คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : 08 เหยื่อสาวของผู้ลักพา
“เอ้ก
อี เอ้ก เอ้กกกก”
เสียงโก่งคอขันของไก่บ้านหลายสิบตัวดังก้องขึ้นตั้งแต่ที่ฟ้ายังไม่ทันจะสาง
มันดังเจื้อยแจ้วกระจายออกเป็นวงกว้างอย่างไม่ยอมหยุดเงียบ เสียงเหล่านั้นค่อย ๆ ปลุกให้คนในหมู่บ้านลืมตาตื่นขึ้นมาเพื่อใช้ชีวิตในประจำวัน
แล้วมันก็ทำอย่างนั้นต่อไปเรื่อย ๆ จนฟ้าค่อย ๆ จะสางขึ้นไปทุกที
ที่ท้ายหมู่บ้านแห่งนั้นมีถนนเส้นหนึ่งที่เป็นเส้นทางไปสู่ไร่นา
และเมื่อตามเส้นทางนั้นไปเรื่อย ๆ จนไกลพอประมาณก็จะเห็นป่าไม้ขนาดย่อม ๆ และบ้านปูนขนาดใหญ่พอประมาณหลังหนึ่งตั้งอยู่ในนั้น
รอบตัวบ้านหลังนั้นและตรงทางเข้าถูกห้อมล้อมเอาไว้ด้วยดอกไม้หลากหลายสายพันธุ์
แต่เหล่าผีเสื้อกลางคืนหลายสิบกว่าตัวที่เคยโผบินอยู่ในบริเวณนี้ได้หายไปจนหมดแล้ว
ในห้องนอนห้องหนึ่งมีเด็กสาวคนหนึ่งที่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียงของตน
เธอถูกห่มด้วยผ้าผืนหนา หนุนหมอนใบใหญ่ และกอดหมอนข้างใบโปรดเอาไว้
กำลังนอนหลับอย่างคนสบายอกสบายใจเหมือนกับในทุก ๆ วัน แต่แล้วการนอนหลับอย่างสบายอกสบายใจในคราวนี้ก็กลับพังไม่เป็นท่าเมื่อมีอะไรบางอย่างมันดันเกิดขึ้นมา
“กรี๊ดดดด
! ช่วยด้วยยยย !”
จู่
ๆ เสียงแหลมสูงก็ถูกกรีดร้องออกมาจากภายนอกห้องเอาเสียอย่างนั้น
ทำเอาน้ำที่กำลังหลับอยู่ต้องลืมตาตื่นขึ้นอย่างกะทันหันอย่างเลี่ยงไม่ได้
เสียงนั่นทำให้เธอรู้ได้ทันทีว่ามันเป็นเสียงของใครและร้องออกมาทำไมกัน
ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพราะเมื่อคืนมีผู้หญิงคนหนึ่งถูกอาจารย์ของตนลักพาตัวมา
“อาจารย์
!”
เด็กสาวพรวดพราดออกไปจากเตียงภายในทันที
แทบจะไม่มีเวลามาทำให้ตัวเองหายงัวเงียเหมือนกับทุกเช้าเสียเลยด้วยซ้ำ เธอมุ่งตรงไปยังห้องนั่งเล่นที่อยู่ชั้นล่างที่ซึ่งมีเสียงถูกกรีดร้องออกมา
พร้อมกันนั้นเธอก็คาดเดาไปด้วยว่าสถานการณ์เบื้องล่างนั้นเป็นอย่างไร
แต่ทันทีที่วิ่งลงมาถึงน้ำก็กลับพบว่าหญิงสาวที่ไม่รู้ที่มาที่ไปกำลังถูกอาจารย์ของตนจับตัวเอาไว้อยู่
เธอคนนั้นพยายามสะบัดตัวอย่างสุดชีวิตเพื่อให้ตัวเองหลุดพ้นจากชายกำยำที่กอดรัดตัวเองจากทางด้านหลัง
ปากที่ถูกปิดเอาไว้ด้วยมือพยายามที่จะส่งเสียงร้องเพื่อขอความช่วยเหลือจากใครก็ได้มาตั้งแต่เมื่อครู่นี้แล้ว
แต่พอเธอคนนั้นเหลือบมาเห็นเห็นน้ำเข้าหน่อยก็ถึงกับดีใจและโล่งใจเป็นการใหญ่ที่จะได้มีใครมาช่วยตนสักที
“ช่วยด้วย
ช่วยฉันที” หญิงสาวส่งเสียงอู้อี้ผ่านมือหนา ๆ ที่ปิดปากเอาไว้อยู่
ตามองตรงไปยังเด็กสาวผู้ที่เพิ่งจะมาถึงอย่างคนมีหวัง
และแม้จะเห็นใครที่มีแนวโน้มว่าจะเข้ามาช่วยตัวเองได้แล้วแต่เธอก็ไม่เคยหยุดการกระทำที่จะทำให้ตัวเองหลุดพ้นออกไป
เธอยังคงสะบัดตัวอย่างสุดกำลังจนทำให้คนที่จับตัวเธอไว้เริ่มที่จะหมดความอดทนกับเธอขึ้นมา
“นี่คุณช่วยหยุดขัดขืนสักทีได้มั้ย”
เกียรติศักดิ์แผดเสียงให้หยุดกับเธออีกครั้งหนึ่ง
แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่เป็นผลกับหญิงสาวคนนี้เลยแม้แต่อย่างใด
“ไม่
ปล่อยฉันนะไอ้สารเลว” หญิงสาวผู้ถูกกอดรัดไม่ยอมเชื่อฟังกันแต่โดยดี
เธอยังคงตอบโต้ด้วยภาษาที่พอจะฟันกันออกอยู่บ้าง ส่วนน้ำที่ยืนดูสถานการณ์อยู่เฉย
ๆ มาตั้งแต่เมื่อครู่นี้แล้วก็ไม่ได้คิดที่จะเข้าไปช่วยเหลือเธอแม้แต่อย่างใด
กลับยืนดูอะไรต่อมิอะไรราวกับว่าตนนั้นไม่สามารถที่จะทำอะไรได้เลย
“ถ้ายังไม่ยอมหยุดอีกก็จับเธอแก้ผ้าได้เลยค่ะอาจารย์”
จู่ ๆ เด็กสาวก็พูดขึ้นบ้างด้วยคำพูดที่ไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นได้ ทว่าสุดท้ายมันก็กลับได้ผลเพราะว่าหญิงสาวที่กำลังขัดขืนเขาอยู่ก็ถึงกับหยุดชะงักลงไปอย่างช่วยไม่ได้
ณัฐฐาถูกขู่ในสิ่งที่ตนหวาดกลัวเสียจนไม่กล้าที่จะขัดขืนต่อหรือคิดจะทำอะไรขึ้นมา
และในที่สุดสถานการณ์ที่วุ่นวายตรงนี้ก็หยุดลงไปกันได้สักที
หญิงสาวพยายามที่จะควบคุมสติของตนให้ได้แม้ว่ามันจะทำได้ยากแค่ไหนก็ตาม
ค่อย ๆ มองสลับไปมาระหว่างผู้ชายที่จับตัวเธอไว้กับเด็กสาวอีกคนที่ดูท่าทางเหมือนจะเป็นลูก
พยายามไตร่ตรองดูบ้างถึงผู้ชายคนนี้ที่จนตอนนี้เขาก็ยังไม่ได้ที่จะทำอะไรไม่ดีกับเธอ
หรือแม้แต่เด็กสาวที่อยู่ห่างออกไปก็ยังไม่ได้เข้ามาทำอะไรกับตัวเธอเช่นกัน
เมื่อเห็นอย่างนั้นหญิงสาวจึงค่อย
ๆ ผ่อนแรงที่ใช้ในการขัดขืนทั้งหมดลงไป ขณะเดียวกันมันก็ทำให้ชายที่จับตัวเธอไว้ค่อย
ๆ ปล่อยมือที่ใช้ปิดปากของตนออกไปด้วย
ณัฐฐาพยายามคิดในแง่ดีเอาไว้ว่าถ้าตัวเองไม่ทำอะไรพวกเขาก็คงจะไม่ทำอะไรตัวเธอเหมือนกัน
ก่อนจะค่อย ๆ ผ่อนแรงจนสุดจนตัวอีกฝ่ายเริ่มเกิดความไว้ใจ
“คุณคะไม่ต้องกลัวนะคะ
เราไม่ทำอะไรคุณหรอก” เด็กสาวเรียกณัฐฐาให้หันมาฟัง
พยายามทำตัวให้เป็นมิตรมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ขอโทษที่พูดแบบนั้นออกไปนะคะ
เราแค่ต้องการให้คุณสงบอารมณ์ลงก่อนก็เท่านั้นเอง ส่วนเรื่องเสื้อผ้าที่คุณใส่อยู่ฉันเป็นคนเปลี่ยนมันให้เองค่ะ
ไม่ต้องกังวลไป”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นหญิงสาวก็เพิ่งจะนึกขึ้นได้หลังจากที่ถูกอีกฝ่ายพูดทักท้วงไป
เธอรีบก้มมองลงดูแล้วพบว่าตนนั้นสวมเสื้อผ้าที่ไม่คุ้นตาแทนผ้าเช็ดตัวเหมือนอย่างที่จำได้เอาไว้จริง
ๆ
ก่อนจะมองไปยังชายที่อยู่ด้านหลังเพราะมั่นใจมากขึ้นว่าเขานี่ล่ะที่เป็นคนที่จับตัวเธอมา
จากนั้นก็ขัดขืนอีกหน่อยเพราะยังรู้สึกกลัวกับตัวเขาอยู่ดี
“นี่ปล่อยฉันนะ”
เกียรติศักดิ์ยังคงกอดรัดหญิงสาวเอาไว้เพื่อกันไม่ให้เธอออกไปก่อความวุ่นวายอย่างอื่นขึ้นได้
ขณะเดียวกันเด็กสาวอย่างน้ำก็พยายามจะเกลี้ยกล่อมเอาไว้อีกที
แต่เมื่อหมดหนทางจะสู้ณัฐฐาจึงต้องยอมจำนนกับคนเหล่านี้ไปเสียแต่โดยดี
ก่อนที่เธอจะหันไปฟังว่าเด็กสาวตรงหน้าจะว่าอะไรมาอีก
“ใจเย็น
ๆ ก่อนนะคะ ใจเย็น ๆ ใจเย็น ๆ เราไม่ได้คิดที่จะทำร้ายคุณ”
หญิงสาวไม่ได้ตอบโต้อะไรกลับไป
เธอเพียงแค่ผ่อนลมหายใจเพื่อควบคุมตัวเองให้ได้เหมือนเดิม
“เดี๋ยวฉันจะพาคุณไปล้างหน้าก่อนนะคะ
ไว้ค่อยกลับมาคุยกันใหม่อีกที”
“ไม่นะ
เธอจะพาฉันไปไหน” หญิงสาวรีบปฏิเสธออกไป
พอได้ยินว่าจะพาไปไหนสัญชาตญาณมันก็สั่งให้กลัวไว้ก่อนเพื่อความปลอดภัยแก่ตัวของตัวเอง
“ปล่อยฉันนะไอ้บ้า”
เธอหันไปพูดกับชายที่จับตัวเธอเอาไว้บ้าง
พร้อมกันนั้นก็ออกแรงไปอีกเล็กน้อยเพื่อบอกให้เขารู้ว่าเธอไม่พอใจ
“เราไม่ได้ต้องการจะทำร้ายคุณจริง
ๆ ค่ะ แค่จะพาไปห้องน้ำก็เท่านั้นเอง” น้ำพยายามปลอบหญิงสาวคนนี้ให้รู้สึกสบายใจขึ้นมาอีกที
ไม่อย่างนั้นเธอคงได้กลัวจนไม่เป็นอันทำอะไรกันอีกแน่ ๆ
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มสงบลงแล้วเด็กสาวจึงค่อย
ๆ ก้าวเดินเข้าไป พยายามทำอะไรไม่ให้ว่องไวนักเพื่อกันไม่ให้เธอตกใจขึ้นมา ค่อย ๆ
ยื่นมือข้างซ้ายเข้าใกล้เพื่อให้อีกฝ่ายได้จับเอาไว้
ถึงอย่างไรตอนนี้ก็อยากให้เธอได้ไว้ใจกันขึ้นมา
เมื่อเป็นแบบนั้นหญิงสาวจึงไม่มีทางเลือกอะไรมากสักเท่าไหร่
คิดอยู่ในใจว่าจะสามารถเชื่อใจเด็กสาวคนนี้ได้บ้างหรือเปล่า เธอค่อย ๆ
ยื่นมือข้างซ้ายของตนออกไปบ้างแล้วจับกันไว้อย่างคนพยายามไว้ใจ
ก่อนจะเริ่มอุ่นใจขึ้นมาบ้างจนความรู้สึกหวาดกลัวเริ่มลดน้อยถอยลง
เด็กสาวฉีกยิ้มอีกนิดเพื่อขับไล่ความกลัวให้กับอีกฝ่ายไปอีก
ก่อนจะหันไปยังอาจารย์ของตนด้วยอีกอารมณ์ที่ไม่เหมือนกับก่อนหน้านี้
“อาจารย์ปล่อยเธอได้แล้ว
เธอเป็นแขกของเรานะ”
ชายวัยกลางคนมองไปยังหญิงสาวที่ตนได้พาตัวมา
ก่อนจะเผยใบหน้าที่รู้สึกผิดหน่อย ๆ แล้วคลายการกอดรัดของตนลงไป
ในทันทีที่เป็นอิสระหญิงสาวผู้เคยถูกกอดรัดจึงรีบวิ่งอ้อมไปหลบยังด้านหลังของเด็กสาวคนนั้นไปด้วยความรวดเร็ว
เธอไตร่ตรองเอาไว้แล้วว่า ณ ที่แห่งนี้จะต้องไม่มีใครอื่นมาช่วยเธอได้และการจะหนีไปจากชายร่างกำยำอย่างเขามันก็แทบจะเป็นไปได้ที่ค่อนข้างยาก
การที่เธอเลือกให้เด็กสาวคนนี้คอยเป็นคนปกป้องน่าจะดีกว่าทางเลือกอื่น ๆ
ที่มีในตอนนี้อีกเป็นไหน ๆ อย่างน้อย ๆ
มันก็ปลอดภัยสำหรับเธอในตอนนี้มากเป็นที่สุดแล้ว
“จ
ใจเย็น ๆ ก่อนค่ะคุณ คุณไม่เป็นอะไรนะคะ” เด็กสาวหันไปถามกับแขกของตนที่หลบอยู่ด้านหลังอย่างคนที่ยังไม่หายหวาดกลัว
ขณะเดียวกันก็ยอมให้อีกฝ่ายแตะต้องหรือจับต้นแขนของตัวเองเอาไว้เพื่อทำให้เธอรู้สึกสบายใจมากขึ้นกว่าเดิม
“พวกเธอเป็นใคร
? แล้วจับฉันมาที่นี่ทำไมกัน ?” ณัฐฐารีบปล่อยคำถามออกไปโดยเร็ว โดยเฉพาะคำถามอย่างหลังที่ตัวเธอนั้นตั้งใจมองไปยังผู้ชายคนหนึ่งที่ทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจขึ้นมา
ชายวัยกลางคนที่ถูกถามอย่างจงใจถึงกับทำอะไรไม่ถูกเพราะยังรู้สึกผิดกับการกระทำของตนอยู่
ทว่าเขาในตอนนี้ยังไม่กล้าที่จะตอบคำถามใด ๆ กับหญิงสาวคนนี้ออกไปทั้งนั้น
“ต้องการค่าไถ่หรือไง
? ฉันไม่มีเงินให้หรอกนะ”
เขายังคงนิ่งเงียบเพราะรู้สึกผิดเหมือนอย่างที่เคย
ส่วนเด็กสาวที่เห็นอย่างนั้นจึงหันไปบอกกับหญิงสาวแทน
“เอ่อ
ต้องขอโทษด้วยนะคะ ตอนนี้อาจารย์ยังไม่พร้อมที่จะตอบคำถามของคุณน่ะค่ะ”
“อะไรนะ
!?”
“เอาเป็นว่ารอให้เขาพร้อมก่อนได้มั้ยคะ
ระหว่างนี้ฉันจะพาคุณไปเข้าห้องน้ำก่อน”
เด็กสาวว่าพลางหันไปจับต้นแขนของอีกฝ่ายคืนบ้าง ก่อนจะผลักและประคองเอาไว้เบา ๆ
เพื่อทำให้หญิงสาวก้าวเดินไปด้วยตัวเอง
“น
นี่ เดี๋ยวสิ อธิบายมาก่อนสิว่านี่มันเรื่องอะไร ฉันสามารถฟ้องพวกเธอได้นะ” หญิงสาวพยายามคาดคั้น
แต่ในขณะเดียวกันก็ก้าวเดินไปด้วยโดยที่ไม่ได้มีท่าทีที่จะดูเป็นการขัดขืนหรือพูดต่อว่าให้เสียหายอะไรเลย
“เรื่องนั้นต้องขอโทษด้วยจริง
ๆ ค่ะ ฉันเองก็ไม่ทราบรายละเอียดเหมือนกัน”
“อะไรนะ
?”
“อย่างที่บอกไปนั่นแหละค่ะ
เสร็จธุระแล้วฉันจะพาไปคุยกับอาจารย์อีกที”
“นี่
ไม่ไปคุยกับเจ้านั่นได้มั้ย ฉันไม่เอาเรื่องพวกเธอแล้วก็ได้ ปล่อยฉันไปเถอะนะ”
“ไม่ได้ค่ะ
แล้วก็คุณไม่อยากรู้เหรอคะว่าคุณถูกพาตัวมานี่ทำไม”
ทว่าทันทีที่ได้ยินอย่างนั้นมันก็ทำให้หญิงสาวถึงกับเงียบปากลงไป
ได้แต่คิดตามสิ่งที่เด็กสาวคนนี้พูดและเดินตามแรงผลักต่อไปเรื่อย
ๆ จนกระทั่งจะไปถึงตรงหน้าห้องน้ำเต็มทีอยู่แล้ว มันจริงอยู่ที่ว่าเธอยังรู้สึกว่าเขาเป็นตัวอันตรายแต่การที่จะไม่ถามหาเหตุผลจากตัวของเขามันก็เป็นไปแทบจะไม่ได้เลย
และในขณะเดียวกันเธอก็อดสงสัยไม่ได้ถึงใบหน้าของเขาที่ฉายความรู้สึกผิดออกมาเสียจนชัดเจน
ไม่ลืมตาดูก็พอจะรู้อยู่แล้วว่านี่มันเช้าหรือยัง
เพราะตราบใดที่คนในหมู่บ้านยังคงเลี้ยงไก่เอาไว้ต่อไปก็มีแต่จะต้องนอนฟังเสียงของมันในทุก
ๆ เช้าต่อไปเหมือนอย่างในวันนี้ บางทีผมก็สงสัยนะว่าทำไมมันถึงไม่ขันตอนหกโมงเช้าหรือตอนที่พระอาทิตย์มันโผล่พ้นดินแล้ว
จะมาขันในช่วงตีห้าจนรบกวนการนอนหลับแบบนี้ไปทำไม
ก็รู้สึกตัวและตื่นอยู่แล้วหรอกนะถึงได้มานอนฟังเสียงไก่ขันแบบนี้ต่อไป
เพียงแต่ว่าในตอนนี้แค่ยังไม่อยากจะลุกออกไปจากเตียงมันก็เท่านั้นแหละ
ผมข่มตาหลับอย่างนั้นต่อไปพร้อมทั้งหยิบหมอนอีกใบมาปิดที่หูของตนเอาไว้
ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อไม่ให้ได้ยินเสียงจนนอนต่อได้อีก
“เกม...
เกม...”
แต่เพียงไม่นานการหลับต่อในครั้งนี้ก็ถือเป็นอันสิ้นสุดลงไป
เสียงปลุกของแม่ถูกกรีดร้องออกมาเหมือนกับเจ้าไก่พวกนั้นไม่มีผิดเพี้ยน
ผมรีบตอบรับกลับไปด้วยความงัวเงียเหมือนกับในทุก ๆ วัน ก่อนจะค่อย ๆ
พยายามลืมตาหรือแม้แต่ขยี้ตาเพื่อทำให้ตัวเองได้หายง่วงงุน
วันนี้คือวันจันทร์วันที่จะต้องไปโรงเรียนตามปกติ
ผมลืมตาตื่นขึ้นมาเพื่อที่จะใช้ชีวิตให้ได้เหมือนกับในทุก ๆ ครั้ง
ทว่าสิ่งสิ่งแรกที่ผมทำเป็นประจำหลังจากตื่นนอนหาใช่ล้างหน้าล้างตาหรือว่าเล่นโทรศัพท์แม้แต่อย่างใด
แต่มันกลับเป็นการมองไปที่กล่องตุ๊กตาแล้วเปิดดูรูปของใครคนหนึ่งที่อยู่ในนั้นมาตั้งหลายเดือนแล้ว
ภาพของผีเสื้อราตรีตัวสุดท้ายในตู้กระจกปรากฏสู่สายตาของเกียรติศักดิ์มาได้สักพักแล้ว
เขาเอาแต่มองไปยังเจ้าแมลงตัวน้อยตัวนั้นโดยที่แทบจะไม่ได้สนใจในสิ่งที่อยู่รอบข้างเลย
แววตาของเขาเต็มไปด้วยความอาลัยราวกับว่ามันเป็นสิ่งที่สำคัญเสียยิ่งกว่าสิ่งใด
ทว่าในตอนนี้เจ้าสิ่งที่ว่าได้ไร้ลมหายใจและหยุดการเคลื่อนไหวไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว
ในขณะเดียวกันน้ำในสภาพเดิมทุกอย่างก็เดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นโดยที่ไม่ได้ส่งเสียงรบกวนอะไร
ตามมาด้วยณัฐฐาที่ล้างหน้าล้างตาเสร็จแล้วเรียบร้อยตามหลังกันมาแทบจะไม่ห่าง ขณะที่เดินมาด้วยกันหญิงสาวทั้งสองก็จับมือกันเอาไว้เสียเป็นอย่างดี
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ใช่เพราะน้ำกลัวว่าณัฐฐาจะวิ่งหนีไปแต่เป็นเพราะอยากจะให้เธอรู้สึกปลอดภัยหรือไร้ความหวาดกลัวขึ้นมาเหมือนอย่างที่เคย
“น้ำพามาแล้วค่ะอาจารย์”
ผู้ที่ถูกเรียกว่าอาจารย์ได้ยินในสิ่งที่เด็กสาวพูดชัดแจ๋วเต็มสองรูหู
แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ทันได้หันไปยังหญิงสาวทั้งสองแม้แต่อย่างใด เขายังคงมองไปยังร่างไร้วิญญาณในตู้กระจกเหมือนอย่างที่เคยอย่างไม่มีผิดเพี้ยน
และมองมันอยู่อย่างนั้นราวกับว่าตนนั้นก็ไร้วิญญาณแทบจะพอ ๆ กัน
“นี่นายพูดอะไรบ้างสิ
!” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเอาแต่นิ่งเงียบไม่ยอมตอบโต้อะไรกลับมาณัฐฐาจึงเริ่มจะหมดความอดทนกับเขาลงไป
เธอตัดสินใจที่จะพูดอะไรพร้อมทั้งเดินเข้าไปเพื่อให้เขารู้ตัว
“นี่นายฉันพูดกับนายอยู่นะ”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นในที่สุดชายวัยกลางคนก็หันไปยังหญิงสาวกันได้สักที
แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าเขาจะรู้สึกโกรธหรือเริ่มตอบโต้อะไรเธอกลับไป
ขณะเดียวกันณัฐฐาก็ชั่งใจอยู่บ้างว่าจะเอาอย่างไรกับตัวเขาดี
เพราะถึงแม้จะยังรู้สึกกลัวอยู่บ้างแต่ถ้าไม่ยอมทำอะไรบ้างเลยมันก็คงจะไม่ได้เหมือนกัน
“นายจับตัวฉันมาทำไมกันแน่
? ตอบฉันมานะ”
ชายวัยกลางคนถูกตั้งคำถามและคาดคั้นโดยหญิงสาวที่เขาเป็นคนลักพาตัวมากันอีกครั้งหนึ่ง มันเป็นอะไรที่รู้ ๆ กันอยู่แล้วว่ายังไงเธอก็ต้องถามออกมาแน่ ๆ เขาไม่มีทางเลือกอะไรมากสักเท่าไหร่นอกจากจะต้องตอบคำถามของเธอออกไป จึงเลือกที่จะมองเข้าไปยังนัยน์ตาแล้วตอบคำถามไปในที่สุด
“คุณเป็นใคร
?”
เหยื่อสาวของผู้ลักพา
E – Villain: Lady killer คนประลัยสายพันธุ์อี: เพชฌฆาตแค้นสวาท
แก๊กท้ายตอน
ณัฐ: อะไรกันเนี่ยไอ้เจ้านักเขียน ฉันเป็นฝ่ายถามก่อนนะยะ
นักเขียน: อีกฝ่ายก็มีสิทธิ์ถามกลับเหมือนกันไม่ใช่เรอะ
และตามหลักแล้วเนี่ยคนที่ถามก่อนนั่นแหละที่จะต้องตอบก่อน
ณัฐ: แกว่าไงนะ แล้วไอ้ที่เขาถามนี่มันอาไร๊
ช่วงนี้มีสาระ
(มั้ง)
แม่กุญแจถูกสะเดาะได้ฉันใด
ลูกบิดประตูก็ถูกสะเดาะได้ฉันนั้น ทางที่ดีคือทางที่ไม่ขรุขระ
ควรลงกลอนสลักไปด้วยอีกชั้นนะครับเพื่อความปลอดภัยของทรัพย์สินและตัวท่านเอง
เชื่อฉัน
อย่าหลงไปเชื่อใคร ฉันนี้แหละห่วงใย รักแท้และแน่จริง ฮ่า ๆ ๆ
หาข้อมูลเพิ่มเติมเองเน่อ
แก๊กท้ายตอน
2
น้ำ: เหมือนว่าเธอจะเชื่อแบบนั้นจริง ๆ นะคะ
เกียรติ: อะไรเหรอ ?
น้ำ: ก็เรื่องคนที่เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ไง
ณัฐ: ห้ะ ! อะไรนะ !
ความคิดเห็น