ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    E - Villain คนประลัยสายพันธุ์อี

    ลำดับตอนที่ #5 : 05 ความคืบหน้าของคดี

    • อัปเดตล่าสุด 28 ก.ย. 65


                   “เกม... เกม...”

                   ในยามเช้าตรู่ที่แสนจะสดชื่นจู่ ๆ ผมก็ได้ยินเสียงของแม่ดังขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว เธอคงจะปลุกผมให้ตื่นจากการหลับใหลเหมือนกับในทุก ๆ วันอย่างนั้นเป็นแน่ จริง ๆ ผมก็ตื่นนอนไปตั้งนานแล้วล่ะแค่ไม่ได้ลุกออกไปจากเตียงมันก็เท่านั้นเอง ยังคงที่จะข่มตานอนด้วยความขี้เกียจเหมือนกับในทุก ๆ ที ถ้าไม่มีแม่คอยร้องปลุกให้ตื่นก็คงจะลุกออกจากเตียงไปเองได้อยู่แล้วล่ะนะ เพียงแต่มันจะค่อนข้างสายหน่อยจนทำให้ไปโรงเรียนไม่ทันแทบจะทุกที

                   “อ้าว นี่จะนอนไปถึงเมื่อไหร่เนี่ย” เสียงรำคาญของแม่ร้องดังอีกครั้ง ถ้าไม่รีบตอบกลับไปตอนนี้มีหวังโดนด่าหนักกว่านี้อีกร้อยเท่าพันเท่าเป็นแน่

                   “ครับบบบ” ผมลากเสียงยาวด้วยความขี้เกียจอย่างถึงที่สุด แต่หลังจากที่ทำแบบนั้นไปได้ไม่นานเสียงของแม่ก็เงียบหายลงไปตามที่คาดเอาไว้จริง ๆ

                   นี่มันวันอาทิตย์นะ วันหยุดอย่างนี้ก็ควรจะนอนตื่นสายได้บ้างสิแม่ ให้ตายเถอะน่า

                   ผมได้แต่บ่นกับตัวเองในใจแล้วยันตัวขึ้นด้วยความงัวเงีย แต่ก็ไม่ได้ลุกออกจากเตียงไปในทันทีเพราะว่ายังมีสิ่งสิ่งหนึ่งที่ผมจะต้องทำอยู่ในทุก ๆ เช้า

                   ผมมองไปยังโต๊ะวางของตัวหนึ่งที่ตั้งอยู่ทางขวาของเตียงนอนของผม บนนั้นจะมีโทรศัพท์มือถืออยู่เครื่องหนึ่งกับกล่องตุ๊กตาขนาดเล็กที่มีสีสันค่อนข้างจะแปลกตา โดยที่เจ้ากล่องตุ๊กตานั่นถูกทำมาแค่ส่วนหัวและทำจากมาจากกล่องแข็งและกระดาษหลากสีโดยฝีมือของตัวผมเอง ผมคลานเข่าเข้าไปเพียงไม่กี่ก้าวก็สามารถที่จะไปยืนอยู่ต่อหน้าของมันได้แล้ว จากนั้นก็จับมันอ้าปากแล้วมองดูรูปของผู้หญิงคนหนึ่งที่ผมแอบซ่อนมันเอาไว้ข้างใน มันเป็นรูปของใครสักคนที่ตัวผมนั้นแอบชอบมาตั้งเนิ่นนาน

                   “เกมมมม”

                   “ครับบบบ”

                   โวะ จะปลุกอะไรกันนักกันหนากันเนี่ยห้ะแม่

     

                   ตรงหน้าทางเข้าของห้องประชุมแห่งหนึ่งเริ่มมีเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบเต็มยศมากหน้าหลายตาพากันทยอยเดินเข้าไปในนั้นกันอย่างแข็งขัน หรือแม้แต่ที่นั่งข้างในที่ถูกจัดเอาไว้สำหรับการประชุมก็มีตำรวจบางนายเข้ามานั่งรออย่างใจจดใจจ่ออยู่ตรงนั้นตั้งนานแล้ว ในอีกทางหนึ่งตำรวจหญิงยศพันตรีก็มุ่งตรงไปยังห้องประชุมห้องนั้นแทบจะไม่ต่างกัน และก็เป็นตัวเธอเองนั่นล่ะที่เป็นคนเปิดการประชุมในครั้งนี้ขึ้นมา

                   สารวัตรหญิงอย่างรัตนาเดินตรงไปเรื่อย ๆ ด้วยความเร่งรีบแทบจะไม่แพ้ใคร แต่พอนึกได้ว่ามีใครอีกคนเดินตามมาด้วยเธอจึงหยุดเดินลงไปแล้วหันไปมองยังใครคนนั้นทันที

                   “ยศนายไม่ได้สูงขนาดนั้น รออยู่ข้างนอกนั่นแหละ” สารวัตรหญิงบอกกับตำรวจหนุ่มอย่างอ้นที่เดินตามหลังตนมาติด ๆ ส่วนอ้นที่เห็นแบบนั้นก็ไม่รู้ว่าควรจะต้องทำตามคำสั่งของเธอดีหรือไม่

                   “แต่ว่า...”

                   “ไม่เป็นไรสารวัตร”

                   ยังไม่ทันจะพูดอะไรจบจู่ ๆ ตำรวจหนุ่มก็ถูกใครบางคนพูดแทรกขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว แต่พออ้นและรัตนาหันไปดูก็พบว่าเป็น “ณรงศักดิ์” ตำรวจวัยสูงอายุยศพลตรีที่ได้เข้าร่วมในการประชุมภายในครั้งนี้กับเขาไปด้วย

                   “...ช่วยฝึกเด็กมันหน่อย”

                   เมื่อได้ยินอย่างนั้นสารวัตรหญิงก็ไม่อยากจะขัดใจ เธอได้แต่ตอบรับกลับไปแล้วเปลี่ยนเป็นเดินเข้าห้องประชุมอีกที

                   “ขอบคุณครับผู้การ” ตำรวจหนุ่มก้มหัวให้เล็กน้อยให้กับชายเพียงหนึ่งเดียวคนนี้ที่ส่งเขาเข้ามาทำงานภายในที่แห่งนี้ ส่วนตำรวจวัยสูงอายุคนนี้ก็ไม่ได้คิดอะไรไปมากพร้อมทั้งปรบไหล่ให้กำลังใจเบา ๆ

                   “ไปยืนเป็นวอลเพเพอร์ไป”

     

                   “จากข้อมูลเก่าที่เรามีบวกกับที่เพิ่งจะได้มาเมื่อคืนทำให้เรารู้แล้วว่าตัวจริงของฆาตกรต่อเนื่องสวมหน้ากากที่ใช้ชื่อว่า เลดี้ คิลเลอร์ เป็นใครกันแน่ และเขามีเป้าหมายคืออะไรกัน” ตำรวจหญิงเริ่มเข้าประเด็นสำคัญทันทีที่เปิดประชุม จากนั้นเธอก็คลิกเมาส์ 1 ครั้งก่อนที่เครื่องโพรเจกเทอร์จะฉายภาพนิ่งของชายธรรดาคนหนึ่งกับภาพของชายธรรมดาคนเดิมที่อยู่ในชุดสำหรับกันกระสุนและมีอาวุธปืนอยู่ในมือที่อยู่ข้าง ๆ กัน

                   เมื่อได้ยินและเห็นอย่างนั้นผู้คนในห้องประชุมต่างก็ให้ความสนใจไปยังรูปภาพทั้งสองที่ปรากฏขึ้นมาอยู่บนม่านแสดงภาพด้านหลังของรัตนา จากนั้นก็หันไปตั้งใจฟังต่อว่าสารวัตรหญิงคนนี้ต้องการจะบอกอะไรมาอีก

                   “ชายที่อยู่ในภาพฝั่งขวาคนนี้คือเลดี้ คิลเลอร์ ฆาตกรต่อเนื่องที่ลงมือสังหารเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายซึ่งเป็นผู้หญิงจำนวนหลายราย โดยที่ตัวจริงภายใต้หน้ากากของเขาก็คือ เกียรติศักดิ์ พรมณี ชายอายุสี่สิบหก นักลงทุนธรรมดาที่ไม่ได้มีอะไรโดดเด่นเป็นพิเศษ และที่สำคัญคือเขาเป็นแฟนเก่าของฉันเองค่ะ” สารวัตรหญิงพูดไปตามข้อเท็จจริงที่เธอรู้มา แต่ดูเหมือนว่าข้อมูลในช่วงสุดท้ายนั้นมันจะไปกระทบกับหูและความสนใจของคนในห้องนี้อยู่ไม่น้อยกันเลยทีเดียว

                   หลังจากที่ได้ยินอย่างนั้นเหล่าผู้เข้าร่วมประชุมทุกคนก็ถึงกับมองหน้ามองตากันไปมา พวกเขาไม่เคยรู้หรือนึกถึงมาก่อนเลยว่าอาชญากรอันตรายระดับนั้นจะเคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับรัตนา สารวัตรหญิงที่เป็นผู้เปิดประชุมในครั้งนี้ไปอย่างนั้นเสียได้ มิหนำซ้ำเธอในตอนนี้ยังเป็นหัวหอกในภารกิจจับกุมเลดี้ คิลเลอร์เอาไว้อีก เห็นอย่างนี้แล้วทุกคนก็เริ่มจะไม่ไว้ใจในการทำงานของเธอขึ้นมาภายในทันที

                   “บอกเอาไว้ก่อนนะคะว่าเกลือไม่ได้เป็นหนอน”

                   “อะไรนะ จะให้เราไว้ใจกับการทำงานของคุณอย่างนั้นน่ะเหรอ” ผู้เข้าร่วมประชุมคนหนึ่งคัดค้านขึ้นมาทันที ทำเอาทุกคนต้องหันไปมองยังเขาพร้อมทั้งเห็นด้วยกับคำพูดเหล่านั้น

                   “แปลว่าพูดไปก็ไร้ความหมายสินะคะ” สารวัตรหญิงพูดอย่างหมดอารมณ์ไปอย่างง่ายดาย เธอรู้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าทุกคนจะต้องคัดค้านจึงได้แต่พับเก็บโน๊ตบุ๊กของตนลงไป

                   “อะไรนะ ?”

                   “ในแฟ้มตรงหน้ามีข้อมูลทุกอย่างให้แล้ว เชื่อ ไม่เชื่อแล้วแต่จะพิจารณาค่ะ ขอปิดการประชุมแต่เพียงเท่านี้”

                   เหมือนโดนตบหน้ากันทั้งห้องประชุม ทุกคนที่ได้เห็นในสิ่งที่เธอตอบโต้กลับมาก็ถึงกับอึ้งจนพูดอะไรไม่ออกกันเลยทีเดียว ได้แต่มองหน้ากันไปมาทั้งอย่างนั้นเพราะไม่คิดว่าเธอจะกล้าหักหน้ากันได้ถึงขนาดนี้ จะมีก็เพียงแต่อ้นเท่านั้นที่แอบอมยิ้มด้วยความชอบใจอยู่หลังห้องประชุมอย่างนั้นคนเดียว

                   “เกินไปแล้วนะสารวัตร”

                   แต่แล้วจู่ ๆ ก็มีผู้เข้าร่วมประชุมอีกคนกล่าวตักเตือนถึงพฤติกรรมของสาวรัตรหญิงผู้เปิดประชุมขึ้นมา พอทุกคนและรัตนาหันไปดูก็พบว่าเป็นณรงศักดิ์ ผู้บังคับการที่เป็นหัวหน้าของรัตนาอีกที

                   “อย่าหาว่าผมยังงั้นยังงี้เลย คุณทำงานดีมาตลอดเลยนะ แต่จะมาเสียชื่อเพราะเอาอารมณ์เป็นใหญ่ผมว่ามันก็ไม่ควรนะ”

                   เมื่อได้ยินอย่างนั้นสารวัตรหญิงจึงเก็บไปคิดตามคำที่เขาพูด ก่อนจะตัดสินใจวางโน๊ตบุ๊กที่อยู่ในมือลงไปพร้อมทั้งก้มหัวให้กับเหล่าผู้เข้าร่วมประชุมภายในเวลาต่อมา

                   “ขอโทษด้วยค่ะ คราวหน้าจะระวังให้มากกว่านี้”

                   “...งั้นเอางี้” ผู้บังคับการว่า ทำเอารัตนาและตำรวจทุกคนต้องหันไปตั้งใจฟัง “ถือว่าเราไว้ใจคุณครึ่งหนึ่งไปก่อนก็แล้วกัน สรุปแผนการรับมือคร่าว ๆ มา แล้วปิดประชุมไปได้เลย”

                   เมื่อได้ยินอย่างนั้นตำรวจหญิงจึงเปลี่ยนเป็นมองผู้เข้าร่วมประชุมว่าเห็นด้วยหรือไม่ แต่พอเห็นว่าไม่มีใครที่จะมีท่าทีคัดค้านเธอจึงทำใจให้สงบอีกสักพักก่อนจะเริ่มทำการประชุมอีกที

                   “จะขอเข้าสู่การประชุมในครั้งนี้อีกครั้งนะคะ”

                   “...งั้นขอต่อจากเมื่อกี้เลยนะคะ จากข้อมูลที่เรามีคนร้ายจะทำการสังหารเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายหนึ่งคนแล้วทิ้งการ์ดซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของตนเองเอาไว้บนร่างของศพ โดยที่เหยื่อแต่ละคนนั้นจะเป็นผู้หญิงเหมือนกันหมดซึ่งมันก็สอดคล้องกับชื่อของตัวคนร้ายที่เขียนเอาไว้บนการ์ดของเขา และจากการที่เราได้เข้าปะทะกับเขาเมื่อคืนนั้นมันจึงทำให้ฉันได้ร่วงรู้ว่าตัวจริงของเขาเป็นใครจนทำให้ฉันต้องกลับมาดูข้อมูลของเหยื่อในแต่ละคนอีกที

                   “เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายจากคดีที่หนึ่ง สี่ และห้าเราทราบมาว่าพวกเธอเหล่านั้นล้วนแล้วแต่เคยมีความสัมพันธ์กับตัวคนร้ายด้วยกันทั้งสิ้น โดยที่ทั้งหมดนั้นมีจุดที่เชื่อมโยงถึงกันนั่นก็คือการที่พวกเธอต่างก็เคยเป็นแฟนของเขามาแล้วทั้งนั้น หากเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายในคดีที่สองและสามเป็นแฟนเก่าของเขาด้วยข้อสันนิษฐานที่ว่าเหยื่อทุกคนจะต้องเป็นแฟนหรือแฟนเก่าของเขาก็จะเป็นอันถูกต้อง ซึ่งข้อมูลตรงนี้เราจะทำการตามสืบเพื่อยืนยันเพิ่มเติมอีกที ส่วนเหตุผลในการก่อเหตุฆาตกรรมก็อาจจะเป็นไปได้ว่าต้องการล้างแค้นผู้หญิงที่ทำให้เขารู้สึกไม่พอใจขึ้นมา”

                   เมื่อสารวัตรหญิงพูดมาถึงตรงนี้เธอก็หยุดไปเพียงครู่หนึ่งเพื่อดูว่าจะมีใครว่าอะไรมาอีกไหม แต่พอเห็นว่าไม่มีใครที่จะทักท้วงอะไรขึ้นมาเธอจึงทำการพูดต่อจากที่หยุดไปในเมื่อตะกี้ภายในทันที

                   “หากเป็นอย่างที่ฉันว่าวิธีรับมือกับการก่อเหตุคือการตามหาแฟนเก่าของเขาว่ายังมีอยู่อีกไหม เป็นใครบ้าง มีกันกี่คน หาตัวให้เจอแล้วคอยคุ้มกัน ตอนนี้เจอแล้วหนึ่ง ส่งคนไปจับตาดูอยู่ห่าง ๆ แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นตอนนี้ก็ยังวางใจอะไรไม่ได้เพราะเราไม่รู้ว่าเขาจะลงมือกับใคร ที่ไหน เมื่อไหร่ และยังไง เราคงต้องมีกองกำลังอีกหนึ่งกองไว้คอยรับมือในกรณีที่มีการประกาศว่าจะทำการก่อเหตุเอาไว้ด้วยเพราะยังไงฉันก็ยังเป็นหนึ่งในเป้าหมายของเขาอยู่ดี เขาคงไม่ยอมปล่อยไปง่าย ๆ แน่และเราจะใช้ประโยชน์จากตรงนี้ในการโต้กลับ

                   “นอกจากนั้นเขายังไม่ได้ลงมือก่อเหตุเพียงแค่คนเดียว เขายังมีผู้ช่วยคอยสนับสนุนอยู่ด้วยอีกหนึ่งคน เท่าที่รู้คือเป็นผู้หญิงและอันตรายแทบจะไม่แพ้กัน

                   “ส่วนที่อยู่เดิมของเขาถูกขายไปแล้วเมื่อครึ่งปีก่อนโดยช่วงเวลาจะใกล้เคียงกับคดีที่สามที่เขาประกาศทำการก่อเหตุ ที่อยู่ใหม่ยังสืบไม่เจออะไร ลูกน้องฉันที่ไปดูด้วยกันและตำรวจในพื้นที่ช่วยยืนยันได้

                   “เรื่องสุดท้ายเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ที่เรามีอยู่ภายในตอนนี้ จากการเข้าปะทะกันกับกลุ่มของคนร้ายเมื่อคืนทำให้เราพลาดท่าอย่างหนัก มีตำรวจหลายนายได้จบชีวิตลงไปและหลายนายบาดเจ็บสาหัส ทางเราที่มีกำลังไม่มากพอจึงจำเป็นต้องขอยืมกำลังจากสถานีอื่นก่อนเพื่อมาทดแทนในกองกำลังที่เราเสียไปและสำหรับการรับมือกับกลุ่มคนร้ายในคดีนี้โดยเฉพาะ” สารวัตรหญิงพูดยาวเหยียดภายในรวดเดียวจบ เท่านี้เธอก็ได้ทำหน้าที่ที่สมควรทำไปจนหมดแล้ว

                   “มีใครเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยตรงไหน หรือมีความคิดเห็นอย่างอื่นอีกบ้างมั้ยคะ” ว่าแล้วเธอก็ถามคำถามเป็นการทิ้งท้ายเพื่อให้ผู้เข้าร่วมประชุมคนอื่นได้ออกความเห็น แต่พอเห็นว่าทุกคนยังไม่มีอะไรจะพูดอยู่อีกเหมือนเดิมเธอจึงใช้โอกาสนั้นในการปิดการประชุมภายในครั้งนี้ไป

                   “หากไม่มีอะไรแล้วฉันขอปิดการประชุมแต่เพียงเท่านี้นะคะ อ้นมาถือกระเป๋า” สารวัตรหญิงว่าพร้อมทั้งเก็บโน๊ตบุ๊กของตนให้เสร็จ ส่วนอ้นที่ได้ยินอย่างนั้นก็ถึงกับรีบรับคำอย่างไวแล้ววิ่งไปยังรัตนาทันที

     

                   “สารวัตรครับ !” จู่ ๆ ตำรวจหน้ามนก็เปิดประตูพรวดพราดเข้ามายังห้องทำงานของรัตนาอีกครั้งหลังจากที่การประชุมในครั้งนั้นจบลงไปได้ไม่นาน ท่าทางของเขาดูรีบเร่งมากเนื่องจากมีเรื่องจะบอกกับเจ้าของห้องให้ได้ แต่แล้วก็ต้องมาชะงักอยู่ตรงหน้าประตูเมื่อภาพที่เขาเห็นกลับเป็นรัตนาที่กำลังถอดเสื้อตำรวจของตัวเองออกไปเหมือนคราที่แล้วอีกจนได้ ทำเอาเขาถึงกับอึ้งออกมาอีกรอบที่ไม่คิดว่าจะเจออะไรแบบนี้กับตาตัวเองอีกเป็นครั้งที่สอง

                   หญิงสาวเจ้าของห้องหันไปมองยังหนุ่มหน้ามนที่เพิ่งจะเปิดประตูเข้ามาเมื่อครู่อย่างทันทีทันควัน และถึงแม้ว่าท่อนบนของเธอจะเหลืออยู่เพียงเสื้อซับในตัวเล็กจนเปิดเผยสัดส่วนออกไปจนหมดแต่ทว่าเจ้าหล่อนก็ไม่ได้แสดงท่าทีทำนองเขินอายต่อเขาออกไปแต่อย่างใด

                   “มันอึดอัดน่ะ ยิ่งไปเจอพวกน่ารำคาญมามันก็ยิ่งจะไปกันใหญ่” เธอบอกถึงเหตุผลของการถอดเสื้อให้กับเขาไป จากนั้นก็นำมันไปไว้ที่พนักพิงเก้าอี้ของตนเหมือนกับทุกครา

                   “มีธุระเหรอ ?” เธอหันไปถามตำรวจหนุ่ม ขณะเดียวกันก็เป็นการเรียกสติของเขาที่เอาแต่ยืนอ้าปากค้างแบบนั้นไปในคราเดียวกัน

                   “ค ครับ”

                   “ล็อกประตูด้วย” เธอบอกพร้อมทั้งเดินไปยังโซฟาที่เตรียมเอาไว้นั่งพัก จากนั้นตำรวจหนุ่มก็รีบล็อกประตูตามที่เธอบอกก่อนจะเดินไปยังโซฟาตัวนั้นไม่ต่างจากเธอ

                   “นั่งลงก่อนสิ”

                   “ค ครับ”

                   ตำรวจหนุ่มรับคำเชิญของผู้เป็นเจ้าของห้องไปอย่างไม่เกรงใจ เขาเลือกที่จะนั่งตรงโซฟาตัวเล็กฝั่งขวาที่ถูกเตรียมเอาไว้สำหรับแขกอยู่แล้ว ทว่าก้นยังไม่ทันจะได้แตะถึงตัวโซฟาเลยแม้แต่น้อยตำรวจหนุ่มคนนี้ก็ถูกอะไรบางอย่างกระชากจนล้มลงไปยังโซฟาตัวใหญ่อย่างไม่ทันตั้งตัว พอตั้งสติขึ้นมาดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นเขาก็พบว่าตัวเองถูกตำรวจหญิงที่แทบจะเปลือยท่อนบนขึ้นคร่อมตัวเองเอาไว้จนขยับไปไหนไม่ได้อีกแล้ว

                   “ส สารวัตรครับ !

                   “เคาะประตู”

                   “ข ขอโทษครับ”

                   “รีบหรือไง”

                   “มีเรื่องต้องรีบบอกครับ”

                   “ช้ากว่านี้อาจถอดออกหมดไปเลยก็ได้นะ”

                   “ผมไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นนะครับ”

                   “เมื่อคืนที่ฉันหลับตอนขับรถไปตรวจที่บ้านของเขาจะบอกว่านายไม่ได้มองดูนมของฉันตลอดทั้งทางเลยหรือยังไง”

                   เมื่อมาถึงตรงนี้ท่าทีของตำรวจหนุ่มก็ดูเปลี่ยนไปอย่างอย่างเห็นได้ชัด สายตาของเขาดูล่อกแล่กไปมาราวกับคนร้ายที่ถูกไล่ต้อนจนแทบจะจนมุมอยู่แล้ว เขาเพียงต้องการที่จะทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีมันก็เพียงเท่านั้น แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรทำไมตัวเขาถึงได้ต้องมาเจออะไรแบบนี้จากผู้หญิงคนนี้ที่เพิ่งจะรู้จักกันได้ไม่นานอีกด้วย

                   “ผ ผม...”

                   พอเห็นแบบนั้นก็ทำเอาตำรวจหญิงถึงกับอดอมยิ้มแทบจะไม่ได้เข้าไปกันใหญ่ เหมือนกับว่าหล่อนจะเจอของเล่นชิ้นใหม่ที่ไม่ทำให้รู้สึกเบื่ออย่างตำรวจหน้ามน คนที่แพ้ทางเธออย่างเขาเข้าให้แล้ว

                   “ว่าไง กล้าปฏิเสธหรือเปล่าล่ะพ่อหนุ่มหน้าล่ะอ่อน” ตำรวจหญิงเข้าไปกระซิบที่ข้างใบหูของเขาอีกครั้งหนึ่ง ก่อนที่เธอจะตบท้ายกับของเล่นชิ้นนี้ด้วยการขบกัดที่ใบหูเบา ๆ จนทำเอาเขาถึงกับสะดุ้งขั้นมา

                   “ฮื่อ ! ร แรมแพนต์สครับ” แต่แล้วจู่ ๆ ตำรวจหนุ่มคนนี้ก็อ้าปากพูดออกมาในที่สุด แต่แทนที่จะเป็นอะไรที่ฟังดูน่าสนุกสำหรับตำรวจหญิงอย่าง “ยอมแล้วครับสารวัตร” ก็กลับกลายเป็นอะไรที่มันชวนให้รู้สึกหมดอารมณ์ไปแทนเสียนี่ ส่วนตำรวจหญิงที่ได้ยินอย่างนั้นก็ถึงกับหมดอารมณ์ไปอย่างที่ว่ามาอย่างช่วยไม่ได้ มิหนำซ้ำยังไม่เข้าใจอีกว่าเขาจะเอ่ยชื่อองค์กรองค์กรนั้นขึ้นมาทำใมในตอนนี้อีกด้วย

                   “อะไรนะ ! ?” ตำรวจหญิงอุทานขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ เธอผลักตัวเองออกไปเพื่อที่จะฟังเขาพูดในสิ่งที่ได้รู้มา

                   “ผมบังเอิญได้ยินมา” ตำรวจหนุ่มว่าพร้อมทั้งลุกขึ้นนั่งให้มันดี ๆ ในที่สุดเขาก็มีโอกาสได้พูดในสิ่งที่เขาต้องการจะบอกกับเจ้าหล่อนมาตั้งแต่เมื่อครู่นี้แล้ว

                   “ชิ ไอ้แก่พวกนั้นยุ่งไม่เข้าเรื่องจนได้” ตำรวจหญิงพูดอย่างไม่สบอารมณ์กับสิ่งที่ได้ยิน เธอรู้สึกไม่พอใจเอาเป็นอย่างมากที่พวกระดับสูงเข้ามายุ่งกับงานของตนจนเกินงามไปจนได้ ส่วนตำรวจหนุ่มที่เห็นอย่างนั้นก็รู้สึกสงสัยในปฏิกิริยาของเธออย่างเลี่ยงไม่ได้

                   “รู้จักด้วยเหรอครับ”

                   “เป็นพวกที่โวยวายหนวกหูพอสมควรเลยล่ะ” เธอว่าไปทำหน้าหงุดหงิดไป

                   “ยังไงเหรอครับ ?”

                   “พวกนี้เน้นระเบิด ไม่เน้นปืน เน้นทำลายให้สิ้นซากมากกว่าจะจับตายแค่อย่างเดียวล่ะนะ”

                   ตำรวจหนุ่มที่ได้ยินอย่างนั้นก็ถึงกับหน้าถอดสีขึ้นมาอย่างทันทีทันควัน “นี่มันจะไม่บ้าเกินไปหน่อยเหรอครับ”

                   “คิดอะไรของพวกเขาอยู่กันเนี่ย”

                   “แต่พวกเขาอาจจะแค่คุยกันเผื่อ ๆ ก็ได้นะครับ”

                   “โอ้ย ช่างมันไปก่อนได้มั้ย” ตำรวจหญิงหมดความอดทนลงในที่สุด เธอกดเขาลงกับโซฟาอีกครั้งแล้วประเคนจูบของตนให้กับตำรวจหนุ่มโดยที่ไม่ปล่อยให้ได้เขาตั้งตัวหรือว่าขัดขืนตัวเธอได้เลย

     

                   เมื่อหลายเดือนก่อน ช่วงที่เด็กหัวกระโปกอย่างพวกผมกำลังอยู่ในวัยอยากรู้อยากลองในเรื่องต่าง ๆ นานา ณ ช่วงเวลานั้นเองที่ครูคณิตศาสตร์แสนสวยได้ปรากฏตัวออกมาต่อหน้าเหล่านักเรียนชายที่เกลียดวิชานี้เข้าไส้ ด้วยเหตุบางอย่างจึงทำให้เธอถูกย้ายเข้ามาทำหน้าที่แทนครูคณิตศาสตร์คนก่อนจนแทบจะกะทันหัน มันจึงสร้างความรู้สึกตื่นเต้นและน่าหลงใหลให้กับเหล่านักเรียนและคุณครูด้วยกันเองไปไม่ใช่น้อย แต่เมื่อประโยคทิ้งท้ายหลังการทักทายของคุณครูคนใหม่อย่างเธอมาถึงบรรดาหมาวัดที่หมายจะเด็ดดอกฟ้าก็ถึงกลับต้องอ้าปากค้างไปตาม ๆ กัน หรือบางทีคนที่อ้าปากค้างให้กับคำพูดของเธอไปนั้นอาจจะมีแค่ผมที่นั่งอยู่ตรงนี้แต่เพียงผู้เดียว

                   นั่นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้ว แต่ผมก็ยังคงนึกถึงเรื่องที่ว่านั่นอยู่ไม่หาย เพราะคำพูดสุดท้ายของเธอที่ได้ยินในวันนั้นมันยังคงวนเวียนอยู่ในหัวซ้ำ ๆ จนแทบจะไม่เคยลืมเลือน ...หรือแม้กระทั่งภายในตอนนี้เอง

                   ในตอนนี้ผมรับเอาถุงกระดาษที่บรรจุกล่องสเต็กจากพนักงานมา ก่อนจะจ่ายเงินด้วยจำนวนที่ไม่ขาดไม่เกินแล้วขับรถกลับบ้านด้วยใบหน้ายิ้มแฉ่งอย่างกับอะไรดี มันออกอาการตื่นเต้นแบบสุด ๆ ที่จะได้พูดคุยกับ “เธอ” คนที่ผมแอบชอบภายในวันนี้ และที่มาซื้อสเต็กห่อกล่องกลับไปก็เพื่อที่จะได้นั่งทานกับเธอแบบสองต่อสองนั่นเอง

                   กว่าเธอจะเดินทางมาถึงก็คงจะใช้เวลาไปอีกตั้งนานโขเลยล่ะ ผมจึงเลือกที่จะกลับไปที่บ้านเพื่ออาบน้ำแต่งตัวหรือจัดการกับตัวเองให้เสร็จสรรพเรียบร้อย สเต็กก็ได้มาแล้วแถมเรื่องที่จะเอาไว้คุยก็เตรียมไว้แล้วจนแทบจะทั้งหมด ที่เหลือก็มีเพียงแค่จะเผลอทำอะไรแปลก ๆ ออกไปบ้างไหมในตอนที่เขินเสียจนไม่รู้จะทำอย่างไรดี

                   เมื่อเสียเวลาไปนานกับการเตรียมตัวผมจึงรีบเดินทางไปยังบ้านพักครูเพื่อให้ทันเวลาก่อนที่เธอจะมาถึง แต่พอไปถึงที่นั่นจริง ๆ แล้วก็กลับพบว่าเธอยังมาไม่ถึงที่นี่จริง ๆ เอาอย่างนั้นเสียนี่ เพราะว่าบ้านอยู่ไกลมาก ๆ แถมยังมีครอบครัวที่จะต้องดูแลอยู่อีก “เธอคนนั้น” หรือ “ครูณัฐฐา” จึงจำเป็นที่จะต้องเดินทางกลับไปบ้านภายในเย็นวันศุกร์และมาถึงที่นี่ภายในเย็นวันอาทิตย์ และเมื่อรู้ถึงข้อมูลในตรงนั้นแล้วมันจึงทำให้ผมต้องมารอที่นี่ภายในวันวันนี้อย่างที่บอกไปนั่นเอง

                   แต่เหมือนจะกะเวลาเอาไว้ได้ดีเกินคาดจนน่าตกใจ เพราะทันทีที่เล่นโทรศัพท์และนั่งรอไปได้ไม่นานรถสีขาวคุ้นตาก็ปรากฏสู่สายตาของผมจนได้ ความตื่นเต้นและดีใจสุดขีดยันตัวผมให้ลุกขึ้นยืนอย่างอยู่เฉยเป็นเสียไม่ได้ เพราะไม่ว่าอย่างไรผมก็รอให้วันวันนี้มาถึงอย่างใจจดใจจ่อมาก็ตั้งนานแล้ว

                   ผมเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการต้อนรับผู้ที่เป็นเจ้าของบ้านพักครูหลังนี้ที่เพิ่งจะเดินทางมาถึง นับเวลารอแล้วรอเล่าจนกระทั่งรถคันนั้นแล่นมาจอดถึงหน้าบ้านได้ในที่สุด ไม่นานหนึ่งเงาทึบสีดำหลังแผ่นกระจกก็เปิดประตูออกมาพร้อมกับพวงกุญแจที่ถือเอาไว้อยู่ในมือของเธอ เผยให้เห็นหญิงสาวในเสื้อยืดลายมีพูห์กับกางเกงขาสั้นและรองเท้าแตะในแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ครูคณิตศาสตร์สุดสวยที่ผมตั้งตารอมานานในที่สุดก็ปรากฏตัวออกมา

     

                   ความคืบหน้าของคดี

                   E – Villain: Lady Killer คนประลัยสายพันธุ์อี: เพชฌฆาตแค้นสวาท

     

      ..................................................................................................................................................................

     

                   แก๊กท้ายตอน

                   อ้น: เอ้า ทั้งคืนที่ว่านี่หมายถึงขับรถหรอกเหรอครับ

                   รัตน์: แล้วคิดว่าฉันจะให้ทำอะไรกันล่ะ

                   อ้น: เอ่อ

     

                   ช่วงนี้มีสาระ (มั้ง)

                   เราอาจเคยคุ้นหูคุ้นตากับตำรวจในชุดสีน้ำตาลปนเหลืองหรือสีกากีมาตลอดซึ่งมันเป็นสีพื้นดิน หมายถึงการให้ตำรวจทำตัวติดดินและคอยรับใช้ประชาชนอย่างใกล้ชิด แต่ในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงในสีของชุดตำรวจให้กลายเป็นสีดำและถูกเรียกในชื่อ “สนว.01” ซึ่งมันแปลว่าอะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน ฮ่า ๆ ๆ ใครรู้บอกหน่อยเผื่อได้ลงข้อมูลในตอนต่อไป

                   หาข้อมูลเพิ่มเติมเองเน่อ

     

                   แก๊กท้ายตอน 2

                   รัตน์: ว่าแต่ไอ้การเปิดตัวนี่มันอะไรกันยะ เห็นแล้วน่าหงุดหงิดชะมัด

                   นักเขียน: ทำไมอะ มันดูวิ้งกว่าของตัวเองหรือยังไง

                   ณัฐ: นางเอกค่ะ นางเอก ขอฝากเนื้อฝากตัวและหัวใจด้วยนะคะ

                   รัตน์: หา...

                   ณัฐ: ฝากติดตามผลงานในตอนต่อไปด้วยนะคะ แล้วเจอกันค่ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×