ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    KHR Fiction Yaoi : จับ Reborn มาแต่ง >>[Yaoi]<<

    ลำดับตอนที่ #7 : Seventh, ตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่ฟ้าแปลกไป (27All)/2

    • อัปเดตล่าสุด 1 เม.ย. 52



     
    [2] เสรีที่ไม่มีวันหนีพ้น(2718)
     

                บนท้องฟ้า...ไม่มีสิ่งใดจะมากด้วยอิสระเท่าเมฆา...ทว่า...ในความเป็นจริงที่ซ่อนเร้นเล่า?...เป็นเช่นใดกันแน่?
     
                “กลับมาแล้วครับ...”เสียงสดใสนั่นทำให้เจ้าของดวงตาสีถ่านหันไปมอง พร้อมกับความหงุดหงิด…และยิ่งหงุดหงิดมากกว่าเดิมเมื่อภาพที่เห็นคือดวงตาแสนระริกระรี้สีส้มจัดที่แสนคุ้นเคย
     
             “อย่ามาพูดว่า’กลับมาแล้วครับ’ในบ้านคนอื่น! เจ้าสัตว์กินพืช!”เสียงห้วนจัดของผู้พิทักษ์แห่งเมฆาไม่ได้ทำให้ท้องฟ้าคลายรอยยิ้มจากใบหน้า ตรงข้าม...รอยยิ้มชวนอารมณ์เสียนั่นกลับกว้างขึ้นราวกับจะยั่วเย้า
     
                “ทำไมล่ะครับ?”สึนะถามเสียงซื่อพลางกระพริบตาปริบๆ...ในแบบที่ดูก็รู้ว่ามัน...เสแสร้ง!!
     
                “...”คนถูกถามเลือกที่จะไม่ตอบและเดินหนีไปจากตัวต้นเหตุแห่งความหงุดหงิดในเช้าที่แสนสดใสนี้ แต่...
     
                “เดี๋ยว!”เสียงที่เคยนุ่มนวลอ่อนโยนอยู่เสมอ คราวนี้...ดังจนคล้ายตวาด พร้อมกับมือเรียวที่เอื้อมมากระชากกิโมโนสีดำสนิทจนมันเลื่อนหลุดไปอยู่ตรงไหล่มน เผยผิวขาวจัดราวกับหิมะแรกต้องตา...แต่ความสนใจของร่างโปร่งไม่ได้อยู่ที่ตรงนั้น
     
                หากเป็นผ้าพันแผลสีขาวที่มีเลือดสีแดงคล้ำซึมออกมาเป็นวงกว้าง เห็นแบบนั้นก็ทำให้คนมองแทบหยุดหายใจ นิ้วเรียวสัมผัสแผ่วเบาผ้าพันแผล ความอุ่นของเลือดที่ซึมออกมายิ่งทำให้คิ้วเรียวขมวดมุ่น
     
                ...ภารกิจคราวนี้สินะ
     
                “...ทำไมไม่ระวังตัว”เสียงนั้นดูเหมือนเป็นคำถาม แต่มันก็แฝงถึงคำต่อว่าอยู่กลายๆ
     
                “ไม่ใช่เรื่องของแก”เสียงขู่ราวกับฟ่อพร้อมกับการสะบัดมือเขาออกแล้วกอดตัวเองแน่น ไม่ต่างจากสัตว์บาดเจ็บนั่นดูยังไงก็น่าเอ็นดูมากกว่าจะน่ากลัว...
     
                สึนะฉีกยิ้มเครียดจะขำก็ขำ แต่ห่วงก็ห่วง...
     
                “ไปให้พ้น!!”เสียงหวานตวาดแล้วเดินหนีไปทันทีทิ้งให้ร่างสูงทอดสายตามองตามไปด้วยความห่วงใย แต่ถึงจะห่วงแค่ไหนก็ต้องปล่อยไป...เพราะเมฆารักอิสระยิ่งกว่าสิ่งใด...จะถูกฉุดรั้งบังคับได้...ไม่มีทาง...
     
    ............................................
     
                เมื่อรัตติกาลมาเยือน ร่างโปร่งบางนอนสั่นเทาอยู่เพียงลำพังในความมืด อากาศเย็นเยียบบาดเนื้อ หากผิวกายของร่างโปร่งกลับอุ่นจนร้อนด้วยพิษไข้ พิษบาดแผลที่รุมเร้า ดวงตาพร่ามัว ในหัวว่างเปล่า...ไร้ซึ่งเรี่ยวแรง...ร่างกายขยับแทบไม่ได้..
     
                “อึก...”ริมฝีปากเรียวเม้มแน่นอย่างอดกลั้นเมื่อความเจ็บปวดแล่นปราดเข้าหา ยามที่ขยับกายจนกระทบกระเทือนบาดแผล คิ้วเรียวขมวดมุ่น เม็ดเหงื่อผุดพรายบนหน้าผากขาว ใบหน้าคมติดหวานแม้พยายามปั้นให้เรียบเฉย ก็ยังปิดความทรมานที่ออกมาทางสีหน้าไว้ได้ไม่มิด
     
                ...ทำไมถึงต้องพยายามเก็บสีหน้าให้ยากลำบาก?...ก็อยู่เพียงคนเดียวมิใช่หรือ?
     
                ..ไม่ใช่...เดี๋ยวเขาก็มา...น่าหมั่นไส้นัก...แต่ก็มาได้จังหวะเหมาะทุกที...
     
                ไม่ทันสิ้นความคิดปลายนิ้วเย็นก็แตะแผ่วเบาบนแก้มนุ่ม มาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน...?
     
                ...หนาวขนาดนี้ ยังอุตส่าห์มาจนได้นะ...
     
                “...”
     
                ไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้เหมือนคราวก่อน...เหนื่อยล่ะสิ...ทรมานมากใช่ไหม...ดูท่า...ร่างกายจะอ่อนแอลงมากทีเดียว...ทำไมคนรอบข้างเขาชอบฝืนตัวเองกันหมดทุกคน...
     
                นิ้วเรียวที่เย็นเพราะอากาศหนาวไล้ไปตามแก้มนวลอย่างอ่อนโยน ก่อนจะวางทาบลงบนหน้าผากขาว...ตัวร้อนจัดจริงๆด้วย...มิน่าล่ะ สึนะถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย
     
                “ก็รู้อยู่แล้วว่าหนีไม่พ้น ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้ดื้อแบบนี้ครับ? คุณฮิบาริ?”เสียงนุ่มนวลเอ่ยถามทั้งที่รู้คำตอบดีอยู่แล้ว...ทั้งที่ก็รู้ดีว่าเมฆาเป็นเช่นไร...
     
                ...ไม่น่ารักเอาซะเลย...
     
                ความคิดนี้ของเมฆาแสนดื้อรั้นมีหรือสึนะจะไม่รู้ เพียงแค่เห็นคิ้วเรียวที่ขมวดเข้าหากันกับสายตาขุ่นๆนั่นก็พอจะเดาออกแล้วว่ากำลังต่อว่าเขาในใจ มือเย็นลากไล้ไปตามแก้มนวลอีกครั้งก่อนจะจุมพิตเบาๆที่หน้าผาก
     
                “พักซะนะ...เดี๋ยวผมจะอยู่เป็นเพื่อน”
     
                ใครต้องการกัน...อยากตอบออกไปแบบนี้ แต่สายตาพร่ามัวลงทุกที...ทุกที...จนในที่สุดสติของร่างบางก็ดับวูบไป...จะด้วยความเหนื่อยล้า
     
                หรือเพราะวางใจ...
     
                ...ว่ามีนภาน่าหมั่นไส้คนนี้อยู่เป็นเพื่อนแล้ว?
     
                “เฮ้อ...”ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างเชื่องช้า รอยยิ้มจืดจางลงเปลี่ยนเป็นใบหน้าเคร่งขรึม ดวงตาที่เป็นประกายอยู่เสมอ ตอนนี้ทั้งขุ่นมัวและฉายแววห่วงใยอย่างปิดไม่มิด...และเจ้าของดวงตานั้นก็ยิ่งไม่คิดจะปิดบัง...
               
                ไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดี...บาดแผลนี่ก็พึ่งจะรู้สาเหตุเมื่อบ่ายนี้เองว่าเกิดขึ้นเพราะอะไร
     
                ...เพราะคุณฮิบาริเข้ามากันไว้ให้...คนคนนั้นถึงได้ไม่บาดเจ็บ...ดีใจที่เขาคนนั้นไม่เป็นอะไร แต่ก็รู้สึกผิด...เพราะคนที่เจ็บแทนก็เป็นคนสำคัญไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน
     
                ไม่มีเมฆา...ท้องฟ้าไม่มีวันนี้...
     
                แต่ถ้าไม่มีคนคนนั้น...เขาก็คงไม่อยากอยู่ต่อไปแล้ว...
     
                ...ทั้งสองคนสำคัญ...แต่ในคนละความหมาย...คนหนึ่งคือเมฆาที่แสนเอาแต่ใจ หากก็ยังติดหนี้บุญคุณไม่อาจชดใช้...แต่อีกคน เป็นเจ้าของหัวใจทั้งดวง รัก...จนหมดใจ แม้ว่าอีกฝ่ายจะยังไม่ตอบรับความรู้สึกของเขา...หากจะเลือกได้...เขาอยากให้เป็นตัวเองที่ต้องเจ็บ
     
                ไม่อาจทนดูใครคนใดคนหนึ่งในสองคนนี้...ไม่สิ...ไม่อาจทนเห็นทุกๆคนต้องเสียสละเพื่อเขา...เพราะทุกคนเป็นคนสำคัญ...ถ้าขาดใครไปสักคน...ก็จะไม่มีเขา...ไม่มีวองโกเล่ในวันนี้...
     
                ขอบคุณ...สำหรับทุกอย่าง...
     
                หลังจากนี้ปัญหาใหญ่กำลังจะตามมา...ลางสังหรณ์ที่ไม่เคยพลาดบอกให้เขาต้องเตรียมการณ์...สายหมอกเองก็กลับมาอยู่ในที่ที่ควรอยู่แล้ว...ถ้าหากตอนนี้เกิดเรื่องอะไร...ทุกคนจะช่วยกันแก้ไขได้...ทุกคนก็คงอยู่ได้...เท่านี้วางใจได้เสียที...
     
                ระหว่างที่กำลังคิดเรื่อยเปื่อยมือเรียวของคนที่ยังหลับใหลก็เอื้อมมาคว้าชายเสื้อของร่างโปร่ง กำแน่นราวกับจะรั้งไว้ไม่ให้หนีไปไหน ท่าทางนั้นเรียกรอยยิ้มจากร่างสูงได้ในทันที ก่อนที่ร่างโปร่งจะเอื้อมมือมาลูบเส้นไหมสีดำสนิทอย่างอ่อนโยน...
     
    …………………………………….
     
                เมื่อลืมตาตื่น...แทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเองว่ามือของตนกำชายเสื้อของคนที่พร่ำบอกว่าหมั่นไส้นักหนาเสียแน่น แถมยังต้องให้เขามาเฝ้าไข้จนถึงเช้า
     
                ...ให้ตายเถอะ...
     
                ร่างบางพยายามดันตัวเองให้ลุกขึ้น แต่ก็ถูกมือของคนที่คิดว่าหลับอยู่ดันให้ล้มตัวลงนอนอีกครั้ง ดวงตาสีส้มจัดลืมขึ้นอย่างรวดเร็ว ไร้วี่แววของความง่วงงุน
     
                “นอนต่อเถอะครับ เดี๋ยวไข้จะกลับมาอีก”เสียงนุ่มนวลเอ่ยอย่างบังคับกลายๆ ทำให้เมฆาผู้แสนจะดื้อรั้นจิกสายตาใส่ แต่ก็ดูจะไม่มีผลอะไรเลยแม้แต่น้อย...
     
                “พักวันเดียวไม่เป็นไรหรอกครับ...นอนเถอะ”แล้วตัวเองมีสิทธิ์มาว่าคนอื่นรึยังไง? ใครกันล่ะที่กลางวันเอาแต่ทำงาน กลางคืนก็ไม่ยอมหลับยอมนอน? ดวงตาสีนิลตวัดมองอย่างไม่พอใจแต่ก่อนจะพูดอะไรร่างโปร่งก็ก้อมลงสัมผัสหน้าผากขาวอย่างแผ่วเบา
     
                “ห้ามเถียงครับ วันนี้ต้องนอนพัก เอ...แต่ตัวไม่ค่อยร้อนแล้วนี่”...ใครว่าล่ะ ในหัวยังมึนๆ เหมือนยังไม่ตื่นดี ร่างกายก็ไม่มีแรง ในลำคอแห้งผาก...ทรมานชะมัด... ไข้ยังไม่ลดแม้แต่น้อย เป็นคนตรงหน้าเขาต่างหากที่ดูท่าจะติดไข้เข้าอีกคนซะแล้ว...
     
                ...อย่าบอกนะว่าเมื่อคืนนั่งอยู่ตรงนี้ตลอด...อากาศยิ่งเย็นๆอยู่ จะมีไข้ก็ไม่แปลกล่ะนะ
     
                คิดได้เท่าเพียงดวงตาสีนิลก็ปรือลงช้าๆอย่างไม่อาจขัดความง่วงงุนที่เกิดขึ้น ก่อนสติจะดับวูบไปเหมือนเมื่อคืน คำพุดที่เคยพูดไว้เมื่อนานมาแล้วก็ก้องขึ้นในหัว
                                                   
    ‘...จะหนีก็หนีไม่พ้น อิสระจอมปลอมแบบนี้...น่ารำคาญซะจริง...‘
     
                ใช่...น่ารำคาญ...จะหนีเท่าไหร่...ไกลเพียงไหน...ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด...ก็หนีไม่พ้นเสียที...
     
    .................................
    ..................
    .........
    ..
    .
     
    ...ไม่มีสิ่งใดจะฉุดรั้ง
    หยุดยั้งเมฆาเอาไว้ได้
    หากแม้ลอยไปไกลเพียงใด
    สุดท้าย...ยังอยู่ใต้ผืนนภา...
     
    ............................................................

                แม้จะไขว่คว้าอิสระได้เท่าที่ต้องการ...แต่ถึงอย่างไร...เสรีของเมฆา...ถูกจำกัดอยู่เพียงใต้ผืนฟ้า...มิอาจดิ้นรนขัดขืน...เพราะเมฆา...มีตัวตนอยู่ได้...บนฟากฟ้าเพียงที่เดียว...อย่างไม่อาจเปลี่ยนแปลง...


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×