ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    FanFic : All Fiction [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #8 : [SGL] The Princess and the The Guardian

    • อัปเดตล่าสุด 22 ต.ค. 54




    [SGL] The Princess and the The Guardian

     

                ...และหลังจากนั้น อัศวินกับเจ้าหญิงโฉมงาม...ก็ครองรักกันอย่างมีความสุข....

     

                ปลายนิ้วเรียวยาวเอื้อมมาปิดหนังสือนิทานเล่มบางในมืออีกฝ่ายลงอย่างถือวิสาสะ

                “ไม่ยักรู้ว่าหน้าอย่างนี้อ่านหนังสือแบบนี้เป็นด้วย?”เรียวคิ้วสวยเหนือดวงตากลมโตได้รูปเลิกขึ้นเป็นเชิงถาม รอยยิ้มยียวนนั่นช่างแตกต่างกับนางฟ้าคนสวยเวลาอยู่ต่อหน้าแฟนเพลงซะจริง แต่ก็นะ...เขาก็ทำได้แค่ถอนหายใจอย่างเอือมระอา

                “ก็ไม่ได้ชอบอะไร....”....พูดให้ถูกก็คือเกลียดเลยมากกว่า

                “แค่ไม่มีอะไรทำ”ร่างสูงยักไหล่น้อยๆก่อนจะวางหนังสือเล่มบางในมือลง

                “ว่าแต่ มึงอุตส่าห์ถ่อมาถึงนี่ มีอะไรจะใช้กูอีกล่ะครับ?”หรี่ตาลงเล็กน้อยพลางเอ่ยถามอย่างรู้เท่าทันตามประสาคนรู้จักกันมานานจนรู้เช่นเห็นชาติกันดี

                “ไปซื้อของเป็นเพื่อนหน่อยได้ไหม?”รูปประโยคช่างดูเป็นประโยคร้องขอที่สุดแสนจะอ่อนหวาน ตรงกันข้ามกับท่าทางและน้ำเสียงที่ไม่ว่าจะตะแคงคอมองมุมไหนมันก็เป็นประโยคคำสั่งชัดๆ

                “แต่....”ยังพูดออกมาไม่จบคำดีเสียงเจื้อยแจ้วน่าฟังที่เขาไม่อยากฟังก็แทรกขัดขึ้นมาในทันที

                “ไม่ต้องมาแต่ พึ่งบอกไปหยกๆว่าไม่มีอะไรทำไม่ใช่เหรอ”ยังไม่วายยกมือขึ้นเท้าสะเอวอย่างเอาเรื่อง บ่งบอกชัดเจนว่าเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากทำตามที่อีกฝ่าย”ขอร้อง”

                “....เออ ครับๆ ก็ได้ครับ แค่ออกไปเป็นเพื่อนก็พอแล้วใช่ไหม?” เอาเถอะ ยังไงก็ไม่เคยปฏิเสธอะไรได้อยู่แล้วนี่นะ

                “ไม่พอ”เสียงที่ปกติหวานใสยิ่งกว่าน้ำผึ้งเดือนห้านั้นห้วนสั้นไปถนัดใจ

                “ข้อหาทำให้กูต้องพูดเพิ่มอีกหลายประโยค มึงต้องเป็นคนถือของให้กูด้วย”

                “.....”

                กูเกลียดมึง...

                คนหน้าดุขมวดคิ้วคมเข้าหากันก่อนทำใจจะก้มหน้ารับชะตากรรมอย่างปลงตก ใช้ซี้... ยังไงซะพ่อนักร้องเสียงหวานของเขาคนนี้ก็เป็นฝ่ายถูกอยู่เสมอนั่นแหละ

                “อ้าวๆ ทำเงียบนะมึง อะไรกัน ตัวโตเท่าควายทำไมขี้ใจน้อยอย่างงี้วะ”ขณะกำลังแอบบ่นอยู่ในใจ ท่อนแขนเรียวบางก็จัดการล็อคคอเข้าเสร็จสรรพ ใบหน้าติดหวานที่เห็นจนคุ้นเคยนั้นฉีกยิ้มจนตาหยี นิ้วเรียวลูบไล้ปลายคางแกร่งเป็นจังหวะเชื่องช้าราวกับจะยั่วยุ “ไม่งอนน่านะ เมี้ยวๆ เดี๋ยวกูเลี้ยงหนังก็ได้”

                กริยานั้นเล่นเอาคนถูกกระทำอึ้งไปเกือบนาที ก่อนที่จะรู้ตัวและสะบัดมือน้อยๆนั้นออก

                “กูไม่ใช่หมาใช่แมวนะครับ ไอ้นี่”

    ...มึงเห็นกูเป็นอะไร...

                “อ้าวเหรอ ไม่บอกไม่รู้นะเนี่ย”ยังมีหน้ามาลอยหน้าลอยตาทำหน้าตาใสซื่อน่ารักกวนประสาทชาวบ้านต่อได้อีกนะคนเรา

                “เดี๊ยะๆ”

                “ฮ่ะๆๆ เอาน่า ไม่งอนๆ ป่ะ เร็ว เดี๋ยวกลับค่ำแล้วป๊าจะบ่นอีก”

                “ครับๆ เข้าใจแล้วครับ ได้ตามบัญชาเดี๋ยวนี้ล่ะครับ”

     

    ...ยังต้องปวดหัวกับความเอาแต่ใจของมึงอีกนานเท่าไหร่...

    ...ยังต้องอดทนกับการหยอกเล่นแบบนี้ของมึงอีกนานแค่ไหน...

    ...นี่...

     

                “เพราะอย่างงี้ไง ถึงได้เกลียดนิทานแบบนั้น...”บ่นพึมพำกับตัวเองเป็นครั้งที่ร้อยได้แล้วล่ะมั้ง...เกลียดจริงๆกับไอ้นิทานเพ้อฝันพวกนั้นน่ะ...เกลียดเพราะอิจฉาอัศวินในนิทานพวกนั้นจนแทบทนไม่ได้...

                “หืม?”เหมือนเมื่อกี้นี้จะได้ยินอีกฝ่ายพึมพำอะไรซักอย่าง แต่เพราะเพลงที่เปิดคลอเบาๆในรถทำให้ได้ยินไม่ถนัดนัก ใบหน้าคมติดหวานเอี้ยวมองขับรถพร้อมกับเรียวคิ้วสวยที่เลิกขึ้นเล็กน้อย

                “มึงพูดกับกูป่ะ?”

                “เปล่า...”เสียงทุ้มต่ำลับหายเข้าไปในลำคอ

     

    ในโลกแห่งความเป็นจริงน่ะ...

    ...อัศวินมีหน้าที่ปกป้องเจ้าหญิง....

    ...ปกป้อง...

    .

    .

    .

    ...ไม่ใช่ครอบครอง...

     

               

                “เฮ้ เหม่ออะไรของมึงเนี่ย ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ”เสียงบ่นนั้นลอยเข้าหูซ้ายแล้วก็ลอยออกหูขวาไปอย่างไม่ได้รับการใส่ใจจากคนฟังทำเอาคนพูดเริ่มหงุดหงิด จะพูดเท่าไหร่ก็เหมือนพูดอยู่กับอากาศ ตะโกนก็แล้ว ร่ำๆจะยกมือขึ้นประทุษร้ายไอ้คนช่างเหม่อก็แล้ว พ่อเจ้าประคุณยังไม่ได้รู้สึกถึงการมีตัวตนอยู่ของเขาอีก

                มันน่าโมโหนัก!

                “ไอ้คุณนัทครับ!!”เสียวตวาดแหวที่ดังขึ้นข้างหูพร้อมกับมือน้อยๆที่ฟาดลงบนบ่าแกร่งเสียเต็มรักทำเอาคนถูกเรียกสะดุ้งสุดตัว พลางยกมือขึ้นลูบผิวที่แสบร้อนเพราะแรงตี

                “ห๊ะ!? หา? อะไร? อะไร? ไฟไหม้!?”ร่างสูงหันซ้ายแลขวาด้วยอาการเหมือนคนพึ่งตื่นเรียกเอาความหงุดหงิดที่พอจะหายไปบ้างแล้วแล่นริ้วขึ้นมาใหม่ ร่างโปร่งขบฟันคมลงกับเรียวปากได้รูปอย่างพยายามข่มกลั้นอารมณ์

                “อ้าว ก็ไม่มีอะไรนี่หว่า แล้วไหงเรียกกูซะเสียงดังแบบนี้?”

                “เชี่ยนัท...แม่ง....... จะไปตายที่ไหนก็ไป!”กระทืบเท้ามันซักทีให้หายขัดใจแล้วก็เดินหนีไปด้วยใบหน้าที่เต็มใบด้วยริ้วรอยของความหงุดหงิดอย่างหาได้ยาก

                “โอ๊ย! เชี่ย! อะไรวะ...?”

     

    ...จู่ๆก็มาหา...

    ...มาอ้อนมาสั่งให้ออกมาเป็นเพื่อน...

     

                มือใหญ่ยกขึ้นเกาท้ายทอยอย่างจนใจขณะมองตามแผ่นหลังบางที่เริ่มห่างออกไป ความเจ็บปวดที่ปลายเท้าเริ่มจะจางลงบ้างแล้วแต่ความงุนงงสงสัยกลับมีแต่จะเพิ่มพูนขึ้น

                “ซิน! ซิน! เฮ้!”เขาพยายามตะโกนเรียกแต่คนที่เมื่อครู่กระทืบมาเสียสุดแรงคนนั้นกลับไม่มีท่าทีว่าจะหันกลับมาเลยซักนิด

                “ตกลงนี่กูทำอะไรผิดอีกวะเนี่ย?”

     

                ...สุดท้ายก็โกรธกันซะอย่างนั้น?...

     

                ร่างสูงถอนหายใจหนักหน่วงอีกครั้ง แล้วเริ่มสาวท้าวตามไป อาศัยช่วงขาที่ยาวกว่า เพียงครู่เดียวเขาก็มองเห็นปลายผมของคนหงุดหงิดนั่นอยู่ไวๆ จริงๆเล้ย...เดินไปไหนมาไหนคนเดียวเดี๋ยวก็มีเรื่องอีก...

                “ขอโทษนะครับ ผมไม่ใช่ผู้หญิง”.....หรอก...

                นั่นไง...พูดยังไม่ทันขาดคำ

                เสียงหวานใสแต่ติดจะห้วนไปบ้างที่แสนคุ้นหูดังขึ้น ด้วยท่วงทำนองที่เร่งให้ชายหนุ่มก้าวเท้าไวขึ้น

                “เอ๊ะ บอกว่าไม่ก็ไม่สิ ฟังภาษาไทยไม่รู้เรื่องรึไงครับ!?

                แต่นั่น...ก็เกือบจะช้าเกินไปแล้ว...

                “ซิน! ระวัง!”ดวงตาเรียวคมเบิกกว้าง ราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวช้าลง ไวกว่าความคิดมือแกร่งยื่นไปขวางระหว่างร่างโปร่งบางของนักร้องนำคนสำคัญกับคู่กรณี ตอนนั้นเองที่ความรู้สึกแสบร้อนแล่นริ้วจากใจกลางฝ่ามือ
                โชคดีที่ทัน...แต่ไฟบุหรี่ที่ถูกจี้ลงบนเนื้อเปล่าๆนั่นน่ากลัวว่าจะเป็นแผลไปอีกนาน...

                มือกีร์ต้าหนุ่มไม่พูดอะไร เพียงใช้มืออีกข้างรุนหลังร่างบางที่ท่าทางยังตกใจไม่หายให้ออกเดิน และก้าวจากมาโดยปล่อยให้คู่กรณีได้แต่ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น

                “กลับเถอะ ของอะไรไว้มาซื้อกันวันหลัง”

                “นัท...มึง...มึงทำบ้าอะไรวะเนี่ย?”จนกระทั่งถูกจับยัดกลับขึ้นรถนั่นแหละร่างบางถึงได้คลำหาเสียงของตัวเองเจอ

                “...คิดว่ากูอยากทำรึไงเล่า”พึมพำตอบด้วยเสียงแผ่วเบาอย่างมาก...  

                “เชี่ยนัท กูไม่ใช่ผู้หญิงนะ โดนบุหรี่จี้แค่นี้ไม่ตายหรอก แล้วแม่ง เอาตัวเข้ามาบังแทนเนี่ย ดูหนังมากไปเปล่า โง่ว่ะ”คำด่าที่มาเป็นชุดทำให้คิ้วเรียวเข้มขมวดมุ่นเข้าหากัน

                “เออๆ แดกดันกันเข้าไป ทำไงได้ล่ะวะรู้ตัวอีกทีบุหรี่ก็โดนมือไป...........”ก่อนจะทันพูดให้จบประโยค...ถ้อยคำทั้งหมดที่กำลังจะเถียงกลับถูกกลืนหายเข้าไปในลำคอ...เมื่อเห็นใบหน้าหม่นหมองของอีกฝ่าย...

                “...”มือใหญ่เอื้อมข้ามไป ลูบเบาๆบนเรือนผมนุ่มนิ่ม

                “เฮ่ย...ซิน...รู้อะไรป่ะ...กูไม่เสียใจหรอกนะ...ไม่เคยคิดจะเสียใจเลย...”

                “แต่มือมึง...”

                “กูไม่เป็นไร แผลแค่นี้เอง เลียเอาก็หายแล้ว ป่ะ กลับบ้านกันเดี๋ยวกูไปส่งเอง”

     

    ...ก็หน้าที่ของอัศวิน...

    ...คือปกป้องเจ้าหญิงนี่นา...

               

                “...”

                “อย่าทำหน้าอย่างนั้นดิ กูไม่เป็นไร....”

     

    ......ไม่เป็นไรจริงๆ

    แค่มึงไม่เป็นอะไร...ก็ดีแล้ว......

     

     

     

     

    END

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×