คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : 01 - ตื่น
001 - ตื่น
เคยไหม...ที่เมื่อลืมตาขึ้นมาแล้วกลับรู้สึกเหมือนว่ายังตกอยู่ในภวังค์ฝัน...
ตอนนี้คริสกำลังรู้สึกอย่างนั้น
ชายหนุ่มปรือดวงตาเรียวคมของตนขึ้น...เหม่อมองเพดานห้องที่แสนคุ้นตา...ทว่า...ก็ให้ความรู้สึกว่าไม่คุ้นเคย
เขาหลับตาลงอีกครั้ง ก่อนจะพรูลมหายใจยาว
ที่ข้างกายเขาว่างเปล่า... เย็นชืด... บ่งบอกชัดเจนว่าใครที่เคยนอนอยู่ตรงนั้นได้ลุกออกไปนานแล้ว
คริสขยับร่างกายที่อ่อนล้าลุกขึ้น พันรอบเอวสอบเพรียวด้วยผ้าห่มไว้ลวกๆ พลางสาวเท้าก้าวข้ามห้องไปอย่างไม่รีบร้อน ตอนแรกเขาตั้งใจจะอาบน้ำเสียหน่อย แต่เมื่อได้ยินเสียงแผ่วๆ ของหยดน้ำที่ตกกระทบพื้นกระเบื้องดังลอดออกมาจากบานประตูที่ปิดสนิท ลมหายใจของเขาก็สะดุดลง
มือกร้านสัมผัสกับลูกบิด จับหมุนเบาๆ แล้วก็พบว่ามันไม่ได้ล็อคเอาไว้ คริสผลักประตูให้เปิดออกอย่างระมัดระวังไม่ให้เกิดเสียง...
ภาพที่เห็นตรงหน้าทำเอาคนมองแทบลืมหายใจ
ร่างสูงประเปรียวของคนที่เขาคิดว่าได้จากไปแล้วอยู่ที่ตรงนั้น ภายใต้หยดน้ำที่ไหลพรูเป็นสาย เทาคุกเข่าอยู่บนพื้น เด็กหนุ่มใช้แขนข้างหนึ่งยันผนังเป็นหลักยึดพิงไม่ให้ล้มลงไป ขณะที่ปลายนิ้วเรียวของมืออีกข้าง.... สอดแทรกเข้าไปในร่างกาย... ขยับอย่างแผ่วเบาเชื่องช้า
...ตอนแรกเขาไม่เข้าใจ... แต่ไม่นานนักก็ได้ตระหนักรู้ถึงความหมายของการกระทำนั้น... ของเหลวสีขาวขุ่นไหลลงมาตามเรียวขาแกร่ง หยดลงอย่างเชื่องช้าลงบนพื้นกระเบื้องเป็นด่างดวง... ก่อนจะถูกชะออกไปอย่างรวดเร็วด้วยน้ำใส
คราบขาวขุ่นคาวสลายไปในความเป็นจริง... แต่ภาพนั้นกลับยังคงตรึงแน่นอยู่ในความทรงจำของคนมอง
“...ฮะ...อื้อ...” แว่วเสียงครวญเบาๆปนเปไปกับเสียงน้ำไหล... คริสจับจ้องแผ่นหลังสั่นระริกที่เปรอะเปื้อนไปด้วยร่องรอยสีแดงสด เหม่อมองราวกับตกอยู่ในภวังค์ ภาพที่สวยงามเหมือนกับความฝันนี้ทำเอาเขาไม่แน่ใจว่าตนเองตื่นแล้วแน่หรือ...
ชายหนุ่มขบฟันลงกับเรียวปาก
เขาขยับตัว...เหยียบย่ำเท้าเปล่าเปลือยลงกับพื้นกระเบื้องเย็นเฉียบที่เจิ่งนองด้วยแอ่งน้ำ
“ทำไมไม่บอกให้พี่ทำให้ล่ะ?” เสียงทุ้มต่ำกระซิบขึ้นที่ข้างหู ทำเอาเด็กหนุ่มสะดุ้งเฮือก เทาเบิกตากว้างและเริ่มดิ้นหนีอ้อมแขนที่เลื่อนเข้าโอบรอบเอวสอบเพรียว
“ตุ้ยจาง! ปล่อยผมนะ พ...พี่จะทำอะไร?” เสียงแหบพร่าถามอย่างตื่นตระหนก คนอายุมากกว่าเพียงขยับยิ้มอ่อนโยนที่มุมปาก ดันร่างสูงประเปรียวของน้องชายเข้าชิดผนัง กักตัวอีกฝ่ายเอาไว้ด้วยร่างกายของตน มือเรียวซุกซนคลอเคลียอยู่ที่หน้าท้องแกร่งราบเรียบก่อนจะลากเลื่อนลงต่ำ...
ปลายนิ้วเรียวยาวหยอกล้อกับสัดส่วนอ่อนไหวที่กำลังตื่นตัว จนเมื่อร่างในอ้อมแขนไร้เรี่ยวแรงจะขัดขืน เขาจึงละออกห่างอย่างอ้อยอิ่ง เลื่อนเรียวนิ้วผ่านต้นขาแข็งแรงของอีกฝ่าย... แตะสัมผัสลงแผ่วเบาเหนือช่องทางร้อนผะผ่าว
“ตุ้ยจาง..! ไม่เอา... ย...หยุดนะ.... ไม่...”
โดยที่ไม่สนใจ... คริสสอดแทรกปลายนิ้ว... กดลึกลงในช่องทางคับแคบ...
“อึก... อ่ะ..! ฮึก...!” เด็กหนุ่มขบฟันแน่นเพื่อสะกดเสียงร้องน่าอาย ใบหน้าอ่อนเยาว์คมคายบิดเบี้ยวเหยเกและชุ่มโชกด้วยหยดน้ำ... ที่คริสไม่รู้ว่ามันมาจากฝักบัวที่ยังเปิดทิ้งเอาไว้ หรือว่า...เป็น...
...น้ำตา
ปลายนิ้วเรียวกร้านยังคงกวาดควานอย่างระมัดระวังอ่อนโยน หวังจะให้คนในอ้อมแขนเจ็บปวดน้อยที่สุด จนกระทั่งคิดว่าภายในไม่หลงเหลือสิ่งใดคั่งค้างจึงค่อยถอดถอนออกไป
ร่างสูงโปร่งของเด็กหนุ่มแทบจะทรุดฮวบลงกับพื้นถ้าหากไม่มีท่อนแขนแข็งแรงประคับประคองเอาไว้
“อาบน้ำรึยัง?”
ช่างเป็นประโยคคำถามแสนธรรมสามัญที่ถ้าหากไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่ต่างคนต่างเปลือยเปล่ากันทั้งคู่แบบนี้คนถูกถามก็คงไม่รู้สึกกระอักกระอ่วนใจแต่อย่างใด...
‘ถ้าหากว่า’ น่ะนะ...
“...” เด็กหนุ่มไม่สามารถตอบได้ ชี้ชัดลงไปอีกคือกระดากอายจนไม่อาจเอ่ยคำ ดวงหน้าอ่อนเยาว์ขึ้นสีก่ำ เขาใช้เวลาเนิ่นนานกว่าที่จะสามารถบังคับตัวเองให้พยักหน้าตอบคำถามนั้น
“ถ้าอย่างนั้นก็ออกไปกันเถอะ ตัวนายเย็นหมดแล้ว”
ว่าพลางออกแรงยกร่างเปียกปอนเย็นชืดของคนอายุน้อยกว่าที่เหมือนจะลืมเลือนไปชั่วขณะว่าต้องดิ้นรนขัดขืนขึ้นแนบอก สาวเท้าข้ามห้องเพื่อที่จะวางร่างโปร่งของอีกฝ่ายลงบนเตียงนุ่ม
จนเมื่อรู้สึกตัว... เขาถึงได้รู้ว่านี่เป็นการทำผิดพลาดครั้งใหญ่... ชายหนุ่มมองผ้าปูเตียงที่ยับยุ่ง ทั้งยังเปรอะเปื้อนด้วยคราบคาวมากมายแล้วอดไม่ได้ที่จะหวนนึกถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา
เขายังจำได้ดีว่าสัมผัสแบบไหนที่ทำให้คนตรงหน้าส่งเสียงครางหวาน สั่นระริกร่างอย่างควบคุมไม่ได้... ร่ำร้องเรียกชื่อของเขา... ด้วยเสียงแหบพร่าน่าหลงใหล...
ดวงตาเรียวคมเข้มขึ้นด้วยแรงอารมณ์ ...จับจ้องร่างกายงดงามเปลือยเปล่าด้วยสายตาหิวกระหายเหมือนปรารถนาจะกลืนกินลงไป...
ทว่าก่อนที่เขาจะได้ทำแบบนั้น...
“...ผมหิวแล้ว” ประโยคที่จู่ๆ ก็โพล่งออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยทำให้บรรยากาศแปลกประหลาดที่คงอยู่เมื่อครู่เหมือนจะจางเจือลงไป ดังนั้นเด็กหนุ่มผมดำจึงทวนคำพูดของตนซ้ำอีกครั้ง... โดยไม่สนใจว่ามันจะดูแปลกสักแค่ไหน
“ตุ้ยจาง ...ผมหิวแล้ว” พยายามอย่างยิ่งไม่ให้เสียงของตนสั่นเทา แล้วขยับยิ้มออดอ้อน...ที่ช่างดูฝืดเฝื่อนฝืนทน
“...” คนอายุมากกว่านิ่งงันไปชั่วอึดใจ แล้วจึงพยักหน้ารับ
“เดี๋ยวพี่จะไปหาอะไรให้นายกินก่อนแล้วกัน” คำตอบนั้นทำให้เด็กหนุ่มอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจโล่งอก เขาเบือนหน้าหนีแสร้งทำเป็นไม่สนใจสายตาที่มองมาของ ‘พี่ชาย’ จวบจนเมื่อได้ยินเสียงประตูปิดลงอย่างแผ่วเบา เขาก็หลับตาลง... ขังตัวเองอยู่ในความเงียบงัน...
คริสปิดประตูลงด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง มีหรือเขาจะไม่รู้ว่าทำไมอีกฝ่ายถึงได้แสดงท่าทีแบบนั้น... เทาคิดจะกลบฝังเรื่องเมื่อคืนให้หายไป ทำให้เป็นเหมือนเพียงความฝัน... ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่เมื่อครู่นี้เขาเพิ่งจะแตะต้องสัมผัสร่างนั้น... ปลุกเร้าให้ส่งเสียงร้องแว่วหวาน
ชายหนุ่มพรูลมหายใจยาว
เขาไม่ชอบใจกับวิธีจัดการนี้... ไม่เลยสักนิด...
แต่... พวกเขาจะยังมีทางเลือกอื่นอีกหรือ?
ครุ่นคิดอย่างเหม่อลอยขณะเดินตัดผ่านห้องนั่งเล่นที่ยังเกลื่อนไปด้วยกระป๋องเบียร์และขวดเหล้า จนเผลอเตะลู่หานกับเฉินที่นอนหมดสภาพอยู่กับพื้นไปสองหน... แต่ก็ช่างมันปะไร ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าพวกนี้ยืนยันที่จะดื่มฉลองที่รับรางวัลศิลปินยอดนิยมกันให้ได้ล่ะก็ มีหรือเรื่องเมื่อวานมันจะเกิดขึ้นได้
คิดได้ดังนี้แล้วชายหนุ่มก็ขมวดคิ้ว พ่นลมหายใจดังหึ ย่ำเท้าลงบนหน้าท้องราบเรียบของคนที่กำลังหลับสบายอีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะไปต้มโจ๊กให้คนที่บอกว่าหิว
กลิ่นหอมของอาหารเช้าล่องลอยอยู่ในอากาศปลุกให้คนที่กำลังหลับให้ตื่นขึ้นด้วยความหิวโหย
“...” ลู่หานงัวเงียลุกขึ้นขยี้ตา ใบหน้าน่ารักเหมือนกับเทวดาตัวน้อยๆ ยังคงแฝงเอาไว้ด้วยความง่วงงุน ริมฝีปากได้รูปหาววอดก่อนที่เขาจะบิดกายด้วยท่าทีที่เหมือนแมวขี้เกียจตัวใหญ่ หลังจากนั้นร่างโปร่งบางก็ยันตัวลุกขึ้น เดินเตาะแตะไปยังที่มาของกลิ่นหอมกรุ่นนั้น
“คริส...” ชายหนุ่มส่งเสียงเรียกเพื่อนร่วมวงตัวสูงที่กำลังง่วนอยู่หน้าเตา
“ขอฉันถ้วยนึง...” ไม่ลืมจะทำเสียงออดอ้อนอย่างที่ใช้ได้ผลกับใครต่อใครอยู่เสมอ มือเรียวยกขึ้นลูบหน้าท้องที่แสบร้อนและปวดหนึบอย่างประหลาด...
เจ็บ... เหมือนกับถูกคนเหยียบใส่...?
แต่ชายหนุ่มก็ปัดความคิดไร้สาระนี้ออกไปอย่างรวดเร็ว
จะเป็นไปได้ยังไงกัน...
คนถูกเรียกเพียงเบนสายตากลับมาเล็กน้อย ใบหน้าคมคายสมบูรณ์แบบเหมือนเคลือบเอาไว้ด้วยน้ำแข็งบางๆ หนึ่งชั้น... เย็นชาจนเหมือนอยากจะฆ่ากันให้ตาย
“...”
“เอ่อ...ถ้านายไม่ได้ทำเผื่อไว้ก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันทำเองก็ได้” ชายหนุ่มร่างโปร่งทำคอหด ถอยออกห่างจากประตูห้องครัวหลายก้าวใหญ่เพื่อที่จะพาตนเองให้อยู่ในระยะปลอดภัย
เขาทำอะไรผิด?
น่าเศร้าที่เค้นความทรงจำเท่าไหร่ก็ไม่เห็นจะนึกออกว่าเมื่อคืนนอกจากดื่มเหล้าจนเมาแล้วเขาทำอะไรลงไปบ้าง
“จื่อเทา! ดื่ม! ดื่มเข้าไปให้หมด!” เสียงทุ้มติดหวานอยู่หน่อยๆ ของลู่หานร้องยุให้เด็กหนุ่มผมดำดื่มของเหลวสีอำพันเข้าไปเป็นแก้วที่หก เทาปรือดวงตาที่พร่าเลือนด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ปฏิบัติตามคำยุยงนั้นโดยไม่สนใจเสียงร้องห้ามอย่างกระวนกระวายของเลย์
“อาเทา พี่ว่านายดื่มเยอะไปแล้วนะ!”
“ไม่เอาน่า~ นานๆ จะได้ดื่มอย่างนี้สักที จื่อเทาเองก็ไม่ใช่เด็กๆแล้วด้วย~” กลับเป็นเสียงอ้อแอ้มึนเมาของคนช่างยุที่เถียงกลับอย่างดื้อดึง เท่านั้นยังไม่พอมือเรียวยังยกขวดแก้วขึ้นรินเครื่องดื่มที่พร่องไปกว่าครึ่งเติมให้น้องเล็ก
“จงแด! มินซอก! พวกนายอย่าเอาแต่ดื่มสิ ช่วยฉันห้ามจื่อเทาที”
“ไม่เป็นไรหรอกน่าอี้ชิง” พี่ใหญ่ของวงว่าพลางหัวเราะเอิ้กอ้ากดูท่าทางน่าเป็นห่วงกว่าเทาเสียอีก “พรุ่งนี้ไม่มีงานอะไรอยู่แล้ว อุตส่าห์ได้รางวัลทั้งที ปล่อยน้องมันไปเถอะ”
“ใช่ครับ นานๆทีน้า~”
ทีอย่างนี้ล่ะเข้าขากันดีเชียวนะ!
เมนแดนซ์ตัวขาวขยี้หัวอย่างหงุดหงิดใจ หางตาเหลือบเห็นลู่หานเริ่มเข้าไปนัวเนียกับร่างสูงของน้องเล็กอย่างออดอ้อน แล้วเขาก็พลันรู้สึกได้ถึงลางร้าย...
ทว่าก่อนที่จะทันได้ตวาดดุให้พวกขี้เมาทั้งหลายเชื่อฟัง เสียงทุ้มต่ำราบเรียบของท่านตุ้ยจางก็ดังขัดขึ้นเสียก่อน
“หวงจื่อเทา! ใครอนุญาตให้นายดื่ม!”
โชคดีที่พายุพิโรธนั้นเพียงพัดมาแล้วก็พัดไป ทุกคนได้แต่กระพริบตาปริบๆมองคนตัวสูงที่หิ้วคอหนุ่มหน้าหวานทิ้งไปอย่างไม่ใยดีก่อนจะโน้มลงช้อนร่างอ้อแอ้ปวกเปียกของน้องเล็กขึ้นพาดบ่า และพาลับหายเข้าไปในห้องนอนของเทาและซิ่วหมิน
ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น...
เลย์ที่โดนจับเหล้ากรอกปากแทนน้องเล็กที่ถูกพาตัวไปย่อมไม่รู้เรื่อง...อย่าว่าแต่ขี้เมาอีกสามคน...ที่ทันทีที่ลับหลังท่านตุ้ยจางก็เริ่มต้นสรวลเสเฮฮากันอีกครั้งอย่างไร้ซึ่งความเกรงใจ...
ตกลงเมื่อคืนเขาทำอะไรลงไปกันแน่ว้า...
ลู่หานยิ่งครุ่นคิดยิ่งปวดหัว... จนแล้วจนรอดก็นึกไม่ออก... แต่ว่าต่อให้จำไม่ได้ ก็ใช่ว่าความผิดนั้นไม่มีอยู่จริงเสียเมื่อไหร่กัน
สายตาเย็นชาทิ่มแทงราวกับคมมีดน้ำแข็งกวาดผ่านไป ครั้งที่หนึ่ง... ครั้งที่สอง... ครั้งที่สาม...
ชายหนุ่มหน้าหวานรีบถอยร่นกลับห้องนอนอันปลอดภัย ก่อนที่จะถูกฆาตกรรมอำพรางโดยเพื่อนร่วมวงขึ้นมาจริงๆ ทิ้งให้เจ้าของสายตาฆาตกรยิ่งนิ่งอยู่ที่เดิมเพียงลำพัง
หลายวันผ่านไปอย่างค่อนข้างเชื่องช้า ทุกคนต่างก็สังเกตเห็นว่าพักนี้คริสใส่ใจดูแลเทามากกว่าปกติ ขณะที่น้องเล็กที่เคยตามติดอยู่ข้างตัวท่านตุ้ยจางกลับเป็นฝ่ายถอยห่างออกมาเสียเอง ยิ่งนานเข้าก็ยิ่งหนักข้อ จากที่ใส่ใจดูแลเริ่มกลายเป็นการเอาอกเอาใจ ขณะที่การถอยห่าง... เกือบจะเหมือนการหลบหน้าเข้าไปทุกที จนซิ่วหมินอดจะถามออกมาไม่ได้ในเย็นวันหนึ่ง
พี่ใหญ่แห่งเอ็กโซลากเอาเพื่อนตัวสูงมากระซิบ
“คริส เกิดอะไรขึ้นระหว่างนายกับจื่อเทา?” ดวงตาเยือกเย็นสมอายุฉายแววกังวลไม่ปิดบัง บรรยากาศระหว่างเพื่อนร่วมวงทั้งสองพักนี้ไม่ดีเอาเสียเลย เหมือนกับมีหมอกควันบางๆ หนึ่งชั้นมากั้นเอาไว้ตรงกลาง
หัวหน้าวงที่เหมือนจะเคยเป็นที่พึ่งพาได้เสมอกำลังดูอ่อนล้าอย่างมาก...
เขาส่ายหน้าไม่ตอบอะไรแม้สักคำ กระทั่งเมื่อถูกคาดคั้น ก็หลุดคำพูดออกมาเพียงประโยคหนึ่ง
“ฉันทำผิดต่อน้อง...”
ซิ่วหมินฟังแล้วเหมือนจะเข้าใจ แต่ก็เหมือนจะไม่เข้าใจ ดังนั้นเขาจึงทำเพียงแค่ถอนหายใจ ตบบ่าเพื่อนเบาๆ ด้วยไม่รู้จะทำอะไรที่ดีกว่านี้ได้...
คริสเองก็ถอนหายใจ สายตาเหม่อลอยไปไกล และในใจก็ยังครุ่นคิด
...คนที่ยังไม่ตื่นจากฝัน...แท้จริงคือเขา....หรือจื่อเทากันแน่...
TBC.
130817 : แก้คำผิด
ความคิดเห็น