คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : 06 อาหารเย็นของเด็กหนุ่ม
หลังจากนั่งรอไปได้เพียงไม่ทันไรหญิงสาวที่ผมเฝ้าตั้งตารอก็เดินทางมาถึงได้ในที่สุด
เธอเดินลงมาจากรถของตนในชุดที่สุดแสนจะธรรมดาทว่ากลับดูน่ารักในแบบที่ไม่เคยเห็น
ดวงตาสีสวยมองมาที่ผมพร้อมกับทำคิ้วขมวดภายในเวลาเดียวกัน
นั่นคงจะเป็นการตั้งคำถามว่าทำไมตัวผมถึงมาอยู่ที่นี่ได้หรือว่ามาทำอะไรที่นี่กันแน่อย่างนั้นแน่นอน
“สวัสดีครับ”
ผมกล่าวทักทายหญิงสาวคนนั้นที่เพิ่งจะเดินทางมาถึง
พร้อมทั้งเดินออกไปต้อนรับด้วยขาที่สั่นระริกจนแทบจะควบคุมไม่อยู่อยู่แล้ว
“สวัสดีค่ะ
มาทำอะไรที่นี่กันเหรอ” เธอตอบรับกลับมาตามที่ผมได้คาดเอาไว้
พ่วงมาด้วยคำถามที่ผมเตรียมคำตอบเอาไว้มาแทบจะตลอดทั้งวัน
“สเต็กครับ”
“หืม
?” เธอขมวดคิ้วออกมาอีกครั้งหนึ่ง ปฏิกิริยาตอบสนองของเธอที่แสดงออกมาแบบนั้นทำเอาผมถึงกับใจแป้วไปในทันทีอย่างช่วยไม่ได้
อ
อะไรกันน่ะ ไม่ใช่ว่าเธอน่าจะรู้คำตอบอยู่แล้วหรอกเหรอ ?
“ก
ก็ที่คุยกันทางโทรศัพท์ไงครับ”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นเธอก็นึกอะไรในใจสักพัก
ก่อนที่เธอจะร้องอ๋อออกมาพร้อมกับรอยยิ้มที่แสดงถึงความเข้าใจ
เอ้า
นี่ลืมจริง ๆ หรือว่าแกล้งเอาขำกันอย่างนั้นอีกล่ะเนี่ย
“ผมมาชวนครูไปทานสเต็กด้วยกันน่ะครับ”
“โหย
จะไปได้ยังไงนี่มันก็เย็นเอามาก ๆ แล้วนะ”
หืม
? สเต็กมันก็กินตอนกลางคืนได้เหมือนกันนี่ครับครู
แต่เดี๋ยวนะ
เหมือนว่าเธอจะพยายามปฏิเสธการเชิญชวนของผมอยู่หรือเปล่าล่ะนั่น
แต่จะอย่างไรก็เถอะก็คิดเอาไว้แล้วล่ะว่าเธอจะต้องใช้คำพูดหรือหาข้ออ้างอะไรทำนองนี้ออกมาอยู่แล้ว
และที่ตัวผมไปซื้อสเต็กห่อกล่องมาไว้ก็เพื่อที่เธอจะไม่สามารถปฏิเสธหรือหาข้ออ้างได้อีกนั่นเอง
“อ้ะ
เปล่าครับ ผมไม่ได้จะชวนครูไปไหน เดี๋ยวครูรอผมแป๊บนึง”
ว่าแล้วผมก็วิ่งกลับไปที่รถแล้ววกกลับมาหาครูคนสวยคนนี้ภายในเวลาไม่นานกันอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนที่ผมจะยื่นอะไรบางอย่างไปให้เธอดูพร้อมทั้งฉีกยิ้มด้วยความดีใจ
“ผมซื้อใส่กล่องมาไว้แล้วครับ”
ฮ่า
ๆ ๆ ทุก ๆ อย่างอยู่ในแผนของเรา
“ฮิ
ๆ ทีอย่างนี้ล่ะไม่ยอมให้พลาดเลยนะ”
เหมือนว่าเธอจะชอบใจในสิ่งที่เห็นไปไม่น้อยเลยแฮะ
และใบหน้าที่หลุดหัวเราะออกมาแบบนั้นก็ทำให้เธอดูน่ารักขึ้นมาอีกมากจนแทบจะเป็นบ้าเลย
“ก็ตั้งใจมาชวนเอาไว้แล้วนี่ครับ”
เธอได้แต่ส่งยิ้มกลับมา
จากนั้นก็ถือโอกาสในช่วงที่ต่างฝ่ายต่างก็เขินเดินผ่านตัวผมไป
“จริงจังไปมั้ยน่ะ”
เธอหันมาถามในขณะที่ตัวเองยังคงมุ่งหน้าไปที่บ้านพักของตน
ส่วนผมที่เหลียวมองตามอย่างไม่ละสายตาอยู่แล้วก็ได้แต่หัวเราะแหะ ๆ
อย่างคนขวยเขินกลับคืน
“งั้นเธอรออยู่นี่ก่อนนะ
เดี๋ยวครูเข้าไปเอาจานชามมาก่อน” ว่าแล้วเธอก็จัดการไขประตูบ้านพักภายในทันที ส่วนผมที่ได้ยินอย่างนั้นก็ถึงกับเปลี่ยนอารมณ์ไปเป็นอีกแบบอย่างไม่ได้ตั้งใจ
“แล้วไม่กินข้างในกันเหรอครับ
?”
“ข้างในมันร้อน
ข้างนอกนี่แหละ” เธอให้เหตุผล ขณะเดียวกันก็เปิดประตูเข้าไปข้างในโดยที่ทิ้งผมไว้ให้อยู่ข้างนอกเหมือนเดิม
อะไรวะ
?
แต่พอเห็นว่าเธอนั้นหายไปตรงมุมห้องผมจึงรีบเอ่ยถามไปในทันที
“ผมเข้าไปช่วยถือของได้มั้ย”
“รออยู่นั่นแหละ
มีของไม่เยอะหรอก”
เอ้า
แบบนี้มันก็ไม่มีโอกาสที่นิ้วมือจะแตะโดนกันตอนที่ช่วยยกของออกมาเลยน่ะสิ
นี่กะจะดักเอาไว้ทุกทางเลยหรือไงเนี่ย
“เอ่อ
ครับ”
ก็...
มันก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะที่เธอจะปฏิเสธคำขอออกมาไม่ว่าจะทั้งในฐานะของแขกหรือในฐานะของอะไรก็ตาม
แต่ถ้าหากว่าเธอพยายามที่จะรักษาระยะห่างล่ะมันจะเป็นยังไงกัน
...แต่ช่างมันเถอะ
ใช่ว่าเธอจะเกลียดเราสักหน่อย ยังมีโอกาสให้เข้าหาได้อีกเยอะ
เรื่องอะไรจะยอมตัดใจง่าย ๆ กันล่ะ
เมื่อคิดได้อย่างนั้นผมจึงชะโงกเข้าไปในตัวบ้านเพื่อดูว่ามันจะมีไม้กวาดอยู่ข้างประตูหรือเปล่า
แต่พอเห็นว่ามันมีทั้งไม้กวาดและเสื่อปูพื้นก็รีบจัดการเก็บกวาดหน้าบ้านและเตรียมที่นั่งจนเสร็จสรรพทันที
ไม่นานเกินรอครูณัฐก็ก้าวเท้าออกมาพร้อมกับเจ้าสิ่งที่เข้าไปหาเมื่อครู่
แต่เท่าที่เห็นมันก็มีเพียงแค่จานและส้อมในจำนวนครบคนกับน้ำเย็นอีกขวดมันก็เท่านั้นเอง
ขาดแก้วน้ำไปจริง
ๆ ด้วย ยอมให้ผมไปช่วยตั้งแต่แรกก็ได้นี่นา
ไม่นานเธอก็วางของพวกนั้นลงไปก่อนจะกลับเข้าไปในบ้านอีกที
“เดี๋ยวครูกลับไปเอาแก้วน้ำมาก่อนนะ”
นั่นไงว่าแล้วเชียว
“ครับ
เดี๋ยวผมแกะใส่จานไว้รอเลยนะ”
“ค่ะ”
ฮิ
ๆ ก็ยังอุตส่าห์ตอบ “ค่ะ” กลับมาอีกนะ น่ารักซะจริงเชียว
ครูณัฐกลับเข้าไปในบ้านพักครูก่อนที่เธอจะหายไปตรงมุมห้องอย่างนั้นเหมือนเดิม
ส่วนผมที่เตรียมสเต็กไว้รอก็ได้แต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ว่าคนอะไรจะน่าหลงน่าไหลได้ถึงขนาดนี้
แต่ผ่านไปเพียงแวบเดียวเธอก็เดินออกมาอีกครั้งพร้อมกับแก้วน้ำทั้ง 2
ใบที่ถืออยู่ในมือ จากนั้นก็ทิ้งก้นลงบนเสื่อไปบ้างโดยตำแหน่งที่นั่งคืออยู่เยื้อง
ๆ กัน
โชคยังดีหน่อยที่เธอตัดสินใจที่จะไม่นั่งหันหน้าเข้าหากันตรง
ๆ หากไม่อย่างนั้นเวลาคุยกันคงได้อึดอัดตายแทนที่จะเป็นเขินอายทั้งอย่างนั้นเป็นแน่
หรือเพราะว่าเธอรู้อยู่แล้วกันนะว่าในตำแหน่งนี้มันจะทำให้เราสองคนสามารถคุยกันได้สะดวกยิ่งกว่า
มิหนำซ้ำมันอาจจะดูใกล้ชิดกันมากกว่าอีกด้วยเมื่อเอาไปเทียบกับการไปนั่งอยู่ในทิศที่ตรงข้ามกัน
เธอมองไปยังเนื้อทอดในจานของตนก่อนจะเปลี่ยนเป็นเทน้ำใส่แก้วใบหนึ่งลงไป
“2 กล่องเหรอ”
“ครับ
กลัวมันไม่อิ่มน่ะครับ”
“จะไม่กลับไปกินข้าวที่บ้านหรือไง”
“ฮ่า
ๆ ๆ กลับครับ กลับ”
“ฮิ
ๆ เอ้า นี่ของเธอ” เธอว่าพร้อมทั้งยื่นน้ำเย็นในแก้วนั้นมาให้
ส่วนผมก็รีบรับมันเอาไว้โดยที่ไม่ลืมให้เกียรติว่าอีกฝ่ายนั้นก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน
“ขอบคุณครับ”
ห้ะ !
แต่แล้วจู่
ๆ ผมก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ทีหลัง
ก่อนจะมองลงไปยังแก้วน้ำในมือที่ถือเอาไว้เสียเป็นอย่างดี
โถ่โว้ย
ไอ้โง่ ทำอะไรของแกลงไปห้ะเนี่ย ดันลืมที่จะฉวยโอกาสในตอนนั้นทำให้มือของเราแตะโดนกันไปอีกจนได้
โถ่โว้ยยยย
“มีอะไรหรือเปล่า ?”
จู่
ๆ เธอก็ถามขึ้นมาหลังจากที่เห็นปฏิกิริยาของผมแปลกไป ส่วนผมที่ไม่อาจจะบอกความจริงกับเธอไปได้ก็ได้แต่ปฏิเสธมันไปทั้งอย่างนั้นเลย
“ป
เปล่าครับ ไม่มีอะไร”
รอดตัวไป
รอดตัวไป
ผมทำเป็นเนียนดื่มน้ำลงไปเพื่อไม่ให้เธอสงสัยอะไร
แต่ในใจก็แอบวางแผนเอาไว้ว่าจะรีบดื่มน้ำให้หมดแล้วขอให้เธอเติมให้อีกแก้ว
มาถึงขั้นนี้แล้วใครมันจะไปยอมปล่อยไปได้ง่าย ๆ อย่างนั้นกันล่ะ
ไม่แน่นะบางทีเราอาจได้สบตากันในหลังจากนั้นอย่างหวานซึ้งไปเลยก็เป็นได้
“อื้อ”
ผมลองทักขึ้น ส่วนเธอที่ได้ยินอย่างนั้นก็ถึงกับหยุดเทน้ำดื่มของตนลงไปแล้วหันมาฟังอย่างเลี่ยงไม่ได้
“ตอนแรกผมก็ว่าจะชวนครูไปกินที่ร้านมันเลยนะครับ”
“ทำไมเหรอ
?”
“เห็นในหนังเขาทำกันน่ะครับ”
“...ฮิ
ๆ ว่าไปนั่น”
และแล้วเธอก็หัวเราะชอบใจออกมา
ทำเอาผมที่รอลุ้นแทบบ้าเกือบจะต้องใจแป้วเป็นรอบที่สองแล้ว
“ไม่หรอก...”
หืม
?
“อยู่นี่แหละดีแล้ว”
อยู่นี่แหละดีแล้ว...งั้นเหรอ
?
หมายความว่าไงกันน่ะ
?
“อยู่ที่นี่เหรอครับ
?”
“จ้ะ”
อยู่ที่นี่งั้นเหรอ...
ไม่ใช่ที่ร้านหรอกเหรอ... ที่นั่งสวย ๆ ล่ะ แจกันดอกไม้ เปลวเทียนสีเหลือง การได้สบตากันใต้แสงไฟที่สลัว
ๆ ในร้านอาจจะมีคนอื่นอยู่ด้วยก็ได้...แต่คนที่อยู่ตรงหน้าจะมีแค่เราสองคนเท่านั้น
แบบนั้นมันไม่ดีกว่าหรือไง
แล้วที่นี่ล่ะ…
“งั้นเหรอครับ”
“เอาเถอะ
มากินกันดีกว่า” เธอพูดเพื่อเรียกสติของผมกลับคืน ขณะเดียวกันเธอก็เททั้งน้ำดื่ม ราดทั้งน้ำจิ้มจนเสร็จสรรพไปหมดทุกอย่างแล้ว
“ค
ครับ”
และเพียงไม่นานเธอก็ทัดผมเอาไว้ข้างหูก่อนจะจิ้มเอาเนื้อชิ้นหนึ่งขึ้นมาชิมดูก่อน
ส่วนผมที่เห็นอย่างนั้นก็อยากจะรู้เอาเสียมาก ๆ ว่าเธอจะรู้สึกอย่างไรกับมัน
“เป็นไงบ้างครับ”
“อื้อ
ก็อร่อยดีนะ” เธอตอบทั้ง ๆ ที่ยังขบเคี้ยวมันไม่หมด แก้มป่อง ๆ
ที่ยังมีเนื้อกลิ้งอยู่ข้างในบวกกับการทัดผมไปเมื่อครู่นั่นแล้วมันก็ยิ่งทำให้เธอดูน่ารักขึ้นมาอีกมากเป็นไม่รู้ตั้งกี่ร้อยเท่าพันเท่า
“จริงเหรอครับ”
ผมฉีกยิ้มด้วยความดีใจอย่างถึงที่สุด
รู้สึกว่าเรื่องในคราวนี้มันจะไปได้สวยมาก ๆ จนแทบไม่อยากจะเชื่อในสายตาตัวเองอยู่แล้ว
บางทีนี่อาจจะเป็นสิ่งที่เธอต้องการจะบอกก็ได้ว่าที่นี่นี่แหละที่ดีที่สุดสำหรับพวกเรา
การที่ปล่อยตัวได้ตามสบาย ไม่ต้องสนใจสายตาคนอื่น หรือจะหวานกันแค่ไหนก็ได้สถานที่แบบนั้นคงทำอะไรแบบนี้ไม่ได้แน่
ๆ
“เธอซื้อมาจากไหนเหรอ”
“ร้าน
‘สเต็ก ซี แอนด์ ซัน’ ครับ ถ้าไปจากทางบ้านเราก็เลี้ยวซ้ายตรงสามแยกไฟแดงแก้งคร้อนั่นแหละ”
“อ๋อ
ไม่เคยสังเกตเห็นเลยแฮะ”
“งั้นเหรอครับ”
จากนั้นผมก็เริ่มทานมันลงไปกับเขาบ้าง
รสชาติมันก็อร่อยเหมือนอย่างที่เธอบอกมาไม่มีผิดเพี้ยน ราคามันก็ไม่ได้สูงมากขนาดที่เด็กคนหนึ่งจะไม่สามารถซื้อได้
แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามรอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่ผมได้จากเธอกลับมามันก็คุ้มแสนคุ้มเสียจนไม่รู้จะคุ้มอย่างไรอีกแล้ว
“อื้อ
จะว่าไปผมไม่เห็นครูถืออะไรมาเลยนี่ครับ ครูกินข้าวมาแล้วเหรอ”
ผมถามขึ้นหลังจากที่เคี้ยวเนื้อทอดในปากจนหมด ส่วนตัวของเธอก็เคี้ยวจนหมดพอดีก็เลยรีบตอบคำถามกลับมา
“ยังเลย
ครูไม่ได้ซื้ออะไรมาด้วย”
“แล้วครูไม่หิวเหรอครับ”
“ปกติก็ไม่นะ”
“ลดหุ่นเหรอ”
“ฮิ
ๆ ก็ไม่หิวนี่แหละ”
เอ๋า
ซะงั้น
“งั้นก็พอดีเลยนะเนี่ยที่วันนี้ได้ซื้อสเต็กมา”
“จ้ะ
ขอบใจที่ซื้อมาเลี้ยงนะ” ว่าแล้วเธอก็กินมันเข้าไปอีกคำ
ทำเอาผมที่ตั้งใจไปซื้อมาให้ก็อดฉีกยิ้มไปไม่ได้เหมือนเดิมอีกแล้ว
วันนี้ทั้งวันเหมือนว่าจะเจอแต่เรื่องดี
ๆ ทั้งนั้นเลยแฮะ เพราะว่าเป็นวันอาทิตย์แถมยังไม่มีงานให้ทำก็เลยสามารถที่จะไปที่ไหนหรือทำอะไรกับใครก็ได้
ขนาดเมื่อวานฝนตกแต่วันนี้ทั้งวันก็ยังไม่เห็นว่ามันจะเป็นแบบนั้นเลยแม้แต่น้อย
พอซื้อสเต็กมาอีกก็กลับกลายเป็นว่าได้ใช้เวลาอยู่กับเธอแบบสองต่อสองเหมือนอย่างที่เขาว่าไปอย่างนั้นจริง
ๆ แต่พอนึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ความรู้สึกดีใจเมื่อครู่มันก็พลันหายไปภายในเวลาไม่นาน
เพราะว่ามันยังมีเรื่องสำคัญอยู่อีกตั้ง 1 เรื่องที่ผมกับเธอยังไม่ทันได้พูดคุยกันเลย
“เอ่อ
ครูครับ” ผมรวบรวมความกล้าเอาไว้ทั้งหมดก่อนจะตัดสินใจเรียกเธอด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างจะจริงจังสุด
ๆ แต่พออีกฝ่ายได้ยินอย่างนั้นก็ถึงกับหันมามองที่ผมด้วยความแปลกใจอย่างกับอะไรดี
“...คะ
?”
“คือว่าผมมีเรื่องที่อยากจะคุยด้วยสักหน่อยน่ะครับ
ไม่ทราบว่าพอจะได้หรือเปล่า”
“อยากจะคุยด้วยเหรอ
?”
เธอใช้เวลาครุ่นคิดอยู่ตั้งครู่หนึ่ง
แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังตอบรับคำขอกลับมาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ จากนั้นก็ทำท่าทางที่จะตั้งใจฟังในสิ่งที่ผมต้องการจะพูดอย่างถึงที่สุด
บางทีเธออาจจะคาดเดาในใจไปด้วยว่าผมจะชวนเธอคุยในเรื่องอะไรกันแน่
“...ก็ได้นะ
ว่ามาสิ”
“ค
ครับ”
ในตอนแรกผมก็กล้า
ๆ กลัว ๆ ที่จะพูดมันออกไปให้เธอได้รู้อยู่นะ บางทีเธออาจจะไม่ชอบและปฏิเสธมันกลับมาเสียเลยด้วยซ้ำ
ถ้าโชคร้ายกว่านั้นก็อาจจะทำให้บรรยากาศของการกินสเต็กในหลังจากนี้พังครืนไม่เป็นท่าไปเลยก็เป็นได้
แต่จะให้ว่าอย่างไรดีล่ะในเมื่อมันมาถึงขั้นนี้แล้วก็มีแต่จะต้องเดินหน้าต่อไปอย่างเดียวเท่านั้น
“ค
คือว่า... ผมอยากเป็นแฟนกับคุณครูครับ”
อาหารเย็นของเด็กหนุ่ม
E – Villain: Lady Killer คนประลัยสายพันธุ์อี: เพชฌฆาตแค้นสวาท
..................................................................................................................................................................
แก๊กท้ายตอน
นักเขียน: ฉวยโอกาสแตะมือเนี่ยนะ
เกม: มึงไม่เคยเห็นเหมือนในละครรึไงวะ
นักเขียน: กูว่ามึงดูละครมากไป
เกม: กูไม่ได้อยากดูเว้ย แม่กูน่ะเปิดดู
ช่วงนี้มีสาระ
(มั้ง)
หลายคนอาจเคยรู้และเข้าใจว่าการดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ
8 แก้วนั้นมันจะส่งผลดีต่อร่างกายมากน้อยแค่ไหน แต่ว่าที่เรารู้ไปนั่นมันก็แค่กับคนที่ใช้งานร่างกายตามปกติเท่านั้น
ของแบบนี้มันก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่น ๆ ด้วย เช่น รับจ้างยกอ้อยขึ้นรถ
อันนี้งานหนัก เสียเหงื่อไม่ใช่น้อย ๆ ตัวร้อนไม่ใช่เล่น ๆ ต้องดื่มน้ำให้มากกว่าปกติเพื่อทดแทนในส่วนของน้ำที่ร่างกายเสียไป
หรือใครต้องการที่จะดื่ม 8 แก้วเป๊ะ ๆ ก็แล้วแต่เห็นสมควรเลยครับ
หาข้อมูลเพิ่มเติมเองเน่อ
แก๊กท้ายตอน
2
นักเขียน: จริง ๆ กูเคยพาสาวไปกินสเต็กที่ร้านมาแล้วนะเว้ย
เกม: เหรอ ๆ ๆ แล้วเป็นยังไงวะ
นักเขียน: กูโคตรอยากมุดแผ่นดินหนีเลยว่ะ เกร็งซะจนไม่รู้จะเกร็งยังไงดี
กินสเต็กซะจนหมดจานเพิ่งจะมาสังเกตเห็นทีหลังว่ามันก็มีซองน้ำจิ้มที่เขาเตรียมเอาไว้ให้ที่กลางโต๊ะของพวกเรานั่นแหละ
เกม: ฮ่า ๆ ๆ ทำตัวไม่ถูกล่ะสิมึง
พาตัวเองไปอยู่ในที่ที่ไม่เหมาะกับตัวเองแท้ ๆ
นักเขียน: นึกว่ามันจะโรแมนติกเหมือนกับในหนังซะอีก ไปแบบที่ฝืนธรรมชาติตัวเองนี่มันนรกชัด
ๆ ทั้งหมดทั้งมวลนี่ก็เพราะว่าอยากจะอวดสาวแท้ ๆ
เกม: เจริญล่ะ
นักเขียน: ครั้งหน้าเดี๋ยวกูมาเล่าเรื่องซูชิให้ฟัง
เกม: มึงยังจะเอาอีกเรอะ
ความคิดเห็น