ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    E - Villain คนประลัยสายพันธุ์อี

    ลำดับตอนที่ #14 : #14 ม็อธ

    • อัปเดตล่าสุด 2 ก.พ. 63


                    "ฉันขอไปอยู่กับคุณด้วยจะได้ไหมคะ ?" หญิงสาวตะโกนเสียงดัง ทำเอาชายชุดหนังหันมาฟังอย่าเลี่ยงไม่ได้ เมื่อเห็นแบบนั้นจึงรีบพูดต่อ "จะให้ฉันทำอะไรก็ได้"

                    "ฉันไม่ได้ทำไปเพื่อช่วยเธอ กลับบ้านไปหาพ่อแม่เธอซะ" ชายชุดหนังปฏิเสธทันควัน

                    "พ่อเคยบอกว่าสักวันเมื่อฉันโตขึ้น ฉันจะมีชีวิตเป็นของตัวเอง ฉันขอใช้สิทธิ์นั้นเดี๋ยวนี้"

                    "ฉันไม่เห็นด้วย"

                    "ไว้จะติดต่อไปหาพ่อแม่ทีหลัง อีกอย่างฉันไม่ได้จะไปอยู่ด้วยเพียงเพราะคุณช่วยฉันไว้ แต่ตอนนั้นคุณแสดงความเป็นห่วงออกมาทั้ง ๆ ที่เราก็ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน มันไม่ใช่แค่ความหวังดีทั่วไปหรืออะไรแบบนั้น แต่ฉันรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างในแววตาของคุณ ที่เดินหนีในตอนนั้นก็แค่ไม่อยากจะคุยกับคนแปลกหน้าเท่านั้นเอง"

                   ชายชุดหนังนิ่งเงียบไป เหมือนกับว่ากำลังคิดอะไรอยู่

                   "ฉันไม่ทำตัวเป็นภาระให้คุณแน่นอน" น้ำว่าเสริม พยายามซื้อใจอีกฝ่ายให้ได้

                   ชายชุดหนังถอนหายใจ เขาไม่รู้จะปฏิเสธหญิงสาวยังไงดี "ขับรถเป็นไหม ?"

                   เมื่อได้ยินคำตอบนั้นของเขา หญิงสาวก็เผยรอยยิ้มออกมา นึกว่าเขาจะปฏิเสธเธอจริง ๆ เสียแล้ว แต่พอเห็นอีกฝ่ายก้าวเดินต่อก็รีบเช็ดหน้าเช็ดตาอีกครั้ง แล้ววิ่งตามหลังไป พลางคิดว่านี่อาจจะเป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของตัวเองก็เป็นได้

                   แต่หลังจากที่วิ่งตามชายชุดหนังไปได้ไม่นาน หญิงสาวก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ เธอเดินย้อนกลับมายังศพของสุวรรณาที่อยู่ไม่ไกล ก่อนมองดูร่างไร้วิญญาณพร้อมทั้งนึกถึงสิ่งที่เธอทำกับตัวเอง

                   "ฉันไม่ใช่ยายเด็กใจแตกซะหน่อย" ก่อนเตะหัวไหล่เป็นการส่งท้ายให้คนหยาบช้าที่นอนแน่นิ่ง

                   หญิงสาวเลือกที่จะทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลัง วิ่งตามชายชุดหนังไปอีกครั้ง คราวนี้ตั้งใจจะตามไปให้ทันให้ได้ "เดี๋ยวก่อนค่ะ การ์ดนั่นมันอะไรเหรอคะ ?" ...

                   ..........

                   " 'ทำอะไรก็ได้' นี่ คงไม่ได้หมายถึงอะไรก็ได้จริง ๆ สินะ ?" ณัฐฐาถามขึ้นหลังจากที่ที่น้ำเล่าเรื่องของตัวเองจบ เพราะการที่ชายหญิงที่ไม่รู้จักกันมาก่อนอยู่ด้วยกัน 2 คนแบบนั้นมันน่าเป็นห่วงอยู่ไม่ใช่น้อย

                   "ก็หมายถึงแบบนั้นนั่นแหละค่ะ" น้ำตอบ "เอาเข้าจริงก็แทบจะไม่ได้ขออะไรเลยด้วยซ้ำ เป็นคนที่ดีกว่าที่คาดเลยนะคะ คอยดูแล เอาใจใส่ นึกถึงความรู้สึกอยู่ตลอด แค่โกหกก็ยังไม่เคยเลยค่ะ"

                   "ขนาดนั้นเลยเหรอ"

                   "ขนาดนั้นเลยค่ะ เพราะฉะนั้น..." จู่ ๆ หญิงสาวก็เปลี่ยนน้ำเสียง มองตาอีกฝ่ายราวกับจะฆ่าให้ตายให้ได้ "ฉันจะไม่ยอมให้ใครมาว่าอาจารย์เสีย ๆ หาย ๆ อีกเด็ดขาด"

                   เมื่อได้ยินอย่างนั้น เหงื่อเม็ดเล็กถึงกับซึมออกมาตามหน้าผาก ทำเอาณัฐฐาถึงกับแอบเหลือบไปยังประตูที่อยู่ด้านหลังของน้ำ เริ่มกลัวหญิงสาวผู้อยู่ตรงหน้าขึ้นมาบ้างแล้ว

                   หลังจากที่เห็นปฏิกิริยาของอีกฝ่าย น้ำก็ถึงกับหัวเราะชอบใจออกมา "ไม่เป็นไรค่ะ ไม่เป็นไร ที่คุณว่ามามันก็ไม่ผิดอะไรหรอก ก็อาจารย์ดันพาคุณมาในสภาพนั้นเองนี่นา"

                   "อะไรของเธอล่ะเนี่ย ทำฉันกลัวไปหมดแล้วนะ"

                   "ค่ะ ๆ ยังไงก็ต้องขอโทษแทนอาจารย์ด้วยนะคะ" น้ำว่า ก่อนหยุดหัวเราะชอบใจ "เอาล่ะค่ะ ปืนไฟฟ้านี่ไม่ต้องแล้วก็ได้ ฉันจะสอนวิธีป้องกันตัวที่ใช้ได้จริง ๆ ให้ และตอนนี้คุณถือว่าเป็นแขกของเราแล้ว ทางเราสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรคุณแน่นอน ขอแค่อย่าสร้างปัญหาให้เราก็พอ

                   ณัฐฐาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง "งั้นก็ได้"

                   "งั้นก็เป็นอันตกลง เริ่มหิวข้าวหรือยังคะ ?"

                   "อื้อ หิวแล้วล่ะ"

                   "ถ้าอย่างนั้นลงไปรอที่ห้องนั่งเล่นเมื่อกี้ได้เลยนะคะ เดี๋ยวน้ำตามไปทีหลัง" พลางลุกขึ้น เอาปืนไฟฟ้าไปเก็บในลิ้นชักตามเดิม

                   "อะ จ้ะ" ณัฐฐาตอบกลับ พลางมองหญิงสาวไม่ยอมละสายตา คิดว่าเธอพูดจริงหรือเชื่อใจได้แค่ไหนกันนะ เป็นไปได้ด้วยหรือที่จะปล่อยให้เธอเดินไปมาในบ้านได้แบบนี้

                   แต่พอเดินมาถึงชั้นล่าง ก็ไม่เห็นว่าจะมีใครจับตาดูเธออยู่เลยแม้แต่น้อย ณัฐฐาจึงลองเสี่ยงเชื่อใจคนพวกนั้นดูสักตั้ง เลือกเดินเข้าไปดูในห้องครัวเพราะได้กลิ่นของอาหารโชยมาจากทางนั้น แต่ก็ยังเหลือบมองอยู่ตลอดเวลาว่ามีใครอยู่แถวนี้อยู่หรือเปล่า ก่อนเดินไปดูอาหารที่วางอยู่ในตู้กับข้าว

                   ณัฐฐาเดินมาที่ห้องนั่งเล่นบ้าง กวาดตาไปรอบ ๆ ห้องที่เคยเห็นมาแล้วถึง 2 ครั้งด้วยกัน ทุกอย่างถูกตกแต่งออกมาได้สวยงามสมกับเป็นบ้านหลังใหญ่ แต่ไม่ทันไรก็ไปสะดุดอยู่ที่ตู้กระจกเลี้ยงสัตว์หลังหนึ่ง ก่อนนึกอะไรขึ้นได้

                   "จะว่าไป ตอนนั้นเจ้านั่นมองดูอะไรอยู่นะ ?" เธอพึมพำ พลางนึกถึงเหตุการณ์ที่ชายผู้จับเธอมามองดูตู้กระจก

                   นึกไปก็ไม่ได้คำตอบอยู่ดี หญิงสาวจึงเดินเข้าไปดูให้เห็นกับตาตัวเอง ค่อย ๆ กวาดตาดูทุกสิ่งที่อยู่ภายใน แต่สุดท้ายก็เห็นเพียงแค่ผีเสื้อนอนตายบนพื้นเท่านั้น

                   "ผีเสื้องั้นเหรอ ?"

                   "ผีเสื้อกลางคืน" จู่ ๆ เกียรติก็พูดขึ้นจากข้างหลัง ทำเอาณัฐฐาที่ไม่รู้ตัวมาก่อนถึงกับสะดุ้งจนถอยไปติดกับตู้กระจก ไม่นึกมาก่อนว่าเขาจะแอบย่องเข้ามาจากข้างหลังแบบนี้

                   "นี่ อย่าย่องเข้ามาเงียบ ๆ แบบนี้สิ" เธอว่า พลางดูท่าทีของเขา

                   "ผมเปล่าย่อง คุณไม่ได้ยินเสียงผมเดินเองต่างหาก" เขาตอบกลับ แต่ไม่ยอมขอโทษที่เป็นฝ่ายทำให้เธอตกใจ

                   "แล้วมานี่ต้องการอะไรกันแน่ ?"

                   "เปล่าสักหน่อย"

                   ณัฐฐายังคงไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูดเท่าไหร่นัก แต่ก็ไม่อยากทำให้อีกฝ่ายเสียความรู้สึก จึงไม่ได้ถามอะไรมากจนเกินควร พร้อมนึกถึงสิ่งที่เขาทักท้วงเมื่อครู่ ก่อนหันไปดูผีเสื้อที่ตายแล้วเพียงแวบเดียว "แล้วผีเสื้อกลางคืนอะไรนั่นมันอยู่ที่ไหน ?"

                   "ไม่มีอีกแล้ว"

                   "หมายความว่าไง 'ไม่มีอีกแล้ว' ?" เธอซักต่อ รู้สึกไม่เข้าใจในคำพูดกำกวมของเขา

                   เกียรติไม่ยอมตอบอะไรกลับไปสักอย่าง เอาแต่สบตาอีกฝ่ายอยู่อย่างนั้นโดยไม่ยอมทำอะไร ทำเอาณัฐฐาเริ่มทำตัวไม่ถูกขึ้นมา มือกำชายกางเกงอย่างเลี่ยงไม่ได้ ใบหน้าขาวผ่องเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ หลบแววตาคู่นั้นอยู่เป็นระยะ

                   "อะ อะไรเล่า ?"

                   "เปล่า ไม่มีอะไร"

                   "อะ งั้นเหรอ"

                   ดูเหมือนว่าเวลาที่เหลืออยู่จะไม่มีค่าอะไร พวกเขาทั้งสองกลับมาสบตากันอีกครั้งหนึ่ง ค่อย ๆ ส่งความรู้สึกให้อีกฝ่ายรับรู้ผ่านแววตาของตัวเอง ราวกับว่ากำลังหาใครสักคนมาคอยเยียวยาให้กันและกัน

                   "อาจารย์คะ" จู่ ๆ น้ำก็พูดขึ้นจากตรงทางเดิน ทำเอาเกียรติกับณัฐฐาต้องเลิกสบตากัน หันไปมองผู้ที่เพิ่งมาใหม่ "น้ำเตรียมกับข้าวเสร็จแล้วนะ ชวนครูมากินด้วยกันสิคะ" ก่อนเดินเข้าไปในห้องครัวอีกที

                   ณัฐฐาหันไปมองชายผู้อยู่ตรงหน้า คิดว่าเขาอย่างนั้นน่ะหรือที่จะเป็นคนชวนตัวเอง แล้วเดินออกไปไม่ว่าเขาจะชวนหรือไม่ก็ตาม

                   ..........

                   "ทานได้เลยค่ะครู ไม่ต้องเกรงใจ" น้ำว่า พลางมองดูณัฐฐาที่นั่งอยู่ใกล้กับตัวเอง

                   "อ๋อ จ้ะ" เธอตอบกลับ ก่อนมองไปยังเกียรติที่นั่งอยู่หัวโต๊ะซึ่งกำลังตักอาหารขึ้นมากินพอดีเพียงแวบเดียว "นี่ เธอรู้ได้ไงว่าฉันเป็นครูสอนหนังสือน่ะ ?"

                   "ก็ตอนนั้นครูอยู่ในบ้านพักครูไม่ใช่เหรอคะ" พลางตักอาหารขึ้นมากินบ้าง

                   "อะ งั้นเหรอ" เธอว่า ก่อนตักอาหารขึ้นมากินตามหลังคนอื่น พยายามไม่คิดว่าในนี้มียาพิษอยู่

                   "นี่" ณัฐฐาทัก น้ำรีบหันมาฟัง "เธอเป็นคนทำเหรอ ? อร่อยดีนะ"

                   "ค่ะ ทำเสร็จตอนที่ขึ้นไปเปลี่ยนกับอาจารย์นั่นไงคะ"

                   "อ๋อ"

                   จากนั้นณัฐฐาก็กลับมากินข้าวตามปกติ รู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมากที่พวกเขาไม่ได้ทำอะไรเธอจริง ๆ ซ้ำยังปฏิบัติกลับมาเป็นอย่างดี พลางคิดว่าจะยกโทษให้และไม่เอาเรื่องสำหรับเรื่องวุ่น ๆ ที่เกิดจากการเข้าใจผิดในครั้งนี้ จนความอิ่มมาเยือนทั้งสามในท้ายที่สุด

                   "งั้น เดี๋ยวน้ำเก็บจานเลยนะคะ" พลางลุกขึ้น ยื่นมือไปคว้าจานข้าวเปล่า ๆ ของเกียรติมาไว้กับตัว

                   "เอ่อ เดี๋ยวฉันช่วยเก็บนะ" ณัฐฐาเสนอด้วยความเกรงใจ อีกนัยหนึ่งจะได้หาเพื่อนคุยด้วย

                   "ไม่ดีกว่าค่ะ น้ำเก็บคนเดียวได้"

                   "ไม่ต้องเกรงใจหรอก ฉันไม่รู้จะทำอะไรอยู่พอดี" เธอยังยืนยันที่จะช่วยอยู่เหมือนเดิม พร้อมเก็บจานไปบางส่วนแล้วเพื่อให้อีกฝ่ายปฏิเสธไม่ได้

                   ..........

                   แก้วน้ำทั้ง 3 ใบคือสิ่งสุดท้ายที่ณัฐฐากลับมาเก็บ แต่แล้วกลับนึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาจนได้ จึงเดินไปยังห้องนั่งเล่นเพื่อคลายความสงสัยของตัวเอง แต่เธอกลับเห็นอะไรบางอย่างจนรู้สึกไม่เข้าใจขึ้นมาแทน และไม่รู้จริง ๆ ว่าความรู้สึกนี้ของตัวเองมันคืออะไรกัน

                   ขณะเดินกลับพลางครุ่นคิดอยู่นั้น เธอก็เกือบจะชนกับขอบประตูเสียแล้ว แต่ยังดีที่รู้สึกตัวทัน ก่อนคิดในใจว่าเราเป็นอะไรไปเนี่ย

                   "หมดแล้วนะ" ณัฐฐาว่า เดินมาถึงอ่างล้างจานพอดี 

                   "ขอบคุณนะคะ" พลางรับแก้วเหล่านั้นมาไว้กับตัวเอง ก่อนกลับมาล้างจานในส่วนที่ยังเหลืออยู่

                   ณัฐฐายืนอยู่ที่อ่างล้างจานอีกใบ นำจานที่น้ำล้างมาแล้วมาล้างอีกรอบ ทว่าสายตาไม่ได้จับจ้องไปที่จานในมือเลยสักนิด มันดูเหม่อลอยเหมือนคนไม่มีชีวิตชีวาอย่างไรอย่านั้น ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าน้ำแอบมองดูตัวเองล้างจานใบเดียวอยู่ค่อนนาที

                   "กลัวหรือเปล่าคะ ?" น้ำทักขึ้น ทำให้ณัฐฐาได้สติกลับมาในภายหลัง

                   "ห๊ะ ! อะ เมื่อกี้ว่าไงนะ ?"

                   "อาจารย์น่ะค่ะ กลัวหรือเปล่า ?"

                   เธอเงียบไปครู่หนึ่ง "ไม่รู้สิ" ก่อนวางจานที่อยู่ในมือลงไป แล้วจ้องมองไปที่มัน "มันแปลก ๆ ยังไงไม่รู้"

                   "แปลว่าไม่กลัว ?"

                   "จะบ้าเหรอ" พร้อมหันไปมองน้ำ "ฉันถูกลักพาตัวมานะ หนำซ้ำเขายังเคยฆ่าคนอีก"

                   "แล้ว..."

                   "ก็..." จู่ ๆ ท่าทีของณัฐฐาก็เปลี่ยนไป ชักไม่แน่ใจแล้วว่าเธอกลัวเขาจริง ๆ หรือเปล่า "ไม่ได้กลัวอะไรขนาดนั้นสักหน่อย"

                   น้ำยิ้มบาง ๆ "งั้นล้างจานเสร็จแล้วมาคุยกันหน่อยดีไหมคะ ?"

                   เพียงไม่นานอีกฝ่ายก็ตอบตกลง แล้วหันมาตั้งหน้าตั้งตาล้างจานจนเสร็จ ก่อนชวนกันไปนั่งที่โต๊ะอาหารเพื่อพูดคุยกัน

                   "เดิมทีน้ำเองก็ไม่รู้ว่าอาจารย์เป็นคนยังไง ซ้ำยังเคยทำอะไรแบบนั้นอีก จะบอกว่าไม่กลัวก็คงจะไม่ได้ แต่หลังจากที่ได้รู้จักจริง ๆน้ำก็โล่งใจแบบสุด ๆ เลยค่ะ"

                   "อย่างนั้นเหรอ"

                   "ที่น้ำส่งจดหมายกลับไปหาพ่อแม่เป็นครั้งแรกก็ในวันถัดไปนั่นแหละค่ะ หนึ่งปีมานี้ ตัวตนของอาจารย์ที่น้ำรู้จักคือคนในแบบที่ครูรู้สึกได้ เขาไม่ได้ดูน่ากลัวอะไร ถึงครูจะถูกลักพาตัวมา ยังไงก็จะปลอดภัยแน่นอน แต่การที่ครูถูกลักพาตัวและคิดว่าเขาเป็นฆาตกรเลยทำให้ความรู้สึกมันขัดแย้งกัน"

                   "ไม่" ณัฐฐาขัด ทำเอาน้ำต้องหยุดฟัง "ไม่ใช่"

                   "ไม่ใช่อะไรเหรอคะ ?" น้ำถามด้วยความสงสัย คิดว่าตัวเองเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า

                   "ที่เธอว่ามามันก็ถูก แต่มันไม่ใช่แค่นั้น"

                   "หมายความว่าไงเหรอคะ ?"

                   "ไม่รู้จะพูดยังไงดี มันเหมือนว่านั่นไม่ใช่ของเขาทั้งหมด"

                   "อะไรเหรอคะ ?"

                   "ความรู้สึกที่มองผ่านนัยน์ตานั่น ตอนที่กลับไปเอาแก้วฉันเห็นเขาอยู่ตรงนั้น ที่ตู้เลี้ยงผีเสื้อ"

                   "ตู้เลี้ยงผีเสื้อ ?"

                   "เขาเอาผ้าคลุมที่ตู้ด้วยแววตาอาลัย มันทำให้นึกถึงตอนที่เธอพาฉันไปพบกับเขา สายตาคู่นั้นก็มองไปที่ตู้กระจกเหมือนกัน มองดูผีเสื้อที่ตายไปแล้วด้วยแววตาแบบเดียวกับที่มองมาที่ฉัน มันคืออะไร ? มันจะเกี่ยวกับการที่ฉันถูกลักพาตัวมาหรือเปล่า ? นั่นล่ะที่ฉันไม่เข้าใจ"

                   "อย่างนั้นเหรอคะ"

                   มาถึงตรงนี้ น้ำก็รับรู้ถึงความรู้สึกบางอย่างของณัฐฐาแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่เข้าใจในสิ่งที่ได้ยินมาอยู่ดี ซึ่งไม่ต่างอะไรไปจากอีกคนเลยด้วยซ้ำ

                   น้ำครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนตัดสินใจบอกอะไรบางอย่างไป "อาจารย์น่ะรักมากเลยค่ะ"

                   "รักเหรอ ?" ณัฐฐาถามด้วยความสงสัย ไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายหมายถึงผีเสื้อหรือเปล่า

                   "พยายามเลี้ยงดูมันไว้อย่างทะนุถนอม รุ่นแล้วรุ่นเล่า แต่ทั้งหมดที่ถูกเลี้ยงมาก็ค่อย ๆ ตายไปทีละตัว ๆ จนตัวสุดท้ายได้ตายไปในวันเดียวกันกับที่ครูถูกลักพาตัวมา"

                   "เธอคิดว่ามันจะเกี่ยวกับฉันงั้นเหรอ ?"

                   "น้ำเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ"

                   "อย่างนั้นเหรอ"

                   "แต่ว่ามันตายไปหมดก็ดีแล้วล่ะค่ะ"

                   "เอ๊ะ ทำไมเหรอ ?"

                   "เพราะมันคือสิ่งสุดท้ายที่คนรักเก่าทิ้งไว้ให้ อาจารย์บอกกับน้ำมาแบบนั้นค่ะ"

                   มาถึงตรงนี้ ณัฐฐาเองก็เริ่มเผยใบหน้าอยากจะเข้าใจถึงความรู้สึกของเขาขึ้นมาจริง ๆ บ้างแล้ว ไม่รู้มาก่อนว่าในแววตานั้นจะมีความหลังแบบนี้ซ่อนอยู่

                   "อีกอย่างนะคะ" น้ำพูดขึ้น ดึงสติของณัฐฐาอีกครั้ง "จะพูดให้ถูกก็คือ 'ผีเสื้อกลางคืน' ค่ะ"

                   "นี่พวกเธอเป็นเหมือนกันหมดเลยหรือไงเนี่ย"

                   E-Villain: Lady Killer เพชฌฆาตเลดี้
                   ม็อธ

    ..........................................................................................................................................................................................................

                   ช่วงนี้มีสาระ (มั้ง)

                   "ความเกรงใจเป็นสมบัติของผู้ดี" เชื่อว่าใครหลายคนต้องเคยได้ยินประโยคนี้กันมาก่อนอยู่แล้ว ซึ่งจะพบเห็นได้บ่อยในตอนที่เราหรือใครถูกช่วยหรือได้รับอะไรมา ซึ่งบางครั้งก็มักจะมีการปฏิเสธกลับไปบ้างพอเป็นพิธี หรือไม่ก็ปฏิเสธไปจริง ๆ นี่แหละ แต่ว่านะ หากมีใครอาสามาช่วยหรือว่ากำลังจะให้อะไรกับเราแล้วเราไม่ต้องการล่ะก็ ควรปฏิเสธด้วยคำว่า "ไม่ดีกว่าครับ/ค่ะ" ให้มันชัดเจนไปเลย อีกฝ่ายจะได้หยุดให้กับเรา แต่ถ้าปฏิเสธด้วยคำว่า "ไม่เป็นไรครับ/ค่ะ" แบบนี้ มันจะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกลังเลว่า "สรุปแล้วต้องการหรือไม่ต้องการกันแน่" แล้วมันก็จะเกิดเป็นความรู้สึกที่ไม่ดีขึ้นมา

                   หาข้อมูลเพิ่มเติมเองเน่อ

    ..........................................................................................................................................................................................................

                   เฮลโหล้ว ว่าไงทุกคน สวัสดีครับ สวัสดี้ สวัสดี

                   อยากจะบอกว่าตอนนี้เนื้อเรื่องตอนนี้ดำเนินมาได้ 25% แล้วนะ ครึ่งของครึ่งภาคแล้ว

                   แล้วก็ ถ้าใครติดตามความเคลื่อนไหวของเว็บเด็กดีอยู่ล่ะก็ คงจะรู้อยู่แล้วสินะว่าต้นเดือนตุลาจะมีการเปิดใช้งานระบบ "อ่านล่วงหน้า" ซึ่งดู ๆ แล้วมันก็เป็นระบบขายนิยายที่ดีอยู่เหมือนกันนะ แต่ที่มาบอกนี่ไม่ได้หมายความว่าผมจะใช้งานระบบนี้นะ ไอ้เงินน่ะ ผมอยากได้ก็จริง แต่ถ้าจะให้ใช้ระบบนั้นล่ะก็ผมกลัวว่าคนอ่านจะรอนานเกินไปนี่น่ะสิ สำหรับผมมันเลยกลายเป็นระบบที่ดีแต่ไม่คิดจะนำมาใช้งาน รู้สึกไม่ชอบเป็นการส่วนตัวยังไงไม่รู้ ภายภาคหน้าอาจจะได้ใช้ก็ได้ แต่ตอนนี้ไม่มีความรู้สึกแบบนั้นอยู่เลย

                   เอาเป็นว่า นิยายเรื่องนี้ผมจะขายมันในรูปแบบของแพ็กเกจนะครับ ราคาที่คิดเอาไว้ก็ 150 คอยน์หรือ 75 บาทราว ๆ นี้ ขายเป็นรายเรื่อง ไม่ได้ขายเป็นรายอักษรหรือรายคำ แต่อาจจะมีการปรับเปลี่ยนก็ได้ รอให้เวลานั้นมาถึงก่อน ซึ่งก็แน่นอนว่าจะเปิดให้อ่านจนจบ ทิ้งระยะไว้ประมาณหนึ่งให้คนอ่านอ่านจนทัน จากนั้นค่อยทำแพ็กเกจตามหลัง ส่วนใครที่ชอบและต้องการสนับสนุนย้อนหลังก็สามารถทำได้ครับ ขอค่าไฟผมคืนบ้างล่ะ แต่ไม่ขอบังคับละกัน

                   ใครที่อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว หากมีความเห็นอะไรเพิ่มเติมก็สามารถมาพูดคุยกันได้ภายในตอนตอนนี้นะครับ (ตอนที่ #14 ม็อธ) เปิดโอกาสให้มาพูดคุยได้เรื่อย ๆ ไม่จำกัดระยะเวลา หรืออาจจะเสนอราคาแพ็กเกจ หรือโน่น นี่ นั่นมาด้วยก็ได้

                   ขอให้สนุกกับผลงานของผมครับ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×