ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    KHR Fiction Yaoi : จับ Reborn มาแต่ง >>[Yaoi]<<

    ลำดับตอนที่ #10 : Tenth, Maya of fog (10069)/ END

    • อัปเดตล่าสุด 12 เม.ย. 52


     
     
                “เมื่อไรจะปล่อยผมไปเสียที...”เจ้าของเสียงหวานล้ำถามย่างเว้าวอนทั้งที่น้ำตายังไหลอาบแก้มนวล ดวงตาสองสีคู่สวยที่เอ่อล้นด้วยหยาดน้ำใส สะกดให้ร่างสูงเหมือนดั่งตกอยู่ในห้วงมายา สายหมอกที่กำลังอ่อนแอ...ช่างเป็นภาพที่น่าดูนัก...
     
                ดวงตาคู่นั้น...จะฉายเพียงภาพของเขาคนเดียว
                เสียงนั้น...จะเว้าวอนเขาคนเดียว
                ร่างกายนั้น...เขาคนเดียวที่จะได้ครอบครอง...
                ...ตลอดนิรันด์กาล...สายหมอกแสนสวยนี้จะเป็นของเขาคนเดียว...
     
                …เป็นของของเขา...ไม่มีใครจะแย่งไปได้...
     
                “ไม่มีวัน...”เสียงทุ้มนุ่มของเบียคุรันดังแผ่วเพียงเสียงกระซิบ รอยยิ้มอ่อนโยนที่ฉายชัดขัดกับการกระทำที่ทารุณยิ่ง...นิ้วเรียวยาวไล้ผิวแก้มนิ่มปาดหยาดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยนราวกับมิหวังให้เจ้าของร่างงามต้องเศร้าสร้อย...
     
                แต่หากเป็นเช่นจริง...นั้นใยถึงได้กักขังไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวัน ทรมานทั้งร่างกายและจิตใจจนบอบช้ำ ไม่เคยทะนุถนอมอ่อนโยนยามตักตวงความสุขจากร่างงาม...แทบทั้งคืน...
     
                “คุณช่างเป็นคนที่น่ารังเกียจ...น่ารังเกียจที่สุดเท่าที่ผมเคยพบ”ถ้อยคำเหยียดหยาม และกริยาขยะแขยงกลับยิ่งทำให้รอยยิ้มอ่อนโยนอย่างเสแสร้งกว้างขึ้น...เสียงทุ้มเอ่ยคำหวานหูแต่พาลให้เจ็บช้ำราวเคลือบด้วยยาพิษร้ายไม่ว่าจะเอื้อนเอ่ยเมื่อใด
     
                “น่ารักจริงนะ...สายหมอกของผม...”เอ่ยราวคำต่อว่าเมื่อครู่เป็นเพียงสายลมที่พัดผ่านหู เจ้าของเส้นผมสีพิสุทธิ์ไม่คิดจะใส่ใจกับถ้อยคำร้ายกาจของมุคุโรแม้สักนิด
     
                “ไม่...ไม่ใช่ของใคร...ผมไม่ใช่ของของใครทั้งนั้น...”มุคุโรยังคงดื้อดึง แต่ก็เป็นดวงตาคู่งามแสนรั้นนั้นล่ะที่ตรึงใจเขาตั้งแต่วันแรกที่ได้พบ...
     
    ...วันนี้หมอกสวยนัก...สวยกว่าวันวาน…และยังสวยขึ้นทุกวัน...
     
    เส้นไหมสีน้ำเงินเข้มราวกับผืนทะเลยามรัตติกาล งดงามตรึงตรา...
    ผิวสีขาวดุจหิมะแรกแสนบริสุทธิ์...ยิ่งงามเมื่อร่องรอยที่เขาทำไว้นั้นเด่นชัด...
    ดวงตาที่ข้างหนึ่งเป็นสีไพลินเยือกเย็น...นวลตาราวกันจันทร์บนฟากฟ้า...
    หากอีกข้างกลับเป็นสีทับทิมจัดจ้าร้อนแรงราวกับดวงตะวัน...
     
    ...จะกักขัง...จะฉุดรั้ง...จะบีบบังคับ...จะทำทุกสิ่งทุกอย่าง...เพื่อให้สายหมอกแสนสวยคนนี้เป็นของเขา...คนเดียว...คนเดียวตลอดกาล...
     
    “ห้ามหนีไปไหนนะ...มุคุโรจัง”ถ้อยคำดุจจะเป็นประกาศิต แต่น้ำเสียงที่เปล่งออกมากลับเว้าวอนโดยไม่รู้ตัว...อยู่เหนือคนนับหมื่นแต่กลับต้องมาสยบแทบเท้าคนเพียงคนเดียวนี้...
     
    …เพราะหลงวนในมายา...หลงใหลในความงดงามอันเป็นมายา...เพราะหลง...เพราะหลงใหล...เพราะหลงใหลในสายหมอกแสนงาม...จึงมิเคยได้ย้อนคิด...
     
    ดวงตาสองสีคู่งามเปล่งประกายประหลาดเพียงพริบตา...ก่อนที่รอยยิ้มหยันจะปรากฏขึ้นบนใบหน้าหวาน
     
    “...คนโง่...”เสียงหวานแดกดันแฝงความนัย ขอบตาของร่างบางร้อนผ่าว ก่อนที่หยาดน้ำตาที่พึ่งจะเหือดแห้งไหลซึมออกมาอีกครั้ง...
     
    เบียคุรันหาได้รับรู้ถึงความหมายที่แฝงเร้นนี้ไม่ ชายหนุ่มโน้มใบหน้าลงจุมพิตแผ่วเบาแก่มนิ่วไล้เลียหยาดน้ำตาที่ราวกับไม่มีวันหมดสิ้นของร่างบาง แล้วเลื่อนเข้าทามทับริมฝีเรียวปากสวย ก่อนที่สัมผัสนั้นจะเร่าร้อนและเรียกร้องขึ้นตามลำดับ...ความแผ่วหวานอ่อนโยนแปรเปลี่ยนเป็นความดึงดันเอาแต่ใจ
     
    ดังเช่นทุกคราว...
     
    ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่นเมื่อมือแกร่งกระชากเสื้อผ้าของร่างจนขาดวิ่น เผยให้ผิวนวลต้องกับอากาศหนาวบาดผิวของยามค่ำคืน ไม่นานนักความเยียบเย็นจับขั้วหัวใจก็ถูกแทนที่ด้วยความอบอุ่นจากกายของคนตรงหน้า
     
    อุ่น...จนร้อน ร่างสูงเริ่มตักตวงความสุขจากเรือนกายบอบบางอย่างหิวกระหาย ยิ่งลิ้มรส ยิ่งต้องการ ยิ่งแนบชิด กลับยิ่งถวิลหา ยิ่งได้ครอบครอง ก็ยิ่งไม่อยากเสียไป...ร่างบางตรงหน้า...กำลังทำให้เขา...ลุ่มหลง
     
    ดวงตาสองสีคู่งามหลับพริ้มลงอย่างขื่นขม ในอ้อมกอดของคนคนนี้ ช่างหวานล้ำ...แต่ก็ทุกระทมเสียเกินกว่าจะทนไหว...อยากหนีไปให้ไกล...ไกลจนเขาไม่อาจมือนี้เอื้อมมาคว้าไว้ อยากรับรู้บ้างว่าเมื่อไม่มีเขา คนคนนี้จะทำสีหน้าเช่นไร
     
    จะร่ำไห้เพื่อเขารึเปล่า?...บางทีอาจจะไม่ ก็เขาเป็นแค่ที่ระบายอารมณ์ของคนคนนี้นี่นา...
     
    ...เมื่อขมขื่นนักหนา ใยจึงไม่หนีเสียเล่า...
     
    ...ที่ว่าไม่อาจหนี...ไม่ใช่ว่าจะเป็นเพราะไม่อยากหนีหรอกหรือไร?...
     
    ...คิดว่าพันธนาการเพียงเท่านี้จะฉุดรั้งเอาไว้ได้?...ไม่...ไม่ได้หรอก
     
    ...ภายนอกที่ไม่ต่างจากเทพบุตรผู้อารี...ขัดแย้งกับภายในที่เป็นดังปิศาจร้ายเลือดเย็น...เพราะแบบนั้น สายหมอกถึงได้ใหลหลง...หลงใหลในความขัดแย้งที่ดังผสานแสงสว่างและความมืดมิดเข้าไว้ด้วยกัน...
     
                เพราะสายหมอกเป็นดั่งมายา...ไหลมา...แล้วก็ไหลไป ไม่ว่าจะเป็นใคร จะยิ่งใหญ่ ทรงอำนาจ มากด้วยพลัง เปี่ยมล้นด้วยปัญญา ...ก็ไม่อาจจับต้อง มิอาจสัมผัส...หากสายหมอกไม่ยินยอม ...ก็ไม่มีแม้โอกาสจักได้เฉียดกราย...
     
                ใครกันที่คิดว่ากักขังสายหมอกได้...
     
                ใครกันที่คิดว่าบังคับไว้...พันธนาการเอาไว้จนไม่อาจหนี...
     
    ...พันธนาการใดจักหาญฉุดรั้งสายหมอกที่ไร้ตัวตนไว้ได้ หากไม่ได้รับการยินยอมแล้วไซร้...มิมีวันเสียหรอก...
     
                โง่เขลาเหลือเกิน...โง่เขลาเสียจริง...โง่เขลาจนเกินเยียวยาทั้งที่ปราดเปรื่องมาทั้งชีวิต...กลับหลงมัวเมา มองไม่เห็นความจริงที่สายหมอกซ่อนเร้น...หรือเพราะลุ่มหลงในมายา...เสียจนดวงตามืดบอด...จึงไม่อาจมองเห็น...ว่าต่อให้ไม่มีพันธนาการโง่เขลานี้...สายหมอก...ก็ไม่หนีไปไหน
     
    เพราะทั้งหัวใจ...มอบไว้ในอุ้งมือ...ขอเพียงแค่...
     
                ขอแค่ความรักเพียงเศษเสี้ยว...มิได้ต้องการทั้งหัวใจ...มิได้เฝ้าฝันว่าต้องอ่อนโยนปรานี...ขอเพียงรักบ้างแม้สักนิด...ให้ความสำคัญ...ให้เขามีตัวตน...เพราะตั้งแต่สิ้นท้องฟ้าที่แสนอ่อนโยนคนเก่า... ที่อยู่ของเขาไม่มีที่อื่นอีกแล้ว...
     
                นอกเสียจากในอ้อมกอดดึงดันของผืนนภาผู้เอาแต่ใจ หากแต่อบอุ่นนี้เท่านั้น...เพื่อสิ่งนี้แล้ว ไม่ว่าร่างกายนี้...หัวใจนี้...วิญญาณนี้...จักยกให้ครอบครอง...ให้ทำตามใจ...
     
    สุดแต่จะต้องการ...ตราบนิจนิรันด์...
     
    ...........................................
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×