คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #20 : ชายหาปลากับดาบวิเศษ
สระน้ำกว้างใหญ่กลางกรุงฮานอย เมืองหลวงของเวียดนามในปัจจุบัน คนโบราณเรียกสระคืนดาบแห่งนี้ว่า สระหลุกทวี๋ ซึ่งแปลว่า สระน้ำเขียว ตามสีของน้ำในสระที่เขียนตลอดทั้งปี มีตำนามเล่าต่อ ๆ กันมาว่า
ณ หมู่บ้านลามเซิน มีทหารกองหนึ่งนำโดยเลเลย ได้ต่อสู้กับกองทัพจีน นำทัพโดยฮ่องเต้มายึดครองเวียดนามอยู่ในขณะนั้น แต่การรบทุกครั้งเลเลยกับพวกเป็นฝ่ายแพ้ หนีหัวซุกหัวซุน แล้วรวบรวมกำลังสู้ใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่า เลเลยไม่ยอมแพ้ จนกระทั่งเทพเจ้าผู้พิทักษ์น้ำเห็นใจและสงสารเขา จึงตัดสินใจว่า
“เป็นไงเป็นกัน เราจะต้องช่วยเลเลยให้เป็นใหญ่ในแผ่นดิน ใครจะว่าไงก็ช่าง เพราะเราคือเทพผู้ยึดหลักการอันชอบธรรม”
เวลานั้นที่จังหวัดทันห์ฮว้า มีชายหาปลาผู้หนึ่งออกทอดแหหาปลาทุกค่ำคืน คืนหนึ่งทอดแหได้ของหนัก เขาดีใจมาก คิดว่าได้ปลดปลา แต่เขาก็ประหลาดใจไม่ใช่ปลาตัวใหญ่แต่เป็นดาบเหล็กเล่มใหญ่ไร้ด้าม มีแต่แกนเหล็กเปลือยเปล่า เขาโยนดาบทิ้ง แล้วเดินเลยไปทอดแหยังอีกคุ้งน้ำหนึ่งก็ได้ดาบเล่มเดิม เขาโยนทิ้งอีก คราวนี้เขาเดินทวนกระแสน้ำพลางบ่นว่า “ดาบไร้ด้ามทวนน้ำมาติดแหข้าอีกก็เก่งละวะ”
ครั้งที่สาม เขาทอดแหได้ดาบเล่มเดิมอีก เขาจึงอุทานว่า “เออ...เอ็งเก่ง ข้าจะต้องพาเอ็งกลับบ้าน แล้วแขวนไว้ที่มุมกระท่อมเพราะไม่รู้ว่าจะเอาไปทำประโยชน์อะไร”
ตั้งแต่วันที่ทอดแหได้ดาบ ชายหาปลานึกอยากเข้าร่วมทำศึกกู้ชาติ จึงไปสมัครเป็นนักรบแห่งกองกำลังกู้ชาติลามเซิน
ต่อมาวันหนึ่งผู้นำเลเลยนำกองทหารผ่านมาได้แวะพักที่กระท่อมของชายหาปลาและได้เห็นแสงเรืองประหลาดที่มุมกระท่อม จึงชวนนักรบเดินเข้าไปดู เห็นดาบเปลือยด้ามเล่มนั้น มีตัวอักษรเรืองแสง “ด้ามเทพรอสวมแกนเหล็ก” แต่ก็ไม่มีใครเข้าใจปริศนานั้น
ทั้งหมดออกเดินทางต่อ เพื่อเตรียมการรบครั้งใหม่ ซึ่งก็พ่ายแพ้อีก
ผู้นำเลเลยไปซ่อนตัวอยู่ในป่าลึก ขณะที่นั่งพักเหนื่อยอยู่ใต้ร่มไม้ เขาก็เห็นแสงแว๊บ ๆ อยู่บนยอดไม้เบื้องหน้า จึงปีนขึ้นไปก็พบด้ามดาบฝักมุกส่งประกายเรืองวาว ค้างติดอยู่บนคาคบไม้ใหญ่นั้น เลเลยนึกถึงดาบเปลือยด้ามของชายหาปลา เขาจึงเก็บด้ามดาบนั้นเหน็บหลังไว้
อีกสามวันต่อมา กองกำลังกู้ชาติก็มาพบกันที่กระท่อมของชายหาปลาตามนัด เลเลยจึงลองเอาด้ามดาบที่เก็บได้บนยอดไม้ สวมใส่แกนเหล็กของดาบที่ติดแหของชายหาปลา ซึ่งสวมได้พอดีและติดแน่นสนิทจนออกแรงดึงเท่าไรก็ไม่หลุด
เมื่อเป็นเช่นนั้น นักรบทุกคนจึงพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ดาบนี้คงเป็นดาบที่เทพเจ้าประทานให้ไว้สู้ศึกจีน” ชายหาปลาเห็นอัศจรรย์เช่นนั้นก็ออกปากยกดาบเล่มนั้นให้ผู้นำเลเลย
นับแต่นั้นเป็นต้นมากองกำลังกู้ชาติก็เติบใหญ่เปลี่ยนจากกองกำลังเล็กๆเป็นกองทัพอันเกรียงไกรและไม่เคยพ่ายศึกอีกเลย และในที่สุดแม่ทัพเลเลยก็สามารถนำทัพประชาชนขับไล่กองทัพจีนออกพ้นประเทศ ประกาศเอกราชสิ้นสุดความเป็นทางอีกยุคหนึ่งของประวัติศาสตร์เวียดนาม
แม่ทัพเลเลยได้รับการแต่งตั้งเป็นกษัตริย์แห่งราชวงศ์เล โดยสร้างพระบรมมหาราชวังที่ฮานอย อยู่ทางด้านเหนือของสระหลุกทวี๋
กาลเวลาล่วงเลยไปอีกหนึ่งปี วันหนึ่งกษัตริย์เลเลยทรงเรือในสระหลุกทวี๋ ขณะที่ทรงพระสำราญอยู่นั้นก็มีเต่าใหญ่ตัวหนึ่งโผล่ขึ้นจากใต้น้ำ ใกล้เรือพระที่นั่ง เมื่อเต่าใหญ่ตัวนั้นว่ายมาใกล้ ๆ ก็พูดขึ้นว่า
“ขอเดชะ ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท เทพเจ้าแห่งสายน้ำขอพระแสงดาบคืนพระเจ้าข้า”
กษัตริย์เลเลยทรงได้ยินดังนั้นจึงทรงดึงพระแสงดาบออกจากฝัก ทันใดนั้นพระแสงดาบก็หลุดจากพระหัตถ์ ลอยไปทางเต่าใหญ่ตัวนั้นที่อ้าปากรออยู่ และงับเอาพระแสงดาบดำดิ่งลงใต้น้ำ กษัตริย์เลเลยทรงเสียดายพระแสงดาบที่ทรงใช้กู้บ้านกู้เมือง พระองค์ทรงรับสั่งให้ทหารวิดน้ำในสระหลุกทวี๋ เพื่อจับเต่าและหาพระแสงดาบเล่มนั้น
พวกทหารเกือบทุกหน่วย มาช่วยกันวิดน้ำทั้งวันทั้งคืน จนน้ำแห้งก็ไม่มีแม้เงาของพระแสงดาบและไร้ร่องรอยของเต่าด้วย
หลังจากที่เหล่าข้าราชบริพารได้ทำตามพระดำรัสจนสุดความสามารถแล้ว พระองค์จึงตรัสว่า
“เทพเจ้าประทานดาบไว้ให้เราสู้ศึก บัดนี้เสร็จศึกแล้ว บ้านเมืองสงบ สมควรแล้วที่เราจะต้องคืนดาบให้ท่าน”
ความคิดเห็น