ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ] Furious for Love...แค้นนี้ เพื่อรัก [KyuMin]

    ลำดับตอนที่ #10 : Chapter9 : ความคืบหน้าของคดี_100%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2K
      2
      6 พ.ค. 53


    Chapter 9
     :  ความคืบหน้าของคดี
     
     
     
     
     
                    “ชินดง จอดรถก่อน
     
                    เบรกถูกเหยียบทันทีเมื่อได้ยินเสียงของเพื่อนรักดังขึ้น ชินดงหันไปมองฮันคยองที่ทำท่าชะเง้อมองหาอะไรซักอย่างอยู่บริเวณหน้าซุปเปอร์มาร์เกต ก่อนจะเลี้ยวรถตามทางที่ฮันคยองชี้ไป
     
                    รอแปบนะ เดี๋ยวฉันไปซื้อของก่อน พูดจบฮันคยองก็เปิดประตูเดินลงจากรถ เดินตรงเข้าไปยังซุปเปอร์มาร์เกตทันที
     
                    สายตาคมของนายตำรวจหนุ่มสอดส่องไปมาเพื่อหาใครบางคนที่เขาเห็นว่าเดินเข้ามาในนี้ได้ซักพักหนึ่ง ฮันคยองเดินดูไปตามล็อกต่างๆ และริมฝีปากหยักก็ยกยิ้มขึ้นทันทีเมื่อเจอบุคคลที่ต้องการ ก่อนจะเดินเข้าไปหาด้วยท่าทางที่สบายๆ
     
                    ไม่น่าเชื่อว่ามือปืนเลือดเย็นแห่งโจกรุ๊ปจะเท้าเหม็นนะเนี่ย ฮันคยองเดินเข้าไปหาอึนฮยอกที่กำลังยืนเลือกของอยู่ ส่วนตัวเองก็ทำทีเข้ามาซื้อของ มือก็หยิบน้ำหอมที่วางอยู่ที่ชั้นตรงหน้าขึ้นมาดู ปากดูพูดไปทั้งที่ไม่ได้มองคู่สนทนาเลยแม้แต่น้อย
     
                    อึนฮยอกหันขวับไปมองคนที่ยืนอยู่ข้างๆตาขวาง มืออีกข้างที่ว่างจากการถือตะกร้าวางที่ดับกลิ่นเท้าลงบนชั้นที่เดิมของมันและทำท่าจะชักปืนออกมา แต่ก็โดนฮันคยองขัดขึ้นซะก่อน
     
                    ที่นี่มันที่สาธารณะนะครับ เอาปืนออกมาเล่นแบบนี้มันไม่ดี เดี๋ยวคนเค้าจะแตกตื่นกันหมด ยกนิ้วชี้ขึ้นส่ายไปมาพลางทำหน้าทำตากวนประสาท น้ำเสียงที่พูดออกมาก็ฟังดูยียวนสิ้นดี
     
    ฮันคยองกระตุกยิ้มทันทีเมื่อเห็นอึนฮยอกละมือออกจากกระบอกปืนที่ถูกเหน็บอยู่ที่กางเกงด้วยท่าทางที่ดูหงุดหงิด จากประสบการณ์ครั้งที่แล้วที่ฮันคยองโดนเอาปืนจ่อหัว ทำให้เขากลับไปสืบประวัติของคนๆนี้มา และก็ได้รู้ว่าเป็นมือปืนฝีมือดีของโจกรุ๊ป แต่เขาเองก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมเวลาเจอกันอึนฮยอกถึงได้ตั้งท่าจะยิงเขาตลอด
     
    เมื่อทำอะไรไม่ได้อึนฮยอกเลยเลือกที่จะเดินหนีแทน ทำไมวันนี้เขาได้ดวงซวยขนาดนี้ กลับมาจากการทำงานเครียดๆ แล้วต้องมาเจอคนที่เกลียดแสนเกลียดอีกและที่สำคัญคือเขาทำอะไรฮันคยองไม่ได้เลย ทั้งที่อยากจะฆ่าให้ตายไปซะ
     
     อึนฮยอก คำเดียวเท่านั้นที่ฮันคยองพูดออกมาทำให้อึนฮยอกหยุดเดินหนีได้ในทันที สายตาเย็นชานั่นหันกลับมามองเขาตาขวาง อย่างกับว่าเครียดแค้นเขาหนักหนา
     
    ฉันขอถามอะไรนายอย่างสิ ท่านประธานโจฮยอนจินของนายมีเพื่อนชื่อลีซองวอนหรือเปล่า ฮันคยองปรับน้ำเสียงให้ฟังดูจริงจังขึ้น ที่ผ่านมาเขาทำการสืบอย่างหนักเกี่ยวกับคดีนี้จนได้รู้อะไรหลายๆอย่าง และผู้ที่เขาสงสัยที่สุดก็คือโจฮยอนจินเพื่อนสนิทของลีซองวอน อดีตมือปืนอันดับหนึ่งของแก๊งอาริ แต่ที่เขาถามออกไปแบบนี้เขาแค่อยากรู้ว่าลูกน้องระดับแนวหน้าอย่างอึนฮยอกจะรู้เรื่องราวของเจ้านายหรือไม่ และแน่นอนว่าอึนฮยอกคงจะไม่ปริปากบอกเขาง่ายๆแน่
     
    ฉันไม่รู้ ตอบเสร็จอึนฮยออกก็เดินหนีอีกครั้ง โดยมีฮันคยองเดินตามอีกเช่นเคยแต่ถึงเขาจะรู้เรื่องที่ฮันคยองถามจริงๆคิดหรือว่าเขาจะบอก เขาก็เป็นผู้ร้ายคนหนึ่ง แล้วผู้ร้ายจะบอกความลับกับตำรวจได้อย่างไร
     
    เป็นลูกน้องแล้วทำไมไม่รู้เรื่องของเจ้านาย จากน้ำเสียงที่จริงจังเริ่มกลับมาฟังดูขี้เล่นอีกครั้ง ซึ่งแน่นอนว่าเขาไม่ได้หวังจะได้คำตอบพวกนี้อยู่แล้ว
     
    ก็เพราะมันเรื่องของเจ้านาย อึนฮยอกหันกลับมามองตาขวางอีกครั้ง ตอบน้ำเสียงเรียบ ก่อนจะเดินดูของที่ต้องการซื้อไปเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าฮันคยองจะมาเอาอะไรกับเขาหนักหนา ยิ่งเห็นหน้าตากวนประสาทนั่นมันยิ่งทำให้เขารู้สึกเกลียดขี้หน้าคนๆนี้เข้าไปใหญ่
     
    แล้วทำไมวันนั้นนายถึงจะยิงฉันล่ะ คำถามนี้ทำให้อึนฮยอกหยุดเดินทันทีด้วยท่าทางที่บ่งบอกว่ารำคาญฮันคยองเต็มทน
     
    อึนฮยอกได้แต่กัดฟันข่มอารมณ์เอาไว้ ตอนนี้เขาก็ทำได้แค่ส่งสายตาอาฆาตแค้นไปให้เท่านั้น แต่ที่เขาหยุดเดินไม่ใช่เพราะว่าสะดุดกับคำถามของฮันคยอง เพียงแต่ว่าเขาเดินหนีจนมามันถึงแคชเชียร์แล้วเท่านั้น
     
    ตะกร้าของถูกยกขึ้นไปวางบนแคชเชียร์เพื่อคิดเงิน อึนฮยอกหยิบของที่อยู่ตะกร้าออกมาวางจนหมด โดยที่ไม่คิดที่จะตอบคำถามของฮันคยองเมื่อกี้นี้ เหตุผลที่เขาจะยิงก็เพราะอยากฆ่าให้ตายยังไงล่ะ
     
    หืม?” อึนฮยอกขมวดคิ้วมุ่นเมื่อหยิบของทั้งหมดมาวางไว้บนแคชเชียร์เรียบร้อยแล้ว เพราะของมันมีเยอะเกินปกติ และของบางส่วนเขาไม่ได้หยิบมันมาด้วย
     
    อึนฮยอกหันไปมองฮันคยองและก็ได้รอยยิ้มกว้างที่ดูทะเล้นตอบกลับมา มือปืนแห่งโจกรุ๊ปจึงกระตุกยิ้มที่มุมปากเบาๆ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าของที่เหลือเป็นของใคร
     
    คนอย่างนายยิ้มเป็นด้วยเหรอเนี่ย สีหน้าที่ดูโอเวอร์เหมือนไม่เชื่อในสิ่งที่เห็นนั่นมันดูกวนประสาทสิ้นดี ฮันคยองยิ้มกลับไปให้อึนฮยอกอีกครั้ง ถ้าเกิดอึนฮยอกลองยิ้มดีๆซักครั้งเขาคิดว่ามันคงจะดูดีไม่น้อยเลยทีเดียว
     
    อึนฮยอกทำหน้าเย็นชาไร้อารมณ์ก่อนจะดันของของฮันคยองออกไปอีกทางเพื่อให้พนักงานคิดเฉพาะของของตัวเอง
     
    คิดรวมเลยครับ ฮันคยองดันของของตัวเองกลับไปรวมกับของของอึนฮยอก ก่อนจะยิ้มให้พนักงานคิดเงิน
     
    เจอพฤติกรรมแบบนี้อึนฮยอกเลยต้องหันกลับไปมองตาขวางใส่ฮันคยองอีกซักรอบ เจอคนที่เกลียดมาทำตัวกวนประสาทใส่แบบนี้ เขาควรจะทำยังไงกับหมอนี่ดี
     
    ออกให้ก่อนนะ เดี๋ยวคืนให้แน่นอน อีกหน่อยเราคงได้เจอกันบ่อยๆ ไม่ต้องห่วง พูดจบก็ยิ้มแฉ่ง ไม่ได้รู้เลยว่าคนที่คุยด้วยนั้นอยากจะสนทนาด้วยหรือยุ่งเกี่ยวด้วยหรือเปล่า
     
    อึนฮยอกยืนนิ่งกำหมัดแน่นพยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองเต็มที่ ถ้าเกิดเขาต้องทนอยู่ในสถานการณ์แบบนี้นานๆ มีหวังนายตำรวจหนุ่มที่ยืนทำหน้าตาทะเล้นอยู่ข้างๆเขาคนนี้ได้เป็นผีเฝ้าซุปเปอร์มาร์เกตนี้แน่
     
    ฮัน! ซื้อเสร็จยังวะ!” เวลาที่รอคอยมันนานเกินจนชินดงทนไม่ไหวต้องเข้ามาตามว่าเพื่อนรักมันเข้าไปทำอะไรในซุปเปอร์มาร์เกตนานสองนานไม่ยอมออกมาซักที
     
    เออ! กำลังจ่ายเงินอยู่....ชินดง ฉันขอยืมเงินก่อน ลืมเอากระเป๋าสตางค์มา หันไปบอกเพื่อนรักแบบส่งไป แต่เมื่อหันกลับมาเจอสายตาของอึนฮยอกเลยต้องหันไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนรักแทน ขืนเล่นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ อึนฮยอกเกิดทนไม่ไหวขึ้นมาคงชักปืนมายิงเขาตายคาร้านแน่ๆ
     
    และแล้วการจับจ่ายซื้อของที่แสนจะทรมานในซุปเปอร์มาร์เกตของอึนฮยอกก็จบลงหลังจากที่พนักงานคิดเงินเขาเสร็จเรียบร้อยแล้ว อึนฮยอกหยิบของของตัวเองเดินออกจากร้านไปโดยไม่คิดจะหันกลับมามองฮันคยองเลยแม้แต่น้อย แต่คนกวนประสาทก็ไม่วายส่งเสียงลาให้มันรู้สึกโมโหเล่นๆ
     
    แล้วเจอกันอีกนะครับ มือปืนตีนเหม็น ทำท่าตะเบ๊ะให้คนที่เดินดุ่มๆออกจากร้านไปแล้วก็ยิ้มชอบใจอยู่คนเดียว
     
    รู้แล้วว่าเข้ามาทำไม ชินดงมองตามอึนฮยอกจนเจ้าตัวขับรถออกไปแล้วจึงหันกลับมามองฮันคยองที่เอาแต่ยืนยิ้ม ที่แท้ก็ตามมือปืนเลือดเย็นแห่งโจกรุ๊ปที่วันนั้นโดนเอาปืนจ่อหัวเข้ามานี่เอง สงสัยจะติดใจเข้าแล้วล่ะมั้ง
     
    พูดมาก จ่ายเงินเลยเร็วๆ พออึนฮยอกพ้นสายตาไปแล้วฮันคยองเลยหันมาเร่งเพื่อนรักแทน พลางทำท่าชี้ไม้ชี้มือที่ของของตัวเองที่หยิบมั่วๆใส่ตะกร้าของอึนฮยอกมา
     
    ทำมาเป็นสั่ง ใครกันแน่วะที่ให้เสียเวลาเนี่ย ปากบ่นไปแต่ชินดงก็หยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาจ่ายเงิน จากนั้นทั้งสองจึงออกมาจากซุปเปอร์มาร์เกต เพื่อตรงไปยังจุดหมายที่ตั้งใจจะไปตั้งแต่แรก
     
    รถยนต์ของนายตำรวจหนุ่มทั้งสองจอดสนิทที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง ฮันคยองชะเง้อมองเข้าไปภายในบ้านเพื่อดูว่าในบ้านนั้นไฟยังเปิดอยู่ เวลาก็ล่วงเลยมากว่าสองทุ่มแล้ว มาบ้านประชาชนดึกๆดื่นๆแบบนี้เขาก็รู้สึกเกรงใจอยู่เหมือนกัน
     
    ฮันคยองเดินลงไปกดกริ๊ง ไม่นานก็มีคนเดินออกมาจากบ้าน ด้วยท่าทางที่ดูจะหงุดหงิดเล็กน้อย
     
    ผมฮันคยองจากกองปราบปราม ตอนนี้ผมกำลังสืบคดีของลีซองวอนอยู่ ฮันคยองชูบัตรประจำตัวให้กับเจ้าของบ้านดู
     
    ฮีชอลยืนกอดอกมองนายตำรวจผู้มาเยือนยามดึกดื่นด้วยสายตาเรียบเฉย โดยยังไม่มีทีท่าว่าจะเปิดประตูให้ฮันคยองกับชินดงเข้าไปภายในบ้าน ตอนนี้พวกตำรวจคงสืบเรื่องคืบหน้าแล้วสินะ ถึงได้มาหาพวกเขาแบบนี้
     
    กรุณาให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยนะครับ เมื่อเห็นว่าเจ้าของบ้านยังคงนิ่งฮันคยองเลยต้องยกตำแหน่งหน้าที่มาอ้าง ก็แน่ล่ะ ครอบครัวก็เป็นผู้เสียหายเพราะคนในครอบครัวโดนตำรวจวิสามัน ที่สำคัญคนที่วิสามันเป็นพ่อของเขาเองซะด้วย เรื่องจะมีอคติที่ไม่ดีกับตำรวจย่อมมีแน่นอนอยู่แล้ว โดยเฉพาะเขา
     
    ฮีชอลไม่ได้ตอบอะไร แต่เดินไปเปิดประตูให้นายตำรวจทั้งสองก่อนจะเดินเข้าบ้านไป ฮันคยองมองแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้า เพราะขืนเป็นแบบนี้เขาคงจะได้รู้ไม่มากอย่างแน่นอน ก่อนจะเดินไปขึ้นรถ และขับเข้ามาภายในบ้าน
     
    โซฟาภายในห้องรับแขกถูกจับจ้องด้วยคนสี่คน นายตำรวจผู้เป็นแขกทั้งสองนั่งตรงข้ามกับเจ้าของบ้าน และเมื่อน้ำเปล่าสองแก้วถูกนำมาเสิร์ฟการสนทนก็เริ่มขึ้น
     
    คุณบอกว่ากำลังสืบคดีของลีซองวอน แต่เรื่องมันก็ผ่านมาตั้งหลายปีแล้ว พวกตำรวจเพิ่งจะมาเอาจริงเอาจังกันตอนนี้หรือไง ขาข้างหนึ่งถูกยกขึ้นมาไขว้ห้าง ฮีชอลพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยจะชอบใจเท่าไหร่นัก ถ้าเกิดวันนี้ลีฮโยริแม่ของซองมินอยู่ล่ะก็ นายตำรวจสองคนนี้ไม่ได้เข้ามาลอยหน้าลอยตาในบ้านหลังนี้แน่
     
    ที่จริงผมเพิ่งได้รับผิดชอบคดีนี้แค่ปีเดียวเองครับ และคดีจะต้องถูกปิดภายในสามเดือนที่จะถึงนี้ และตอนนี้คดีก็คืบหน้าไปมากพอสมควรแล้ว ที่ผมมาวันนี้เพราะอยากจะถามอะไรเกี่ยวกับคดีลีซองวอนเป็นเพื่อนสนิทกับโจฮยอนจินตอนที่ยังอยู่ในแก๊งอาริด้วยกันใช่มั้ยครับ ฮันคยองหยุดเพื่อรอฟังคำตอบแต่ฮีชอลกลับเงียบไม่ยอมปริปากพูดอะไรออกมาเลยแม้แต่น้อย เขาจึงถามต่อ
     
    ที่จริงผมอยากรู้ว่าโจฮยอนจินคือผู้ร้ายอีกคนหรือเปล่า เป็นคนที่ร่วมมือกันฆ่าผู้กำกับปาร์คเมื่อห้าปีที่แล้ว
     
    ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัว ส่วนพวกคุณก็กลับไปได้แล้ว เรียวอุกส่งแขกด้วย ตอบคำถามเสร็จฮีชอลก็ลุกขึ้นเดินตรงไปที่บันไดพร้อมกับสั่งการทุกอย่างไว้เรียบร้อย ก่อนจะเดินขึ้นไปชั้นบน
     
    อีกสามเดือนจะรอดมั้ยล่ะเนี่ย ฮันคยองออกปากบ่นขณะที่ลุกขึ้นก่อนจะเดินนำไปที่รถ
     
    ขอบคุณมากนะครับและก็ขอโทษด้วยที่มารบกวนดึกๆแบบนี้ ชินดงโค้งให้เรียวอุกเล็กน้อย ก่อนจะเดินตามฮันคยองออกไป ถึงวันนี้พวกเขาจะไม่ได้อะไรกลับไป แต่อย่างน้อยก็ควรขอบคุณเขาซักนิด ที่อย่างน้อยก็ให้เขาได้เข้าไปนั่งคุยในบ้าน
     
    ครับ เรียวอุกโค้งรับ และเดินตามไปส่งนายตำรวจทั้งสองที่รถ ความจริงแล้วเองก็อยากจะบอกความจริงกับตำรวจแต่ครอบครัวลีนั้นไม่อยากให้ตำรวจเข้ามายุ่ง ทั้งที่พวกเขาเองก็รู้เรื่องราวทั้งหมดแล้วว่ามันเป็นมายังไง
     
    เดี๋ยวก่อนครับ ก่อนที่ชินดงจะได้ก้าวขึ้นรถเรียวอุกก็ร้องเรียกเอาไว้ซะก่อน
     
    มีอะไรเหรอครับ ชินดงถาม
     
    เรื่องของโจฮยอนจินน่ะ เรียวอุกพูดเกริ่นออกไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ฮันคยองที่เข้าไปนั่งในรถเรียบร้อยแล้วก็เปิดประตูรถเดินลงมาหาทันที
     
    ทำไมเหรอครับ ชินดงถามย้ำอีกครั้ง เพราะเรียวอุกดูมีท่าทางลังเลที่จะบอกเขา
     
    ที่จริงแล้วคนที่ยิงผู้กำกับปาร์คก็คือโจฮยอนจินประธานโจกรุ๊ปนั่นแหละครับ เขาก็คือผู้ร้ายอีกคนที่หนีรอดไป เรียวอุกเล่าออกมาอย่างช้าๆ และคอยระแวงเสมอว่าฮีชอลจะออกมาเห็นเข้าหรือเปล่า ที่เขาทำแบบนี้ก็เพราะอยากจะช่วยครอบครัวลี ไม่ได้คิดจะหักหลังแต่อย่างไร เขาไม่อยากให้ซองมินต้องฆ่าคนไปเรื่อยๆแบบนี้
     
    เป็นฮยอนจินจริงๆด้วยสินะ ฮันคยองพึมพำขึ้นเบาๆ เมื่อเขาเดาตัวผู้ร้ายถูกเพียงแต่ไม่มีหลักฐานก็เท่านั้น
     
    ผมจะบอกพวกคุณเท่านี้แหละครับ ส่วนหลักฐานนั่นพวกคุณไปหาเอาเองก็แล้วกัน ขอตัวนะครับ พูดจบเรียวอุกก็ค้อมหัวให้เล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าบ้านไป ทิ้งให้สองตำรวจหนุ่มยืนคิดหนัก
     
    เอาไงต่อดี ฮันคยองถาม
     
    ฉันว่าเด็กคนนั้นต้องรู้อะไรมากกว่านี้แน่ๆ ส่วนเรื่องหลักฐาน ยากว่ะ!” ชินดงส่ายหน้าไปมาเหมือนหมดสินหนทาง ก็ที่คดีมันยืดเยื้อขนาดนี้เพราะหาหลักฐานมัดตัวคนผิดไม่ได้น่ะสิ
     
    เอาน่า ทุกปัญหาย่อมมีทางแก้ เพราะถ้ามันไม่มีทางแก้มันก็ไม่ใช่ปัญหา ฉันว่าคืนเรากลับไปพักผ่อนก่อนดีกว่า จากนี้ไปคงต้องจับตาดูโจฮยอนจินอย่างหนักซะแล้ว เดินเข้าไปกอดเพื่อนรักก่อนจะตบบ่าสองสามทีเป็นการให้กำลังใจ จากนั้นจึงเดินขึ้นรถไป
     
    ในเมื่อยังหาทางแก้ของปัญหาไม่ได้ตอนนี้คงต้องพยายามกันต่อไปเรื่อยๆ ชินดงเดินเข้าไปประจำที่นั่งคนขับก่อนจะขับรถออกจากบ้านครบครัวลีมุ่งหน้ากลับที่พัก พรุ่งนี้จะเป็นยังไงก็ต้องคงรอดูกันต่อไป


                                                                           ------------------------60%--------------------------

    “พี่อีทึกครับ” ความเงียบที่ปกคลุมอยู่นานหายไปในทันทีเมื่อเยซองก้าวเข้ามาในห้อง อีทึกยังคงอยู่ในห้องส่วนตัวที่บ่อน ส่วนคนอื่นๆนั้นแยกย้ายกันไปหมดแล้ว
     
    “ยังไม่กลับอีกเหรอเยซอง” อีทึกละสายตาจากโน้ตบุ๊กหันไปมองบุคคลที่เพิ่งเดินเข้ามา เพราะเนื่องจากมีเรื่องเกิดขึ้นในบ่อนทำให้วันนี้ต้องปิดเร็วกว่าปกติ
     
    “ครับ คือผมมีเรื่องอยากจะคุยกับพี่นิดหน่อยน่ะครับ” เยซองนั่งลงที่โซฟาตรงข้ามกับอีทึก สีหน้านั้นดูค่อนเครียดอยู่พอสมควร ทำเอาอีทึกต้องขมวดคิ้วตามไปด้วย
     
    “ว่ามาสิ”
     
    “เรื่องของคนที่ชื่อซองมินที่คุณคยูฮยอนพามาวันนี้น่ะครับ”
     
    “ทำไมเหรอ” อีทึกถามกลับด้วยความรวดเร็ว เมื่อชื่อบุคคลที่ตนสงสัยหลุดออกมาจากปากของเยซอง  
     
    “ผมว่าผมเคยเจอคนๆนี้มาก่อน รูปร่างหน้าตาและน้ำเสียงผมมั่นใจว่าใช่ แต่ชื่อมันกลับไม่ใช่” เยซองพูดพร้อมกับขมวดคิ้วเหมือนกำลังคิดหนัก คนที่คยูฮยอนพามาวันนี้เหมือนกับมุนอาพี่ชายของแฮงอุนจนเขาคิดว่าเป็นคนๆเดียวกัน แต่เขาก็ไม่ได้ทักหรือพูดอะไรออกไปตอนนี้ เพราะอีกฝ่ายไม่ได้แสดงท่าทีว่าเคยเจอหรือรู้จักเขาเลยแม้แต่น้อย
     
    “ซองมินน่ะเหรอ”
     
    “ไม่ใช่ซองมินครับ แต่เขาชื่อมุนอา น่าจะลีมุนอา” เยซองบอกไปตามที่ตนรู้ และดูเหมือนอีทึกจะสนใจเรื่องนี้มากทีเดียว
     
    “มุนอางั้นเหรอ แล้วนายไปเจอเขาที่ไหน” อีทึกถามต่อด้วยความอยากรู้อยากเห็น และชักรู้สึกเริ่มสนุกขึ้นมาเสียอย่างนั้น คนอย่างอีทึกชอบการค้นหาความจริง ถึงมันจะเครียดและน่าปวดหัวก็ตามที
     
    “บ้านครอบครัวลีน่ะครับ อยู่ในซอยเข้าไปไม่ลึกเท่าไหร่ พอดีวันนั้นผมจะไปซื้อของที่ซุปเปอร์แถวนั้นแต่ดันเจอเด็กคนนึงกำลังถูกรังแกอยู่ผมเลยเข้าไปช่วยแล้วพาไปส่งที่บ้าน เขาบอกว่ามุนอาเป็นพี่ชายเขาน่ะครับ” เล่าไปพลางทำท่านึกไปด้วย อีทึกพยักหน้ารับกับสิ่งที่เยซองบอกกล่าวมา
     
    “แล้วเด็กคนที่นายช่วยไว้ชื่ออะไร”
     
    “แฮงอุนครับ น่าจะเป็นลีแฮงอุน” แล้วเยซองก็ทึกทักไปเองว่าชื่อที่เขาบอกนั้นถูกต้อง เพราะแฮงอุนไม่ได้บอกนามสกุลเขามา แต่อยู่บ้านครอบครัวลี ก็คงต้องใช้นามสกุลลีอยู่แล้ว
     
    “แฮงอุนงั้นเหรอ....นายพอจะมีรูปของเด็กคนนี้มั้ย” อีทึกหยุดคิดไปซักพักก่อนจะถามต่อ ลีซองมินช่างเป็นชื่อที่ทำให้เขาเกิดความสงสัยหลายต่อหลายอย่าง ชื่อนี้โทรหาคนที่ชื่อคังอินที่เขาเจอในร้านกาแฟแถมยังเอ่ยชื่อซีวอนออกมา ซองมินคนที่อยู่ๆก็โผล่เข้ามาเกี่ยวข้องกับคยูฮยอน ถึงแม้จะเป็นเพื่อนกันตอนเด็กๆก็ตาม แต่เหรียญที่สลักตัว L ที่เขาพบทำให้เขาเกิดความสงสัยเป็นอย่างมาก และซองมินคนที่หน้าตาเหมือนกับมุนอาที่เยซองเคยเห็น
     
    “ไม่หรอกครับ ผมเคยเจอเขาแค่....ครั้งเดียวเอง” เยซองส่ายหน้าเบาๆ คำตอบที่เขาเกือบจะเผลอพูดออกไปทำให้ชะงัก ก่อนจะเลือกคำตอบใหม่ที่คิดว่ามันน่าจะดีกว่า หากอีทึกรู้ว่าเขาพบแฮงอุนถึงสองครั้งต้องโดนซักอีกยาวเป็นแน่ แถมเรื่องที่เขานัดเจอกับแฮงอุนนั้นมันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเขาที่จะเล่าหรือไม่เล่าก็ได้ เพราะยังไงซะมันก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคนชื่อมุนอานั่นอยู่แล้ว
     
    “ฉันอยากเจอเด็กนั้นจัง” อีทึกพูดขึ้นมาลอยๆ แต่ทำเอาเยซองเกิดอาการสงสัย แทนที่อีทึกควรอยากจะเจอคนที่ชื่อมุนอาจะได้รู้ไปเลยว่าใช่คนๆเดียวกับซองมิน แต่กลับกลายเป็นว่าอยากเจอแฮงอุนซะอย่างนั้น แต่เยซองก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป
     
    “เอาอย่างนี้แล้วกันนะเยซอง นายช่วยไปหาประวัติของเด็กคนนี้ให้หน่อยนะ” แล้วอีทึกก็จัดการสั่งการ คราวนี้เยซองขมวดคิ้วมุ่นเข้าไปใหญ่ จนอดที่จะถามออกมาไม่ได้
     
    “ทำไมถึงให้หาประวัติแฮงอุนล่ะครับ ทำไมถึงไม่หาของมุนอา เราจะได้รู้ไปเลยว่าใช่คนเดียวกันหรือเปล่า” ข้อสงสัยของเยซองทำเอาอีทึกยิ้มออกมาบางๆ
     
    “หาของใครก็ค่าเท่ากันนั่นแหละ งั้นเอาเป็นว่าหามาทั้งสองคนเลยก็แล้วกัน”
     
    “ครับ” เยซองพยักหน้ารับเบาๆ ปกติแล้วเรื่องพวกข้อมูลแบบนี้อีทึกจะเป็นคนจัดการเอง แต่คราวนี้โยนมาให้เขาทำคงเป็นเพราะเขาเห็นหน้าของบุคคลดังกล่าวทั้งสองมาก่อนแล้ว คนเกาหลีนั้นชื่อซ้ำกันเป็นพันๆคน ถ้าให้อีทึกหาเองคงไม่ได้การแน่
     
    “ให้เร็วที่สุดเลยนะ” กำชับอีกครั้งก่อนจะยิ้มออกมาบางๆ
     
    เยซองพยักหน้าพลางยิ้มตอบกลับก่อนจะลุกขึ้น เดินออกจากห้องไปเงียบๆ
     
    หลังจากที่เยซองออกไปจากห้องแล้วอีทึกจึงเอนหลังพิงโซฟา ดวงตาคู่เรียวสวยจ้องมองไปยังหน้าจอมอนิเตอร์ที่มีตัวอักษรเรียงรายเต็มไปหมด ถึงมองดูแล้วมันจะดูน่าปวดหัว แต่ยังไงซะมันก็คืองาน งานที่เข้าทิ้งมันไม่ได้และไม่เคยทิ้งได้ซักที
     
     
     
     
                   
    หายออกไปจากห้องไม่ถึงสองชั่วโมงเยซองก็กลับเข้ามาพร้อมกับใบหน้าที่ดูตึงเครียด เขาหย่อนตัวลงนั่งข้างอีทึกก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงเรียบ
     
    “พี่ครับ” พูดแค่นี้เยซองก็หยุดพูดไปซะดื้อๆ ทำเอาอีทึกขมวดคิ้วมุ่นแล้วเริ่มคิดไปต่างๆนานา
     
    “ผมหาประวัติของสองคนนี้ไม่เจอครับ อย่างกับว่าเขาไม่มีตัวตนอยู่ในโลกยังไงยังงั้น” เยซองบอกน้ำเสียงที่ฟังดูเครียดไม่น้อย เขาขับรถกลับไปที่พักและเริ่มต้นหาข้อมูล แต่เวลาหนึ่งชั่วโมงเต็มๆเขากลับหาไม่พบข้อมูลอะไรเลย ทั้งให้คนรู้จักช่วยหา แต่ประวัติที่ได้มานั้นไม่ตรงกับคนทั้งสองที่เขาเคยเห็นเลยแม้แต่น้อย
     
    “ไม่เจองั้นเหรอ เป็นไปได้ไง” ได้ฟังคำตอบอีทึกก็ตีสีหน้าเครียดถามกลับทันที แค่ประวัติคนแค่สองคนหาไม่เจอมันเป็นไปไม่ได้หรอก ยกเว้นเสียแต่ว่า...สองคนนั้นไม่มีตัวตันจริงๆ
     
    “ไม่ทราบครับ แต่ผมหาไม่เจอจริงๆ”
     
    “นายมั่นใจนะเยซองว่านายจำหน้าและชื่อของสองคนนี้ไม่ผิด” อีทึกถามย้ำเผื่อว่าบางทีความทรงของเยซองอาจจะเลอะเลือนไปบ้าง
     
    “ไม่ผิดแน่ครับ ผมมั่นใจ” สำหรับแฮงอุนเขามั่นใจเต็มร้อย เช่นเดียวกับมุนอา คนที่เขารู้สึกว่าจะไม่ชอบใจเขาตั้งแต่แรกเห็นแบบนั้น จำได้จนขึ้นใจ
     
    “ไม่แน่นายอาจจะโดนหลอกก็ได้นะเยซอง” เงียบไปซักพักอีทึกก็พูดออกมา เด็กคนนั้นอาจจะบอกชื่อปลอมกับเยซองก็เป็นได้ ถึงได้หาข้อประวัติไม่เจอแบบนี้ แต่ด้วยเหตุผลอะไรนี่สิ และถ้าเป็นแบบนั้นจริง คนๆนั้นก็อาจจะไม่ได้ชื่อมุนอา และมีสิทธิ์เป็นไปได้ว่าคนที่เยซองเจออาจจะเป็นซองมินจริงๆ
     
    “แล้วทำไมเขาต้องหลอกผมด้วยล่ะครับ” เยซองถามกลับเสียงอ่อย คนอย่างแฮงอุนจะหลอกเขาไปทำไมกัน หน้าตาใสซื่อแบบนั้นแถมท่าทางที่ดูไม่มีพิษไม่ภัยอะไรเลยนั่นอีก มันทำให้เขาไม่อยากเชื่อจริงๆ
     
    “เอาอย่างนี้แล้วกันนะเยซอง นายไปถ่ายรูปของเด็กคนนั้นให้พี่ที ถ้าให้ดีถ่ายรูปคนที่นายบอกว่าชื่อมุนอามาด้วย มีรูปมาให้เห็นจะได้หาข้อมูลได้ง่ายขึ้น” อีทึกสรุป งานนี้คงต้องให้เยซองไปแอบถ่ายรูปของเด็กคนนั้นมา ที่จริงเขาอยากไปให้เห็นกับตาเลยมากกว่า แต่คงไม่มีเวลา แค่งานสืบเรื่องเหรียญตัว L นี่ก็ทำเขาปวดหัวจะแย่อยู่แล้ว
     
    “ครับ” เยซองพยักหน้ารับเบาๆ
     
    “กลับไปพักผ่อนได้แล้วล่ะ พี่เองก็จะกลับแล้วเหมือน” อีทึกปิดโน้ตบุ๊กเก็บใส่กระเป๋าก่อนจะลุกขึ้นยืน จากนั้นทั้งสองคนก็เดินออกไปจากบ่อนพร้อมกันและแยกกันไปขึ้นรถของตนเอง
     
    อีทึกขับรถออกไปแล้วเหลือเพียงแค่เยซองเท่านั้นที่ยังคงนั่งเฉยอยู่ในรถ ใบหน้าของเขาตอนนี้เหมือนกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก ปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยไร้ประโยชน์อยู่พักใหญ่เยซองก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นกดโทรออก
     
    “แฮงอุนเหรอ....พรุ่งนี้ว่างไปทานข้าวกับพี่หรือเปล่า.....โอเคครับ แล้วเจอกัน” พูดจบก็กดวางสายไปก่อนจะสตาร์ทเครื่องแล้วขับออกไปทันที 
                                                                         
                                                                               ------------------------100%--------------------------

    kr...Talk
    แล้วจะต้องกลับมาหาทุกคน
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×