ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ] อลวนรัก หอพักสุดเพี้ยน (Super Junior Yaoi)

    ลำดับตอนที่ #35 : Chapter 30 : Start the Love Game!!

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.74K
      3
      31 ก.ค. 54


    Chapter 30 :  
    Start the Love Game!!
     
     
     
     
     
     
                  
                “ฉันชอบนาย ซองมิน” สิ้นเสียงนุ่มทุ้มที่เอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบาสรรพสิ่งรอบตัวกลับเงียบสนิท ดวงตากลมโตของผู้ต้องการคำตอบทั้งสองเบิกกว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน หากแต่ความรู้สึกที่พรั่งพรูออกมากลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
     
                หัวใจดวงน้อยๆของสาวน้อยหนึ่งเดียวเหมือนมันกำลังจะแตกสลายกับคำตอบของพี่ชายที่สุดแสนจะทำร้ายจิตใจของเธอ ซันนี่ยืนนิ่งอย่างข่มอารมณ์เบือนหน้าหนีไปทางอื่นไม่อยากจะมองหน้าพี่ชายเธอตรงๆ ความรู้สึกทั้งหมดที่เกิดขึ้นมันทำให้เธอรู้สึกปั่นป่วนจนไม่รู้จะแสดงอารมณ์ไหนออกมา เธอโกรธ โมโห เสียใจ  กลัว และเกลียด เธอเกลียดคยูฮยอน เกลียดพี่ชายคนนี้ เกลียดที่เขากำลังจะมาแย่งคนรักของเธอไป
     
                หากแต่ใจอีกดวงกลับเต้นโครมครามเหมือนที่เคยรู้สึกอยู่บ่อยครั้งกับผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้า แต่มันมากกว่า เร็วกว่าและแรงกว่า ริมฝีปากอ้าค้างกับคำตอบที่เพิ่งได้รับรู้ คำตอบที่ซองมินต้องการพิสูจน์ ความรู้สึกภายในมันโลดแล่นอย่างดีใจ เขาดีใจที่ได้ยินมัน หากแต่ความรู้สึกผิดที่พุ่งปี๊ดขึ้นมาจุกอกทำให้ไม่สามารถฉีกยิ้มอย่างที่ใจต้องการ เมื่อเรื่องราวซับซ้อนนี้มีคนที่สามเข้ามาเกี่ยวข้อง คนที่เขาเผลอใช้เป็นเครื่องมือโดยไม่ตั้งใจ
     
                ซองมินเงยขึ้นสบตากับคยูฮยอนที่เพิ่งเอ่ยความในใจออกมา อยากจะยิ้ม อยากจะเขิน อยากจะอายหน้าแดงแต่ก็ทำไม่ได้เมื่อเหลือบไปมองซันนี่ที่ยังคงยืนนิ่งอย่างข่มอารมณ์ มือที่กำแน่นนั้นสั่นระริกด้วยความโกรธ สถานการณ์ที่ตกอยู่ในความเงียบแบบนี้มันช่างน่าอึดอัดและน่ากลัว น่ากลัวมากจริงๆ
     
                “ทำไมล่ะ! ทำไมต้องเป็นพี่ซองมิน! ทำไมพี่ต้องชอบเขาด้วย!” ซันนี่ตวาดออกมาอย่างสุดทน น้ำตาที่พยายามกลั้นไว้มันไหลรินออกมาอย่างห้ามไม่ได้ โกรธมาก มากที่สุด เสียใจมาก มากที่สุด และกลัวมาก มากที่สุด กลัวว่าซองมินเองจะมีใจให้คยูฮยอนเหมือนกัน
     
                สิ้นเสียงแหลมๆ ที่ตวาดออกมาเพื่อระบายความอัดอั้นในใจความเงียบก็เข้ามาปกคลุมเช่นเดิม ไม่มีใครกล้าเอ่ยอะไรออกมา คยูฮยอนได้แต่ยืนก้มหน้านิ่ง ตอนนี้เขาไม่อยากจะพูดอะไร กลัวว่าพูดไปแล้วมันจะยิ่งทำร้ายจิตใจของหญิงสาวตรงหน้า ความจริงในใจที่เขาอยากบอกกับใครอีกคน        
     
                “พี่ซองมินบอกพี่คยูฮยอนไปสิคะว่าพี่ไม่ได้ชอบเขา! พี่ชอบซันนี่! พี่ไม่ได้ชอบพี่คยูฮยอน! ไม่งั้นพี่ตอบตกลงคบกับซันนี่ทำไม” เมื่อซักเอาความจากคยูฮยอนไม่ได้ซันนี่เลยหวังจะมาพึ่งซองมินแทน แต่สุดท้ายผลก็เหมือนกันคือความเงียบ
     
                ปฏิกิริยาตอบสนองที่ไม่มีเลยของชายหนุ่มทั่งคู่ทำให้ซันนี่ปล่อยโฮออกมาหนักกว่าเดิม หยดน้ำใสล่วงหล่นบนแก้มสวยไม่ขาดสายโดยเจ้าตัวนั้นใช้หลังมือเช็ดมันออกอย่างลวกๆ ภาพความปวดร้าวของหญิงสาวตรงหน้ายิ่งซ้ำเติมความรู้สึกผิดให้มันก่อตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อยากจะเดินเข้าไปช่วยซับน้ำตาแต่ขาเจ้ากรรมกลับไม่ยอมขยับเลยได้แต่เบือนหน้าหนีกับภาพที่เห็นตรงหน้า
     
                “ฉันเกลียดพี่!” ซันนี่คะตอกเสียงดังใส่หน้าคยูฮยอนก่อนจะเดินหนีไป
     
                ซองมินมองซันนี่สลับกับคยูฮยอนอย่างตัดสินใจไม่ได้กับเหตุการณ์ตรงหน้า ใบหน้าหวานหันไปมองรูมเมทตัวสูงที่ยังคงก้มหน้านิ่งเหมือนคนสำนึกผิด ก่อนจะหันไปมองแฟนสาวที่เดินห่างออกไปเรื่อยๆ ด้วยสีหน้าหนักใจ ความรู้สึกสั่งให้ไม่ตาม แต่จิตใต้สำนักมันสั่งให้ตาม เขาต้องชั่งน้ำหนักระหว่างความถูกต้องกับความเป็นจริง ความจริงที่ว่าเขาไม่ได้ชอบซันนี่กับความถูกต้องที่เขาต้องตามเธอไปในฐานะแฟน
     
                คยูฮยอนเงยหน้าขึ้นมาสบตากับซองมินก่อนที่รูมเมทจอมพูดมากจะเบือนหน้าหนีแล้ววิ่งไปตามทางที่ซันนี่เดินไป เขาคงโดนปฏิเสธแล้วสินะ สิ่งที่เขาเชื่อว่าซองมินไม่ได้มีใจให้ซันนี่มันก็เป็นแค่ความรู้สึกที่เขาคิดไปเอง ความจริงใครจะไปรู้ได้ว่ามันเป็นอย่างไร
     
                เจ็บ ความรู้สึกแรกที่แล่นลิ่วเข้ามาในใจเมื่อร่างเล็กๆนั้นวิ่งจากไป อกหักเป็นอย่างนี้เองสินะ
     
                เมื่อได้รู้คำตอบแล้วคยูฮยอนเองก็ไม่รู้ว่าจะยืนอยู่ตรงนี้ไปอีกทำไม ริมฝีปากแสยะยิ้มให้กับตัวเองที่คิดอะไรบ้าๆจนตัวเองเป็นฝ่ายเจ็บเองก่อนจะก้าวเดินออกไปจากสถานที่แห่งนี้ซะ สวนสนุกสถานที่ที่ใช้ออกเดทหรือบอกรัก แต่เขากลับโดนปฏิเสธเพียงแค่บอกชอบ แล้วต่อไปนี้เขาจะตีสีหน้าอย่างไงเมื่อเจอซองมิน ยังจะทำตัวเป็นปกติได้อยู่หรือเปล่า แล้วยังจะเป็นเพื่อนกันได้อยู่หรือเปล่า
     
     
     
                “ซันนี่” ซองมินที่วิ่งตามซันนี่มาเข้าไปรั้งแขนเธอไว้แต่กลับโดนสะบัดออกอย่างไม่ใยดี ท่าทางที่เคยใส่ใจรักใคร่ตอนนี้กลับไม่มีให้เห็น มีเพียงหญิงสาวที่เย็นชาแม้กระทั่งหน้าเธอยังไม่หันมามองเขาเลยด้วยซ้ำ
     
                “ฉันให้เวลาพี่ตัดสินใจสองวัน ฉันจะไปเอาคำตอบ หวังว่าจะเป็นคำตอบที่ดีสำหรับฉันนะ” พูดจบซันนี่ก็วิ่งออกไปจากสวนสนุกโบกรถแท็กซี่จากไปทันที พอบอกทางคนขับเสร็จเธอก็เอาแต่นั่งก้มหน้าร้องไห้ ถึงจะบอกว่าหวังจะได้คำตอบที่ดีแต่ความหวังของเธอตอนนี้ไม่มีเลยสักนิด ถ้าซองมินรักเธอจริงต้องยืนยันออกมาให้คยูฮยอนได้ฟังแล้วสิ แต่นี่ไม่เลย ตั้งแต่ที่คบกันมาเธอยังไม่เคยได้ยินคำว่ารักหรือชอบจากปากซองมินเลย ไม่มีเลย
     
                ซองมินยืนก้มหน้านิ่งอยู่ที่เดิมเมื่อซันนี่จากไปแล้ว เขาไม่รู้จะทำยังไงให้สถานการณ์ตอนนี้มันดีขึ้น คงไม่มีใครอยากเจ็บปวดซ้ำแล้วซ้ำเล่า และเขาไม่อยากให้ใครต้องมาเจ็บปวดเพราะเขาด้วย เขาไม่ได้รักซันนี่แต่เพราะเธอน่ารักคิดว่าถ้าลองคบกันไปเขาอาจจะรักเธอได้สักวัน แต่เรื่องมันกลับตาลปัตรเมื่อคยูฮยอนมาสารภาพว่าชอบ ถึงแม้ในใจจะหวั่นไหวอยู่บ่อยครั้งกับรูมเมทคนนี้ นั่นคงเป็นเพราะความใกล้ชิดสนิทสนมจึงทำให้เกิดความรู้สึกดีๆขึ้นได้ไม่หยุดหย่อน และเขายอมรับว่าอยากใกล้ชิดและอยากรู้สึกดีๆแบบนี้ต่อไป
     
                ปล่อยให้สมองที่เต็มไปด้วยความคิดความสับสนตอบปัญหาของมันเองอยู่พักใหญ่แต่มันไม่ได้มีอะไรดีขึ้นเลยสักนิด ซองมินถอนหายใจออกมายาวพรืดอย่างคนคิดไม่ตกก่อนจะตัดสินใจเดินกลับไปที่เดิมที่เขาเดินจากมา
     
                ด้านหน้าของชิงช้าสวรรค์อันใหญ่ยักษ์ยังคงเต็มไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา แต่กลับไม่มีใครคนนั้นที่เขาตั้งใจกลับหา คิดแล้วก็ได้แต่ยิ้มบางๆให้กับความโง่เขลาของตัวเอง....ใครเขาจะอยู่รอ
     
     
     
     
                คยูฮยอนเดินทอดน่องไปตามทางที่ทอดยาวอย่างไม่รู้จุดหมาย ไม่ยักกะรู้ว่าไอ้อาการอกหักมันทำให้เขารู้สึกเคว้งคว้างได้ขนาดนี้ ที่ผ่านมาเขาไม่เคยรักหรือรู้สึกชอบใครจริงๆจังๆมาก่อน มีแต่แอบชอบพอไม่สมหวังก็เลิกชอบมันไม่ได้เกิดความรู้สึกเจ็บแปลบที่ใจแบบนี้ หรือมันอาจจะเป็นเพราะไม่ได้เกิดความรู้สึกผูกพันมากมายขนาดนี้ก็เป็นได้ เพราะเขากับซองมินมันมีความทรงจำกับเรื่องราวดีๆที่ยากจะตัดใจได้แล้ว
     
                เหลียวหลังกลับไปมองทางที่เดินผ่านมาแล้วก็ได้แต่ทอดถอนหายใจ ความรู้สึกเดียวตอนนี้คือยังไม่อยากกลับไปเผชิญหน้ากับซองมิน เขายังไม่อยากกลับหอ สถานการณ์ตอนนี้มันไม่เหมือนตอนโดนเพื่อนๆล้อเรื่องที่เขาชอบทำตัวหวงซองมินที่เขินกันได้แปบเดียวก็กลับมาพูดคุยกันได้เหมือนเดิม เขาไม่รู้ว่าตอนนี้ซองมินจะคิดกับเขายังไง รู้แค่เพียงว่าเจ้ารูมเมทจอมพูดมากคนนั้นได้เลือกซันนี่ไปแล้ว
     
                เดินเตร็ดเตร่อย่างไม่รู้จุดหมายจนในที่สุดท้ายสายตาก็มองไปเห็นป้ายร้านเหล้าที่อยู่ข้างหน้า คยูฮยอนกดยิ้มมุมปากก่อนจะเดินตรงไปยังจุดหมายที่เขาเพิ่งหาเจอ อกหักทั้งทีดื่มฉลองหน่อยจะเป็นไร
     
                คยูฮยอนก้าวเข้าไปในร้านเหล้าแห่งนี้อย่างไม่ค่อยคุ้นเคย เขาไม่เคยออกเที่ยวกลางคืนหรือเข้าร้านเหล้าคนเดียวมาก่อน ส่วนมากจะซื้อไปดื่มกันที่ห้องเพื่อนเสียมากกว่า ร้านนี้คนค่อนข้างเยอะมองไปตรงไหนก็ดูที่นั่งจะถูกจับจองไว้หมดแล้ว เขาจึงเลือกนั่งที่บาร์ซึ่งมีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ ผู้หญิงที่ดูคุ้นตาเสียเหลือเกิน
     
                “ซันนี่!” คยูฮยอนเอ่ยชื่อหญิงสาวที่นั่งข้างๆออกมาอย่างตกใจ แต่ดูเหมือนสติสตางค์เธอจะไม่อยู่กับเนื้อกับตัวมากนัก คิดว่าคงดื่มมานานแล้วเป็นแน่
     
                จากที่คิดว่าจะมานั่งดื่มคยูฮยอนกลับยันตัวเองให้ลุกขึ้นเพื่อจะออกจากร้านนี้ เขายังไม่พร้อมจะเผชิญหน้ากับซันนี่ และคิดว่าซันนี่เองก็ไม่อยากเจอหน้าเขาตอนนี้เช่นกัน แต่ที่ทำให้เขาแปลกใจที่สุดคือการที่ได้เห็นซันนี่มาจนดื่มเมาเละเทะแบบนี้ ก็ในเมื่อซองมินเลือกเธอ...แล้วมันเพราะอะไรกัน
     
                “พี่คยูฮยอน~” แต่ยังไม่ทันได้เดินออกไปไหนซันนี่ก็กลับหันมาแล้วเรียกคยูฮยอนไว้ ถึงแม้เธอจะเมาแต่เธอไม่เบลอขนาดจำใครไม่ได้โดยเฉพาะพี่ชายตัวดีคนนี้ ความจริงเธอไม่ได้ต้องการจะเรียกแต่ปากมันพลั้งออกไปเอง ทำไมกันนะ หนีมาแล้วยังต้องเจอกันอีก
     
                “เธอเมามากแล้วนะซันนี่ กลับบ้านเถอะ” คยูฮยอนหย่อนตัวนั่งลงที่เดิม ทำท่าจะดึงแก้วที่อยู่ในมือซันนี่ออกแต่เธอเห็นเลยชักกลับไปเสียก่อน เห็นแล้วก็นึกอ่อนใจกับสภาพของสาวคนสวยตรงหน้า สุดท้ายก็อดที่จะโทษตัวเองไม่ได้กลับการกระทำที่ไม่คิดหน้าคิดหลังให้ดีก่อน เพราะถึงแม้ซันนี่จะแสบ จะแก่นซ่าขนาดไหน เธอก็ยังเป็นแค่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆอยู่ดี
     
                “หึ! พี่ไม่ต้องมาเป็นห่วงฉันหรอกค่ะ กลับไปดูแลพี่ซองมินของพี่เถอะ” ซันนี่ประชดประชันแทงใจคนฟังเข้าอย่างจังก่อนจะยกแก้วที่อยู่ในมือขึ้นดื่ม
     
                “พูดอะไรของเธอซันนี่ ซองมินเลือกเธอไม่ใช่หรือไง” เอ่ยถามกลับไปอย่างแปลกใจ คยูฮยอนขมวดคิ้วมุ่นกับคำพูดของซันนี่ที่ได้ยินเมื่อครู่ รู้ว่าน้องสาวคนนี้คงเสียใจกับเหตุการณ์วันนี้แต่ในเมื่อสุดท้ายซองมินก็เลือกเธอ ถ้าเป็นแต่ก่อนเขาคงจะได้รับโทรศัพท์โทรมาซ้ำเติมให้เจ็บช้ำใจเล่นไปแล้ว หรือว่าเรื่องนี้จะมีการเข้าใจอะไรผิดกัน
     
                “พี่รู้ได้ไงว่าพี่ซองมินเลือกฉัน” คนเป็นน้องตวัดสายตากลับมาถาม อย่ามาพูดให้เธอรู้สึกดีเลย มันเหมือนเป็นการตอกย้ำเสียมากกว่าแบบนี้
     
                “ซองมินตามเธอไปไม่ใช่หรือไง”
     
                “ตามไปแล้วยังไงล่ะคะ พี่เค้าไม่เห็นพูดอะไรให้ฉันได้ดีใจซักนิด จะรั้งฉันไว้ยังไม่มี” ซันนี่กดยิ้มุมมปากอย่างนึกสมเพชตัวเองก่อนจะยกแก้วขึ้นดื่มอีกครั้ง
     
                “ตกลงมันเป็นยังไงกันแน่” คยูฮยอนพึมพำออกมาเบาๆอย่างสับสน สรุปแล้วเรื่องราวมันเป็นยังไงกันแน่
     
                “ถ้าอยากรู้ว่าพี่ซองมินจะเลือกใครก็พยายามเข้านะคะ อีกสองวันฉันจะไปเอาคำตอบ บอกไว้ก่อนว่าฉันจะไม่ยอมแพ้พี่เหมือนกัน” ยกดื่มแก้วที่ถืออยู่ในมือจนหมด ซันนี่ลุกขึ้นพูดแล้วคว้ากระเป๋าเตรียมออกจากร้าน จากนี้ไปก็เหมือนเป็นเกม เธอรักซองมินไปแล้วคงไม่ยอมให้ใครมาแย่งไปง่ายๆ ถึงแม้จะรู้ตัวว่าเสียเปรียบก็ตาม เมื่อถึงเวลาตัดสินชะตาในอีกสองวันข้างหน้า ถ้าซองมินเลือกแล้วเธอก็จะยอมรับในการตัดสินใจนั้น
     
                “หมายความว่ายังไงซันนี่” หันไปถามคนเป็นน้องที่กำลังเดินจากไปด้วยความไม่เข้าใจ ให้พยายามอย่างนั้นเหรอ ซันนี่พูดเหมือนจะท้าเขาแข่งเสียอย่างนั้น
     
                “อ้อ! ลืมไป ฝากคืนพี่เขาด้วยนะคะ” ซันนี่ไม่ได้สนใจจะตอบคำถามของคยูฮยอนแต่เธอกลับถอดเสื้อแขนยาวของซองมินที่ใส่ไว้อยู่โยนใส่หัวพี่ชายก่อนจะเดินออกไปจากร้านโบกแท็กซี่แล้วจากไป ปล่อยให้พี่ชายตัวดียังสับสนอยู่อย่างนั้น
     
                ถึงจะไม่เข้าใจในสิ่งที่ซันนี่พูดมากนักแต่ก็พอตีความหมายที่เจ้าตัวอยากจะสื่อได้ คยูฮยอนนั่งกุมขมับอย่างคนคิดไม่ตก ถึงจะรู้สึกดีใจขึ้นมาเล็กๆที่ซองมินไม่ได้เลือกซันนี่ แต่กลับเครียดยิ่งกว่าถ้าหากเขาต้องแข่งกับซันนี่จริงๆ ความรักมันไม่ใช่เรื่องตลก สุดท้ายแล้วคนที่แพ้ก็ไม่ได้อะไรตอบแทนเลยสักนิดนอกจากความเจ็บปวด และเขาไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้น เรื่องนี้ยิ่งคิดแล้วก็ยิ่งกลุ้ม
     
                เครียดไปมันก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น เวลามันย้อนกลับไม่ได้และไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรได้อีกในเมื่อตัดสินใจทำไปแล้ว คยูฮยอนใช้สองมือขยี้หัวแรงๆก่อนจะสั่งเหล้ามาดื่มนั่นคือจุดมุ่งหมายของเขาในตอนนี้ ดื่มให้ลืมแล้วค่อยคิดหาทางออก ยังไงซะเรื่องนี้มันไม่ได้ยากเกินแก้ เพราะคำตอบของปัญหาไม่ใช่เขากับซันนี่ คำตอบมันอยู่ที่ซองมินเพียงคนเดียว
     
     
     
     
                ซองมินที่กลับมาถึงห้องนานแล้วได้แต่เดินกระวนกระวายใจเหมือนหนูติดจั่น จากที่คิดว่ากลับมาแล้วจะเจอคยูฮยอนอยู่ในห้องกลับไม่มีแม้แต่เงา โทรตามก็แล้วแต่พ่อรูมเมทตัวสูงกลับไม่รับจนสุดท้ายก็ปิดเครื่องหนีไปจนตอนนี้ก็ใกล้เวลาหอปิดเต็มที จะไปถามเพื่อนๆก็ไม่ใช่ความคิดดีในเมื่อไม่มีใครรู้เรื่องนี้นอกจากคนสามคน
     
                ในเมื่อทำอะไรไม่ได้ซองมินจึงทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอย่างคนหมดแรง ความเป็นห่วงมันอัดแน่นอยู่เต็มอกเพราะไม่ได้รับการระบายออก จนน้ำใสๆมันหล่นเอ่อออกมาที่ขอบตาอย่างสุดจะกลั้น เป็นห่วงแต่ทำอะไรไม่ได้มันรู้สึกอึดอัดจนแทบจะเป็นบ้า สุดท้ายเลยต้องปล่อยให้น้ำตามันไหลออกมา แล้วก็นึกย้อนโทษตัวเองที่ดูเหมือนจะกลายเป็นคนสร้างเรื่องโดยไม่ได้ตั้งใจ
     
                แต่แล้วเสียงโทรศัพท์ห้องที่ดังขึ้นก็ทำเอาซองมินสะดุ้งสุดตัว มือเล็กๆรีบยกขึ้นเช็ดน้ำตาก่อนจะเดินไปรับด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ เพราะโทรศัพท์ห้องนานๆจะดังที ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของทางหอเสียมากกว่า พวกเพื่อนๆ ไม่ค่อยได้ใช้ทางนี้ติดต่อกันนอกจากกรณีฉุกเฉิน หวังว่าที่มันดังคราวนี้คงไม่ใช่เรื่องไม่ดีหรอกนะ
     
                “ลีซองมิน ลงมาที่ห้องฉันด่วนเลย” เสียงของหัวหน้าหอรอดผ่านสายเข้ามาก่อนจะตัดสายไปโดยไม่ต้องรอปลายสายตอบรับ
     
                ซองมินวางหูโทรศัพท์ลงที่เดิมด้วยใจหวาดหวั่น ก่อนจะรีบออกไปจากห้องตามคำสั่ง เมื่อลงมาถึงชั้นหนึ่งซองมินรีบเดินไปที่ห้องของหัวหน้าซึ่งยืนทำหน้าตึงรอเขาอยู่แล้ว เห็นแบบนี้ยิ่งทำให้ซองมินใจเสียเข้าไปใหญ่ เพราะไม่รู้ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น
     
                “นายพาเขาขึ้นไปบนห้องด้วย” ไม่ต้องรอให้ซองมินออกปากถามหัวหน้าห้องก็ไขความกระจ่างโดยการเดินนำคนตัวเล็กเข้าไปในห้องก่อนจะเพยิดหน้าไปยังคนร่างสูงที่นอนหมดสภาพอยู่บนเตียง
     
                “เขาเป็นอะไรครับ” ซองมินรีบถลาเข้าไปหาคยูฮยอนด้วยความตกใจก่อนจะหันไปถามรุ่นพี่ที่ยืนท้าวเอวอย่างเอือมระอา
     
                “เมา ลุงยามเพิ่งพาเขามาส่งห้องพี่น่ะ จำได้ว่าเป็นรูมเมทนายเลยโทรตามให้ลงมารับ รีบพาขึ้นห้องเถอะ” รุ่นพี่อีกคนที่เป็นรูมเมทกับหัวหน้าหอเดินออกมาจากห้องน้ำอธิบายให้ฟัง เขาเรียนอยู่คณะเดียวกับซองมิน เคยคุยกันบ้างแต่ไม่ถึงขั้นสนิทและจำได้ดีว่ารูมเมทน้องร่วมคณะคนนี้ก็คือไอ้ตัวสูงนี่นอนหมดสภาพอยู่นี่
     
                “ครับๆ ขอบคุณมากครับ” ซองมินโค้งให้รุ่นพี่ทั้งสองเล็กน้อยก่อนจะเข้าไปพยุงตัวคยูฮยอนให้ลุกขึ้น แต่มันค่อนข้างลำบากสำหรับคนตัวเล็กอย่างเขา แถมคยูฮยอนหลับไม่ได้สติเลยมันยิ่งสร้างความทุลักทุเลให้มากยิ่งขึ้น จนรุ่นพี่ทั้งสองคนดูไม่ได้ต้องยื่นมือเข้ามาช่วย
     
                “เดี๋ยวพี่พาไปส่งดีกว่า” รุ่นพี่ร่วมคณะส่งยิ้มให้บางๆก่อนจะเข้ามาช่วยพยุงคยูฮยอนแทนรวมไปถึงหัวหน้าหอด้วย ซองมินโค้งให้รุ่นพี่ทั้งสองอีกครั้งก่อนจะเดินนำไปยังลิฟต์เพื่อขึ้นห้องของตน
     
                เมื่อรุ่นพี่ทั้งสองพาคยูฮยอนมาส่งถึงห้องคนตัวเล็กโค้งขอบคุณอีกครั้งก่อนจะหันมาสนใจรูมเมทตัวสูงที่นอนไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่บนเตียง แถมกลิ่นแอลกอฮอล์ยังส่งกลิ่นตลบอบอวนไปทั่วห้อง ดูจากรูปการณ์แล้วคงจะดื่มไปไม่ใช่น้อยถึงได้นอนสลบเหมือดแบบนี้ ยังดีที่กลับมาหอถูก ไม่งั้นคยูฮยอนได้นอนข้างถนนเป็นแน่
     
                ซองมินถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกที่อย่างน้อยคยูฮยอนก็กลับมาหอได้อย่างปลอดภัยถึงสภาพมันจะไม่น่าดูเลยก็ตาม แต่ที่ทำให้ซองมินแปลกใจคงจะเป็นเสื้อแขนยาวสีขาวที่เจ้าตัวกำเอาไว้แน่น คนตัวเล็กนั่งลงข้างเตียงคยูฮยอนก่อนจะแกะเสื้อตัวนั้นออกมา มันคือเสื้อที่เขาให้ซันนี่ใส่จำได้ว่ายังไม่ได้เอาคืนแล้วมันมาอยู่กับคยูฮยอนได้ยังไง
     
                แต่ถึงคิดไปยังไงก็คงไม่รู้คำตอบซองมินเลยเลือกที่จะจัดการกับตัวคยูฮยอนก่อน เดินหายเข้าไปในห้องสักพักก็ออกมาพร้อมกับกะละมังใบเล็กใส่น้ำกับผ้าขนหนู ชุบมันแล้วบิดหมาดๆก่อนจะลงมือเช็ดเนื้อตัวให้คยูฮยอนรู้สึกสบายขึ้นโดยที่คนเมายังหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวต่อไป ถ้าตอนนี้มีสเปย์ดับกลิ่นซักขวดเขาคงจะเอามาฉีดตัวคยูฮยอนให้หอมไปเลย เพราะกลิ่นเหล้าหึ่งแบบนี้เขาคงนอนไม่หลับ
     
                “นายไม่ใช่คนขี้เมานะ ทำไมดื่มเยอะขนาดนี้” จัดการเช็ดตัวให้เสร็จก็อดไม่ได้จะบ่นตามประสาคนเป็นห่วง ซองมินนั่งลงบนพื้นมองหน้าคยูฮยอนที่หลับพริ้มเหมือนคนกำลังฝันดี เขาคิดว่าการดื่มเหล้ามันคงทำให้ลืมเรื่องแย่ๆได้สินะ หรือเพราะนายจะลืมเรื่องราวในวันนี้กัน
     
                “แล้วพรุ่งนี้จะไปเรียนไหวเหรอเนี่ย” ซองมินบ่นตามประสาคนช่างพูด ยื่นนิ่วชี้ไปจิ้มเบาๆที่หน้าผากคยูฮยอนก่อนจะอมยิ้มบางๆ พอนึกถึงคำสารภาพแบบแสกหน้าของคยูฮยอนแล้วใจมันก็อดเต้นแรงไม่ได้ทุกที แต่ทุกครั้งก็มักจะมีใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยน้ำตาของอีกคนลอยขึ้นมาให้ใจมันโหวงเหวง และนี่คือภาระอันยิ่งใหญ่ที่เขาต้องจัดการล่ะสินะ
     
                ซองมินถอนหายใจด้วยความรู้สึกโล่งอกและหนักใจในคราเดียว ก่อนจะเดินไปปิดไฟแล้วล้มตัวนอนบนเตียงหันคะแตงข้างเข้าหาคยูฮยอนมองรูมเมทตัวสูงที่เมาจนหมดสภาพ ไม่รู้ว่าคืนนี้เขาจะข่มตาหลับได้หรือเปล่า เพราะมีเรื่องมากมายที่เข้ามารบกวนจิตใจจนสมองไม่ได้หยุดพัก แถมยังกลิ่นไม่น่าพิศวาสที่ติดตัวคยูฮยอนมาอีก ถ้าพรุ่งนี้จะเห็นเขากลายเป็นหมีแพนด้าคงไม่ต้องแปลกใจอะไร
     
                ล้มตัวลงนอนได้ไม่ทันไรจากที่คิดว่าจะหลับไม่ลงซองมินกลับเข้าสู่ห้วงนิทราในเวลาอันรวดเร็ว คงเป็นเพราะความเหนื่อยล้าที่พบเจอมาตลอดทั้งวัน บวกกับที่คนตัวเล็กที่ร้องไห้เมื่อครู่ทำให้เผลอหลับไปอย่างง่ายดาย ท่ามกลางความเงียบสงัดและอากาศเย็นๆยามค่ำคืน
     
                หลับให้สบายเพื่อเตรียมรับมือกับเช้าวันใหม่.....วันที่ทุกอย่างกำลังจะเปลี่ยนไป
     
     
     
     
     
                ความรู้สึกปวดหนึบที่หัวแล่นริ้วเข้ามาทันทีเมื่อคยูฮยอนขยับตัวทำให้เขาต้องล้มตัวลงนอนอีกครั้งทั้งที่อยากจะลุกขึ้นนั่ง แสงแดดที่สาดส่องผ่านเข้ามาทางหน้าต่างบอกให้รู้ว่านี่คือเช้าวันใหม่ คยูฮยอนเหลือบมองนาฬิกาที่อยู่บนหัวเตียงก่อนหันไปมองเตียงข้างๆที่บัดนี้ว่างเปล่า สมองกำลังประมวลเรื่องราวที่เกิดเมื่อคืนหลังจากที่เขาโบกแท็กซี่เพื่อให้มาส่งที่หอแต่ก็จำอะไรไม่ได้มากนักว่าขึ้นมาอยู่บนห้องตัวเองได้อย่างไร แต่ที่ทำให้เขาสงสัยคือร่างเล็กๆของรูมเมทที่หายไปจากห้องตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าแบบนี้
     
                เพราะความอยากรู้คยูฮยอนจึงพยายามดันร่างตัวเองให้ลุกขึ้นจากเตียงเพื่อเดินไปยังห้องน้ำแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าซองมินจะอยู่ในนี้ เขาจึงเดินเข้าไปล้างหน้าล้างตาก่อนจะออกมานั่งที่เตียงเหมือนเดิมด้วยอาการมึนเบลอที่รู้สึกว่าหัวมันหนักจนอยากจะนอนทั้งวัน สงสัยเขาคงดื่มจนเกินขีดจำกัด เพราะที่ผ่านมาเขาไม่เคยเมาค้างแบบนี้มาก่อน
     
                ผ่านไปกว่าสิบนาทีซองมินก็ยังไม่กลับมาจนคนเมาค้างเริ่มรู้สึกกังวลว่ามันจะเป็นลางไม่ดีที่รูมเมทจอมพูดมากคนนี้จะหลบหน้าหลบตาเขาหรือเปล่า แต่ไม่ปล่อยให้สมองมึนๆของคยูฮยอนได้ใช้ความคิดมากคนที่นึกถึงก็เปิดประตูเข้ามาพอดีพร้อมกับถุงหิ้วของซุปเปอร์มาเกตที่อยู่ในมือ ซองมินใช้สายตาไล่มองรูมเมทตัวสูงที่นั่งหมดสภาพอยู่บนเตียงแล้วหลุดขำออกมาก่อนจะเอาของทั้งหมดไปวางไว้บนโต๊ะ คยูฮยอนมองปฏิกิริยาทั้งหมดที่ซองมินแสดงออกแล้วก็ได้แต่ขมวดคิ้ว อยากจะคิดนู้นนี่วิเคราะห์อะไรให้มันเป็นเรื่องเป็นราวแต่ตอนนี้สมองมันตื้อคิดอะไรไม่ออก
     
                “ปวดหัวหรือเปล่า” ซองมินถามอย่างเป็นห่วงโดยไม่ได้หันไปมองคนที่ตนเองถามเลยสักนิด มัวแต่ สาละวนอยู่กับของแก้แฮงค์ที่อุตส่าห์ตื่นแต่เช้าเพื่อไปซื้อมา คิดว่ายังไงๆคยูฮยอนก็ต้องมีอาการเมาค้างแน่ๆ
     
                คนเมาค้างพยักหน้ารับแต่คนถามคงไม่สังเกตเห็น และดูเหมือนว่าซองมินเองก็ไม่ได้ต้องการจะฟังคำตอบเท่าไหร่ จัดการเอาของที่ซื้อมาวางไว้บนโต๊ะ ก่อนจะหันกลับมาหาคยูฮยอนที่ยังนั่งมึนอยู่ พอจะได้เผชิญหน้ากันตอนพอมีสติมันกลับรู้สึกเกร็งๆยังไงก็ไม่รู้
     
                “นายไปอาบน้ำแล้วอยากกินอะไรแก้เมาก็เลือกเอา ส่วนข้าวเช้าฉันก็ซื้อมาให้แล้ว กินเสร็จจะนอนก่อนแล้วค่อยไปเรียนบ่ายก็ได้ฉันจะบอกเพื่อนที่คณะนายให้ ส่วนฉันคงไปแต่เช้าน่ะ มีกิจกรรมกลุ่มต้องทำ” อธิบายให้คยูฮยอนฟังยาวเหยียดโดยพยายามไม่สบตาตรงๆ แต่คนนั่งฟังกลับเอาแต่จ้องจนสุดท้ายซองมินเลยต้องเบือนหน้าหนีไปก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าแล้วเดินไปที่ประตูห้อง รู้สึกใบหน้ามันร้อนผ่าวขึ้นมาจนต้องก้มหน้าซ่อนหน้าที่คงจะซับสีเลือดเอาไว้ เพราะสายตาของเจ้ารูมเมทตัวสูงที่จ้องมองมา มันดูมีเสน่ห์แบบที่ต่างออกไป แบบที่ตัวเขาเองก็ไม่เคยเห็นมาก่อน
     
                “งั้นฉันไปก่อนนะ” ซองมินจับที่ลูกบิดประตูแต่ยังไม่ทันได้ขยับตัวไปไหนคยูฮยอนก็เรียกรั้งไว้เสียก่อน
     
                “เดี๋ยวก่อนสิ” ร้องห้ามไว้ก่อนจะยันตัวให้ลุกขึ้นเดินไปหาซองมินที่หน้าประตู แต่เพราะอาการมึนหัวคยูฮยอนเดินเซเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว ซองมินได้แต่หลับตาปี๋เพราะคิดว่าคยูฮยอนจะพุ่งเข้ามาชนตนเอง แต่พ่อรูมเมทตัวสูงก็ใช้มือทั้งสองข้างดันประตูไว้ได้ทันก่อนที่จะชนกันให้ต้องเจ็บตัวไปเสียก่อน ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าคยูฮยอนยืนคร่อมซองมินเอาไว้
     
                “มะ มีอะไรเหรอ” ถามออกไปเสียงตะกุกตะกักแล้วต้องเบือนหน้าหนีกับสายตาที่จ้องมองอยู่ หวังว่าคยูฮยอนคงไม่อ้วกใส่เขาหรอกนะ แถมกลิ่นแอลกอฮอล์จางๆยังติดตัวคยูฮยอนอยู่เลย
     
                “ทำไมตานายบวมแบบนี้ล่ะ” คยูฮยอนยกมือขึ้นเกลี่ยที่ใต้ตาซองมินเบาๆพลางถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย
     
                “เอ่อ...อ๊ะ!” แต่ยังไม่ทันที่ซองมินจะได้ตอบแรงสั่นสะเทือนในกระเป๋ากางเกงทำให้เจ้าตัวสะดุ้งตัวก่อนจะรีบหยิบมันขึ้นมาดูเพื่อเลี่ยงจะตอบคำถามของคยูฮยอน ข้อความหนึ่งฉบับถูกส่งเข้ามาจากเบอร์แฟนสาวที่เพิ่งมีเรื่องราวบาดหมางกันไปเมื่อวาน ซองมินมองมันด้วยความหวั่นใจก่อนจะเปิดมันอ่านโดยมีสายตาคู่อีกคู่คมคอยมองดูอยู่
     
                ‘อรุณสวัสดิ์มินนี่ที่รัก ทานข้าวเช้าหรือยังเอ่ย วันนี้ตั้งใจเรียนนะคะ ซันนี่เป็นกำลังใจให้ สู้ๆค่ะ จากแฟนผู้น่ารัก’
     
                ทุกตัวอักษรที่โชว์อยู่บนหน้าจอคยูฮยอนบันทึกมันเอาในเมมโมรี่อย่างรวดเร็ว คำท้าทายที่ซันนี่พูดกับเขาเมื่อวานนี้แล่นปี๊ดขึ้นมา จนเขาต้องกดยิ้มที่มุมปากอย่างนึกสนุก ต้องการจะเล่นแบบนี้ล่ะสินะ ได้เลยซันนี่
     
                ซองมินที่อ่านข้อความจบได้แต่อ้าปากค้าง เกิดอาการงงงวยกับสิ่งที่ซันนี่กำลังทำ ใบหน้าหวานเงยขึ้นมองรูมเมทที่ยืนค้ำตัวเขาอยู่แล้วก็ต้องเม้มปากแน่นเมื่อเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ปรากฏอยู่ มันต้องมีอะไรเกิดขึ้นระหว่างสองคนนี้โดยที่เขาไม่รู้แน่ๆ
     
                “ซองมินไปกันหรือยัง”
     
    “เรียวอุกมาแล้ว ฉันไปก่อนนะ” เสียงของเรียวอุกตะโกนเรียกอยู่หน้าห้องทำให้ซองมินได้สติ จึงพยายามเบี่ยงตัวเองให้หลุดออกจากอ้อมแขนของคยูฮยอนที่ล็อกตัวเข้าไว้อยู่ แต่พ่อรูมเมทตัวสูงกลับวาดแขนโอบเอวซองมินไว้ก่อนจะใช้มืออีกข้างเปิดประตูพร้อมกับส่งร้อยยิ้มกว้างให้เรียวอุกที่รออยู่หน้าประตู
     
    ซองมินช็อคไปชั่วขณะกับการจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัวของคยูฮยอน พยายามจะหันไปอธิบายให้เรียวอุกที่ยืนอ้าปากค้างไปแล้วให้เข้าใจกับภาพที่เห็นตรงหน้า ภาพที่คยูฮยอนกำลังกอดเขาอยู่อย่างหน้าชื่นตาบาน แต่ที่เพื่อนตัวเล็กคนนี้อึ้งคงไม่ใช่แค่ภาพเหมือนคู่รักสวีทหวานตรงหน้าอย่างเดียว เพราะสภาพที่ดูโทรมผิดปกติคงทำให้เรียวอุกแปลกใจอยู่เหมือนกัน
     
    “คยูฮยอนปล่อย” ซองมินตีเข้าที่แขนของรูมเมทเข้าเต็มแรง รีบดันตัวเองให้หลุดออกจากอ้อมกอดมายืนข้างเรียวอุก ก่อนจะรีบจัดเสื้อผ้าหน้าผมให้เรียบร้อย เบือนหน้าหนีสายตาแปลกๆที่คยูฮยอนส่งมาให้พร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์นั่น เพียงเท่านี้ก็ทำให้ซองมินหน้าแดงแปร๊ดขึ้นมาอย่างง่ายดาย
     
    “คือไม่ได้อยากจะขัดหรอกนะ แต่วันนี้มีงานกลุ่มกับเพื่อนต่างสาขาเลยต้องรีบไปน่ะ ขอตัวนะ” เรียวอุกอธิบายให้คยูฮยอนฟังก่อนจะยิ้มแหยๆ รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังมาขัดความสุขชาวบ้านยังไงไม่รู้
     
    “อืมๆ ตามสบาย” คยูฮยอนพยักหน้ารับก่อนจะส่งยิ้มตบท้ายให้ซองมินแล้วปิดประตูห้องไป ที่จริงอยากจะทิ้งคำพูดหวานๆให้เสียหน่อย แต่กลัวซองมินจะอายจนไม่เป็นอันทำอะไรไปเสียก่อน
     
    “นายสองคนพัฒนามาไกลกันขนาดนี้แล้วเหรอ” เมื่อเริ่มออกเดินเรียวอุกก็ถามออกมาเสียงสูงกับสิ่งที่ตัวเองได้เห็น และตอนนี้เขาก็คิดมันไปไกลแล้วด้วย
     
    “ไม่ใช่นะไม่ใช่” คนโดนกล่าวหายกมือขึ้นปฏิเสธเต็มที่ แต่หน้าแดงๆกับอาการลนลานแบบนี้มันไม่ทำให้เพื่อนตัวเล็กเชื่อเลยสักนิด
     
    “นายสองคนมีซัมติงกันจริงๆใช่มั้ยเนี่ย” เรียวอุกไม่สนใจคำปฏิเสธของซองมินยังคงต้องข้อสันนิษฐานของตนเองต่อไป
     
    “ก็บอกแล้วไงว่าไม่ใช่ นายเข้าใจผิดแล้ว”
     
    “แสดงออกกันชัดเจนขนาดนี้อย่าปฏิเสธเลย”
     
    “ไม่ใช่นะ”
     
    “แหมๆ คบกันตั้งแต่ตอนไหนไม่เล่าให้ฉันฟังบ้างเลยนะ”
     
    “ไม่ใช่นะ เรียวอุกอ่า~”

    ....................................................................


    kr...Talk
    อันยองจ้า ไรเตอร์กลับมาแล้ว
    ตอนที่แล้วค้างกันมากไหมเนี่ย?
    เห็นทุกคนค้างแล้วไรเตอร์มีความสุขจริงๆ ฮ่าๆๆ
    แต่ไรเตอร์ก็ไม่ใจร้ายขนาดปล่อยทิ้งเป็นเดือนนะ(แต่ก็เกือบ)

    ตอนนี้คยูมินจัดเต็มเหมือนเดิมค่ะ
    ขอให้สนุกกับการอ่านและอย่าลิมเม้นนะจ๊ะ

    พรุ่งนี้ก็จะปล่อยทีเซอร์อัลบั้ม5ของเอสเจแล้ว
    ช่วยกันซัพพอร์ตพี่ๆกันเยอะๆนะ
    อย่าลิมซื้ออัลบั้ม เพื่อพี่ๆจะได้รางวัลในปีนี้มาครอง
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×