คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : [MAGI >>Vow (Musrur x Sinbad)
Vow.
“...คืนนี้พระจันทร์งามนัก ...เจ้าว่าเช่นนั้นรึเปล่า มัสรูล...”ชายหนุ่มร่างสูงเอนตัวพิงขอบหน้าต่าง ทอดมองจันทร์เสี้ยวที่เปล่งแสงนุ่มนวลบนฟากฟ้าอย่างเยียบเย็นอ้างว้าง หากคนฟังตอบรับคำเอ่ยเลื่อนลอยนั้นด้วยความเงียบงันอย่างเคยจนเขาต้องขมวด คิ้วเข้าหากันอย่างไม่ชอบใจ
“ทำไมเจ้าถึงชอบเงียบนัก หืม?”ผู้เป็นนายเอ่ยถามอย่างมิได้คาดหวังคำตอบใดจากเจ้าของร่างสูงกำยำแม้สักนิด เขาเอ่ยจบแล้วทำเพียงระบายลมหายใจออกพลางเบนสายตากลับไปยังนอกหน้าต่าง ทอดมองแสงสีเงินอ่อนจางที่ไม่อาจข้ามผ่านม่านหมอกแห่งความมืดของยามราตรีไปไกล ซึมซาบเอาความอ่อนแอเปราะบางของแสงจันทร์เสี้ยว ...ในแววตาปรากฏความคิดมากมายที่ไหลผ่าน สุดที่ผู้คนจะหยั่งถึงคาดเดาได้...
ฉับพลัน บังเกิดเสียงกึกก้องกัมปนาททะลวงผ่านความเงียบงันเฉื่อยชา กระชากเอาความสงบที่ดำเนินมาจนถึงเมื่อครู่ทิ้งหายไปไม่เหลือร่องรอย เช่นเดียวกับที่ท่ามกลางฟากฟ้าสีหมึก ซึ่งเคยถูกพร่างพรมเอาไว้ด้วยเพียงดวงดาวนับแสนนับล้านดวงก็ได้แต่งแต้มเพิ่มเติมด้วยเปลวเพลิงที่แตกกระจายออก คลี่บานเป็นบุปผาสีแดงสดท่ามกลางความมืดอนธการ
ดวงตาสีอำพันทอประกายวูบไหว...ก่อนที่เขาจะแย้มยิ้มออกมา
ซินแบดเอ่ยเอื้อนด้วยเสียงที่ไม่หนักไม่เบา คล้ายกำลังรำพึงรำพันกับตนเอง
“ชีวิตข้าเพียงเฝ้าหวัง...ได้เปล่งประกายเจิดจ้างดงามเฉกเช่นดอกไม้ไฟ...แม้เพียงเสี้ยวนาที...”ใบหน้าคมคายของจอมราชาแห่งซินเดรียฉาบเอาไว้ด้วยความอ้างว้างเปลี่ยวเหงาท้อรันทด ดูราวกับชราลงอีกหลายปี...
คนที่มองอยู่รู้สึกเหมือนมีมือที่มองไม่เห็นบีบเค้นก้อนเนื้อในอกที่กำลังเต้นตึก...ปวดหนึบไปทั้งหัวใจ...
“ซิน...”
ร่างสูงกำยำทรุดกายลงข้างบาทผู้เป็นนาย โน้มค้อมเรือนกายลงต่ำก่อนจะเอื้อมมือหยาบกร้านไปแตะต้องชายผ้าคลุมที่อีกฝ่ายสวมใส่รวบรั้งเข้าแนบจุมพิต...อย่างหนักแน่นและภักดี...
“ไม่ว่าท่านจะปรารถนาเช่นไร...ข้ายินดีจะน้อมสนองส่งท่านไป...”
ดวงตาเรียวยาวคมกริบคู่นั้นเงยขึ้น สบกับอัญมณีสีอ่อนที่กำลังเปี่ยมล้นด้วยอารมณ์หลากหลาย
“ข้าจะเป็นข้าบาทให้ท่านช่วงใช้ เป็นโล่คุ้มครองกายท่าน เป็นคมหอกผลาญรานศัตรูท่านให้หมดสิ้น...”
...หากท่านปรารถนาจะเป็นดอกไม้ไฟ...แตกปะทุแต่งแต้ม ฟากฟ้าราตรีให้ทวีความงดงาม...ข้ายินดีเป็นดินปืนเชื้อไฟ...มอดไหม้สลายกลาย เป็นเพียงเศษเถ้าธุลี...เพื่อแสงของท่านเจิดจ้าสว่างไสว...
...สุดแล้วแต่ท่านจะต้องการ.....
“...วันนี้เจ้าพูดมากจริง”ซินแบดปั้นยิ้ม เบนสายตาหลบเลี่ยงทำเป็นมองไม่เห็นคำพูดที่สื่อผ่านมาจากแววตาของอีกฝ่าย มือแกร่งวางทาบลงกับบ่ากว้างแข็งแรง ตบเบาๆเป็นเชิงอนุญาติ
“...ข้าเป็นราชาที่ดีใช่ไหม มัสรูล”เสียงถามดังเพียงกระซิบ แต่เด็กหนุ่มเฟอนาริสย่อมได้ยินชัดเจนทุกถ้อยคำ เขาไม่ตอบคำถามนั้นทำเพียงจับจูงมือเรียว สาวเท้าก้าวยาวๆเข้าชิดริมหน้าต่าง
...แต่ไม่ใช่เพื่อเฝ้ามองดูพระจันทร์...
“ฟังสิซิน...ได้ยินไหม คำตอบของคำถามน่ะ”เสียงทุ้มต่ำเอ่ยย่างนุ่มนวล ชี้มือออกไปยังความเวิ้งว้างเบื้องหน้า
เมื่อแรกซินแบดเองก็งุนงงแปลกใจ แต่พอลองเงี่ยหูฟัง เขาก็ได้ยินในสิ่งที่อีกฝ่ายบอก ที่แท้ราตรีนี้ไม่ได้เงียบสงบอย่างที่เข้าใจ...ในความสงัดซุกซ่อนเอาไว้ด้วยเสียงสรวลเสเฮฮาที่แว่วมากับสายลม...ทั้งรื่นเริงสนุกสนาน...และสงบสุขปลอดภัย...เสียงเหล่านั้นนั้นก่อให้ความตื้นตันบังเกิดขึ้นในอก ใจที่สั่นไหวอยู่จนถึงเมื่อครู่สงบลง
ดูเถอะ ประเทศของท่าน...สงบสุขเหมือนแดนสวรรค์ ประชาชนของท่าน...ครอบครัวของท่าน มีความสุขกันถึงเพียงนั้นเชียวนะ
“...ท่านเป็นราชาที่ยอดเยี่ยมที่สุด”
ไม่จำเป็นต้องมีคำพูดอื่นใดมากกว่านี้ มัลรูลเอื้อมมือเข้ากอบกุมมือกร้านของเหนือหัวผู้สูงส่ง บีบเบาๆอย่างให้กำลังใจ จอมราชาคลี่ยิ้มกว้างเลื่อนรั้งมือใหญ่ขึ้นแนบกับแก้มอุ่นของตน ก่อนจะระบายลมหายใจออกมาอย่างอิ่มเอม
“หวังว่าในวันพรุ่งนี้...และวันต่อๆไป...พวกเขาก็ยังสามารถมีความสุขได้เช่นนี้...”มัสรูลฟังแล้วขยับยิ้มที่เห็นได้ไม่บ่อย ศีรษะที่ปกคลุมด้วยเส้นผมสีแดงฉานราวกับเพลิงไฟเคลื่อนขยับ เรียวปากอุ่นแนบชิดริมหูและกระซิบ...ด้วยน้ำเสียงหยอกเอินแหย่เย้า
“ซินแบดคนโลภ...ท่านไม่ได้หวังว่าจะเป็นเพียงดอกไม้ไฟเสียหน่อยนี่”ร่างสูงฟังแล้วหัวเราะสดใส ผลักเรือนผมสีแดงสดของเด็กหนุ่มออกไปเล็กน้อยเป็นการประท้วง
”เจ้าเด็กปากดี ลามปามใหญ่แล้ว”ปากเอ่ยบริภาษแง่งอน แต่ในแววตากลับปรากฏเพียงรอยยิ้มเบิกบาน มัสรูลส่ายศีรษะอย่างอ่อนใจ ขยับร่างเข้าใกล้อีกฝ่ายมากขึ้น เพื่อประพรมจุมพิตอ่อนหวานลงบนขมับขาวของนายเหนือ
“ข้ารู้ดี...รู้ดียิ่งกว่าใคร ท่าน...เป็นราชาที่โลภมากที่สุด”ไม่เพียงคลี่ยิ้ม หากตอนนี้คนปากหนักถึงกับกำลังหัวเราะขบขัน ดวงตาสีน้ำผึ้งเจือประกายอ่อนหวาน
ท่านหวังให้ประชาชนของท่านอยู่อย่างมีความสุขตลอดกาล ปรารถนาให้ซินเดรียรุ่งเรืองไม่มีที่สิ้นสุด...สิ่งที่ท่านปรารถนาจะเป็น ย่อมมิใช่การเป็นเพียงดอกไม้ไฟเล็กจ้อย...แตกปะทุงดงามอยู่เพียงชั่วครู่...
...แต่เป็นเปลวไฟแห่งโซโลมอน...เปลวไฟที่จะไม่มีวันดับลงตลอดกาล...
เป็นเพลิงอัคคีโชติช่วงที่ช่วยชี้ทาง เป็นสัญลักษณ์แห่งศรัทธาอันแรงกล้าของเหล่าผู้คนที่ติดตามท่าน...
“ไม่ว่าท่านจะปรารถนาสิ่งใด...ขอท่านระลึกอยู่เสมอว่า...ข้าจะอยู่เคียงข้างท่าน...ซิน...”
เรียวปากอุ่นจัดแนบชิดลงบนผิวแก้ม...เลื่อนไปตามรูปหน้าคมคาย ประทับนิ่งอยู่ที่มุมปากหยักสวย ก่อนที่เด็กหนุ่มจะแลบเลียปลายลิ้นเบียดคลึงริมฝีปากนุ่ม ซินแบดสบกับดวงตาสีน้ำผึ้งวาววามคู่นั้น แล้วเผลอกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว ร่างสูงโปร่งของจอมราชาสั่นสะท้าน ยามเมื่อปลายลิ้นฉ่ำชื้นลากเลื่อนลงต่ำหยอกเย้ากับปลายคางได้รูป เล็มเลียชิมรสราวกับเขาเป็นอาหารชั้นเลิศจานหนึ่ง
“เจ้าเด็กบ้า...”ถ้อยคำว่าขานที่กำลังจะตามมาถูกกลืนกลับลงไปในลำคอเมื่อเรียวปากถูกประทับแนบแน่น จุมพิตลึกล้ำดั่งคำสัตย์สาบานดำเนินอยู่เนิ่นนาน เมื่อเรียวปากนั้นถอดถอนออกไป ทั้งคู่ถึงหอบหายใจถี่กระชั้น รสชาติของเร่าร้อนยังคงติดตรึงอยู่ที่ปลายลิ้น...ยังคงประทับแน่นอยู่ในความรู้สึก
มัสรูลโน้มใบหน้าลงประทับจุมพิตอีกครั้ง...ถอดถอน และกดย้ำใหม่ หลายต่อหลายครั้ง หลายต่อหลายหน เหมือนดั่งสัตย์ปฏิญาณ คำสาบานที่ถ่ายทอดโดยไร้ซึ่งถ้อยวจี...และมีจันทร์เสี้ยวบนฟากฟ้าเป็นพยาน...
“ข้าจะอยู่เคียงข้างท่าน...แม้สิ้นลมหายใจ แม้กายจะถูกฝังลงยังแผ่นดินมาตุภูมิ แม้วิญญาณจะกลับคืนสู่ลูฟ...แต่ข้าก็ยังจะอยู่ข้างกายท่าน ฝ่าบาท...”
FIN
ความคิดเห็น