คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Sister of Potter V : Cedric is my boyfriend
“เมื่อยแล้วโว้ยย ไอ้เฮสหายหัวไปไหนวะ!”ไอรีนตะโกนบ่นเสียงดังในเช้าวันต่อมาเวลาเก้านาฬิกา เนื่องจากตอนนี้ใกล้เวลางานเลี้ยงแล้ว และพวกเธอทุกคนแต่งตัวเสร็จแล้วแต่ยังไม่ได้ไปงาน เพราะกำลังยืนรอฮาเดสที่หายหัวไปไหนก็ไม่รู้
“เราไปกันก่อนก็ได้มั้ง เดี๋ยวมันก็คงตามไปแหละ”วิคตัวร์บอกกับเพื่อนๆ
“โอเค..”เฮสเทียบอกก่อนที่จะเดินนำไปแล้วเพื่อนๆก็เดินตามกันไป ฮาเดสที่ยืนหลบอยู่ตรงซอกกำแพงตรงทางเดินขึ้นหอชายถอนหายใจโล่งเมื่อเห็นว่าเพื่อนๆเดินกันไปแล้ว
ที่เธอไม่อยากเดินไปตอนนั้นก็เพราะตอนนี้เธอแต่งตัวเสร็จแล้วน่ะสิ ! เธอไม่อยากให้เพื่อนๆเห็นเธอในสภาพนี้เลย…
เธอค่อยๆเดินลงบันไดอย่างหวาดระแวงมองซ้ายมองขวาว่าในหอไม่มีใครแล้วก่อนที่จะรีบวิ่งไปหาเซดริกที่อยู่ที่เต้นท์ตัวแทนการแข่งขันทันที
ระหว่างวิ่งไปฮาเดสก็เอามือปิดหน้าไว้เล็กน้อยให้พอเห็นทางไม่ให้ใครเห็นว่าเป็นเธอ ! มันน่าอายโว้ย !
เมื่อวิ่งมาถึงเธอก็รีบเข้าไปหาเซดริกทันที แต่ปรากฏว่าในนั้นมันว่างเปล่า ในหัวของฮาเดสนึกด่าเขาทันที เธอวิ่งมาตั้งไกลด้วยกระโปรงอย่างนี้และรองเท้าส้นสูงเพื่อมาหา แล้วเจ้าตัวมันหายไปไหน !
เธอมองไปรอบๆตัวแต่ก็ไม่มีวี่แววของชายที่เป็นคู่เต้นรำของเธอเลยสักนิด เลยตัดสินใจเดินออกมาหาข้างนอก ก่อนจะไปสะดุดตากับร่างของเด็กผู้หญิงผมสีดำคนนึงที่ยืนคุยกับผู้ชายคนนึงอยู่
“...ดิกกอรี่ ?”เธอเอ่ยออกมาเบาๆแต่ทว่าในบรรยากาศแสนเงียบแบบนี้ทั้งคู่ได้ยินดี เซดริกหันมาหาเธอก่อนที่จะยิ้มแล้ววิ่งมาหาเธอ
“นี่ไง คู่ของฉัน”เซดริกพูดพลางจับมือของเธอไว้ด้วย เธอบีบมือเซดริกแน่นก่อนจะหันไปหาเขาแล้วคิ้วกระตุกใส่ไปทีนึงก่อนจะกระซิบเสียงเบา
“หลอกจับมือฉันเหรอ?”เซดริกไม่ตอบแต่หันมายิ้มแห้งๆให้แทนก่อนจะผงกหัวเบาๆเป็นเชิงว่าขอโทษ ผู้หญิงผมสีดำคนนั้นหันมามองฮาเดสกับเซดริกก่อนจะอ้าปากค้างทำตาโต
ถ้าฮาเดสจำไม่ผิดผู้หญิงคนนั้นน่าจะเป็นโชแชงเด็กบ้านเรเวนคลอคนนึงที่เหมือนเธอได้ยินข่าวคราวมาบ้างว่าชอบเซดริก คงจะขอเซดริกไปงานเต้นรำด้วยกันสินะ
โว้ว….ร้อนแรง…
“ธ-- เธอสองคนไม่ถูกกันไม่ใช่เหรอ ?”โชถาม ฮาเดสยิ้มหวานก่อนที่จะตอบเธอไป
“ไม่ถูกกันก็ไม่ได้แปลว่าจะญาติดีกันไม่ได้ไม่ใช่เหรอ ?”หลังจากพูดจบฮาเดสก็จูงมือเซดริกเดินออกมาโดยที่ระหว่างทางก็บ่นเซดริกไม่หยุดเรื่องที่ไม่รอเธออยู่ข้างในนั่น เซดริกได้แต่ยิ้มแห้งๆกับผงกหัวเข้าใจเบาๆเพราะไม่กล้าเถียงเธอ
ถึงเถียงไปก็ต้องโดนด่าอยู่ดี…
“วันนี้เธอสวยผิดปกติมากเลยอ่ะอาร์เทมิส”เซดริกมองไปยังฮาเดสที่หยุดเดินแล้ว
วันนี้เธอใส่เดรสสีขาวสวยลายลูกไม้เลยเข่ามาเล็กน้อย ผมสีดำที่เคยปล่อยยาวสลวยแต่ในตอนนี้กลับเกล้าขึ้นมาเป็นทรงดังโงะ รองเท้าของเธอเป็นรองเท้าส้นสูงแบบส้นแหลมสีดำ
“ขอบใจ”ฮาเดสบอกในขณะที่แก้มขึ้นสีเล็กน้อย ก่อนที่บรรยากาศจะเงียบสงัด...
“ถึงเวลางานแล้วล่ะอาร์เทมิส ป่ะ ไปกัน”เซดริกยิ้มเอ่ยทำลายบรรยากาศเงียบๆก่อนจะจูงมือเธอให้เดินตามไปแล้วไปยืนต่อจากคู่ของเฟลอร์
“ว้าวว ฉันได้ข่าวมาว่าพวกเธอสองคนไม่ค่อยถูกกัน ไม่คิดว่าจะเต้นรำคู่กันนะเนี่ย”เฟลอร์ที่ยืนต่อจากวิคเตอร์หันมาเห็นเซดริกกับฮาเดสที่ยืนคู่กันอยู่ก็ทักขึ้นมา ฮาเดสขำเบาๆก่อนที่จะตอบเฟลอร์กลับไป
“อะไรก็เปลี่ยนได้เดอลากูร์ แล้วก็...เธออย่ามัวแต่คุยกับฉันเลย ครัมเดินไปแล้วนั่นน่ะ”เธอชี้ไปยังวิคเตอร์ที่เดินไปแล้ว เฟลอร์หันไปมองก่อนที่จะรีบเดินตามไปทันที
มือที่จับกันไว้ของเซดริกและฮาเดสเปลี่ยนมาเป็นการควงแขนแทนก่อนจะเดินตามเฟลอร์ไป โดยมีเซดริกพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินไปด้วยกัน
“ถ้ามีคนแซวก็อย่าไปชกหน้าเขาเข้าล่ะอาร์เทมิส ฮ่าๆๆ”ฮาเดสมั่นใจว่าถ้าเธอไม่ติดว่าควงแขนเซดริกอยู่เธอจะทุบหลังเขาไปสักรอบนึง
คู่ของเธอเดินตามคู่ของเฟลอร์มาท่ามกลางเสียงปรบมือของเพื่อนๆ ในขณะที่เธอกับเซดริกกำลังเดินผ่านผู้คนมากมายทั้งคู่ฉีกยิ้มออกมาอย่างสดใสโดยที่เลือกจะหลบสายตาแซวของพวกเพื่อนๆในกลุ่มที่ส่งมา ฮาเดสที่กำลังฉีกยิ้มอยู่เธอก็กัดฟันพูดกับเซดริก
“ฉันอยากชกหน้าเพื่อนมากๆตอนนี้..”เซดริกหันมามองเล็กน้อยในขณะที่ยังยิ้มอยู่แต่ก็พูดผ่านไรฟันมา
“ใจเย็นไว้..อย่าว่าแต่เธออยาก..ฉันก็อยาก”ทั้งคู่หัวเราะเบาๆก่อนจะหันไปยิ้มกับเพื่อนๆต่อกลบอาการอยากต่อยคนไว้ภายใต้รอยยิ้ม เมื่อเดินไปสักพักเสียงดนตรีก็ดังขึ้นเป็นสัญญาณว่าการเต้นรำได้เริ่มขึ้นแล้ว
ในตอนแรกตัวแทนทุกคนต้องเต้นเปิดงานก่อน คู่ของวิคเตอร์เริ่มเต้นรำทันทีที่เสียงเพลงบรรเลง ก่อนที่คู่ของเฟลอร์จะเริ่มเต้นตาม และคู่สุดท้ายคือคู่ของเธอและเซดริก
ระหว่างการเต้นรำครั้งนี้ฮาเดสพยายามยิ้มเงยหน้าขึ้นมองตาเซดริกให้ได้มากที่สุด เพราะว่าในตอนนี้เธอเเต่ก้มหน้าก้มตามองเท้าตัวเอง
“เงยหน้าอีกหน่อยได้ไหม ?”เซดริกถาม ฮาเดสขมวดคิ้วใส่เซดริกแต่ก็เชื่อคำของเขาแล้วเงยหน้าขึ้นอีกหน่อย ในจังหวะที่เงยหน้าขึ้นนั้นแก้มและหูของเธอแดงขึ้นเล็กน้อยด้วยความเขินอาย จะว่าไงดีล่ะ…
เขาในตอนนี้ดูหล่อกว่าปกตินิดหน่อย ไม่เหมือนตอนที่เต้นโชว์ให้เพื่อนๆดูตอนนั้น เพราะตอนนั้นเซดริกไม่ได้หล่อขนาดนี้ทำให้เธอสามารถเงยหน้ามองเขาได้ เพียงคิดได้แค่นั้นสมองของเธอก็สั่งการให้เธอก้มหน้าลงอีกครั้ง เซดริกขมวดคิ้วก่อนที่จะมองไปยังฮาเดส
“เธอก้มหน้าอีกแล้ว เป็นอะไร? เขินฉันเหรอ”เขาถามพลางมองไปที่คู่เต้นรำของเขาเองที่ก้มหน้าก้มตามองเท้าของตัวเธอเอง ก่อนที่เขาจะได้คำตอบด้วยตัวเองเมื่อมองไปยังใบหน้าของฮาเดสที่กำลังขึ้นสีแดงระเรื่อ เขาหัวเราะเบาๆก่อนจะเอ่ยแซวเธอ
“เขินฉันจริงๆด้--โอ๊ยย”เซดริกยังเอ่ยแซวไม่ทันจบก็ร้องโอ๊ยขึ้นมาก่อนเมื่อโดนคู่เต้นของตนเหยียบเท้า ฮาเดสหัวเราะก่อนที่จะแลบลิ้นใส่เขา
“อย่าคิดว่ามือฉันไม่ว่างแล้วฉันทำอะไรเธอไม่ได้นะ เท้าฉันมี”ฮาเดสพูดจบก็ทำใจกล้าเงยหน้าขึ้นมองไปที่หน้าของเซดริก แต่ทว่ามือกับขานั้นอ่อนแรงไปหมดแทบจะเต้นรำไม่ไหว
ผ่านไปสักพักนึงก็ถึงเวลาที่คู่อื่นๆจะเข้ามาเต้นรำด้วยจนเยอะเต็มฟลอร์ไปหมด คู่ของฮาเดสและเซดริกก็เลยพักออกมายืนข้างนอก
“แล้วเธอรู้ภารกิจต่อไปหรือยังดิกกอรี่ ?”ฮาเดสหันไปถาม เซดริกส่ายหน้าก่อนจะพูดขึ้นมา
“ฉันรู้แต่คำใบ้...แต่ฉันตีความไม่ออก เอาเป็นว่าเธอลองฟังดูนะ เดี๋ยวฉันจะร้องให้ฟัง”
"สิ่งที่เจ้าถวิลหาคราลับหาย
จะพลัดพรายถูกลักพามาที่นี่
หากปล่อยกาลผ่านพ้นแม้นาที
ชั่วชีวีจะจากลับไม่กลับมา
เพียงชั่วโมงคือกฎกำหนดให้
คำกล่าวใบ้ถึงถิ่นควรเสาะหา
คือต้นแหล่งแห่งเพลงนี้ชี้ชะตา
ไม่อาจร้องจากทั้งฟ้าและแผ่นดิน"
เพียงจบเพลงนั้นตาของฮาเดสก็เบิกกว้างขึ้นมา เธอจำได้ดีเพลงๆนี้ มันเป็นเพลงที่เพื่อนแม่ของเธอเคยร้องให้ฟังสมัยเธอยังอยู่กับแม่และพ่อ เพื่อนแม่บอกว่ามันเป็นเพลงของเงือกในไข่ที่จะร้องเฉพาะเวลาผู้เปิดเปิดมันในน้ำ
“สิ่งที่เจ้าถวิลหาคราลับหายจะพลัดพรายถูกลักพามาที่นี่ หากปล่อยกาลผ่านพ้นแม้นาที ชั่วชีวีจะจากลับไม่กลับมา...เพียงชั่วโมงคือกฎกำหนดให้….”ฮาเดสทวนเนื้อเพลงหรี่ตาคิดถึงความเป็นไปได้ของภารกิจนี้มากที่สุดก่อนจะเบิกกว้างกว่าเดิมเมื่อรู้ความหมาย
“ภารกิจนี้มันภารกิจอันตรายชัดๆดิกกอรี่ !”
“ทำไม ?”เซดริกถามฮาเดสอย่างไม่เข้าใจ เธอหันหน้าไปหาเซดริกอย่างจริงจังก่อนจะจับบ่าของเขาไว้แล้วพูดออกมา
“เธอฟังฉันนะ...สิ่งที่เจ้าถวิลหาคราลับหายจะพลัดพรายถูกลักพามาที่นี่ มันหมายความประมาณว่าสิ่งที่เธอคอยหาอยู่เสมอหรือสิ่งที่สำคัญของเธอจะถูกลักพาลงไป”
“หากปล่อยกาลผ่านพ้นแม้นาที ชั่วชีวีจะจากลับไม่กลับมา ในท่อนนี้มันหมายความประมาณว่า ถ้าเธอปล่อยผ่านมันไปแม้ไม่กี่นาที ชีวิตของของสำคัญของเธออาจจะไม่กลับมาเลย และในท่อนเพียงชั่วโมงคือกฏกำหนดให้ นั่นหมายความว่า”
“ถ้าเธอยังไม่สามารถพบหรือหาสิ่งของสำคัญของเธอเจอในชั่วโมงนึง เธออาจจะเสียของสำคัญไป..ซึ่งฉันว่าของสำคัญที่ว่าต้องเป็นคน”
“ทำไมล่ะ ?”เซดริกถามขึ้น
“เพราะมันบอกว่า ชั่วชีวีจะจากลับไม่กลับมา ชีวีคือชีวิตไงล่ะ..ซึ่งไม่น่าเป็นสัตว์แน่ๆ..มันคือคน...คนสำคัญของเธออาจจะถูกขโมยลงไปที่ไหนสักที่นึง ซึ่งฉันมั่นใจว่าเป็นน้ำอย่างแน่นอนดิกกอรี่…”ทันทีที่เซดริกฟังจบคิ้วของเขาก็ขมวดทันที…คนสำคัญในชีวิตเขาถ้าสมมุติว่าเป็นคนในโรงเรียนก็มีอยู่ไม่กี่คน..
น้องสาวเขาชาร์ล็อตต์ พวกธันเดอร์พวกไลล่า..แล้วคนสุดท้ายก็….คนที่บอกความหมายเพลงนี้กับเขานั่นแหละ…อาร์เทมิส
เธอแยกตัวออกมาจากเซดริกก่อนที่จะตรงเข้าไปหาชาร์ล็อตต์ เธอคิดว่าของสำคัญที่ว่าต้องเป็นชาร์ล็อตต์ ดิกกอรี่ น้องสาวของเซดริกแน่ๆ เธอไม่รู้หรอกว่าเธอเป็นของสำคัญของเซดริกหรือเปล่า แต่ถ้าเป็นจริงๆก็ไม่ใช่เธอแน่ๆ เพราะใครๆก็คิดกันหมดว่าเธอกับเซดริกไม่ถูกกันื อย่างน้อยถ้าชาร์ล็อตต์รอดแล้วพวกธันเดอร์อาจจะโดนจับไปแทน ซึ่งมันจะดีกว่าการที่ผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างชาร์ล็อตต์โดนจับไปแน่นอน
เมื่อเธอพบชาร์ล็อตต์ที่กำลังยืนคุยกับเพื่อนอยู่ก็ปรี่เข้าไปหาทันที
“เฮ้ ดิกกอรี่คนน้อง”ชาร์ล็อตต์หันมาหาเธองงๆก่อนจะขานรับ
“คะ ?”ฮาเดสยืนครุ่นคิดกับตัวเองสักพัก ภารกิจที่สองเริ่มพรุ่งนี้เก้าโมงเช้าสินะ...แสดงว่าก็ต้องเอาของสำคัญไปเตรียมตัวไว้ประมาณดึกๆไม่ก็ตอนเย็นสินะ…
งั้นก็...
“ตั้งแต่ตอนเย็นถ้ามีศาสตราจารย์คนไหนเรียกตัวไป เธออย่าไปเชียวนะ ถ้าไม่อยากลงไปอยู่ในน้ำล่ะก็”ชาร์ล็อตต์ทำหน้างงๆแต่ก็พยักหน้าเข้าใจก่อนจะเตรียมพ่นถามใส่เธอว่าทำไมแต่ทว่าฮาเดสกลับหายไปแล้ว
คาบเรียนคาบเช้านี้เซดริกแทบเรียนไม่รู้เรื่องเมื่อคิดไปถึงภารกิจที่สอง ถามว่าเขากังวลเรื่องที่ต้องหายใจใต้น้ำไหมในหนึ่งชั่วโมง เขาก็กังวล แต่กังวลเรื่องของสำคัญที่ว่ามากกว่า
ไม่ว่าจะเป็นทั้งพวกธันเดอร์ ชาร์ล็อตต์ หรือฮาเดสโดนพาลงไปเขาก็กังวลทั้งนั้นแหละ…
ถ้าเขาช่วยไม่ได้ขึ้นมาล่ะ ? เฮ้อ...ยิ่งคิดก็ยิ่งเครียด อยากจะบ้าตาย….
“เฮ้ยไอ้เซด!”ธันเดอร์ตะโกนเรียกเขาเต็มเสียงก่อนที่จะตบหัวไปทีนึงหลังจากเรียกมาตั้งนาน เซดริกสะดุ้งก่อนที่จะหันไปมองหน้าของไอ้คนที่ตบหัวของเขาแล้วพูดออกมาอย่างหงุดหงิด
“อะไรของมึงธัน ตบหัวกูทำไมเนี่ย”
“มึงเล่นเหม่อซะขนาดนี้ เป็นไรห้ะไอ้เซด คิดถึงแม่พรีเฟ็คคนขี้วีนอยู่รึไงจ๊ะ ?”เซดริกขมวดคิ้วก่อนจะตบหัวธันเดอร์ไปเต็มเต็งแล้วพ่นคำหยาบอัดหน้าธันเดอร์ไป เดย์ที่ยืนดูอยู่หัวเราะก่อนที่จะถามเซดริกขึ้นมา
“เออ ล่ะมึงเป็นไรนั่งเหม่อวะไอ้เซด”
“ก็...นึกเรื่องภารกิจที่สองอยู่ว่ะ อย่าใส่ใจเลยมึงอ่ะ”
“ไอ้เซดมันหมายความว่าอย่าเสือกเลยมึงอ่ะ”
“เออกูรู้แล้วสัสธัน อย่าย้ำ !”เซดริกหัวเราะมองเพื่อนสองคนที่ยืนเถียงกันอยู่ก่อนจะชวนเพื่อนๆไปกินมื้อเที่ยงกันสักที ทั้งคู่เลิกเถียงกันก่อนจะเดินไปกับเซดริก ระหว่างการเดินนี้เซดริกรู้สึกได้เลยว่าตัวเองค่อนข้างเป็นประเด็นสายตาของคนที่เดินผ่านไปผ่านมาเนื่องจากใครๆเดินผ่านก็หันมามองเขากันหมดแถมที่สำคัญยังหันไปพูดอะไรกันก็ไม่รู้ซุบซิบๆ เขาขมวดคิ้วก่อนที่จะคิดในใจว่ามองเขากันทำไม
แค่คำถามในใจก็ถูกคำตอบเติมเต็มทันทีที่เดินเข้าไปในห้องโถงแล้วภายในห้องโถงก็เอ่ยแซวเสียงดัง
“เซดริก ดิกกอรี่แฟนคุณพรีเฟ็คฮัฟเฟิลพัฟขี้วีนมาแล้วโว้ยย”เสียงพรีเฟ็คบ้านสลิธธีรินตะโกนขึ้นมา ก่อนที่เสียงโห่แซวจะดังขึ้น เขาทำหน้างุนงงก่อนจะเหลือบไปเห็นฮาเดสกำลังยืนยิ้มอยู่ตรงโต๊ะบ้านฮัฟเฟิลพัฟ ก่อนที่เธอจะวิ่งมาหาเขา
"ที่รัก ทำไมมากินข้าวช้าจัง ลืมนัดเค้าเหรอ ?”เธอว่าเสียงหวานก่อนจะจูงมือเซดริกไปที่โต๊ะฮัฟเฟิลพัฟ ในขณะที่ใบหน้าของเขายังทำหน้างุนงงอยู่
“ที่รัก นั่งดิ”ฮาเดสพูดก่อนจะกระตุกมือของเซดริกให้นั่งลงเนื่องจากเขายังยืนเอ๋ออยู่ ทันทีที่เซดริกนั่งลงเขาก็หันหน้าไปหาฮาเดสแล้วส่งสายตาสงสัยไปให้ทันที ฮาเดสยิ้มก่อนที่จะหันไปพูดกับเพื่อนๆเธอ
“เออพวกมึงเดี๋ยวกูมานะ ป่ะ ที่รัก ไปกัน”พูดเสร็จฮาเดสก็ลุกขึ้นยืนจูงมือเซดริกเดินออกจากห้องโถงไปท่ามกลางเสียงโห่แซวของคนในห้องโถง
ฮาเดสจูงมือเขามาเรื่อยๆจนถึงริมทะเลสาบที่เดิม ก่อนจะปล่อยมือเขาแล้วกลับหลังหันมาหาเขา
“เธอนี่มันเด๋อจริงๆ! ตามน้ำหน่อยก็ไม่ได้”
“ทำไมอยู่ดีๆฉันถึงเป็นแฟนเธอไปได้ล่ะเนี่ย ?”เซดริกถาม ก่อนที่ฮาเดสจะอธิบายให้ฟัง
“ก็คืองี้ ฉันคิดว่าถ้าฉันประกาศตัวว่าฉันเป็นแฟนเธอใช่ปะ ศาสตราจารย์เขาอาจจะจับฉันลงไปแทนน้องเธอไง แล้วในจังหวะที่ฉันกำลังคิดอยู่ว่าจะหาวิธีกระจายข่าวยังไงอยู่ดีๆ เด็กที่เคยขอเธอป็นแฟนก็ทุบโต๊ะถามฉันว่าเธอเป็นแฟนฉันเหรอ แล้วมันก็เข้าทางฉันพอดีก็เลยตอบเสียงดังๆไปเลย”
“ว่า ?”
“เออ เซดริกเป็นแฟนฉัน”เซดริกพยักหน้าเข้าใจก่อนที่จะขมวดคิ้วถามเธอทันที
“แล้วเธอก็เอาตัวเองไปเสี่ยงอันตรายเนี่ยนะ ?”
“อือ…”เธอตอบเสียงอ่อน
“เธอเป็นบ้าไปแล้วรึไงอาร์เทมิส !?”เซดริกถามขึ้นมาอย่างหัวเสียจ้องไปที่ผู้หญิงตรงหน้าที่ก้มหน้าก้มตามองเท้าตัวเองอยู่ ให้ตายเถอะ เขาอยากจะหาอะไรมาทุบหัวเธอจริงๆถ้าไม่ติดว่าตัวเองจะโดนทุบกลับล่ะก็…
“....”
“เฮ้อ...แล้วเธอจะเงียบทำไมเนี่ย ?”
“ก็เธอดุฉัน…”เซดริกยืนเงียบก่อนที่พักนึงจะอมยิ้มแล้วหัวเราะออกมาเสียงดัง ฮาเดสที่ยืนก้มหน้าอยู่เงยหน้าขึ้นมามองไปยังเซดริกที่กำลังยืนกุมท้องหัวเราะอยู่ เธอขมวดคิ้วก่อนจะถามเซดริกออกมาอย่างหงุดหงิด
“หัวเราอะไร !”
“ฮ่-- ป..ฮ่าๆๆ ป่าวๆๆ”เซดริกตอบก่อนที่จะเอามือปิดปากทันทีที่เธอทำท่าง้างมือจะทุบหลังของเขา
“อ่ะ ก่อนอื่น ฉันเรียกเธอว่าที่รัก และเธอก็ต้องเรียกฉันว่าที่รักด้วย แล้วแทนตัวเองว่าเค้า เข้าใจไหม เรียกแม้กระทั่งเราอยู่ด้วยกันสองคนก็ตาม เข้าใจ ?”เซดริกพยักหน้าเข้าใจก่อนที่จะถามเธอ
“ตอนนี้เราควรเข้าไปในห้องโถงแล้วใช่ไหมอ-- เบ๋”
“อือฮึ ไปกันที่รัก เค้าหิวข้าว”ฮาเดสพูดขึ้นมาอย่างร่าเริงก่อนที่จะจับมือเขาไว้แล้วค่อยๆเดินไปตามระเบียงทางเดินเพื่อเข้าไปในห้องโถง ในห้องโถงบรรยากาศเงียบสงัดแต่ทว่าแค่เพียงทั้งคู่ก้าวเข้าไปทั้งนั้นเสียงโห่แซวก็ดังขึ้นทันที
“วู้วว จับมือกันมาด้วยว่ะ !”เสียงของพรีเฟ็คสลิธธีรินดังขึ้นอีกครั้ง ฮาเดสหันไปมองก่อนจะทำเป็นไม่สนใจเดินไปต่อ เซดริกอมยิ้มเหลือบมองคนข้างๆ ก่อนจะกระชับมือที่จับกันอยู่ให้แน่นกว่าเดิม มันแน่นเสียจนฮาเดสต้องหันไปมอง แต่ทว่าไม่ได้ว่าอะไร แค่ส่งยิ้มบางๆให้เท่านั้น
“วันนี้ที่รักใจดีนะเนี่ย ให้จับมือด้วย”เซดริกก้มลงกระซิบกับเธอ ก่อนที่เธอจะกระซิบกลับ
“เห็นว่าเป็นแฟนหรอก”เซดริกอมยิ้มก่อนจะนั่งลงโดยเมื่อเดินมาถึงโต๊ะฮัฟเฟิลพัฟแล้ว ไม่ลืมที่จะกระตุกมือให้ฮาเดสนั่งลงด้วย ก่อนที่ทั้งคู่ลงมือกินอาหารไม่สนสายตาแซวของเพื่อนๆในห้องโถง
“ดูมันๆ ได้แฟนล่ะลืมเพื่อนไปเลยจ้า นี่ไอรีนนั่งอยู่ตรงนี้ไงเธอ ไอรีนเพื่อนที่มึงเคยเอาหมอนตีใส่ไง ! สนใจกูหน่อย ฮัลโหลวว”ไอรีนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามพูดพลางเอามือโบกผ่านหน้าฮาเดส ทว่าฮาเดสไม่สนใจก้มหน้าลงกินอาหารต่อ
ไอรีนทำตาปริบๆก่อนจะคิดกับตัวเองในใจ…
อืม...คนที่แพ้ก็ต้องดูแลตัวเอง !
“ป่ะ ที่รัก ไปเรียนกัน”ฮาเดสลุกขึ้นหลังจากถึงเวลาเข้าเรียนแล้วโดยที่ไม่ลืมจะจับมือเซดริกให้ขึ้นมาด้วย เซดริกอมยิ้มเป็นรอบที่สามที่สี่ของวันได้เมื่อโดนเธอจับมือถึงจะรู้ว่ามันทำเพื่อภารกิจที่สองเท่านั้น
เขาเจ็บหน่วงๆในอกเมื่อคิดไปถึงหลังจากภารกิจที่สองจบ หลังจากจบมันก็คงไม่มีอย่างนี้อีกแล้ว คงต้องกลายไปเป็นคนที่ถูกเธอด่าทุกวันอีกสินะ…
เฮ้อ…….
แต่ก็เอาเถอะ อย่าพึ่งคิดอะไรไปไกลขนาดนั้นเลย เพราะตอนนี้เขามีความสุข รู้แค่นั้นพอ
“โอ้ คุณอาร์เทมิส ฉันรู้ว่าเธอรักคุณดิกกอรี่มากและเป็นแฟนกัน แต่สนใจฉันหน่อยก็ดี”เสียงของศาสตราจารย์สเปราต์ที่ยืนสอนอยู่หน้าห้องบอกกับฮาเดสที่มองเซดริกไม่วางตาตั้งแต่เริ่มคาบบ่ายนี้ ทุกคนในห้องหันไปมองก่อนที่จะมีรอยยิ้มแซวปรากฏบนใบหน้า
เซดริกหันไปมองฮาเดสก่อนจะอมยิ้มขึ้นมาเป็นรอบที่เท่าไรไม่รู้ของวันเมื่อพบว่าฮาเดสกำลังมองมาที่ตนอยู่จริงๆ แต่ทว่าเธอเหมือนยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองถูกกล่าวถึง
“เฮ้..ที่รัก..ที่รัก…”เซดริกเรียก แต่เธอยังคงเหม่อลอยเหมือนไม่รับรู้อะไร และในที่สุดเธอก็หลุดออกมาจากภวังค์ทันทีเมื่อรู้สึกถึงลมหายใจร้อนๆของใครเป่าใส่หู ก่อนจะรับรู้ว่าเป็นลมหายใจของเซดริก เธอขมวดคิ้วก่อนจะถามเขาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดแต่ว่าพอสรรพนามเปลี่ยนเป็นที่รักกับเค้ามันก็ดูซอฟท์ลงทันที
“เป่าลมใส่หูเค้าทำไมที่รัก!”
“ก็ที่รักเอาแต่เหม่อมองหน้าเค้าเนี่ย ศาสตราจารย์สเปราต์ดุที่รักแล้วนั่น”ฮาเดสทำหน้าไม่ค่อยจะเชื่อสักเท่าไหร่ก่อนจะถามเขาขึ้นมา
“เค้าเนี่ยนะเหม่อมองที่รัก!?”
“อือฮึ ไม่เชื่อที่รักลองหันไปถามศาสตราจารย์สเปราต์ไม่ก็เพื่อนๆดูดิ”เพียงจบคำนั้นฮาเดสก็หันไปถามเพื่อนๆกับอาจารย์ทันทีว่าเธอเหม่อมองเซดริกจริงเหรอ
แต่พอได้คำตอบมาว่าใช่ เธอก็แทบอยากจะเอาผ้าคลุมมาปิดหน้าตัวเองทันที
เธอจะมองหน้าเขาทำไมเนี่ย ! หงุดหงิดตัวเองโว้ยย
--------------------------------------------------------------------------------
B L A C K L A B E L .
น้องงง น้องจะมาสวีทกันอย่างเน้ไม่ได้ !
ไม่อยากให้จบการแข่งเลยค่ะะ อยากให้เขาเรียกเบ๋กันต่ออ
ฮืออออ
ตอนหกอาจจะลงพรุ่งนี้เหมือนเดิมนะคะ ไม่รู้ว่าเย็นๆหรือดึกๆแบบนี้นะ
อิ้อิ้
**ฝากคอมเม้นท์ฝากกดให้กำลังใจฝากรักน้องๆด้วย จุ๊บ**
ยังไม่ได้แก้คำผิดจ้าา
ความคิดเห็น