คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : 05 ความคืบหน้าของคดี
“เกม...
เกม...”
ในยามเช้าตรู่ที่แสนจะสดชื่นจู่
ๆ ผมก็ได้ยินเสียงของแม่ดังขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว เธอคงจะปลุกผมให้ตื่นจากการหลับใหลเหมือนกับในทุก
ๆ วันอย่างนั้นเป็นแน่ จริง ๆ
ผมก็ตื่นนอนไปตั้งนานแล้วล่ะแค่ไม่ได้ลุกออกไปจากเตียงมันก็เท่านั้นเอง
ยังคงที่จะข่มตานอนด้วยความขี้เกียจเหมือนกับในทุก ๆ ที
ถ้าไม่มีแม่คอยร้องปลุกให้ตื่นก็คงจะลุกออกจากเตียงไปเองได้อยู่แล้วล่ะนะ
เพียงแต่มันจะค่อนข้างสายหน่อยจนทำให้ไปโรงเรียนไม่ทันแทบจะทุกที
“อ้าว
นี่จะนอนไปถึงเมื่อไหร่เนี่ย” เสียงรำคาญของแม่ร้องดังอีกครั้ง ถ้าไม่รีบตอบกลับไปตอนนี้มีหวังโดนด่าหนักกว่านี้อีกร้อยเท่าพันเท่าเป็นแน่
“ครับบบบ”
ผมลากเสียงยาวด้วยความขี้เกียจอย่างถึงที่สุด แต่หลังจากที่ทำแบบนั้นไปได้ไม่นานเสียงของแม่ก็เงียบหายลงไปตามที่คาดเอาไว้จริง
ๆ
นี่มันวันอาทิตย์นะ
วันหยุดอย่างนี้ก็ควรจะนอนตื่นสายได้บ้างสิแม่ ให้ตายเถอะน่า
ผมได้แต่บ่นกับตัวเองในใจแล้วยันตัวขึ้นด้วยความงัวเงีย
แต่ก็ไม่ได้ลุกออกจากเตียงไปในทันทีเพราะว่ายังมีสิ่งสิ่งหนึ่งที่ผมจะต้องทำอยู่ในทุก
ๆ เช้า
ผมมองไปยังโต๊ะวางของตัวหนึ่งที่ตั้งอยู่ทางขวาของเตียงนอนของผม
บนนั้นจะมีโทรศัพท์มือถืออยู่เครื่องหนึ่งกับกล่องตุ๊กตาขนาดเล็กที่มีสีสันค่อนข้างจะแปลกตา
โดยที่เจ้ากล่องตุ๊กตานั่นถูกทำมาแค่ส่วนหัวและทำจากมาจากกล่องแข็งและกระดาษหลากสีโดยฝีมือของตัวผมเอง
ผมคลานเข่าเข้าไปเพียงไม่กี่ก้าวก็สามารถที่จะไปยืนอยู่ต่อหน้าของมันได้แล้ว
จากนั้นก็จับมันอ้าปากแล้วมองดูรูปของผู้หญิงคนหนึ่งที่ผมแอบซ่อนมันเอาไว้ข้างใน มันเป็นรูปของใครสักคนที่ตัวผมนั้นแอบชอบมาตั้งเนิ่นนาน
“เกมมมม”
“ครับบบบ”
โวะ
จะปลุกอะไรกันนักกันหนากันเนี่ยห้ะแม่
ตรงหน้าทางเข้าของห้องประชุมแห่งหนึ่งเริ่มมีเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบเต็มยศมากหน้าหลายตาพากันทยอยเดินเข้าไปในนั้นกันอย่างแข็งขัน
หรือแม้แต่ที่นั่งข้างในที่ถูกจัดเอาไว้สำหรับการประชุมก็มีตำรวจบางนายเข้ามานั่งรออย่างใจจดใจจ่ออยู่ตรงนั้นตั้งนานแล้ว
ในอีกทางหนึ่งตำรวจหญิงยศพันตรีก็มุ่งตรงไปยังห้องประชุมห้องนั้นแทบจะไม่ต่างกัน
และก็เป็นตัวเธอเองนั่นล่ะที่เป็นคนเปิดการประชุมในครั้งนี้ขึ้นมา
สารวัตรหญิงอย่างรัตนาเดินตรงไปเรื่อย
ๆ ด้วยความเร่งรีบแทบจะไม่แพ้ใคร แต่พอนึกได้ว่ามีใครอีกคนเดินตามมาด้วยเธอจึงหยุดเดินลงไปแล้วหันไปมองยังใครคนนั้นทันที
“ยศนายไม่ได้สูงขนาดนั้น
รออยู่ข้างนอกนั่นแหละ” สารวัตรหญิงบอกกับตำรวจหนุ่มอย่างอ้นที่เดินตามหลังตนมาติด
ๆ ส่วนอ้นที่เห็นแบบนั้นก็ไม่รู้ว่าควรจะต้องทำตามคำสั่งของเธอดีหรือไม่
“แต่ว่า...”
“ไม่เป็นไรสารวัตร”
ยังไม่ทันจะพูดอะไรจบจู่
ๆ ตำรวจหนุ่มก็ถูกใครบางคนพูดแทรกขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว แต่พออ้นและรัตนาหันไปดูก็พบว่าเป็น
“ณรงศักดิ์” ตำรวจวัยสูงอายุยศพลตรีที่ได้เข้าร่วมในการประชุมภายในครั้งนี้กับเขาไปด้วย
“...ช่วยฝึกเด็กมันหน่อย”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นสารวัตรหญิงก็ไม่อยากจะขัดใจ
เธอได้แต่ตอบรับกลับไปแล้วเปลี่ยนเป็นเดินเข้าห้องประชุมอีกที
“ขอบคุณครับผู้การ”
ตำรวจหนุ่มก้มหัวให้เล็กน้อยให้กับชายเพียงหนึ่งเดียวคนนี้ที่ส่งเขาเข้ามาทำงานภายในที่แห่งนี้
ส่วนตำรวจวัยสูงอายุคนนี้ก็ไม่ได้คิดอะไรไปมากพร้อมทั้งปรบไหล่ให้กำลังใจเบา ๆ
“ไปยืนเป็นวอลเพเพอร์ไป”
“จากข้อมูลเก่าที่เรามีบวกกับที่เพิ่งจะได้มาเมื่อคืนทำให้เรารู้แล้วว่าตัวจริงของฆาตกรต่อเนื่องสวมหน้ากากที่ใช้ชื่อว่า
‘เลดี้ คิลเลอร์’ เป็นใครกันแน่
และเขามีเป้าหมายคืออะไรกัน” ตำรวจหญิงเริ่มเข้าประเด็นสำคัญทันทีที่เปิดประชุม
จากนั้นเธอก็คลิกเมาส์ 1 ครั้งก่อนที่เครื่องโพรเจกเทอร์จะฉายภาพนิ่งของชายธรรดาคนหนึ่งกับภาพของชายธรรมดาคนเดิมที่อยู่ในชุดสำหรับกันกระสุนและมีอาวุธปืนอยู่ในมือที่อยู่ข้าง
ๆ กัน
เมื่อได้ยินและเห็นอย่างนั้นผู้คนในห้องประชุมต่างก็ให้ความสนใจไปยังรูปภาพทั้งสองที่ปรากฏขึ้นมาอยู่บนม่านแสดงภาพด้านหลังของรัตนา
จากนั้นก็หันไปตั้งใจฟังต่อว่าสารวัตรหญิงคนนี้ต้องการจะบอกอะไรมาอีก
“ชายที่อยู่ในภาพฝั่งขวาคนนี้คือเลดี้
คิลเลอร์ ฆาตกรต่อเนื่องที่ลงมือสังหารเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายซึ่งเป็นผู้หญิงจำนวนหลายราย
โดยที่ตัวจริงภายใต้หน้ากากของเขาก็คือ ‘เกียรติศักดิ์
พรมณี’ ชายอายุสี่สิบหก นักลงทุนธรรมดาที่ไม่ได้มีอะไรโดดเด่นเป็นพิเศษ
และที่สำคัญคือเขาเป็นแฟนเก่าของฉันเองค่ะ” สารวัตรหญิงพูดไปตามข้อเท็จจริงที่เธอรู้มา
แต่ดูเหมือนว่าข้อมูลในช่วงสุดท้ายนั้นมันจะไปกระทบกับหูและความสนใจของคนในห้องนี้อยู่ไม่น้อยกันเลยทีเดียว
หลังจากที่ได้ยินอย่างนั้นเหล่าผู้เข้าร่วมประชุมทุกคนก็ถึงกับมองหน้ามองตากันไปมา
พวกเขาไม่เคยรู้หรือนึกถึงมาก่อนเลยว่าอาชญากรอันตรายระดับนั้นจะเคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับรัตนา
สารวัตรหญิงที่เป็นผู้เปิดประชุมในครั้งนี้ไปอย่างนั้นเสียได้ มิหนำซ้ำเธอในตอนนี้ยังเป็นหัวหอกในภารกิจจับกุมเลดี้
คิลเลอร์เอาไว้อีก เห็นอย่างนี้แล้วทุกคนก็เริ่มจะไม่ไว้ใจในการทำงานของเธอขึ้นมาภายในทันที
“บอกเอาไว้ก่อนนะคะว่าเกลือไม่ได้เป็นหนอน”
“อะไรนะ
จะให้เราไว้ใจกับการทำงานของคุณอย่างนั้นน่ะเหรอ”
ผู้เข้าร่วมประชุมคนหนึ่งคัดค้านขึ้นมาทันที ทำเอาทุกคนต้องหันไปมองยังเขาพร้อมทั้งเห็นด้วยกับคำพูดเหล่านั้น
“แปลว่าพูดไปก็ไร้ความหมายสินะคะ”
สารวัตรหญิงพูดอย่างหมดอารมณ์ไปอย่างง่ายดาย
เธอรู้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าทุกคนจะต้องคัดค้านจึงได้แต่พับเก็บโน๊ตบุ๊กของตนลงไป
“อะไรนะ
?”
“ในแฟ้มตรงหน้ามีข้อมูลทุกอย่างให้แล้ว
เชื่อ ไม่เชื่อแล้วแต่จะพิจารณาค่ะ ขอปิดการประชุมแต่เพียงเท่านี้”
เหมือนโดนตบหน้ากันทั้งห้องประชุม
ทุกคนที่ได้เห็นในสิ่งที่เธอตอบโต้กลับมาก็ถึงกับอึ้งจนพูดอะไรไม่ออกกันเลยทีเดียว
ได้แต่มองหน้ากันไปมาทั้งอย่างนั้นเพราะไม่คิดว่าเธอจะกล้าหักหน้ากันได้ถึงขนาดนี้
จะมีก็เพียงแต่อ้นเท่านั้นที่แอบอมยิ้มด้วยความชอบใจอยู่หลังห้องประชุมอย่างนั้นคนเดียว
“เกินไปแล้วนะสารวัตร”
แต่แล้วจู่
ๆ
ก็มีผู้เข้าร่วมประชุมอีกคนกล่าวตักเตือนถึงพฤติกรรมของสาวรัตรหญิงผู้เปิดประชุมขึ้นมา
พอทุกคนและรัตนาหันไปดูก็พบว่าเป็นณรงศักดิ์ ผู้บังคับการที่เป็นหัวหน้าของรัตนาอีกที
“อย่าหาว่าผมยังงั้นยังงี้เลย
คุณทำงานดีมาตลอดเลยนะ แต่จะมาเสียชื่อเพราะเอาอารมณ์เป็นใหญ่ผมว่ามันก็ไม่ควรนะ”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นสารวัตรหญิงจึงเก็บไปคิดตามคำที่เขาพูด
ก่อนจะตัดสินใจวางโน๊ตบุ๊กที่อยู่ในมือลงไปพร้อมทั้งก้มหัวให้กับเหล่าผู้เข้าร่วมประชุมภายในเวลาต่อมา
“ขอโทษด้วยค่ะ
คราวหน้าจะระวังให้มากกว่านี้”
“...งั้นเอางี้”
ผู้บังคับการว่า ทำเอารัตนาและตำรวจทุกคนต้องหันไปตั้งใจฟัง “ถือว่าเราไว้ใจคุณครึ่งหนึ่งไปก่อนก็แล้วกัน
สรุปแผนการรับมือคร่าว ๆ มา แล้วปิดประชุมไปได้เลย”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นตำรวจหญิงจึงเปลี่ยนเป็นมองผู้เข้าร่วมประชุมว่าเห็นด้วยหรือไม่
แต่พอเห็นว่าไม่มีใครที่จะมีท่าทีคัดค้านเธอจึงทำใจให้สงบอีกสักพักก่อนจะเริ่มทำการประชุมอีกที
“จะขอเข้าสู่การประชุมในครั้งนี้อีกครั้งนะคะ”
“...งั้นขอต่อจากเมื่อกี้เลยนะคะ
จากข้อมูลที่เรามีคนร้ายจะทำการสังหารเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายหนึ่งคนแล้วทิ้งการ์ดซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของตนเองเอาไว้บนร่างของศพ
โดยที่เหยื่อแต่ละคนนั้นจะเป็นผู้หญิงเหมือนกันหมดซึ่งมันก็สอดคล้องกับชื่อของตัวคนร้ายที่เขียนเอาไว้บนการ์ดของเขา
และจากการที่เราได้เข้าปะทะกับเขาเมื่อคืนนั้นมันจึงทำให้ฉันได้ร่วงรู้ว่าตัวจริงของเขาเป็นใครจนทำให้ฉันต้องกลับมาดูข้อมูลของเหยื่อในแต่ละคนอีกที
“เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายจากคดีที่หนึ่ง
สี่ และห้าเราทราบมาว่าพวกเธอเหล่านั้นล้วนแล้วแต่เคยมีความสัมพันธ์กับตัวคนร้ายด้วยกันทั้งสิ้น
โดยที่ทั้งหมดนั้นมีจุดที่เชื่อมโยงถึงกันนั่นก็คือการที่พวกเธอต่างก็เคยเป็นแฟนของเขามาแล้วทั้งนั้น
หากเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายในคดีที่สองและสามเป็นแฟนเก่าของเขาด้วยข้อสันนิษฐานที่ว่าเหยื่อทุกคนจะต้องเป็นแฟนหรือแฟนเก่าของเขาก็จะเป็นอันถูกต้อง
ซึ่งข้อมูลตรงนี้เราจะทำการตามสืบเพื่อยืนยันเพิ่มเติมอีกที
ส่วนเหตุผลในการก่อเหตุฆาตกรรมก็อาจจะเป็นไปได้ว่าต้องการล้างแค้นผู้หญิงที่ทำให้เขารู้สึกไม่พอใจขึ้นมา”
เมื่อสารวัตรหญิงพูดมาถึงตรงนี้เธอก็หยุดไปเพียงครู่หนึ่งเพื่อดูว่าจะมีใครว่าอะไรมาอีกไหม
แต่พอเห็นว่าไม่มีใครที่จะทักท้วงอะไรขึ้นมาเธอจึงทำการพูดต่อจากที่หยุดไปในเมื่อตะกี้ภายในทันที
“หากเป็นอย่างที่ฉันว่าวิธีรับมือกับการก่อเหตุคือการตามหาแฟนเก่าของเขาว่ายังมีอยู่อีกไหม
เป็นใครบ้าง มีกันกี่คน หาตัวให้เจอแล้วคอยคุ้มกัน ตอนนี้เจอแล้วหนึ่ง
ส่งคนไปจับตาดูอยู่ห่าง ๆ แล้ว
แต่ถึงอย่างนั้นตอนนี้ก็ยังวางใจอะไรไม่ได้เพราะเราไม่รู้ว่าเขาจะลงมือกับใคร
ที่ไหน เมื่อไหร่ และยังไง เราคงต้องมีกองกำลังอีกหนึ่งกองไว้คอยรับมือในกรณีที่มีการประกาศว่าจะทำการก่อเหตุเอาไว้ด้วยเพราะยังไงฉันก็ยังเป็นหนึ่งในเป้าหมายของเขาอยู่ดี
เขาคงไม่ยอมปล่อยไปง่าย ๆ แน่และเราจะใช้ประโยชน์จากตรงนี้ในการโต้กลับ
“นอกจากนั้นเขายังไม่ได้ลงมือก่อเหตุเพียงแค่คนเดียว
เขายังมีผู้ช่วยคอยสนับสนุนอยู่ด้วยอีกหนึ่งคน เท่าที่รู้คือเป็นผู้หญิงและอันตรายแทบจะไม่แพ้กัน
“ส่วนที่อยู่เดิมของเขาถูกขายไปแล้วเมื่อครึ่งปีก่อนโดยช่วงเวลาจะใกล้เคียงกับคดีที่สามที่เขาประกาศทำการก่อเหตุ
ที่อยู่ใหม่ยังสืบไม่เจออะไร ลูกน้องฉันที่ไปดูด้วยกันและตำรวจในพื้นที่ช่วยยืนยันได้
“เรื่องสุดท้ายเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ที่เรามีอยู่ภายในตอนนี้
จากการเข้าปะทะกันกับกลุ่มของคนร้ายเมื่อคืนทำให้เราพลาดท่าอย่างหนัก
มีตำรวจหลายนายได้จบชีวิตลงไปและหลายนายบาดเจ็บสาหัส ทางเราที่มีกำลังไม่มากพอจึงจำเป็นต้องขอยืมกำลังจากสถานีอื่นก่อนเพื่อมาทดแทนในกองกำลังที่เราเสียไปและสำหรับการรับมือกับกลุ่มคนร้ายในคดีนี้โดยเฉพาะ”
สารวัตรหญิงพูดยาวเหยียดภายในรวดเดียวจบ เท่านี้เธอก็ได้ทำหน้าที่ที่สมควรทำไปจนหมดแล้ว
“มีใครเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยตรงไหน
หรือมีความคิดเห็นอย่างอื่นอีกบ้างมั้ยคะ” ว่าแล้วเธอก็ถามคำถามเป็นการทิ้งท้ายเพื่อให้ผู้เข้าร่วมประชุมคนอื่นได้ออกความเห็น
แต่พอเห็นว่าทุกคนยังไม่มีอะไรจะพูดอยู่อีกเหมือนเดิมเธอจึงใช้โอกาสนั้นในการปิดการประชุมภายในครั้งนี้ไป
“หากไม่มีอะไรแล้วฉันขอปิดการประชุมแต่เพียงเท่านี้นะคะ
อ้นมาถือกระเป๋า” สารวัตรหญิงว่าพร้อมทั้งเก็บโน๊ตบุ๊กของตนให้เสร็จ
ส่วนอ้นที่ได้ยินอย่างนั้นก็ถึงกับรีบรับคำอย่างไวแล้ววิ่งไปยังรัตนาทันที
“สารวัตรครับ
!” จู่ ๆ ตำรวจหน้ามนก็เปิดประตูพรวดพราดเข้ามายังห้องทำงานของรัตนาอีกครั้งหลังจากที่การประชุมในครั้งนั้นจบลงไปได้ไม่นาน
ท่าทางของเขาดูรีบเร่งมากเนื่องจากมีเรื่องจะบอกกับเจ้าของห้องให้ได้ แต่แล้วก็ต้องมาชะงักอยู่ตรงหน้าประตูเมื่อภาพที่เขาเห็นกลับเป็นรัตนาที่กำลังถอดเสื้อตำรวจของตัวเองออกไปเหมือนคราที่แล้วอีกจนได้
ทำเอาเขาถึงกับอึ้งออกมาอีกรอบที่ไม่คิดว่าจะเจออะไรแบบนี้กับตาตัวเองอีกเป็นครั้งที่สอง
หญิงสาวเจ้าของห้องหันไปมองยังหนุ่มหน้ามนที่เพิ่งจะเปิดประตูเข้ามาเมื่อครู่อย่างทันทีทันควัน
และถึงแม้ว่าท่อนบนของเธอจะเหลืออยู่เพียงเสื้อซับในตัวเล็กจนเปิดเผยสัดส่วนออกไปจนหมดแต่ทว่าเจ้าหล่อนก็ไม่ได้แสดงท่าทีทำนองเขินอายต่อเขาออกไปแต่อย่างใด
“มันอึดอัดน่ะ
ยิ่งไปเจอพวกน่ารำคาญมามันก็ยิ่งจะไปกันใหญ่”
เธอบอกถึงเหตุผลของการถอดเสื้อให้กับเขาไป จากนั้นก็นำมันไปไว้ที่พนักพิงเก้าอี้ของตนเหมือนกับทุกครา
“มีธุระเหรอ
?” เธอหันไปถามตำรวจหนุ่ม ขณะเดียวกันก็เป็นการเรียกสติของเขาที่เอาแต่ยืนอ้าปากค้างแบบนั้นไปในคราเดียวกัน
“ค
ครับ”
“ล็อกประตูด้วย”
เธอบอกพร้อมทั้งเดินไปยังโซฟาที่เตรียมเอาไว้นั่งพัก จากนั้นตำรวจหนุ่มก็รีบล็อกประตูตามที่เธอบอกก่อนจะเดินไปยังโซฟาตัวนั้นไม่ต่างจากเธอ
“นั่งลงก่อนสิ”
“ค
ครับ”
ตำรวจหนุ่มรับคำเชิญของผู้เป็นเจ้าของห้องไปอย่างไม่เกรงใจ
เขาเลือกที่จะนั่งตรงโซฟาตัวเล็กฝั่งขวาที่ถูกเตรียมเอาไว้สำหรับแขกอยู่แล้ว
ทว่าก้นยังไม่ทันจะได้แตะถึงตัวโซฟาเลยแม้แต่น้อยตำรวจหนุ่มคนนี้ก็ถูกอะไรบางอย่างกระชากจนล้มลงไปยังโซฟาตัวใหญ่อย่างไม่ทันตั้งตัว
พอตั้งสติขึ้นมาดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นเขาก็พบว่าตัวเองถูกตำรวจหญิงที่แทบจะเปลือยท่อนบนขึ้นคร่อมตัวเองเอาไว้จนขยับไปไหนไม่ได้อีกแล้ว
“ส
สารวัตรครับ !”
“เคาะประตู”
“ข
ขอโทษครับ”
“รีบหรือไง”
“มีเรื่องต้องรีบบอกครับ”
“ช้ากว่านี้อาจถอดออกหมดไปเลยก็ได้นะ”
“ผมไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นนะครับ”
“เมื่อคืนที่ฉันหลับตอนขับรถไปตรวจที่บ้านของเขาจะบอกว่านายไม่ได้มองดูนมของฉันตลอดทั้งทางเลยหรือยังไง”
เมื่อมาถึงตรงนี้ท่าทีของตำรวจหนุ่มก็ดูเปลี่ยนไปอย่างอย่างเห็นได้ชัด
สายตาของเขาดูล่อกแล่กไปมาราวกับคนร้ายที่ถูกไล่ต้อนจนแทบจะจนมุมอยู่แล้ว เขาเพียงต้องการที่จะทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีมันก็เพียงเท่านั้น
แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรทำไมตัวเขาถึงได้ต้องมาเจออะไรแบบนี้จากผู้หญิงคนนี้ที่เพิ่งจะรู้จักกันได้ไม่นานอีกด้วย
“ผ ผม...”
พอเห็นแบบนั้นก็ทำเอาตำรวจหญิงถึงกับอดอมยิ้มแทบจะไม่ได้เข้าไปกันใหญ่
เหมือนกับว่าหล่อนจะเจอของเล่นชิ้นใหม่ที่ไม่ทำให้รู้สึกเบื่ออย่างตำรวจหน้ามน คนที่แพ้ทางเธออย่างเขาเข้าให้แล้ว
“ว่าไง
กล้าปฏิเสธหรือเปล่าล่ะพ่อหนุ่มหน้าล่ะอ่อน” ตำรวจหญิงเข้าไปกระซิบที่ข้างใบหูของเขาอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนที่เธอจะตบท้ายกับของเล่นชิ้นนี้ด้วยการขบกัดที่ใบหูเบา ๆ จนทำเอาเขาถึงกับสะดุ้งขั้นมา
“ฮื่อ
! ร แรมแพนต์สครับ” แต่แล้วจู่ ๆ ตำรวจหนุ่มคนนี้ก็อ้าปากพูดออกมาในที่สุด
แต่แทนที่จะเป็นอะไรที่ฟังดูน่าสนุกสำหรับตำรวจหญิงอย่าง “ยอมแล้วครับสารวัตร”
ก็กลับกลายเป็นอะไรที่มันชวนให้รู้สึกหมดอารมณ์ไปแทนเสียนี่ ส่วนตำรวจหญิงที่ได้ยินอย่างนั้นก็ถึงกับหมดอารมณ์ไปอย่างที่ว่ามาอย่างช่วยไม่ได้
มิหนำซ้ำยังไม่เข้าใจอีกว่าเขาจะเอ่ยชื่อองค์กรองค์กรนั้นขึ้นมาทำใมในตอนนี้อีกด้วย
“อะไรนะ
! ?” ตำรวจหญิงอุทานขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ
เธอผลักตัวเองออกไปเพื่อที่จะฟังเขาพูดในสิ่งที่ได้รู้มา
“ผมบังเอิญได้ยินมา”
ตำรวจหนุ่มว่าพร้อมทั้งลุกขึ้นนั่งให้มันดี ๆ ในที่สุดเขาก็มีโอกาสได้พูดในสิ่งที่เขาต้องการจะบอกกับเจ้าหล่อนมาตั้งแต่เมื่อครู่นี้แล้ว
“ชิ
ไอ้แก่พวกนั้นยุ่งไม่เข้าเรื่องจนได้” ตำรวจหญิงพูดอย่างไม่สบอารมณ์กับสิ่งที่ได้ยิน
เธอรู้สึกไม่พอใจเอาเป็นอย่างมากที่พวกระดับสูงเข้ามายุ่งกับงานของตนจนเกินงามไปจนได้
ส่วนตำรวจหนุ่มที่เห็นอย่างนั้นก็รู้สึกสงสัยในปฏิกิริยาของเธออย่างเลี่ยงไม่ได้
“รู้จักด้วยเหรอครับ”
“เป็นพวกที่โวยวายหนวกหูพอสมควรเลยล่ะ”
เธอว่าไปทำหน้าหงุดหงิดไป
“ยังไงเหรอครับ
?”
“พวกนี้เน้นระเบิด
ไม่เน้นปืน เน้นทำลายให้สิ้นซากมากกว่าจะจับตายแค่อย่างเดียวล่ะนะ”
ตำรวจหนุ่มที่ได้ยินอย่างนั้นก็ถึงกับหน้าถอดสีขึ้นมาอย่างทันทีทันควัน
“นี่มันจะไม่บ้าเกินไปหน่อยเหรอครับ”
“คิดอะไรของพวกเขาอยู่กันเนี่ย”
“แต่พวกเขาอาจจะแค่คุยกันเผื่อ
ๆ ก็ได้นะครับ”
“โอ้ย
ช่างมันไปก่อนได้มั้ย” ตำรวจหญิงหมดความอดทนลงในที่สุด
เธอกดเขาลงกับโซฟาอีกครั้งแล้วประเคนจูบของตนให้กับตำรวจหนุ่มโดยที่ไม่ปล่อยให้ได้เขาตั้งตัวหรือว่าขัดขืนตัวเธอได้เลย
เมื่อหลายเดือนก่อน
ช่วงที่เด็กหัวกระโปกอย่างพวกผมกำลังอยู่ในวัยอยากรู้อยากลองในเรื่องต่าง ๆ นานา ณ
ช่วงเวลานั้นเองที่ครูคณิตศาสตร์แสนสวยได้ปรากฏตัวออกมาต่อหน้าเหล่านักเรียนชายที่เกลียดวิชานี้เข้าไส้
ด้วยเหตุบางอย่างจึงทำให้เธอถูกย้ายเข้ามาทำหน้าที่แทนครูคณิตศาสตร์คนก่อนจนแทบจะกะทันหัน
มันจึงสร้างความรู้สึกตื่นเต้นและน่าหลงใหลให้กับเหล่านักเรียนและคุณครูด้วยกันเองไปไม่ใช่น้อย
แต่เมื่อประโยคทิ้งท้ายหลังการทักทายของคุณครูคนใหม่อย่างเธอมาถึงบรรดาหมาวัดที่หมายจะเด็ดดอกฟ้าก็ถึงกลับต้องอ้าปากค้างไปตาม
ๆ กัน หรือบางทีคนที่อ้าปากค้างให้กับคำพูดของเธอไปนั้นอาจจะมีแค่ผมที่นั่งอยู่ตรงนี้แต่เพียงผู้เดียว
นั่นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้ว
แต่ผมก็ยังคงนึกถึงเรื่องที่ว่านั่นอยู่ไม่หาย
เพราะคำพูดสุดท้ายของเธอที่ได้ยินในวันนั้นมันยังคงวนเวียนอยู่ในหัวซ้ำ ๆ
จนแทบจะไม่เคยลืมเลือน ...หรือแม้กระทั่งภายในตอนนี้เอง
ในตอนนี้ผมรับเอาถุงกระดาษที่บรรจุกล่องสเต็กจากพนักงานมา
ก่อนจะจ่ายเงินด้วยจำนวนที่ไม่ขาดไม่เกินแล้วขับรถกลับบ้านด้วยใบหน้ายิ้มแฉ่งอย่างกับอะไรดี
มันออกอาการตื่นเต้นแบบสุด ๆ ที่จะได้พูดคุยกับ “เธอ” คนที่ผมแอบชอบภายในวันนี้
และที่มาซื้อสเต็กห่อกล่องกลับไปก็เพื่อที่จะได้นั่งทานกับเธอแบบสองต่อสองนั่นเอง
กว่าเธอจะเดินทางมาถึงก็คงจะใช้เวลาไปอีกตั้งนานโขเลยล่ะ
ผมจึงเลือกที่จะกลับไปที่บ้านเพื่ออาบน้ำแต่งตัวหรือจัดการกับตัวเองให้เสร็จสรรพเรียบร้อย
สเต็กก็ได้มาแล้วแถมเรื่องที่จะเอาไว้คุยก็เตรียมไว้แล้วจนแทบจะทั้งหมด
ที่เหลือก็มีเพียงแค่จะเผลอทำอะไรแปลก ๆ ออกไปบ้างไหมในตอนที่เขินเสียจนไม่รู้จะทำอย่างไรดี
เมื่อเสียเวลาไปนานกับการเตรียมตัวผมจึงรีบเดินทางไปยังบ้านพักครูเพื่อให้ทันเวลาก่อนที่เธอจะมาถึง
แต่พอไปถึงที่นั่นจริง ๆ แล้วก็กลับพบว่าเธอยังมาไม่ถึงที่นี่จริง ๆ
เอาอย่างนั้นเสียนี่ เพราะว่าบ้านอยู่ไกลมาก ๆ
แถมยังมีครอบครัวที่จะต้องดูแลอยู่อีก “เธอคนนั้น” หรือ “ครูณัฐฐา”
จึงจำเป็นที่จะต้องเดินทางกลับไปบ้านภายในเย็นวันศุกร์และมาถึงที่นี่ภายในเย็นวันอาทิตย์
และเมื่อรู้ถึงข้อมูลในตรงนั้นแล้วมันจึงทำให้ผมต้องมารอที่นี่ภายในวันวันนี้อย่างที่บอกไปนั่นเอง
แต่เหมือนจะกะเวลาเอาไว้ได้ดีเกินคาดจนน่าตกใจ
เพราะทันทีที่เล่นโทรศัพท์และนั่งรอไปได้ไม่นานรถสีขาวคุ้นตาก็ปรากฏสู่สายตาของผมจนได้
ความตื่นเต้นและดีใจสุดขีดยันตัวผมให้ลุกขึ้นยืนอย่างอยู่เฉยเป็นเสียไม่ได้
เพราะไม่ว่าอย่างไรผมก็รอให้วันวันนี้มาถึงอย่างใจจดใจจ่อมาก็ตั้งนานแล้ว
ผมเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการต้อนรับผู้ที่เป็นเจ้าของบ้านพักครูหลังนี้ที่เพิ่งจะเดินทางมาถึง
นับเวลารอแล้วรอเล่าจนกระทั่งรถคันนั้นแล่นมาจอดถึงหน้าบ้านได้ในที่สุด
ไม่นานหนึ่งเงาทึบสีดำหลังแผ่นกระจกก็เปิดประตูออกมาพร้อมกับพวงกุญแจที่ถือเอาไว้อยู่ในมือของเธอ
เผยให้เห็นหญิงสาวในเสื้อยืดลายมีพูห์กับกางเกงขาสั้นและรองเท้าแตะในแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
ครูคณิตศาสตร์สุดสวยที่ผมตั้งตารอมานานในที่สุดก็ปรากฏตัวออกมา
ความคืบหน้าของคดี
E – Villain: Lady Killer คนประลัยสายพันธุ์อี: เพชฌฆาตแค้นสวาท
..................................................................................................................................................................
แก๊กท้ายตอน
อ้น: เอ้า ทั้งคืนที่ว่านี่หมายถึงขับรถหรอกเหรอครับ
รัตน์: แล้วคิดว่าฉันจะให้ทำอะไรกันล่ะ
อ้น: เอ่อ…
ช่วงนี้มีสาระ (มั้ง)
เราอาจเคยคุ้นหูคุ้นตากับตำรวจในชุดสีน้ำตาลปนเหลืองหรือสีกากีมาตลอดซึ่งมันเป็นสีพื้นดิน
หมายถึงการให้ตำรวจทำตัวติดดินและคอยรับใช้ประชาชนอย่างใกล้ชิด
แต่ในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงในสีของชุดตำรวจให้กลายเป็นสีดำและถูกเรียกในชื่อ “สนว.01”
ซึ่งมันแปลว่าอะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน ฮ่า ๆ ๆ ใครรู้บอกหน่อยเผื่อได้ลงข้อมูลในตอนต่อไป
หาข้อมูลเพิ่มเติมเองเน่อ
แก๊กท้ายตอน
2
รัตน์: ว่าแต่ไอ้การเปิดตัวนี่มันอะไรกันยะ เห็นแล้วน่าหงุดหงิดชะมัด
นักเขียน: ทำไมอะ มันดูวิ้งกว่าของตัวเองหรือยังไง
ณัฐ: นางเอกค่ะ นางเอก ขอฝากเนื้อฝากตัวและหัวใจด้วยนะคะ
รัตน์: หา...
ณัฐ: ฝากติดตามผลงานในตอนต่อไปด้วยนะคะ แล้วเจอกันค่ะ
ความคิดเห็น