ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    FanFic : All Fiction [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #5 : [DRRR] >> Kanra VS Tanaka Taro (Mikado x Izaya)

    • อัปเดตล่าสุด 13 มิ.ย. 53





    Title               : เหตุ เกิด ณ ห้องแชท Kanra VS Tanaka Taro
    Pairing           : Mikado x Izaya
    Rating            : PG-13
    Warning         : ทำใจกับความบ้าของไรเตอร์หน่อยเถอะค่ะ...
     
    ..................................................................
     
     
    หมายเห็ด :
    ทานากะ ทาโร่ - มิคาโดะ
    คันระ - อิซายะ
     
     
     
     
    .
    .
    .
     
     
     
    เรื่องทั้งหมด...มันเริ่มแค่ เพราะคำๆนั้นของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง...

    “คันระซัง! ผมคิดว่าตัวเองกำลังมีความรักล่ะครับ!”

    .
    .
    .

    นั่นน่ะ...แค่นั้นจริงๆนะ...นี่มันไม่สมกับเป็นตัวฉันอย่างทุกทีเลย...
     

        ดวงตาสีโกเมนกระพริบปริบๆ มองดูข้อความที่เด่นหราอยู่เบื้องหน้าด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก คล้ายกับเด็กถูกแย่งของเล่น...ความไม่พอใจแล่นพล่านอยู่ในอก
        ...ไม่ชอบใจเลย...
        คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นเข้าหากันได้ไม่ทันไร รอยยิ้มปานแสยะก็ฉาบขึ้นบนใบหน้าของคันระซัง อีกครั้ง ปลายนิ้วเรียวพรมพร่างพิมพ์ตัวอักษรโต้ตอบคำพูดนั้นอย่างรวดเร็ว พยายามทำเป็นไม่ใส่ใจกับความรู้สึกที่เริ่มก่อตัวขึ้นช้าๆ

        “เห----ผู้หญิงคนนั้นจะเป็นคนแบบไหนกันนะ”
        “ถึงกับทำให้ทานากะ ทาโร่คุงพูดออกแบบนี้ได้น่ะ อยากรู้จัง!”

        ดวงตาสีน้ำเงินเข้มจัดหรี่ลงยังคงแฝงเอาไว้ด้วยประกายของความสนุกสนาน พร้อมกับริมฝีปากสวยที่คลี่ออกแย้มรอยยิ้ม...รอยยิ้มอย่างที่ไม่มีใครเคย เห็นจากเด็กหนุ่มผู้นี้

        “เป็นคนที่สวยมากๆเลยล่ะครับ”

        ข้อความถูกตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว ทำให้รอยยิ้มที่ระบายอยู่บนใบหน้าคมสวยแทบชะงักค้าง ความรู้สึกลึกๆที่พยายามจะไม่ใส่ใจยิ่งพลุ่งพล่านหนักกว่าเดิม

        “แล้วก็ยังน่ารักมากด้วย”

        ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าเผลอขมวดคิ้วไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่รู้เลยว่ารอยยิ้มอย่างเคยจางหายไปจากใบหน้าตั้งแต่เมื่อไหร่

        “เวลาอยู่ใกล้ๆกับคนๆนั้น ผมไม่เคยเบื่อเลยล่ะครับ”

        และ...ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ดวงตาสีโกเมนคู่สวยทอประกายวูบวาบ

        “อย่างนั้นเหรอ“
        “แบบนี้...ก็มีคู่แข่งเยอะล่ะสิเนี่ย”
        “ยังไงก็พยายามเข้าล่ะทานากะ ทาโร่คุง♪”

        “ก็ไม่เยอะหรอกครับ...ไม่สิ...อาจจะไม่มีเลยก็ได้”เด็กหนุ่มหัวเราะเบาๆใน ลำคอ รอยยิ้มบนใบหน้าอ่อนเยาว์กว้างขึ้น เฉกเช่นเดียวกับไพลินสีเข้มที่พราวระยับ

        “ขอบคุณครับ”
        “แล้วสารภาพรักเธอไปรึยังล่ะ หืม?”

        “เรื่องแบบนั้นน่ะ...ผม...”


        ทานากะ ทาโร่คุงตอบกลับมาแค่นั้น แต่คันระซังก็พอจะเดาออกว่าป่านนี้อีกฝ่ายคงกำลังหน้าแดงจัดไปจน ถึงใบหู จึงอดหัวเราะคิกคักออกมาไม่ได้ ส่งให้เลขาสาวที่กำลังคร่ำเคร่งกับงานอยู่ไม่ห่างนักเหลือบแลหางตากลับมามอง เพียงเสี้ยววินาที ก่อนจะหันไปกระซิบแผ่วเบากับตัวเองจับใจความได้ประมาณว่า... ‘บ้า’

        “ทำไมล่ะ สารภาพรักเธอไปเลยซี่”
        “ถ้าเป็นคนดีอย่างทานากะ ทาโร่คุงน่ะ เธอต้องตอบตกลงแน่ๆเลย”


        “ใช่แล้ว...คนดีที่ใสซื่อจนเรียกได้ว่าโง่อย่างเธอน่ะ รีบๆไปสารภาพรัก แล้วจากนั้นค่อยฆ่าตัวตายหลังจากผิดหวังกับความรักไร้สาระนั่นซะเถอะ แบบนั้นล่ะ...ถึงจะน่าสนุก”คันระซังพึมพำกับตัวเอง ขณะนึกสภาพการตายอันน่าสยดสยองของอีกฝ่าย
        ...โดดตึก หรือผูกคอตายก็ไม่เลวนะ...

        “ไม่หรอกครับ ของแบบนั้นน่ะ...ไม่จำเป็นหรอก”
        “หืม?”

        เรียวคิ้วสวยเลิกขึ้นกับคำพูดกำกวมประหลาดๆที่ชวนให้สะกิดใจ

        “ไม่จำเป็นต้องมองมาที่ผม”
        “ไม่จำเป็นต้องเห็นความสำคัญของผม”
        “แค่ผมได้มองเห็น ได้อยู่ใกล้ ได้พูดคุยด้วย เท่านี้ก็พอแล้วล่ะครับ”


        ความรู้สึกนั่นกลับมาอีกแล้ว... รู้สึกหงุดหงิดงุ่นง่านเหมือนอะไรๆมันก็ไม่ได้ดั่งใจไปซะทุกอย่าง ตัวหมากอย่างเธอน่ะ มีหน้าที่เดินไปตามการควบคุมของฉันก็พอแล้ว! กระนั้นปลายนิ้วสั่นระริกก็ยังฝืนพิมพ์ข้อความตอบกลับไป

        “อ๊าย! ช่างเป็นรักที่ใสซื่อ และบริสุทธิ์ซะจริงๆ! ฉันล่ะอยากถูกใครสักคนมาพูดแบบนี้ให้ฟังบ้างจังเลยน้า~”
        “ผมพูดจริงๆนะครับคันระซัง”


        ราวกับเห็นคำประชดเสียดสีที่แฝงมากับความร่าเริงนั่นเด็กหนุ่มถึงได้ยืนยัน คำกล่าวของตนอีกครั้ง เร่งรีบแก้ตัวอย่างร้อนรน

        “ผมต้องการแค่นั้นจริงๆนะครับ”
        “แค่ได้รู้จักกับเธอ โลกของผมก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว”
        “เท่านี้ก็มากเกินพอแล้วล่ะครับ”


        “เน่าซะ”คันระซังพึมพำเบาๆอีกครั้งเมื่อเห็นประโยคชวนสำลักน้ำตาล ตายนั่น สีหน้าปรากฏแววแห่งความพะอืดพะอม แต่ลึกๆแล้วกลับกำลังรู้สึกหงุดหงิดอย่างไม่ทราบสาเหตุ

        “แบบนั้น มันคงไม่ใช่ความรักแล้วล่ะทานากะ ทาโร่คุง”
        “มนุษย์เมื่อมีความรัก ก็ต้องอยากครอบครอง อยากเป็นเจ้าของ ปรารถนาจะเหนี่ยวรั้งเอาไว้ทั้งนั้น”
        “เธอน่ะ รักคนๆนั้นจริงน่ะเหรอ”


        “รักสิครับ...รักตั้งแต่แรกเห็นเลยล่ะ...”ไพลินเข้มจัดเยียบเย็นลง ราวกับกำลังขุ่นขึ้งกับคำกล่าวหานั้น ใช่ว่าไม่อยากครอบครอง...แต่เท่านี้ก็เพียงพอสำหรับเขาแล้วจริงๆ

        “เธอแค่กำลังกลัวต่างหากล่ะ!”
        “กลัวจะเสียคนๆนั้นไปอย่างที่ไม่มีวันได้คืน ใช่รึเปล่า”
        “ที่เธอพูดออกมา มันก็แค่การหนีความจริงเท่านั้นล่ะ”


        “...บางทีก็คงจะเป็นอย่างนั้นล่ะมั้งครับ”เด็กหนุ่มอ่านทวนข้อความนั้นซ้ำ อีกครั้ง
        “ผมไม่อยากเสียไปจริงนั่นแหละ”
        ...สิ่งที่งดงามและสนุกสนานแบบนั้น...ไม่เคยน่าเบื่อเลยจริงๆ...

        “คันระซังกำลังจะบอกว่าผมควรจะบอกเธอย่างนั้นเหรอครับ?”

        “ตัวหมากที่ดี...ควรจะเคลื่อนที่ไปตามที่ฉันต้องการแบบนี้สิ ไม่อย่างนั้นมันจะสนุกได้ยังไงกัน”เสียงหัวเราะในลำคอแผ่วเบาชวนให้ขนหัวลุก หากแต่เลขาสาวสวยที่กำลังคร่ำเคร่งอยู่กับงานไม่เคยเปลี่ยนก็ยังเพียงแค่ เหลือบสายตามาดูเจ้านายของเธออีกครั้ง
        ...และพึมพำคำว่า ‘บ้า’ ดังขึ้นอีกหน่อย

        “นั่นมันเรื่องของเธอเองไม่ใช่เหรอ?”
        “จะเลือกหนีแบบนี้ตลอดไป”
        “หรือจะเลือกทำให้ถึงที่สุดเพื่อที่ได้ไม่ต้องมานั่งเสียดายทีหลัง”
        “มันก็ขึ้นอยู่กับเธอทั้งนั้นล่ะ!”


        คันระซังเอนหลังลงกับพนักเก้าอี้หนานุ่ม จับจ้องไปที่หน้าจออย่างพออกพอใจ มันออกจะฟังดูน้ำเน่าไปซักหน่อย แต่ถ้ากับเด็กที่ใสซื่อแบบนั้นล่ะก็นะ...

        “ที่คุณพูดมาอาจจะถูกก็ได้”
        “...ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะครับคันระซัง”

        “ไม่เป็นไรหรอก


        “ฉันสิ...ที่ต้องขอบใจเธอ...เรื่องน่าสนุกต่อจากนี้น่ะ...อยากเห็นจนแทบทน ไม่ไหวเลยล่ะ...”เรียวปากบางเหยียดออกเป็นรอยยิ้มอีกครั้ง พร้อมกับโกเมนคู่สวยที่เปล่งประกายเย็นเยียบอย่างอันตราย

        “บางที...ผมก็ควรจะบอกจริงๆสินะครับ”

        “อื้ม...บอกไปเล้ย แล้วถ้าคิดจะฆ่าตัวตายเมื่อไหร่ ฉันจะแนะนำวิธีเจ๋งๆให้เอง♥”
        ...มนุษย์เนี่ย สนุกสุดๆไปเลยนะ...

        “...คันระซัง”
        “?”
        “ไม่สิ...”

        "??"

        “อิซายะซัง... ผม-ชอบ-คุณ



    .
    .
    .

    นั่นน่ะ...แค่นั้นจริงๆนะ...

        “...เป็นอะไรมากรึเปล่าคะ”นามิเอะเหลือบสายตากลับมาอีกครั้ง...คราวนี้... เจ้านายเธอไม่ได้กำลังจุดไฟเผากระดานหมากรุกเล่น...ไม่ได้กำลังหัวเราะโรค จิต...ไม่ได้กำลัง...เอาเป็นว่าไม่ได้ทำอะไรอย่างที่คนธรรมเค้าไม่ทำกัน...
        แต่ทว่า...กำลังทำ...อะไรที่ไม่สมกับเป็นโอริฮาระ อิซายะมากที่สุดเท่าที่เธอเคยเห็น
        เจ้านายของเธอ..โอริฮาระ อิซายะ...พ่อค้าข่าว...ผู้ชายที่ใครๆก็บอกว่าไม่ควรไปข้องเกี่ยวด้วยมากที่สุด...ใช่... โอริฮาระ อิซายะคนนั้นแหละ
        เขา...กำลัง...หน้าแดงอยู่ล่ะ...



     
     
     
     
     
    Fin.
     
     
     บอกตรงๆ...ว่าฟิคทั้งฟิคมันงอกออกมาจากใจความเดียว
    อยากเห็นเด็กเกรียนหน้าแดง (อิโรคจิต)
    ตอนแรกว่าจะเป็นชิซายะ...ไม่ไหวแฮะ ชึสึจังจะทำให้เกรียนหน้าแดงได้ยังไงนึกไม่ออก
    (ถ้าร้องไห้ล่ะก็ว่าไปอย่าง เคร้ๆ)
    สุดท้ายนี้...หนุ่มสาวเอยพวกเธอว์จงเสพย์คู่ชู้(ว์) //โดนต่อย
    คู่ชู้(ว์)บานไส้ค่าาาาา  


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×