คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ๒.บุพเพรั้งใกล้
๒
- บุพเพรั้งใกล้ -
แสงแดดยามสายลอดผ่านซี่ไม้ไผ่ กระทบกับร่างเพรียวบางอ้อนแอ้นของสตรีผู้กำลังแตะปลายนิ้วลงกับชีพจรของเด็กหญิง ดวงหน้างดงามเฉิดฉันแฝงริ้วประกายเครียดเคร่งชั่วครู่ก่อนจะผ่อนคลายลง
“ไม่เป็นอะไรมากแล้ว” สุ้มเสียงทุ้มกังวานเหมือนกระพรวนของนางกล่าวคำ “เด็กดี จากนี้ไปต้องกินยาที่ข้าให้อย่างเคร่งครัด ใบสนเข็มแดงนี้ข้าได้มาไม่ง่าย อย่าปล่อยให้เสียเปล่าไป” นางว่าเหมือนตักเตือนหยอกเย้า ทว่าในดวงตากลับปรากฏร่องรอยมืดดำหนึ่งสายที่ไม่มีใครสังเกตมองเห็น
มารดาของเด็กหญิงเอื้อมมือกอบกุมมือเรียวงามเยาว์วัย ในดวงตาเต็มไปด้วยความซาบซึ้งในกรุณา
“ขอบคุณท่านเทพ” นางว่าเสียงพร่า “...ขอบคุณท่าน”
ใบหน้างดงามซ่านซับสีเลือดกลายเป็นสีชมพูระเรื่อน่ามอง “ข้าเป็นแค่หมอ ไม่ใช่เทพเจ้าอันใด” นางแม้บอกปัด ทว่าในดวงตาก็มีร่องรอยของความพึงใจ...ผู้คนน้อยนักจะเกลียดชังคำสรรเสริญจากใจจริง
“ฮานึล ยังไม่รีบขอบคุณท่านหมอ” บิดาของเด็กหญิงผู้ป่วยไข้เร่งรัดบุตรี เด็กหญิงน้อยจึงยิ้ม กล่าวเสียงสดใสน่าฟัง
“พี่สาวนางฟ้า ขอบคุณที่ช่วยชีวิต”
คำนั้นไม่ทราบกลับทำให้สีชมพูน่ามองเลือนหายไปจากดวงหน้างดงามโดยพลัน พี่สาวนางฟ้ากระอักไอออกมาคำหนึ่ง สีหน้าไม่สู้ดี ทว่าเด็กน้อยกลับถามต่อไปอย่างไร้เดียงสา
“พี่สาว แล้วพี่ชายคนเมื่อวานเล่าเจ้าคะ? เมื่อวานพี่ชายมาตรวจโรคให้ข้า เหตุใดวันนี้จึงเป็นพี่สาวมาแทน”
ตอนนี้ใบหน้าของพี่สาวขาวซีดไร้สีสัน กระนั้นนางก็ยังเค้นยิ้มฝืดเฝือ กล่าวตอบ
“พี่ชายฝาแฝดของข้า ตอนนี้กำลังเข้าป่าไปหาตัวยาเพิ่มเติม คงใช้เวลาอีกหลายวันกว่าจะกลับ” สีหน้าของนางแข็งทื่ออย่างยิ่ง ทว่าครอบครัวที่กำลังตกอยู่ในความปรีดิ์เปรมยินดีจะสังเกตเห็นก็หาไม่ พวกเขาออกปากเชื้อเชิญให้นางพักผ่อนที่บ้านของพวกตนรอคอยพี่ชาย หมายใจว่าขอให้ได้ตอบแทนพระคุณสักเล็กน้อยก็ยังดี
ทว่าท่านหมอหญิงผู้มีพระคุณกลับส่ายหน้าปฏิเสธ บอกว่ายังต้องเดินทางไป ก่อนจะขอตัวจากมาโดยไม่รับสินน้ำใจแม้แต่มุน[i]เดียว
ร่างเพรียวบางที่ราวกับจะปลิดปลิวเพียงต้องลมแรงเดินลึกเข้าในป่า ไม่ใช่ด้วยประสงค์จะตามหาพี่ชายอย่างที่ได้บอกไว้
แน่ล่ะ นางมีพี่ชายที่ไหนกัน
หญิงสาวถอนหายใจอึดอัด เพิ่งรู้ตัวเมื่อเช้าหลังจากหนี...แค่ก! ปลีกตัวออกมาได้ไกลโขแล้วว่าจอกสุราแสนสำคัญของตนหายไปหนึ่งใบ ปลายเท้าเล็กๆ ขยี้ลงกับพื้นอย่างหงุดหงิดเมื่อคิดว่าต้องหวนกลับไปยังวัดร้าง...ที่เมื่อคืน...
“มารดามันเถอะ!”
เสียงสบถไม่สมหญิงแว่วออกจากเรียวปากอิ่มงาม ถ้าหากเปลี่ยนเป็นบุตรีบ้านใดกล่าวคำเช่นนี้ออก คงไม่แคล้วถูกจับตบปากสอนสั่งเรื่องมารยาทกุลสตรี แต่ช่างปะไร นางไม่ใช่บุตรีบ้านขุนนางมั่งมี อย่าว่าแต่เดิมที... ไม่ใช่ผู้หญิงด้วยซ้ำไป
ปลายนิ้วเรียวงามเลื่อนแตะลองกับหน้าท้องราบเรียบของตน ทำสีหน้ากล้ำกลืนเหมือนอยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา
...กับสาเหตุที่ตนแปลงกลับเป็นบุรุษไม่ได้
เดิมทีมันสมควรเป็นเพียงก้อนเลือดเนื้อ ด้วยตบะแก่กล้าของตนเพียงใช้พลังเล็กน้อยก็ย่อมสามารถทำลายและขับดันออกมา ทว่า...ทว่าแค่เพียงยังไม่ทันข้ามวัน เจ้าก้อนเลือดเนื้อก้อนนี้ก็มีจิตวิญญาณมาสถิตเป็น ‘ชีวิต’ แล้ว
“เจ้า...เจ้ามารน้อยน่าชัง! ถึงกับ...ถึงกับบีบบังคับข้าเช่นนี้!” มือเรียวกำแน่น ส่งเสียงคำรามในลำคออย่างคนไม่ได้ดั่งใจ กระนั้นก็ยังแฝงเร้นความอับจนสิ้นหนทางอยู่ในที “...ได้แต่ทนเป็นสตรีไปหลายเดือน ยินยอมให้เจ้าเป็นกาฝากต่อไป!”
นั่น...หมายความว่าอย่างไร?
คิก... ย่อมหมายความว่า บุรุษผู้นั้น เก่งกาจ อย่างยิ่ง
คิกคัก...คิกคิกคิก...
ปิศาจจิ้งจอกกล้ำกลืนความอัปยศอดสูได้ไม่ทันไร ยามเมื่อหวนคืนกลับมาที่วัดร้างกลางไพร ไฟโทสะที่สุมทรวง...กลับยิ่งถูกกระตุ้นให้พุ่งพล่านโรจน์เรือง
จอกสุราล้ำค่าที่แน่แก่ใจว่าหลงลืมไว้ที่นี่อันตรธานหาย แต่กลับปรากฏอักษรสี่แถวที่เมื่อวานไม่มีอยู่ที่ทิ่มแทงนัยน์ตา กวาดตาอ่านเพียงรอบเดียว ใบหน้างดงามเฉิดฉันก็พลันแดงก่ำ--- แน่นอนว่าไม่ใช่ด้วยความอุธัจขวยอาย หากแต่เป็นความกราดเกรี้ยวไร้อย่างอื่นเจือปน
คมเขี้ยวแหลมคมงอกยาว ใบหูแหลมเรียวที่ปกคลุมด้วยขนสีขาวอ่อนนุ่มเช่นเดียวกันกับพวงหางปรากฏขึ้นอย่างไม่อาจควบคุม กรงเล็บคมกริบถูกกางออกจากปลายนิ้ว กรีดทับทำลายรอยสลักประณีตบรรจงที่ใครอีกคนทิ้งไว้
“ไอ้มนุษย์น่าตาย! สมควรตาย!!”
ปลายเล็บแหลมคมของปิศาจจิ้งจอกกรีดผ่าน ลบรอยกวีไร้ยางอายให้กลายเป็นเศษไม้ แต่ละรอยกรีดแฝงด้วยความฉุนเฉียวคับแค้นใจ จนเมื่อตัวหนังสือเหล่านั้นถูกขีดฆ่าทำลายจนไม่สามารถอ่านออกได้แม้สักตัว เขาจึงค่อยหยุดมือ
ร่างอ้อนแอ้นทรุดลงนั่ง ลมหายใจยังคงหอบหนักถี่กระชั้น กาสุราปรากฏขึ้นเละถูกรินลงในจอกกระเบื้อง หวังจะใช้ดับอารมณ์ขุ่นมัวของตน ทว่าในตอนที่ขอบจอกแตะลงกับริมฝีปากอิ่มงามก็ถูกความนึกได้อันหนึ่งรั้งไว้
ดวงตางดงามตรึงใจหลุบมองผิวราบเรียบใสกระจ่างของเมรัย ระลึกแก่ตัวว่าตนไม่อาจดื่มสุราที่ชมชอบที่สุดได้อย่างใจอีกพักใหญ่ สีหน้าของเขาจึงยิ่งปั้นยากหนักขึ้นไป
เมรัยในจอกถูกสาดออกรดรินบนรอยกรีดนับไม่ถ้วนบนเสาไม้ ทำให้กลิ่นหอมเข้มข้นของดอกบัวกรุ่นกำจาย
“หากไม่สามารถทำให้เจ้าอยู่ไม่สู้ตาย อย่ามาเรียกข้าว่าคิมฮันบิน!”
คิกคิกคิก
เมื่อใดท่านพบร่องรอยการขีดฆ่าทำลายเช่นนั้นในวัดร้างกลางป่าสักแห่ง ไม่แน่ว่านั่นอาจเป็นความในใจที่ชายหนุ่มผู้นั้นฝากถึงปิศาจจิ้งจอก
เช่นนั้นนี่ไม่ใช่เพียงเรื่องเล่า หากแต่เกิดขึ้นจริง?
คิก...คิกคัก คิกคัก ...ใครเล่าจะรู้?
“กลับมาแล้วหรือเจ้าคะ นายท่าน” หญิงสาวประสานมือน้อมคำนับยอบกายลง แสดงความเคารพแก่บุรุษผู้เป็นนายใหญ่ของบ้าน ทว่าชายหนุ่มผู้เพิ่งถูกใครบางคนอาฆาตหมายหัวเพียงยกยิ้ม กล่าววาจาเรียบเรื่อยไม่ถือตน บอกให้อีกฝ่ายไม่ต้องมากพิธีไป สั่งให้เรียกพ่อบ้านของตนตามไปที่ห้องยา ก่อนย่างเท้าเดินผ่านไปด้วยกิริยาสง่างามเหมือนเช่นเดิม
“นายท่านจีวอนเรียกหากระผมหรือขอรับ” เพียงชั่วหนึ่งจอกชาให้หลัง พ่อบ้านประจำตระกูลคิมก็ปรากฏกายในห้องยาตามคำสั่งของผู้เป็นนาย
จีวอนเงยหน้าขึ้นจากม้วนตำรา มองเห็นชายวัยกลางคนที่ยังคงมีเค้าความสง่างามกล้าหาญในวัยหนุ่มค้อมกายคำนับอยู่ไม่ไกลออกไปก็ขยับยิ้มพราย ยิ้ม...อย่างที่ทำให้ดวงตาเรียวงามกลายเป็นเส้นโค้งน่าชม แล้วแจ้งจุดประสงค์ของตัว
“ท่านลุง ข้าอยากตามหาคน”
“ขอรับ?”
“เป็นสตรีงดงาม... มีดวงตาตรึงใจผู้คน”
“นางผูกมวยผมแต่งกายอย่างบุรุษ ทั้ง--- น่าจะ--- รอบรู้การแพทย์มิใช่ชั่ว” เขาค่อยๆ บอกเล่าสิ่งที่นึกถึงได้ออกมาทีละคำ ยิ่งคิดถึงท่าทีเขื่องโขยามข่มขู่จะเอาตัวยาจากเขา ร่องรอยความเอ็นดูอ่อนหวานอย่างหนึ่งก็ค่อยๆ เอ่อล้นท่วมเต็มในแววตา
“ยังมี...นางมีรอยแต้มเล็กๆ ที่บนลำคอ” ปลายนิ้วเรียวยาวเคลื่อนขยับ แตะลงกับลำคอด้านขวาของตน “ตรงนี้...” ตำแหน่งเดียวกัน...กับที่ได้จุมพิตซ้ำๆ ลงกับนวลผิวของใครอีกคน... ในราตรีที่เพิ่งผ่านพ้นไป
“บ่าวขอบังอาจเรียนถาม นายท่านต้องการตามหานางด้วยสาเหตุใดหรือขอรับ” นายท่านหนุ่มไม่ได้ตอบในทันที สายตาอ่อนหวานเลื่อนจับจ้องอยู่กับจอกกระเบื้องงามวิจิตรที่วางอยู่บนโต๊ะใกล้ตัว เอ่ยออกเพียงไม่กี่คำ
“มีของต้องคืน”
แล้วอย่างไร หาพบไหม ได้พบกันหรือไม่?
ใจร้อนยิ่ง คิก... ท่านรอฟัง...ข้าย่อมกำลังจะเล่าต่อไป...
“อ้อ เพราะมีประกาศตามหาตัวเจ้าเสียทั่วเมือง ดังนั้นจึงไม่มีทางเลือก บากหน้ามาให้ข้าช่วยเหลือ?” สุ้มเสียงเย้ายวนเปี่ยมเสน่ห์ดังขึ้นจากร่างงดงามของสตรีที่นอนเอกเขนกอยู่บนตั่ง
เรือนผมดกดำยาวตรงดั่งน้ำตกของนางปล่อยสยาย เคลียไปกับดวงหน้าเฉิดฉันอ่อนหวานปานบุปผาต้องน้ำค้างและหัวไหล่แคบเล็ก เสื้อผ้าบนกายอวบอิ่มงดงามยั่วยวน แฝงความไม่สำรวมอันน่าค้นหา ปลายหางสีขาวทั้งเก้าขยับไหว แสดงความสนอกสนใจ ไม่แตกต่างจากรอยยิ้มที่ปรากฏบนดวงหน้า
“...จะว่าอย่างนั้นก็ได้”
เสียงตอบอย่างกล้ำกลืนฝืนทนดังขึ้นจากคนที่อยู่ตรงข้ามกัน
นางจิ้งจอกบนตั่งหรี่ตามองสหาย นึกดูเหมือนจะเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นสภาพสิ้นท่าถึงเพียงนี้ของเพื่อนเก่า ฮันบินยังคงอยู่ในชุดรัดกุมเรียบง่ายของบุรุษอย่างที่นางคุ้นเคย เค้าหน้าก็ยังคล้ายคลึงกับยามเป็นชายถึงเก้าส่วน ทว่าบนใบหน้าอ่อนเยาว์กลับไร้วี่แววของอัตตาเย่อหยิ่งอย่างที่เคยมี
เจ้าจิ้งจอกผู้เป็นที่เลื่องลือในความกะล่อนมากเล่ห์ บัดนี้ถึงกับสิ้นลายด้วยน้ำมือมนุษย์ผู้เดียว นางอดไม่ได้ที่จะหัวร่อขบขัน
“ข้ากลับนึกอยากพบเจ้ามนุษย์คนนั้นเสียนี่กระไร ทำเจ้าต้องหนีหัวซุกหัวซุนเช่นนี้ได้...นับเป็นบุรุษที่น่าสนใจไม่เลว”
“ไม่ได้หนี เพียงแต่ไม่อยากเจอตอนนี้!” ฮันบินว่าเสียงห้วนกระด้าง ทว่ายามเมื่อกล่าวผ่านปากจิ้มลิ้มอิ่มงาม กลับกลายเป็นภาพที่ดูแง่งอนน่ารักมากกว่าจะน่าหวั่นกลัว
“ยังมีภาระก้อนใหญ่อยู่ในท้องเช่นนี้จึงได้แต่หลบเลี่ยงไปก่อน” เขาก้มลงมองหน้าท้องที่หลังจากผ่านไปเดือนกว่าก็เริ่มนูนขึ้นมาเล็กน้อยของตัว ครุ่นคิดคำนวณ จิ้งจอกตั้งท้องเพียงสองเดือนก็คลอดแล้ว แม้อีกครึ่งหนึ่งเป็นมนุษย์ แต่ก็ไม่น่าจะใช้เวลามากกว่ากันเท่าไหร่ คาดว่าอีกราวเดือนครึ่งเขาก็จะสามารถหลุดพ้นจากเจ้ามารน้อยตัวนี้ได้
คิดถึงตรงนี้ปิศาจจิ้งจอกก็เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน
ให้เขากลับเป็นผู้ชายได้เมื่อไหร่ค่อยล้างแค้นก็ยังไม่สาย ถึงเวลานั้น เจ้าคนสารเลวไร้ยางอายคิมจีวอนนั่น จะถูกเอาคืนจนกว่าเขาจะสาสมใจ ...มีชีวิตอยู่ไม่สู้ตาย
“กูมิโฮ” ฮันบินร้องเรียกนามของสหาย นางจิ้งจอกเก้าหางฟังแล้วยิ้มยั่วเย้าหนหนึ่ง ทำทีเป็นยื่นข้อเสนอ
“แต่ข้ามีข้อแลกเปลี่ยน” ดวงตาดอกท้อของนางทอประกาย สีหน้าราวกับกำลังชมละครที่น่าสนุกสนใจ “ซ่อนตัวอาศัยในจวนข้า อยากให้ข้าเป็นแม่ทูนหัว ชื่อของเด็กในท้องเจ้า ต้องยกให้ข้าตั้ง”
ข้อแลกเปลี่ยนของนางเล็กน้อยอย่างยิ่ง ฟังดูก็รู้ว่าเป็นการทำท่าเล่นตัวไปอย่างนั้น ที่จริงล่ะอยากติดตามรอชมเรื่องสนุกอย่างชิดใกล้จนตัวสั่น ฮันบินกลอกตา แสดงสีหน้าเบื่อหน่ายรู้ทัน ก่อนจะตอบตกลง
“ได้”
ชู่ว...
ท่านอย่าเพิ่งเบื่อหน่าย...เรื่องสนุกรอคอยอยู่หลังจากนี้ไป คิกคัก...
“ตั้งสามเดือนกว่าเข้าไปแล้ว เหตุใดยังไม่พบตัว?” นายท่านหนุ่มนั่งอยู่หลังโต๊ะหนังสือ ในมือมีจอกสุรางดงามถือเล่นไว้ ดวงตาเรียวยาวจับจ้องอยู่กับดอกบัวสีแดงน่ารักที่ปาดวาดอยู่บนผิวขาวสะอาดของกระเบื้องเคลือบ ถามออกมาเหมือนไม่ใส่ใจมากมาย ทว่าคนที่ถูกถามกลับรู้สึกได้--- ว่าอีกฝ่าย ใส่ใจอย่างยิ่ง
“เรียนนายท่าน เรื่องนี้--- ที่จริงเมื่อราวสองเดือนก่อนยังพอสืบเสาะร่องรอยได้ มีหมู่บ้านหลายแห่งที่เล่าลือถึงหมอหญิงที่ลักษณะตรงกับที่ระบุไว้ ทว่าพอกำลังจะสืบเสาะถึงตัว นางก็--- ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย...”
“อ้อ...” อีกฝ่ายรับคำ น้ำเสียงไม่บ่งบอกอารมณ์ ทว่าคนฟังกลับรู้สึกชัดถึงแรงกดดัน รีบร้อนละล่ำละลักแก้ตัว
“นายท่านจีวอน ขออภัยที่บ่าวไร้สามารถ ได้โปรดให้เวลาอีกระยะหนึ่ง บ่าวจะพยายามต่อไปอย่างสุดกำลัง จะตามหาแม่นางผู้นั้นให้พบอย่างแน่นอน” จีวอนยังไม่ทันว่าอะไร เสียงกรีดร้องแตกตื่นจากด้านนอกห้องก็ทำให้เขาชะงักไป ร่างสูงผุดลุกขึ้นยืน กลิ่นควันเขม่าเผาไหม้ลอยโชยมาตามลม
“ไฟไหม้เรือนนอนของนายท่าน! รีบไปตามคนมาช่วยกันดับไฟ!”
เสียงร้องตะโกนของพ่อบ้านแว่วดัง การณ์ร้ายแรงไม่น้อยดังนั้นเรื่องอื่นจึงจำต้องเลื่อนออกไป จีวอนหันมองผู้ที่ได้มอบหมายรับผิดชอบให้ตามหาคนอีกครั้ง กำชับย้ำเร่งรัดสองสามคำ ก่อนจะก้าวเดินออกจากห้องไปดูเรื่องราวที่เรือนนอนของตน
ระหว่างทางที่เดินไป กลิ่นควันไหม้คละคลุ้งทั่วทั้งจวน ทว่าชั่วพริบตาหนึ่ง กลับมีกลิ่นอย่างอื่นแทรกเข้ามา
จีวอนหันเหสายตา มองเห็นแผ่นหลังของใครบางคนอยู่ไกลๆ
แผ่นหลังในชุดรัดกุมเรียบง่ายกว้างลาดอย่างบุรุษ ไม่ว่าเอวสอบเพรียวหรือท่อนขาเรียวยาว ไม่มีส่วนใดที่คลับคล้ายสตรีในความจำ ทว่า...
เขากลับเหมือนได้กลิ่นดอกบัว
to be continued
ก็ไม่ใจนักว่าสิ่งที่รั้งทั้งคู่เข้าไว้ด้วยกัน จริงๆ แล้วเป็นบุพเพหรือว่าเวรกรรมนะครับ ถถถ
ขออภัยที่ทิ้งช่วงไป พอดีเจอสอบมิดเทอมไปเลยไม่ค่อยมีสมาธิเขียนเท่าไหร่
และอาจจะต้องขอบอกเลยว่าอาจจะทิ้งอีกช่วงสั้นๆ เพราะต้องกลับไปปิดเล่ม Acernars ให้ทันงาน GenY
ถึงจะไม่ได้อัพสม่ำเสมอนัก แต่อย่าเพิ่งทิ้งกันไปนะครับ O w Q! /กอดขาร้องไห้
เคสสัญญาว่าจะพยายามมาต่อไวๆ น้าาา
[i] หน่วยเงินเกาหลีโบราณ ประกอบด้วย มุน ฮวัน หยาง โดยที่หยางเป็นเป็นหน่วยใหญ่ที่สุด 5 หยาง = 1 วอน ในปัจจุบัน
ความคิดเห็น