ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ] Furious for Love...แค้นนี้ เพื่อรัก [KyuMin]

    ลำดับตอนที่ #3 : Chapter2 : มิตรหรือศัตรู

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.18K
      2
      16 ต.ค. 52

     

     

    Chapter2 : มิตรหรือศัตรู
     
     
     
     
                    “พี่คิบอม!” เสียงเล็กๆที่ร้องเรียกเสียงดังทำให้เจ้าของชื่อยิ้มแฉ่งออกมาทันที ถึงแม้ของที่ถืออยู่ในมือจะหนักแค่ไหนก็ตาม
     
                    “หนูช่วยถือค่ะ” เด็กหญิงน่ารักคนหนึ่งวิ่งมาหาคิบอมแล้วแย่งถึงใบหนึ่งไปถือเอง ซึ่งคิบอมเองก็ไม่ได้ว่าอะไร กลับยิ้มกว้างออกมาอย่างมีความสุข
     
                    “แล้วเพื่อนล่ะครับ ซอฮยอน” คิบอมถามเด็กน้อยที่เดินอยู่เคียงข้างเขา พร้อมกับลูบผมนุ่มนั้นอย่างเอ็นดู
     
                    “อยู่ข้างในค่ะ วันนี้มีพี่ชายใจดีเหมือนพี่คิบอมมาด้วยค่ะ พี่เขาเอาขนมมาเลี้ยงเราเหมือนพี่เลย” เด็กน้อยซอฮยอนพูดอย่างอารมณ์ดี เพราะวันนี้มีพี่ๆใจดีเอาขนมมาเลี้ยงพวกเธอถึงสองคน แต่สำหรับคิบอมนั้นเป็นขาประจำ และเธอก็จะออกมารับคิบอมแบบนี้เป็นประจำเหมือนกัน
     
                    “เหรอครับ พี่ว่ารีบไปหาพาเพื่อนๆกันดีกว่า” คิบอมยิ้มรับกับคำพูดของเด็กน้อยซอฮยอนก่อนจะเดินเข้าไปด้านในพร้อมกัน
     
                    คิบอมเดินเข้ามาด้านในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ำพร้อมกับซอฮยอน สถานที่ที่เคยเป็นบ้านของคิบอมมาก่อนเพราะเขาโดนทิ้งตั้งแต่ยังเล็ก แม้แต่หน้าพ่อกับแม่แท้ๆยังไม่เคยเห็นเลยด้วยซ้ำ แต่เพราะมีคนใจบุญรับอุปการะเขาไปเลี้ยงดูตั้งแต่อายุสิบขวบเลยทำให้เขามีชีวิตที่ดีอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ แต่โชคร้ายกลับไม่หมดแค่นั้น พ่อแม่บุญธรรมของคิบอมประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตกทำให้เสียชีวิตตอนเขาอายุสิบห้าปี ถึงครอบครัวที่อุปการะเขาจะเป็นครอบครัวมีฐานะ และมีคนที่คอยดูแลอย่างดีตลอด แต่หลังจากนั้นมาคิบอมก็กลายเป็นเด็กเงียบขรึมเอาแต่เก็บตัวอยู่คนเดียว ไม่ค่อยสุงสิงกับคนอื่นมากนัก บุคคลที่คิบอมจะทำตัวสนิทด้วยมีเพียงซองมินเพื่อนสนิทของเขากับเด็กๆที่สถานรับเลี้ยงเด็กนี่เท่านั้น
     
                    “พี่คิบอมมาแล้วทุกคน!” ซอฮยอนตะโกนบอกเด็กคนอื่นๆเมื่อเธอกับคิบอมเดินเข้ามาด้านในเรียบร้อยแล้ว เมื่อเด็กๆคนอื่นๆได้ยินจึงรีบวิ่งมาหาคิบอมทันที
     
                    “ว่าไงครับ วันนี้มีพี่ใจดีมาเลี้ยงขนมด้วยเหรอครับ” คิบอมย่อตัวลงให้เท่ากับพวกเด็กๆก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
     
                    “นั่นไงฮะพี่ชายใจดี” เด็กชายคนหนึ่งที่วิ่งมาหาคิบอมชี้ไปที่ชายหนุ่มคนหนึ่งที่นั่งเล่นกับเด็กอยู่ รอยยิ้มที่สดใสของชายหนุ่มคนนั้นทำให้คิบอมอดยิ้มตามไปด้วยไม่ได้
     
                    “ดีแล้วไงครับ วันนี้จะได้มีขนมทานกันเยอะๆ” คิบอมขยี้ผมเด็กชายตัวน้อยเบาๆก่อนจะยืนขึ้น พอดีกับที่ชายหนุ่มหรือที่เด็กๆเรียกว่าพี่ชายใจดีหันมาแล้วยิ้มให้เขา
     
                    คิบอมค้อมหัวเล็กน้อยให้พี่ชายใจดีของเด็กๆก่อนจะยิ้มออกมา เช่นเดียวกันชายหนุ่มก็ก้มหัวให้คิบอมแล้วยิ้มสดใสตอบกลับมาพร้อมกับเดินเข้ามาหา
     
                    “มาเลี้ยงอาหารเด็กๆเหรอครับ” ชายหนุ่มเริ่มบทสนทนากับคิบอมด้วยท่าทางที่ดูเป็นมิตร ริมฝีปากที่เผยรอยยิ้มออกมาตลอดเวลามันดูน่ามองยิ่งนัก รอยยิ้มที่ไม่ว่าใครมองก็คงต้องหลงรัก
     
                    “ครับ ผมมาที่นี่บ่อยๆ” คิบอมตอบแล้วยิ้มน้อยๆ
     
                    “ผมชื่อลีทงแฮ” ชายหนุ่มแนะนำตัวแล้วยิ้มกว้าง
     
                    “ผมคิมคิบอมครับ”
     
                    “ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ คุณบอกว่ามาที่นี่บ่อยแต่ทำไมผมไม่ค่อยเห็นคุณเลยล่ะครับ เพราะช่วงนี้ผมก็มาที่นี่ค่อนข้างบ่อยเหมือนกัน” ทงแฮเริ่มชวนคุย ช่วงนี้เขามาที่นี่ค่อนข้างจะบ่อย เพราะมาที่นี่แล้วรู้สึกสบายใจแต่ก็ไม่เคยเห็นคิบอมมาก่อน
     
                    “ถ้าคุณหมายถึงช่วงนี้มันคงไม่ถึงเดือนหรอกใช่มั้ยล่ะครับ เพราะปกติผมจะหาเวลาว่างมาได้เดือนละครั้งเท่านั้น หรือไม่มากที่สุดก็สองครั้ง”
     
                    “ผมถึงว่าล่ะ ทำไมไม่เคยเห็น แต่ดูคุณจะสนิทกับเด็กๆมากเลยนะครับ” ทงแฮสังเกตคิบอมตั้งแต่ที่เดินเข้ามากับเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง และตอนที่เด็กๆวิ่งเข้าไปหา จากคำพูดและท่าทางแล้ว พวกเด็กๆกับคิบอมคงสนิทสนมกันมากและดูเหมือนเด็กๆจะรักคิบอมมากซะด้วย
     
                    “ครับ ก็ที่นี่เคยเป็นบ้านของผมนี่นา” พูดจบคิบอมก็หัวเราะออกมาน้อยๆ
     
                    “บ้านเหรอครับ” ทงแฮถามย้ำพร้อมกับทำหน้าสงสัย ถ้าคิบอมบอกว่าที่นี่เคยเป็นบ้าน ก็แสดงว่าคิบอมเคยอยู่ที่นี่น่ะสิ
     
                    “ครับ บ้าน ผมเคยอยู่ที่นี่มาก่อน แต่....” ตอบยังไม่ทันจบดีคิบอมก็เงียบไป แววตาที่เคยสุกใสกลับดูนิ่งสงบลง ฐานะเขาตอนนี้ไม่ใช่ผู้ชายธรรมดาทั่วไปที่ดำเนินชีวิตเป็นปกติไปวันๆ แต่ชีวิตของเขากำลังเดินเข้าสู่เส้นทางอันตราย ซึ่งการจะทำตัวสนิทสนมกับใครมากๆนั้นมันไม่ใช่เรื่องดีเลย
     
                    “อ๋อ ครับ ที่จริงคุณก็คล้ายๆผมเลยนะ” ทงแฮรอว่าคิบอมจะพูดอะไรต่อแต่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังเงียบ จึงพูดขึ้นซะเอง เพราะเรื่องบางอย่างคิบอมคงจะไม่อยากพูดกับคนที่เพิ่งรู้จักอย่างเขาก็เป็นได้
     
                    “คล้ายเหรอครับ” คำพูดของคิบอมดูน้อยคำลง สายตาคมนิ่งหันไปมองทงแฮมีความอยากรู้อยากเห็นอยู่ไม่น้อยทีเดียว เพราะคำว่าคล้ายที่ทงแฮพูดออกมา
     
                    ทงแฮยิ้มบางๆให้คิบอม ก่อนจะตอบคำถาม ท่าทางที่ดูจะเปลี่ยนไปของคิบอมทำให้ทงแฮแปลกใจอยู่เหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก
     
                    “ครับ ถ้าผมเข้าใจถูกนะ ผมเองก็เป็นเด็กกำพร้าเหมือนกัน และผมเองก็ชอบเอาขนมไปเลี้ยงเด็กกำพร้าในสถานรับเลี้ยงเด็กที่ต่างๆ เพราะสถานรับเลี้ยงเด็กก็เหมือนบ้านของผมเหมือนกัน” ทงแฮไม่ได้มองคู่สนทนาระหว่างพูด สายตาของเขาจ้องมองไปที่เด็กๆซึ่งกำลังนั่งกินขนมของเขาอย่างเอร็ดอร่อย เห็นภาพแบบนี้แล้วมันทำให้เขารู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก และก็รู้สึกอิจฉาไปด้วย เด็กๆพวกนี้โชคดีกว่าเขามากที่มีคนใจดีอย่างคิบอมเอาขนมมาเลี้ยงบ่อยๆ แต่สำหรับเขานั้นมันน้อยมากที่เขาจะได้กินขนมอร่อยๆแบบนี้
     
                    คิบอมไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก สายตาของเขาจับจ้องไปที่ใบหน้าของทงแฮยามพูด ใบหน้าที่ดูมีความสุขเสียเหลือเกิน และมันก็ทำให้เขารู้สึกมีความสุขไปด้วย มันเหมือนกับว่าเขาได้เจอเพื่อนที่ร่วมชะตากรรมเดียวกัน
     
                    ความเงียบเข้ามาปกคลุมได้ซักพักเสียงโทรศัพท์ของทงแฮก็ดังขึ้น เขาหยิบมันออกมาจากกระเป๋ากางเกงและกดรับทันที
     
                    “ว่าไงอึนฮยอก” คำทักทายคนในโทรศัพท์ของทงแฮทำให้คิบอมหันขวับไปมองแทบจะในทันที อึนฮยอกอย่างนั้นเหรอ
     
                    “ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละ.....ผมไปก่อนนะครับคิบอม” พูดเพียงสองสามประโยคก็ตัดสายทิ้งไป ก่อนจะหันมาลาคิบอมด้วยรอยยิ้ม
     
                    “ครับ” พยักหน้ารับน้อยๆ และเมื่อทงแฮเดินออกไปเรียบร้อยแล้วคิ้วเข้มก็ขมวดเข้าหากันเป็นปมทันที
     
                    “คงไม่ใช่หรอกมั้ง” พึมพำขึ้นกับตัวเบาๆ สายตามองตามแผ่นหลังคนที่เพิ่งเดินไปจนลับตาแล้วจึงหันกลับมา อึนฮยอกชื่อของบุคคลที่ทงแฮคุยด้วย ทำให้สมองเขาเริ่มกระบวนการคิดอีกครั้งเพียงเพราะแค่ได้ยินชื่อของคนที่เป็นศัตรู แต่คนชื่ออึนฮยอกคงจะไม่ได้มีคนเดียวในโลกนี้หรอกมั้ง คงจะไม่บังเอิญขนาดนั้น และมันคงไม่ใช่อึนฮยอกมือปืนของโจกรุ๊ปหรอกนะ
     
     
     
     
                    ร่างเล็กเดินทอดน่องอยู่ในซุปเปอร์มาร์เก็ตได้ซักพักใหญ่แล้ว การได้พักสายตาจากหน้าจอมอนิเตอร์ของเจ้าโน้ตบุ๊กเครื่องเก่งประจำตัวเป็นเรื่องที่ดีไม่น้อยเลยดีเดียว แอร์เย็นๆ กับการเดินเลือกซื้อขนมที่ชอบแบบไม่ต้องเร่งรีบทำให้เรียวอุกรู้สึกผ่อนคลายมากทีเดียว
     
                    ของกินมากมายถูกหยิบใส่ตะกร้าตามความพอใจของคนซื้อ ก่อนจะนำไปคิดเงินที่แคชเชียร์ เมื่อได้ของที่ต้องการครบแล้วคนตัวเล็กจึงเดินออกมาจากซุปเปอร์มาร์เก็ตเพื่อตรงกลับบ้านไปนั่งจมปลักอยู่ที่หน้าจอโน้ตบุ๊กเหมือนเดิม ให้ความรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเอลจากเรื่องเดทโน้ตยังไงชอบกล
     
                    “ซื้อของเยอะแยะเลยนะจ๊ะ ตัวเล็กแบบนี้จะถือไหวเหรอ” เดินมาได้ไม่เท่าไหร่ เสียงที่ไม่พึงประสงค์จะได้ยินก็ดังขึ้น พวกจิ๊กโก๋เร่ร่อนข้างทางที่ไม่มีอะไรทำ ได้แต่แกว่งปากหาส้นเท้าคนไปวันๆ เขาล่ะเบื่อจริงๆ
     
                    เรียวอุกทำเป็นไม่สนใจและเดินผ่านพวกมันไป ถัดไปอีกเพียงสามหลังเท่านั้นก็จะถึงบ้านของซองมินแล้ว ทนไว้เรียวอุก แต่ถ้าพวกมันยังปากหมามายุ่งวุ่นวายกับชีวิตเขาอีกคงได้มีเลือดตกยางออกแน่ๆ แต่จะเป็นเลือดใครนี่สิ
     
                    “แหมๆ ทำเป็นหยิ่ง แบบนี้แหละพี่ชอบ มาม๊ะพี่ช่วยถือ” จิ๊กโก๋อีกคนถือวิสาสะเดินเข้ามาจับมือเรียวอุก แต่คนตัวเล็กกลับสะบัดออกอย่างแรงพร้อมกับหันมาจ้องหน้าอย่างเอาเรื่อง
     
                    “ดุซะด้วยเว้ย! แตะนิดแตะหน่อยทำโมโห” จิ๊กโก๋คนเดิมยังคงพูดจายุอารมณ์โมโหของเรียวอุกให้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
     
                    ใจเย็น เป็นคำเดียวที่เรียวอุกท่องอยู่ในใจตอนนี้ ก่อนจะหันหลังให้พวกมัน แต่ยังไม่ทันได้ก้าวออกไปไหน มือสากก็คว้าหมับเข้าที่ไหล่เล็กพร้อมกับมือของอีกคนที่โอบรอบเอวเล็กโดยไม่รู้สึกกลัวหรือเกรงใจอะไรเลย แถมยังทำหน้าตากวนประสาทใส่คนตัวเล็กที่อารมณ์โกรธกำลังพุ่งพ่านอีกต่างหาก
     
                    พลั่ก!
     
                    ถุงพลาสติกที่บรรจุขนมไว้ฟาดเข้าเต็มหน้าของคนที่โอบรอบเอวเล็กอยู่อย่างแรงจนมันถอยเซออกไป ส่วนคนที่ยืนประกบอีกข้างโดนศอกแหลมๆแทงเข้าสีข้างเต็มๆ จนล้มลงไปนั่งกับพื้นด้วยความจุก
     
                    “ฤทธิ์มากจริงนะมึง!!” จิ๊กโก๋คนที่โดนฟาดถุงขนมใส่หน้าตะโกนออกมาอย่างเคียดแค้น พร้อมทำท่าจะตรงเข้ามาทำร้ายร่างกายเรียวอุกที่ตั้งท่ารออยู่แล้ว
     
                     “เข้ามาเลยมึง!” เสียงเล็กๆแหวดใส่อย่างไม่เกรงกลัว
     
                    “ปากดีนักนะมึง! ตัวแค่นี้!” จิ๊กโก๋คนที่โดนแทงศอกลุกขึ้นพุ่งตรงมาที่เรียวอุกพร้อมกับเพื่อนของมัน
     
                    หมัดเล็กแต่ทรงพลังลอยเข้าเต็มๆหน้าไอ้จิ๊กโก๋คนแรกเต็มๆ แต่มันก็ทำให้เรียวอุกรู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมาเล็กน้อย คนตัวเล็กสะบัดมือไปมาเพื่อระบายความเจ็บปวดแล้วจิ๊ปากอย่างขัดใจ ก่อนจะส่งลูกถีบเข้าเต็มๆท้องน้อยของจิ๊กโก๋อีกคนที่กำลังวิ่งเข้ามา
     
                    “พวกมึงนี่คนหรือหินว่ะ!” เล่นงานเสร็จก็ออกอาการบ่นทันที ทั้งหมัดทั้งลูกถีบไม่ได้ทำให้พวกมันรู้สึกรู้สาถึงความเจ็บปวดอะไรมากมายเลย ล้มไปไม่ถึงวินาทีก็ลุกขึ้นตั้งท่าจะพุ่งใส่เสียแล้ว แถมหนังหน้าพวกมันยังหนาแบบสุดๆ ทำเอามือเรียวอุกที่ต่อยพวกมันไปแดงเป็นแถบๆ
     
                    “ตัวเท่ามดแต่แรงเยอะเหลือเกินนะมึง! แบบนี้แหละกูชอบ!” จิ๊กโก๋ทั้งสองคนเดินเรียงหน้าเข้ามาหาเรียวอุก ความหื่นกระหายแสดงออกทางสีหน้าพวกมันอย่างชัดเจน จนคนตัวเล็กเริ่มรู้สึกผวาขึ้นมา
     
                    จิ๊กโก๋คนแรกพุ่งเข้าใส่เรียวอุกหวังเพื่อจะล็อกตัวเอาไว้ คนตัวเล็กเบี่ยงตัวหลบออกมาแต่แขนกลับโดนมือสากนั้นคว้าเอาไว้ได้ เรียวอุกสะบัดแขนอย่างแรงแต่กลับโดนบีบจนเริ่มรู้สึกเจ็บ ก่อนจะโดนกระชากจนเซถลาล้มลงกับพื้น
     
                    สายตาเรียวเล็กเริ่มสอดส่ายสายตาหาความช่วยเหลือ แต่โชคร้ายที่เวลาตอนนี้นั้นดึกมากแล้ว ผู้คนที่จะออกมาเดินในยามค่ำคืนแบบนี้นั้นก็แทบไม่มี
     
                    “ไงมึง! หมดฤทธิ์แล้วเหรอ!” ไอ้จิ๊กโก๋ถามด้วยสีหน้าที่กวนเบื้องล่างสุดๆ คนตัวเล็กดันตัวลุกขึ้นแต่กลับโดนพวกมันล้อมเอาไว้จนไม่รู้ว่าจะสู้ยังไงดี เวลานี้คงทำได้แค่หยุดปากดีไปก่อนเท่านั้น
     
                    ก่อนที่จะมีการปะทะเกิดขึ้นอีกครั้ง เรียวอุกก็เหลือบไปเห็นรถยนต์คันหนึ่งขับมาจอดที่ฝั่งตรงข้าม ริมฝีปากเผยรอยยิ้มกว้างออกมาทันเมื่อมองเห็นทางรอด แต่แล้วรอยยิ้มนั้นก็ต้องหุบลงเมื่อกระจกรถค่อยๆเลื่อนลงทำให้เห็นใบหน้าของเจ้าของรถได้อย่างชัดเจน
     
                    “เยซอง” เรียวอุกพึมพำออกมาเบาๆ แล้วเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะหันกลับมาประจันหน้ากับพวกจิ๊กโก๋เหมือนเดิม
     
                    “คืนนี้เสร็จแน่มึง! ตัวเล็กๆ แรงเยอะๆ แบบนี้แหละกูชอบ” ไอ้จิ๊กโก๋คนหนึ่งแลบลิ้นเลียริมฝีปากของตัวเอง ทำเอาเรียวอุกต้องเบ้ปากให้กับความอุบาทของมัน
     
                    เรียวอุกหันกลับไปมองที่รถยนต์คันนั้นอีกครั้ง ประตูรถถูกเปิดออกพร้อมกับร่างสูงของเจ้าของรถที่เดินตรงมาทางพวกเขา รอยยิ้มเหยียดปรากฏขึ้นบนใบหน้าของคนตัวเล็กทันทีที่เห็นเยซองเดินออกมาจากรถ
     
                    “แค่หมัดสองหมัดคงไม่เจ็บมากหรอกมั้ง” เรียวอุกพึมพำขึ้นกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะไปมองไปที่จิ๊กโก๋ทั้งสองคน เขาแค่คิดว่าถ้ายอมเจ็บตัวแล้วให้เยซองเข้ามาช่วย ทำออดอ้อนตีสนิท เยซองเป็นถึงคนคุมบ่อน บางทีเขาอาจจะได้ข้อมูลดีๆกลับไปก็เป็นได้
     
                    “แน่จริงมึงเข้ามาเลย!” เรียวอุกพูดออกมาเสียงไม่ดังนักพอให้ได้ยินแค่ตัวเองกับไอ้พวกจิ๊กโก๋พวกนี้
     
                    “ไม่ต้องท้าหรอกน้องสาว” จบคำพูดจิ๊กโก๋ทั้งสองคนก็ย่างสามขุมเข้าหาเรียวอุกทันที คนตัวเล็กหลับตาปี๋ยืนนิ่ง เพื่อรับชะตากรรมของตัวเอง
     
                    เสียงลมที่พัดผ่านหน้าไปทำเอาเรียวอุกใจหายไม่น้อยเลย แต่ก็แอบนึกขำอยู่ในใจว่าไอ้จิ๊กโก๋พวกนี้มันต่อยพาดหรือยังไงกัน ฝีมือห่วยแตกกันจริงๆ ดวงตาเรียวเล็กกระพริบช้าๆก่อนจะค่อยๆลืมขึ้นดูสถานการณ์ข้างหน้า ภาพที่เห็นคือไอ้จิ๊กโก๋สองคนโดนอัดจนสภาพยับเยินโดยพระเอกขี่ม้าขาวอย่างเยซอง แต่มันก็ดันมีแรงลุกขึ้นมาได้อีก
     
                    “อึดจริงเว้ย!” เรียวอุกอดไม่ได้ที่จะบ่นออกมา ก็ไอ้จิ๊กโก๋พวกนี้มันโดนไปตั้งหลายดอกยังมีแรงลุกขึ้นมาได้อีก
     
                     “ระวังครับ!!!” เสียงนุ่มทุ้มของเยซองตะโกนขึ้นเพื่อบอกคนที่มั่วแต่บ่นพึมพำอยู่ เพราะเขาดันโยนร่างไอ้จิ๊กโก๋ที่เพิ่งอัดเสร็จไปทางคนตัวเล็กนั่นโดยลืมไปว่าตรงนั้นมีคนยืนอยู่
     
                    ตุบ!
     
                    “โอ๊ย!!” เรียวอุกร้องออกมาเสียงดังเมื่อร่างถึกๆของไอ้จิ๊กโก๋ดันกระเด็นมาชนเขาเต็มๆ จนหงายหลังล้มลงเพราะไม่ทันได้ตั้งตัวก่อน คนตัวเล็กลูบสะโพกตัวเองไปมาด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นส่งสายตาค้อนๆไปให้เยซอง
     
                    “พวกมึงรีบไปก่อนที่กูจะโมโห!!” วัตถุสีดำถูกนำขึ้นมาใช้เมื่อคำพูดของเยซองจบลง ปากกระบอกปืนจ่อสลับไปมาที่จิ๊กโก๋ทั้งสองคน จนพวกมันต้องรีบวิ่งหนีไปด้วยความหวาดกลัว
     
                    “โอ๊ย!!” เสียงของเรียวอุกร้องขึ้นอีกรอบเมื่อไอ้จิ๊กโก๋คนที่เยซองเหวี่ยงมาชนเรียวอุกจนล้มลงมันกุลีกุจอรีบลุกขึ้นวิ่งหนีจนเหยียบเข้าที่ข้อเท้าของคนตัวเล็กเต็มๆ              
     
                    “เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” เมื่อพวกจิ๊กโก๋มันหนีไปหมดแล้วเยซองจึงรีบเข้ามาดูอาการผู้โชคร้ายทันที         
                    ไร้เสียงตอบรับใดๆกลับมา เรียวอุกนั่งก้มหน้าจับข้อเท้าไม่ยอมพูดจา เพราะไอ้จิ๊กโก๋มันดันเหยียบลงตรงข้อเต็มๆ ให้ความรู้สึกเหมือนกับข้อเท้ามันกำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
     
                    “เจ็บข้อเท้าเหรอ” เยซองเอ่ยถามอีกครั้งพร้อมกับเอื้อมมือไปจับข้อเท้าของเรียวอุกอย่างเบามือ
     
                    “อื้ม” เรียวอุกพยักหน้าเบาๆ มันเจ็บจนกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ น้ำใสๆเลยออกมาคลอที่ขอบตาอย่างช่วยไม่ได้
     
                    “เจ็บมากเลยเหรอ” เมื่อเห็นอีกคนร้องไห้เยซองก็เริ่มทำอะไรไม่ถูกเขาไม่เคยต้องมาเจอสถานการณ์แบบนี้ซะด้วยสิ ปกติจัดการเสร็จแล้วก็จากไปไม่ต้องมาสนใจคนเจ็บ แต่คราวนี้คนที่ไม่ต้องการให้เจ็บดันมาเจ็บตัวซะอย่างนั้น
     
                    “ลุกไหวมั้ย” เยซองพยุงเรียวอุกให้ลุกขึ้นแต่คนตัวเล็กกลับล้มลงไปอีกรอบ
     
                    “เจ็บ” คำเดียวที่ออกมาจากริมฝีปากของคนตัวเล็ก น้ำตาที่คลออยู่ที่ขอบตาไหลลงมาอาบแก้มใสอย่างไม่ขาดสาย
     
                    “งั้นทนหน่อยนะ” เยซองช้อนตัวเรียวอุกขึ้นอุ้มแล้วเดินตรงไปที่รถ วางคนตัวเล็กที่เบาะหลังก่อนจะขับรถมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ที่สุด
     
     
     
     
                    ทงแฮที่โดนเพื่อนรักโทรตามเมื่อมาถึงก็รีบเข้าไปหาอึนฮยอกที่รออยู่ในห้องพัก สีหน้าของเพื่อนรักนั้นดูเครียดไม่น้อยเลย
     
                    “มีเรื่องอะไรงั้นเหรอ” ทงแฮหย่อนตัวลงนั่งข้างอึนฮยอก ชะโงกหน้าไปมองหน้าจอโน๊ตบุ๊กที่อึนฮยอกเปิดรูปอะไรซักอย่างไว้ แล้วคิ้วสวยก็ขมวดเข้าหากันทันที
     
                    “วันนี้คนของเราโดนฆ่า แต่ไม่มีเบาะแสของคนที่ลงมือเลยนอกจากไอ้นี่ นายพอจะเคยเห็นมันบ้างมั้ย” อึนฮยอกเปิดรูปเหรีญเงินที่สลักรูปตัว L ไว้ให้ทงแฮดู เขาถ่ายมันมาจากเหรียญจริงที่อยู่กับอีทึก แต่ลองค้นในอินเตอร์เน็ตเท่าไหร่ก็ไม่มีข้อมูลของสิ่งนี้เลย
     
                    “โดนฆ่าเหรอ” ทงแฮพึมพำออกมาเบาๆ มันนานมากแล้วที่ไม่มีเรื่องฆ่าแกงกันเกิดขึ้น แต่แล้วสิ่งที่เขาเกลียดมันก็กลับมาอีกครั้ง
     
                    “ช่วงนี้นายก็ระวังตัวไว้ด้วยล่ะ ปืนน่ะพกติดตัวเอาไว้ตลอด พรุ่งนี้นายก็เข้าไปที่บ่อนด้วย ดูแลคุณคยูฮยอนให้ดี คืนนี้ฉันจะออกไปข้างนอก อาจจะกลับช้าหน่อย” พูดจบก็ลุกขึ้นเดินไปหยิบเสื้อนอกมาใส่พร้อมกับหยิบปืนพกประจำตัวไปด้วย
     
                    “แล้วนายจะไปไหน” ทงแฮมองตามอึนฮยอกที่กำลังเดินไปที่ประตู ถ้าเขาเดาไม่ผิดคงต้องเป็นเรื่องของนายตำรวจคนนั้นแน่ๆ
     
                    “ไปดักยิงคน” จบคำพูดอึนฮยอกก็เดินออกไปจากห้องพักทันที ทงแฮได้แต่มองตามหลังเพื่อนรักตัวเองไปเท่านั้น ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่อึนฮยอกจะยอมวางมือจากเรื่องนี้ซักที เพราะมันก็ผ่านมาหลายปีแล้ว
     
                    ทงแฮถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อนึกถึงเรื่องราวต่างๆที่ไม่ว่าจะเกิดขึ้นแล้วหรือกำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่นานนี้ก็ตาม สายตาที่ดูเหนื่อยล้าหันกลับไปจ้องมองที่หน้าจอโน้ตบุ๊กของอึนฮยอกที่เปิดค้างไว้ ก่อนจะกดดูภาพต่างๆในโฟลเดอร์  แล้วก็ต้องถอนหายใจออกมาอีกรอบ เมื่อเห็นสภาพศพของลูกน้องในบ่อนที่ถูกฆ่าตาย
     
    ทงแฮปิดโน้ตบุ๊กทันที ก่อนจะเอนหลังพิงโซฟาแล้วหลับตาลง ไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง แต่ในเมื่อเขาเลือกเดินทางสายนี้แล้ว ก็คงเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้
     
     
     
    ปากกระบอกปืนสีดำขลับถูกเล็งไปที่เป้าหมายแต่แล้วมือปืนสังหารก็ต้องลดมันลง ได้แต่ยืนมองบุคคลดังกล่าวหัวเราะร่าเริงอยู่กับลูกน้องคู่ใจ
     
    อึนฮยอกเก็บปืนไว้ที่เดิมของมัน สายตาที่แสนเรียบเฉยและเย็นชาจับจ้องไปที่นายตำรวจที่มีตำแหน่งเป็นถึงผู้กำกับการกองปราบด้วยความเครียดแค้น แต่เขาก็ทำได้แค่มองดูเท่านั้น
     
    “เมื่อไหร่ฉันถึงจะฆ่าแกได้ซักทีนะฮันคยอง” ประโยคนี้เป็นประโยคที่อึนฮยอกมักจะพูดตลอดเวลาที่เจอฮันคยอง นายตำรวจที่เป็นคนวิสามันพ่อของเขาให้ตายต่อหน้าต่อตา แต่เพราะเขาทำงานในด้านนี้ พัวพันเกี่ยวกับเรื่องผิดกฎหมายมากมาย และแน่นอนว่าหากเขาฆ่าฮันคยอง ทางตำรวจก็คงจะสืบสาวไปถึงโจกรุ๊ปได้ไม่ยากนัก เพราะที่ผ่านมีคดีความมากมายที่เกี่ยวพันกับโจกรุ๊ป และเป็นเป้าหมายหลักของทางตำรวจ อีทึกมักจะเป็นคนเตือนเขาเสมอเกี่ยวกับเรื่องนี้
     
    ‘ถ้าไม่อยากให้คยูฮยอนกับครอบครัว รวมไปถึงธุรกิจในเครือโจกรุ๊ปทั้งหมดต้องเดือดร้อน ความแค้นของนายน่ะ ลืมมันซะ!’
     
    เพราะตระกูลโจเป็นผู้ที่เลี้ยงดู ให้ที่พักพิง ให้การศึกษา ทั้งอึนฮยอกและพ่อของเขา เพราะฉะนั้นการเสียสละของพ่ออึนฮยอกเพื่อปกป้องตระกูลโจไว้ย่อมเป็นความภาคภูมิของพ่อ แต่ในความรู้สึกของลูกชายอย่างเขา การที่เห็นพ่อตัวเองโดนยิงตายต่อหน้าต่อตาเป็นเรื่องที่ยากจะลืมเลือนจริงๆ
     
    แต่แล้วในที่สุดเขาก็ต้องปล่อยให้คนที่ยิงของพ่อได้หายใจอยู่ร่วมโลกกันต่อไป ความแค้นที่ยากจะลืมเลือนกับบุญคุณที่ทดแทนยังไงก็ไม่มีวันหมด มันยากที่จะเลือกเดินทางใดทางหนึ่งจริงๆ
     
     
     
                    “ไปนานเกินไปแล้วนะ ทำไมยังไม่กลับมาอีก” หลายต่อหลายรอบแล้วที่ซองมินพูดประโยคนี้ออกมา พลางชะโงกหน้าไปที่ประตูรั่วเพื่องมองหาเรียวอุกที่บอกว่าจะออกไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตได้ซักพักใหญ่ๆแล้ว แต่ก็ไม่เห็นมีวี่แววว่าจะกลับมาซักที แถมโทรศัพท์มือถือก็ไม่ได้เอาไป
     
                    ซองมินตัดสินใจจะออกไปดูเรียวอุกที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตเพราะระยะทางจากบ้านไปไม่ได้ไกลมากนัก แต่เมื่อก้าวพ้นประตูรั่วออกมารถยนต์สีดำที่ไม่คุ้นตาก็เข้ามาจอดเทียบพอดี
     
                    คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเล็กน้อย แขนทั้งสองข้างถูกยกขึ้นมากอดอกไว้ สายตาจับจ้องไปยังรถยนต์สีดำกับบุคคลแปลกหน้าที่กำลังจะก้าวลงมาจากรถ
     
                    “ขอโทษนะครับ ที่นี่บ้านครอบครัวลีใช่มั้ยครับ”


                                                                      -----------------------------------------------------------

    kr...Talk
    สวัสดีจ้าเพื่อน กลับมาแล้วนะ
    หลังจากห่างหายไปนานพอควร
    เรื่องนี้เปิดฉากด้วยเอ็นซีคงจะถูกใจหลายๆคน
    แต่เค้าคิดว่าอยากให้เพื่อนติดตามเรื่องนี้ต่อไปด้วยนะ
    เพราะตอนหลังจะเริ่มเข้มข้นขึ้นมากค่ะ
    อาจจะเกิดการเปลี่ยนของเคะกับเมะของเราก็ได้
    555 ไปก่อนนะค่ะ ขอรับประกันว่าเราจะขยันอัพขึ้นนะ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×