คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #32 : ปราชญ์น้อยตัวจิ๋ว
สองตายายอยู่ด้วยกันมานานยังไม่มีลูกสักที วันหนึ่งจึงวอนขอต่อเทพยดาว่า “ข้าแต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขอท่านจงโปรดเมตตาประทานลูกให้แก่เราสักคนเถิด ถึงตัวจะเล็กเท่าหัวแม่มือก็ยังดี”
หลายเดือนผ่านไป ยายคลอดลูกเป็นเด็กชายตัวสูงเพียงหนึ่งนิ้ว แต่ทั้งสองก็รักลูกมาก คนในหมู่บ้านต่างเชื่อว่าเด็กน้อยต้องเป็นผู้ที่พระโพธิสัตว์ส่งมาเกิด จึงพากันเรียกว่า “ปราชญ์น้อยตัวจิ๋ว”
วันเวลาผ่านไปแต่ปราชญ์น้อยตัวจิ๋วลูกชายของสองตายายก็ยังคงตัวเท่าเดิม ไม่มีทีท่าว่าจะโตขึ้น เพราะเหตุนี้เขาจึงมักถูกเด็กในหมู่บ้านหัวเราะเยาะเสมอ
“ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าอยากจะไปเมืองหลวงเพื่อหาความรู้” ปราชญ์น้อยเอ่ยขึ้น สองตายายไม่สบายใจนัก เพราะไม่อยากให้ลูกจากตนไปไกล แต่เห็นความตั้งใจจริงจึงอนุญาตให้ลูกไป
ในวันเดินทาง ปราชญ์น้อยตัวจิ๋วได้นำชามใบเล็ก ๆ มาใช้แทนหมวก นำตะเกียบข้างหนึ่งมาตัดให้สั้นลงใช้แทนไม้เท้า นอกจากนี้ยังได้นำเข็มเล่มหนึ่งมาทำเป็นดาบ เหน็บไว้ที่เอว เมื่อทุกอย่างพร้อม จึงลาพ่อแม่และเริ่มออกเดินทาง
ระหว่างทาง ปราชญ์น้อยพบกับมดตัวหนึ่งจึงถามว่า “พี่มด เมืองหลวงไปทางไหน ท่านรู้ไหม”
“อ้อ...เจ้าก็เดินผ่านสวนผักด้านนี้ไป พอถึงริมแม่น้ำ เจ้าก็หาเรือล่องไปตามลำน้ำ จะไปถึงเมืองหลวงได้” พี่มดใจดีตอบ
ปราชญ์น้อยออกเดินไปตามทาง ไม่ช้าก็มาถึงริมแม่น้ำ
“เฮ้อ...แบ้วจะหาเรือได้จากไหนล่ะ” ปราชญ์น้อยมองรอบตัว คิดอยู่ครู่หนึ่งจึงร้องขึ้นว่า “ฮ่า...ได้การล่ะ” จากนั้นเขาก็ได้ลากเศษกะลามะพร้าวลงแม่น้ำใช้แทนเรือ และนำไม้เท้าของตนมาใช้แทนไม้พาย ค่อย ๆ ล่องเรือไปตามลำน้ำ
กระแสน้ำในแม่น้ำไหลเชี่ยวขึ้นเรื่อย ๆ ปราชญ์น้อยต้องล่องเรือด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษเพื่อหลบขอนไม้ที่ระเกะระกะอยู่ริมแม่น้ำ และหลบฝูงปลาที่ดำผุดดำว่าไปมา ในที่สุดปราชญ์น้อยก็เดินทางมาถึงเมืองหลวง
ปราชญ์น้อยเดินทางไปบ้านขุนนางใหญ่ท่านหนึ่ง
“ขออภัยขอรับ ข้างในมีคนอยู่ไหมขอรับ” ปราชญ์น้อยร้องเรียกอยู่ครู่หนึ่ง ประตูบ้านก็ค่อย ๆ เปิดออก
“เอ๊ะ แปลกจริง หน้าประตูไม่มีใครเลยนี่นา” คนเฝ้าประตูบ่นพลางปิดประตูกลับตามเดิม
“ขออภัยขอรับ ท่านขุนนางอยู่ไหมขอรับ” ปราชญ์น้อยได้ตะโกนถามขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้คนเฝ้าประตูมองหาตามเสียงเรียก จึงได้เห็นปราชญ์น้อยตัวจิ๋วยืนอยู่ปลายเท้าของเขา จึงตกใจมาก
“ข้าคือปราชญ์น้อยตัวจิ๋ว เดินทางมาเมืองหลวงเพื่อศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม ท่านช่วยบอกท่านขุนนางให้ช่วยรับข้าเป็นข้ารับใช้สัก...” ยังพูดไม่ทันจบ คนเฝ้าประตูก็รีบรุดนำเรื่องนี้ไปบอกท่านขุนนาง
พอท่านขุนนางรู้ว่ามีเด็กน้อยตัวสูงเพียงหนึ่งนิ้วมาขอเข้าพบ ก็รู้สึกประหลาดใจมาก
“คนตัวสูงเพียงหนึ่งนิ้วหรือ ให้เขาเข้ามาพบข้าได้” คนเฝ้าประตูจึงรีบไปนำปราชญ์น้อยตัวจิ๋วมาเข้าพบทันที
“สวัสดีขอรับท่านขุนนาง” ปราชญ์น้อยเอ่ยพร้อมก้มคำนับอย่างอ่อนน้อม ท่านขุนนางเห็นดังนั้นก็รู้สึกชื่นชอบ ตกลงรับปราชญ์น้ำเป็นข้ารับใช้
“ปราชญ์น้อยตัวจิ๋ว เจ้าทำอะไรเป็นบ้างล่ะ”
“ข้าเต้นรำได้ขอรับ” พูดจบก็ลุกขึ้นเต้นรำบนฝ่ามือของท่านขุนนาง ทำให้ท่านขุนนางพอใจมาก
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ปราชญ์น้อยก็ได้พักอาศัยที่บ้านท่านขุนนาง ศึกษาหาความรู้ ใครได้พบกับปราชญ์น้อยตัวจิ๋วล้วนชื่นชอบเขาทั้งสิ้น โดยเฉพาะท่านหญิง ธิดาคนเดียวของท่านขุนนางผู้มีความงดงามจนเป็นที่เลื่องลือ
ท่านหญิงให้คนทำเรือนหลังน้อย วางไว้บนโต๊ะอ่านหนังสือ เพื่อให้ปราชญ์น้อยอาศัยและอยู่ใกล้ยามเธออ่านหนังสือ
ก่อนนอนปราชญ์น้อยมักจะเล่าเรื่องราวผู้คนในชนบทให้ท่านหญิงฟัง ซึ่งท่านหญิงจะนั่งฟังอย่างตั้งใจเสมอ เวลาที่ท่านหญิงไปที่ใด ก็จะให้ปราชญ์น้อยติดตามเธอไปด้วย
วันหนึ่งท่านหญิงเดินทางไปไหว้พระที่วัดนอกเมือง ซึ่งปราชญ์น้อยตัวจิ๋วก็ได้ติดตามไปด้วยเหมือนทุกครั้ง บังเอิญว่าที่วัดแห่งนี้มีปีศาจสิงอยู่สามตน เมื่อเห็นท่านหญิงตรงมาที่วัด จึงร่วมกันวางแผนคิดจับท่านหญิงกินเป็นอาหาร
“หยุดก่อนขอรับ มีเงาแปลก ๆ ในวัด อาจเป็นพวกโจรก็ได้ ท่านหญิงรอตรงนี้ก่อนขอรับ” พูดจบปราชญ์น้อยเดินตรงเข้าวัดไป
“ระวังตัวด้วย” ท่านหญิงบอกอย่างเป็นห่วง
ปราชญ์น้อยอ้อมเข้าหลังวัดจึงได้เห็นปีศาจสามตนกำลังวางแผนถึงวิธีจัดการท่านหญิง
“พวกปีศาจนี่เอง คิดจะทำร้ายท่านหญิง ข้าไม่ยอมให้พวกเจ้าทำได้ง่าย ๆ หรอก” ปราชญ์น้อยหยิบดาบที่เหน็บไว้ที่เอวออกมา และค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้พวกปีศาจ
“นี่ เจ้าพวกปีศาจ” ปราชญ์น้อยตะโกนขึ้นดัง ๆ ทำให้พวกปีศาจตกใจ
ขณะพวกปีศาจกำลังก้มลงมองหาเสียงเรียก ปราชญ์น้อยถือโอกาสกระโดดขึ้นใช้ดาบแทงดวงตาของปีศาจทั้งสามอย่างว่องไว ปีศาจทั้งสามต่างเจ็บปวดร้องโอดโอยและวิ่งหนีไปในที่สุด
“ไชโย ข้าชนะแล้ว” ปราชญ์น้อยตัวจิ๋วกระโดดโลดเต้นอย่างดีใจ
“เอ๊ะ นั่นอะไร” ปราชญ์น้อยมองเห็นบนพื้นมีค้อนไม้รูปร่างประหลาดอันหนึ่งหล่นอยู่ จึงนำไปให้ท่านหญิง
“คงเป็นค้อนไม้วิเศษ ที่ชาวเมืองร่ำลือกันเป็นแน่ เมื่อปรารถนาสิ่งใดก็จะสมใจทุกประการ” ท่านหญิงเอ่ย
“ยอดเลย ข้าอยากตัวโตเท่าคนทั่วไป ท่านหญิงได้โปรดช่วยให้ข้าสมปรารถนาด้วยเถอะขอรับ”
ท่านหญิงจึงใช้ค้อนไม้เคาะพื้นเบา ๆ ชี้ไปทางปราชญ์น้อย พลางกล่าวว่า “จงโตขึ้น จงโตขึ้น” และแล้วร่างกายของปราชญ์น้อยตัวจิ๋วก็ค่อย ๆ โตขึ้น โตขึ้น จนกลายเป็นหนุ่มน้อยรูปงาม
ต่อมาไม่นาน ปราชญ์น้อยก็สอบเข้ารับราชการได้ จึงไปรับพ่อแม่มาอยู่ร่วมกัน และได้แต่งงานกับท่านหญิง รับราชการมีตำแหน่งที่ใหญ่โตเป็นขุนนางใหญ่อยู่อย่างมีความสุข
ความคิดเห็น