ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ] อลวนรัก หอพักสุดเพี้ยน (Super Junior Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #37 : Chapter 32 : ชะตาชีวิต(รัก)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.67K
      4
      22 ส.ค. 54


    Chapter 32 : ชะตาชีวิต(รัก)
     
     
     
     
     
                    หลังจากจบวิชาสุดท้ายของการเรียนการสอนวันนี้ ซองมินเดินออกมาจากตึกคณะคนเดียวไร้เพื่อนตัวเล็กข้างกายเช่นทุกๆที เพราะช่วงบ่ายเรียวอุกนั้นเรียนเสร็จก่อนจึงกลับหอไปแล้ว ซองมินก้าวออกมาจากตัวอาคารด้วยใจตุ๊มๆต่อมๆ ว่าอาจจะเจอใครบางคนที่เขาคาดไว้ว่าต้องมารออยู่ แอบเหล่สายตามองซ้ายขวาเหมือนคนกำลังสังเกตการณ์ก่อนถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อไม่เจอใครที่คุ้นตา เพราะยังไม่พร้อมจะรับมือกับคำเตือนที่ได้ฟังเมื่อตอนพักกลางวัน ประโยคที่ว่า ‘ให้เตรียมรับมือ’ ของคยูฮยอนทำเอาเขารู้สึกหวั่นใจจนถึงตอนนี้
     
                แต่หายใจโล่งอกโล่งท้องได้ไม่ทันไรลมหายใจกลับสะดุดกึกเมื่อจู่ๆคนที่ไม่คิดว่าจะได้เจอตอนนี้ดันโผล่พรวดมาทางด้านหลัง ซองมินสะดุ้งน้อยๆก่อนจะหันกลับไปเผชิญหน้ากับคยูฮยอนในระยะแนบชิด พ่อรูมเมทตัวสูงยกยิ้มกว้างเมื่อเห็นซองมินลนลานรีบผละออกด้วยสีหน้าตกใจ เพิ่งจะรู้ว่าการได้แกล้งคนที่รักมันมีความสุขแบบนี้นี่เอง
     
                “มองหาฉันอยู่เหรอ” เอ่ยถามแล้วยิ้มกริ่มเมื่อเห็นหน้าใสๆเริ่มขึ้นสีระเรื่อ คยูฮยอนยืนยืดตัวตรงสองมือล้วงกระเป๋าท่าทางสบายๆ ต่างจากอีกคนที่หันลีหันขวางเหมือนอยากจะหนี
     
                “เปล่าซักหน่อย” ซองมินตอบปฏิเสธอ้อมแอ้มแล้วเบือนหน้าหนีไม่อยากเห็นรอยยิ้มนั่นให้ใจมันหวั่นไหว มาเจอสถานการณ์แบบนี้แล้วจะตะโกนดังๆให้โลกรับรู้ว่า ‘นี่มันไม่ใช่คยูฮยอนที่เขารู้จักเลยซักนิด’ ไม่รู้ไปฝึกยิ้มกับทำหน้าตาเจ้าเล่ห์แบบนั้นมาจากไหนกัน
     
                 “อยากกลับหอหรือไปหาอะไรกินกันก่อนดี” เดินเข้าไปถามเสียใกล้จนคนฟังต้องขยับตัวหนี ซองมินได้แต่ก้มหน้างุดหลีกหนีการรุกรานจากคยูฮยอนที่ดูเหมือนจะมาแรงเกินคาด
     
                “เอ่อ...” ตอบไม่ได้บอกไม่ถูกเพราะสมองมันคิดคำตอบไม่ทันซองมินเลยได้ยืนเงียบ ก็บอกแล้วว่าเขายังตั้งรับไม่ทัน
     
                “งั้นไปหาอะไรกินกันก่อนแล้วกัน” เพราะขี้เกียจรอคำตอบคยูฮยอนเลยสรุปให้เสร็จสรรพ ยกมือขึ้นโอบไหล่เล็กก่อนพาเดินออกไปพร้อมกันท่ามกลางสายตาของนักศึกษาหลายคนที่มองมา ต่างคิดกันไปต่างๆนานาว่าคู่นี้อาจจะเปิดเผยตัวแล้วก็ได้ เพราะหลังจากงานครบรอบหอแม่กระต่ายยั่วสวาทดูจะได้ใจจากหนุ่มๆไปไม่ใช่น้อย คยูฮยอนอยากจะประกาศตัวตนมันคงเป็นเรื่องธรรมดา
     
                “ไม่ต้องโอบก็ได้นะ คนมองใหญ่แล้ว” ซองมินที่สังเกตเห็นสายตาผู้คนรอบข้างเอ่ยบอกคยูฮยอนเสียงเบาหวิว ไหวไหล่ข้างที่มือของคยูฮยอนจับอยู่เพื่อให้ปล่อยแต่พ่อรูมเมทตัวสูงกลับหันมายิ้มให้เป็นเชิงว่า ‘ไม่ปล่อย’
     
                “ปล่อยเขาไปสิ” คยูฮยอนไม่ได้สนใจสายตาคนอื่นมากนักว่าจะคิดอย่างไร ก็ในเมื่อชอบไปแล้ว ใครจะล้อจะแซวยังไงเขาก็ยอมรับ หรือใครจะเอาไปพูดยังไงเขาก็ไม่แคร์
     
                “แต่ฉันไม่ชิน เปลี่ยนเป็นจับมือได้มั้ย” พูดเองก็เขินเอง ไม่บอกให้หยุดแต่แลกข้อเสนออื่นไปให้ ซองมินเสหน้ามองไปทางอื่นเพราะไม่อยากสบตาคยูฮยอนที่หันมามองด้วยรอยยิ้มแบบนั้นอีกแล้ว แบบที่ทำเอาใจเขาเต้นจนเหนื่อย และเพราะด้วยคำพูดที่เหมือนจะมีใจให้ด้วยล่ะมั้งถึงทำให้พ่อรูมเมทตัวสูงชอบอกชอบใจขนาดนี้
     
                “ก็ทำแบบนี้บ่อยๆจะได้ชินไง” แต่ถึงจะดีใจขนาดไหนคยูฮยอนก็ไม่ยอมทำตามข้อเสนอ ยืนยันจะโอบไหล่แบบนี้ต่อไป ซึ่งคำตอบที่เจ้าตัวบอกออกมาก็ทำเอาซองมินเขินหนักจนต้องเงียบกริบไม่กล้าเอ่ยต่อปากต่อคำเพราะกลัวจะโดนสวนกลับให้ไปไม่เป็นอีก
     
                จบคำพูด จบคำคัดค้าน ทั้งสองจึงเดินเคียงกันไปเงียบๆตามทางที่มุ่งหน้าไปยังร้านอาหารที่เคยไปทานกันบ่อยๆ ท่ามกลางคำถามมากมายที่ผุดขึ้นมาในหัว คำถามที่ยังไม่กล้าเอ่ยออกไปถึงแม้การกระทำตอนนี้มันจะชัดเจน แต่ยังไงซะก็ต้องรอจนถึงเวลานั้น เวลาที่สมควรจะเอ่ยมันออกมา
     
                มาถึงร้านอาหารคยูฮยอนเปิดเมนูสั่งรายการที่เขาทั้งสองโปรดปรานโดยซองมินไม่ต้องเอ่ยปากบอกอะไรแม้แต่นิด เห็นแล้วยังอดแปลกใจไม่ได้ที่คยูฮยอนจำเมนูอาหารที่เขาชอบได้ มันอาจจะเป็นความเคยชินที่ได้เจอหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่มันสามารถคว้าหัวใจลีซองมินไปได้ส่วนหนึ่งก็แล้วกัน
     
                 มื้ออาหารดำเนินไปท่ามกลางความเงียบแต่กลับไร้ความอึดอัด สายตาคมที่มักจะเหล่มองเบาๆทำเอาซองมินประหม่าจนนึกอยากตะโกนถามออกไปเสียงดังๆ หน้าก็เห็นกันอยู่ทุกวัน อยู่ก็อยู่ด้วยกัน นอนก็นอนห้องเดียวกัน ทำไมต้องมามองหน้าตอนกินข้าวอีก
     
                “หน้าฉันมันอร่อยว่าของที่นายกินอยู่หรือไง” อดรนทนไม่ไหวเลยต้องถาม ซองมินตีสีหน้าเรียบพยายามจะทำให้มันดูกวนประสาทแต่หารู้มั้ยว่ามันดูน่ารักแค่ไหนในสายตาคนตรงหน้า ก็อยากจะลองดูซักครั้งนะ คยูฮยอนรุกมาแล้วเขาจะตั้งรับให้ได้ ถึงจะรู้ตัวแล้วว่ายอมมอบให้ไปครึ่งค่อนใจ แต่ก็ไม่อยากยอมง่ายๆจนกว่าจะถึงวันที่ทุกอย่างจะกระจ่างอยู่ดี
     
                “ก็อยากชิมอยู่เหมือนกันว่าจะอร่อยขนาดไหน” คยูฮยอนตอบกลับแล้วยิ้มเหมือนอย่างเคย จากที่คิดว่าจะกวนกลับกลายเป็นต้องเขินแทนซองมินเบือนหน้าหนีแล้วเม้มริมฝีปากแน่น คิดไม่ออกว่าจะรับมือยังไง หรือจะยอมรับไปเลยให้จบเรื่อง
     
                “นายยังไม่หายเมาแน่ๆคยูฮยอน” ซองมินหันกลับมาจ้องหน้าคยูฮยอนเขม็ง ไม่น่าเชื่อว่าเพราะพิษรักทำให้คนเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ คยูฮยอนคนที่เคยสุขุมหายไปไหนกันนะ
     
                ได้ฟังคำกล่าวหาจากซองมิน คยูฮยอนก็หลุดหัวเราะออกมาชุดใหญ่ ตัวเขาเองก็เป็นผู้ชาย จะมีมุมแบบนี้กับเขาบ้างก็คงไม่แปลก จะร้าย เจ้าเล่ห์ หรือหวานจนเลี่ยนมันก็เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับคนมีความรัก โดยเฉพาะความรักที่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะมีใจให้ และกำลังดำเนินอยู่ในการแย่งชินแบบนี้ คำตอบขึ้นอยู่กับคำเพียงคำเดียวคือ ใช่กับไม่ใช่ หากเขาไม่จริงจังคงได้เจอกับความผิดหวังและจมอยู่กับความทุกข์ไปอีกหลายเดือน และแน่นอนว่าเขาไม่ต้องการความรู้สึกเหล่านั้น
     
                หลังจากโดนตอกกลับจนเขินไปหลายยกซองมินจึงไม่พยายามชวนคยูฮยอนคุยเรื่องที่มันส่อแววจะเข้าตัวเองอีก จะให้นั่งเงียบๆมันก็ไม่ใช่นิสัยคนช่างพูด เรื่องที่ยกมาคุยจึงไม่พ้นเรื่องเรียนหรือเรื่องเพื่อนๆให้บรรยากาศมันพอผ่อนคลายจนกระทั่งจบมื้ออาหารที่ใช้เวลาไปกว่าสองชั่วโมงจึงได้เวลากลับไปพักผ่อนต่อที่หอ
     
                กลับมาหอได้ซองมินก็รีบอาบน้ำและนั่งทำรายงานที่ต้องส่งอาทิตย์หน้าเพราะไม่อยากปล่อยให้เวลามันผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ ส่วนคยูฮยอนเมื่ออาบน้ำเสร็จก็เดินมานั่งข้างรูมเมทจอมพูดมากที่กำลังพิมพ์ใส่โน้ตบุ๊กเครื่องสวยอยู่บนเตียง พอโดนประชิดตัวแบบนี้ซองมินจึงเหล่ขึ้นไปมองก่อนจะเขยิบตัวหนีเล็กน้อยแต่คยูฮยอนก็ตามมาอยู่ดี
     
                “ช่วยพิมพ์มั้ย ฉันพิมพ์เร็วนะ” คยูฮยอนโชว์สรรพคุณตัวเองทันทีเพราะกลัวจะโดนไล่เนื่องจากทำตัวยุ่งไม่เข้าเรื่อง
     
                “ไม่เป็นไร ฉันทำเองดีกว่าจะได้ทบทวนไปด้วย” ปฏิเสธน้ำใจก่อนจะหันไปยิ้มให้แล้วตั้งหน้าตั้งตาพิมพ์ของตัวเองต่อไป พยายามคุมใจไม่ให้วอกแวกเพราะสัมผัสจากคนข้างๆที่เริ่มจะใกล้ชิดมากขึ้นทุกที
     
                “แต่ถ้านั่งด้วยแบบนี้ได้ใช่มั้ย” เอ่ยถามเชิงขออนุญาตแต่ถึงไม่ให้คยูฮยอนก็ไม่คิดจะลุกไปไหนอยู่แล้ว
     
                “ก็แล้วแต่นายสิ” ซองมินตอบเหมือนไม่ใส่นักโดยไม่หันไปมองคยูฮยอนเลยสักนิด
     
                จะนั่งดูอย่างเดียวมันก็น่าเบื่อไปสำหรับคยูฮยอน เขาจึงหยิบโน้ตบุ๊กของตัวเองมาเปิดเล่นเกมสุดโปรดบ้างโดยนั่งขัดสมาธิหันหลังพิงกับซองมิน คนโดนใช้เป็นหมอนพิงเหลียวหลังไปมองแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรนอกจากอมยิ้มอยู่คนเดียว อยู่ด้วยกันมาก็หลายเดือนเพิ่งจะเคยทำแบบนี้เป็นครั้งแรก แผ่นหลังที่สัมผัสกันแนบชิดมันให้ความรู้สึกอบอุ่นไปอีกแบบ
     
                นั่งท่าเดียวนานๆย่อมเกิดอาการเมื่อยเป็นธรรมดา ซองมินลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจโดยไม่บอกไม่กล่าวทำเอาคยูฮยอนที่นั่งพิงอยู่เกือบหงายหลังยังดีที่ตั้งสติทันไม่งั้นโน้ตบุ๊กเครื่องโปรดได้ลอยละลิ่วกระแทกพื้นพังยับเยินเป็นแน่
     
                “เมื่อยก็นอนเถอะนะ นี่ก็สี่ทุ่มกว่าแล้ว” คยูฮยอนเอ่ยหลังจากก้มลงดูนาฬิกาที่มุมจอไม่ได้สนใจจะเอาความเรื่องที่ซองมินลุกขึ้นโดยไม่บอกล่าวเขาเพราะไม่อยากทำเสียบรรยากาศ
     
                “งั้นนายก็กลับเตียงตัวเองไปเลย” ซองมินชี้นิ้วไล่คยูฮยอนที่ยังนั่งปักหลักอยู่บนเตียงของเขาทั้งที่บอกให้เข้านอน ก่อนจะปิดโน้ตบุ๊กแล้วเก็บมันเข้าที
     
                เมื่อโดนไล่คยูฮยอนก็ยอมลุกเดินกลับไปที่เตียงแต่โดยดีตอนแรกจะว่าจะหยอกเล่นสักนิดสักหน่อยแต่กลัวว่าซองมินจะเอาแต่เขินจนคืนนี้ไม่ได้หลับไม่ได้นอนเสียก่อนเลยยอมทำตามย้ายภูมิลำเนาโดยด่วน กลับไปนั่งมองรูมเมทจอมพูดมากจัดการปัดเตียง สลัดผ้าห่มที่เตียงของตัวเอง
     
                “มองอะไรเล่า” ซองมินที่รู้ตัวว่าโดนจ้องอีกแล้วหันไปแหวดใส่เบาๆก่อนจะนั่งลงที่เตียงหันหน้าเข้าหาคยูฮยอน ไม่รู้รอบที่เท่าไหร่ของวันแล้วที่เขาต้องเขินแบบนี้
     
                เมื่อซองมินนั่งลงคยูฮยอนกลับลุกขึ้นเดินเข้ามาหาก่อนจะนั่งลงข้างซองมิน ริมฝีปากเผยรอยยิ้มบางเบา มือเอื้อมมือมากุมมือเล็กเอาไว้แล้วบีบเบาๆ ซองมินมองการกระทำทั้งหมดด้วยหัวใจที่เต้นตึกตักกับอาการร้อนๆลุ่มๆที่แผงฤทธิ์ให้ร่างกายมันสูบฉีดเลือดไม่ปกติอีกครั้ง นั่งเงียบให้ดวงตาสื่อความถึงกันได้ไม่นานคยูฮยอนจึงเอ่ยคำพูดแสนอบอุ่นออกมา
     
                “ฝันดีนะ” พูดจบริมฝีปากอุ่นก็เลื่อนไปสัมผัสแผ่วเบาที่หน้าผากมนก่อนจะผละออกมาอย่างอ้อยอิ่ง แต่ถึงอย่างนั้นระยะห่างกลับไม่ได้มีเพิ่มขึ้นเมื่อคยูฮยอนยังคงค้างใบหน้าไว้ระดับเดิม เพียงแต่ไม่ได้มีส่วนไหนสัมผัสกันเท่านั้น
     
                “ฝันดี” บอกตอบกลับเสียงเบาหวิว แต่จะให้จูบกลับซองมินคงไม่กล้าเลยได้แต่นั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น รอเวลาที่อีกฝ่ายจะเป็นฝ่ายเคลื่อนกายออกห่างไปเอง
     
                “พรุ่งนี้ฉันคงไม่มีเวลาดูแลนายนะ แล้วฉันจะรอฟังคำตอบ” ยิ้มให้ทิ้งท้ายก่อนคยูฮยอนจะลุกขึ้นเดินไปปิดไฟแล้วล้มตัวนอนลงบนเตียง พรุ่งนี้เขาเรียนเต็มวัน ส่วนพักเที่ยงก็คงไม่มีเวลาไปหาเนื่องจากงานกลุ่มที่ถูกเพื่อนบังคับให้อยู่ช่วยกันทำให้ช่วงเวลาพัก เขาจะได้เจอซองมินก็คงเป็นตอนเย็นเลย และคิดว่าเวลานั้นคงเป็นเวลาที่ซันนี่มาเอาคำตอบ
     
                ซองมินล้มตัวลงนอนหลังจากไฟในห้องดับสนิท แต่ยังไม่ทันได้ปิดเปลือกตาเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นเสียก่อน เสียงที่เขาตั้งไว้เป็นพิเศษสำหรับคนที่ยังอยู่ในฐานะคนพิเศษของเขาอยู่ ไม่ต้องหยิบมาดูก็รู้ว่าเป็นใคร
     
                เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์เงียบไปแต่เป็นเสียงใสๆของรูมเมทจอมพูดมากที่ดังขึ้นมาแทน คยูฮยอนดึงมาห่มขึ้นมาคลุมโปงเพราะไม่อยากได้ยินบทสนทนาระหว่างคนสองคนที่ยังมีฐานะเป็นแฟนกันอยู่ ถึงจะไม่พยายามฟังแต่คำพูดทุกคำกลับดังให้ได้ยินอย่างชัดเจน ถึงอย่างนั้นเขาก็คงทำอะไรไม่ได้นอกจากนอนอยู่เฉยๆ เวลาใครเวลามัน ตอนนี้เวลาของเขามันหมดแล้ว มันเป็นเวลาของซันนี่ที่จะได้ปรับความเข้าใจกับแฟนตัวเองบ้างก็เท่านั้น
     
     
     
     
     
                ช่วงเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนผ่านไปอย่างรวดเร็ว อีกไม่ถึงชั่วโมงข้างหน้าแล้วที่ลีซองมินคนนี้ต้องจบปัญหาที่ยากที่สุดที่เคยประสบพบเจอมา เสียงถอนหายใจยาวพรืดดังออกมาจนคนที่นั่งข้างๆอย่างเรียวอุกต้องหันมามองหลังจากซองมินคุยโทรศัพท์เสร็จ โทรศัพท์จากซันนี่ที่โทรมานัดเวลาที่จะมาเอาคำตอบ คำตอบที่ต่างคนต่างหวังว่าตนเองจะได้เป็นผู้ครอบครองมัน
     
                “เป็นอะไรหรือเปล่าซองมิน ดูสีหน้าไม่ดีเลย” เรียวอุกถามขึ้นอย่างนึกเป็นห่วง เพราะตั้งแต่เช้าแล้วที่ซองมินดูท่าทางเครียดๆหลังจากที่คยูฮยอนมาส่งที่คณะก็เอาแต่ขมวดคิ้วอย่างกับมีปัญหาคิดไม่ตก จนกระทั่งตอนนี้เลิกเรียนแล้วซองมินก็ไม่เลิกทำสีหน้าแบบนั้นเสียที
     
                “นิดหน่อยน่ะ” ตอบเสียงเบาพลางยิ้มแห้งๆส่งไปให้ แล้วซองมินก็กลับมานั่งกังวลกับเรื่องคำตอบของตัวเองเหมือนเดิม ไม่ใช่ว่าตอนนี้เขายังไม่รู้คำตอบของหัวใจตัวเอง แต่เพราะมันยากที่จะบอกออกไปตรงๆ และเขาไม่อยากทำร้ายจิตใจใคร
     
                “มีอะไรเล่าให้ฉันฟังได้มั้ย” ถึงซองมินจะบอกว่านิดหน่อยแต่ดูจากสีหน้าแล้วเรียวอุกก็ไม่ปักใจเชื่ออยู่ดี
     
                ซองมินหันกลับมายิ้มให้โดยที่ยังไม่พูดอะไร ไม่ใช่ว่าอยากปิดบังแต่จะให้เล่าทั้งหมดเขาก็ไม่อยากเล่าอีกนั่นแหละ สำหรับเรื่องนี้แล้วไม่มีเพื่อนในกลุ่มคนไหนเลยที่รู้เรื่อง แม้กระทั่งเรื่องที่เขาคบกับซันนี่หรือเรื่องที่ซันนี่เป็นลูกพี่ลูกน้องคยูฮยอน พูดง่ายๆก็คือไม่มีเคยรู้จักซันนี่นั่นเอง
     
                “ถ้านายต้องเลือกระหว่างความเป็นจริงกับความถูกต้อง นายจะเลือกอะไร” จนแล้วจนรอดซองมินก็อดไม่ได้ที่อยากจะปรึกษาเพื่อนอยู่เลยถามลองเชิงออกไปโดยไม่ได้มีการเกริ่นนำของต้นเหตุปัญหาหรือแม้แต่เรื่องราวให้เรียวอุกเข้าใจเลยแม้แต่น้อย
     
                “ความเป็นจริงกับความถูกต้องงั้นเหรอ อืม...ซองมิน นายช่วยเล่าอะไรให้ฉันเข้าใจหน่อยได้มั้ย” เรียวอุกเก็บคำพูดของซองมินมาคิดตามแต่มันไม่มีเหตุผลอะไรมาเปรียบเทียบทำให้เขาไม่สามารถตอบออกไปได้จนต้องร้องขอตัวช่วยให้เพื่อนขยายความเพิ่มเติม
     
                “ไม่ใช่ว่าฉันอยากปิดบังนายนะ แต่อีกสักพักนายคงได้รู้คำตอบแล้วล่ะ” ซองมินเลือกตัดปัญหาโดยการหยุดหัวข้อสนทนาเมื่อสักครู่ซะแล้วเงียบไปทันที ถึงจะรู้หัวใจตัวเองแล้วว่าต้องเลือกใครแต่จะพูดยังไงให้อีกฝ่ายเสียใจน้อยที่สุด เขาจะพูดยังไงดี
     
                เรียวอุกได้แต่นั่งมองเพื่อนที่ยังคงทำหน้าคิดหนักอยู่เงียบๆ นึกอยากรู้ว่ามันเป็นปัญหาโลกแตกจนคิดไม่ออกขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ หรือมันเป็นปัญหาของความรู้สึกที่ยากจะเข้าใจกัน คิดแล้วก็เครียดแทน ที่ผ่านมาซองมินไม่มีเค้าลางว่าจะมีปัญหาพวกนี้เกิดขึ้นเลยสักนิด แล้วมันโผล่มาได้ยังไงกันนะ
     
                จะปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยนั่งเงียบอยู่แบบนี้มันก็ไม่ใช่นิสัย ซองมินเลยชวนเรียวอุกคุยเรื่องอื่นแทนเพื่อเป็นการผ่อนคลายไปในตัว จนกระทั่งมือถือเครื่องจ้อยนั้นแผดเสียงดังอีกครั้ง ซองมินมีสีหน้าวิตกเล็กๆก่อนจะกดรับสาย คุยอยู่สองสามประโยคแล้วกดวางสาย
     
                “ฉันไปก่อนนะ” บอกเพื่อนตัวเล็กที่นั่งข้างกันแล้วซองมินก็ลุกขึ้นเก็บข้าวของเตรียมเดินออกไปเจอซันนี่ที่บัดนี้รอเขาอยู่หน้ามหาวิทยาลัยแล้ว
     
                “เดี๋ยวก่อนสิ นายจะไปไหน” เรียวอุกลุกพรวดเดินตามซองมินไปทันที อยู่ๆคิดจะไปก็ไป ไม่คิดอธิบายอะไรให้เขาฟังเลย
     
                “ไปเคลียร์ปัญหา นายกลับหอเลยก็ได้นะ ถ้าเรื่องทุกอย่างจบแล้วฉันจะเล่าให้นายฟังเอง” ซองมินบอกแล้วยิ้มบางๆก่อนจะรีบจ้ำจากไป เรียวอุกมองเพื่อนด้วยความไม่เข้าใจก่อนสมองแสนเจ้าเล่ห์จะประมวลความคิดว่าควรจะทำยังไงกับเรื่องนี้ดี บางทีอาจจะมีใครอีกคนรู้เรื่องของซองมินก็เป็นได้
     
                เรียวอุกยืนชั่งใจอยู่สักพักจึงเลือกที่จะเดินตามซองมินไปห่างๆเพื่อไม่ให้เพื่อนจับสังเกตได้ อยากรู้จริงๆว่าปัญหาอะไรกันทำให้ซองมินเครียดและคิดหนักได้ขนาดนี้
     
     
     
                เมื่อเดินออกมาหน้ามหาวิทยาลัยซองมินเดินเข้าไปหาซันนี่ที่ยืนอยู่แล้ว หญิงสาวยิ้มบางๆกลับมาให้พลางมองหาใครอีกคนที่เธอคิดว่าจะตามซองมินมาด้วยแต่กลับไม่มีแม้แต่เงา
     
                “พี่คยูฮยอนไม่มาเหรอคะ” แสร้งทำเสียงใสถามออกไปทั้งที่ใจมันรู้สึกเจ็บจี๊ดทุกทีเมื่อเอ่ยชื่อนี้ออกมา
     
                “คยูฮยอนยังไม่เลิกเรียนน่ะ” ซองมินตอบเสียงเบาแล้วยิ้มกลับไปให้ พอมาเจอหน้ากันแล้วมันรู้สึกอึดอัดกว่าที่เขาคิดไว้เยอะ ต่างจากการคุยกันทางโทรศัพท์ที่ได้ยินเพียงเสียงไม่ต้องรับรู้ถึงสีหน้าและท่าทางของอีกฝ่ายว่าแสดงออกอย่างไร และถึงแม้เสียงของซันนี่จะสดใสแต่ท่าทางที่ดูห่างเหินมันไม่สมกับเป็นซันนี่เลยสักนิด ถ้าเป็นปกติป่านนี้เธอคงวิ่งเข้ามากอดเขาแล้ว
     
                ซันนี่ไม่ได้ตอบอะไรกลับมาอีกเพียงแค่ยิ้มกลับมาให้ท่ามกลางความเงียบที่เริ่มก่อตัวขึ้น ด้านเรียวอุกที่ตามมาดูจ้องมองเด็กสาวชั้นม.ปลายที่ยืนอยู่ตรงหน้าซองมินเขม็งเพราะไม่เคยเห็นเธอมาก่อน แถมยังชื่อของคยูฮยอนที่หลุดออกมาจากปากเด็กสาวหน้าตาน่ารักคนนั้นยิ่งสร้างความสับสนให้ยิ่งนัก แล้วนี่หรือคือปัญหาที่ซองมินบอกว่าจะมาเคลียร์
     
                “เราไปหาที่นั่งคุยกันดีมั้ย” ซองมินเสนอเพราะคิดว่ายืนคุยตรงนี้มันคงไม่สะดวก พวกเขาไม่ได้ต้องการจะตัดเยื่อใยกันหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องเสียใจถึงจะได้พูดๆแล้วให้มันจบ ยังไงซะบรรยากาศรอบข้างมันก็มีผลไม่มากก็น้อย
     
                “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ซันนี่แค่มาเอาคำตอบ ไม่ต้องมีพิธีการอะไรมากก็ได้” ซันนี่ส่ายหน้าปฏิเสธเสียงเรียบแต่ภายในมันกลับไม่นิ่งเหมือนน้ำเสียง ความรู้สึกหวั่นใจมันก่อตัวถาโถมเข้ามาจนเธออยากให้ซองมินรีบๆบอกออกมาซะ ใจดวงน้อยๆที่เตรียมมาจะได้ไม่ต้องรอลุ้นให้เหนื่อย ถึงโอกาสลุ้นของเธอมันจะเหลืออยู่น้อยนิดก็เถอะ วันนี้ทำใจมาแล้วร้อยเปอร์เซ็นต์ ถ้าไม่สมหวังขออะไรกลับไปเล็กๆน้อยๆก็ยังดี
     
                โดนปฏิเสธแบบนี้ซองมินถึงกับนิ่งเพราะไม่รู้จะเริ่มพูดอะไรจากตรงไหน แต่ปล่อยให้ความเงียบมันครอบคลุมไม่ได้นานเสียงเรียกเข้ามือถือมันก็ดังรบกวนความคิดเลยต้องหยิบมันขึ้นมาดูว่าใครกันที่โทรมาขัดจังหวะ พอเห็นชื่อที่โชว์อยู่หน้าจอเท่านั้นซองมินก็เม้มปากแน่นก่อนจะตัดสินใจกดตัดสายทิ้งไปแล้วกดปิดเครื่อง ไม่รู้เพราะอะไรเหมือนกัน แต่เขาไม่อยากให้คยูฮยอนมาอยู่ฟังคำตอบตอนนี้เลย
     
                 “ซันนี่จะไม่ร้องไห้ไม่โวยวายอะไรทั้งนั้นค่ะ ขอแค่พี่ซองมินตอบซันนี่มาคำเดียว” ซันนี่สูดอากาศเข้าเต็มปอดก่อนจะพูดออกมา พยายามไม่ทำตัวงอแงให้ซองมินเห็นแล้วต้องใจอ่อนเพราะเธอไม่ต้องการแบบนั้น ไม่ต้องการคำโกหก และเธอไม่อยากฝืนใจซองมินอีกต่อไปแล้ว
     
                ปล่อยให้ความเงียบปกคลุมบรรยากาศรอบข้างอีกครั้งขณะที่ซันนี่กำลังรวบรวมกำลังใจเพื่อถามปัญหาตัดสินชะตาเธอออกไป ความเศร้าที่ก่อตัวขึ้นเงียบๆเป็นไอรอบตัวของทั้งสองแผ่กระจายไปทั่วจนคนที่แอบดูเหตุการณ์อย่างเรียวอุกยังสัมผัสถึงมันได้
     
                “พี่ซองมินรักซันนี่หรือเปล่าคะ” กลั้นใจถามออกมาด้วยรอยยิ้มที่ดูเหมือนคนอ่อนแรง รอยยิ้มที่กระชากเอาความรู้สึกผิดของซองมินออกมาจากจิตใต้สำนึกทำเอาผู้กุมคำตอบพูดอะไรไม่ออก
     
                ซันนี่มองผู้ชายที่เธอรักแล้วรอยยิ้มก็ค่อยๆจางหายไป เมื่อซองมินก้มหน้าลงมองพื้นแทนที่จะมองหน้าเธอแล้วเอื้อนเอ่ยคำตอบที่เธอต้องการฟังมันออกมา แน่นอนว่าคำว่ารักที่เธอหมายถึงคือความรักของชายหญิง ไม่รักอย่างพี่น้องและหวังว่าซองมินจะเข้าใจในข้อนี้เหมือนกัน
     
                ซองมินยังคงยืนก้มหน้านิ่ง ตอนนี้คำตอบมันแน่ชัดในใจเขาแล้ว หากแต่คำพูดที่จะพรรณนาออกมาให้อีกฝ่ายได้เจ็บช้ำน้ำใจน้อยที่สุดนั้นเขาคิดมันไม่ออก ครั้นจะบอกออกไปตรงๆเขาก็ไม่กล้า เพราะอีซองมินไม่กล้าตัดสินใจทำอะไรสักอย่างเรื่องราวมันถึงได้ปานปลายแบบนี้
     
                “บอกมาเถอะค่ะ ซันนี่รับได้” ซันนี่เอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้มเช่นเดิม เพราะยิ่งซองมินเงียบเหมือนยิ่งตอกย้ำสถานะของตัวเอง สถานะคนรักที่กำลังจะเปลี่ยนไป
     
                “พี่รักซันนี่นะ แต่...”
     
                “แต่รักแบบน้องสาวใช่มั้ยคะ” พูดยังไม่ทันจบประโยคซันนี่ก็สวนขึ้นมาอย่างรู้ทัน เธอรู้ว่าซองมินพยายามทำให้เธอเสียใจน้อยที่สุด และถึงแม้ว่าซองมินจะไม่ได้รักเธอแบบนี้คนรัก แต่ถ้าจะให้เธอเลิกรักตอนนี้ก็คงทำไม่ได้เหมือนกัน
     
                “พี่ขอโทษนะซันนี่ เรา....เลิกกันเถอะ” ซองมินกลั้นใจพูดตัดความสัมพันธ์ออกไป ก่อนจะก้มหน้าลงอีกครั้งอย่างสำนึกผิด สิ่งที่ยากที่สุดสำหรับเขาคือการเริ่มต้นและการจบทุกอย่าง มันยากที่จะพูดและยากที่จะตัดสินใจ
     
                “งั้นบอกซันนี่หน่อยได้มั้ยคะว่าพี่รักใคร พี่ชอบพี่คยูฮยอนหรือเปล่า” ซันนี่ขืนใจถามออกไปทั้งที่น้ำตามันจะไหลอยู่มะรอมมะร่อ
     
                “พี่...พี่ชอบคยูฮยอน” ตอบเสียงเบาหวิวหากแต่ชัดเจนในใจใครหลายคน รวมไปถึงคยูฮยอนที่เพิ่งวิ่งกระหืดกระหอบมายังหน้ามหาวิทยาลัยเพื่อตามหาซองมินที่โทรหากลับไม่ยอมรับแล้วปิดเครื่องหนีไปเสียดื้อๆ เสียงใสๆของรูมเมทจอมพูดมากที่เอื้อนเอ่ยคำตอบแสนบางเบาผ่านเข้าโสตประสาทการได้ยินเต็มหูจนคยูฮยอนนิ่งอึ้งไป
     
                “ได้ยินแล้วนะคะ” ซันนี่ยกยิ้มบางๆอย่างเจ็บปวดใจเมื่อเห็นคยูฮยอนมาทันได้ยินคำสารภาพของซองมินพอดิบพอดี
     
    เมื่อได้ยินซันนี่พูดแบบนี้ซองมินจึงหันหลังกลับไปและพบกับคยูฮยอนที่ยืนอยู่ด้านหลัง สองสายตาสบกันนิ่งก่อนจะเป็นซองมินเองที่เบือนหน้าหนีกลับมา อยากจะเขินอยู่หรอกนะแต่ตอนนี้มันอยู่ในอารมณ์ครุมเครือมากกว่า จากที่เคยเป็นคนช่างพูดแต่ตอนนี้มันกลับพูดอะไรไม่ออก เลยได้แต่ยืนอยู่นิ่งๆ
     
    “ขอให้ทั้งคู่สมหวังในความรักแล้วกันนะคะ แต่ก่อนที่ซันนี่จะไป...” อวยพรทั้งๆที่ใจยังเจ็บแต่ซันนี่ก็คงทำอะไรไม่ได้ในเมื่อคนที่เธอรักไม่รักตอบ
     
    หญิงสาวหนึ่งเดียวเดินเข้ามาประชิดตัวซองมินก่อนจะเขย่งปลายเท้ามอบรสจูบบางเบาที่ริมฝีปากให้กับอดีตแฟนหนุ่มที่เธอรักนักหนา แต่บัดนี้กลับต้องยอมยกให้พี่ชายสุดแสบที่ตอนนี้เธอรูสึกเกลียดเข้าไส้ แต่เกลียดไปแล้วก็เท่านั้น สุดท้ายเธอก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี สู้หาวิธีเอาคืนคยูฮยอนด้วยวิธีอื่นดีกว่า
     
    คนโดนจูบแบบไม่ทันตั้งตัวยกมือขึ้นแตะริมฝีปากเบาๆเมื่อซันนี่ผละออกแล้วส่งยิ้มกลับมาให้ ซองมินจึงต้องยิ้มตอบกลับไป ดีแค่ไหนแล้วที่เธอไม่ตบหน้าเขาแรงๆให้สมกับที่ทำเธอเจ็บปวดขนาดนั้น แต่คนที่ดูเหมือนจะช็อคที่สุดกลับเป็นคยูฮยอนที่อ้าปากค้างกับการกระทำของซันนี่ ที่เธอกล้าจูบซองมินต่อหน้าประชาชนแถมยังมีนักศึกษาอีกหลายคนเดินขวักไขว่กันเต็มไปหมด
     
    “ซันนี่!!” คยูฮยอนโผลงออกมาเสียงดังลั่นพร้อมกับเดินเข้าไปหาน้องสาวตัวแสบอย่างเอาเรื่อง สุดท้ายเขาก็ปล่อยให้ซองมินเสียจูบให้ซันนี่จนได้สินะ น่าเจ็บใจจริงๆ
     
    “เรียกทำไมคะ!” ซันนี่หันมาแหวดกลับอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน เธอยอมยกซองมินให้แล้วส่วนเรื่องอื่นไม่มีทางยอมอีกแน่
     
    “ทำอะไรของเธอ” เค้นถามเสียงต่ำที่บอกให้รู้ว่าโกรธ คยูฮยอนจ้องซันนี่เขม็งซึ่งซันนี่เองก็จ้องกลับอย่างไม่ลดละเช่นกัน
     
    “จูบไงคะ ทำไม แฟนเก่าจูบกันไม่ได้หรือไง” เถียงกลับพร้อมทำหน้าทำตาให้ดูน่าหมั่นไส้ ซันนี่ได้โอกาสเลยแกล้งคยูฮยอนใหญ่
     
    “ไม่ได้!”
     
    “เชอะ! ไม่สนหรอก ซันนี่ไปก่อนนะคะมินนี่ บ๊ายบาย” เชิดใส่พี่ชายตัวเองก่อนจะหันมาบอกลาอดีตแฟนแล้วกระโดดหอมแก้มอีกสักฟอดให้พอชื่นใจ ซันนี่ยกมือขึ้นโบกลาแล้วรีบจะเดินจากไปก่อนที่คยูฮยอนจะระเบิดลงใส่เธอเสียก่อน อย่างน้อยวันนี้ก็ทำให้เธออารมณ์ดีได้ระดับหนึ่งที่ได้แกล้งคยูฮยอนล่ะนะ ถึงมันจะเทียบไม่ได้กับความรู้สึกเสียใจเลยก็ตาม
     
    “ซันนี่!” คยูฮยอนตะโกนตามหลังน้องสาวไปหวังจะลากกลับมาคุยให้รู้เรื่อง แต่ก็โดนซองมินห้ามไว้เสียก่อน
     
    “พอเถอะน่าคยูฮยอน” ซองมินกระตุกชายเสื้อคยูฮยอนเพื่อเป็นการเรียกสติซึ่งมันก็ได้ผล แต่ก็ยังมีอาการโวยวายอยู่ดี
     
    “นายปล่อยให้ซันนี่ทั้งหอมทั้งจูบได้ไงเนี่ย” เมื่อคาดโทษกับน้องสาวสุดแสบไม่ได้คยูฮยอนเลยหันมาลงที่ซองมินแทน ก็รู้ว่าเขาหวงยังจะยอมง่ายๆอีก
     
    “ก็...”
     
    “เรื่องมันเป็นแบบนี้นี่เอง” ยังไม่ทันที่ซองมินจะได้เถียงกลับเรียวอุกที่ซุ่มดูเหตุการณ์อยู่นานก็ปรากฏตัวออกมาพร้อมรอยยิ้มพรายที่ฉาบอยู่บนใบหน้า เขาเข้าใจเหตุการณ์ทุกอย่างแล้ว และคิดว่าเข้าใจมันดีด้วยถึงจะไม่รู้ลึกถึงรายละเอียดก็เถอะ
     
    “เรียวอุก!” สองรูมเมทอุทานออกมาพร้อมกันเมื่อเห็นบุคคลที่สี่เข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่รู้ว่าเรียวอุกมาที่นี่ได้ยังไงแล้วมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่รอยยิ้มเจ้าเล่ห์กับคำพูดเมื่อครู่มันฟังดูไม่น่าไว้ใจจริงๆ
     
    “เอาน่าคนรักกันไม่ผิดหรอก ฉันดีใจนะที่นายสองคนตกลงเป็นแฟนกันซักที” เรียวอุกเนียนเดินเข้าไปกอดคอเพื่อนทั้งสองแล้วสรุปเองเสร็จสรรพว่าคยูฮยอนกับซองมินเป็นแฟนกันแล้ว ทำเอาคนถูกกล่าวหาอ้าปากปฏิเสธเป็นพัลวัน
     
    “ไม่ใช่นะเรียวอุก” ซองมินยกมือขึ้นโบกไปมาปฏิเสธเต็มที่ พลันแก้มใสๆก็เริ่มซับสีเลือดเมื่อบรรยากาศขุ่นมัวเริ่มจางหายไปให้ความเขินที่หลบซ่อนอยู่ได้แสดงตัวตนออกมา ซองมินยังคงส่ายหน้ารัวไม่ยอมรับเพราะไม่รู้ว่าไปตกลงเป็นแฟนกับคยูฮยอนตอนไหนไม่ได้บอกสักคำเดียว เรียวอุกพูดเองเออเองชัดๆ
     
    “แล้วที่บอกว่าชอบคยูฮยอนเมื่อกี้ล่ะ ฉันได้ยินเต็มสองหูเลยนะ” เรียวอุกพยายามต้อนเพื่อนตัวเล็กของเขาเต็มที่ โดยที่มีคยูฮยอนยืนยิ้มชอบใจอยู่ข้างๆ
     
    เจอสวนกลับเข้าไปซองมินถึงกับเงียบ ริมฝีปากเม้มเข้าหากันแน่นอย่างใช้ความคิด ดวงตากลมโตช้อนมองคยูฮยอนอย่างค้อนๆที่ไม่เคยคิดจะช่วยกันแก้ต่าง พวกแก้มใสๆมันก็แดงแล้วแดงอีกเพราะโดนเรียวอุกจับจุดแซวเสียไปไม่เป็น แต่สุดท้ายคนช่างพูดอย่างซองมินก็หาเหตุผลมาเถียงจนได้
     
    “ก็แค่บอกชอบแล้วฉันบอกว่าจะเป็นแฟนเมื่อไหร่เล่า”
     
    “ถ้างั้น...คยูฮยอน นายยอมรับซองมินเป็นแฟนมั้ย” เรียวอุกปล่อยมือที่กอดคอซองมินออกก่อนจะทำท่านึก ส่วนข้างที่กอดคอคยูฮยอนนั้นปล่อยออกนานแล้วเนื่องจากส่วนสูงไม่ถึงเลยไม่อยากพยายามกอดให้มันเมื่อย คิดอยู่สักพักก็ได้ข้อสรุปก่อนจะหันไปถามคยูฮยอนเสียงใส เล่นเอาซองมินที่เจอมุขเด็ดของเรียวอุกเข้าไปถึงกับอ้าปากค้าง
     
    “ยอมรับครับ” และดูเหมือนคยูฮยอนจะเต็มใจรับมุขของเรียวอุกเสียเหลือเกิน เล่นต่อบทกันเสียงใสทำเอาซองมินเขินหนักยิ่งกว่าเดิม
     
    “แล้วซองมินล่ะยอมรับคยูฮยอนเป็นแฟนมั้ย” ถามคยูฮยอนเสร็จเรียวอุกที่ทำตัวเหมือนเป็นบาทหลวงทำพิธีแต่งงานให้คู่บ่าวสาวก็หันมาถามซองมินต่อ
     
    ซองมินเงียบไปเมื่อมุขโดนส่งต่อมาให้ ไม่รู้ทำไมเพื่อนๆถึงได้ชอบรุมแกล้งเขาให้เขินนักนะ แต่ไหนๆเรื่องมันก็เลยเถิดมาถึงนี่แล้วจะรับมุขต่อเพื่อทำตามเสียงเรียกร้องของหัวใจจะเป็นไรไป จริงไหม
     
    “รับครับ”

    ------------------------------------------

    kr...Talk

    ตอนนี้เปรี้ยวมาก ซึ่งเปรี้ยวสุดต้องเป็นคยูของเราค่ะ
    รุกมิน(?)ซะไม่มี ฮ่าๆๆๆ
    ถ้าไรเตอร์เป็นมินนะ จะรุกคยูก่อนเลย(เอิ่ม?)

    และสุดท้ายก็ต้องคยูมินค่ะ แล้วคิดว่าวันนี่จะทำไงต่อไปค่ะ...?
    ตอนนี้ต้องขอขอบคุณพี่อุคคนเดียวเลยจริงๆ
    สวมบทเป็นบาทหลวงจำเป็น
    เจอกันตอนหน้านะ

    อย่าลืมอุดหนุนอัลบั้ม5ของเอสเจกันด้วยนะทุกคน
    เพื่อพี่ๆของเราจะได้รางวัลแดซังปีนี้มาครอง
    ซูจูแทบักมากๆ คว้ารางวัลมา5แล้ว คิคิ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×