คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #26 : Chapter 23 : ก่อนงานเริ่ม
Chapter 23 : ก่อนงานเริ่ม
ประตูห้องพักถูกเปิดออกก่อนที่เจ้าของห้องทั้งสองคนจะเดินเข้ามาภายใน สวิตซ์ไฟที่ผนังห้องถูกเปิดขึ้นทำให้ห้องทั้งห้องสว่างขึ้นในเวลาต่อมา แรงสั่นสะเทือนที่อยู่ภายในกระเป๋ากางเกงมันเริ่มขึ้นอีกครั้งหลังจากที่ซองมินพยายามไม่สนใจมันเพราะติดประชุมของรุ่นพี่เมื่อกี้นี้
และเมื่อหยิบโทรศัพท์มือถืออกมาสายมันก็ตัดไปเสียแล้ว ซองมินจึงกดดูเบอร์ของคนที่โทรมาก่อนจะโทรกลับและเดินไปล้มตัวลงนอนที่เตียงของตัวเอง
“ซันนี่เหรอ ว่าไง” เมื่อปลายสายรับซองมินก็เอ่ยถามออกไปเสียงใส และมันก็ทำให้อีกคนที่เพิ่งยืนอยู่ตรงหน้าประตูเลิกคิ้วสูงขึ้นมาทันที
“มาถึงห้องก็ต้องโทรหากันเลยหรือไง” คยูฮยอนบ่นพึมพำก่อนจะเดินเข้ามาในห้องหย่อนตัวนั่งลงบนขอบเตียงของตัวเอง แม้ว่าเขาคิดจะซักไซ้เอาความจริงเรื่องที่คบกับซันนี่แต่พอเจอซองมินจริงๆกลับโดนเจ้ารูมเมทจอมพูดมากคนนี้ตัดหน้าสารภาพออกมาซะก่อนว่าคบกันแล้ว อยากรู้ว่าจะจริงจังกันได้นานแค่ไหนเชียว
เสียงหัวเราะพูดคุยดังออกมาเป็นระยะขณะที่คยูฮยอนก็ทำเป็นหูทวนลมไม่สนใจ สายตาจับจ้องไปที่ทีวีซึ่งหนังรอบค่ำกำลังฉายอยู่ แต่จริงๆแล้วนั้นคำพูดที่หลุดออกมาจากปากซองมินมันลอยเข้าหูคยูฮยอนชัดทุกคำ แถมยังท่าทางเขินอายนั่นอีก ดูแล้วมันน่าหมั่นไส้จริงๆ
“แล้วเราจะเอายังไงเรื่องชุดดี” คยูฮยอนพูดแทรกขึ้นเมื่อเห็นซองมินเงียบเหมือนกับว่ากำลังฟังซันนี่พูดอะไรบางอย่างอยู่
“หือ?” คนที่ไม่ได้สนใจฟังนักหันมาเลิกคิ้วใส่
“เรื่องชุดไปงานปาร์ตี้เราจะใส่ชุดอะไรไปดี” คยูฮยอนทวนคำให้อีกครั้ง แต่น้ำเสียงกลับฟังดูหงุดหงิดชอบกล เขารู้สึกว่าไม่ค่อยจะชอบใจตั้งแต่ที่รู้ว่าทั้งสองคนคบกันแล้ว
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แถมตอนนี้ก็คิดไม่ออกด้วย ฉันยกให้นายจัดการเรื่องนี้เลยก็แล้วกันนะ....อ๋อ เปล่าหรอก เรื่องงานปาร์ตี้ที่หอน่ะ” พูดจบซองมินก็กลับไปคุยโทรศัพท์ต่อไม่ได้สนใจรูมเมทของตัวเองเลยแม้แต่นิดว่าตอนนี้อยู่ในอารมณ์ไหนแล้ว
คยูฮยอนพ่นลมหายใจออกมายาวพรืด ตอนนี้ชักจะเริ่มมีอารมณ์โมโหขึ้นมาบ้างแล้วที่ซองมินดูเหมือนจะไม่สนใจเรื่องที่เขาถามเลยซักนิด หรือว่าเขาจะถามผิดเวลากัน
“ให้แทนตัวเองว่ามินนี่เหรอ มันจะดีเหรอซันนี่” น้ำเสียงที่ดูประหม่าของซองมินดังขึ้นมาเบาๆเรียกความสนใจจากคยูฮยอนได้เป็นอย่างดี คนเป็นแฟนกันเค้าก็ต้องมีอะไรกุ๊กกิ๊กแบบนี้สินะ
“โอเคครับ...แล้วซันนี่ทำไมยังไม่ไปทานข้าวอีกล่ะครับ...มินนี่ทานเรียบร้อยแล้วครับ....ครับ” สรรพนามการเรียกชื่อถูกเปลี่ยนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อซองมินถูกซันนี่บังคับให้แทนตัวเองว่ามินนี่จะได้ดูเป็นคู่รักที่เหมาะสมและชื่อคล้องจองกัน แต่ดูเหมือนคนถูกบังคับจะยังมีอาการเขินอายอยู่ เพราะไม่ชินกับมัน อีกอย่างชื่อมินนี่มันดูน่ารักเกินผู้ชายไปล่ะมั้ง
“มินนี่ เหอะ! เป็นแฟนหรือเพื่อนสาวกันแน่” ฟังเค้าคุยกันไปคยูฮยอนก็วิจารณ์ไป ไม่ว่าจะมีประโยคไหนหลุดออกมาจากปากซองมินเป็นต้องพูดขัดขึ้นตลอด แต่มันก็เป็นแต่การบ่นกับตัวเองเท่านั้น อีกอย่างดูเหมือนรูมเมทของเขาจะไม่ได้สนใจเขาเลยแม้แต่น้อยนอกจากเจ้าโทรศัพท์ที่อยู่ในมือนั่น
สุดท้ายแล้วคนที่อารมณ์ไม่ปกติก็ทนนั่งฟังอยู่ไม่ไหวเลยต้องเดินเข้าห้องน้ำไป อาบน้ำแล้วคงจะรู้สึกสบายขึ้น ตอนนี้เขาทั้งหงุดหงิดทั้งหมั่นไส้ ไม่รู้ว่าจะทำตัวหวานอะไรกันขนาดนั้นไม่ได้เกรงใจเขาที่นั่งหัวโด่อยู่เลยหรือไง
เวลาตอนนี้ทุ่มกว่าแล้ว บริเวณหอค่อนข้างเงียบและสงบ และถึงแม้ว่าคยูฮยอนจะเปิดน้ำแรงแค่ไหนก็ยังคงได้ยินเสียงของซองมินที่คุยโทรศัพท์อยู่ด้านนอกอยู่ดี
หยิบสบู่ขึ้นมาถูตัวปากก็ขมุบขมิบคำที่ฟังแทบไม่รู้เรื่อง แต่คงหนีไม่พ้นเรื่องของคนที่นอนคุยโทรศัพท์อยู่ข้างนอกเป็นแน่
“นายมันทำตัวน่าหมั่นไส้ชะมัดเลยซองมิน ฉันจะแก้เผ็ดนายยังไงดีที่ไม่ยอมช่วยฉันคิดเรื่องชุด” น้ำจากฝักบัวถูกปิด คยูฮยอนพึมพำขึ้นมาเบาๆ พลางมองไปที่ประตูเหมือนกับว่าจะมองทะลุให้เห็นคนที่อยู่ข้างนอกยังไงยังงั้น
คยูฮยอนยืนนิ่งไปพักใหญ่ก่อนจะหยิบผ้าขนหนูผืนใหญ่มาพันรอบเอวแล้วหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กมาเช็ดผมแล้วเอาพาดไว้ที่คอ รอยยิ้มร้ายกาจปรากฏเป็นเงาสะท้อนบนกระจก และดูเหมือนเจ้าตัวจะภูมิใจกับความคิดที่กำลังแล่นฉิวในสมองไม่น้อย
“แล้วนายจะพูดอะไรไม่ออกลีซองมิน” พูดกับตัวเองในกระจกก่อนจะยิ้มอย่างอารมณ์ดีเดินออกมาจากห้องน้ำ
เสียงพูดคุยหวานหูกับเสียงหัวเราะเงียบลงไปแล้ว ตอนนี้ซองมินกำลังนอนดูทีวีด้วยท่าทางที่สบายใจ แต่แล้วใบหน้าหวานๆนั่นก็บึ้งตึงทันทีเมื่อน้ำเสียงกวนประสาทของรูมเมทดังขึ้น
“ไปอาบน้ำได้แล้วนะจ๊ะมินนี่ เดี๋ยวดึกกว่านี้อาการเย็นจะไม่สบายเอา คยูกี้เป็นห่วง” คยูฮยอนทำลอยหน้าลอยตาพูด อีกทั้งน้ำเสียงเหน็บแนม ทำเอาซองมินเด้งตัวลุกขึ้นนั่งทันที
“หยุดพูดเลยนะคยูฮยอน นายไมมีสิทธิ์มาเรียกฉันแบบนี้นะ” ซองมินลุกขึ้นชี้หน้าว่าคยูฮยอนที่ยืนทำหน้ากวนประสาทอยู่ บังอาจมาล้อเลียนเขาอย่างนั้นเหรอ
“ฉันจะเรียก ทำไม ซันนี่มีสิทธิ์เรียกมินนี่คนเดียวหรือไง” คนที่เพิ่งจะอารมณ์ดีได้เมื่อกี้นี้เริ่มออกอาการหงุดหงิดอีกครั้ง และดูเหมือนว่าจะไม่มีใครยอมใครง่ายๆซะด้วย
“หยุดนะคยูฮยอน ฉันไม่ชอบ!” คนโดนจี้จุดทำเสียงดังเข้าใส่ ที่ให้ซันนี่เรียกแบบนั้นเพราะขัดอะไรไม่ได้ ใช่ว่าเขาจะชอบมันเมื่อไหร่
“ไม่หยุด!”
“คยูฮยอน!”
“เรียกทำไม กลัวลืมชื่อฉันหรือไงมินนี่”
“อ๊ากกกก!!! บอกว่าอย่าเรียกไงเล่า!! พูดไม่รู้เรื่องหรือไง”
“ไม่!!”
“คยูฮยอนนนนน!!!!~”
บรรยากาศภายในห้องๆนี้ดูเหมือนจะแตกต่างกับห้องของซองมินและคยูฮยอนโดยสิ้นเชิง ทั้งเยซองและเรียวอุกนั่งอยู่บนเตียงเดียวกัน และกำลังปรึกษาเรื่องชุดที่จะใส่ไปงานปาร์ตี้หอกันอยู่ โดยที่ต่างฝ่ายต่างช่วยกันออกความเห็นถึงความเหมาะสมและแนวโน้มที่อาจจะได้รางวัลขวัญใจมหาชนมาครอบครอง
“เอาชุดอะไรดีล่ะ จะเอาจากเรื่องนารูโตะดีมั้ย หรือว่าจะเป็นโดเรมอนกับโดเรมี่ดี” ตั้งแต่ที่นั่งคุยกันมามีมากมายหลายชุดที่เรียวอุกเสนอออกมา แต่ส่วนใหญ่จะมาจากการ์ตูนที่คนตัวเล็กชอบดูมันซะมากกว่า
“เอาชุดแบบพวกการ์ตูนดิสนีย์ดีกว่า ชุดมันดูสวยกว่านะ หรือจะเอาแบบเทพโรมันดี” เยซองเองก็เสนอแบบที่ตัวเองอยากได้ เขาคิดว่าชุดที่เรียวอุกเสนอมามันดูเด็กเกินไป
แล้วเยซองกับเรียวอุกก็ยังคงตกลงเรื่องชุดกันไม่ได้อยู่ดี อีกคนชอบแบบนั้นแต่อีกคนอยากได้แบบนี้ ที่จริงแต่งไม่ต้องให้มันแมทกันก็ได้แค่เป็นแฟนซีก็พอ แต่ทั้งสองอย่างให้มันดูเข้ากันมากกว่า ยังไงพวกเขาก็ยังหวังรางวัลอยู่
“แล้วเราจะเอาชุดอะไรดีล่ะ อืม....เฮ้ยยย!!!” เยซองก้มหน้าเปิดดูนิตยสารแฟชั่นไปเรื่อยเปื่อยเผื่อจะเจอไอเดียอะไรดีๆบ้าง แต่พอเงยหน้าขึ้นมากลับร้องลั่นเมื่อเห็นบุคลที่คนทั่วไปไม่ประสงค์อยากเจอนั่งอยู่ด้านหลังเรียวอุกพร้อมกับส่งยิ้มหวานมาให้
“ร้องทำไม” เรียวอุกเองก็เงยมาขึ้นมาถามด้วยสีหน้างงๆ อยู่ดีๆเยซองก็ร้องขึ้นมาซะอย่างนั้น
“สวัสดีดีจะเยซอง กำลังปรึกษาเรื่องชุดกันอยู่เหรอ” แจจุงที่ปรากฏตัวมานั่งอยู่ข้างหลังของเรียวอุกยกมือขึ้นทักทายเยซองเพื่อนคนใหม่ล่าสุดพอเป็นพิธี ก่อนจะชะโงกหน้าไปมองนิตยสารที่วางอยู่ตรงหน้าเรียวอุกจนคางมนนั่นวางเกยอยู่บนไหล่เล็กๆพอดิบพอดี
“เฮ้ย! อย่าๆ” แทบจะร้องห้ามออกมาไม่ทันเมื่อเยซองเห็นแจจุงเอาคางมาเกยบนไหล่เรียวอุก ถึงจะเริ่มสนิทกันแล้วก็เถอะแต่ยังไงแจจุงก็ขึ้นชื่อว่าไม่ใช่คน เขาก็ยังรู้สึกสยองเล็กๆอยู่ดี แล้วยิ่งมาทำแบบนี้กับเรียวอุก ถ้ารูมเมทตัวเล็กของเขารู้ขึ้นมาจะเกิดอะไรขึ้นล่ะเนี่ย
“อย่าอะไรเหรอ” ท่าทางของเยซองที่ดูแปลกไปยิ่งทำให้เรียวอุกเกิดอาการงงเข้าไปใหญ่ พลางหันซ้ายหันขวาดูว่าในห้องมีอะไรผิดปกติไปหรือเปล่า
“เรียวอุกอย่าหัน!” เยซองร้องพร้อมกับยกมือขึ้นมาห้าม ถึงเขาจะรู้ว่าหันไปมองยังไงเรียวอุกก็คงไม่เห็น แต่ปลายจมูกของคนตัวเล็กนี่สิมันจะไปจิ้มโดนแก้มของแจจุงเข้า
“เป็นอะไรเยซอง” เรียวอุกถามเสียงเข้ม ตกลงเยซองเป็นอะไรของเขา
“เปล่าๆ เรามาเลือกชุดกันต่อเถอะ” ปฏิเสธเป็นพัลวันไม่อยากให้เรียวอุกต้องผิดสังเกตอะไรมาก ก่อนจะก้มหน้าลงดูนิตยสารต่อพลางเงยหน้าขึ้นมามองแจจุงเป็นพักๆ
“นี่เยซอง แต่งเป็นโรมิโอกับจูเรียตสิ เหมาะกันดีนะ” แจจุงเสนอ
“ใช่ๆ ฉันกับแจจ๋าเคยใส่ชุดนี้ไปร่วมงานด้วย” และแล้วยุนโฮก็ปรากฏตัวออกมาอยู่ด้านหลังเยซองทำเอาเจ้าตัวสะดุ้งโหยงดีที่เรียวอุกไม่ทันสังเกตเห็น ไม่รู้ทำไมผีคู่รักคู่นี้ชอบทำให้เขาตกใจอยู่เลย
เยซองทำเป็นไม่สนใจคำพูดของยุนโฮและแจจุงก้มลงปรึกษากับเรียวอุกต่อไป ตอนนี้เขาอยู่กับเรียวอุกพูดกับสองคนนี้ไม่ได้หรอก เดี๋ยวจะโดนคนตัวเล็กหาว่าบ้า หรือไม่จะโดนสงสัยว่าเขาคุยกับคนที่ไม่ใช่คนเหมือนตอนที่ขัดห้องน้ำอีก
“ทำเป็นไม่สนใจเหรอ นี่ชุดนี้มันดีนะ” แจจุงยังไม่ล้มเลิกความพยายามถึงแม้เยซองจะไม่สนใจตนเองซักเท่าไหร่
“ชุดนี้สวยมั้ยเยซอง” เรียวอุกเปิดหน้าชุดที่คิดว่ามันเหมาะที่สุดเพื่อให้เยซองดูพลางเงยหน้าขึ้นมา จังหวะเดียวกับที่แจจุงยกมือขึ้นมาวางบนไหล่คนตัวเล็ก และแล้วมือที่วางอยู่บนไหล่ก็เริ่มเลื่อนต่ำลงไปยังคอเสื้อ
“ไหนๆ ชุดไหน” เยซองเงยหน้าขึ้นมามองนิตยสารที่เรียวอุกถืออยู่ แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นมือปริศนาที่คอเสื้อของเรียวอุก ก่อนที่มือนั้นจะล้วงแหวกเข้าไปด้านใน
“เฮ้ยๆๆๆ!!! อย่า!” ทั้งเยซองและยุนโฮร้องออกมาพร้อมกันเมื่อเห็นว่าตอนนี้แจจุงกำลังจะทำอะไรเรียวอุก คนกระทำชักมือออกก่อนจะหัวเราะคิกคัก ต่างจากคนโดนกระทำที่ตอนนี้นั่งงงเป็นไก่ตาแตก
“นายเป็นอะไรหรือเปล่าเยซอง วันนี้ท่าทางแปลกๆ” เรียวอุกเอ่ยถามหน้าตาบ่งบอกว่าตอนนี้งงสุดขีด
“เปล่าหรอก ไม่มีอะไร ชุดไหนนะ” ส่ายหน้าปฏิเสธยกใหญ่ก่อนจะรีบพาเรียวอุกเปลี่ยนเรื่องไปคุยเรื่องชุดเหมือนเดิม แจจุงนะแจจุงแกล้งกันได้
“แจจ๋าอย่าเล่นแบบนี้สิ” ยุนโฮว่าด้วยเสียงงอนๆพลางส่งสายตาเคืองไปให้ ถึงจะรู้ว่าแจจ๋ากับเรียวอุกเป็นพวกเดียวกันแต่เขาก็หึงอยู่ดี
แจจุงไม่ได้ตอบอะไรแต่กลับเอาคางเกยไหล่เรียวอุกไว้เหมือนเดิม ทำเอาเยซองตวัดสายตาขึ้นมามองอย่างไม่ค่อยชอบใจนักแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากเขาจะโดนผีหลอกอยู่บ่อยๆ ตอนนี้ยังโดนผีแกล้งอีกต่างหาก
“จะเลือกกันทำไมอีกล่ะ ก็เอาชุดโรมิโอกับจูเรียตนั่นแหละ” เห็นเยซองกับเรียวอุกเถียงกันไม่เลิกเรื่องชุดแจจุงก็ชักเริ่มรู้สึกรำคาญเอื้อมมือไปปิดนิตยสารของเรียวอุกซะอย่างนั้น ทำเอาเยซองเอื้อมมือมาทำเป็นปิดนิตยสารแทบไม่ทัน
“ปิดทำไมอ่ะ” เรียวอุกเลิกคิ้วถาม อะไรของเขาอีกคราวนี้
เยซองยิ้มแหยๆให้พลางส่งสายตาค้อนๆไปให้แจจุงที่ชักเริ่มกวนพวกเขาหนักขึ้นทุกที ทำไมถึงอยากให้ใส่ชุดโรมิโอกับจูเรียตขนาดนี้ล่ะเนี่ย
“นายก็เลือกชุดที่แจจ๋าบอกสิเยซอง” ยุนโฮก็ช่วยสนับสนุนอีกแรง เพราะที่พวกเขามาวันนี้ก็เพื่อทำให้เยซองกับเรียวอุกตกลงเรียกชุดนี่นี้แหละ เพราะพวกเขาอยากจะรำลึกถึงวันที่พวกเขาใส่ชุดนี้ซักหน่อย อยากรู้ว่าจะมีใครคนไหนใส่ได้สวยและหล่อเหมือนคู่ของเขาหรือเปล่า
“เราใส่ชุดโรมิโอกับจูเลียตไหมเรียวอุก” สุดท้ายแล้วเยซองเลยทำตามที่ยุนโฮและแจจุงบอก แต่ดูเหมือนเรียวอุกจะไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่นัก
“ชุดมันอลังการขนาดนั้นค่าเช่ามันก็แพงสิ” ถึงแม้เรียวอุกจะอยากได้รางวัลแต่เขาก็ยังหวงเรื่องค่าใช่จ่ายอยู่ดี
“ถ้าไม่ตกลงฉันจะเข้าสิงเรียวอุก และให้ไปยั่วคนอื่นเลยคอยดูสิ” แจจุงขู่ยกใหญ่พร้อมตั้งท่าเตรียมจู่โจมเข้าไปสิงในร่างของเรียวอุกเต็มที่
“อย่านะ!” ทั้งเยซองและยุนโฮพูดออกมาพร้อมกันอีกครั้ง ให้คนที่ตัวเองรักกับแฟนตัวเองไปยั่วคนอื่นใครจะยอมกัน
“อย่าอะไรของนายอีกเยซอง” เรียวอุกที่ยังคงไม่รู้เรื่องรู้ราวว่าภายในห้องนี้มีแขกเข้ามาเยี่ยมเยียนถึงสองคน แถมยังทำตัวก่อกวนอยู่ ณ ขณะนี้ได้สร้างปัญหาให้เยซองขนาดไหน แต่ถ้ารู้ความจริงเมื่อไหร่คนตัวเล็กคงวิ่งหนีออกจากห้องไปแล้ว
“เปล่าๆ” ไม่รู้กี่รอบแล้วที่เยซองตอบคำนี้ออกมา ตอนนี้เขาชักรู้สึกเริ่มทำอะไรไม่ถูกซะแล้วสิ
“งั้นก็ใส่ชุดที่บอกสิ” แจจุงยังยืนยันคำเดิมพร้อมทำท่าเตรียมจู่โจมเรียวอุกได้ตลอดเวลา
“ตกลงเร็วๆสิเยซอง” เป็นแบบนี้ยุนโฮก็อยู่เฉยๆไม่ได้เหมือนกัน เขาไม่ยอมให้แจจุงไปยั่วใครเด็ดขาด
“เราใส่โรมิโอกับจูเลียตกันเถอะเรียวอุก” สุดท้ายเยซองก็ต้องยอมทำตามที่ผีคู่รักบอก ตัวเขาน่ะไม่มีปัญหาหรอก แต่เรียวอุกนี่สิ
“แต่มันแพงนะ”
เจอเรียวอุกตอบกลับมาแบบนี้เยซองก็หันรีหันขวางทันที มองแจจุงทีมองยุนโฮที ดูเหมือนถ้าเขาไม่ตอบตกลงสองผีรุ่นพี่คงตะปบเขาเป็นแน่
“งั้นเดี๋ยวผมออกเงินเองก็ได้” เมื่อประโยคนี้หลุดออกมาทั้งคนทั้งผีดูท่าจะออกอาการดีใจและพอใจไม่น้อย สำหรับเรียวอุกนี่ยิ้มแฉ่งที่ไม่ต้องออกเงินค่าชุดเอง แถมยังได้ใส่ชุดสวยๆอีกต่างหาก
“ดีมาก” พูดจบแจจุงกับยุนโฮก็หายตัวไปออกจากห้องทันที เยซองถอนหายใจออกมายาวพรืด รู้สึกสองผีเพี้ยนจะมีประโยชน์กับเขาแค่ตอนสอบแค่นั้นเองนะเนี่ย
เหลือเวลาอีกเพียงสองวันเท่านั้นงานปาร์ตี้ครอบรอบหอพักของคยองฮีก็จะเริ่มขึ้นแล้ว นักศึกษาคู่หูรูมเมทกันต่างพากันไปจับจองตัดชุดที่จะใส่ไปร่วมงานให้ดูเริดและอลังการที่สุด เผื่อว่าตนเองจะมีหวังได้รางวัลขวัญใจมหาชนในปีนี้
“เราคิดกันช้าไปหรือเปล่าเนี่ยที่เพิ่งจะมาดูชุดเอาวันนี้” ดงแฮหันไปถามรูมเมทมาดขรึมที่เดินอยู่ข้างๆ ผ่านมาก็ตั้งหลายวัน แต่คิบอมเพิ่งจะชวนเขาออกมาเลือกชุดวันนี้เอง
“ไม่หรอก ร้านนี้เขาจัดหาชุดให้เราได้ภายในสองวัน เรามาเลือกวันนี้ ชุดก็จะส่งไปตอนเช้าวันงานพอดี” คิบอมอธิบายให้รูมเมทขี้อ้อนของตนเข้าใจ จังหวะเดียวกับที่ทั้งสองเดินมาหยุดอยู่หน้าร้านพอดี คิดว่าร้านนี้คงมีหลายคนมาสั่งชุดไว้เหมือนกัน
ดงแฮพยักหน้าเข้าใจพลางมองสำรวจรอบร้านที่มีโปสเตอร์การ์ตูนเรื่องต่างๆติดเต็มไปหมด
“เดี๋ยวก่อนคิบอม” ก่อนที่คิบอมจะเดินเข้าไปในร้านดงแฮก็รั้งข้อมือไว้เสียก่อน เพราะเขามีชุดที่อยากจะใส่แล้วล่ะตอนนี้
“หือ” คิบอมเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม ก่อนจะมองตามนิ้วที่ดงแฮชี้ไป
“แต่งเป็นเซเลอร์มูนกับหน้ากากทักซิโดกัน” สิ่งที่ดงแฮชี้ไปก็คือโปสเตอร์ของการ์ตูนเรื่องเซเลอร์มูน เขาคิดว่ามันน่าจะเข้าคอนเซปและดูเหมาะที่สุดแล้ว
“เอาแบบนี้เลยเหรอ” คิบอมถามย้ำเพื่อความแน่ใจ เพราะดงแฮต้องเป็นคนใส่ชุดเซเลอร์มูน แต่ไม่ว่ารูมเมทขี้อ้อนจะใส่อะไรคงจะน่ารักอยู่แล้วล่ะ
“อืม” พยักหน้ารับ ก่อนจะเป็นคนดึงคิบอมเข้าไปในร้านแทน
ฮันคยองกับฮยอกแจเองก็มาเลือกชุดที่จะใส่ไปวันงานปาร์ตี้เช่นกัน ทั้งสองยืนเลือกชุดในสมุดภาพของร้านกันมาได้ซักพักแล้ว แต่ยังไม่เจอชุดที่ถูกใจเสียที
“มันมีให้เลือกเยอะจนมึนแล้วนะเนี่ย” ฮยอกแจออกปากบ่น เพราะยังไม่มีชุดที่ถูกใจเลยซักชุด
“ชุดนี้เป็นไง” ฮันคยองเปิดไปหน้าชุดของประเทศจีนก่อนจะยื่นให้ฮยอกแจดู พร้อมกับนิ้วที่จิ้มไปบนชุดที่เขาคิดว่าน่าจะเหมาะกับฮยอกแจ และเขาก็อยากเห็นฮยอกแจใส่ชุดนี้ด้วย
“หมวยจีนเนี่ยนะ ไม่เอาอ่ะ” เมื่อเห็นชุดฮยอกแจก็ดันมือของฮันคยองออกทันที อย่างเขาเนี่ยนะจะให้ใส่ชุดผู้หญิง เขายังแมนอยู่นะ
“อย่าลืมสิว่าต้องใส่ตามคอนเซป นายน่ะต้องใส่ชุดผู้หญิง”
“งั้นนายใส่ชุดนี้มั้ยล่ะ” ดูเหมือนฮยอกแจจะไม่ยอมเท่าไหร่นักเลยพยายามจะแลกข้อเสนอกับฮันคยอง นิ้วเรียวๆจิ้มลงไปที่ชุดๆหนึ่งที่อยู่ในหมวดของประเทศจีนเช่นกัน
“ผีจีนเนี่ยนะ” ฮันคยองเบิกตากว้าง จะให้เขาใส่ชุดผีจีนทาหน้าขาวๆปากแดงๆเนี่ยนะ มันเหมาะกับฮยอกแจมากกว่ามั้งแบบนี้
“ก็แลกกันไง ถ้าฉันใส่ชุดหมวยจีน นายก็ใส่ชุดผีจีน มาจากจีนทั้งคู่เหมาะกันดีออก” ฮยอกแจบอกเหตุผลที่ดูจะเหนือกว่า เขาเองก็อยากเห็นฮันคยองใส่ชุดผีจีนเหมือนกัน มันคงจะแปลกน่าดู
ฮันคยองทำท่าคิดหนักกับข้อเสนอของฮยอกแจ แต่เขาเองก็อยากเห็นฮยอกแจใส่ชุดหมวยจีนอยู่ไม่น้อยเลย อยากรู้ว่าคนแก่นๆซกมกอย่างฮยอกแจ ถ้าจับแต่งหญิงจะดูดีหรือดูแปลกแค่ไหนกัน
“ก็ได้” แล้วฮันคยองก็ตอบตกลง เป็นอันว่าฮยอกแจใส่ชุดหมวยจีนและเขาใส่ชุดผีจีน แล้วเมื่อวันงานมาถึงก็จะได้รู้กันว่าใครจะดูดีหรือใครจะดูแปลกประหลาดกัน
บรรยากาศที่หอตอนนี้กำลังเย็นสบาย นักศึกษาหลายคนลงมารับลมที่ด้านล่างของหอซึ่งจะมีม้านั่งตั้งอยู่เป็นจุดๆ เช่นเดียวกับอีทึกที่ตอนนี้กำลังนั่งอ่านหนังสือการ์ตูนสบายใจเฉิบโดยไม่มีคังอินมาวุ่นวาย ช่างเป็นวันที่ดูมีความสุขเสียจริง
“ชุดนี้ก็ดูเข้าท่าแฮะ” อ่านไปอ่านมาอีทึกกลับรู้สึกถูกใจชุดที่อยู่ในหนังสือการ์ตูนเสียอย่างนั้น มีเมดที่เป็นคนรับใช้ของแวมไพร์ แถมชุดเมดในนี้มันน่ารักมากๆ อีกอย่างชุดแวมไพร์ก็คงจะเหมาะกับคังอินล่ะมั้ง
“เอาชุดนี้แล้วกัน” คิดได้ดังนี้อีทึกก็ลุกขึ้นเดินตรงไปยังทางออกหอทันทีเพื่อไปเช่าชุดไว้ เพราะที่ผ่านมาเขายังไม่ได้คุยเรื่องชุดกับคังอินเลย งานนี้เขาก็ถือโอกาสจัดการเองเลยแล้วกัน ถ้าคังอินเช่าชุดอื่นมาเขาก็ไม่สนแล้ว และคังอินก็ต้องใส่ชุดที่เขาเช่ามาเท่านั้น
ด้านฮีชอลกับซีวอนนั้นเรื่องชุดที่จะใส่ไปงานคู่นี้เขาทุ่มกันสุดตัว ในเมื่อมีคุณชายซีวอนพ่อบุญทุ่มอยู่ทั้งคน งานนี้ไม่มีการใช้ชุดเช่า ตัดเท่านั้นถึงจะสมฐานะของซีวอน อีกอย่างเขาก็อยากมีชุดแบบนี้เก็บเอาไว้ด้วย
ชุดที่ทั้งคู่เลือกตัดนั้นเป็นชุดเบสิคธรรมดาอย่างเจ้าชายกับซินเดอเรลล่า แต่ได้ดีไซเนอร์ฝีมือดีของร้านที่ไปสั่งตัดมาออกแบบให้ ทำให้ชุดมันดูอลังการ เริด สวยงามเพิ่มขึ้นไปอีก และที่สำคัญงานนี้ซีวอนเป็นคนออก ฮีชอลเพียงแค่ไปวัดตัวแล้วนอนรอชุดก็เท่านั้น
ยิ่งวันงานเข้ามาใกล้เท่าไหร่ทุกคนก็ดูจะตื่นเต้นไปเท่าตัว งานแบบนี้มีเพียงปีละครั้งเท่านั้น ต่างคนก็ต่างอยากทำตัวเองให้ดูดีที่สุด หรืออาจจะออกแนวหลุดโลกเป็นการปลดปล่อยตัวเองไปในตัว
เป็นเวลากว่าสิบนาทีแล้วที่ชินดงยืนชั่งใจอยู่หน้าหอเพราะตัดสินใจไม่ได้ว่าจะไปลงชื่อเพื่อร่วมการแสดงของหอดีมั้ย เพราะเพื่อนในกลุ่มไม่มีใครลงเลยแม้แต่คนเดียว ส่วนตัวเขานั้นอยากแสดงแต่ไม่มีเพื่อนก็เท่านั้น
“เอาไงดีครับแทมิน” ชินดงหันไปถามรูมเมทผู้บอบบางของตนที่ยืนอยู่ข้างๆ หลังจากปรึกษาอยู่หลายวันเรื่องการแสดง แทมินก็แนะนำให้มาลงชื่อและมาเป็นเพื่อน
“ถ้าชินดงอยากแสดงก็ลงชื่อเลย เราสนับสนุนเต็มที่” แทมินยิ้มสดใสให้ พลางทำท่าสู้ตายเป็นกำลังใจ
“เอางั้นเลยนะ”
“อืม” แทมินพยักหน้ารับพร้อมกับดันหลังให้ชินดงเดินเข้าไปในหอตรงไปยังห้องของหัวหน้าหอเพื่อขอลงชื่อร่วมทำการแสดง
เข้าไปได้ประมาณสามนาทีชินดงก็เดินออกมาพร้อมกับยิ้มหวานให้แทมิน พอรุ่นพี่เห็นเขาเดินเข้าไปขอลงชื่อก็ยิ้มดีใจกันใหญ่เลย เพราะเขาเป็นคนแรกของหอที่สนใจ
“ผมลงชื่อฮยอกแจไปด้วยล่ะแทมิน แหะๆ ก็ตอนนี้ยังไม่มีคนไปลงชื่อเลยซักคน” ชินดงสารภาพออกมาทันที ถึงจะแอบรู้สึกผิดที่ไม่ได้ปรึกษาฮยอกแจ แต่ยังไงตอนนี้ฮยอกแจก็เป็นดาวเต้นดวงใหม่ของกลุ่มแล้ว ถ้าได้เข้าร่วมการแสดงมันก็น่าจะดี
-------------------------------------
kr...Talk
ก่อนอื่นต้องขอโทษเพื่อนก่อนเลยที่ห่างหายไปงานร่วมสองเดือนกว่า
เนื่องจากไรเตอร์ทั้งสองหาเวลาว่างกันแทบไม่ได้เลย
ส่วนตอนหน้าจะมาอัพเมื่อไหร่ก็ยังมิอาจทราบได้
แต่ไรเตอร์จะมาให้เร็วที่สุด เพื่อรีดเดอร์ที่น่ารักทุกคน! ^^
ตอนนี้งานหอพักก็ใกล้จะเริ่มขึ้นแล้ว ทุกคู่ก็ได้ชุดไปงานกันแล้วด้วย
อยากรู้จริงๆว่าถ้าพี่ๆของเราได้แต่งชุดแบบนี้จะเป็นไง
แต่เรื่องแต่งหญิงเนี่ยพวกเราก็เห็นกันบ่อยแล้วเนอะ
ขอให้ทุกคนสนุกกับการอ่านน้า
ขอบคุณที่ยังติดตามจ้า
05/04/54 แก้ไขรายละเอียดนิดหน่อยจ้า
ความคิดเห็น