ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    E - Villain คนประลัยสายพันธุ์อี

    ลำดับตอนที่ #6 : 06 อาหารเย็นของเด็กหนุ่ม

    • อัปเดตล่าสุด 27 ต.ค. 65


                   หลังจากนั่งรอไปได้เพียงไม่ทันไรหญิงสาวที่ผมเฝ้าตั้งตารอก็เดินทางมาถึงได้ในที่สุด เธอเดินลงมาจากรถของตนในชุดที่สุดแสนจะธรรมดาทว่ากลับดูน่ารักในแบบที่ไม่เคยเห็น ดวงตาสีสวยมองมาที่ผมพร้อมกับทำคิ้วขมวดภายในเวลาเดียวกัน นั่นคงจะเป็นการตั้งคำถามว่าทำไมตัวผมถึงมาอยู่ที่นี่ได้หรือว่ามาทำอะไรที่นี่กันแน่อย่างนั้นแน่นอน

                   “สวัสดีครับ” ผมกล่าวทักทายหญิงสาวคนนั้นที่เพิ่งจะเดินทางมาถึง พร้อมทั้งเดินออกไปต้อนรับด้วยขาที่สั่นระริกจนแทบจะควบคุมไม่อยู่อยู่แล้ว

                   “สวัสดีค่ะ มาทำอะไรที่นี่กันเหรอ” เธอตอบรับกลับมาตามที่ผมได้คาดเอาไว้ พ่วงมาด้วยคำถามที่ผมเตรียมคำตอบเอาไว้มาแทบจะตลอดทั้งวัน

                   “สเต็กครับ”

                   “หืม ?” เธอขมวดคิ้วออกมาอีกครั้งหนึ่ง ปฏิกิริยาตอบสนองของเธอที่แสดงออกมาแบบนั้นทำเอาผมถึงกับใจแป้วไปในทันทีอย่างช่วยไม่ได้

                   อ อะไรกันน่ะ ไม่ใช่ว่าเธอน่าจะรู้คำตอบอยู่แล้วหรอกเหรอ ?

                   “ก ก็ที่คุยกันทางโทรศัพท์ไงครับ”

                   เมื่อได้ยินอย่างนั้นเธอก็นึกอะไรในใจสักพัก ก่อนที่เธอจะร้องอ๋อออกมาพร้อมกับรอยยิ้มที่แสดงถึงความเข้าใจ

                   เอ้า นี่ลืมจริง ๆ หรือว่าแกล้งเอาขำกันอย่างนั้นอีกล่ะเนี่ย

                   “ผมมาชวนครูไปทานสเต็กด้วยกันน่ะครับ”

                   “โหย จะไปได้ยังไงนี่มันก็เย็นเอามาก ๆ แล้วนะ”

                   หืม ? สเต็กมันก็กินตอนกลางคืนได้เหมือนกันนี่ครับครู

                   แต่เดี๋ยวนะ เหมือนว่าเธอจะพยายามปฏิเสธการเชิญชวนของผมอยู่หรือเปล่าล่ะนั่น

                   แต่จะอย่างไรก็เถอะก็คิดเอาไว้แล้วล่ะว่าเธอจะต้องใช้คำพูดหรือหาข้ออ้างอะไรทำนองนี้ออกมาอยู่แล้ว และที่ตัวผมไปซื้อสเต็กห่อกล่องมาไว้ก็เพื่อที่เธอจะไม่สามารถปฏิเสธหรือหาข้ออ้างได้อีกนั่นเอง

                   “อ้ะ เปล่าครับ ผมไม่ได้จะชวนครูไปไหน เดี๋ยวครูรอผมแป๊บนึง”

                   ว่าแล้วผมก็วิ่งกลับไปที่รถแล้ววกกลับมาหาครูคนสวยคนนี้ภายในเวลาไม่นานกันอีกครั้งหนึ่ง ก่อนที่ผมจะยื่นอะไรบางอย่างไปให้เธอดูพร้อมทั้งฉีกยิ้มด้วยความดีใจ

                   “ผมซื้อใส่กล่องมาไว้แล้วครับ”

                   ฮ่า ๆ ๆ ทุก ๆ อย่างอยู่ในแผนของเรา

                   “ฮิ ๆ ทีอย่างนี้ล่ะไม่ยอมให้พลาดเลยนะ”

                   เหมือนว่าเธอจะชอบใจในสิ่งที่เห็นไปไม่น้อยเลยแฮะ และใบหน้าที่หลุดหัวเราะออกมาแบบนั้นก็ทำให้เธอดูน่ารักขึ้นมาอีกมากจนแทบจะเป็นบ้าเลย

                   “ก็ตั้งใจมาชวนเอาไว้แล้วนี่ครับ”

                   เธอได้แต่ส่งยิ้มกลับมา จากนั้นก็ถือโอกาสในช่วงที่ต่างฝ่ายต่างก็เขินเดินผ่านตัวผมไป

                   “จริงจังไปมั้ยน่ะ” เธอหันมาถามในขณะที่ตัวเองยังคงมุ่งหน้าไปที่บ้านพักของตน ส่วนผมที่เหลียวมองตามอย่างไม่ละสายตาอยู่แล้วก็ได้แต่หัวเราะแหะ ๆ อย่างคนขวยเขินกลับคืน

                   “งั้นเธอรออยู่นี่ก่อนนะ เดี๋ยวครูเข้าไปเอาจานชามมาก่อน” ว่าแล้วเธอก็จัดการไขประตูบ้านพักภายในทันที ส่วนผมที่ได้ยินอย่างนั้นก็ถึงกับเปลี่ยนอารมณ์ไปเป็นอีกแบบอย่างไม่ได้ตั้งใจ

                   “แล้วไม่กินข้างในกันเหรอครับ ?”

                   “ข้างในมันร้อน ข้างนอกนี่แหละ” เธอให้เหตุผล ขณะเดียวกันก็เปิดประตูเข้าไปข้างในโดยที่ทิ้งผมไว้ให้อยู่ข้างนอกเหมือนเดิม

                   อะไรวะ ?

                   แต่พอเห็นว่าเธอนั้นหายไปตรงมุมห้องผมจึงรีบเอ่ยถามไปในทันที “ผมเข้าไปช่วยถือของได้มั้ย”

                   “รออยู่นั่นแหละ มีของไม่เยอะหรอก”

                   เอ้า แบบนี้มันก็ไม่มีโอกาสที่นิ้วมือจะแตะโดนกันตอนที่ช่วยยกของออกมาเลยน่ะสิ นี่กะจะดักเอาไว้ทุกทางเลยหรือไงเนี่ย

                   “เอ่อ ครับ”

                   ก็... มันก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะที่เธอจะปฏิเสธคำขอออกมาไม่ว่าจะทั้งในฐานะของแขกหรือในฐานะของอะไรก็ตาม แต่ถ้าหากว่าเธอพยายามที่จะรักษาระยะห่างล่ะมันจะเป็นยังไงกัน

                   ...แต่ช่างมันเถอะ ใช่ว่าเธอจะเกลียดเราสักหน่อย ยังมีโอกาสให้เข้าหาได้อีกเยอะ เรื่องอะไรจะยอมตัดใจง่าย ๆ กันล่ะ

                   เมื่อคิดได้อย่างนั้นผมจึงชะโงกเข้าไปในตัวบ้านเพื่อดูว่ามันจะมีไม้กวาดอยู่ข้างประตูหรือเปล่า แต่พอเห็นว่ามันมีทั้งไม้กวาดและเสื่อปูพื้นก็รีบจัดการเก็บกวาดหน้าบ้านและเตรียมที่นั่งจนเสร็จสรรพทันที ไม่นานเกินรอครูณัฐก็ก้าวเท้าออกมาพร้อมกับเจ้าสิ่งที่เข้าไปหาเมื่อครู่ แต่เท่าที่เห็นมันก็มีเพียงแค่จานและส้อมในจำนวนครบคนกับน้ำเย็นอีกขวดมันก็เท่านั้นเอง

                   ขาดแก้วน้ำไปจริง ๆ ด้วย ยอมให้ผมไปช่วยตั้งแต่แรกก็ได้นี่นา

                   ไม่นานเธอก็วางของพวกนั้นลงไปก่อนจะกลับเข้าไปในบ้านอีกที “เดี๋ยวครูกลับไปเอาแก้วน้ำมาก่อนนะ”

                   นั่นไงว่าแล้วเชียว

                   “ครับ เดี๋ยวผมแกะใส่จานไว้รอเลยนะ”

                   “ค่ะ”

                   ฮิ ๆ ก็ยังอุตส่าห์ตอบ “ค่ะ” กลับมาอีกนะ น่ารักซะจริงเชียว

                   ครูณัฐกลับเข้าไปในบ้านพักครูก่อนที่เธอจะหายไปตรงมุมห้องอย่างนั้นเหมือนเดิม ส่วนผมที่เตรียมสเต็กไว้รอก็ได้แต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ว่าคนอะไรจะน่าหลงน่าไหลได้ถึงขนาดนี้ แต่ผ่านไปเพียงแวบเดียวเธอก็เดินออกมาอีกครั้งพร้อมกับแก้วน้ำทั้ง 2 ใบที่ถืออยู่ในมือ จากนั้นก็ทิ้งก้นลงบนเสื่อไปบ้างโดยตำแหน่งที่นั่งคืออยู่เยื้อง ๆ กัน

                   โชคยังดีหน่อยที่เธอตัดสินใจที่จะไม่นั่งหันหน้าเข้าหากันตรง ๆ หากไม่อย่างนั้นเวลาคุยกันคงได้อึดอัดตายแทนที่จะเป็นเขินอายทั้งอย่างนั้นเป็นแน่ หรือเพราะว่าเธอรู้อยู่แล้วกันนะว่าในตำแหน่งนี้มันจะทำให้เราสองคนสามารถคุยกันได้สะดวกยิ่งกว่า มิหนำซ้ำมันอาจจะดูใกล้ชิดกันมากกว่าอีกด้วยเมื่อเอาไปเทียบกับการไปนั่งอยู่ในทิศที่ตรงข้ามกัน

                   เธอมองไปยังเนื้อทอดในจานของตนก่อนจะเปลี่ยนเป็นเทน้ำใส่แก้วใบหนึ่งลงไป “2 กล่องเหรอ”

                   “ครับ กลัวมันไม่อิ่มน่ะครับ”

                   “จะไม่กลับไปกินข้าวที่บ้านหรือไง”

                   “ฮ่า ๆ ๆ กลับครับ กลับ”

                   “ฮิ ๆ เอ้า นี่ของเธอ” เธอว่าพร้อมทั้งยื่นน้ำเย็นในแก้วนั้นมาให้ ส่วนผมก็รีบรับมันเอาไว้โดยที่ไม่ลืมให้เกียรติว่าอีกฝ่ายนั้นก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน

                   “ขอบคุณครับ”

                   ห้ะ !

                   แต่แล้วจู่ ๆ ผมก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ทีหลัง ก่อนจะมองลงไปยังแก้วน้ำในมือที่ถือเอาไว้เสียเป็นอย่างดี

                   โถ่โว้ย ไอ้โง่ ทำอะไรของแกลงไปห้ะเนี่ย ดันลืมที่จะฉวยโอกาสในตอนนั้นทำให้มือของเราแตะโดนกันไปอีกจนได้ โถ่โว้ยยยย

                    “มีอะไรหรือเปล่า ?”

                   จู่ ๆ เธอก็ถามขึ้นมาหลังจากที่เห็นปฏิกิริยาของผมแปลกไป ส่วนผมที่ไม่อาจจะบอกความจริงกับเธอไปได้ก็ได้แต่ปฏิเสธมันไปทั้งอย่างนั้นเลย

                   “ป เปล่าครับ ไม่มีอะไร”

                   รอดตัวไป รอดตัวไป

                   ผมทำเป็นเนียนดื่มน้ำลงไปเพื่อไม่ให้เธอสงสัยอะไร แต่ในใจก็แอบวางแผนเอาไว้ว่าจะรีบดื่มน้ำให้หมดแล้วขอให้เธอเติมให้อีกแก้ว มาถึงขั้นนี้แล้วใครมันจะไปยอมปล่อยไปได้ง่าย ๆ อย่างนั้นกันล่ะ ไม่แน่นะบางทีเราอาจได้สบตากันในหลังจากนั้นอย่างหวานซึ้งไปเลยก็เป็นได้

                   “อื้อ” ผมลองทักขึ้น ส่วนเธอที่ได้ยินอย่างนั้นก็ถึงกับหยุดเทน้ำดื่มของตนลงไปแล้วหันมาฟังอย่างเลี่ยงไม่ได้ “ตอนแรกผมก็ว่าจะชวนครูไปกินที่ร้านมันเลยนะครับ

                   “ทำไมเหรอ ?”

                   “เห็นในหนังเขาทำกันน่ะครับ”

                   “...ฮิ ๆ ว่าไปนั่น”

                   และแล้วเธอก็หัวเราะชอบใจออกมา ทำเอาผมที่รอลุ้นแทบบ้าเกือบจะต้องใจแป้วเป็นรอบที่สองแล้ว

                   “ไม่หรอก...”

                   หืม ?

                   “อยู่นี่แหละดีแล้ว”

                   อยู่นี่แหละดีแล้ว...งั้นเหรอ ?

                   หมายความว่าไงกันน่ะ ?

                   “อยู่ที่นี่เหรอครับ ?”

                   “จ้ะ”

                   อยู่ที่นี่งั้นเหรอ... ไม่ใช่ที่ร้านหรอกเหรอ... ที่นั่งสวย ๆ ล่ะ แจกันดอกไม้ เปลวเทียนสีเหลือง การได้สบตากันใต้แสงไฟที่สลัว ๆ ในร้านอาจจะมีคนอื่นอยู่ด้วยก็ได้...แต่คนที่อยู่ตรงหน้าจะมีแค่เราสองคนเท่านั้น แบบนั้นมันไม่ดีกว่าหรือไง

                   แล้วที่นี่ล่ะ

                   “งั้นเหรอครับ”

                   “เอาเถอะ มากินกันดีกว่า” เธอพูดเพื่อเรียกสติของผมกลับคืน ขณะเดียวกันเธอก็เททั้งน้ำดื่ม ราดทั้งน้ำจิ้มจนเสร็จสรรพไปหมดทุกอย่างแล้ว

                   “ค ครับ”

                   และเพียงไม่นานเธอก็ทัดผมเอาไว้ข้างหูก่อนจะจิ้มเอาเนื้อชิ้นหนึ่งขึ้นมาชิมดูก่อน ส่วนผมที่เห็นอย่างนั้นก็อยากจะรู้เอาเสียมาก ๆ ว่าเธอจะรู้สึกอย่างไรกับมัน

                   “เป็นไงบ้างครับ”    

                   “อื้อ ก็อร่อยดีนะ” เธอตอบทั้ง ๆ ที่ยังขบเคี้ยวมันไม่หมด แก้มป่อง ๆ ที่ยังมีเนื้อกลิ้งอยู่ข้างในบวกกับการทัดผมไปเมื่อครู่นั่นแล้วมันก็ยิ่งทำให้เธอดูน่ารักขึ้นมาอีกมากเป็นไม่รู้ตั้งกี่ร้อยเท่าพันเท่า

                   “จริงเหรอครับ”

                   ผมฉีกยิ้มด้วยความดีใจอย่างถึงที่สุด รู้สึกว่าเรื่องในคราวนี้มันจะไปได้สวยมาก ๆ จนแทบไม่อยากจะเชื่อในสายตาตัวเองอยู่แล้ว บางทีนี่อาจจะเป็นสิ่งที่เธอต้องการจะบอกก็ได้ว่าที่นี่นี่แหละที่ดีที่สุดสำหรับพวกเรา การที่ปล่อยตัวได้ตามสบาย ไม่ต้องสนใจสายตาคนอื่น หรือจะหวานกันแค่ไหนก็ได้สถานที่แบบนั้นคงทำอะไรแบบนี้ไม่ได้แน่ ๆ

                   “เธอซื้อมาจากไหนเหรอ”

                   “ร้าน สเต็ก ซี แอนด์ ซันครับ ถ้าไปจากทางบ้านเราก็เลี้ยวซ้ายตรงสามแยกไฟแดงแก้งคร้อนั่นแหละ”

                   “อ๋อ ไม่เคยสังเกตเห็นเลยแฮะ”

                   “งั้นเหรอครับ”

                   จากนั้นผมก็เริ่มทานมันลงไปกับเขาบ้าง รสชาติมันก็อร่อยเหมือนอย่างที่เธอบอกมาไม่มีผิดเพี้ยน ราคามันก็ไม่ได้สูงมากขนาดที่เด็กคนหนึ่งจะไม่สามารถซื้อได้ แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามรอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่ผมได้จากเธอกลับมามันก็คุ้มแสนคุ้มเสียจนไม่รู้จะคุ้มอย่างไรอีกแล้ว

                   “อื้อ จะว่าไปผมไม่เห็นครูถืออะไรมาเลยนี่ครับ ครูกินข้าวมาแล้วเหรอ” ผมถามขึ้นหลังจากที่เคี้ยวเนื้อทอดในปากจนหมด ส่วนตัวของเธอก็เคี้ยวจนหมดพอดีก็เลยรีบตอบคำถามกลับมา

                   “ยังเลย ครูไม่ได้ซื้ออะไรมาด้วย”

                   “แล้วครูไม่หิวเหรอครับ”

                   “ปกติก็ไม่นะ”

                   “ลดหุ่นเหรอ”

                   “ฮิ ๆ ก็ไม่หิวนี่แหละ”

                   เอ๋า ซะงั้น

                   “งั้นก็พอดีเลยนะเนี่ยที่วันนี้ได้ซื้อสเต็กมา”

                   “จ้ะ ขอบใจที่ซื้อมาเลี้ยงนะ” ว่าแล้วเธอก็กินมันเข้าไปอีกคำ ทำเอาผมที่ตั้งใจไปซื้อมาให้ก็อดฉีกยิ้มไปไม่ได้เหมือนเดิมอีกแล้ว

                   วันนี้ทั้งวันเหมือนว่าจะเจอแต่เรื่องดี ๆ ทั้งนั้นเลยแฮะ เพราะว่าเป็นวันอาทิตย์แถมยังไม่มีงานให้ทำก็เลยสามารถที่จะไปที่ไหนหรือทำอะไรกับใครก็ได้ ขนาดเมื่อวานฝนตกแต่วันนี้ทั้งวันก็ยังไม่เห็นว่ามันจะเป็นแบบนั้นเลยแม้แต่น้อย พอซื้อสเต็กมาอีกก็กลับกลายเป็นว่าได้ใช้เวลาอยู่กับเธอแบบสองต่อสองเหมือนอย่างที่เขาว่าไปอย่างนั้นจริง ๆ แต่พอนึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ความรู้สึกดีใจเมื่อครู่มันก็พลันหายไปภายในเวลาไม่นาน เพราะว่ามันยังมีเรื่องสำคัญอยู่อีกตั้ง 1 เรื่องที่ผมกับเธอยังไม่ทันได้พูดคุยกันเลย

                   “เอ่อ ครูครับ” ผมรวบรวมความกล้าเอาไว้ทั้งหมดก่อนจะตัดสินใจเรียกเธอด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างจะจริงจังสุด ๆ แต่พออีกฝ่ายได้ยินอย่างนั้นก็ถึงกับหันมามองที่ผมด้วยความแปลกใจอย่างกับอะไรดี

                   “...คะ ?”

                   “คือว่าผมมีเรื่องที่อยากจะคุยด้วยสักหน่อยน่ะครับ ไม่ทราบว่าพอจะได้หรือเปล่า”

                   “อยากจะคุยด้วยเหรอ ?”

                   เธอใช้เวลาครุ่นคิดอยู่ตั้งครู่หนึ่ง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังตอบรับคำขอกลับมาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ จากนั้นก็ทำท่าทางที่จะตั้งใจฟังในสิ่งที่ผมต้องการจะพูดอย่างถึงที่สุด บางทีเธออาจจะคาดเดาในใจไปด้วยว่าผมจะชวนเธอคุยในเรื่องอะไรกันแน่

                   “...ก็ได้นะ ว่ามาสิ”

                   “ค ครับ”

                   ในตอนแรกผมก็กล้า ๆ กลัว ๆ ที่จะพูดมันออกไปให้เธอได้รู้อยู่นะ บางทีเธออาจจะไม่ชอบและปฏิเสธมันกลับมาเสียเลยด้วยซ้ำ ถ้าโชคร้ายกว่านั้นก็อาจจะทำให้บรรยากาศของการกินสเต็กในหลังจากนี้พังครืนไม่เป็นท่าไปเลยก็เป็นได้ แต่จะให้ว่าอย่างไรดีล่ะในเมื่อมันมาถึงขั้นนี้แล้วก็มีแต่จะต้องเดินหน้าต่อไปอย่างเดียวเท่านั้น

                   “ค คือว่า... ผมอยากเป็นแฟนกับคุณครูครับ”

     

                   อาหารเย็นของเด็กหนุ่ม

                   E – Villain: Lady Killer คนประลัยสายพันธุ์อี: เพชฌฆาตแค้นสวาท

     

      ..................................................................................................................................................................

     

                   แก๊กท้ายตอน

                   นักเขียน: ฉวยโอกาสแตะมือเนี่ยนะ

                   เกม: มึงไม่เคยเห็นเหมือนในละครรึไงวะ

                   นักเขียน: กูว่ามึงดูละครมากไป

                   เกม: กูไม่ได้อยากดูเว้ย แม่กูน่ะเปิดดู

     

                   ช่วงนี้มีสาระ (มั้ง)

                   หลายคนอาจเคยรู้และเข้าใจว่าการดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้วนั้นมันจะส่งผลดีต่อร่างกายมากน้อยแค่ไหน แต่ว่าที่เรารู้ไปนั่นมันก็แค่กับคนที่ใช้งานร่างกายตามปกติเท่านั้น ของแบบนี้มันก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่น ๆ ด้วย เช่น รับจ้างยกอ้อยขึ้นรถ อันนี้งานหนัก เสียเหงื่อไม่ใช่น้อย ๆ ตัวร้อนไม่ใช่เล่น ๆ ต้องดื่มน้ำให้มากกว่าปกติเพื่อทดแทนในส่วนของน้ำที่ร่างกายเสียไป หรือใครต้องการที่จะดื่ม 8 แก้วเป๊ะ ๆ ก็แล้วแต่เห็นสมควรเลยครับ

                   หาข้อมูลเพิ่มเติมเองเน่อ

     

                   แก๊กท้ายตอน 2

                   นักเขียน: จริง ๆ กูเคยพาสาวไปกินสเต็กที่ร้านมาแล้วนะเว้ย

                   เกม: เหรอ ๆ ๆ แล้วเป็นยังไงวะ

                   นักเขียน: กูโคตรอยากมุดแผ่นดินหนีเลยว่ะ เกร็งซะจนไม่รู้จะเกร็งยังไงดี กินสเต็กซะจนหมดจานเพิ่งจะมาสังเกตเห็นทีหลังว่ามันก็มีซองน้ำจิ้มที่เขาเตรียมเอาไว้ให้ที่กลางโต๊ะของพวกเรานั่นแหละ

                   เกม: ฮ่า ๆ ๆ ทำตัวไม่ถูกล่ะสิมึง พาตัวเองไปอยู่ในที่ที่ไม่เหมาะกับตัวเองแท้ ๆ

                   นักเขียน: นึกว่ามันจะโรแมนติกเหมือนกับในหนังซะอีก ไปแบบที่ฝืนธรรมชาติตัวเองนี่มันนรกชัด ๆ ทั้งหมดทั้งมวลนี่ก็เพราะว่าอยากจะอวดสาวแท้ ๆ

                   เกม: เจริญล่ะ

                   นักเขียน: ครั้งหน้าเดี๋ยวกูมาเล่าเรื่องซูชิให้ฟัง

                   เกม: มึงยังจะเอาอีกเรอะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×