คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : 03 เหยื่อล่อของเลดี้ คิลเลอร์
หลังจากที่ถูกตำรวจหนุ่มต้อนจนจนมุมผู้ก่อการร้ายสาวจึงค่อย
ๆ ย่อตัวและลดระดับปืนลงไปอย่างช้า ๆ อย่างผู้ยอมแพ้ แต่สุดท้ายเธอก็ตัดสินใจทำอะไรบางอย่างด้วยการยกปืนขึ้นมาอีกครั้งแล้วเสียงร้องปังจึงดังก้องไปทั่วโรงงาน...
เสียงปืนเมื่อครู่มันส่งเสียงดังไปไกลจนลอยเข้าหูของเจ้าหน้าที่ชุดดำที่อยู่ในโรงงานทั้งหมดทุกคน
มันทำให้พวกเขารู้ตำแหน่งและรีบตรงไปยังต้นเสียงทันที
ที่พื้นราบเรียบมีอาวุธอันตรายกระบอกหนึ่งหล่นอยู่บนพื้นอย่างไร้คนถือ
และใกล้ ๆ นั้นก็มีเจ้าของของมันอยู่ในท่าทรุดตัวพร้อมทั้งเอามือกุมแขนที่มีบาดแผลเอาไว้
ผู้ก่อการร้ายสาวได้พลาดท่าเข้าจนได้จนในตอนนี้รู้สึกเจ็บใจเอาเป็นอย่างมาก
เธอใช้แววตาเดือดดาลจ้องผ่านแว่นกันลมไปยังนายตำรวจผู้ยิงแขนเธอ
“อาศัยทีเผลอตอนยอมแพ้
แบบเนี้ยเห็นในหนังมาเยอะ” ตำรวจหนุ่มพูดขึ้นอย่างผู้ชนะ
ชี้ปืนไปยังกลางลำตัวของคนร้ายเพื่อกันไม่ให้อีกฝ่ายเล่นตุกติกอีกครั้ง
“ชิ”
“เอาล่ะ
ทีนี้อยู่เฉย ๆ ห้ามขยับอะไรทั้งนั้น เดี๋ยวปืนลั่นไม่รู้ตัว งานนี้จับตายได้ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”
“หน็อยแน่
อย่าได้ใจให้มันมากนักนะ”
“ฮ่า
ๆ ๆ พูดได้พูดไป
แค่ยืนรอให้เจ้าหน้าที่คนอื่นเข้ามารวบตัวแค่นี้งานฉันก็เสร็จเรียบร้อย”
เขาว่าอย่างอารมณ์ดี ขณะเดียวกันตำรวจที่เหลือก็ตามมาจนถึงห้องห้องนี้ได้ในที่สุด
“งั้นเหรอ”
ผู้ก่อการร้ายสาวว่า ก่อนที่เธอจะแอบกดสวิตช์ในรีโมตเล็ก ๆ
ที่ข้างปลอกขาที่เตรียมเอาไว้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วภายในทันที “งั้นก็แย่หน่อยนะ”
ทันทีที่เธอพูดจบระเบิดหลายลูกที่แอบวางเอาไว้ตามสถานที่ต่าง
ๆ ก็เริ่มทำงานแทบจะในทันที เหล่าผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่วิ่งเข้ามาภายในห้องนี้แทนที่จะได้จับกุมตัวคนร้ายก็กลับกลายเป็นว่าต้องมาโดนแรงระเบิดอัดกระแทกอย่างจังเอาเสียอย่างนั้น
พวกเขาหลายคนถูกเป่ากระเด็นกันไปคนละทิศละทางอย่างไม่ทันตั้งตัว
แม้กระทั่งตำรวจหนุ่มอย่างอ้นที่อยู่ตรงใจกลางห้องก็ยังต้องปลิวไปตาม ๆ กัน
“ตู้ม
! ตู้ม ! ตู้ม !”
เมื่อได้โอกาสผู้ก่อการร้ายสาวจึงใช้จังหวะนั้นรีบลุกขึ้นมาแล้ววิ่งไปยังทางหน้าต่างทันที
เธอแทบจะไม่มีเวลาไปเก็บเอาปืนหรือว่าจัดการกับคนที่ยิงแขนจนเลยแม้แต่อย่างใด
ขณะเดียวกันตำรวจหนุ่มคนเดิมก็ดันดวงดีที่ไม่ได้เสียชีวิตเหมือนกับเพื่อนร่วมงานอย่างคนอื่นเขา
เพราะตัวของเขาเองดันอยู่ห่างจากจุดที่เกิดการระเบิดไปไกลอยู่พอสมควรจนทำให้ได้รับบาดเจ็บไปไม่มากเท่าไหร่
แต่ถึงอย่างนั้นแรงกระแทกที่เขาได้รับบวกกับที่ล้มลงหัวฟาดพื้นจนแตกก็ทำให้เขามึนหัวอยู่ไม่ใช่เล่น
ตำรวจหนุ่มพยายามประคองสติตัวเองเอาไว้พร้อมทั้งยันกายให้ลุกขึ้นมา
และแม้ว่าเมื่อครู่จะเห็นผู้ก่อการร้ายสาวหลบหนีไปได้ต่อหน้าต่อตาแต่เขาก็ไม่อาจจะคว้าปืนขึ้นมาเพื่อไล่ยิงได้เลย
ในตอนนี้จึงทำได้แต่พยายามลุกขึ้นแล้วหนีไปให้ไกลจากที่นี่ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ก่อนที่เครื่องจักรเครื่องต่าง
ๆ จะถูกเผาไหม้และระเบิดตามมาในท้ายที่สุด
ผู้ก่อการร้ายสาววิ่งมาจนถึงที่ที่หนึ่งที่ตัวเองใช้จอดบิ๊กไบก์ของตนเอาไว้
เธอรีบติดเครื่องแล้วขับมันออกไปจากที่ตรงนั้นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทำเอาตำรวจหนุ่มผู้สุดจะถึก
ทนที่ยังอุตส่าห์รีบไล่ตามมาต้องยอมหยุดลงไปอย่างไม่มีทางเลือก
“แฮก แฮก แฮก โอ้ย เหนื่อย”
เมื่อไล่ตามไม่ทันตำรวจหนุ่มจึงขอยอมแพ้แล้วยืนค้ำเข่าด้วยความเหน็ดเหนื่อย
มือข้างหนึ่งก็ยังคงกุมศีรษะของตนเอาไว้เพื่อกันไม่ให้เลือดไหลออกมาจนมากกว่าที่ควรจะเป็น
“แฮก
แฮก แฮก ยัยนี่เป็นแค่เหยื่อล่อหรอกเหรอเนี่ย” ตำรวจหนุ่มรู้สึกเจ็บใจเป็นอย่างมากที่ไม่สามารถจับกุมตัวคนร้ายได้ภายในครั้งนี้ได้
มิหนำซ้ำยังเข้าใจผิดอีกว่าเธอคนเมื่อกี้คือ “เลดี้ คิลเลอร์” ตามคนอื่นไปอีกเสียด้วย
มันเป็นการเสียหน้าครั้งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เขาจะเคยได้รับมาแล้วภายในชีวิตนี้
และเพียงไม่นานตำรวจหนุ่มก็หันไปยังทางกลางเมืองที่อยู่ด้านหลังของตัวเองบ้าง
ก่อนที่เขาจะให้ความสนใจไปยังจุดแรกสุดที่ผู้ก่อการร้ายได้ใช้ปรากฏตัวและทำการก่อเหตุจนมีผู้คนล้มตาย
“แวะซื้อผ้าพันแผลจะทันมั้ยเนี่ย”
ขณะเดียวกัน
ณ จุดเกิดเหตุแรกสุดที่ตัวคนร้ายได้ปรากฏออกมาเหล่าผู้พิทักษ์สันติราษฎร์หลายนายที่ทนพิษบาดแผลไม่ไหวได้เสียชีวิตลงไปหมดแล้ว
แต่ก็ยังพอมีบ้างบางนายที่ยังอดทนต่อความเจ็บไว้ได้และได้ยินเสียงไซเรนของรถพยาบาลดังมาแต่ไกล
และในอีกหนึ่งจุดที่อยู่ไม่ไกลกันนักก็มีโกดังแห่งหนึ่งที่ค่อนข้างใหญ่อยู่พอประมาณ
ภายในเต็มไปด้วยไม้แปรรูปมากมายหลายหน้าหลายศอกที่ถูกวางเรียงจนเป็นกองอย่างดี
และในนั้นยังมีเจ้าหน้าที่ชุดดำอีกหลายนายที่นอนแน่นิ่งและไร้ลมหายใจแทบจะไม่ต่างกัน
ในอีกมุมหนึ่งของกองไม้ขนาดใหญ่มีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังนั่งร้องไห้อยู่
เธอยกมืออันแสนจะสั่นเทาขึ้นไหว้ใครอีกคนที่กำลังเอาปืนเก็บเสียงจ่อหัวของตนอยู่ภายในขณะนี้
“ฮือ
ๆ ขอร้องล่ะอย่าทำอะไรฉันเลยนะ” เหยื่อสาวพูดทั้งร้องไห้
ไม่รู้ว่าทำไมบุคคลคนนี้ถึงจ้องจะเอาชีวิตของตนไปด้วย
“ฉันไปทำอะไรกับคุณเอาไว้งั้นเหรอ
ทำไมคุณจ้องจะฆ่าฉันด้วย” เธอยังคงถามหาเหตุผลกับชายปริศนาที่ยังจ่อหัวของตนไว้อยู่
แต่มันก็ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถทำให้เขาปริปากอะไรออกมาได้เลย
จะเดาเอาเองก็ทำไม่ได้เพราะชายถือปืนคนนี้เล่นใส่หน้ากากปิดบังใบหน้าเอาไว้ด้วยเลยทำให้ไม่รู้ว่าเขาเป็นใครและกำลังต้องการอะไรกัน
“อย่าฆ่าฉันเลยนะฉันขอร้องล่ะ
ฉันยังมีลูกที่ต้องเลี้ยงดูอยู่อีกทั้งคนนะ” และถึงแม้ว่าจะพยายามไปอีกสักกี่ครั้งตัวชายในชุดเกราะกันกระสุนคนนี้ก็ยังคงนิ่งเงียบไปไม่ต่างจากเดิม
เมื่อเห็นอย่างนั้นหญิงสาวผู้มีเคราะห์ร้ายก็ถึงกับจนปัญญาที่จะไต่ถามอีก
จนในที่สุดเธอก็ตัดสินใจที่จะเลิกร้องไห้แล้วมองเข้าไปยังนัยน์ตาภายใต้หน้ากากของเขาคนนั้นแทน
“อย่างน้อย
ๆ ก็ช่วยบอกหน่อยได้มั้ยว่าคุณเป็นใคร และต้องการอะไรจากฉัน”
“ผมไม่ได้เป็นใครสำหรับคุณ”
และในที่สุดชายชุดเกราะก็ยอมตอบเหยื่อสาวกลับไปสักที
ทำเอาอีกฝ่ายที่เห็นอย่างนั้นก็ถึงกับรู้สึกโล่งใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าเธอจะรู้สึกดีไปกับคำพูดคำนั้นของเขา
และยิ่งไปกว่านั้นคือเสียงที่เธอได้ยินมันกลับดูคุ้นหูและช่างคุ้นเคยเสียยิ่งกว่าอะไรดี
“...และสิ่งที่ผมต้องการคุณไม่สามารถให้มันกับผมได้”
และแล้วเหยื่อสาวก็ได้ยินเขาว่ามาอีก
แต่เนื้อเสียงของเขาบวกกับโครงหน้าที่ยังเหลือให้เห็นอยู่บ้างมันก็ทำให้เธอรู้และมั่นใจได้แล้วว่าชายปริศนาภายใต้หน้ากากคนนี้เป็นใครกันแน่
มิหนำซ้ำยังรู้ไปอีกว่าที่ทำไปทั้งหมดเขาทำไปเพื่ออะไรกัน ทำเอาเธอถึงกับตาเบิกกว้างหลังจากที่ได้รับรู้และเข้าใจในทุก
ๆ สิ่ง แต่ยังไม่ทันจะได้ตอบโต้อะไรเธอก็ถูกอีกฝ่ายเหนี่ยวไกไปยังหน้าผากภายในทันที
ทำเอาเลือดกระเซ็นอาบหน้าแล้วฟุบลงพื้นไปอย่างไม่ทันตั้งตัว
ในที่สุดชายชุดเกราะก็ปลิดชีวิตของเหยื่อลงไปสำเร็จ
ก่อนที่เขาจะทิ้งการ์ดที่เป็นสัญลักษณ์ของตนเอาไว้บนร่างแน่นิ่งเหมือนกับทุกทีที่เขาเคยทำ
เพียงเท่านี้ภารกิจของเขาก็ถือเป็นอันเสร็จสิ้นและควรจะหนีไปจากตรงนี้ได้แล้ว
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เลือกที่จะมองดูเธอเป็นครั้งสุดท้ายด้วยความเจ็บปวดที่ฝังลึกอยู่ในใจ
มองลึกลงไปยังนัยน์ตาที่เบิกค้างคู่นั้นว่ามันเคยมีเขาอยู่ข้างในบ้างไหม
ฉับพลันชายชุดเกราะก็ได้ยินเสียงบางอย่างดังขึ้นแล้วรีบยิงปืนไปยังทางเข้าโกดังทันที
จากนั้นก็วิ่งหายจากตรงนี้ไปแล้วซ่อนตัวให้ไวจากใครคนหนึ่งที่แอบย่องเข้ามา
ขณะเดียวกันรัตนาที่หลบอยู่หลังกองไม้บริเวณทางเข้าก็เผยสีหน้าเจ็บใจที่ไม่สามารถเล่นงานคนร้ายได้อีกออกมา
ก่อนโผล่ออกไปดูสถานการณ์แล้วย่างไปยังจุดที่คนร้ายเคยอยู่เมื่อสักครู่นี้เอง
ไม่นานตำรวจหญิงคนเดิมก็เดินมาจนถึงศพของเหยื่อที่นอนแน่นิ่งไปไม่ต่างจากเพื่อนร่วมงานของตนอย่างคนระมัดระวัง
แต่พอเห็นว่าไม่สามารถช่วยเหลืออะไรเธอได้แล้วจึงตัดสินใจที่จะก้าวเดินต่อเพื่อตามหาคนร้ายและจับกุมต่อไป
เรียวขาทั้งสองข้างค่อย
ๆ ย่างก้าวอย่างไร้ซุ่มเสียง
มือเรียวเล็กกำปืนเอาไว้แน่นในสภาพพร้อมยิงอยู่ตลอดเวลา ใบหูและดวงตาคอยค้นหาเป้าหมายที่เอาแต่หลบซ่อนอย่างไม่ยอมให้พลาด
แต่แล้วก็มีอะไรบางอย่างกระทบกันขึ้นจนเกิดเป็นเสียงขึ้นมาจนได้
ทำเอาตำรวจหญิงต้องรีบหันปืนไปยังกองไม้กองหนึ่งที่อยู่ด้านหลังไปอย่างทันท่วงที
แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ได้ใจร้อนวิ่งเข้าไปหาต้นเสียงที่ว่าแบบนั้นแต่อย่างใด
และในทางกลับกันเธอกลับค่อย ๆ เดินเข้าไปหาแล้วคอยฟังเสียงไว้ให้ดีกว่าเดิม
เพียงไม่นานจู่
ๆ ก็มีการระเบิดเกิดขึ้นตรงจุดที่เพิ่งจะได้ยินเสียงไปเมื่อสักครู่
ตำรวจหญิงที่อยู่อีกฟากของกองไม้พอดีจึงไม่ได้รับความเสียหายอะไรเลยแม้แต่น้อย มีเพียงแค่ตกใจจนต้องเผลอก้มหลบไปก็เท่านั้นเอง
แต่ทันทีที่ตั้งตัวได้เธอก็ถูกอะไรบางอย่างลอบเข้ามาจับจากทางด้านหลังพอดี
ร่างทั้งร่างถูกแขนอันทรงพลังบีบรัดสุดแรงจนแทบจะหายใจไม่ออก
มิหนำซ้ำอะไรบางอย่างที่ว่านั้นยังใช้โอกาสนั้นแย่งปืนจากเธอไปอีก เธอที่สู้แรงไม่ไหวจึงได้แต่แพ้ทางให้กับอีกฝ่ายไปแบบง่าย
ๆ อย่างช่วยไม่ได้จริง ๆ
“ฮึบ
อ้ะ”
แต่ถึงแม้ว่าจะถูกจับตัวและแย่งปืนไปได้ก็ใช่ว่าเธอจะยอมแพ้ง่าย
ๆ
ตำรวจหญิงผู้แสนจะอาจหาญพยายามอดทนต่อแรงกอดรัดแล้วเหวี่ยงตัวไปมาเพื่อหวังจะหลุดพ้นจากพันธนาการในครั้งนี้ให้ได้
มิหนำซ้ำยังคงใช้เท้ายันพื้นเพื่อผลักให้อีกฝ่ายถอยติดกับกองไม้ไป
“โอ้ย”
อะไรบางอย่างที่ว่าเผลอส่งเสียงร้องออกมาเพราะศีรษะของเขากระแทกเข้าไปกับเหลี่ยมมุมของท่อนไม้อย่างจัง
แล้วในเหตุการณ์ที่ว่านั้นมันก็ถึงกับทำให้ตำรวจหญิงยอมหยุดขัดขืนลงไปอย่างฉับพลันเพราะเสียงที่เธอได้ยินไปนั้นมันช่างดูคุ้นเคยราวกับว่าเป็นของคนรู้จักที่มักคุ้นกันดีกันก็ไม่ปาน
“ห้ะ
เสียงนี้มัน...”
ตำรวจหญิงรู้สึกคุ้นเคยกับเสียงที่ได้ยินเมื่อครู่นั้นเอาเป็นอย่างมาก
เธอจึงหันไปดูเพื่อความแน่ใจว่ามันจะใช่อย่างที่เธอคิดจริง ๆ หรือเปล่า
แต่พอได้เห็นใบหน้าแค่เฉพาะในส่วนที่ไม่ได้ถูกปกปิดของอีกฝ่ายเท่านั้นนั่นล่ะมันก็ทำให้เธอได้รู้แล้วว่าตัวจริงของคนที่จับตัวเธอเอาไว้จริง
ๆ แล้วเป็นใครกันแน่ ยิ่งเฉพาะนัยน์ตาภายใต้หน้ากากใบนั้นด้วยแล้วมันก็ยิ่งทำให้เธอมั่นใจเป็นร้อยเท่า
พันเท่า หรือมากขึ้นกว่าเดิมเสียยิ่งกว่าอะไรดี
“ห้ะ
เกียรติ ! คุณนี่เอง”
เหยื่อล่อของเลดี้
คิลเลอร์
E – Villain: Lady Killer คนประลัยสายพันธุ์อี: เพชฌฆาตแค้นสวาท
..................................................................................................................................................................
แก๊กท้ายตอน
รัตน์: ห้ะ เสียงนี้มัน
เกียรติ: หึ
รัตน์: หรือว่าคุณคือ...
เกียรติ: หึ ใช่แล้วล่ะ
รัตน์: อินทรีย์แดง
เกียรติ: ว ว็อต ?
ช่วงนี้มีสาระ
(มั้ง)
ลำกล้องเก็บเสียงหรือท่อเก็บเสียงที่มีไว้ติดที่ปลายกระบอกปืนน่ะมันผิดกฎหมายนะครับ
และประชาชนทั่วไปไม่สามารถทำการเดินเรื่องเพื่อขอใบอนุญาตพกพาได้ด้วยเพราะว่ามันไม่มี
ฮ่า ๆ ๆ
คือมันมีไว้สำหรับการซ้อมยิงของพวกตำรวจหรือทหารหรือกลุ่มคนบางกลุ่มที่เขาชอบเล่นปืนกันอะนะ
เสียงมันจะได้ไม่ไปรบกวนชาวบ้านชาวช่องเขา แต่เขาว่าถ้าใส่ไปแล้วมันจะทำให้ความแม่นยำในการยิงลดลงล่ะนะ
ยังไงก็ดีอย่าไปยุ่งกับเจ้าของพวกนี้เลยจะดีกว่านะครับ
เอ๊ะ
ผมใช้คำว่า “ยังไงก็ดี” อีกแล้วงั้นเหรอ ?
หาข้อมูลเพิ่มเติมเองเน่อ
ความคิดเห็น