ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    E - Villain คนประลัยสายพันธุ์อี

    ลำดับตอนที่ #7 : 07 คำสารภาพของเด็กหนุ่ม

    • อัปเดตล่าสุด 30 ต.ค. 65


                   “คือว่าผมมีเรื่องที่อยากจะคุยด้วยสักหน่อยน่ะครับ ไม่ทราบว่าพอจะได้หรือเปล่า”

                   “อยากจะคุยด้วยเหรอ ?” ครูณัฐทวนในสิ่งที่เพิ่งจะได้ยินไป ก่อนจะใช้เวลาครุ่นคิดกับมันแล้วตอบกลับมาภายในไม่นาน “...ก็ได้นะ ว่ามาสิ”

                   “ค ครับ”

                   เมื่อเป็นอย่างนั้นผมจึงสูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมก่อนจะพูดอะไรบางอย่างออกไป ขณะเดียวกันครูณัฐก็ทำท่าที่จะตั้งใจฟังเอาเป็นอย่างมากเพราะคงไม่คิดว่าผมจะพูดอะไรที่มันไร้สาระอย่างนั้นแน่นอน

                   “ค คือว่า... ผมอยากเป็นแฟนกับคุณครูครับ”

                   “อ อะไรนะ ?”

                   นั่นไง ว่าแล้วเชียว ดูสีหน้าเธอสิ เหมือนไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยินยังไงยังงั้นแหนะ

                   “ ผมอยากเป็นแฟนกับคุณครูครับ” ผมพูดซ้ำคำเดิมอีกที แต่พอเห็นว่าปฏิกิริยาของเธอยังคงไม่ต่างจากเดิมเท่าไหร่ผมเลยต้องรีบอธิบายเพิ่มเติมออกไป “คือมันเป็นนิยายเรื่องหนึ่งที่ผมกำลังเขียนขึ้นมาอยู่น่ะครับ”

                   “นิยายเหรอ ?”

                   “ครับ เกี่ยวกับนักเรียนคนหนึ่งที่ไม่เชิงว่าหัวทึบเท่าไหร่ แต่เขาขาดแรงจูงใจในการเรียนก็เลยเกรดไม่ค่อยจะดีเท่าที่ควร แต่พอเขาหลงรักคุณครูสาวที่ย้ายเข้ามาใหม่ก็เลยเกิดความคิดผิด ๆ ที่ว่าหากตัวเองเรียนเก่งเธอก็จะหันมาสนใจเขาอะไรแบบนี้น่ะครับ เขียนไปได้สักครึ่งของครึ่งเรื่องแล้ว”

                   “แล้ว ?”

                   “คิดว่าชื่อเรื่องมันโอเคมั้ยครับ”

                   เธอเลือกที่จะไม่ตอบอะไรทั้งนั้น ไม่เพียงแค่นั้นเธอยังหรี่ตามองมาที่ผมราวกับกำลังไม่พอใจจนไม่รู้จะว่าอย่างไรดี

                   “แล้วทำไมต้องมองผมแบบนั้นด้วยล่ะ”

                   “เปล่าหนิ” เธอตอบมาอย่างห้วน ๆ จนน่าตกใจ

                   โกรธอยู่ชัด ๆ

                   เธอทำเป็นไม่สนใจในสิ่งที่ผมเพิ่งจะถามไปเมื่อครูแล้วหันไปกินสเต็กเหมือนอย่างเดิมแทน

                   ชัดเลย โกรธเราชัวร์ป้าบ ไม่น่าไปล้อเล่นกับความรู้สึกของเธอเลยเรา

                   “แล้วที่จะคุยด้วยนี่คือเรื่องนี้เหรอ” เธอลองถามขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงให้ความสำคัญไปกับการไปกินเจ้าสิ่งที่ว่าอย่างนั้นเหมือนเดิม

                   “อ๋อ เปล่าครับ คือผมวางตัวละครนางเอกเอาไว้แล้วมันดันมีอะไรหลาย ๆ อย่างไปคล้าย ๆ กับครูเข้า ก็เลยคิดว่าเขียนให้ตัวละครมันเป็นเหมือนครูไปหมดทุกอย่างเลยดีมั้ยนะแบบนั้นน่ะครับ”

                   “เหมือนกับครูเหรอ” คราวนี้เธอเปลี่ยนเป็นหันมามองตาผมบ้าง ก็ชักจะไม่แน่ใจแล้วล่ะว่าไปทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจที่ตรงไหนกันแน่

                   ว่าแล้วเชียว เรื่องแบบนี้ใครจะไปยอมง่าย ๆ กันล่ะ ถ้าเกิดมีอะไรเสียหายขึ้นมาล่ะจะว่ายังไง

                   “ค ครับ”

                   และแล้วเธอก็จ้องตาผมหนักมากขึ้นกว่าเดิม ทำเอาผมที่เห็นอย่างนั้นก็เริ่มจะกลัว ๆ ขึ้นมาแถมยังรู้สึกถอดใจกับเรื่องที่เพิ่งจะขอไปเสียเลยด้วยซ้ำ

                   “...ตัวละครไม่เสียหายนะ”

                   ห้ะ อ อะไรน่ะ เมื่อกี้เธอยอมงั้นเหรอ

                   “ครับ ไม่เสียหายครับ ไม่เสียหาย” ผมรีบตอบกลับด้วยความดีใจอย่างถึงที่สุด นึกว่าเธอจะปฏิเสธกลับมาจนผมต้องน้อยใจไปอย่างนั้นเสียแล้ว

                   “ก็นะ เดิมทีตัวละครของเธอมันก็เป็นแบบนั้นตั้งแต่แรกอยู่แล้วนี่นะ”

                   “ครับ ขอบคุณครับ”

                   หลังจากนั้นผมก็รีบก้มหน้าลงไปจิ้มเจ้าเนื้อย่างหลบเขินเอาไว้ ก่อนจะหันกลับไปอีกครั้งเพราะยังมีอีกเรื่องที่อยากจะขอกับเธอ

                   “งั้นนางเอกชื่อ ณัฐ นะ”

                   “ไม่”

                   ฮ่า ๆ ๆ เล่นตอบซะทันควันเชียว ถ้ายอมก็บ้าแล้ว

                   กิจกรรมยัดเนื้อถมท้องในเย็นวันนี้ผ่านไปอย่างราบรื่นด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของพวกเราสองคน และโคตรจะเสียดายอย่างสุดซึ้งที่ตัวผมนั้นดันดื่มน้ำจนหมดแก้วแต่ดันลืมทำตามแผนที่คิดเอาไว้ไปอีกเสียได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะนั่นก็ไม่ใช่สิ่งสำคัญที่ผมคาดหวังว่าจะได้มันแบบสุด ๆ ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แค่ได้นั่งกินอะไรด้วยกันและพูดคุยกันแค่นี้มันก็นับว่าดีมาก ๆ จนไม่รู้ว่าจะดีได้มากกว่านี้ได้ยังไงอีกแล้ว จากนี้ไปก็เหลือแต่แยกย้ายกันกลับบ้านแล้วรอพบกันใหม่ในวันพรุ่งนี้ที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่นานแล้วล่ะ

     

                   ในอีกมุมมุมหนึ่งซึ่งเป็นจุดที่ไม่มีใครสังเกตเห็นถึงความผิดปกติได้โดยง่าย มีสายตาลึกลับคู่หนึ่งที่กำลังเฝ้ามองถึงอะไรบางอย่างอยู่ในระยะที่ค่อนข้างจะห่างไกลอยู่พอสมควร มันจับจ้องไปยังเด็กหนุ่มและหญิงสาวคู่หนึ่งที่กำลังนั่งทานอะไรบางอย่างอยู่ที่หน้าบ้านพักครูภายในโรงเรียนมาสักระยะหนึ่งแล้ว และสายตาคู่นั้นมันก็เฝ้าดูทั้งสองต่อไปอย่างเงียบเชียบจนกระทั่งการทานจบลงและต่างฝ่ายต่างก็แยกย้ายกันไป

     

                   ตัวเลขบนหน้าจอสี่เหลี่ยมบ่งบอกเวลาว่าใกล้จะสองทุ่มเข้าไปทุกขณะ และหลังจากที่ดูอะไรต่อมิอะไรในยูทูบจนรู้สึกพอใจแล้วณัฐฐาก็ปิดโทรศัพท์ลงไปได้ในที่สุด เธอลุกขึ้นไปยืดเส้นยืดสายหลังจากที่นอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนฟูกเสียเป็นเวลาเนิ่นนาน ก่อนจะเดินตรงไปยังตะกร้าใส่ผ้าที่อยู่ตรงมุมห้องแล้วถอดเสื้อออกเพื่อเตรียมตัวจะไปชำระร่างกาย

                   กระทั่งล้างเนื้อล้างตัวเสร็จสรรพนิ้วเรียวสะอาดก็คว้าเอาผ้าขนหนูขึ้นมาเช็ดตัวไปมาเบา ๆ ผ้าผืนใหญ่ถูกนำมาเช็ดและห่มตัวเอาไว้ส่วนผ้าผืนเล็กก็นำมาใช้เช็ดหน้าอีกที ไม่นานประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดออกก่อนที่ขาเรียวยาวจะก้าวเดินออกไป พร้อมกันนั้นก็ก้มหัวเช็ดศีรษะไปด้วยโดยที่เธอแทบจะไม่ได้ระวังตัวอะไรเลย

                   แต่แล้วเรื่องที่ไม่คาดฝันก็ดันเกิดขึ้นกับเธอได้ในที่สุด ร่างร่างหนึ่งที่แอบมองดูเธอมาได้สักพักพุ่งตัวออกมาจากจุดอับสายตาแล้วจับตัวเอาไว้จากทางด้านหลัง ณัฐฐาที่เพิ่งจะรู้สึกตัวว่ามีอะไรเข้ามากอดรัดตัวเองเอาไว้ก็พยายามที่จะขัดขืนไปตามสัญชาตญาณ แต่ยังไม่ทันที่จะได้กรีดร้องหรือว่าส่งเสียงอะไรออกไปเธอก็ถูกปิดปากเอาไว้ด้วยมือและผ้าของใครบางคนที่เธอยังไม่ทันแม้แต่จะได้เห็นตัว

                   ณัฐฐาตกใจเอาเป็นอย่างมากและยังไม่แน่ใจนักว่านี่มันเรื่องบ้าบอคอแตกอะไรกัน แต่ในตอนนี้เธอรู้เพียงอย่างเดียวว่าตนกำลังมีอันตรายและจะต้องเอาตัวรอดออกไปให้ได้ เธอพยายามขัดขืนจากการถูกกอดรัดจากทางด้านหลังภายในครั้งนี้อย่างถึงที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการออกแรงสะบัดตัวหรือพยายามแกะมือของใครคนนั้นออกจากใบหน้าเธอก็ทำทั้งหมด

                   “ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วย”

                   แม้จะถูกปิดปากด้วยมือและผ้าเอาไว้อยู่แต่เธอก็พยายามจะส่งเสียอู้อี้ที่มีออกไป คาดหวังเอาไว้ว่าอาจจะมีครูคนไหนที่พักอยู่ในบ้านหลังถัดไปได้ยินเสียงก็เป็นได้ แต่เหมือนว่าการส่งเสียงในคราวนั้นหรือแม้แต่การพยายามสลัดตัวให้หลุดมันก็แทบจะไม่เป็นผลอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว ตัวเธอในตอนนี้จึงค่อย ๆ หมดหวังในการช่วยเหลือตนเองไปทีละเล็กทีละน้อย

                   ร่างของณัฐฐายังคงถูกกายแข็งแรงกอดรัดเอาไว้อย่างนั้นต่อไป ขณะเดียวกันก็เพิ่งจะมาสังเกตเห็นว่าผ้าที่ถูกนำมาปิดปากเอาไว้นั้นมีกลิ่นแปลก ๆ โชยออกมาตั้งแต่เมื่อครู่นี้แล้ว กว่าจะมารู้ตัวเอาตอนนี้ได้ว่ามันคืออะไรก็เล่นทำเอาเธอสูดดมมันเข้าไปตั้งเยอะหรือกลั้นหายใจไม่ทันจนแทบจะตั้งสติของตนเองไม่ได้ขึ้นมา และเรียวแรงที่เคยใช้ในการขัดขืนก็ค่อย ๆ เหือดหายลงไป

                   ณัฐฐาเริ่มเข้าใจแล้วว่านี่คือการปองร้ายของใครคนหนึ่งอย่างนั้นแน่นอน แต่คนคนนั้นจะเป็นใครหรือมีเป้าหมายเป็นอะไรนั้นเธอก็ยังไม่อาจทราบได้ เธอในตอนนี้รู้เพียงอย่างเดียวว่าสิ่งที่เรียกว่า “โชคร้าย” ได้มาเยือนตัวเองบ้างแล้ว และเธอในตอนนี้ก็แทบจะไม่เหลือสติไว้ต่อกรกับมันเลยแม้แต่นิดเดียว

                   ร่างบอบบางใต้ผ้าขนหนูเริ่มขาดสติและฟุบตัวลงไป กลายเป็นร่างแน่นิ่งไร้แรงขัดขืนภายใต้วงแขนของใครคนนั้นไปแล้ว ชายวัยทำงานคนหนึ่งที่จับกุมเหยื่อสำเร็จเริ่มทำการแบกร่างที่สลบไสลขึ้นไปไว้บนกายกำยำของตน ก่อนจะรุดออกไปจากบ้านพักครูหลังนั้นและเดินฝ่าความมืดไปจนถึงรถของตนโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็นได้เลย

     

                   ที่บ้านหลังหนึ่งท่ามกลางป่าไม้ในยามค่ำคืนหลอดไฟตรงหน้าบ้านและตรงทางเข้าได้ถูกเปิดเอาไว้นับตั้งแต่ตอนหัวค่ำนั่นแล้ว มันส่องสว่างเพื่อช่วยให้มองเห็นในการเดินทางได้ดียิ่งขึ้น หรือแม้แต่ประตูรั้วเองก็ถูกเปิดเอาไว้นับตั้งแต่ที่มีใครคนหนึ่งขับรถออกไป ราวกับว่ามันกำลังรอคอยการกลับมาของใครไปทั้งอย่างนั้นจนแทบจะตลอดเวลา

                   ไม่นานรถคันหนึ่งก็ได้แล่นตรงเข้ามาภายในบ้านกลางป่าที่ตั้งโดดเดี่ยวหลังนั้น มันผ่านประตูรั้วที่ว่าและสวนดอกไม้พร้อมทั้งผีเสื้อกลางคืนในอีกจำนวนหนึ่ง เมื่อไปถึงโรงจอดรถรถคันนั้นก็จอดแน่นิ่งทว่ายังคงติดเครื่องค้างเอาไว้อยู่ ก่อนที่คนขับรถคนนั้นจะก้าวลงมาแล้วเปิดประตูรถภายในอีกฝั่งจนเห็นร่างที่สลบไสลของใครคนหนึ่งที่ตนได้ลักพามา

                   ในอีกทางหนึ่งหลังจากที่ได้ยินเสียงรถคุ้นหูดังมาแต่ไกลน้ำก็รีบยันตัวลุกขึ้นจากการหลับนอนได้ในที่สุด เธอตรงเข้าไปล้างหน้าล้างตาคร่าว ๆ เพื่อทำให้ตัวเองกลับมากระปรี้กระเปร่าให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ขณะเดียวกันเธอก็คิดไปด้วยว่าอาจารย์ของตนหายไปทำอะไร ที่ไหน หรือว่าอย่างไรกัน แล้วทำไมถึงได้เพิ่งกลับมาเอาเสียดึกดื่นจนถึงป่านนี้ได้

                   เด็กสาวรีบเช็ดหน้าเช็ดตาแล้วเดินออกจากห้องอาบน้ำไปในทันที แต่พอไปถึงห้องนั่งเล่นได้ไม่ทันไรเธอก็เห็นว่าอาจารย์ของตนเดินเข้ามาถึงในตัวบ้านแทบจะไม่ต่างกัน พอจะถามว่าไปทำอะไรมาเธอก็ดันสังเกตเห็นถึงอะไรบางอย่างที่คนคนนั้นนำติดตัวมาด้วย โดยสิ่งที่ว่ามันก็คือร่างของผู้หญิงคนหนึ่งภายใต้ผ้าขนหนูและเสื้อคลุมอีกตัวที่ถูกอุ้มโดยเขาคนนี้นั่นเอง

                   “อ อาจารย์นั่นใครเหรอคะ !?” เด็กสาวรุดเข้าไปดูให้ไวกว่าเดิม และถึงแม้ว่าจะยังไม่ทันได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรแต่การที่เห็นว่ามีคนกำลังไม่ได้สติถูกอุ้มอยู่แบบนั้นมันก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้เหมือนกัน

                   ชายที่ถูกเรียกว่า “อาจารย์” ยังไม่ได้ตอบคำถามของเด็กสาวกลับไป เขาเลือกที่จะนำร่างของหญิงสาวที่ตนกำลังอุ้มอยู่ไปวางไว้บนโซฟาให้ได้เสียก่อน จากนั้นก็มองไปยังใบหน้าของหญิงสาวที่ยังไม่ได้สติก่อนจะตอบคำถามของเด็กสาวอีกคนที่ถามมาเมื่อครู่ไปทั้งอย่างนั้นเลย

                   “หาเสื้อผ้ามาให้เธอใส่หน่อย”

                   “ค คะ?”

                   “เธอโป๊อยู่น่ะ”

                   เมื่อได้ยินอย่างนั้นเด็กสาวก็มองไปยังเครื่องแต่งกายภายในตอนนี้ของหญิงสาวคนนั้นอีกที พอเห็นว่านั่นคือผ้าขนหนูสำหรับเช็ดตัวเหมือนอย่างที่เธอเข้าใจไปในตอนแรกเธอก็พอจะเข้าใจในสถานการณ์ขึ้นมาบ้างนิดหน่อยแล้ว

                   “ค่ะ รอเดี๋ยวนะคะ”

                   เด็กสาวตั้งใจจะวิ่งกลับไปยังห้องของตนอย่างคนที่เข้าใจในสถานการณ์ แต่พอหลุดพ้นออกไปจากห้องนั่งเล่นและลับสายตาจากอาจารย์ของตนแล้วเธอก็เริ่มหยุดวิ่งแล้วเปลี่ยนเป็นแอบดูอาจารย์ของตนและหญิงคนนั้นต่อ ตัวเธอในตอนนี้ยังคงสงสัยว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใครหรือว่ารู้จักกับอาจารย์ของตนหรือไม่ แล้วทำไมอาจารย์คนนี้ที่กำลังมีประเด็นกับผู้หญิงบางกลุ่มอยู่ถึงได้ตั้งใจจะพาสาวสวยแบบนั้นมาถึงที่บ้านของพวกเธอได้กัน

                   “ตั้งใจจะทำอะไรกันน่ะ ?” เด็กสาวพึมพำเสียงเบา ขณะเดียวกันก็ตั้งใจมองดูทั้งเขาและเธอต่อไปอีกนิดเผื่อว่าจะมีอะไรที่ผิดปกติหรือชวนให้น่าสงสัยจนดูเกินไป

     

                   คำสารภาพของเด็กหนุ่ม

                   E – Villain: Lady Killer คนประลัยสายพันธุ์อี: เพชฌฆาตแค้นสวาท

     

      ..................................................................................................................................................................

     

                   แก๊กท้ายตอน

                   น้ำ: อาจารย์นั่นใครเหรอคะ ?

                   เกียรติ: หาเสื้อผ้ามาให้เธอใส่หน่อย

                   น้ำ: คนอะไรชื่อแปลกจัง

                   ณัฐ: นั่นไม่ใช่ชื่อฉัน !

     

                   ช่วงนี้มีสาระ (มั้ง)

                   ไอ้ยาสลบหรือยานอนหลับพวกนี้มันใช้ได้จริงนะครับ แต่กว่าจะออกฤทธิ์ได้มันก็ต้องใช้เวลาอยู่พอสมควรเลยล่ะ ก็ขึ้นอยู่กับว่ามันมีฤทธิ์ที่เข้มข้นขนาดไหน อาจจะใส่น้อยหรือว่าใส่มาก หรือรับสารเข้าไปยังไง อาจจะใช้เข็มฉีดเข้าตัวหรือว่าดมกลิ่น หรือคนที่รับสารเป็นใคร อาจจะเป็นคนหรือแมว อะไรทำนองนี้ ไอ้พวกนางเอกในละครที่โดนโปะยาปุ๊บแล้วก็สลบปั๊บเลยทันทีนั่นมันไม่ใช่นะครับ มันเป็นเพียงแค่การตัดข้ามเหตุการณ์เพื่อไม่ให้เสียเวลารอดูเฉย ๆ เอามาแค่ฉากโปะยาและฉากสลบแค่นั้นเป็นพอ ฉากยาที่กำลังจะออกฤทธิ์มันเสียเวลาเลยตัดออกไป

                   เอ๊ะ ! หรือว่าจริง ๆ เขาใช้ยาแรงตั้งแต่แรกอยู่แล้วกันนะ

                   หาข้อมูลเพิ่มเติมเองเน่อ

     

                   แก๊กท้ายตอน 2

                   ณัฐ: หวังว่าคนที่ใส่เสื้อผ้าให้จะไม่ใช่นายหรอกนะ

                   เกียรติ: เอ่อ พอดีว่าผมเคยฝึกกู้ระเบิดโดยไม่ใช้ตามองมาแล้วล่ะนะ

                   ณัฐ: เดี๋ยว ๆ ๆ มันเกินไปแล้ว

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×