คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : #12 บุคคลปริศนาก่อเหตุ ตอนที่ 1
จู่ ๆ ไฟในโรงเก็บของก็ดับลงไปอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ยกเว้นเพียงทางเข้าเท่านั้นที่ยังพอมีแสงสว่างจากข้างนอกอยู่บ้างเล็กน้อย ทุกคนในที่แห่งนี้ถึงกับมองหน้ากันไปมาด้วยความสงสัย
"เฮ้ย ไอ้รัฐ" ชายถือปืนเรียก เจ้าของชื่อผู้เป็นลูกน้องหันมาฟัง "ไปดูคัตเอาท์ซิ"
"ครับ"
เขาตอบกลับ รีบควักโทรศัพท์ออกมาเปิดไฟฉาย แต่ยังไม่ทันจะเปิดเสร็จ เสียงปืนปริศนากลับร้องลั่นขึ้นก่อน ขณะเดียวกัน รัฐก็ทิ้งตัวลงไปบนพื้นโดยที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ โทรศัพท์ที่หน้าจอส่องสว่างก็ตกลงไปและคว่ำหน้าลง ทุกคนถึงกับตกใจและคิดว่ามันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกันแน่
"กรี้ด !"
สุวรรณาตกใจกับเสียงปืนเมื่อครู่จนทำอะไรไม่ถูก เธอเลือกไปหลบอยู่ข้างหลังของพนาโดยจับแขนเขาไว้แน่น ส่วนลิ่วล้อที่เหลือก็ไม่จำเป็นต้องรอคำสั่งจากผู้เป็นนายให้เสียเวลา พวกเขาควักปืนออกมาตอบโต้ไม่ว่าเจ้าของเสียงปืนเมื่อครู่จะเป็นใครก็ตาม เพราะยังไงการที่พวกของตัวเองถูกยิงไปแบบนั้นย่อมต้องไม่ใช่พวกที่มาแบบเป็นมิตรแน่ ๆ แต่ไม่ทันจะได้ตอบโต้อะไรกลับไปมากนัก ลิ่วล้ออีก 2 คนก็ถูกกระสุนฝังลึกจนล้มลงไปไม่ต่างจากรายแรก เสียงปืนเหล่านั้นสร้างความกลัวให้กับเหยื่อสาวทั้งสองที่อยู่ในรถเป็นอย่างมาก แม้กระทั่งน้ำที่รับมือกับการยิงขู่ไหวก็ยังต้องยอมแพ้ เพราะนี่มันไม่ใช่แค่การยิงขู่กันแบบที่เธอเจอมาแล้ว
ท่าไม่ค่อยจะดี นอกจากฝ่ายตัวเองจะถูกเล่นงานไปแล้วตั้ง 3 คนด้วยกัน อีกฝ่ายก็ยังมีที่กำบังไว้ป้องกันตัวอีก พวกลิ่วล้อที่เหลือจึงเริ่มใช้ชั้นวางของเป็นที่กำบังให้กับตัวเองบ้าง แต่พอพวกเขาไม่ได้เป็นเป้าให้ยิงอีกต่อไป รถของพนาก็กลายเป็นเป้าหมายอันใหม่ของบุคคลปริศนาแทน ล้อด้านหลังทั้ง 2 ข้างถูกยิงจนแบน เขาคงไม่อยากให้ใครหลบหนีไปจากที่นี่ได้แม้แต่คนเดียว ส่วนพนากับสุวรรณายังคงยืนอยู่ที่เดิม ไม่ได้หาที่กำบังตัวหรือเข้าไปหลบในรถเพื่อความปลอดภัย
"อยู่เฉย ๆ อย่าขยับไปไหน" พนาบอกกับหญิงวัยกลางคน สายตาจับจ้องไปที่เงาดำของบุคคลปริศนาที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ เขาไม่รู้สึกกลัวเลยแม้แต่น้อย ผิดกับอีกคนที่เอาแต่หลบอยู่หลังของเขา
"อะไรกันเนี่ยไอ้พนา แกไปเหยียบเท้าใครมาห้ะ" สุวรรณาถามหาสาเหตุกับชายหนุ่ม เธอคิดว่าการที่จู่ ๆ ก็โผล่มายิงอะไรแบบนี้ย่อมต้องไม่ใช่ลักษณะการทำงานของพวกตำรวจแน่ ๆ และตัวเองก็ไม่เคยมีเรื่องอะไรกับใครเขาด้วย
"คุณเองหรือเปล่าที่ไปเหยียบเท้าใครมาน่ะ"
"หนอย ย้อนเหรอห้ะไอ้เด็กเวรนี่"
อีกทางหนึ่ง เสียงปืนยังคงดังขึ้นต่อเนื่อง เหล่าลิ่วล้อของสุวรรณาผลัดกันยิงเป้าหมายอย่างไม่ลดละ พวกเขาพยายามหาทางจัดการกับบุคคลปริศนาให้เร็วที่สุด
"แกอ้อมไปเปิดไฟที่ทางเข้า ฉันจะยิงไล่มันให้ออกไปจากคัตเอาท์ให้เอง" ลิ่วล้อคนที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าพูดเบา ๆ สั่งให้ลูกน้องออกไปทำงานที่เสี่ยงอันตรายแทนตัวเอง ขณะเดียวกันก็ยิงปืนไปพลาง
"เอาจริงเหรอครับ" ลิ่วล้ออีกคนน้ำเสียงสั่นกลัว
“อยากตายกันหมดหรือไง” พร้อมกับใช้เท้าถีบส่ง เขาบังคับให้ลูกน้องทำงานด้วยความไม่เต็มใจ ไม่ว่ายังไงก็ต้องทำให้ตัวเองมองเห็นทุกอย่างได้ก่อน ไม่งั้นคงจะเสียเปรียบอีกฝ่ายอย่างมากแน่นอน เพราะเท่าที่ดู เหมือนว่าอีกฝ่ายจะเตรียมตัวมาดีและอาจจะมองเห็นในที่มืดได้ด้วย
ไม่นาน หัวหน้าลิ่วล้อก็เริ่มทำตามที่ตัวเองบอกเอาไว้ เขากระหน่ำยิงไม่ยั้งจนอีกฝ่ายต้องวิ่งหนีหาที่กำบังตัวแห่งใหม่ เปิดทางให้ลูกน้องของตัวเองวิ่งไปยังทางเข้าได้อย่างปลอดภัย เป็นการทำงานที่ดูเข้าขากันจริง ๆ
อีกทางหนึ่ง ลิ่วล้อคนเดิมวิ่งมาถึงทางเข้าโรงเก็บของได้ในที่สุด แต่ยังไม่มันจะแตะคัตเอาท์ เขาก็ได้ยินเสียงฝีเท่าหนักหน่วงของบุคคลปริศนาวิ่งมาทางนี้อย่างรวดเร็วเสียก่อน
"มันอยู่ตรงนี้ !"
ลิ่วล้อคนนั้นว่า พร้อมทั้งยกปืนขึ้นยิงอีกฝ่ายโดยไม่คิดเสียดายลูกกระสุน นิ้วเหนี่ยวไกไป ปากส่งเสียร้องไป รู้สึกสะใจที่ได้ยิงใครไม่ยั้งแบบนี้เป็นครั้งแรก แต่สิ่งที่เขาทำดูเหมือนว่ามันจะไม่เป็นผล เสียงฝีเท้าที่ยังดังต่อเนื่องทำให้เขารู้ว่าอีกฝ่ายยังไม่ล้มลงไป หนำซ้ำยังถูกยิงกลับมาอีกหลายครั้งไม่ต่างกัน เขาที่ทนเจ็บไม่ไหวก็ถึงกับล้มลงไปในเวลาต่อมาเอง
ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นไปตามที่คาด แท้จริงแล้วบุคคลปริศนานั้นตั้งใจหลอกให้พวกเขาวิ่งออกไปให้ถูกจัดการได้ง่าย ๆ ต่างหาก ซ้ำร้ายตอนนี้เขายังวิ่งอ้อมมาหาหัวหน้าลิ่วล้ออีก หัวหน้าลิ่วล้อและลูกน้องอีกคนที่อยู่ห่างออกไปจึงช่วยกันรุมยิงอีกที
แต่เหมือนว่าพวกเขาทั้งสองจะยิงไม่ถูกเป้าหมาย เพราะในตอนนี้บุคคลปริศนาก็ยังคงวิ่งเข้ามาใกล้หัวหน้าลิ่วล้อได้อย่างไม่เป็นอะไร ก่อนที่เขาจะกระยิงกลับไปบ้างเพื่อไม่ให้เป็นสิ่งกีดขวางในการทำภารกิจ แต่เพราะเขาวิ่งออกมาจนอยู่ในที่ที่ไม่มีสิ่งกำบังกายนี้เอง ทำให้เขาถูกลิ้วล้อคนสุดท้ายกระหน่ำยิงด้วยปืนจนหลบไม่ทัน กระสุนนับสิบลูกพุ่งตรงเข้ากลางลำตัวโดยไม่มีพลาดเลยสักนิดเดียว บุคคลปริศนาทนต่อความเจ็บทั้งหมดไม่ไหวจนต้องส่งเสียงออกมา แรงอัดจำนวนมหาศาลผลักร่างของเขาให้ล้มลงไปกับพื้นในที่สุด ไร้ซึ่งทุกการเคลื่อนไหว
เหตุการณ์พลันสงบเมื่อสิ้นเสียงโหมกระหน่ำของอาวุธสังการ ในที่สุดเหตุการณ์บ้า ๆ แบบนี้ก็จบลงไปสักที ใครที่ไหนก็ไม่รู้ถูกจัดการไปอย่างสาสม
"ตายสักที...ไอ้เวรเอ้ย" ลิ่วล้อคนสุดท้ายหายใจหอบ เนื่องจากเขาส่งเสียงร้องตอนเหนี่ยวไกรัว ๆ จนเป็นอย่างที่เห็น จากนั้นจึงเดินไปดูผลงานตัวเองว่าทำออกมาได้ดีแค่ไหน
อีกทางหนึ่ง เมื่อสุวรรณาเห็นว่าเหตุการณ์สงบลงไปแล้วจึงรู้สึกโล่งใจขึ้นมา แต่ก็ยังหลบอยู่ข้างหลังของพนาไม่ยอมไปไหน
"ไปเปิดไฟหน้ารถซิ" ชายหนุ่มบอก แต่สายตาจับจ้องไปยังบริเวณชั้นวางของที่บุคคลปริศนาถูกยิงแม้จะมองอะไรไม่เห็นก็ตาม
"อะไรนะ !"
"ทำตามที่บอกเถอะน่า เสร็จแล้วรีบออกให้ห่างจากรถด้วย" เขาขึ้นเสียง ทำเอาสุวรรณาไม่กล้าขัด ได้แต่ด่าพนาออกมาทางสีหน้า แล้วทำใจกล้าวิ่งอ้อมรถไปอย่างช่วยไม่ได้
เพียงไม่นานที่หญิงวัยหลางคนวิ่งออกไป จู่ ๆ พนาก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างคล้ายคนล้มลงพื้นยังไงยังงั้น แต่พอไฟหน้าและไฟท้ายรถส่องสว่างขึ้น เขาก็เห็นภาพทั้งหมดที่เพิ่งจะคาใจไปเมื่อสักครู่ ลูกน้องคนสุดท้ายของสุวรรณาที่จัดการกับบุคคลปริศนาได้กลับนอนหายใจไม่สะดวกอยู่บนพื้น มีดพกเล่มหนึ่งปักลึกเข้าที่กลางลำคอ เขายังไม่สิ้นลมหายใจ แต่ก็ดูเหมือนว่าจะอยู่แบบนี้ได้อีกไม่นาน
แม้ก่อนหน้านั้นน้ำจะรู้สึกกลัวเป็นอย่างมากที่รู้ว่ามีคนยิงกันตายจนต้องหลับตาไว้ แต่เพราะตอนนี้ไม่มีการยิงกันเกิดขึ้นอีกแล้วจึงหายกลัวไปได้หน่อยนึง เธอลืมตาขึ้นดูว่าเรื่องมันจบลงไปแล้วจริง ๆ หรือยัง แต่ภาพที่เห็นกลับทำให้เธอรู้สึกอึ้งขึ้นมาจนตาเบิกกว้าง ไม่ใช่เพราะเห็นคนนอนตายอยู่ตรงหน้าแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะบุคคลปริศนาที่จัดการคนเหล่านี้ไปจนหมดมีใบหน้าที่คล้ายคลึงกับคนที่เธอเคยพบเจออย่างมากต่างหาก ถึงแม้ว่าเขาจะใส่หน้ากากยางปิดบังใบหน้าครึ่งบนเอาไว้ และแสงไฟที่ให้ความสว่างจะเป็นเพียงแค่ไฟท้ายรถก็ตาม แต่เธอก็มองเห็นและจดจำใบหน้าครึ่งล่างได้เป็นอย่างดีโดยเฉพาะนัยน์ตาทั้งคู่ของเขาที่มองมาที่เธอในตอนนี้ หญิงสาวเอาแต่มองชายคนนั้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีโอกาสได้พบกับเขาในที่แบบนี้มาก่อนเลยสักครั้ง
"มันตายแล้วจริง ๆ ใช่ไหม" สุวรรณาวิ่งกลับมาหาชายหนุ่มเหมือนเดิม แต่เธอเพิ่งจะมาเห็นทีหลังว่ามีชายคนหนึ่งแต่งตัวด้วยชุดหนังแปลก ๆ กำลังยืนเข่าอยู่บนพื้นไม่ไกล กำลังกระไอกระแอมออกมาอย่างหนัก ในมือของเขามีปืนอยู่กระบอกหนึ่ง ส่วนลูกน้องของตัวเองก็ถูกจัดการไปจนหมดแล้ว เมื่อเห็นอย่างนั้นเธอจึงหวีดร้องออกมาด้วยความตกใจ รีบวิ่งไปหลบข้างหลังพนาอีกครั้งด้วยความหวาดกลัว
"ไอ้เด็กเวรเอ้ย มันยังไม่ตายเลยนี่ ทำไมแกไม่ทำอะไรสักอย่างบ้างวะ" เธอตะเบ็งสุดเสียง รู้สึกโมโหเป็นอย่างมากที่พนาไม่ยอมทำอะไรจนปล่อยให้ตัวเธอเองตกอยู่ในอันตรายแทน ขาของเธอสั่นแรงจนหยุดไม่อยู่
"อย่าโง่ไปหน่อยเลยน่าคุณสุวรรณา" พนาต่อว่ากลับไปบ้าง ดวงตายังคงเพ่งมองชายชุดหนังที่ยืนเช็กลูกกระสุนในปืนของตัวเองอยู่
"โง่อะไรของแก แกน่ะสิไอ้โง่ ดูสิ มันยังยืนนับลูกกระสุนอยู่เลยเห็นไหม" สุวรรณาตะเบ็งต่อ เธอเห็นบุคคลอันตรายคนนั้นกำลังเก็บปืนใส่ซองตามเดิม ก่อนจะก้มเก็บปืนอีกกระบอกของลูกน้องตัวเองที่หล่นอยู่ใกล้เท้าของเขา
"เขารู้น่าว่าเราเป็นใคร ลองทำอะไรไม่เข้าท่าดูสิ รับรองว่าโดนเป่าหัวไปตั้งนานแล้ว" พนายังคงพูดได้อย่างหน้าตาเฉย เขาไม่มีเหงื่อไหลซึมหรือมีอาการขาสั่นออกมาให้เห็นเลยแม้แต่น้อย ราวกับว่าเขาคุ้นเคยกับสถานการณ์แบบนี้เป็นอย่างดีจนไม่รู้สึกหวาดกลัว และรู้วิธีรับมือที่ถูกต้องในแบบของตัวเองไปเสียแล้ว
ชายชุดหนังดึงแม็กกาซีนออกมาดูว่ายังเหลือกระสุนอยู่อีกกี่ลูก เขาค่อนข้างใจเย็นที่จะจัดการกับเป้าหมายของเขาให้เรียบร้อยเสียที ทั้งนี้ทั้งนั้นเขาก็เจ็บหนักอยู่พอสมควรเพราะถูกอัดกระแทกด้วยกระสุนปืนจำนวนไม่น้อย หากไม่ใช่เพราะชุดหนังเสริมแผ่นเหล็กกันกระสุนที่ทำขึ้นมา ป่านนี้เขาคงเดี้ยงไปตั้งนานแล้ว และอาจทำให้ภารกิจในครั้งนี้ล้มเหลวไปด้วย
การที่ชายชุดหนังถูกยิงไปตั้งขนาดนั้นแต่กลับไม่ยอมตายสักที หนำซ้ำยังถือปืนขึ้นมาเหมือนกับจะจัดการกับตัวเองและพนาไปด้วย มันทำให้สุวรรณารู้สึกกลัวขึ้นมายิ่งกว่าเดิมเป็นเท่าตัว ขาสั่นรุนแรงยิ่งขึ้นไปอีก ภาพในหัวมีแต่อสูรกายที่หมายจะขย้ำเหยื่อไม่ให้เหลือเลยแม้แต่ตัวเดียว ถึงจะยังไม่รู้ว่าอีกฝ่ายทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร แต่เท่าที่ดูก็คงจะหนีไม่พ้นถูกฆ่าเป็นแน่
มือของสุวรรณาจับแขนของเขาแรงขึ้นกว่าเดิม พนารับรู้ได้ทันทีว่าเธอกำลังคิดจะทำอะไร "อยู่เฉย ๆ น่าคุณสุวรรณา"
“อยากตายนัก แกก็อยู่คนเดียวไปเลย”
หญิงวัยกลางคนไม่สนใจในสิ่งที่พนาบอกอีกต่อไปแล้ว เธอปล่อยมือจากเขาพร้อมกับวิ่งไปที่รถของพนา ชายชุดหนังที่ไม่ต้องการให้ใครหนีไปได้จึงรีบยิงปืนใส่ลิ่วล้อคนสุดท้ายอย่างไม่เสียดายลูกกระสุน ก่อนจะขว้างปืนกระบอกนั้นใส่หัวสุวรรณาอย่างไม่ออมแรง
"โอ้ย !" เธอร้องออกมาสุดเสียง ทั้งความแข็งของปืน น้ำหนัก และแรงที่ปาออกมาทำให้สุวรรณารู้สึกเจ็บอย่างมากจนล้มลงไป พนาหันไปดูสิ่งที่เกิดขึ้นกับลูกค้าของตัวเองอย่างเลี่ยงไม่ได้
"ไม่กะจะเหลือไว้ให้ยิงสักนัดเลยหรือไงเนี่ย" ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอ มองดูสุวรรณาลุกขึ้นนั่งบนพื้นด้วยอาการมึนหัวอย่างหนัก ก่อนจะกลับไปมองชายชุดหนังตามเดิม "แถมยังเก็บอีกกระบอกไว้กับตัวอีกด้วย ฉลาดไม่ใช่เล่นเลยแฮะ"
"ไอ้สารเลวเอ๊ย" คราวนี้สุวรรณาด่าชายชุดหนังที่ทำเธอเจ็บบ้าง เธอเอามือกุมหัวตรงจุดที่ถูกปาพลางร้องโอดโอย ก่อนจะเห็นว่าชายคนนั้นกำลังเดินมาทางนี้
"ห้ะ อย่านะ อย่าเข้ามา" หญิงวัยกลางคนเริ่มตัวสั่น เธอเห็นความตายกำลังคืบคลานเข้ามาหาตัวเองทุก ๆ ย่างก้าว "ช่วยฉันด้วย"
"คุณสุวรรณา" พนาร้องเสียงหลง เขาพยายามบอกให้ลูกค้าของตัวเองอยู่เฉย ๆ อย่าทำอะไรไม่เข้าท่าขึ้นมา แต่สุดท้ายเธอก็ลุกขึ้นหวังจะเข้าไปข้างในรถให้ได้
“ช่วยด้วย ฉันยังไม่อยากตาย” สุวรรณาพยายามเปิดประตูรถฝั่งที่อยู่ใกล้กับตัวเอง แต่ไม่ทันจะเปิดประตูสำเร็จ เสียงก้องสะท้านจากปืนของใครก็ร้องดังขึ้น
Lady Killer เพชฌฆาตเลดี้ คิลเลอร์
บุคคลปริศนาก่อเหตุ ตอนที่ 1
..........................................................................................................................................................................................................
ช่วงนี้มีสาระ (มั้ง)
คัตเอาท์ (Cut-out) เป็นอุปกรณ์ตัดวงจรไฟฟ้าด้วยมือหรือเท้าก็ได้ ส่วนเบรกเกอร์ (Breaker) จะเป็นอุปกรณ์ตัดวงจรไฟฟ้าแบบอัตโนมัติเมื่อมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านเกินกว่าค่าที่กำหนด หรือเกิดเหตุไฟดูด ไฟรั่ว เป็นใบ
ไฟฟ้านี่อันตรายนะครับ ไม่งั้นโทวมะมันจะเมินทำไม ฮ่า ๆ ๆ ยังไง ๆ ก็อย่าลืมดูแลเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและตัวเองด้วยนะครับ หาข้อมูลเพิ่มเติมเองเน่อ
ความคิดเห็น