ลำดับตอนที่ #33
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #33 : Chapter 28 : ผู้เสียสละ
Chapter 28 : ผู้เสียสละ
หลังจากที่นั่งถกเถียงเรื่องของรางวัลที่ได้มากันอยู่นานผลสรุปก็ออกมาแล้วว่า ทริปเที่ยวฟรีครั้งนี้ทุกคนจะเดินทางไปสูดกลิ่นทะเลกันที่เกาะเซจูจากคะแนนโหวตเจ็ดเสียงซึ่งชนะขาดรอย ส่วนคนที่โหวตอยากไปที่อื่นได้แต่นั่งหางลู่คอตก เพราะบางคนก็อยากกลับบ้านเกิดของตัวเองโดยเฉพาะดงแฮที่นั่งหน้าบูดทำแก้มพองลมไปเรียบร้อย
“เอกฉันท์นะ ไปเกาะเซจูกัน” อีทึกที่เป็นคนนับคะแนนเอ่ยเสียงสดใสเมื่อสรุปผลเสร็จ
“ที่มกโพก็สวยนะ ไปเที่ยวนี่นั่นฉันเป็นไกด์ให้ก็ได้” ดงแฮว่าหน้าง้ำหน้างอ เค้าอุตส่าห์ดึงฮยอกแจกับเรียวอุกเข้าร่วมกลุ่มให้เลือกไปมกโพได้แล้วเชียว แต่สุดท้ายก็ยังแพ้เซจูอยู่ดี
“เอาไว้ครั้งหน้าแล้วกันนะ” คิบอมหันไปปลอบรูมเมทขี้อ้อนของตน พลางลูบผมนุ่มๆเล่น ทำให้ดงแฮหันมาส่งสายตางอนๆใส่
“ไม่ต้องมาพูดเลยทำไมคิบอมไม่เลือกมกโพเหมือนฉันล่ะ”
“เอาไว้ปิดเทอมแล้วเราค่อยไปกันนะ” ก้มลงไปกระซิบข้างหูแล้วยิ้มหวานให้ ไม่ใช่ว่าคิบอมไม่อยากไปมกโพ แต่ถึงช่วยดงแฮโหวตยังไงก็ชนะเสียงส่วนมากไม่ได้อยู่ดี เขาเลยเลือกไปเซจูที่ที่เขาก็อยากไปมากๆเหมือนกัน
“แล้วอย่าลืมคำพูดล่ะ” ดงแฮตอบกลับเสียงเรียบ สายตาจ้องคนตรงหน้าบ่งบอกให้รู้ว่ายังงอนอยู่ ถ้าวันนั้นมาถึงแล้วคิบอมไม่ทำตามล่ะก็ เขาจะงอนไปร้อยชาติเลยคอยดู
“ครับๆ” คิบอมยิ้มรับตาหยี เขาไม่มีวันผิดคำพูดกับดงแฮอยู่แล้ว
อีกด้านหนึ่งของโต๊ะซึ่งโดนคนทั้งสิบสี่คนล้อมเอาไว้ ฮีชอลเองก็นั่งหน้าบูดไม่แพ้กัน เพราะเขาเลือกจะไปปูซานและมีชินดงเห็นด้วยแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น แต่คนที่เลือกได้โดดเด่นกว่าเพื่อนคงหนีไม่พ้นฮันคยอง
“ไอ้ฮัน เลือกจีนกะจะกลับไปอยู่บ้านเกิดเลยหรือไงวะ” ซีวอนที่ดึงใบสรุปผลจากมืออีทึกมาดู อ่านแล้วก็หัวเราะชอบใจเพื่อนรักที่เลือกได้แปลกแหวกแนวกว่าใครเพื่อน อยู่จีนมาแต่เล็กจนโต ได้มาเรียนเกาหลียังจะเลือกกลับไปเที่ยวจีนอีก แทนที่จะเที่ยวเกาหลีให้คุ้มก่อนจะต้องกลับไปที่จีนหลังเรียนจบ
“ก็คนมันคิดถึงบ้านนี่หว่า” ฮันคยองตอบกลับด้วยน้ำเสียงเซ็งๆ ก็นึกว่าเสนอไปแล้วเพื่อนจะเลือกตาม เผื่อจะมีใครอยากไปเที่ยวต่างประเทศบ้าง แต่เขาคงลืมไปว่างบที่ได้มามันไม่เยอะขนาดนั้น
“ต่อไปเป็นเรื่องสำคัญแล้วนะ รู้อยู่แล้วใช่มั้ยว่ารางวัลที่ได้มีแค่สิบสองที่นั่งแต่เพื่อนเรามีสิบสี่คน เพราะฉะนั้นจะมีสองคนที่ต้องออกค่าใช้จ่ายเอง” สิ้นเสียงเรียวอุกทุกคนก็โห่ร้องออกมา ก็ใครอยากจะออกค่าใช้จ่ายเองกันล่ะ
“อย่าเพิ่งตกใจ คือคนที่แสดงแน่นอนว่าได้สิทธิ์ฟรีอยู่แล้ว งานนี้พวกที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับรางวัลเท่านั้นที่ต้องลุ้นกัน ซึ่งคนกลุ่มนั้นก็คือ ฮันคยอง เยซอง คังอิน ซีวอน คิบอมแล้วก็คยูฮยอน” ได้ยินรายชื่อตัวเองที่เรียวอุกเอ่ยออกมาทุกคนต่างทำหน้าเซ็งไปตามๆกัน จะเถียงอะไรก็ไม่ได้เสียด้วยเพราะพวกเขาไม่มีส่วนที่ทำให้ได้รางวัลมาจริงๆ สุดท้ายแล้วคงต้องยอมรับชะตากรรมกันไป
“แล้วจะรู้ได้ไงว่าใครได้ไม่ได้” คังอินถามสีหน้ามีความหวัง ก็ถ้าเผื่อรู้วิธีที่จะใช้เลือกคนที่ไม่มีสิทธิ์เที่ยวฟรี เขาจะได้เตรียมวิธีโกงได้ทัน
“ก็ไม่ยาก ใครจับตะเกียบที่มีสีแดงติดอยู่ที่ปลายด้ามได้ คนนั้นก็ออกเอง” เรียวอุกอธิบายพร้อมหยิบตะเกียบที่เตรียมไว้แล้วออกมา เหล่าผู้ลุ้นรางวัลต่างพากันจ้องเขม็งหาสัญลักษณ์โดดเด่นให้เห็นว่าตะเกียบอันไหนมีปลายสีแดงหรือไม่มี แต่มันก็เท่านั้นเมื่อเรียวอุกรู้ทันอยู่แล้วว่าทุกคนต้องหาวิธีโกงเลยใช้สองมือกำทั้งหัวและปลายไว้เสียมิด ใครมองมาก็เห็นแค่ส่วนตรงกลางเท่านั้น
“มีข้อเสนออีกอย่างด้วยนะ เพราะงานนี้เราไม่บังคับ ถ้าใครจับได้แล้วต้องออกเองจะไม่ไปก็ได้” เรียวอุกบอกพลางยิ้มตาหยี แต่ความจริงก็อยากให้เพื่อนๆไปกันทุกคน แต่ทำไงได้ ถ้าเงินทองมันไม่เอื้ออำนวย
ผู้เข้าแข่งขันทุกคนพยักหน้ารับแข็งขัน ใครบ้างล่ะจะไม่อยากไป ถึงยังไงก็ต้องลองเสี่ยงโชคดูก่อน ทริปนี้ไปกันเป็นสิบคน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันจะสนุกแค่ไหน
ก่อนเริ่มการจับฉลากต่างคนต่างหาที่พึ่งทางจิตใจกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายกันเสียยกใหญ่ โดยเฉพาะเยซองที่พึมพำถึงแต่ชื่อรุ่นพี่ผียุนโฮกับแจจุงที่เคยมาช่วยบอกข้อสอบเขาคราวนั้น แต่คราวนี้เรียกแล้วไม่รู้จะมากันหรือเปล่า
“มีอะไรเหรอเยซอง เรียกซะดังเชียว”
“เฮ้ย!” เสียงที่กระซิบอยู่ข้างหูทำเอาเยซองสะดุ้งตัวโหยง จะไม่ให้ตกใจได้ยังไงกันล่ะ ก็ยุนโฮกับแจจุงดันเล่นโผล่มาขนาบข้างแบบนี้
“เยซองเป็นอะไร จะแอบดูเหรอ” เรียวอุกที่กำลังเตรียมตะเกียบให้พร้อมหันมาถามตาขวาง ถึงแม้จะเป็นรูมเมทกันแต่ถ้าคิดจะแอบดูเขาจะปรับแพ้ให้จ่ายเองไปเลย
“เปล่าครับเปล่า” รีบโบกมือปฏิเสธเป็นพัลวันพลางถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเรียวอุกหันกลับไป
เยซองหันกลับมาหายุนโฮกับแจจุงที่นั่งยิ้มหวานให้อยู่ แต่ถึงแม้จะเจอกันบ่อยยังไง รอยยิ้มของคนที่ไม่ใช่คน ดูกี่ครั้งก็ยังสยองอยู่ดี
“คงมีอะไรให้ช่วยอีกล่ะสิ” ยุนโฮบอกอย่างรู้ทัน ถ้าไม่มีเรื่องคงไม่มีใครอยากเจอผีอย่างเขาหรอก
เนื่องจากงานนี้พูดออกเสียงไม่ได้ เยซองเลยใช้การสื่อออกมาเป็นความคิดแทน สายตาที่แนวแน่จ้องลึกลงไปในดวงตาของยุนโฮ ยังไงงานนี้เขาก็ต้องไปฟรีให้ได้
“อ๋อ! เรื่องแค่นี้เองเดี๋ยวจัดการให้” ยุนโฮร้องออกมาเสียงดังเมื่อรับรู้ความคิดของเยซองก่อนจะพาแจจุงเดินไปนั่งตรงหน้าเรียวอุกเพื่อแอบดูตนตัวเล็กที่จัดเรียงตะเกือบให้เพื่อนๆจับ
“แจจ๋า ฝากนั่งดูไปก่อนนะจ๊ะ ผมขอไปทำข้อตกลงอะไรกับเยซองนิดหน่อย” เอ่ยขออนุญาตกับภรรยาก่อนยุนโฮจะกลับเข้าไปหาเยซองอีกครั้ง
“โอเคนะ” เยซองถามเป็นความคิดเพื่อความแน่ใจว่างานนี้เขาต้องได้ไปฟรีชัวร์ๆ
“โอเคๆ แต่ฉันมีข้อแลกเปลี่ยนกับนายหนึ่งข้อ ถ้าตกลงฉันถึงจะบอกนาย” ยุนโฮขอแลกข้อเสนอ ที่ผ่านมาเขาช่วยเยซองโดยไม่อยากได้ค่าตอบแทนอะไร แต่คราวนี้เขาอยากจะทำเพื่อแจจุงของเขา ก่อนที่เราจะไปเกิดใหม่ อีกไม่นานตำนานผีคู่รักคงจะหายไปจากหอแห่งนี้แล้ว
“ข้อแลกเปลี่ยนอะไรล่ะ”
“ฉันขอยังไม่บอกแล้วกัน แต่รับรองว่ามันไม่ทำให้นายเดือดร้อนอย่างแน่นอน ถ้านายตกลงแลกฉันถึงจะบอกนาย”
“ก็ได้” นั่งคิดอยู่นานกว่าเยซองจะตอบตกลง ในเมื่อมันไม่ทำให้เขาเดือดร้อนคงไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาต้องปฏิเสธแล้วต้องเอาดวงซวยๆของตัวเองเข้าแลกกับการลุ้นไปเที่ยวฟรีครั้งนี้
“งั้นรอหยิบตะเกียบอันที่ฉันบอกได้เลย” ยุนโฮบอกอย่างอารมณ์ดีพลางยิ้มตาหยีก่อนจะเดินเข้าไปหาแจจุงที่ยังคงจ้องเรียวอุกไม่เลิก
เยซองเห็นภาพตรงหน้าแล้วก็ขนลุกแปลกๆ ถ้าเกิดเรียวอุกรู้ว่าตอนนี้มีใครมานั่งจ้องอยู่ล่ะก็คงสลบเหมือดคาโต๊ะเป็นแน่
ด้านฮันคยองเองก็อยากได้สิทธิ์เที่ยวฟรีนี้ไม่แพ้ใคร หันซ้ายแลขวา นั่งคิดวิธีโกงก็แล้ว นั่งจ้องตะเกียบในมือเรียวอุกก็แล้ว แต่ดูเหมือนสวรรค์จะไม่เข้าข้างคนอยากโกงอย่างเขาเลยแม้แต่นิด รู้สึกมืดมนหนทางสงสัยคงต้องพึ่งดวงตัวเองอย่างเดียว
“เอาไอ้นี่มั้ย” ฮยอกแจเห็นท่าทางคิดหนักของฮันคยองเลยหยิบปากกาแท่งหนึ่งขึ้นมาแล้วยื่นไปให้ คิดว่าบางทีฮันคยองอาจจะอยากได้ก็ได้
“ปากกา? เอามาให้ทำไม” ฮันคยองถามสีหน้างงงวย คนกำลังจะวัดดวงแล้วยื่นปากกามาให้เพื่อ?
“ก็มันเป็นปากากพระคาถาชินบัญชรไง ที่ฉันใช้สอบคราวก่อนอ่ะ” วางปากกาไว้บนโต๊ะแล้วอธิบายเพิ่มเติม ความจริงเขาก็ไม่รู้หรอกว่าจะมีการเสี่ยงดวงอะไรแบบนี้นึกว่าจะเรียกลงมาคุยเรื่องสถานที่ไปเที่ยวกันเฉยๆ แต่มันดันหยิบติดมือมาเพราะก่อนจะลงมาเขากำลังลอกงานเพื่อนอยู่โดยใช้ปากกาแท่งนี้แหละ
“เชื่อได้เหรอ นายใช้สอบยังตกเลย” ฮันคยองมองเจ้าปากกาแท่งนั้นอย่างหวาดๆ ถ้าเกิดเขาใช้แล้วมันดันไม่ได้ขึ้นมาสู้ใช้ดวงตัวเองเพรียวๆดีกว่า ถ้าไม่ได้ยังน่าภูมิใจกว่ากันเยอะ
“ก็แค่ถาม คนอุตส่าห์หวังดีอยากให้ได้ไปเที่ยวด้วยกันฟรีๆ” ฮยอกแจว่าปากยื่นปากยาวพลางเก็บปากกาของตนเข้าที่เดิม ก็แค่คิดว่าฮันคยองใช้แล้วอาจจะมีดวงมากกว่าเขาที่นับถือศาสนาคริสต์ก็ได้ แต่ดันมาพูดเรื่องสอบให้เจ็บใจเล่นซะงั้น
“ยังไงก็ขอบคุณนะ” หันไปบอกพลางยิ้มน้อยๆให้ เพราะดูเหมือนรูมเมทเขาจะทำท่างอนไปเสียแล้ว
“อืม” ฮยอกแจหันมาจ้องหน้าฮันคยองกลับด้วยสีหน้าเรียบๆ อย่างฝืนใจทำเต็มที เพราะในใจเขาตอนนี้มันกำลังยิ้มร่าเลยนะสิ อย่างน้อยก็ได้ยินคำว่าคุณขอบจากคนที่ปฏิเสธความหวังดีจากเขาล่ะนะ
“พร้อมแล้วนะ” เรียวอุกเตรียมตัวเสร็จเรียบร้อยยื่นตะเกียบออกมากลางวงโดยที่มือเล็กกำส่วนปลายเอาไว้แน่นจะได้ไม่มีใครมองเห็นว่าอันไหนมีสีแดงหรือไม่มี
“ให้จับทีละคนหรือพร้อมกัน” ซีวอนถามพร้อมท่าเตรียมพร้อมจู่โจม ถึงบ้านจะรวยแต่ถ้าได้ฟรีมันก็ดีไม่น้อยเลย
“ทีละคนดีกว่านะ น้อยออกเอาแล้วกัน เสี่ยงดวงกันเป็นรอบไปเลย” เรียวอุกเสนอซึ่งทุกคนก็พยักหน้ารับทราบ เพราะถ้าเกิดให้รุมเข้าไปพร้อมกันมันคงวุ่นวายน่าดู อีกอย่างมันไม่ค่อยลุ้นเท่าไหร่ สู้ดูสีหน้าตอนที่จับตะเกียบแล้วค่อยๆดึงออกมาแล้วลุ้น มันน่าสนุกกว่ากันเยอะ
เหล่าผู้ลุ้นรางวัลทั้งหกคนยื่นมือออกมากลางวง สายตาจ้องกันเหมือนเป็นศัตรูกันมาแต่ชาติปางไหน เรื่องของฟรีนี้มันไม่เข้าใครออกใครจริงๆ
“โอน้อย~ ออก” เมื่อสิ้นเสียงของแทมินที่เป็นคนให้สัญญาณ ต่างคนก็ต่างออกสัญลักษณ์ขาวดำ ทั้งกลุ่มจ้องมองหาคนที่ออกไม่เหมือนเพื่อนที่จะได้จับตะเกียบเป็นคนแรก
ออกไปออกมากันเกือบสิบครั้งกว่าจะได้ลำดับของที่จะได้จับฉลากก่อนหลัง โดยผลสรุปออกมาแล้วว่า คังอินคนที่หนึ่ง คยูฮยอนคนที่สอง เยซองคนที่สาม ซีวอนคนที่สี่ และฮันคยองกับคิบอมจับพร้อมกันเป็นคู่สุดท้าย
คังอินยื่นมือไปจับตะเกียบที่เรียวอุกถืออยู่ด้วยใจตุ๊มๆต่อมๆ อันไหนดีๆ ตะเกียบมีอยู่หกอัน ฟรีตั้งสี่ ไม่ฟรีแค่สอง เขาคงไม่ดวงซวยขนาดนั้นหรอกมั้ง คิดได้ดังนั้นคังอินก็จับเข้าที่ปลายตะเกียบที่อยู่ตรงกลาง ก่อนจะค่อยๆดึงออกมาช้าๆด้วยความลุ้นระทึกว่าเงินจะต้องลอยออกจากกระเป๋าไหมนะงานนี้
ด้ามตะเกียบพลาสติกสีนวลค่อยๆโผล่พ้นมือเรียวเล็กออกมา คังอินจ้องมันตาไม่กระพริบ แต่แล้วใจก็หล่นวูบไปอยู่ตาตุ่มเมื่อเห็นสีแดงแวบๆโผล่ออกมาเมื่อดึงออกมาเกือบสุดด้าม
“เฮ้ยๆ คังอินทำอะไรอ่ะอย่าขี้โกง!” เสียงซีวอนทักขึ้นทันทีเมื่ออยู่ๆคังอินก็ดันตะเกียบกลับเข้าไปที่เดิม ทั้งที่ปลายด้ามมันโผล่ออกมาแล้วนิดนึง
“เล่นขี้โกงเหรอ ปรับแพ้!” เรียวอุกชักมือที่ถือตะเกือบอยู่กลับมาทันที ดึงตะเกียบอันที่คังอินเลือกเมื่อกี้ขึ้นมาแล้วเคาะไปที่ศีรษะเพื่อนหนึ่งทีข้อหาทำผิดกติกา
“โห~ ไรอ่ะ” คังอินว่าหน้าง้ำหน้างอ ปากขมุบขมิบโทษนู้นโทษนี่ไปเรื่อยเปื่อย คังอินนะคังอินซวยจริงๆเลย
“ไม่ต้องมาโหอะไรเลย ยังไงนายก็อดไปฟรีอยู่ดี” เรียวอุกชูตะเกียบที่คังอินเลือกขึ้นมาซึ่งมีสีแดงติดอยู่ที่ปลาย ทำเอาผู้ร่วมลุ้นคนที่เหลือร้องเฮไปตามๆกัน เหลือตะเกียบพาซวยอีกแค่อันเดียวเท่านั้น
คนที่สองที่จะได้ทำการเสี่ยงโชคคือคยูฮยอน สายตาคมจ้องมองตะเกียบทั้งห้าอันที่อยู่ในมืออย่างลังเล ถ้าครั้งนี้เขาจับได้สีแดงคนที่เหลือคงได้เฮ ลาภลอยไปหาฟรีแบบไม่ต้องเสี่ยงโชค เพราะฉะนั้นเขาจะไม่ให้มันเป็นแบบนั้นเด็ดขาด
คยูฮยอนจับที่ตะเกียบอันซ้ายสุด จับได้ก็ดึงขึ้นมาอย่างไม่รอช้า ตะเกียบที่นวลลอยเด่นอยู่ตรงหน้า คยูฮยอนเหยียดยิ้มกว้างให้กับความโชคดีของตนเองแต่คงไม่เท่ารูมเมทจอมพูดมากที่บัดนี้กระโดดเข้ามากอดเขาเป็นที่เรียบร้อย
“เย้ๆๆ” ซองมินกอดคยูฮยอนไป ปากก็ร้องไปแถมยังกระโดดไปด้วย ดูท่าแล้วดีใจกว่าคนจับเสียอีก
“ฉันเป็นคนจับนะ นายไม่ต้องดีใจขนาดนั้นก็ได้”
“ก็มันลุ้นอ่ะ” ตอบกลับมาแล้วยิ้มแหยๆ ซองมินรีบปล่อยมือที่กอดคยูฮยอนอยู่แล้วกลับไปนั่งที่ตัวเองทันที เพราะสายตาจับผิดของเพื่อนๆที่มองมาทำเอาอยากจะวิ่งหนีขึ้นห้องให้ได้ ได้โปรดอย่ามีใครแซวอะไรออกมาเลยนะ
“แหมๆ เป็นแฟนกันจะดีใจแทนมันก็ไม่แปลกหรอก” แต่ดูเหมือนคำขอของซองมินจะไม่เป็นผลเมื่ออีทึกเอ่ยแซวออกมาเสียดังลั่นก่อนจะหัวเราะออกมา ส่วนเพื่อนที่เหลือนั่งอมยิ้มมองดูท่าทางเขินๆของซองมิน ดูแล้วมันน่ารักดี
“เป็นแฟนที่ไหนกันเล่า” ซองมินบ่นอุบอิบอยู่คนเดียวไม่กล้าเถียงกลับไปเพราะดีไม่ดีจะโดนแซวหนักกว่าเดิม
ส่วนคยูฮยอนนั้นก็เอาแต่ปั้นหน้านิ่งนั่งลงที่ตัวเองอย่างไม่สนใจใคร ไม่ใช่ว่าไม่เขินแต่ไม่อยากแสดงออกมากเดี๋ยวจะยิ่งโดนแซวไปกันใหญ่ อยากรู้จริงๆว่าถ้าเกิดเขากับซองมินเป็นแฟนกันขึ้นมายังจะแซวกันอยู่อีกไหม
“คนต่อไปเยซอง” เรียกเอ่ยเรียกรูมเมทตัวเองซึ่งยักคิ้วกลับมาให้ด้วยความมั่นใจเต็มร้อย คนตัวเล็กเองก็ยิ้มกลับ ถ้าเกิดเลือกไม่ถูกขึ้นมาจะหัวเราะเยาะให้
เยซองส่งสายตาหายุนโฮกับแจจุงที่ยืนอยู่ด้านหลังเรียวอุกเหมือนกำลังปรึกษาอะไรกันอยู่สักอย่าง ก่อนสองผีคู่รักจะหันมายิ้มให้ตาหยีทั้งคู่
“อันนี้ๆ” ยุนโฮชี้ไปที่ตะเกียบข้างขวา
“อันนี้” แต่แจจุงกลับชี้ตะเกียบข้างซ้าย
เวรกรรม! แล้วตกลงมันอันไหนกันล่ะเนี่ย
“เอ่อ...” เยซองเกิดอาการอึกอักทันทีเมื่อได้คำตอบก่อนจะเงยหน้ามองรุ่นพี่ผีคู่รักที่ส่งยิ้มแห้งๆมาให้ นี่จะมาช่วยเขาให้เลือกถูกหรือมาป่วนให้งงกันแน่
เจอสายตาพิฆาตจากเยซอง ยุนโฮกับแจจุงจึงรีบหันกลับไปปรึกษากันทันที เพราะถ้าเกิดงานนี้บอกไม่ถูก ข้อแลกเปลี่ยนที่จะได้รับก็อดกันพอดี
“อันนี้ มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์” คราวนี้สองสามีภรรยามีความเห็นที่ตรงกันโดยทั้งคู่ชี้ไปที่ตะเกียบที่อยู่ตรงกลาง เยซองได้แต่ส่งสายตาหวั่นๆกลับไปให้ มันยังไงกันล่ะเนี่ย รอบแรกเลือกซ้ายกับขวาแต่ตอนนี้เลือกตรงกลางเสียอย่างนั้น แล้วเขาจะเชื่อได้สักแค่ไหน
“เลือกได้แล้ว” เพราะเห็นเยซองเอาแต่จ้องเรียวอุกเลยต้องเร่งให้หยิบ ไม่รู้จะคิดมากอะไรขนาดนั้น
“เอาว่ะ” เยซองยื่นมือไปจับตะเกียบที่อยู่ตรงกลาง ยอมเชื่อยุนโฮกับแจจุง แต่ถ้าไม่ถูกล่ะก็ เสียผีกันแน่ๆ
“โชคดีแฮะ” ตะเกียบที่เยซองจับออกมาได้ไม่มีสีแดงติดอยู่ที่ปลาย เรียวอุกเห็นแล้วจึงเอ่ยกับรูมเมทที่มองอย่างดีอกดีใจเช่นกัน
“ขอบคุณครับขอบคุณ” เยซองลุกขึ้นโค้งงามๆให้กับผีคู่รักที่อุตส่าห์มาช่วยเขาในครั้งนี้
“จะขอบคุณทำไมเยซอง” เรียวอุกถามสีหน้างงเมื่ออยู่ๆเยซองก็ลุกขึ้นโค้งให้ตัวเองเสียอย่างนั้น ไม่ได้รู้เลยว่าด้านหลังตัวเองนั้นมีสิ่งเหนือธรรมชาติซ่อนอยู่
เยซองไม่ตอบอะไรแต่ยิ้มจนตาเป็นขีด หย่อนตัวลงนั่งที่เดิมอย่างอารมณ์ดีและไม่วายหันไปยักคิ้วกวนๆให้คังอินที่พลาดโอกาสเที่ยวฟรี จนคังอินทนไม่ไหวต้องชี้หน้าคาดโทษไว้เสียหน่อย แค่ได้เที่ยวฟรีทำเป็นเหลิง ไปถึงเซจูถ้าเผลอเมื่อไหร่จะแกล้งให้อ่วมเลย
“อย่าลืมที่ตกลงกันนะ แล้วพวกฉันจะกลับมาทวงสัญญา” พูดจบยุนโฮกับแจจุงก็หายตัวไปทันที เยซองสะดุ้งเล็กน้อยเพราะความไม่ชิน จะไปก็อยากให้ไปเหมือนคนธรรมดาเขาหน่อยไม่ใช่หายไปต่อหน้าต่อตาแบบนี้ เห็นแล้วมันสยองเหมือนโดนผีหลอก
รอดจากการเสียเงินแต่เยซองกลับต้องมานั่งกลุ้มใจเรื่องข้อแลกเปลี่ยน เพราะไม่รู้ว่าสองรุ่นพี่ผีคู่รักจะขออะไร แล้วถึงตอนนั้นเขายังจะเต็มใจให้หรือเปล่า แต่ถ้าขืนไม่ให้คงโดนหักคอตายเป็นแน่แท้ ก็ดูคำพูดที่ทิ้งไว้ก่อนไปสิ จงภูมิใจไว้เถิดเยซองเอ๋ย ชาตินี้เกิดมาเจอผีมาทวงสัญญา คงเป็นเวรเป็นกรรมที่สร้างร่วมกันไว้แต่ชาติปางก่อน
ผู้ร่วมลุ้นรายต่อมาคือซีวอน ท่าทางนั้นดูนิ่งๆสบายๆ ถ้าจับไม่ได้ก็ถือว่าดวงซวยเพราะถึงยังไงเขาก็มีปัญญาจ่ายอยู่แล้ว หรือจะออกให้อีกกี่คนก็ยังไหว แต่คราวนี้มีของฟรีมารอตรงหน้าคงต้องคว้าเอาไว้ให้ได้ สู้เก็บงบไว้ซื้อแหวนวงงามๆไว้หมั้นภรรยาในอนาคตจะดีกว่า
ซีวอนเลือกหยิบขึ้นมาหนึ่งอันโดยไม่หวังอะไรมาก และพระเจ้าก็มักจะเข้าข้างคนแบบนี้เสมอ เมื่อตะเกียบที่หยิบออกมาได้นั้นสะอาดไม่มีรอยสีแดงๆที่ปลายให้สองคนที่เหลือช้ำใจกันเล่นๆ
และแล้วก็มาถึงผู้ท้าชิงสองคนสุดท้าย ฮันคยองกับคิบอมหันไปยิ้มให้กันอย่างเป็นมิตร ไม่ใช่รอยยิ้มที่เสแสร้งแต่ทั้งคู่ไม่ได้คิดจะแข่งขันอะไรกันจริงจัง ของแบบนี้มันขึ้นอยู่กับดวงไม่ใช่ฝีมือ ใครได้ก็ถือว่าโชคดี ใครชวดก็ออกเงินเองแค่นั้น
“เข้ามาจับพร้อมกันนะ” สิ้นเสียงของเรียวอุก ฮันคยองกับคิบอมก็ยื่นมือไปจับตะเกียบไว้คนละอัน โดยคิบอมเลือกฝั่งขวาที่ตนเองนั่งอยู่ และฮันคยองเลือกฝั่งซ้ายที่ตนนั่งอยู่เช่นกัน
เมื่อทั้งสองจับตะเกียบไว้เรียบร้อยเรียวอุกจึงปล่อยมือที่กำอยู่ออก ทุกคนในกลุ่มมองอย่างสนอกสนใจ หนึ่งในสองคนนี้ใครกันนะจะได้เป็นเพื่อนคังอิน
“อ่า~ คิบอมโชคร้ายจัง” ดงแฮว่าหน้างออีกครั้งเมื่อรูมเมทตัวเองจับได้ตะเกียบปลายแดง ทำไมคิบอมถึงโชคร้ายแบบนี้ล่ะ
“ไม่เห็นเป็นอะไรเลย” คิบอมวางตะเกียบลงที่เดิมแล้วหันไปหารูมเมทขี้อ้อนแทน
ท่าทางกุ๊กๆกิ๊กๆ ของรูมเมทคู่นี้ทำเอาเพื่อนๆมองแล้วอดยิ้มตามด้วยไม่ได้ จะเว้นก็แต่ซองมินที่นั่งทำหน้าบูด ทีคิบอมกับดงแฮทำท่าทางเหมือนแฟนกันไม่เห็นมีใครล้อแต่ทำไมถึงแซวเขากับคยูฮยอนกันหนักหนา เห็นเขาเป็นคนน่าแกล้งนักหรือไงกันนะ
“เป็นไง พกดวงไปเต็มที่ไม่เห็นต้องพึ่งคาถานายเลย” ฮันคยองบอกฮบอกแจอย่างกวนอารมณ์ ท่าทางที่ดูอารมณ์ดีอย่างหน้าหมั่นไส้ ทำเอาฮยอกแจต้องเบือนหน้าหนีก่อนจะเกิดการปะทะคารมขึ้นเสียก่อน
“เออ พ่อคนดวงดี” บ่นพึมพำกับตัวเอง แต่ฮันคยองที่นั่งลงข้างๆก็ยังได้ยินอยู่ดี พ่อหนุ่มจีนลอบยิ้มบางๆด้วยอารมณ์สุนทรี นี่แหละหนาความสุขของคนที่ได้อะไรมาฟรีๆ
“คังอินกับคิบอมยังจะไปกับพวกเราอยู่ใช่มั้ย” ชินดงถามเพื่อนเพื่อความแน่ใจ ถึงจะรู้คำตอบอยู่ก่อนแล้วก็ตาม เพราะอย่างคังอินคงไม่ปล่อยให้อีทึกไปคนเดียว และคิบอม รายนั้นติดดงแฮอย่างกับอะไรดี ไปไหนคงไปกันอยู่แล้ว
“ก็แหงสิ” คังอินโผลงออกมาเสียงดัง อีทึกไปแล้วเขาจะไม่ไปได้ไง ถึงค่าใช้จ่ายมันจะเยอะพอดี แต่เขาก็มีปัญญาจ่ายเหมือนกัน
“อืม” ส่วนคิบอมเพียงแค่พยักหน้าตอบรับ ไม่ได้ดูเดือดเนื้อร้อนใจเหมือนอย่างคังอิน
“งั้นวันนี้เราไปฉลองที่ได้รับรางวัลกันดีมั้ย ไปคาราโอเกะกัน นะๆ” ดงแฮเอ่ยชวนด้วยน้ำเสียงออดอ้อนตามแบบฉบับ พร้อมใบหน้าน่ารักที่ส่งสายตาวิ้งๆให้เพื่อนตกลงรับคำชวนของตน
“ไปก็ได้มั้ง กลับซักทุ่มสองทุ่ม” ฮีชอลยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู ถ้าไปตอนนี้กว่าจะถึงเวลาหอปิดก็อีกหลายชั่วโมง ไปเที่ยวกันหน่อยคงไม่เป็นไร
และสุดท้ายทุกคนก็ตกลงในคำชวน แยกย้ายกันขึ้นไปเอาของก่อนจะลงมารวมตัวกันภายในห้านาทีและออกเดินทาง
“รู้สึกว่าพวกเราจะเที่ยวบ่อยนะเนี่ย” ชินดงที่เดินรั้งท้ายกลุ่มเพื่อนๆ กับแทมินพูดขึ้นมาลอยๆ
“เอาน่าชีวิตเด็กมหาลัย เรียนบ้าง เที่ยวบ้างควบคู่กันไปเดี๋ยวก็เรียนจบ” แทมินหันไปบอกชินดงแล้วยิ้มน่ารัก ช่วงเวลาวัยรุ่นเหลืออีกไม่กี่ปี เล่นให้สนุก เที่ยวให้คุ้ม ใช้ชีวิตแบบที่เราต้องการ จะได้คุ้มค่ากับหนึ่งชีวิตที่ได้เกิดมา
-------------------------------------
kr...Talk
สวัสดีจ้าเพื่อนๆ คิดถึงจังเลย
หลังจากที่ห่างหายกันไปนาน ตั้งแต่งานฟิค
สำหรับคนที่ไม่ได้ซื้อหนังสือไม่ต้องกลัวนะว่าจะไม่อัพให้
อย่างไงก็ต้องอัพอยู่แล้ว แต่ก็จะไม่มีอะไรตัดหรือเปลี่ยนแปลงจากหนังสือแน่
เนื่องจากมีคนรอคอยมานาน
วันนี้ก็จะขออัพให้2ตอนติดเลยแล้วกัน
อ่านให้จุใจนะจ๊ะทุกคน
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น