ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    E - Villain คนประลัยสายพันธุ์อี

    ลำดับตอนที่ #10 : #10 หญิงสาวผู้โชคร้าย

    • อัปเดตล่าสุด 2 ก.พ. 63


                    เมื่อเห็นว่าณัฐฐายินยอมให้ถามได้แล้ว น้ำจึงทำท่าทีจริงจังก่อนจะถามออกไป "คุณเคยรู้จักกับอาจารย์มาก่อนสินะคะ"


                    “ไม่เคยรู้จัก” ณัฐฐาตอบทันควัน


                    “แค่เดินสวนกันก็ได้” น้ำถามอีกครั้ง เหมือนเธอจะยังต้องการคำตอบที่ทำให้แน่ใจได้มากกว่านี้ ทำเอาณัฐฐาต้องหยุดคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบกลับอีกที


                    "ไม่"


                    "ก่อนถูกจับตัวมาคุณทำอะไรอยู่"


                    “ก็แค่เล่นโทรศัพท์กับอาบน้ำในห้อง นี่ถามทำไมเนี่ย”


                    "เอ่อ ไม่มีอะไรค่ะ แค่อยากรู้เฉย ๆ"


                    น้ำเงียบไปชั่วขณะ ก้มหน้าครุ่นคิดว่าเรื่องทั้งหมดคงจะมีการเข้าใจอะไรผิดไปเป็นแน่ แต่เพียงไม่นาน เธอนึกอะไรขึ้นได้แล้วเดินไปที่ลิ้นชักเก็บของของตน "รอแป๊บนะคะ"


                    "จะทำอะไรน่ะ" ณัฐฐามองตามหญิงสาวไป การที่เห็นเธอเข้าไปค้นหาอะไรในลิ้นชักแบบนั้นก็ชวนให้รู้สึกกลัวอยู่ไม่ใช่น้อย จะอาศัยโอกาสนี้เข้าไปทำร้ายแล้ววิ่งหนีไปก็ใช่ว่าจะเป็นความคิดที่ดีเสียเมื่อไหร่


                    “ไม่มีอะไรค่ะ รอแป๊บนึง”


                    จากนั้นไม่นาน น้ำปิดลิ้นชักเอาไว้ก่อนจะกลับมานั่งที่เก้าอี้ตามเดิม วัตถุขนาดพอเหมาะ 2 ชิ้นที่ถือติดมือมาด้วยถูกยื่นให้หญิงสาวผู้อยู่บนเตียง


                    “อะไรเนี่ย ?” เธอมองไปยังวัตถุทั้งสองที่อยู่ในมือของหญิงสาว ในมือข้างหนึ่งเป็นขวดสเปรย์พริกไทย ส่วนอีกข้างเป็นปืนไฟฟ้า


                    "ก็เอาไว้ป้องกันตัวไงคะ"


                    “ของฉันก็มี สุดท้ายก็มานั่งอยู่เนี่ย”


                    "อะ เหรอคะ" น้ำนิ่งไปชั่วขณะก่อนจะมองไปยังของในมือ คิดไตร่ตรองอีกทีว่ามีไปก็ไร้ความหมายหากเอาออกมาใช้งานไม่ทัน ไม่งั้นหญิงสาวผู้อยู่ตรงหน้าคงไม่ต้องมานั่งตอบคำถามของเธอแบบนี้ตั้งแต่แรกเป็นแน่


                    "เพิ่งจะอาบน้ำเสร็จก็ถูกไอ้โรคจิตนั่น" ณัฐฐาว่าต่อ แต่เธอกลับใช้คำพูดโดยไม่ไตร่ตรองให้ดีเสียก่อน น้ำที่ได้ยินแบบนั้นจึงตะเบ็งเสียงด้วยความโกรธก่อนที่เธอจะพูดจบ


                    “อย่ามาว่าอาจารย์ของฉันแบบนั้นนะ !” น้ำเปล่งเสียงออกมา แววตาน่ากลัวข่มณัฐฐาไม่ให้กล้าพูดหรือคิดอะไรแบบนั้นอีก


                    ณัฐฐาใบหน้าถอดสีเพราะตกใจสุดขีด เธอไม่รู้มาก่อนจริง ๆ ว่าสาวน้อยคนนี้จะรักและเคารพจนไม่ยอมให้ใครมาว่าชายคนนั้นเสีย ๆ หาย ๆ อย่างที่พูดไป เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เริ่มดูไม่ดีเธอจึงสงบอารมณ์ตัวเองเอาไว้ก่อนที่อะไร ๆ จะเกิดขึ้น ขณะเดียวกันก็พยายามสบตาด้วยสำนึกผิด


                    “ขะ ขอโทษนะ คือว่า...” ณัฐฐาพูดเสียงเบา เธอตั้งใจจะขอโทษหญิงสาวที่ทำให้รู้สึกไม่ดี แต่ยังไม่ทันจะพูดจบน้ำที่สงบสติอารมณ์ได้ตามหลังจึงพูดตัดหน้า


                    "ช่างเถอะค่ะ ที่คุณว่ามามันก็ไม่ผิดอะไรหรอก"


                    “อะ เหรอ” ณัฐฐาเริ่มรู้สึกดีขึ้นมาบ้างที่ได้ยินแบบนั้น แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมต้องปกป้องเขาคนนั้นถึงขั้นนี้ด้วย


                    “นี่ ขอถามอะไรหน่อยสิ”


                    "อะไรเหรอคะ ?"


                    "เธอสองคนเป็นอะไรกันน่ะ" ณัฐฐาถามออกไป เธอมั่นใจแล้วว่าสองคนนี้ต้องไม่ใช่พ่อลูกกันแน่ ๆ เพราะเห็นหญิงสาวเรียกเขาว่า 'อาจารย์' อยู่บ่อย ๆ รูปร่างหน้าตาก็ไม่มีส่วนที่คล้ายคลึงกัน จะบอกว่าเป็นศิษย์กับอาจารย์ตามที่ได้ยินก็ดูไม่ค่อยน่าเชื่อถือสักเท่าไหร่


                    "หือ ?"


                    "ทำไมต้องโกรธที่ฉันว่าเขาขนาดนั้นด้วย มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลยนะ"


                    "อ๋อ อาจารย์เป็นผู้มีพระคุณของฉันน่ะค่ะ"


                    “ยังไง ?”


                    “เคยถูกช่วยเอาไว้ตอนแอบไปเที่ยวกับเพื่อนน่ะค่ะ”


                    “เล่าให้ฟังหน่อยได้ไหม”


                    “เอ่อ” หญิงสาวคิดอยู่สักพักว่าควรจะบอกไปดีไหม แต่ถ้าบอกไปก็ดีเหมือนกัน เพราะยังไงก็ต้องอยู่คุยเป็นเพื่อนกับแขกของเธออยู่แล้วนี่ "ก็...ได้อยู่นะคะ"


                    น้ำวางปืนไฟฟ้ากับสเปรย์พริกไทยเอาไว้บนเตียง จากนั้นจึงเริ่มเล่าเรื่องราวของตน "ตอนนั้น น้ำชวนเพื่อนที่เรียนปีหนึ่งด้วยกันไปเที่ยวคลายเครียดในผับน่ะค่ะ พวกเธอมาจากต่างจังหวัดด้วย ก็มีดื่มกันบ้างนิดหน่อย แต่ไม่ได้เมานะคะ"


                    "อ๋อ จ้ะ"


                    "แรก ๆ ก็ไม่มีอะไรค่ะ จนกระทั่ง" ...


                    ..........


                    น้ำเริ่มรู้สึกเหนื่อยขึ้นมาอีกครั้งหลังจากที่โยกย้ายส่ายสะโพกมานาน เธอลดมือลงต่ำก่อนจะยอมแพ้ให้กับคนทั้งผับที่ยังมีแรงเต้นอยู่ แม้จะรู้สึกเหนื่อยยังไง แต่ก็ต้องยอมรับว่าความสนุกที่ได้มานั้นมันคุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม


                    หญิงสาววัยสิบแปดมองหาเพื่อนทั้งสองของตัวเอง อยากจะรู้ว่าสองคนนั้นกำลังสนุกกับการมาเที่ยวผับเป็นครั้งแรกของพวกเธอทั้งสามหรือเปล่า แต่ก็พบว่าเพื่อสาวคนหนึ่งปลีกตัวแอบไปคุยกับหนุ่มหล่อจากที่ไหนและเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ และดูเหมือนว่ากำลังจะขอเฟซบุ๊กและไลน์ของกันและกันอีกด้วย


                    "โม" เธอเรียกเพื่อนสาวอีกคนที่เต้นอยู่ใกล้กัน แต่เหมือนว่าจะไม่ได้ยินเพราะเสียงเพลงที่ดังจนเกินไป ก่อนจะใช้มือสะกิดเข้าช่วยอีกที "ยัยโม"


                    แตงโมรู้สึกตัวในที่สุด เธอหันมาทางเพื่อนของตัวเอง “อะไร พูดดัง ๆ ไม่ได้ยิน”


                    "ยัยจุ๊บมันคุยอยู่กับใครน่ะ" พร้อมกับหันไปดูเพื่อนสาวที่อยู่กับหนุ่มแปลกหน้า


                    แตงโมมองหาจุ๊บเพียงแวบเดียวก็เจอ เพื่อนสนิทของตัวเองกำลังพูดคุยกับผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้ แถมเขายังพยายามเข้าไปพูดใกล้ ๆ จนตัวแทบจะติดกันโดยใช้เพลงที่เสียงดังเป็นข้ออ้าง


                    "ไม่รู้เหมือนกัน เดี๋ยวฉันเข้าไปดูมันหน่อยดีกว่า"


                    “ดีเลย งั้นฝากหน่อยนะ ฉันจะไปเข้าห้องน้ำก่อน”


                    “ให้ไปเป็นเพื่อนไหม”


                    “ฉันไปคนเดียวได้ นี่ถิ่นฉัน แกไปดูยัยจุ๊บก่อนเถอะ อย่าให้มันเข้าใกล้ผู้ชายมากนะ”


                    "เออ ๆ แกรีบไปเถอะ"


                    พูดเสร็จ ทั้งสองต่างก็แยกย้ายกันไป แตงโมเข้าไปดูแลจุ๊บอยู่ใกล้ ๆ โดยไม่พยายามห้ามเพื่อนมากจนเกินไป ส่วนน้ำก็ต้องรีบไปเข้าห้องน้ำเสียตั้งแต่ตอนนี้ ไม่งั้นคงได้เอาแต่ดูแลเพื่อนจนไม่ได้ไปฉี่สักทีเป็นแน่ เธอมุ่งตรงไปยังห้องน้ำหญิงที่อยู่อีกฟากของกำแพง ค่อย ๆ แหวกว่ายฝ่านักท่องราตรีอย่างระมัดระวัง แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร จู่ ๆ หญิงสาวก็ถูกใครบางคนจับแขนเอาไว้จากข้างหลัง


                    "โอ๊ย !" หญิงสาวอุทาน รีบหันไปดูว่าใครแน่กันที่จับแขนเอาไว้ "อะไรเนี่ย"


                     คนที่จับแขนของน้ำเอาไว้เป็นชายร่างใหญ่วัยกลางคน เขากวาดตาดูรูปร่างหน้าตาและเสื้อผ้าที่ใส่อยู่เพียงแวบเดียว ก่อนจะทักขึ้น "นี่ เธอน่ะ ยังเรียนอยู่สินะ"


                    "หนูแสดงบัตรตอนเข้ามาแล้วนะ คุณเป็นเจ้าหน้าที่หรือเปล่า ?"


                    "ที่นี่มันอันตราย กลับบ้านไปอ่านหนังสือไป" ...


                    ..........


                    “เข้ามาจับแขนเลยเหรอ ?” ณัฐฐาพูดแทรกระหว่างการเล่าเรื่อง เธอนึกสงสัยเหมือนกับน้ำในตอนนั้นว่าเขาทำแบบนี้ไปเพื่ออะไรกันแน่


                    “ค่ะ”


                    “ที่บอกว่า 'ถูกช่วยเอาไว้' นี่ ไม่ได้หมายถึงเรื่องนี้สินะ”


                    “ค่ะ เพราะรู้อยู่แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น อาจารย์เลยเข้ามาห้ามเอาไว้ก่อน แต่ฉันก็ยัง” หญิงสาวตอบด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปในช่วงหลัง...


                    ..........


                    น้ำเมินความหวังดีจากชายที่ตัวเองเดินชน ได้แต่กล่าวขอโทษเพียงอย่างเดียวเพราะไม่อยากจะคุยกับคนแปลกหน้าจนเกินความจำเป็น หนำซ้ำยังต้องรีบไปเข้าห้องน้ำอีก เธอจึงเดินต่อไปทั้งอย่างนั้นแม้ว่าเขาจะร้องเรียกแค่ไหนก็ตาม


                    แต่แล้วเสียงเรียกของชายคนนั้นก็หยุดลงไปในที่สุด หญิงสาวคิดว่าเขาคงจะถอดใจเรื่องของเธอไปแล้วเป็นแน่ แต่พอหันกลับไปดูเพื่อความแน่ใจ เธอกลับพบว่าเขากำลังจ้องตาเขม็งกับชายอีกคนที่มีแผลเป็นรูปกากบาทขนาดใหญ่บนแก้มซ้ายในวัยใกล้เคียงกันอยู่ สองคนนั้นคงจะเดินชนไหล่กันเป็นแน่ถึงได้จ้องตาปานจะเชือดเฉือนกันเสียขนาดนั้น แต่ยังไงนั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องเข้าไปยุ่งอะไรด้วย เธอจึงเลิกสนใจผู้ชายคนนั้นแล้วหันกลับไปทางห้องน้ำอีกที แต่กลับไม่รู้สึกตัวมาก่อนว่ามีใครยืนอยู่ตรงนั้นจนทำให้เธอเดินชนเบา ๆ


                    "โอ้ย !"


                    หญิงสาวสะดุ้งตัวเพราะเดินชนคนอื่นเข้าจนได้ ขณะเดียวกัน มือใหญ่คู่หนึ่งก็เข้ามาประคองไว้ไม่ให้เธอล้ม น้ำพยายามตั้งสติกลับคืนมาดังเดิม ก่อนจะมองไปยังหนุ่มแปลกหน้าที่ประคองไหล่ของเธออย่างเบามือ


                    "เป็นไรไหมครับ" ชายหนุ่มถาม แววตาดูเป็นมิตร


                    "เอ่อ ค่ะ ไม่เป็นไร"


                    ชายหนุ่มยิ้ม ก่อนจะมองไปยังมือทั้งสองของตัวเอง เขาค่อย ๆ ดึงมันกลับมาก่อนจะถูกมองว่าเป็นพวกชอบลวนลามทีเผลอ แล้วหัวเราะในลำคอเล็กน้อยให้กับความบังเอิญในวันนี้ ส่วนอีกฝ่ายก็ไม่ได้ติดใจอะไรมากนัก


                    "ขอโทษนะคะ พอดีว่ารีบไปหน่อย"


                    “อ้อ ไม่เป็นไรครับ เรื่องเล็ก” เขาตอบกลับ จากนั้นทั้งคู่ก็ไม่รู้จะคุยอะไรกันต่อ ได้แต่ส่งยิ้มให้กันทั้งอย่างนั้นก่อนที่น้ำจะปลีกตัวออกไปอีกครั้ง


                    หญิงสาวก้าวเดินต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนมาถึงทางเข้าห้องน้ำหญิง เธอไม่ได้หันกลับไปมองข้างหลังเลยสักนิด แต่กลับรู้สึกได้ว่ามีใครบางคนกำลังเดินตามเธอมา และมันดูไม่น่าไว้ใจ เธอกวาดตามองห้องน้ำทั้งหมดเพียงแวบเดียวก็รู้แล้วว่าในนี้ไม่มีใครอยู่ จึงใช้โอกาสนี้หมุนขวับพร้อมกับปล่อยหมัดขวาออกไป แต่แล้วใครบางคนที่ว่ากลับหลบได้ทันและชกกลับคืน หมัดขวารุนแรงพุ่งใส่หน้าท้องจนทำให้น้ำฟุบลงทันที เธอรู้สึกเจ็บมากจนส่งเสียงร้องออกไปไม่ไหว


                    "เป็นมวยด้วยเว้ยเฮ้ย" ชายหนุ่มว่า พลางประคองร่างของน้ำที่เกือบจะสลบไว้บนไหล่ตัวเอง ก่อนจะมองดูรอบ ๆ ว่ามีใครเห็นเหตุการณ์ในครั้งนี้ไหม


                    ไม่นาน หญิงวัยกลางคนหน้าตาสะสวยก็เดินเข้ามา เธอดูเร่งรีบและไม่ตกใจกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า แน่นอนว่าเธอรู้เห็นเป็นใจกับชายหนุ่มคนนั้น โดยสิ่งที่ทำคือคอยดูต้นทางและกันไม่ให้คนอื่นเข้ามาในนี้ได้ชั่วคราว


                    "เสร็จหรือยัง รีบ ๆ ไปได้แล้ว สังหรณ์ใจไม่ดียังไงไม่รู้" เธอว่า แต่แล้วกลับสังเกตเห็นว่าเหยื่อของเธอยังไม่สลบไปเลยสักนิด ยังจะพอรับรู้อะไรหลาย ๆ อย่างได้ดีอยู่เหมือนเดิม "เดี๋ยวสิ ยัยเด็กใจแตกนั่นมันยังไม่สลบเลยนี่"


                    "หืม"


                    ชายหนุ่มหันกลับไปดูตามที่ถูกทักท้วง เหยื่อสาวยังแข็งแรงพอที่จะตั้งสติได้อยู่ แต่นั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเขาเลยแม้แต่น้อย ชายหนุ่มชกซ้ำที่เดิมอีกครั้งอย่างไม่รู้สึกผิด ทำเอาเหยื่อของเขาสลบคาไหล่อย่างตอบโต้ไม่ได้


                    "สลบไปตั้งแต่แรกก็ดีอยู่แล้ว" ชายหนุ่มพูดส่งท้ายให้กับหญิงสาวที่หมดสติไปแล้ว ก่อนจะพยุ่งร่างของเธอขึ้นมาแล้วเดินออกไป


                    ..........


                    น้ำไม่สามารถขยับแขนทั้งสองได้อย่างอิสระ มันถูกจับไขว้หลังและมัดด้วยเชือกอย่างแน่นหนา ตาและปากของเธอก็เช่นกัน มันถูกมัดด้วยผ้าป้องกันการมองเห็นและถูกปิดด้วยเทปป้องกันการส่งเสียง เธอพยายามแก้มัดตัวเองมานานแล้ว แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จสักที


                    ตั้งแต่ที่ได้สติกลับมา เธอรับรู้ได้เพียงแค่เสียงรถยนต์กำลังแล่นไปข้างหน้า แรงสั่นสะเทือนเล็ก ๆ ตามรายทาง เสียงอู้อี้แหลมเล็กทางขวามือของใครอีก 2 คน น้ำคิดว่าคนเหล่านี้คงจะอยู่ในสภาพเดียวกันไม่ต่างจากเธอ


                    เหยื่อสาวทั้งสามถูกจับเอาไว้ในแค็บของรถคันหนึ่ง พวกเธอเอาแต่สงสัยว่าตัวเองมาอยู่ในสภาพแบบนี้ได้ยังไง ใครเป็นคนทำ และทำไปเพื่ออะไรกันแน่ ขณะเดียวกัน ทั้งสามก็พยายามแก้มัดตัวเองต่อไปแม้ว่าโอกาสสำเร็จจะไม่มีเลยก็ตามที


                    “หนอย พวกนี้พูดไม่รู้เรื่องหรือไงห้ะ” หญิงวัยกลางคนตวาดขึ้นจากที่นั่งข้างคนขับ พร้อมกับใช้กระเป๋าสะพายไหล่ฟาดเข้าที่ใบหน้าของน้ำอย่างจังจนไปชนกับกระจกรถอีกที ทำเอาหญิงสาวส่งเสียงร้องเจ็บผ่านเทปที่ปิดปาก ขณะเดียวกัน เหยื่อสาวอีก 2 คนก็ส่งเสียงร้องกลัวและขยับตัวออกไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ "อยากแก้มัดดีนักใช่ไหม"


                    “พวกแกก็หยุดร้องได้แล้ว ! เดี๋ยวตบให้เลือดกบปากเลยนี่” เธอตวาดใส่เหยื่อสาว 2 คนนั้นบ้าง แต่มืออำมหิตกลับจิกหัวของน้ำลงไปอย่างไร้ปราณี "ถ้าไม่อยากเจ็บตัวเหมือนกับยัยนี่ก็หุบปากไว้ซะ"


                    เสียงของทั้งสองเงียบลงไปแทบจะทันที พวกเธอไร้ทางสู้และกลัวมาก ๆ จนไม่กล้าขัดขืน ส่วนน้ำรู้สึกมึนหัวอย่างหนักจนทำอะไรไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ได้แต่ร้องโอดโอยพร้อมกับนอนฟุบอยู่บนตักของเหยื่ออีกคน พวกเธอทั้งสามช่างโชคร้ายที่ต้องมาเจออะไรแบบนี้ หากเป็นแบบนี้ต่อไปต้องเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับพวกเป็นแน่


                    แต่เพียงไม่นาน ความเร็วของรถก็ถูกผ่อนลง และหยุดวิ่งลงไปเมื่อมาถึงจุดหมายจริง ๆ เหยื่อผู้เคราะห์ร้าย 2 คนออกอาการหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด มีแต่น้ำที่ไม่กลัวและแอบเอาหัวถูกับตักจนผ้าปิดตาฝั่งขวาเลิกขึ้นสำเร็จ เธอหายมึนหัวแล้ว แต่ยังรู้สึกเจ็บนิด ๆ อยู่ หน้าผากโนขึ้นมาจนเห็นเด่นชัด แม้กระทั่งใบหน้าข้างขวาก็ยังมีรอยฟกช้ำไม่ต่างกันนัก เธอพยายามไม่เคลื่อนไหวให้เสียแรงเปล่า และรอคอยอะไรบางอย่างด้วยแววตาที่กะจะเอาคืนให้ได้


                    "เบามือหน่อยคุณสุวรรณา คนสุดท้ายน่ะผมค่อนข้างจะชอบเธอเสียด้วยสิ" ชายคนหนึ่งท้วงขึ้นจากที่นั่งคนขับ เขาพูดกับหญิงอำมหิตที่กำลังสะพายกระเป๋า แต่น้ำที่อยู่ข้างหลังกลับจำเสียงเสียงนั้นได้เป็นอย่างดี เพราะเจ้าของเสียงคนนั้นคือคนที่ต่อยเธอจนสลบในผับนั่นเอง


                    "เบามือกับมัน แล้วมันจะกลัวหรือไงกันห้ะ" สุวรรณาปฏิเสธพลางเปิดประตูรถ ทำเอาชายบนเบาะหัวเราะในลำคอด้วยความพอใจ แท้จริงแล้วเขาเองก็เป็นหนึ่งในคนที่มีความสุขเวลาที่เห็นคนอื่นเจ็บปวดเหมือนกัน


                    ชายคนนั้นก่ายแขนกับพนักเก้าอี้และยื่นหน้าออกมาให้เห็น เขาคือชายคนเดียวกันกับที่เจอในผับจริง ๆ และเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจเรื่องที่น้ำเปิดผ้าปิดตาได้เลยแม้แต่น้อย ชายหนุ่มเปลี่ยนไปใช้สายตาโลมเลียซอกคอของน้ำอย่างน่ารังเกียจ มันไล้ลงไปจนถึงทรวงอก และหยุดเอาไว้ที่เป้ากางเกง


                    "เก่ง ๆ อย่างเธอเนี่ย ลูกค้าได้เอาจนเดินขาถ่างแน่ ๆ"


                    น้ำถึงกับตาเบิกกว้างเมื่อได้ยินในสิ่งที่เขาพูด ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าสิ่งที่กลัวจะกลายเป็นความจริงขึ้นมา เธอและอีก 2 คนถูกจับตัวมาเป็นหญิงขายบริการให้กับลูกค้าซาดิสม์อย่างที่คิดเอาไว้จริง ๆ


                    Lady Killer เพชฌฆาตเลดี้ คิลเลอร์

                    หญิงสาวผู้โชคร้าย


    ..........................................................................................................................................................................................................


                    ช่วงนี้มีสาระ (มั้ง)


                    ปืนไฟฟ้า หรือที่บางคนคุ้นเคยในชื่อ "เทเซอร์ กัน" (Taser Gun) มันเป็นปืนชนิดหนึ่งที่มีกระสุนเป็นลูกดอกไฟฟ้า และไม่มีอันตรายจนถึงแก่ชีวิต มีไว้สำหรับหยุดยั้งเป้าหมายไม่ให้สามารถทำอะไรได้ชั่วคราว เช่น ลอบจับคนร้ายที่กำลังเผลอ


                    ปืนไฟฟ้ามีลักษณะที่คล้ายกับปืนทั่ว ๆ ไป ขนาดกำลังเหมาะมือ ลูกดอกจะเชื่อมกับตัวปืนโดยมีขดลวดเป็นสื่อนำไฟฟ้าสำหรับช็อตร่างกายเป้าหมายให้เป็นอัมพาตชั่วคราว สามารถยิงได้ไกลราว ๆ 4-10 เมตร อันนี้มันก็แล้วแต่รุ่นอะนะ ลูกดอกสามารถยิงได้ 1-3 ครั้ง อันนี้มันก็แล้วแต่รุ่นอีกล่ะอะนะ สามารถเปลี่ยนชุดลูกดอกได้เหมือนกับแม็กกาซีนปืนทั่วไปเลยครับ อ้อ ประชาชนทั่วไปสามารถมีไว้ในครอบครองได้ แต่บางรุ่นก็มีได้แค่เฉพาะเจ้าหน้าที่เท่านั้นอะนะอีกแล้ว


                    จะว่าไปมันก็ดูอันตรายอยู่เหมือนกันแฮะ ช็อตคนจนเป็นอัมพาตชั่วคราวได้เลยนะนั่น แต่ก็นั่นแหละนะ ถ้าเอาออกมาใช้ไม่ทันมันก็ไร้ความหมาย ยังไงก็ดูแลความปลอดภัยให้กับตัวเองและคนรอบข้างด้วยนะครับ หาข้อมูลเพิ่มเติมเองเน่อ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×