ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    E - Villain คนประลัยสายพันธุ์อี

    ลำดับตอนที่ #8 : 08 เหยื่อสาวของผู้ลักพา

    • อัปเดตล่าสุด 26 พ.ย. 65


                   “เอ้ก อี เอ้ก เอ้กกกก”

                   เสียงโก่งคอขันของไก่บ้านหลายสิบตัวดังก้องขึ้นตั้งแต่ที่ฟ้ายังไม่ทันจะสาง มันดังเจื้อยแจ้วกระจายออกเป็นวงกว้างอย่างไม่ยอมหยุดเงียบ เสียงเหล่านั้นค่อย ๆ ปลุกให้คนในหมู่บ้านลืมตาตื่นขึ้นมาเพื่อใช้ชีวิตในประจำวัน แล้วมันก็ทำอย่างนั้นต่อไปเรื่อย ๆ จนฟ้าค่อย ๆ จะสางขึ้นไปทุกที

                   ที่ท้ายหมู่บ้านแห่งนั้นมีถนนเส้นหนึ่งที่เป็นเส้นทางไปสู่ไร่นา และเมื่อตามเส้นทางนั้นไปเรื่อย ๆ จนไกลพอประมาณก็จะเห็นป่าไม้ขนาดย่อม ๆ และบ้านปูนขนาดใหญ่พอประมาณหลังหนึ่งตั้งอยู่ในนั้น รอบตัวบ้านหลังนั้นและตรงทางเข้าถูกห้อมล้อมเอาไว้ด้วยดอกไม้หลากหลายสายพันธุ์ แต่เหล่าผีเสื้อกลางคืนหลายสิบกว่าตัวที่เคยโผบินอยู่ในบริเวณนี้ได้หายไปจนหมดแล้ว

                   ในห้องนอนห้องหนึ่งมีเด็กสาวคนหนึ่งที่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียงของตน เธอถูกห่มด้วยผ้าผืนหนา หนุนหมอนใบใหญ่ และกอดหมอนข้างใบโปรดเอาไว้ กำลังนอนหลับอย่างคนสบายอกสบายใจเหมือนกับในทุก ๆ วัน แต่แล้วการนอนหลับอย่างสบายอกสบายใจในคราวนี้ก็กลับพังไม่เป็นท่าเมื่อมีอะไรบางอย่างมันดันเกิดขึ้นมา

                   “กรี๊ดดดด ! ช่วยด้วยยยย !

                   จู่ ๆ เสียงแหลมสูงก็ถูกกรีดร้องออกมาจากภายนอกห้องเอาเสียอย่างนั้น ทำเอาน้ำที่กำลังหลับอยู่ต้องลืมตาตื่นขึ้นอย่างกะทันหันอย่างเลี่ยงไม่ได้ เสียงนั่นทำให้เธอรู้ได้ทันทีว่ามันเป็นเสียงของใครและร้องออกมาทำไมกัน ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพราะเมื่อคืนมีผู้หญิงคนหนึ่งถูกอาจารย์ของตนลักพาตัวมา

                   “อาจารย์ !

                   เด็กสาวพรวดพราดออกไปจากเตียงภายในทันที แทบจะไม่มีเวลามาทำให้ตัวเองหายงัวเงียเหมือนกับทุกเช้าเสียเลยด้วยซ้ำ เธอมุ่งตรงไปยังห้องนั่งเล่นที่อยู่ชั้นล่างที่ซึ่งมีเสียงถูกกรีดร้องออกมา พร้อมกันนั้นเธอก็คาดเดาไปด้วยว่าสถานการณ์เบื้องล่างนั้นเป็นอย่างไร

                   แต่ทันทีที่วิ่งลงมาถึงน้ำก็กลับพบว่าหญิงสาวที่ไม่รู้ที่มาที่ไปกำลังถูกอาจารย์ของตนจับตัวเอาไว้อยู่ เธอคนนั้นพยายามสะบัดตัวอย่างสุดชีวิตเพื่อให้ตัวเองหลุดพ้นจากชายกำยำที่กอดรัดตัวเองจากทางด้านหลัง ปากที่ถูกปิดเอาไว้ด้วยมือพยายามที่จะส่งเสียงร้องเพื่อขอความช่วยเหลือจากใครก็ได้มาตั้งแต่เมื่อครู่นี้แล้ว แต่พอเธอคนนั้นเหลือบมาเห็นเห็นน้ำเข้าหน่อยก็ถึงกับดีใจและโล่งใจเป็นการใหญ่ที่จะได้มีใครมาช่วยตนสักที

                   “ช่วยด้วย ช่วยฉันที” หญิงสาวส่งเสียงอู้อี้ผ่านมือหนา ๆ ที่ปิดปากเอาไว้อยู่ ตามองตรงไปยังเด็กสาวผู้ที่เพิ่งจะมาถึงอย่างคนมีหวัง และแม้จะเห็นใครที่มีแนวโน้มว่าจะเข้ามาช่วยตัวเองได้แล้วแต่เธอก็ไม่เคยหยุดการกระทำที่จะทำให้ตัวเองหลุดพ้นออกไป เธอยังคงสะบัดตัวอย่างสุดกำลังจนทำให้คนที่จับตัวเธอไว้เริ่มที่จะหมดความอดทนกับเธอขึ้นมา

                   “นี่คุณช่วยหยุดขัดขืนสักทีได้มั้ย” เกียรติศักดิ์แผดเสียงให้หยุดกับเธออีกครั้งหนึ่ง แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่เป็นผลกับหญิงสาวคนนี้เลยแม้แต่อย่างใด

                   “ไม่ ปล่อยฉันนะไอ้สารเลว” หญิงสาวผู้ถูกกอดรัดไม่ยอมเชื่อฟังกันแต่โดยดี เธอยังคงตอบโต้ด้วยภาษาที่พอจะฟันกันออกอยู่บ้าง ส่วนน้ำที่ยืนดูสถานการณ์อยู่เฉย ๆ มาตั้งแต่เมื่อครู่นี้แล้วก็ไม่ได้คิดที่จะเข้าไปช่วยเหลือเธอแม้แต่อย่างใด กลับยืนดูอะไรต่อมิอะไรราวกับว่าตนนั้นไม่สามารถที่จะทำอะไรได้เลย

                   “ถ้ายังไม่ยอมหยุดอีกก็จับเธอแก้ผ้าได้เลยค่ะอาจารย์” จู่ ๆ เด็กสาวก็พูดขึ้นบ้างด้วยคำพูดที่ไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นได้ ทว่าสุดท้ายมันก็กลับได้ผลเพราะว่าหญิงสาวที่กำลังขัดขืนเขาอยู่ก็ถึงกับหยุดชะงักลงไปอย่างช่วยไม่ได้ ณัฐฐาถูกขู่ในสิ่งที่ตนหวาดกลัวเสียจนไม่กล้าที่จะขัดขืนต่อหรือคิดจะทำอะไรขึ้นมา และในที่สุดสถานการณ์ที่วุ่นวายตรงนี้ก็หยุดลงไปกันได้สักที

                   หญิงสาวพยายามที่จะควบคุมสติของตนให้ได้แม้ว่ามันจะทำได้ยากแค่ไหนก็ตาม ค่อย ๆ มองสลับไปมาระหว่างผู้ชายที่จับตัวเธอไว้กับเด็กสาวอีกคนที่ดูท่าทางเหมือนจะเป็นลูก พยายามไตร่ตรองดูบ้างถึงผู้ชายคนนี้ที่จนตอนนี้เขาก็ยังไม่ได้ที่จะทำอะไรไม่ดีกับเธอ หรือแม้แต่เด็กสาวที่อยู่ห่างออกไปก็ยังไม่ได้เข้ามาทำอะไรกับตัวเธอเช่นกัน

                   เมื่อเห็นอย่างนั้นหญิงสาวจึงค่อย ๆ ผ่อนแรงที่ใช้ในการขัดขืนทั้งหมดลงไป ขณะเดียวกันมันก็ทำให้ชายที่จับตัวเธอไว้ค่อย ๆ ปล่อยมือที่ใช้ปิดปากของตนออกไปด้วย ณัฐฐาพยายามคิดในแง่ดีเอาไว้ว่าถ้าตัวเองไม่ทำอะไรพวกเขาก็คงจะไม่ทำอะไรตัวเธอเหมือนกัน ก่อนจะค่อย ๆ ผ่อนแรงจนสุดจนตัวอีกฝ่ายเริ่มเกิดความไว้ใจ

                   “คุณคะไม่ต้องกลัวนะคะ เราไม่ทำอะไรคุณหรอก” เด็กสาวเรียกณัฐฐาให้หันมาฟัง พยายามทำตัวให้เป็นมิตรมากที่สุดเท่าที่จะทำได้

                   “ขอโทษที่พูดแบบนั้นออกไปนะคะ เราแค่ต้องการให้คุณสงบอารมณ์ลงก่อนก็เท่านั้นเอง ส่วนเรื่องเสื้อผ้าที่คุณใส่อยู่ฉันเป็นคนเปลี่ยนมันให้เองค่ะ ไม่ต้องกังวลไป”

                   เมื่อได้ยินอย่างนั้นหญิงสาวก็เพิ่งจะนึกขึ้นได้หลังจากที่ถูกอีกฝ่ายพูดทักท้วงไป เธอรีบก้มมองลงดูแล้วพบว่าตนนั้นสวมเสื้อผ้าที่ไม่คุ้นตาแทนผ้าเช็ดตัวเหมือนอย่างที่จำได้เอาไว้จริง ๆ ก่อนจะมองไปยังชายที่อยู่ด้านหลังเพราะมั่นใจมากขึ้นว่าเขานี่ล่ะที่เป็นคนที่จับตัวเธอมา จากนั้นก็ขัดขืนอีกหน่อยเพราะยังรู้สึกกลัวกับตัวเขาอยู่ดี

                   “นี่ปล่อยฉันนะ”

                   เกียรติศักดิ์ยังคงกอดรัดหญิงสาวเอาไว้เพื่อกันไม่ให้เธอออกไปก่อความวุ่นวายอย่างอื่นขึ้นได้ ขณะเดียวกันเด็กสาวอย่างน้ำก็พยายามจะเกลี้ยกล่อมเอาไว้อีกที แต่เมื่อหมดหนทางจะสู้ณัฐฐาจึงต้องยอมจำนนกับคนเหล่านี้ไปเสียแต่โดยดี ก่อนที่เธอจะหันไปฟังว่าเด็กสาวตรงหน้าจะว่าอะไรมาอีก

                   “ใจเย็น ๆ ก่อนนะคะ ใจเย็น ๆ ใจเย็น ๆ เราไม่ได้คิดที่จะทำร้ายคุณ”

                   หญิงสาวไม่ได้ตอบโต้อะไรกลับไป เธอเพียงแค่ผ่อนลมหายใจเพื่อควบคุมตัวเองให้ได้เหมือนเดิม

                   “เดี๋ยวฉันจะพาคุณไปล้างหน้าก่อนนะคะ ไว้ค่อยกลับมาคุยกันใหม่อีกที”

                   “ไม่นะ เธอจะพาฉันไปไหน” หญิงสาวรีบปฏิเสธออกไป พอได้ยินว่าจะพาไปไหนสัญชาตญาณมันก็สั่งให้กลัวไว้ก่อนเพื่อความปลอดภัยแก่ตัวของตัวเอง

                   “ปล่อยฉันนะไอ้บ้า” เธอหันไปพูดกับชายที่จับตัวเธอเอาไว้บ้าง พร้อมกันนั้นก็ออกแรงไปอีกเล็กน้อยเพื่อบอกให้เขารู้ว่าเธอไม่พอใจ

                   “เราไม่ได้ต้องการจะทำร้ายคุณจริง ๆ ค่ะ แค่จะพาไปห้องน้ำก็เท่านั้นเอง” น้ำพยายามปลอบหญิงสาวคนนี้ให้รู้สึกสบายใจขึ้นมาอีกที ไม่อย่างนั้นเธอคงได้กลัวจนไม่เป็นอันทำอะไรกันอีกแน่ ๆ

                   เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มสงบลงแล้วเด็กสาวจึงค่อย ๆ ก้าวเดินเข้าไป พยายามทำอะไรไม่ให้ว่องไวนักเพื่อกันไม่ให้เธอตกใจขึ้นมา ค่อย ๆ ยื่นมือข้างซ้ายเข้าใกล้เพื่อให้อีกฝ่ายได้จับเอาไว้ ถึงอย่างไรตอนนี้ก็อยากให้เธอได้ไว้ใจกันขึ้นมา

                   เมื่อเป็นแบบนั้นหญิงสาวจึงไม่มีทางเลือกอะไรมากสักเท่าไหร่ คิดอยู่ในใจว่าจะสามารถเชื่อใจเด็กสาวคนนี้ได้บ้างหรือเปล่า เธอค่อย ๆ ยื่นมือข้างซ้ายของตนออกไปบ้างแล้วจับกันไว้อย่างคนพยายามไว้ใจ ก่อนจะเริ่มอุ่นใจขึ้นมาบ้างจนความรู้สึกหวาดกลัวเริ่มลดน้อยถอยลง

                   เด็กสาวฉีกยิ้มอีกนิดเพื่อขับไล่ความกลัวให้กับอีกฝ่ายไปอีก ก่อนจะหันไปยังอาจารย์ของตนด้วยอีกอารมณ์ที่ไม่เหมือนกับก่อนหน้านี้

                   “อาจารย์ปล่อยเธอได้แล้ว เธอเป็นแขกของเรานะ”

                   ชายวัยกลางคนมองไปยังหญิงสาวที่ตนได้พาตัวมา ก่อนจะเผยใบหน้าที่รู้สึกผิดหน่อย ๆ แล้วคลายการกอดรัดของตนลงไป

                   ในทันทีที่เป็นอิสระหญิงสาวผู้เคยถูกกอดรัดจึงรีบวิ่งอ้อมไปหลบยังด้านหลังของเด็กสาวคนนั้นไปด้วยความรวดเร็ว เธอไตร่ตรองเอาไว้แล้วว่า ณ ที่แห่งนี้จะต้องไม่มีใครอื่นมาช่วยเธอได้และการจะหนีไปจากชายร่างกำยำอย่างเขามันก็แทบจะเป็นไปได้ที่ค่อนข้างยาก การที่เธอเลือกให้เด็กสาวคนนี้คอยเป็นคนปกป้องน่าจะดีกว่าทางเลือกอื่น ๆ ที่มีในตอนนี้อีกเป็นไหน ๆ อย่างน้อย ๆ มันก็ปลอดภัยสำหรับเธอในตอนนี้มากเป็นที่สุดแล้ว

                   “จ ใจเย็น ๆ ก่อนค่ะคุณ คุณไม่เป็นอะไรนะคะ” เด็กสาวหันไปถามกับแขกของตนที่หลบอยู่ด้านหลังอย่างคนที่ยังไม่หายหวาดกลัว ขณะเดียวกันก็ยอมให้อีกฝ่ายแตะต้องหรือจับต้นแขนของตัวเองเอาไว้เพื่อทำให้เธอรู้สึกสบายใจมากขึ้นกว่าเดิม

                   “พวกเธอเป็นใคร ? แล้วจับฉันมาที่นี่ทำไมกัน ?” ณัฐฐารีบปล่อยคำถามออกไปโดยเร็ว โดยเฉพาะคำถามอย่างหลังที่ตัวเธอนั้นตั้งใจมองไปยังผู้ชายคนหนึ่งที่ทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจขึ้นมา

                   ชายวัยกลางคนที่ถูกถามอย่างจงใจถึงกับทำอะไรไม่ถูกเพราะยังรู้สึกผิดกับการกระทำของตนอยู่ ทว่าเขาในตอนนี้ยังไม่กล้าที่จะตอบคำถามใด ๆ กับหญิงสาวคนนี้ออกไปทั้งนั้น

                   “ต้องการค่าไถ่หรือไง ? ฉันไม่มีเงินให้หรอกนะ”

                   เขายังคงนิ่งเงียบเพราะรู้สึกผิดเหมือนอย่างที่เคย ส่วนเด็กสาวที่เห็นอย่างนั้นจึงหันไปบอกกับหญิงสาวแทน

                   “เอ่อ ต้องขอโทษด้วยนะคะ ตอนนี้อาจารย์ยังไม่พร้อมที่จะตอบคำถามของคุณน่ะค่ะ”

                   “อะไรนะ !?”

                   “เอาเป็นว่ารอให้เขาพร้อมก่อนได้มั้ยคะ ระหว่างนี้ฉันจะพาคุณไปเข้าห้องน้ำก่อน” เด็กสาวว่าพลางหันไปจับต้นแขนของอีกฝ่ายคืนบ้าง ก่อนจะผลักและประคองเอาไว้เบา ๆ เพื่อทำให้หญิงสาวก้าวเดินไปด้วยตัวเอง

                   “น นี่ เดี๋ยวสิ อธิบายมาก่อนสิว่านี่มันเรื่องอะไร ฉันสามารถฟ้องพวกเธอได้นะ” หญิงสาวพยายามคาดคั้น แต่ในขณะเดียวกันก็ก้าวเดินไปด้วยโดยที่ไม่ได้มีท่าทีที่จะดูเป็นการขัดขืนหรือพูดต่อว่าให้เสียหายอะไรเลย

                   “เรื่องนั้นต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ค่ะ ฉันเองก็ไม่ทราบรายละเอียดเหมือนกัน”

                   “อะไรนะ ?”

                   “อย่างที่บอกไปนั่นแหละค่ะ เสร็จธุระแล้วฉันจะพาไปคุยกับอาจารย์อีกที”

                   “นี่ ไม่ไปคุยกับเจ้านั่นได้มั้ย ฉันไม่เอาเรื่องพวกเธอแล้วก็ได้ ปล่อยฉันไปเถอะนะ”

                   “ไม่ได้ค่ะ แล้วก็คุณไม่อยากรู้เหรอคะว่าคุณถูกพาตัวมานี่ทำไม”

                   ทว่าทันทีที่ได้ยินอย่างนั้นมันก็ทำให้หญิงสาวถึงกับเงียบปากลงไป ได้แต่คิดตามสิ่งที่เด็กสาวคนนี้พูดและเดินตามแรงผลักต่อไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งจะไปถึงตรงหน้าห้องน้ำเต็มทีอยู่แล้ว มันจริงอยู่ที่ว่าเธอยังรู้สึกว่าเขาเป็นตัวอันตรายแต่การที่จะไม่ถามหาเหตุผลจากตัวของเขามันก็เป็นไปแทบจะไม่ได้เลย และในขณะเดียวกันเธอก็อดสงสัยไม่ได้ถึงใบหน้าของเขาที่ฉายความรู้สึกผิดออกมาเสียจนชัดเจน

     

                   ไม่ลืมตาดูก็พอจะรู้อยู่แล้วว่านี่มันเช้าหรือยัง เพราะตราบใดที่คนในหมู่บ้านยังคงเลี้ยงไก่เอาไว้ต่อไปก็มีแต่จะต้องนอนฟังเสียงของมันในทุก ๆ เช้าต่อไปเหมือนอย่างในวันนี้ บางทีผมก็สงสัยนะว่าทำไมมันถึงไม่ขันตอนหกโมงเช้าหรือตอนที่พระอาทิตย์มันโผล่พ้นดินแล้ว จะมาขันในช่วงตีห้าจนรบกวนการนอนหลับแบบนี้ไปทำไม

                   ก็รู้สึกตัวและตื่นอยู่แล้วหรอกนะถึงได้มานอนฟังเสียงไก่ขันแบบนี้ต่อไป เพียงแต่ว่าในตอนนี้แค่ยังไม่อยากจะลุกออกไปจากเตียงมันก็เท่านั้นแหละ ผมข่มตาหลับอย่างนั้นต่อไปพร้อมทั้งหยิบหมอนอีกใบมาปิดที่หูของตนเอาไว้ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อไม่ให้ได้ยินเสียงจนนอนต่อได้อีก

                   “เกม... เกม...”

                   แต่เพียงไม่นานการหลับต่อในครั้งนี้ก็ถือเป็นอันสิ้นสุดลงไป เสียงปลุกของแม่ถูกกรีดร้องออกมาเหมือนกับเจ้าไก่พวกนั้นไม่มีผิดเพี้ยน ผมรีบตอบรับกลับไปด้วยความงัวเงียเหมือนกับในทุก ๆ วัน ก่อนจะค่อย ๆ พยายามลืมตาหรือแม้แต่ขยี้ตาเพื่อทำให้ตัวเองได้หายง่วงงุน

                   วันนี้คือวันจันทร์วันที่จะต้องไปโรงเรียนตามปกติ ผมลืมตาตื่นขึ้นมาเพื่อที่จะใช้ชีวิตให้ได้เหมือนกับในทุก ๆ ครั้ง ทว่าสิ่งสิ่งแรกที่ผมทำเป็นประจำหลังจากตื่นนอนหาใช่ล้างหน้าล้างตาหรือว่าเล่นโทรศัพท์แม้แต่อย่างใด แต่มันกลับเป็นการมองไปที่กล่องตุ๊กตาแล้วเปิดดูรูปของใครคนหนึ่งที่อยู่ในนั้นมาตั้งหลายเดือนแล้ว

     

                   ภาพของผีเสื้อราตรีตัวสุดท้ายในตู้กระจกปรากฏสู่สายตาของเกียรติศักดิ์มาได้สักพักแล้ว เขาเอาแต่มองไปยังเจ้าแมลงตัวน้อยตัวนั้นโดยที่แทบจะไม่ได้สนใจในสิ่งที่อยู่รอบข้างเลย แววตาของเขาเต็มไปด้วยความอาลัยราวกับว่ามันเป็นสิ่งที่สำคัญเสียยิ่งกว่าสิ่งใด ทว่าในตอนนี้เจ้าสิ่งที่ว่าได้ไร้ลมหายใจและหยุดการเคลื่อนไหวไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว

                   ในขณะเดียวกันน้ำในสภาพเดิมทุกอย่างก็เดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นโดยที่ไม่ได้ส่งเสียงรบกวนอะไร ตามมาด้วยณัฐฐาที่ล้างหน้าล้างตาเสร็จแล้วเรียบร้อยตามหลังกันมาแทบจะไม่ห่าง ขณะที่เดินมาด้วยกันหญิงสาวทั้งสองก็จับมือกันเอาไว้เสียเป็นอย่างดี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ใช่เพราะน้ำกลัวว่าณัฐฐาจะวิ่งหนีไปแต่เป็นเพราะอยากจะให้เธอรู้สึกปลอดภัยหรือไร้ความหวาดกลัวขึ้นมาเหมือนอย่างที่เคย

                   “น้ำพามาแล้วค่ะอาจารย์”

                   ผู้ที่ถูกเรียกว่าอาจารย์ได้ยินในสิ่งที่เด็กสาวพูดชัดแจ๋วเต็มสองรูหู แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ทันได้หันไปยังหญิงสาวทั้งสองแม้แต่อย่างใด เขายังคงมองไปยังร่างไร้วิญญาณในตู้กระจกเหมือนอย่างที่เคยอย่างไม่มีผิดเพี้ยน และมองมันอยู่อย่างนั้นราวกับว่าตนนั้นก็ไร้วิญญาณแทบจะพอ ๆ กัน

                   “นี่นายพูดอะไรบ้างสิ !” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเอาแต่นิ่งเงียบไม่ยอมตอบโต้อะไรกลับมาณัฐฐาจึงเริ่มจะหมดความอดทนกับเขาลงไป เธอตัดสินใจที่จะพูดอะไรพร้อมทั้งเดินเข้าไปเพื่อให้เขารู้ตัว

                   “นี่นายฉันพูดกับนายอยู่นะ”

                   เมื่อได้ยินอย่างนั้นในที่สุดชายวัยกลางคนก็หันไปยังหญิงสาวกันได้สักที แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าเขาจะรู้สึกโกรธหรือเริ่มตอบโต้อะไรเธอกลับไป ขณะเดียวกันณัฐฐาก็ชั่งใจอยู่บ้างว่าจะเอาอย่างไรกับตัวเขาดี เพราะถึงแม้จะยังรู้สึกกลัวอยู่บ้างแต่ถ้าไม่ยอมทำอะไรบ้างเลยมันก็คงจะไม่ได้เหมือนกัน

                   “นายจับตัวฉันมาทำไมกันแน่ ? ตอบฉันมานะ”

                   ชายวัยกลางคนถูกตั้งคำถามและคาดคั้นโดยหญิงสาวที่เขาเป็นคนลักพาตัวมากันอีกครั้งหนึ่ง มันเป็นอะไรที่รู้ ๆ กันอยู่แล้วว่ายังไงเธอก็ต้องถามออกมาแน่ ๆ เขาไม่มีทางเลือกอะไรมากสักเท่าไหร่นอกจากจะต้องตอบคำถามของเธอออกไป จึงเลือกที่จะมองเข้าไปยังนัยน์ตาแล้วตอบคำถามไปในที่สุด

                   “คุณเป็นใคร ?”

     

                   เหยื่อสาวของผู้ลักพา

                   E – Villain: Lady killer คนประลัยสายพันธุ์อี: เพชฌฆาตแค้นสวาท

     

                   แก๊กท้ายตอน

                   ณัฐ: อะไรกันเนี่ยไอ้เจ้านักเขียน ฉันเป็นฝ่ายถามก่อนนะยะ

                   นักเขียน: อีกฝ่ายก็มีสิทธิ์ถามกลับเหมือนกันไม่ใช่เรอะ และตามหลักแล้วเนี่ยคนที่ถามก่อนนั่นแหละที่จะต้องตอบก่อน

                   ณัฐ: แกว่าไงนะ แล้วไอ้ที่เขาถามนี่มันอาไร๊

     

                   ช่วงนี้มีสาระ (มั้ง)

                   แม่กุญแจถูกสะเดาะได้ฉันใด ลูกบิดประตูก็ถูกสะเดาะได้ฉันนั้น ทางที่ดีคือทางที่ไม่ขรุขระ ควรลงกลอนสลักไปด้วยอีกชั้นนะครับเพื่อความปลอดภัยของทรัพย์สินและตัวท่านเอง

                   เชื่อฉัน อย่าหลงไปเชื่อใคร ฉันนี้แหละห่วงใย รักแท้และแน่จริง ฮ่า ๆ ๆ

                   หาข้อมูลเพิ่มเติมเองเน่อ

     

                   แก๊กท้ายตอน 2

                   น้ำ: เหมือนว่าเธอจะเชื่อแบบนั้นจริง ๆ นะคะ

                   เกียรติ: อะไรเหรอ ?

                   น้ำ: ก็เรื่องคนที่เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ไง

                   ณัฐ: ห้ะ ! อะไรนะ !


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×