั้นเรื่องนี้ ชวนไปกินนู้นกินนี้ หรืออ้อนให้พาไปเดินเล่น แต่วันนี้กลับเงียบ
     
                    เปล่าหรอก...เอ่อ คือ...คิบอม ส่ายหน้าปฏิเสธ ก่อนจะทำท่าเหมือนอยากจะพูดอะไรซักอย่างออกมา แต่กลับเงียบไปซะดื้อๆ
     
                    หืม เลิกคิ้วกลับไปให้เป็นเชิงสงสัย วันนี้มาแปลก เป็นอะไรของเขา
     
                    คือ...คือ... ดงแฮยังคงลังเลไม่รู้ว่าจะพูดออกไปดีมั้ย เขาอยากจะถามออกไปตรงๆเลยว่าตอนนี้คิบอมคิดกับเขายังไง จะคิดเกินเพื่อนอย่างที่ซองมินบอกหรือเปล่า แต่ถ้าคิบอมคิดอย่างที่ซองมินบอกจริงๆ แล้วเขาจะทำยังไง แต่มันคงเป็นไปไม่ได้หรอกมั้ง
     
                    อยากจะพูดอะไร คิบอมถามออกมาเสียงเรียบ ฟังดูแล้วเหมือนกับว่าคิบอมว่าคงจะรำคาญดงแฮเข้าแล้วที่ทำท่าอึกอักไม่ยอมบอกเสียที
     
                    เอ่อ...คือ ตอนนี้นายคิดยังไงกับฉันเหรอคิบอม....นายชอบฉันหรือเปล่า ในที่สุดดงแฮก็ตัดสินใจถามออกไป
     
                    และคำตอบที่ได้กลับมาก็คือรอยยิ้ม แต่มันเป็นรอยยิ้มที่ดงแฮคาดเดาไม่ออกว่าคิบอมอยากจะสื่อความหมายอะไร อาจจะหมายความว่า ใช่แล้วดงแฮ ฉันชอบนาย ฉันไม่ได้คิดกับนายแค่เพื่อน หรืออาจจะหมายความว่า ถามบ้าอะไรของนายน่ะดงแฮ ฉันคิดกับนายก็แค่เพื่อนเท่านั้น
     
                    ดวงตาใสแป๋วของดงแฮจ้องคิบอมเขม็งเหมือนต้องการคำตอบโดยเร็วที่สุด แต่พอคิบอมจะขยับปากพูด เจ้าเด็กบ๊องก็ดันขัดขึ้นมาซะอย่างนั้น
     
                    ฮ่าๆๆๆ ฉันนี่ก็ถามอะไรบ้าๆเนอะ เราเป็นเพื่อนกันนายจะคิดอะไรกับฉันได้ล่ะนอกจากเพื่อน อีกอย่างเราก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน จะมาชอบผู้ชายเหมือนกันได้ยังไง จริงมั้ย ดงแฮหัวเราะแห้งๆกลบเกลื่อนคำถามบ้าๆที่ตัวเองถามออกไป ก่อนจะพูดอธิบายเหตุผลต่างๆนานาออกมายาวยืด ไม่ได้ดูเลยว่าตอนนี้คิบอมมีสีหน้ายังไง
     
                    อืม คิบอมตอบออกมาแค่สั้นๆ รอยยิ้มที่เคยมีตอนแรกนั้นหุบลงเป็นที่เรียบร้อยตั้งแต่ตอนดงแฮพูดขัดตน จริงๆแล้วเขาก็อยากจะบอกดงแฮเหมือนกันว่าเขาคิดยังไง ตอนนี้มันอาจจะไม่ใช่ความรักอย่างที่คนรักมีให้กัน แต่ตอนนี้เขามีความรู้สึกดีๆให้กับดงแฮ ถึงจะบอกไม่ได้ว่าความรู้สึกนั้นมากกว่าเพื่อนหรือเปล่าก็ตาม
     
                    จบบทสนทนานี้ดงแฮก็ไม่รู้ว่าจะชวนคิบอมคุยเรื่องอะไรต่อดี เขานี่มันไม่ได้เรื่องจริงๆ ทั้งที่คิบอมกำลังจะตอบแต่ดันพูดแทรก และเมื่อดูจากสีหน้าคิบอมแล้วอาจจะไม่พอใจเขาอยู่ก็ได้ที่ทำแบบนี้ แล้วเขาควรจะเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาใครดีล่ะ ลีทงแฮคนนี้กลุ้ม!
     
     
     
     
                    “แฟนนายมารออยู่นั่นแล้วซองมิน เพียงแค่เดินพ้นประตูของตึกเรียนออกมาเรียวอุกก็พูดขึ้นทันทีเมื่อเห็นคยูฮยอนยืนอยู่ข้างหน้าตึก ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามารอใคร
     
                    นายอย่าแกล้งแซวฉันสิเรียวอุก ให้ตายเมื่อไหร่จะครบหนึ่งอาทิตย์ซักที ร้องบอกเพื่อนด้วยท่าทางเขินๆ ก่อนจะบ่นอุบอิบอยู่คนเดียว ถ้าโดนแซวแบบนี้ทุกวันๆ เขาคงต้องหวั่นไหวเข้าซักวันแน่
     
                    งั้นฉันไปก่อนนะ ไม่อยากรบกวนเวลาส่วนตัว พูดจบเรียวอุกก็แยกตัวออกไปทันทีโดยไม่ต้องรอให้ซองมินรั้งเอาไว้ อยู่เป็นก้างขวางคอคนเป็นแฟนกันน่ะมันบาป
     
                    เลิกเรียนแล้วเหรอ ซองมินเดินเข้าไปหาคยูฮยอนที่ยืนหันหลังให้อยู่ ประโยคที่ถามออกไปนั้นเหมือนมันสิ้นคิดสิ้นดี แต่เพราะเขาไม่รู้จะทักอะไรออกไป ตอนนี้ในหัวสมองมันโล่งไปหมด
     
                    อืม....จะกลับหอเลยหรืออยากจะไปไหนมั้ยพยักหน้ารับเบาๆก่อนจะถามต่อ ทำเอาคนฟังเลิกคิ้วด้วยความสงสัย ถามเหมือนจะพาไปเที่ยวไหนอย่างนั้นแหละ
     
                     จบคำถามของคยูฮยอนต่างคนก็ต่างเงียบ ต่างคนก็ต่างคิดกันไปคนละแบบ ซองมินนั้นดูเหมือนจะเพ้อกับคำพูดของคยูฮยอนไปเรียบร้อยแล้ว เพราะไม่คิดว่าคยูฮยอนจะเล่นบทบาทคนเป็นแฟนกันให้มันเหมือนขนาดนี้ แต่ในทางกลับกันสิ่งที่คยูฮยอนได้พูดไปนั้นล้วนเป็นคำสั่งและข้อปฏิบัติของอีทึก เพราะก่อนหน้านี้ไม่กี่นาทีอีทึกมาดักรอเขาที่หน้าคณะแล้วก็ยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้ ซึ่งในนั้นคือสิ่งที่เขาต้องปฏิบัติกับซองมินระหว่างที่เป็นแฟนกัน
     
                    ว่าไง คยูฮยอนถามย้ำอีกครั้งเมื่อเห็นว่าซองมินยังคงเงียบ ที่จริงในข้อปฏิบัติของคิงอีทึกเขียนไว้ว่าต้องพาแฟนไปทานดินเนอร์สุดหรู แต่เขาคงต้องขอถามความเห็นจากซองมินก่อน เพราะถ้าอีกคนไม่ไปเขาก็ไม่มีสิทธิ์ไปบังคับ หรือจะเรียกว่าเอาตัวรอดไว้ก่อนก็ได้ คนไม่ได้เป็นแฟนกันจริงๆแล้วมาให้มาทำอะไรแบบนี้มันเลยวางตัวไม่ค่อยถูก
     
                    “แล้วจะไปไหนล่ะ ไปกินข้าวเย็นเหรอ ซองมินถามกลับมาหน้าตาใสซื่อ ถ้าต้องไปกินข้าวกันสองต่อสองจริงๆ จะเรียกว่าเดทได้หรือเปล่านะ
     
                    อืม จะไปมั้ย
     
                    ไปสิ หิวจะตายอยู่แล้ว
     
                    จะไปร้านไหนดี
     
                    เอาเป็นร้านข้างมหาลัยนี่ก็ได้
     
                    เมื่อได้ข้อสรุป คยูฮยอนก็คว้ามือซองมินมากุมไว้ก่อนจะเดินนำหน้าไป ซึ่งนี่ก็เป็นหนึ่งในข้อปฏิบัติของอีทึก ไปไหนต้องเดินจับมือกัน ทั้งที่จริงๆแล้วไม่ได้อยู่ต่อหน้าอีทึกก็ไม่จำเป็นต้องทำก็ได้ แต่คยูฮยอนกลับเลือกที่จะทำมัน
     
                    ซองมินที่เดินตามหลังเอาแต่มองมือที่กุมกันอยู่ มันให้ความรู้สึกที่หลากหลายอย่างบอกไม่ถูก ทั้งอบอุ่นปลอดภัย และตอนนี้เขาก็รู้สึกดีมากๆ
     
                    “ขึ้นมาเดินข้างกันสิ คยูฮยอนหันไปบอกพร้อมกับออกแรงกระตุกมือที่กุมกันอยู่เล็กน้อย ซองมินพยักหน้ารับหงึกหงักก่อนจะขึ้นมาเดินข้างๆ ปกติแล้วซองมินนั้นเป็นคนช่างพูดแต่พอวันนี้เงียบแบบนี้ทำเอาคยูฮยอนชวนคุยไม่ถูก เพราะไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนดี
     
                    ฉันขอถามอะไรนายอย่างสิคยูฮยอน เงียบไปได้ซักพักซองมินก็เป็นคนเริ่มบทสนทนาขึ้น
     
                    ว่ามาสิ
     
                    คือว่า เมื่อตอนกลางวันนายได้มารอรับฉันไปกินข้าวกลางวันอย่างที่อีทึกบอกหรือเปล่า แต่ฉันว่านายคงไม่ได้มารอหรอกจริงมั้ย ถามจบซองมินกลับเป็นคนตอบเองซะอย่างนั้นก่อนจะหัวเราะแห้งๆ ออกมา ส่วนตาก็เหล่มองคนที่เดินอยู่ข้างๆไปด้วย
     
                    ฉันรอนายอยู่เกือบชั่วโมง คยูฮยอนตอบกลับมาเสียงเรียบ เขาไปรอซองมินอย่างที่อีทึกสั่งไว้จริงๆ แต่รออยู่นานก็ไม่เห็นซองมินออกมาซักที จนกระทั่งผ่านไปเกือบหมดเวลาพักเขาถึงกลับไปที่คณะ ที่จริงเขาน่าจะคิดได้ว่าซองมินคงไปทานข้าวแล้ว แต่เขากลับยืนรอ จนสุดท้ายตัวเองก็ไม่ได้ทานข้าว
     
                    เกือบชั่วโมง! แล้วทำไมนายไม่โทรตามฉันเล่า แล้วนายได้กินข้าวหรือเปล่าเนี่ย!” ซองมินโผลงออกมาเสียงดังเมื่อได้ฟังคำตอบ บ้าไปแล้วหรือไงมารอเขาตั้งเกือบชั่วโมง แล้วไม่มีการโทรมาบอกกันซักนิด อย่างน้อยจะได้รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน
     
                    เราเคยแลกเบอร์กันด้วยเหรอ คำถามที่คยูฮยอนถามกลับมาทำเอาซองมินเงียบกริบ ทั้งที่เขายืนรอก็เพราะคิดว่าซองมินจะทำตามอย่างที่อีทึกบอก ส่วนเรื่องเบอร์โทร ทั้งๆที่เป็นรูมเมทกันแต่เขากับซองมินไม่เคยแลกเบอร์โทรศัพท์กันเลย คงเพราะเจอหน้ากันทุกวันจนลืมคิดถึงเรื่องนี้ไป แปลกดีจริงๆ
     
                    งั้นเอาโทรศัพท์นายมาเลย ซองมินยื่นมือไปตรงหน้าคยูฮยอน พออีกฝ่ายยื่นโทรศัพท์ให้ก็ทำการกดเบอร์ตัวเองลงไปทันที ก่อนจะเงยหน้าถามอีกครั้ง
     
                    จะให้เมมว่าอะไร
     
                    เดี๋ยวฉันเมมเอง คยูฮยอนแย่งโทรศัพท์มือถือของตัวเองกลับมาก่อนจะกดเมมชื่อซองมินลงไป ที่จริงแล้วในข้อปฏิบัติของอีทึกบอกไว้ว่าต้องเมมชื่อแฟนว่าที่รัก แต่ข้อนี้เขาก็ผ่านก็แล้วกัน
     
                    อ่ะ....ขอเบอร์หน่อย ซองมินยื่นโทรศัพท์ของตัวเองไปตรงหน้าคยูฮยอนหลังจากที่คยูฮยอนเก็บโทรศัพท์มือถือของตัวเองเรียบร้อยแล้ว
     
                    คยูฮยอนรับโทรศัพท์มือถือสีชมพูหวานแหววของซองมินมาก่อนจะกดเบอร์ของตัวเองลงไปแล้วส่งคืนให้เจ้าของ
     
                    นายชอบสีชมพูเหรอ เห็นผู้ชายน้อยคนที่จะชอบใช้ของสีหวานแบบนี้คยูฮยอนเลยอดที่จะถามไม่ได้
     
                    อืม....เราไปกันเถอะ ฉันหิวแล้ว พยักหน้าเป็นคำตอบ พอเก็บโทรศัพท์มือถือลงกระเป๋าเรียบร้อยจึงเงยหน้าขึ้นมาพูดพลางทำท่าลูบท้องไปด้วย
     
                    เห็นท่าทางเหมือนเด็กของซองมินแล้วคยูฮยอนก็เผลออมยิ้มออกมาก่อนจะกุมมือเล็กอีกครั้งและพากันออกเดินไปยังร้านอาหารที่อยู่ข้างมหาวิทยาลัย และดูเหมือนว่าบรรยากาศของการพูดคุยจะดีขึ้นเมื่อซองมิน
    เริ่มกลับมาพูดมากเป็นปกติแล้ว
     
                    เมื่อมาถึงร้านอาหารการดินเนอร์ก็เริ่มขึ้นถึงจะไม่ใช่มื้ออาหารสุดหรูอย่างที่อีทึกเขียนไว้ในข้อปฏิบัติก็ตาม แต่มันก็ดำเนินไปท่ามกลางเสียงพูดคุยแล้วเสียงหัวเราะ ดูเหมือนว่าทั้งคยูฮยอนและซองมินเริ่มจะปรับตัวกับการเป็นแฟนกันได้แล้ว ถึงแม้มันจะเป็นแค่การแสดงละครก็ตาม
     
     
     
     
                    คยูฮยอนทำตามที่ฉันเขียนให้ไปจริงๆด้วยเห็นมั้ย อีทึกที่แอบตามมาดูหันไปพูดกับคังอินที่โดนบังคับให้ตามมาด้วย เพราะอยากจะรู้ว่าคยูฮยอนจะทำตามที่ตนสั่งไปมั้ย และคำตอบที่ได้ก็ดูเหมือนจะเป็นที่น่าพอใจ
     
                    แปลกจริงๆเลย ถ้าฉันเป็นคยูฮยอนะฉันไม่ทำตามหรอก ฉันจะทำเฉพาะตอนอยู่ต่อหน้าคนที่สั่งเท่านั้น แบบนี้จะเรียกว่าซื่อได้มั้ยเนี่ย พูดไปคังอินก็ส่ายหน้าไป
     
                    เขาไม่ได้เรียกว่าซื่อ บางทีนี่อาจจะเป็นสิ่งที่คยูฮยอนอยากทำกับซองมินจริงๆก็ได้จริงมั้ย ไม่งั้นไม่ทำตามที่ฉันสั่งหรอก และอีทึกก็ยังคงเชื่อมั่นในสิ่งที่ตนเองคิดว่าสองคนนี้ต้องมีซัมติงกันแน่ๆ
     
                    แล้วเราจะแอบดูสองคนนี้อีกนานแค่ไหน
     
                    ก็ดูไปเรื่อยๆนั่นแหละ
     
                    แต่ฉันก็หิวเหมือนกันนะอีทึก เราไปหาอะไรกินกันบ้างเถอะนะยังไงซะเราก็รู้แล้วว่าสองคนนี้ทำตามที่นายบอกไปจริงๆ คังอินบอกปากยื่นปากยาวพร้อมกับลูบท้องตัวเองไปด้วย
     
                    ก็ได้ ทำท่าคิดอยู่พักหนึ่งอีทึกจึงตอบตกลง คังอินได้ฟังก็ยิ้มกว้างทันที วาดแขนโอบรอบเอวนางฟ้าของตนก่อนจะพาไปหาร้านดินเนอร์ดีๆบ้าง เห็นคู่อื่นดูมีความสุขแล้วคังอินยอมไม่ได้ มัวแต่ไปช่วยคนอื่นเขาแต่ตัวเขาเองอาจจะไปไม่รอด เมื่อไหร่คังอินคนนี้จะได้ลงเอ่ยกับนางฟ้าอีทึกซักทีนะ

                                  ----------------------100%----------------------
     

    kr...Talk
    อัพให้ครบแล้วนะจ๊ะ รู้สึกรอบนี้จะถูกทวงฟิคเยอะนะเนี่ย
    เริ่มเห็นความหวานของคยูมินแล้วใช่ไหมล่ะ
    ส่วนคู่คิเฮเนี่ย จะรีบให้ลงเอยกันเร็ว
    มันก็ไม่ค่อยสนุกอย่างงัยไม่รู้
    เอางัยดีนะ ตอนนี้จะลองเอา4พี กับเยเรียวดูนะ

    อย่าลืมอ่าน+เม้น+โหวต+ป่าวประกาศ
    ขอโทษอีกทีช่วงนี้คนอัพไม่ว่าง ทำงานๆ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×