ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ] Furious for Love...แค้นนี้ เพื่อรัก [KyuMin]

    ลำดับตอนที่ #34 : Special Part – KyuMin (Make Love in Japan)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.81K
      3
      31 ก.ค. 54


    Special Part – KyuMin (Make Love in Japan)
     
     
     
     
     
     
                    เวลาของการปิดเทอมเข้าใกล้เข้ามาทุกที ปากกาที่จรดลงบนแผ่นกระดาษบรรจงเขียนตัวหนังสือที่ถูกคัดกรองออกมาจากความทรงจำของสมองแล้วเป็นอย่างดี กระดาษถูกเปิดจนมาถึงหน้าสุดท้าย ข้อมือยังคงขยับขึ้นลงอย่างคล่องแคล่ว ข้อสอบหน้าสุดท้ายในที่สุดก็เสร็จเสียที ช่วงเวลาแห่งปิดเทอมใหญ่มาถึงแล้ว
     
                   
                    “เดินทางดีๆล่ะ”
                    “ถึงแล้วก็อย่าลืมโทรบอกด้วยนะ”
                    “ของฝากด้วยนะ”
                    “ขอเด็กญี่ปุ่นน่ารักๆซักคนแล้วกันนะ”
                    หลากหลายคำอวยพรจากเหล่าพี่ๆที่มาส่งคยูฮยอนที่สนามบินแข่งกันส่งเสียงจนแทบจะฟังไม่รู้เรื่อง เมื่อวันนี้น้องเล็กแห่งโจกรุ๊ปกำลังจะเดินทางไปหาหัวใจถึงประเทศญี่ปุ่น เมื่อคยูฮยอนได้สัญญากับซองมินไว้แล้วว่าเมื่อถึงปิดเทอมใหญ่เมื่อไหร่จะบินไปหาและอยู่ด้วยกันจนกว่าเขาจะเปิดเทอมอีกครั้ง
                    “ฝากความคิดถึงถึงพี่ซองมินด้วยนะ” เรียวอุกบอกก่อนจะยิ้มบางๆออกมา ตอนนี้เขากับคยูฮยอนกลายเป็นเพื่อนสนิทกันแล้ว เนื่องเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยเดียวกัน ช่วงนี้จึงไปเรียนพร้อมกันบ่อยๆจนสนิทไปโดยปริยาย
                    “บอกน้าฮโยริด้วยว่าถ้าพี่ว่างแล้วจะรีบกลับไปหา” ฮีชอลฝากข้อความถึงคนที่อยู่ญี่ปุ่นอีกคน คยูฮยอนจึงได้แต่พยักหน้ารับหงึกหงัก ตั้งแต่ที่คบกับซีวอน ฮีชอลก็ย้ายกลับมาอยู่ที่เกาหลีโดยอาศัยอยู่ที่คอนโดกับซีวอน เช่นเดียวกับคังอินที่ย้ายไปอยู่กับอีทึกที่คอนโด
                    “เดี๋ยวน้องก็ไม่ได้ไปพอดี” คงเพราะทนฟังคำฝากฝังทั้งหลายไม่ไหวอีทึกเลยต้องขัด เพราะนี่ก็ใกล้เวลาที่เครื่องจะออกเต็มทีแล้ว
                    “โชคดีนะ ถึงแล้วอย่าลืมโทรบอกพี่ด้วยล่ะ” เตือนน้องอีกครั้งด้วยความเป็นห่วง ซีวอนและทุกๆคนโบกมือให้กับคยูฮยอน ก่อนที่ลูกชายคนเล็กแห่งโจกรุ๊ปจะเดินหายไปยังทางเข้าของผู้โดยสาร
     
     
     
                    เครื่องบินลำใหญ่แล่นทะยานบนท้องฟ้าสู่ผืนดินแห่งใหม่ คยูฮยอนเดินลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ออกมาจากทางออกผู้โดยสาร สายตากวาดมองหาบุคคลที่ควรจะมารอรับเขาอยู่แล้วแต่กลับยังไร้วี่แวว คยูฮยอนหันซ้ายแลขวาแต่ก็ยังไม่พบซองมินอยู่ดี หรือว่าลืมไปหรือเปล่าว่าเขาจะเดินทางมาวันนี้
                    แผ่นกระดาษสีเหลืองถูกคลี่ออกมาเบาๆ ในนี้มีตัวหนังสือเขียนยุกยิกเต็มหน้ากระดาษ คยูฮยอนเงยหน้าขึ้นมองหาซองมินอีกครั้งก่อนจะก้มลงมองกระดาษในมือเมื่อยังไม่เห็นซองมินเช่นเดิม
                    “ข้อที่หนึ่ง ประดับใจแรกเมื่อได้พบเจอ เข้าไปกอดแน่นๆให้หายคิดถึง พร้อมกับหอมแก้มซักฟอดให้พอชื่นใจ” อ่านสิ่งที่อยู่ในกระดาษแผ่นนั้นเบาๆ ก่อนจะพับมันเก็บใส่กระเป๋าเช่นเดิม
                    ทั้งหมดที่อยู่ในกระดาษแผ่นนี้เขาอุตส่าห์ไปปรึกษาซีวอน พี่ชายที่ช่ำชองเรื่องความรักเป็นอย่างดี จนได้เคล็ดลับที่ซีวอนเขียนออกมาให้เป็นข้อๆโดยเดาจากเหตุการณ์ที่คิดว่าเขาจะได้เจอ และเลือกใช้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์นั้นๆ
                    “คยูฮยอนโทษทีนะที่มาช้า รอนานมั้ย” เสียงเหนื่อยหอบของซองมินดังมาจากทางด้านหลังทำให้คยูฮยอนรีบหันกลับไปมองในทันที
                    รอยยิ้มเป็นสิ่งแรกที่คยูฮยอนมอบให้ พอซองมินยืดตัวขึ้นหลังจากหายจากอาการหอบคยูฮยอนก็เดินตรงเข้าไปกอดด้วยความคิดถึงทันที
                    “คิดถึงจังเลยครับ ผมรอเวลานี้มาตลอดเวลาเลย” พร่ำบอกความรู้สึกในใจที่อยากให้อีกคนได้รู้ออกมา ซองมินยิ้มรับกว้างเมื่อได้ฟังก่อนจะยกมือขึ้นโอบเพื่อกอดตอบ ซักพักจึงผละออกจากกัน
                    “ฉันก็คิดถึงนายเหมือนกัน” รอยยิ้มของซองมินแสดงความดีใจออกมาอย่างเต็มทีจากดวงตากลมโตที่จ้องมองคนตรงหน้าอยู่ ใบหน้าของคยูฮยอนนั้นเคลื่อนลงมาใกล้อย่างช้าๆก่อนที่ปลายจมูกจะสัมผัสเบาๆกับแก้มนิ่มและออกแรงกดจนแก้มใสนั่นบุ๋มลงไป สูดดมจนพอหอมปากหอมใจจึงได้ผละออกมา
                    “คยูฮยอน!” ตวาดออกมาเสียงดังพลางยกมือขึ้นมากุมแก้มข้างซ้ายที่โดนขโมยความหอมไป ส่วนมืออีกข้างหนึ่งที่ว่างก็ยกขึ้นฟาดเข้าไปเกือบจะเต็มแรงบนใบหน้าอันหล่อเหลาของแฟนตัวเองนั้น กอดกันเขาจะไม่ว่าเลยแต่นั่นกลางสนามบิน ผู้ชายกับผู้ชายมายืนหอมกันมันไปแปลกไปหน่อยหรือไง
                    “พี่ตบผมทำไมครับ” ยกมือขึ้นมากุมใบหน้าตัวเองถามออกไปน้ำเสียงอ่อน ทั้งที่เขาอุตส่าห์บินมาหาถึงญี่ปุ่นแต่กลับโดนต้อนรับด้วยการโดนตบซะอย่างนั้น มันน่าน้อยใจจริงๆ
                    “นี่มันที่สาธารณะนะคยูฮยอน นายไม่ควรทำแบบนี้” ว่าสีหน้าบึ้งตึง แต่เมื่อเห็นสีหน้าหงอยๆของคยูฮยอนก็ทำเอาซองมินต้องถอนหายใจออกมา ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้เห็นลูกชายคนเล็กของโจกรุ๊ปทำหน้าแบบนี้ ทั้งที่ปกติจะมีแต่มาดครึมๆนิ่งๆ กับรอยยิ้มที่ดูอ่อนโยนเท่านั้น
                    “แต่นี่มันประเทศญี่ปุ่นนะครับ เขาไม่คิดอะไรมากหรอก” เถียงออกมาเบาๆ เรื่องเพศตอนนี้เขาเปิดรับกันอย่างกว้างขวางแล้วไม่เห็นต้องปิดบังกันเลยซักนิด
                    “กลับบ้านเถอะ” เพราะไม่อยากจะต้องมาเถียงกันด้วยเรื่องเล็กๆน้อยๆแบบนี้ให้บรรยากาศดีๆมันเสียไป ซองมินเลยรีบตัดบทชวนคยูฮยอนกลับบ้านซะ ถ้าต้องมาทะเลาะกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องคนที่อุตส่าห์บินมาหาถึงญี่ปุ่นคงจะน้อยใจน่าดู
     
     
                    ซองมินพาคยูฮยอนเดินไปขึ้นรถประจำทางที่หน้าสนามบิน ทั้งสองช่วยกันขนสัมภาระของคยูฮยอนที่ขนมาอย่างกับว่าจะย้ายมาอยู่ถาวรเลยไปยังที่นั่งว่างด้านหลังสุดของรถ ใช้เวลาราวๆครึ่งชั่วโมงก็มาถึงหมู่บ้านที่ซองมินอาศัยอยู่
                    คยูฮยอนมองดูรอบๆบ้านพลางถามนู้นถามนี่ไปเรื่อย บ้านหลังนี่เป็นบ้านสองชั้นหลังไม่ใหญ่มากนักเหมาะสำหรับครอบครัวเล็กที่จะมาอาศัยอยู่ และตอนนี้ก็มีเพียงฮโยริกับซองมินเท่านั้นที่ยังคงอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้
                    สัมภาระของคยูฮยอนถูกขนไปวางรวมกันไปที่มุมหนึ่งของห้องนั่งเล่น ก่อนที่ซองมินจะเดินเข้าไปในครัวซึ่งฮโยริกำลังทำอาหารเพื่อรอต้อนรับว่าที่ลูกเขยของตนเองอยู่ คยูฮยอนถูกสั่งให้นั่งรออยู่ในในห้องนั่งเล่นส่วนซองมินเข้าไปช่วยฮโยริเตรียมอาหาร
                    กระดาษแผ่นเดิมถูกหยิบขึ้นมาอีกครั้ง ข้อแรกที่คยูฮยอนทำลงไปที่สนามบินถูกขีดฆ่าทิ้งพร้อมกับกากบาทเล็กๆด้านหลังเพื่อให้รู้ว่าข้อนี้มันใช้ไม่สำเร็จ เพราะโดนตบหน้าเข้าอย่างจังซะขนาดนั้น สายตากวาดมองหาข้อต่อไปที่จะสามารถใช้กับสถานการณ์ในตอนนี้ได้
                    ข้อที่สองเอาใจแม่ยาย เมื่อไปถึงให้เข้าไปทักทาย ทำทุกอย่างที่พอจะช่วยแบ่งเบาภาระจากคุณแม่ยายได้
                    แผ่นกระดาษถูกเก็บลงที่เดิมของมันอีกครั้ง คยูฮยอนเดินมุ่งหน้าเข้าไปในครัวเพื่อหวังจะทำตามข้อแนะนำที่ซีวอนเขียนมาให้ เอาใจแม่ยายตอนนี้คงต้องช่วยทำอาหารสินะ
                    “คุณป้าสวัสดีครับ”
                    “อ้าว! คยูฮยอนเข้ามาทำไม ไปนั่งรอด้านนอกดีกว่านะ อาหารใกล้จะเสร็จแล้วล่ะ” ฮโยริหันไปมองที่ต้นเสียงก่อนจะทำการไล่เจ้าว่าที่ลูกเขยกลับไปนั่งรอ เดินทางมาเหนื่อยๆ สมควรที่จะได้พักผ่อน
                    “ไม่เป็นไรครับ ผมอยากช่วยน่ะครับ มีอะไรให้ผมทำบ้างมั้ย” คนอยากเอาใจยังคงดึงดันไม่ยอมกลับไปนั่งรออย่างเดิม คยูฮยอนเดินเข้าไปหาฮโยริแต่กลับโดนซองมินดึงให้เดินออกห่าง
                    “กลับไปนั่งรอเถอะ เหลือแค่ของหวานอีกอย่างเดียวเอง”
                    “ให้ผมช่วยนะ” คยูฮยอนขอร้องกับซองมินคนดื้อรั้นอย่างที่ซองมินไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนัก
                    “งั้นนายเอาถั่วแดงที่ต้มไว้อยู่ในหม้อไปเทใส่ตะแกรงแล้วล้างน้ำสะอาดนะ ระวังด้วยล่ะมันร้อน” ซองมินชี้ไปที่หม้อต้มถั่วแดง เมนูที่กำลังทำก็คือชิรุโกะถั่วแดงต้มของหวานอย่างสุดท้าย ส่วนเมนูอื่นๆนั้นฮโยริกำลังจัดใส่จานและนำไปวางบนโต๊ะอาหารโดยมีซองมินเดินเข้าไปช่วย
                    เมื่อได้งานทำสมใจคยูฮยอนจึงเดินไปยังเตาที่มีหม้อต้มถั่วแดงตั้งไว้อยู่ ในอ่างน้ำข้างๆนั้นมีตะแกรงตั้งรอไว้อยู่แล้ว เขาเพียงแค่ยกหม้อมาทำถั่วแดงใส่เท่านั้นก่อนจะล้างด้วยน้ำสะอาด แต่สำหรับคนที่ไม่เคยทำอาหารแล้วคงอยากที่จะทำอะไรอย่างคล่องแคล่งว่องไว โดยเฉพาะคยูฮยอน อยู่ที่เกาหลีห้องครัวบ้านตัวเองยังไม่เคยเดินเข้าเสียด้วยซ้ำ แล้วเรื่องทำอาหารอย่าหวังเลยว่าจะทำได้
                    หม้อต้มถั่วแดงถูกยกขึ้นมาอย่างระมัดระวังที่สุดก่อนที่คยูฮยอนจะเทลงไปในตะแกรงช้าๆ ควันร้อนที่ลอยพุ่งออกมาจากหม้อทำให้คยูฮยอนต้องเบือนหน้าหนี จนมือที่จับหูหม้ออยู่นั้นมันเบี่ยงไปโดนขอบหม้อเข้า
                    “โอ้ย! ร้อนๆ” คยูฮยอนสะดุ้งตัวโหยงเมื่อมือไปสัมผัสโดนความร้อนจากหม้อ ซ้ำร้ายกว่านั้นน้ำต้มถั่วแดงที่กำลังไหลลงสู่ตระแกรงมันกลับหกมาใส่มือของเขาจนต้องปล่อยมือจากหม้อมากุมไว้แทน
    “คยูฮยอน!” สองแม่ลูกแทบจะถลาเข้ามาหาคนซุ่มซ่ามทีเพิ่งสร้างเรื่องสดๆร้อนๆแทบไม่ทัน หม้อถั่วต้มวางหงายอยู่ในอ่าง ตะแกรงที่มีถั่วบางส่วนถูกเทลงไปแล้วกระจัดกระจายเพราะโดนหม้อหล่นลงไปทับ ยังโชคดีที่ว่าหม้อหล่นลงไปบนพื้นไม่งั้นคงต้องทำความสะอาดกันหนักกว่าเดิม
                    “ขอดูแผลหน่อย เป็นอะไรมากหรือเปล่า” จากคำที่ควรจะต่อว่ากลับกลายเป็นคำถามที่แสดงความเป็นห่วง ซองมินดึงมือของคยูฮยอนมาดู ผิวขาวๆนั่นเป็นสีแดงจัดเพราะถูกน้ำร้อนลวกเอา ซองมินจึงดึงมือข้างที่โดนลวกของคยูฮยอนไปล้างที่ก๊อกน้ำ
                    “พาคยูฮยอนไปทำแผลก่อนไป เดี่ยวที่เหลือแม่จัดการเอง”
                    “ครับ” ซองมินพาคยูฮยอนออกมาทำแผลตามคำของฮโยริ คนเจ็บถูกสั่งให้นั่งรออยู่ที่โซฟาส่วนซองมินเดินไปเอากล่องยาเพื่อมาทำแผลให้
     
                    ความจ๋อยเข้าครอบงำคยูฮยอนทันทีเมื่อทำผิดพลาดเป็นหนที่สอง จากที่คิดว่าจะช่วยกลับกลายเป็นสร้างปัญหาให้เสียอย่างนั้น เขานี่มันไม่ได้เรื่องจริงๆ เรื่องเล็กแค่นี้ก็ยังทำไม่ได้
                    “นายซุ่มซ่ามแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ดูสิ เป็นรอยแดงหมดเลย” เมื่อได้กล่องยามาซองมินก็ลงมือทำแผลให้คยูฮยอนทันที ยาถูกป้ายลงบริเวณแผลก่อนจะลูบไล้ไปมาเบาๆเพื่อให้เนื้อยาซึมลงไปในผิวหนัง
                    “ขอโทษนะครับที่ทำให้วุ่นวาย” เอ่ยขอโทษเสียงอ่อย รู้สึกผิดขึ้นมาเมื่อทำให้ซองมินต้องเกิดความวุ่นวาย ทั้งที่อาหารทั้งหมดที่ทำก็เพื่อเขา แต่เขากลับไปทำมันพังเสียอย่างนั้น
                    “ช่างมันเถอะน่า ตอนนี้ก็นั่งรออยู่ตรงนี้เฉยๆนะ เสร็จแล้วจะมาเรียก” ส่งยิ้มให้เพื่อบอกว่าไม่ถือสาอะไรกับสิ่งที่คยูฮยอนทำพลาดลงไป ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องครัวเช่นเดิม
                    คยูฮยอนเอนหลังพิงโซฟาก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ กระดาษแผ่นเดิมถูกหยิบขึ้นมาอีกครั้งก่อนข้อที่สองจะถูกขีดฆ่าและกากบาทไว้ที่ด้านหลังเหมือนกับข้อแรก จากนี้ไปเขาคงต้องนั่งมองดูอยู่เฉยๆสินะ ทำอะไรไปทำไมถึงไม่เคยได้เรื่องเลยซักอย่าง
                    ให้แขกนั่งรอได้ไม่นานนักอาหารทุกอย่างก็ถูกจัดไว้บนโต๊ะอย่างสวยงาม ซองมินเดินกลับมาตามคยูฮยอนที่ห้องนั่งเล่นเพื่อให้ไปทานอาหารด้วยกันที่ห้องครัว เมนูอาหารญี่ปุ่นหลายอย่างสร้างความตื่นตาตื่นใจให้แก่คยูฮยอนเป็นอย่างมาก เยอะแบบนี้คนแค่สามคนจะทานกันหมดเหรอ
                    ซองมินกับคยูฮยอนนั่งลงข้างกันโดยที่ฮโยรินั่งฝั่งตรงข้าม ซองมินแกะตะเกียบส่งให้คยูฮยอนแต่ดูเหมือนคนที่มือกำลังเจ็บจะใช้มันได้ไม่ค่อยถนัดนัก
                    “อันนี้เกี๊ยวซ่าลองชิมดูนะ” เพราะขัดใจที่คยูฮยอนหยิบนู้นก็หล่นหยิบนี้ก็หล่นซองมินเลยหยิบไปจ่อให้ที่ปากเสียเลย โชคร้ายจริงๆที่มือที่เจ็บดันเป็นมือขวา
                    พอซองมินทำแบบนี้คยูฮยอนถึงกลับยิ้มกริ่ม รู้สึกว่าความผิดพลาดของเขามันจะเป็นข้อดีก็ตอนนี้แหละ ทาอาหารโดยมีคนที่เรารักคอยป้อนให้แบบนี้มันมีความสุขจริงๆ
                    อาหารชิ้นต่อไปถูกส่งเข้าปากคยูฮยอนเรื่อยๆ ทั้งข้าวปั้นหน้าปูอัด หมูชุบแป้งทอด ซาชิมิและเทมปุระรวมมิตร โดยมีซองมินเป็นคนป้อนจนตัวเองแทบจะไม่กินเองเลยเสียด้วยซ้ำ คยูฮยอนเคี้ยวทุกอย่างที่ซองมินป้อนให้แก้มตุ่ยดูจะมีความสุขเสียเหลือเกิน คนป้อนเองก็ดูจะเพลิดเพลินกับการดูแลคนมือเจ็บเสียมากกว่า จนฮโยริมองแล้วยังต้องยิ้มตาม

                    หลังจากอาหารมื้อแรกที่ญี่ปุ่นจบลง ซองมินจึงพาคยูฮยอนขึ้นไปเก็บของบนห้องนอนที่ชั้นสอง ของทั้งหมดถูกขนเข้าไปในไว้ในห้องนอนเก่าของคังอินกับฮีชอลที่ตอนนี้ไม่มีใครพักอยู่
                    “เราไม่นอนด้วยกันเหรอครับ” คยูฮยอนถามขึ้นอย่างข้องใจ เขามาถึงญี่ปุ่นก็เพราะอยากอยู่กับซองมินเพราะโอกาสแบบนี้จะมาถึงก็เฉพาะช่วงปิดเทอมเท่านั้น แต่อีกเพียงปีเดียวเท่านั้นซองมินก็จะเรียนจบ ถึงวันนั้นเขาจะชวนคนที่เขารักกลับไปอยู่ที่เกาหลีด้วยกัน
                    “นายนอนที่นี่แหละดีแล้ว ตอนนี้ก็พักผ่อนซะนะ พรุ่งนี้เราจะได้ออกเดินทางไปโอกินาว่ากัน” ตัดบทแบบไม่มีการให้เหตุผลอะไรเพิ่มเติม ซองมินยิ้มให้อีกครั้งก่อนจะปิดประตูออกจากห้องไป
                    ประตูห้องปิดลงโดยที่คยูฮยอนยังไม่ทันได้ค้านอะไร แต่พอได้ยินประโยคหลังที่ซองมินพูดออกมาก็ทำให้เขายิ้มออก โอกินาว่า พรุ่งนี้แล้วสินะที่เขากับซองมินจะได้ไปออกเดทกัน คยูฮยอนล่ะสายตาจากประตูหันไปเก็บข้าวของของตัวเองให้เข้าที่เข้าทางและจัดกระเป๋าเพื่อเตรียมเดินทางต่อในวันพรุ่งนี้
     
     
     
                    ในช่วงปิดเทอมใหญ่แบบนี้ดูเหมือนว่าจะคึกคักเป็นพิเศษ คงเพราะอยู่ในช่วงฤดูร้อนคนส่วนใหญ่จึงเลือกไปเที่ยวทะเลกันและสถานที่ยอดฮิตคงหนีไม่พ้นโอกินาว่า หากไม่จองตั๋วไว้ล่วงหน้าคงไม่ได้ไปชมความสวยงามที่นั่นเป็นแน่
                    เที่ยวบินที่คยูฮยอนเป็นคนจองไว้นั้นเครื่องออกตอนบ่ายสอง หลังจากที่ส่งลูกชายและว่าที่ลูกเขยขึ้นเครื่องเรียบร้อยแล้วฮโยริจึงเดินทางกลับไปที่บ้าน การเดินทางไปโอกินาว่าจากสนามบินฮาเนดะที่โตเกียวไปถึงสนามบินฮานาที่โอกินาว่าใช้เวลาเพียงสองชั่วโมงกว่าๆเท่านั้น
                    ซองมินเอนศีรษะพิงกับเบาะก่อนจะหลับตาลง ถึงแม้ช่วงเวลาในการเดินทางจะสั้นๆ แต่เพราะติดนิสัยชอบนอนเวลาเดินทางเพราะต้องเดินทางไปเรียนที่มหาวิทยาลัยแต่เช้าทำให้ซองมินมักจะหลับบนรถตลอดเวลาเดินทาง
                    คยูฮยอนหันไปมองคนข้างๆที่หลับใหลสู่ห้วงนิทราไปเสียแล้ว ใบหน้าหวานยามนอนหลับนั้นยังคงดูมีเสน่ห์ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ศีรษะที่โอนไปเอนมาของซองมินทำให้คยูฮยอนต้องจับให้เอนมาพิงกับไหล่ของตนเอง ก่อนจะอมยิ้มอยู่คนเดียว เปลือกตานั้นค่อยๆปิดลงอย่างช้าๆเพื่อเข้าสู่ห้วงนิทราตามอีกคนไป หากแต่รอยยิ้มยังคงเปื้อนอยู่บนใบหน้าของคยูฮยอนแม้ยามที่หลับใหลก็ตาม
     
     
                    เครื่องลงจอดที่สนามบินฮานาตอนเวลาสี่โมงยี่สิบนาที เมื่อมาถึงคยูฮยอนก็พาซองมินไปยังโรงแรมที่ได้จองเอาไว้ เป็นบ้านพักแบบเรียวคังของคนญี่ปุ่นติดริมทะเล ด้านนอกระเบียงสามารถมองเห็นวิวของโอกินาว่าสุดลูกหูลูกตา ภายในห้องพักมีที่นอนฟูกวางอยู่คู่กัน พื้นห้องปูด้วยเสื่อ มีโต๊ะญี่ปุ่นเล็กๆหนึ่งตัว โทรศัพท์หนึ่งเครื่อง และมีห้องน้ำในตัว สีของห้องเป็นสีเหลืองอ่อนดูสบายตา
                    ก่อนจะถึงเวลาอาหารเย็นคยูฮยอนชวนซองมินลงไปเดินเล่นด้วยกันที่ริมทะเล ทั้งบรรยากาศและวิวที่สวยงามทำให้รู้สึกสบายใจและผ่อนคลายเป็นอย่างมาก และถึงแม้ว่าซองมินจะเคยอยู่ญี่ปุ่นมาหลายปีแต่เขาก็ไม่เคยมาเที่ยวที่โอกินาว่านี่เลยซักครั้ง
                    คยูฮยอนเดินกุมมือซองมินเดินไปเรื่อยๆยังพื้นที่ที่ไม่ค่อยมีผู้คน เวลาตอนนี้พระอาทิตย์ใกล้จะลับขอบฟ้าเต็มที คยูฮยอนรั้งข้อมือซองมินให้นั่งลงที่ริมหาดด้วยกัน จ้องมองภาพเบื้องหน้าที่แสงอาทิตย์สาดส่องบนผืนน้ำทะเลจนเกิดเป็นแสงสีส้มสะท้อนกับประกายน้ำเป็นจุดระยิบระยับ
                    “สวยมากเลย” ริมฝีปากบางพึมพำขึ้นมาเบาๆ รอยยิ้มแห่งความสุขปรากฏบนใบหน้าหวานอีกครั้ง
                    เรียวแขนแข็งแรงยกขึ้นโอบกอดร่างของซองมินให้เอามาพิงกับไหล่ของตน มองดูพระอาทิตย์ที่กำลังจะตกดินด้วยกัน ท้องฟ้าที่เคยสว่างไสวหลังจากนี้จะถูกปกคลุมด้วยความมืด มีเพียงดาวดวงน้อยๆกับพระจันทร์เท่านั้นที่คอยส่องแสงให้แก้ท้องฟ้าในคืนนั้นๆ
                    ดวงตะวันค่อยๆเคลื่อนลับไปกับขอบฟ้า เงาที่ทอดยาวของคนสองคนฉายชัดบนพื้นทรายขาวสะอาด ภาพเงาสะท้อนของคนทั้งสองที่กำลังแสดงความรักให้แก่กัน ความหอมหวานและความรู้สึกถูกแลกเปลี่ยนผ่านการกระทำ ริมฝีปากสัมผัสกันอย่างบางเบาและเนิ่นนาน หากแต่ไม่ได้ลึกซึ่งจนเกินไป เพียงแค่อยากเก็บความรู้สึกนี้ไว้ให้นานที่สุดเท่านั้น
     
     
     
                    เวลาอาหารค่ำของที่นี่เริ่มขึ้นตอนหนึ่งทุ่มตรง อาหารญี่ปุ่นที่คยูฮยอนสั่งเอาไว้ถูกนำมาเสิร์ฟที่ห้องพัก ไม่มีแสงเทียน ไม่มีเสียงคนตรีเหมือนอย่างในโรงแรมหรูๆห้าดาว มีเพียงถาดอาหารสองถาด ตะเกียบและน้ำชาเท่านั้น เป็นการดินเนอร์ที่ให้ความรู้สึกแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม
                    “ใช้ตะเกียบถนัดหรือเปล่า” เอ่ยถามออกมาเมื่อเห็นคยูฮยอนหยิบตะเกียบขึ้นมา หวังว่าวันนี้เขาคงไม่ต้องป้อนเหมือนเมื่อวานหรอกนะ
                    “ไม่เจ็บแล้วล่ะครับ”
                    ได้ฟังคำตอบที่น่าพอใจซองมินก็ยิ้มออกมา แล้วอาหารมื้อเย็นก็ได้เริ่มขึ้น เสียงของการพูดคุยและเสียงหัวเราะดังขึ้นมาเป็นระยะเมื่อคยูฮยอนเอาเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นในเกาหลีมาเล่าให้ฟัง ไม่ว่าจะเป็นฮีชอล คังอิน หรือแม้แต่คนในครอบครัวของเขาเอง จะเรียกว่าเป็นการเผาให้ฟังก็ได้
                    หลังจากมื้ออาหารจบทั้งสองคนจึงอาบน้ำและเตรียมตัวจะเข้านอน ซองมินออกมาจากห้องน้ำเป็นคนสุดท้ายโดยที่คยูฮยอนนอนดูโทรทัศน์อย่างสบายใจรออยู่แล้ว การแต่งตัวของซองมินดูจะทำตัวสบายไปซักนิด เมื่อชุดนอนยูคาตะที่ใส่อยู่ผูกเชือกไว้อย่างหลวมๆมันทำให้บริเวณคอเสื้อแหวกกว้างจนเห็นหน้าอกอย่างชัดเจน
                    น้ำลายอึกใหญ่ถูกลืนลงคออย่างยากลำบากเมื่อซองมินเดินมานั่งบนที่นอนข้างๆ คยูฮยอนละสายตาจากชุดล่อตาล่อใจไปโฟกัสที่หน้าจอโทรทัศน์อย่างเดิม ก่อนที่ตะบะของเขาจะแตกกระเจิงเสียก่อน
                    ไฟภายในห้องถูกปิดในเวลาต่อมา จากที่นอนสองเบาะแต่คยูฮยอนกลับเข้าไปนอนเบียดกับซองมินในเบาะเดียวกัน อ้อมกอดคนที่แสนรักไว้อย่างแนบชิดอย่างกับว่าถ้าปล่อยแล้วซองมินจะหายไปอย่างนั้น
                    “กอดแน่นไปหรือเปล่าคยูฮยอน” ถามออกไปท่ามกลางความมืดแต่แทนที่อ้อมกอดที่แสนอบอุ่นจะคลายออกให้พอได้หายใจกันบ้างแต่ดูเหมือนจะยิ่งกอดรัดแน่นกว่าเดิม
                    “ผมรู้ว่าพี่ชอบให้ผมกอด” บอกอย่างคนรู้ทันถึงแม้ซองมินจะไม่เคยพูดว่าอยากให้เขากอด แต่เขารู้ดีคนๆนี้ต้องการอ้อมกอดของเขาแค่ไหน
                    ได้แต่อมยิ้มอยู่ในความมืดเพราะไม่รู้จะสรรหาคำอะไรไปต่อกรกับคยูฮยอนตัวดี เขารู้สึกว่าตั้งแต่ที่เรื่องราวร้ายๆทั้งหลายผ่านพ้นไป คยูฮยอนก็ดูเป็นคนที่ร่าเริงขึ้นเยอะ คำพูดที่ดูขี้เล่นมันดูต่างจากคยูฮยอนคนเก่าที่เขาเคยรู้จัก คนที่มีแต่ความจริงจังในชีวิตคนนั้น
                   
     
     
                    แสงแดดในยามเช้าสาดส่องลอดเข้ามาทางหน้าต่างของห้องพักที่ถูกเปิดม่านทิ้งไว้ คนที่ยังคงนอนหลับอยู่ขยับตัวเบาเมื่อได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่แล้ว คยูฮยอนลุกขึ้นจากที่นอนเดินไปที่ระเบียงของห้องพัก มองดูบรรยากาศของโอกินาว่าในยามเช้า พลางสูดเอาอากาศที่แสนจะสดชื่นเข้าไปเต็มปอด ถ้าเขาได้ย้ายไปอยู่ในที่ที่บรรยากาศดีแบบนี้ก็คงดีสินะ
                    “คยูฮยอน” เสียงงัวเงียของซองมินที่ดังมาจากด้านในทำให้คยูฮยอนหันไปมองก่อนจะอมยิ้มออกมาบางๆ
                    สมองที่เคยใช้คิดแต่เรื่องเรียนและเรื่องงานบัดนี้ต้องมาประมวลผลเรื่องของความรัก คยูฮยอนนึกถึงสิ่งที่ซีวอนเขียนมาให้ในกระดาษ ตอนเช้าๆแบบนี้คนรักเขาควรจะทำอะไรกันนะ
                    “อรุณสวัสดิ์ครับ” คยูฮยอนหย่อนตัวนั่งลงตรงหน้าซองมินที่เพิ่งลุกขึ้นมานั่งด้วยความงัวเงีย ก่อนจะเลื่อนริมฝีปากไปแตะเบาๆยังริมฝีปากจิ้มลิ้มที่อยู่ตรงหน้า
                    “เฮ้ย!” ซองมินร้องออกมาอย่างตกใจมือทั้งสองข้างยกขึ้นผลักคยูฮยอนจนหงายหลังลงไปอย่างอัตโนมัติ อาการงัวเงียเมื่อกี้นี้หายไปในทันที
                    “เจ็บนะครับพี่” ลุกขึ้นมานั่งอย่างเดิมพลางทำหน้ายุ่ง ครั้งที่สองแล้วนะที่เขาโดนซองมินทำร้ายร่างกาย ข้อหาหอมแก้มกับจูบแฟนตัวเอง
                    “ทำอะไรของนายเนี่ยคยูฮยอน” โวยวายอย่างไม่ยอม ก่อนจะทำหน้าตึงใส่คยูฮยอน
                    “ก็ morning kiss ไงครับ”
                    “แต่ฉันยังไม่ได้แปรงฟันเลยเลย” โวยวายอีกรอบก่อนจะลุกเดินเข้าห้องไป ทำเอาคยูฮยอนส่ายหน้ารัว ซองมินทำตัวอย่างกับว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องคอขาดบาดตายอย่างนั้นแหละ
     
     
     
                    มื้อเช้ามื้อแรกของวันที่สองในโอกินาว่าเป็นบุฟเฟ่ต์ซูซิให้แขกที่มาพักในโรงแรมได้เลือกทานตามความชอบ ทุกอย่างที่คยูฮยอนเลือกมาให้ซองมินดูจะถูกใจคนกินไปเสียหมด จนทำให้ซองมินยิ้มไม่หุบ ที่อย่างน้อยคยูฮยอนก็รู้ใจเขาว่าชอบหรือไม่ชอบอะไร
                    มาถึงโอกินาว่ากันทั้งทีเช้านี้คยูฮยอนจึงชวนซองมินไปเที่ยวที่ปราสาทชูริด้วยกัน และจะกลับมาที่โรงแรมอีกครั้งในตอนเย็นๆเพื่อมาลงเล่นน้ำ ก่อนที่พวกเขาจะเดินทางกลับในวันพรุ่งนี้
                    ปราสาทชูริเป็นปราสาทแบบริวกิวโบราณสถานคู่บ้านคู่เมืองที่มีความสวยงามมากที่เดียว และสถานที่สำคัญรอบบริเวณปราสาททั้งประตูหินที่ศาลเจ้า Sonohyan-utaki และอุทยานหลวงชิกินะ คยูฮยอนพาซองมินเดินดูจนทั่ว ได้ออกมาเที่ยวทั้งที่ต้องเที่ยวกันให้คุ้ม
                    เมื่อเดินเที่ยวกันจนหนำใจก็ไปจบที่อาหารพื้นเมืองของโอกินาว่า จากนั้นก็ได้เวลาเดินทางกลับไปยังที่พัก ซองมินล้มตัวลงนอนบนที่นอนด้วยความเมื่อยล้าหลังจากที่เดินมาตลอดกว่าสองชั่วโมง แต่สิ่งที่ได้เห็นได้พบเจอมามันก็คุ้มค่ากับความเหนื่อยมากเลยทีเดียว
                    “ตอนสี่โมงเราลงไปเล่นน้ำกันนะครับ” คยูฮยอนหย่อนตัวลงนั่งข้างๆซองมิน
                    “อืม” ตอบรับด้วยรอยยิ้มก่อนจะเปลี่ยนจากหนุนหมอนมาหนุนตักคยูฮยอนแทน มือที่คอยปกป้องซองมินตลอดเวลาที่ผ่านมายกขึ้นลูบเบาๆบนเส้นผมนุ่มสลวย ดวงตาสองคู่สบกันนิ่งไม่ไหวติง ความเงียบเข้ามาแทนที่เมื่อเสียงพูดคุยจบลง
                    ซองมินยกมือขึ้นคล้องคอคยูฮยอนก่อนจะโน้มให้ก้มลงมาจนกระทั่งริมฝีปากสัมผัสกัน คนที่เป็นฝ่ายเรียกร้องจูบนี้เผยอปากรอให้อีกคนบุกรุกเข้าได้อย่างยินยอม สองลิ้นดุนดันกันอยู่ภายในช่องปากเล็ก แขนของซองมินรั้งตัวของคยูฮยอนลงมามากขึ้นจนกลายเป็นว่าตอนนี้ถูกคยูฮยอนคร่อมไว้ด้านบนเสียแล้ว
                    จูบที่แสนหวานยังคงดำเนินต่อไป ริมฝีปากบางถูกดูดดันจนเริ่มตึง คยูฮยอนผละออกมาก่อนจะจูบลงไปเบาๆอีกครั้ง เป้าหมายใหม่เปลี่ยนไปยังลำคอระหงส์ที่เขายังไม่เคยลิ้มลองมันเลยซักครั้ง ริมฝีปากของคยูฮยอนกำลังจะสัมผัสโดนบริเวณซอกคอขาวนั่นหากแต่ซองมินกลับดันอกเขาออกเสียก่อน
                    ทั้งคู่สบตากันนิ่งแต่ตอนนี้ความรู้สึกกลับแสดงออกมาต่างกัน คยูฮยอนดูจะคั่งค้างกับสิ่งที่เขากำลังจะได้ลงมือแต่ถูกขัดเสียก่อน แต่ซองมินดูจะตกใจกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไป
                    เพื่อไม่ให้บรรยากาศดีๆแบบนี้ต้องสะดุดและเสียไปกับแค่การโดนขัดอารมณ์ คยูฮยอนเลือกที่จะยิ้มให้และยอมลุกออกมาจากตัวซองมินแต่โดยดี ไม่เห็นแต่อารมณ์ตัวเองเป็นใหญ่และดึงดันให้ต้องเกิดการทะเลาะกันขึ้นในภายภาคหน้า
                    ซองมินยิ้มแหย่ๆให้คยูฮยอนก่อนจะหันหน้าไปทางอื่น พอตัวเองเป็นคนเริ่มก่อนมันกลับรู้สึกแปลกๆขึ้น เหมือนกับว่ามันแสดงออกมากจนเกินไปว่าเขาต้องการคยูฮยอน ซึ่งมันไม่ใช่ตัวเขาเลย
                    “พี่นอนพักก่อนก็ได้นะครับ แล้วผมจะปลุกตอนสี่โมง”
                    “แล้วนายล่ะ”
                    “ผมก็จะอยู่ข้างๆพี่นี่แหละครับ” ตอบพร้อมกับยิ้มให้ เขาไม่มีทางไปไหนได้หรอก
                    “ให้พี่หนุนแขนนายได้มั้ย” คงไม่ต้องตอบเป็นคำพูดให้เสียเวลา คยูฮยอนนอนลงข้างกับซองมินก่อนจะตบเบาะเบาๆให้ซองมินนอนตามลงมา คนที่ออกปากร้องขอเอนตัวลงนอนหนุนแขนคนรักอย่างช้าๆ หันตะแคงข้างเข้าหาคยูฮยอนก่อนจะกอดไว้หลวมๆ
                    “ห้ามลุกออกไปไหนนะ” ออกปากสั่งก่อนจะหลับตาลงพลางขยับตัวเข้าหาคยูฮยอนมากขึ้น
                    ไม่มีคำสัญญาใดๆออกมาให้ได้ แต่ถึงอย่างนั้นซองมินก็รู้ว่าคยูฮยอนคงไม่มีทางทิ้งเข้าไว้ที่นี่คนเดียวแน่ ก็ลองทิ้งดู มือที่ขาวสะอาดของเขาตอนนี้อาจจะกลับไปเปื้อนเลือดอีกก็เป็นได้
     
     
     
                    เวลาสี่โมงเย็นตามที่ตกลงกันไว้ คยูฮยอนปลุกซองมินให้ลงไปเล่นน้ำด้วยกัน ตรงที่บริเวณชายหาดตอนนี้มีคนไม่มากนักจึงทำให้เล่นกันได้อย่างเป็นส่วนตัว ทั้งสองคนใส่เพียงกางเกงว่ายน้ำขาสั้นเท่านั้น เผยให้เห็นรูปร่างที่ดูสมส่วนสมกับเป็นชายจนเป็นเป้าสายตาของใครต่อใครที่อยู่บริเวณชายหาด
                    ซองมินกับคยูฮยอนไม่ได้สนใจสายตาของคนอื่นที่มองมาเท่าไหร่นัก วิ่งไล่กันลงน้ำเหมือนเด็กที่เคยมาเที่ยวทะเลเป็นครั้งแรก ลูกชายคนเล็กแห่งโจกรุ๊ปดึงข้อมือแฟนหนุ่มของตนเองให้ลงไปลึกถึงบริเวณหน้าท้อง มือที่อยู่ใต้น้ำเกาะไปไปทั่วเรือนร่างที่มีเพียงกางเกงขาสั้นตัวเดียวเท่านั้น
                    “คยูฮยอน!” เพราะลงน้ำทะเลหรือเปล่าไม่รู้ถึงได้ทำให้คยูฮยอนแปลงร่างกลายเป็นปลาหมึกแบบนี้ ซองมินเลยอดที่จะดุไม่ได้ เขาคงไม่ได้คิดไปเองใช่มั้ยว่าช่วงนี้คยูฮยอนชอบทำอะไรถึงเนื้อถึงตัวกับเขาเป็นพิเศษ หรืออาจจะเป็นเพราะความที่ไม่ได้เจอกันหลายเดือนก็เป็นได้
                    คนถูกดุไม่ได้มีสีหน้าสลดลงเลยแม้แต่น้อย คยูฮยอนยังคงหัวเราะร่าเริงก่อนจะมุดกลับลงไปในน้ำ ดำผุดดำว่ายอยู่อย่างนั้นจนซองมินชักมึนหัว
                    “คยูฮยอน” เรียกชื่ออีกครั้งเมื่อครั้งนี้ดำหายลงไปนานผิดปกติ ซองมินมองหันซ้ายและขวาแต่ก็ไม่เห็นคยูฮยอน
                    “ขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะคยูฮยอน” ตอนนี้ซองมินกลับรู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาซะแล้ว ถึงแม้จะรู้ว่าคยูฮยอนทำแค่เล่นๆก็ตาม แต่ถ้าเกิดจมน้ำหายไปจริงๆจะทำยังไง
                    “อ๊ะ!” ทำเอาซองมินแทบจะหลุดหวีดว๊ายออกมาเมื่อคยูฮยอนโผล่ขึ้นมาจากใต้น้ำและอุ้มเขาขึ้น สองมือยกขึ้นโอบรอบคอไว้อย่างอัตโนมัติ ก่อนจะหันไปทำตาขวางใส่คนขี้แกล้ง
                    “คยูฮยอน!” ทำได้แค่เรียกชื่อเท่านั้นเพราะไม่รู้สรรหาคำอะไรออกมาด่าดี
                    “ครับ” ตอบรับหน้าระรื่น รู้สึกดีใจที่เห็นซองมินแสดงท่าทางเป็นห่วงตัวเองขนาดนี้
                    ซองมินดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอดของคยูฮยอน คนขี้แกล้งก็ยังคงแกล้งไม่เลิก เมื่อดิ้นเลยปล่อยมือจนซองมินตกลงไปใต้น้ำ แต่คยูอยอนกลับยืนยิ้มอย่างชอบใจ
                    “จะเล่นแบบนี้ใช่มั้ย ได้!” เมื่อคยูฮยอนเล่นแรงมาเขาก็คงต้องเล่นแรงกลับ เล่นกับใครไม่เล่นจะมาเล่นกับมือสังหารอย่างเขางั้นเหรอ
                    สองมือยกขึ้นผลักคนที่ยืนหัวเราะชอบใจจนหงายหลังลงไปในทะเล พอคยูฮยอนลุกขึ้นมาได้ซองมินก็กระโดดไปขี่หลังทันทีพร้อมกับกดตัวคยูฮยอนให้จมลงไปในน้ำ แต่คนที่มีแรงเยอะกว่าก็สามารถพลิกสถานการณ์กลับมาได้ จนสุดท้ายซองมินก็เป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่ดี
                    จากเล่นน้ำกันอยู่ดีๆกะกลายเป็นการฆ่ากันในน้ำไปเสียแล้ว แต่ทุกการกระทำมันเปี่ยมไปด้วยความสุข สุขกับการได้อยู่กับคนที่เรารักแบบนี้

     
                    หลังจากเล่นน้ำกันจนหนำใจปาเข้าไปชั่วโมงกว่า ทั้งสองก็กลับไปที่ห้องอาบน้ำของโรงแรมเพื่อล้างตัว ห้องน้ำของที่นี่มีทั้งแบบรวมและที่แบ่งเป็นห้อง ซองมินหยิบผ้าเช็ดตัวก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำห้องหนึ่งแต่ม่านสีขาวขุ่นที่เลื่อนปิดไปแล้วกลับถูกเปิดออกก่อนที่คยูฮยอนจะแทรกตัวเข้ามาอยู่ในห้องน้ำห้องเดียวกัน
                    ตัวของซองมินถูกเบียดจนแทบจะติดกับผนังห้องน้ำ ในเมื่อห้องที่ใช่สำหรับล้างตัวมันเป็นแค่ห้องเล็กๆเท่านั้น และยังไม่ทันจะได้ออกปากค้านอะไรคยูฮยอนกลับเปิดก๊อกน้ำขึ้น สายน้ำที่ไหลลงมาทำให้ซองมินถอยไปยืนหลบอยู่ตรงมุมปล่อยให้คยูฮยอนได้อาบล้างตัวไปก่อน
                    แต่แทนที่จะอาบของตัวเองให้เสร็จก่อนคยูฮยอนกลับดึงซองมินเข้ามาหา มือที่เคยลูบไล้ร่างกายตัวเองบัดนี้เปลี่ยนที่มาวางบนตัวของซองมินแทน คนโดนจู่โจมแทบจะกระโจนหนีออกไปจากห้องน้ำหากไม่โดนวงแขนโอบเอวไว้เสียก่อน
                    “ปล่อยก่อนคยูฮยอน” ทุบอกแกร่งเบาๆให้ปล่อย และดูเหมือนจะได้เมื่อคยูฮยอนยอมคลายอ้อมแขนออกแต่กลับดันตัวซองมินเข้าไปติดผนังแทนก่อนจะยืนคร่อมร่างเล็กเอาไว้
                     “ให้ผมอาบให้นะครับ” กระซิบบอกเบาๆ ก่อนจะปรับให้หัวฝักบัวหันไปทางมุมที่ตนเองยืนอยู่ มือของคยูฮยอนลูบไล้ไปทั่วบริเวณผิวหนังที่เปลือยเปล่า ไล่ตั้งแต่หัวไหล่มาที่หน้าอก ไปยังท้องน้อยและต่ำลงไปเรื่อยๆ
                    ซองมินยืนหลับตานิ่งใบหน้าก้มต่ำเบี่ยงหลบริมฝีปากของคยูฮยอนที่หมายจะฝังรอยไว้ที่ต้นคอของตนเอง มือของคยูฮยอนที่ปัดผ่านจุดสำคัญทำให้ซองมินสะดุ้งตัวโหยง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาสบกับสายตาที่โหยหา ใบหน้าหวานบัดนี้แดงซ่าน ก่อนที่มือทั้งสองข้างจะยกขึ้นผลักอกของคยูฮยอนออก
                    “ไปรอที่ห้องนะ” บอกแค่นั้นก่อนจะรีบจ้ำไปจากบริเวณห้องน้ำทันที ปล่อยให้คยูฮยอนยืนนิ่งอยู่ที่เดิมเพียงคนเดียว
                    “รอที่ห้องงั้นเหรอ” ทวนคำที่ซองมินทิ้งไว้ คำๆนี้จะให้เขาคิดมันในแง่ไหนดี มันเป็นอะไรที่แปลได้หลายความหมายจริงๆ
     
     
     
                    ซองมินเดินกลับมาที่ห้องพักด้วยใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อห้วนกลับไปคิดถึงคำพูดของตัวเองที่ทิ้งไว้ก่อนจะเดินจากมา สถานการณ์ ณ ตอนนั้นคงคิดได้แค่อย่างเดียวเท่านั้น
                    “นี่เราอ่อยหรือเปล่าวะเนี่ย” พึมพำขึ้นกับตัวเองพลางเดินไปทั่วทั้งที่กางเกงยังไม่ได้เปลี่ยน ผ้าขนหนูที่ถือติดมือมาด้วยกำไว้ที่หน้าอก ไม่ได้เอามาเช็ดตัวหรือพันตัวไว้แต่อย่างใด
                    เดินวุ่นวายอยู่คนเดียวได้ไม่นานคนที่ตนเองบอกไว้ว่าจะรอก็มาถึง คยูฮยอนกลับเข้ามาในห้องพร้อมชุดใหม่ที่เปลี่ยนเรียบร้อยแล้ว แถมในมือยังถือชุดของซองมินที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาด้วย
                    “ทำไมพี่ยังไม่เปลี่ยนเสื้อผ้าอีกล่ะครับ” ถามออกไปด้วยใบหน้างงงวย พลางมองบนพื้นที่มีรอยน้ำหยดจากกางเกงของซองมินหยดไว้เป็นทาง
                    “ลืมน่ะ” หัวเราะแห้งๆก่อนจะเข้าไปหยิบชุดที่อยู่ในมือของคยูฮยอนเพื่อไปเปลี่ยนชุดในห้องน้ำ
                    “พี่ครับ” คยูฮยอนรั้งแขนซองมินเอาไว้จนคนที่ไม่ทันได้ตั้งตัวหันกลับมาชนกับหน้าอกของเขา ดวงตาสองคู่สบกันนิ่งอีกครั้ง ซองมินรู้สึกเกร็งจนทำอะไรแทบไม่ถูกเมื่อเจอคยูฮยอนรุกมาหนักๆแบบนี้ เรื่องพวกนี้เขาชินกับการเห็นคนอื่นทำต่อกันเท่านั้น แต่พอมาเจอกับตัวเองมันกลับไปไม่เป็น
                    ริมฝีปากถูกประกบปิดเพื่อไม่ให้พูดคำใดออกมาอีก แขนทั้งสองข้างรั้งตัวซองมินเข้ามาจนแนบชิด ความเปียกชื้นจากกางเกงของซองมินผ่านซึมเข้ามาในร่มผ้าชุดใหม่ที่คยูฮยอนเพิ่งเปลี่ยนไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้
                    กำปั้นของซองมินทุบลงเบาๆที่หน้าอกของคยูฮยอนเพื่อให้หยุดการกระทำทั้งหมด ก่อนที่เขาจะเผลอตัวเผลอใจไปมากกว่านี้ ถึงแม้ว่าคนถูกประท้วงจะถอนจูบออกแต่กลับไม่ยอมปล่อยให้เหยื่อของตนให้หลุดจากอ้อมกอดไปง่ายๆ
                    “เป็นของผมได้มั้ยครับ” กระซิบถามเสียงแผ่วที่ข้างใบหู คยูฮยอนไม่ได้เรียกร้องเพราะอยากได้ร่างกายนี้เท่านั้น แต่เพราะระยะทางที่มันอยู่แสนไกล มันทำให้เขาต้องใช้ความอดทนเป็นอย่างมาก การติดต่อกันก็ทำได้แค่ได้เห็นและได้คุย แต่เราไม่สามารถสัมผัสกับมันได้
    ซองมินก้มหน้านิ่งมือกำเสื้อของคยูฮยอนไว้แน่น ไม่ยอมตอบอะไรออกมา จังหวะการเต้นของหัวใจตอนนี้มันเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาจากอก ถ้าครั้งแรกของเขาจะเสียให้กับคนที่รักมันก็ถูกต้องแล้วใช่มั้ย
    “ถ้านายต้องการ ทุกอย่างในตัวฉันมันเป็นของนายอยู่แล้วคยูฮยอน” เงยหน้าขึ้นมาตอบเสียงเบาหวิวหากแต่มันกลับดังชัดเจนในใจคนฟัง
    ร่างของซองมินถูกอุ้มลอยขึ้นมาจากพื้นทันทีเมื่อพูดจบ คยูฮยอนยิ้มกรุ่มกริ่มเดินไปยังห้องน้ำโดยที่ซองมินยังคงหลับตาแน่น ในสมองนึกถึงแต่คำพูดของตัวเองที่พลั้งปากออกไปเมื่อกี้นี้
    “พี่เปลี่ยนชุดซะนะครับ เดี๋ยวจะไม่สบายเอา” คยูฮยอนวางซองมินวางลงในห้องน้ำ ก่อนจะวางชุดที่ตรียมไปสำหรับเปลี่ยนวางที่ชั้นด้านใน จากนั้นจึงปิดประตูให้อย่างเรียบร้อยและเดินไปหยิบกางเกงของตนเองมาเปลี่ยนใหม่บ้าง
                    ความมึนงงและสับสนเข้ามาครอบงำชั่วขณะเมื่อปฏิกิริยาของคยูฮยอนกลับเป็นอย่างกับเป็นคนละคน ทั้งที่เมื่อกี้เพิ่งจะขอมีอะไรกับเขา แต่ทำไมตอนนี้ถึงได้ให้เขากลับเข้ามาเปลี่ยนชุด นี่มันอะไรกันเนี่ย
                    เมื่อเปลี่ยนชุดเสร็จซองมินเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยใบหน้าที่บึ้งตึงสุดๆ ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างคยูฮยอนที่กำลังนอนดูทีวีสบายใจเฉิบจนอยากจะหยิบอะไรมาฟาดแรงๆซักทีให้หายหมั่นไส้ อย่าบอกนะว่าที่พูดมาทั้งหมดคยูฮยอนแค่ล้อเขาเล่นเท่านั้น
                    “ทำไมถึงทำหน้าแบบนี้ล่ะ” เมื่อหันกลับมามองคนด้านข้าง คยูฮยอนก็เห็นซองมินนั่งหน้าตึงอยู่ ที่ถามก็แกล้งถามไปอย่างนั้น ที่จริงเขารู้อยู่แล้วว่าสาเหตุมันเพราะอะไร
                    “นายเห็นว่ามันเป็นเรื่องตลกหรือไงคยูฮยอน” ถามกลับไปอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก โดนทำแบบนี้เหมือนโดนเด็กหยามยังไงไม่รู้ ถึงแม้ว่าคยูฮยอนจะเป็นคนรักของเขาก็เถอะ
                    “ไม่เลยครับ มันไม่ใช่เรื่องตลก ผมต้องการตามที่ผมพูดไปจริงๆ ไม่ได้คิดจะแกล้งหรือแค่แหย่พี่เล่นเท่านั้น แต่ถ้าพี่ยังไม่พร้อมผมก็จะไม่บังคับ” คยูฮยอนตอบออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง เห็นจากปฏิกิริยาเขาก็รู้แล้วว่าซองมินคงยังไม่พร้อมกับเรื่องนี้ เขาไม่ได้อยากผูกมัดคนๆหนึ่งด้วยร่างกาย
                    “ทั้งที่พี่ยอมนายแล้วเนี่ยนะ!” บอกออกมาด้วยความฉุนอย่างถึงที่สุด พลางสะบัดหน้าหนี มันเหมือนกับการเสนอให้แต่ไม่เอาหรือเปล่าแบบนี้ น่าอายชะมัด
                    “พี่บอกเองนี่ครับว่าทุกอย่างในตัวพี่เป็นของผม เท่านี้ก็ไม่ต้องห่วงอะไรอีก” ตอบได้อย่างหน้าชื่นตาบาน เวลาของเขาที่จะอยู่กับซองมินเหลืออีกนาน ถึงวันนั้นจะไม่ใช่วันนี้ แต่เขาคงไม่ปล่อยให้รอดมือจนเลยปิดเทอมนี้ไปแน่
                    “คยูฮยอน!” ว่าแล้วซองมินก็ขึ้นไปคร่อมบนตัวของคยูฮยอนก่อนทำท่าจะบีบคอกะฆ่าให้ตายคามือ แต่ความเร็วคงต้องพัฒนาขึ้นอีกนิด เมื่อคนที่พลิกขึ้นมาได้เปรียบกลับเป็นคยูฮยอนอย่างเดิม
                    “หรือว่าจะต่อจากเมื่อกี้เลยดีครับ” ถามพลางยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ที่คงจะได้พันธุกรรมจากพี่ชายแต่เพิ่งจะมาออกฤทธิ์เอาตอนนี้ คยูฮยอนกดข้อมือทั้งสองข้างของซองมินลงกับที่นอนพลางเลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้
                    เสียงดีดนิ้วดังขึ้นก่อนที่ไฟในห้องจะถูกปิดลงด้วยระบบอัจฉริยะตามแบบฉบับของประเทศญี่ปุ่น สายลมพัดผ้าม่านที่ถูกปิดไว้เมื่อตอนบ่ายปลิวไปตามแรงลม ภายในเห็นท้องฟ้ายามเย็นที่พระอาทิตย์โบกลาขอบฟ้าไปเรียบร้อย
     
     
     
     
                    เช้าวันสุดท้ายกับการพักอยู่ที่โอกินาว่า ซองมินตื่นนอนแต่เช้าขึ้นมาเก็บสัมภาระทั้งหมดเพื่อเดินทางกลับโตเกียวในเที่ยวบินรอบสิบโมงเช้านี่ ตอนนี้คยูฮยอนกำลังอาบน้ำอยู่ในห้องน้ำ ส่วนซองมินหลังจากเก็บกระเป๋าของตัวเองเสร็จก็หันมาเก็บให้กับคยูฮยอนต่อ
                    ซองมินสลัดกางเกงยีนสีดำตัวโปรดที่เจ้าตัวชอบใส่เบาๆเพื่อพับเก็บใส่ในกระเป๋า กระดาษสีเหลืองอ่อนที่โผล่ออกมาจากกระเป๋าหลังของกางเกงยีนตัวดังกล่าวซองมินจึงหยิบมันออกมาดูด้วยความสงสัย
                    “ข้อหนึ่ง ประดับใจแรกเมื่อได้พบเจอ เข้าไปกอดแน่นให้หายคิดถึง พร้อมกับหอมแก้มซักฟอดให้พอชื่นใจ ข้อสอง เอาใจแม่ยาย เมื่อไปถึงให้เข้าไปทักทาย ทำทุกอย่างที่พอจะช่วยบางเบาภาระจากคุณแม่ยายได้” อ่านได้เพียงสองข้อแรกเท่านั้นซองมินก็กลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่ อย่าบอกนะว่าที่ผ่านมาทั้งหมดคยูฮยอนทำตามสิ่งที่เขียนอยู่ในกระดาษแผ่นนี้น่ะ เพราะสองข้อแรกที่เขาอ่านมันนั้นมันถูกขีดฆ่าไปเรียบร้อยแล้ว
                    “ข้อสาม ออกเดทด้วยกัน ให้ตามใจเขาทุกอย่าง ข้อสี่ จองห้องพักให้จองเป็นเตียงคู่ (เผื่อเผด็จศึก) ข้อห้า ดินเนอร์ใต้แสงเทียน สร้างบรรยากาศโรแมนติก มีเพลงคลาสสิคบรรเลง” ต้องหยุดขำอีกซักรอบหลังจากอ่านจบ ออกเดทด้วยกันคยูฮยอนตามใจเขาข้อนี้ผ่าน จองห้องพักแบบเตียงคู่ อันนี้ที่นอนคู่ แต่ที่โมโหสุดคงเป็นในวงเล็บ ข้อนี้ไม่ผ่าน และข้อห้าดินเนอร์ใต้แสงเทียน แต่เป็นดินเนอร์ธรรมดาแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม ข้อนี้ก็ดูโอเค
                    “ข้อหก morning kiss ข้อหก...”
                    “อ่านไม่ได้นะครับพี่” แทบจะพุ่งเข้าไปกระชากสิ่งอยู่ในมือซองมินออกมาเมื่อว่าความลับของเขากำลังถูกอ่านอยู่ คยูฮยอนรีบพับกระดาษแผ่นนั้นเก็บไว้ในกระเป๋าแล้วเดินเลี่ยงไปเก็บของบนโต๊ะ
                    “ทั้งหมดที่อยู่ในนั้นนายเขียนเองเหรอคยูฮยอน”
                    ไม่มีคำตอบใดๆกลับมา ใครจะไปบอกความจริงกันว่า แค่ซองมินรู้ว่าเขามีกระดาษแบบนี้ก็หน้าอายจะแย่อยู่แล้ว และถ้าเกิดรู้ว่าซีวอนเป็นคนเขียนมันคงจะน่าอายกว่าเดิมเสียอีก
                    “เก็บกระเป๋าให้เรียบร้อยแล้วนะ” ซองมินเดินเข้าไปบอกใกล้ๆคยูฮยอน อยากจะแกล้งกลับคืนบ้าง เพราะเมื่อวานรู้สึกจะแกล้งเขาเอาไว้เยอะ คอยดูเขาจะเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้ทุกคนฟัง
                    คยูฮยอนหันมาตีหน้านิ่งใส่ซองมินที่โดนรู้ความลับ แต่คนที่กำลังอารมณ์ดีกลับยิ้มกว้างให้
                    “กลับบ้านกันเถอะ”
                    การเดทในโอกินาว่าสิ้นสุดลงแล้ว แต่ช่วงเวลาของการปิดเทอมยังคงอีกยาวไกล ความสุขยังคงรออยู่


    ------------------------------------------------

    kr...Talk
    อันยองค่ะ ไรเตอร์กลับมาแล้ว
    ต้องขออภัยอย่างสูงที่หายไปร่วมเดือนนะ
    ตอนนี้คือสเปตอนสุดท้ายที่จะลงและถือเป็นตอนจบของเรื่องนี้แล้วจริงๆ

    ขอโทษที่ทำให้เพื่อนๆผิดหวังเกี่ยวกับตอนนี้นะค่ะ
    ที่ชื่อตอนว่าเมคเลิฟ แต่ดันไม่เห็นจะมีเมคเลิฟหรือมีเอ็นซีตรงไหนเลย?
    เพราะความหมายของไรเตอร์ก็ตรงตัวค่ะ คือการสร้างสัมพันธ์รักกันของคยูและมิน
    แต่ไม่ใช่ทางกาย มันคือทางจิตใจต่างหาก

    และก็ขอโทษที่ทำให้เพื่อนเซ็ง ว่าทำไมถึงไม่มีเอ็นซีคยูมิน
    ทั้งที่คู่อื่นมีเกือบหมด ไม่มีข้อแก้ตัวในจุดนี้ค่ะ
    และไม่สามารถอธิบายเหตุผลให้รู้ได้ด้วยอ่ะ ขอโทษจริงๆ

    สุดท้ายนี้ก็ขอขอบคุณทุกคนมากนะค่ะที่ติดตามมาตลอด
    และอย่าลืมติดตามฟิคเรื่องอื่นของเราด้วยนะค่ะ

    ..............ขอบคุณจากใจค่ะ......................

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×