คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : SoyMilk - 01
- 1 -
ดวงตาคู่สวยของพี่ใหญ่เบิกกว้างก่อนจะหยีเล็กลงเพราะรอยยิ้มที่ผุดพรายขึ้นบนใบหน้า รอยยิ้มนั้นน่าเอ็นดูจนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นของผู้ชายอายุยี่สิบสามเข้าไปแล้ว จงแดยิ้มอ่อนรับ แต่กลับก้าวถอยหลังเมื่ออีกฝ่ายยื่นมือเข้าหา
“ของฮยองไม่ใช่เหรอ?” เมนโวคัลหนุ่มน้อยคลี่ริมฝีปากหยักสวยของตนเป็นรอยยิ้มที่กว้างกว่าเก่า
“ยังไม่ได้แปรงฟันเลยใช่รึเปล่า?”
“อะ...”
พี่ใหญ่ยู่หน้าน้อยๆ แต่ก็พยักหน้ารับ เขาพ่นลมหายใจสั้นๆ หมุนตัวกลับเข้าไปในห้อง ไม่กี่นาทีต่อมาก็มาส่งเสียงร้องทวงน้ำเต้าหู้หอมกรุ่นจากจงแดที่ยืนรออยู่ไม่ได้หายไปไหน
“จงแดอา! หิวจะตายอยู่แล้ว!”
อย่างกับเด็กเลยน้า... ชายหนุ่มร่างผอมคิดอย่างเอ็นดู ขณะที่ยื่นถ้วยกาแฟให้ มินซอกรับมันไปอย่างดีอกดีใจ ประคองเอาไว้ในอุ้งมือ ซึมซับอุณหภูมิอุ่นๆ จากผิวกระเบื้องเคลือบมัน
กลิ่นหอมเข้มข้นของถั่วเหลืองกำจายอยู่ในอากาศ หอมหวานและชวนให้หิว มินซอกไม่ลังเลที่จะยกมันขึ้นดื่มอึกใหญ่ เติมเต็มกระเพาะที่ว่างเปล่ามาตั้งแต่เมื่อเย็นให้อุ่นซ่านด้วยอุณหภูมิที่ไม่ร้อนจนลวกลิ้น แต่ก็ไม่ได้เย็นชืดจนทำให้เสียรสชาติไป
“อ๋า...อร่อย” เสียงรำพึงนั้นผะแผ่ว ครวญอยู่ในคอเหมือนเสียงของแมว
“ขอบใจนะ!”
เจ้าของชื่อยิ้มรับ ยกแก้วของตนขึ้นจิบบ้าง ดวงตาคู่เรียวที่หางตาตกลงไปเล็กน้อยคู่นั้นเหมือนจะทอประกายพราวระยับน่ามอง
“ถ้าฮยองชอบ ผมก็ดีใจ”
คำนั้นเหมือนคล้ายจะมีอะไร ทว่าก็เหมือนกับไม่มี...
“ไว้คราวหน้า จะซื้อมาฝากอีกนะครับ” พี่ใหญ่ขยับยิ้มกว้างจนสองแก้มนุ่มยกขึ้นตาม ดื่มน้ำเต้าหู้หอมๆ เข้าไปอีกอึกใหญ่ ค่อยนึกขึ้นมาได้
“อ๊ะ? นี่ออกไปซื้อมาให้เหรอ? ...ตอนเช้าข้างนอกหนาวจะตาย...”
“ก่อนหน้านี้ไม่รู้ทำไมถึงได้ตื่น... จะหลับต่อก็ไม่ได้ จะปลุกคนอื่นก็ไม่กล้า ผมก็เลยออกไปเดินเล่นน่ะ” เสียงทุ้มนุ่มเล่าให้ฟังอย่างเรียบเรื่อยขณะที่ กึ่งลากกึ่งดึง ชักจูงให้อีกฝ่ายเดินไปตามทางเดิน
“ผ่านร้านขายน้ำเต้าหู้แล้วนึกถึงฮยอง ก็เลยซื้อมาฝาก” เพราะเมื่อวานเย็นใครบางคนกินน้อย...ไม่พ้นต้องสะดุ้งตื่นมานั่งหิวแน่ๆ... แล้วก็ผิดจากที่คิดเสียเมื่อไหร่ล่ะ
“นี่...อย่าเดินไปกินไปสิ เลอะเทอะหมดแล้ว” จงแดดุเบาๆ อย่างไม่จริงจัง ทำให้คนที่เดินตามอยู่ต้อยๆ ยิ้มแห้ง
“ก็คนมันหิวนี่...” คำแก้ตัวประโยคถัดๆ ไปไม่มีโอกาสได้หลุดออกมา เมื่อมือเรียวแข็งแรงของอีกฝ่ายยื่นเข้าหา แตะลงแผ่วยิ่งกว่าแผ่วที่ผิวแก้ม เรื่อยเข้าชิดมุมปาก...ปาดรอยเลอะเทอะสีขุ่นออกอย่างเบามือ
มินซอกไม่กล้าแม้แต่จะกะพริบตา จนกระทั่งอีกฝ่ายถอนมือออกไป
“ถึงแล้วล่ะ”
“เอ๊ะ? อ๋อ...จงแดพาฮยองมาห้องครัวมีอะไร?” อีกฝ่ายเยื้อนยิ้มไม่ตอบคำถาม ดึงเขาเข้าไปด้านใน กลิ่นหอมกรุ่นของแป้งทอด และงาคั่วหอมฟุ้งเตะจมูกขึ้นมาทันที นั่นพาให้ดวงตาของพี่ใหญ่เป็นประกายยิ่งกว่าเดิม ร่างสันทัดก้าวยาวๆเข้าไปจนชิดขอบโต๊ะทานข้าวที่กลางห้อง วางแก้วกระเบื้องที่ว่างเปล่าของตนลงบนแผ่นไม้ มองปาท่องโก๋จานโตน่าอร่อยนั้นไม่วางตา
แต่เมื่อเวลาผ่านไปครู่หนึ่งเขาก็ร้องประท้วง
“จงแดใจร้าย...” เรียวคิ้วงามของคนถูกว่าเลิกสูงขึ้น
“มันเป็นแป้งทอดนะ แ-ป้-ง-ท-อ-ด ฮยองกินได้ที่ไหนเล่า” พี่ใหญ่บ่นแล้วยู่หน้าอีกครั้ง ทว่าเมื่อสูดลมหายใจ กลิ่นหอมๆ นั่นก็ยังซ่านลึกเข้าไปในร่างกาย
อ่า...หอมจังเลย!
“ชิ้นสองชิ้นไม่เป็นไรหรอกน่า” เมนโวคัลเจ้าของรอยยิ้มสวยกดบ่าพี่ชายให้นั่งลง แล้วลากเก้าอี้อีกตัวมานั่งข้างๆ เขาหยิบปาท่องโก๋ร้อนกรุ่นออกมาคู่หนึ่ง บรรจงใช้กระดาษซับน้ำมันออกอย่างระมัดระวังเอาใจใส่ ก่อนจะส่งให้คนที่นั่งมองตาแป๋ว
“ทานซักหน่อยนะครับ”
“อื้อ...” เมื่อเห็นว่าคนอายุน้อยกว่าอุตส่าห์ทำให้ถึงขนาดนั้น จะไม่รับก็เสียน้ำใจแย่ อย่าว่าแต่ใจจริงเขาเองก็อยากกินจะตายอยู่แล้วเป็นทุน มินซอกกัดปาท่องโก๋เข้าคำโต เคี้ยวตุ้ยๆ จนแก้มขาวพองออกเหมือนกระรอก...
ให้ตายสิ น่ารัก...
จงแดอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปจิ้มแก้วนุ่มที่พองขึ้นนั้นอย่างมันเขี้ยว ก่อนจะหยิบแป้งทอดกลมๆ โรยงาอีกชิ้นมาซับน้ำมัน ท่ามกลางการเอาอกเอาใจอย่างนั้น กว่าที่จะรู้ตัวมินซอกก็พบว่าตัวเองกินเข้าไปแล้วคนเดียวเสียเกือบครึ่งจาน
“หยุดเลย” พี่ใหญ่ร้องขัดคนที่กำลังจะยื่นปาท่องโก๋ชิ้นใหม่ให้ชะงัก
“ไม่กินแล้วเหรอ?”
“ไม่กินแล้ว” คนอายุน้อยกว่าฟังคำปฏิเสธเด็ดขาดนั้นแล้วยักไหล่ ไม่คะยั้นคะยอต่อไป เพียงแค่ดันแก้วน้ำเต้าหู้ที่เหมือนยังไม่ได้รับการแตะต้องของตัวเองไปไว้ข้างหน้าอีกฝ่าย
“ถ้าอย่างนั้นดื่มนี่อีกแก้วแล้วกันนะครับ” มินซอกอ้าปากทำท่าจะประท้วง แต่จงแดก็ขัดอย่างรู้เท่าทัน
“เดี๋ยวมื้อเช้าฮยองก็กินแค่สองสามคำ คงไม่อยากทนหิวไปถึงเที่ยงหรอกใช่ไหม?” คนเป็นพี่แย้งอะไรไม่ได้ จึงจำใจดึงน้ำเต้าหู้แก้วโตของอีกฝ่ายเข้าหาตัวแล้วยกขึ้นจิบ อุณหภูมิที่ลดลงไปบ้างทว่าก็ยังอุ่นอยู่แผ่ซ่านออกไป จากแก้วกระเบื้องผ่านอุ้งมือ...ไปถึงหัวใจ...
มินซอกนั่งดื่มน้ำเต้าหู้แก้วนั้นเงียบๆ ในระหว่างที่จงแดค่อยๆ จัดการกับปาท่องโก๋ที่เหลือค่อนจานอย่างเชื่องช้า
“แก้วนี้ใส่น้ำตาลเหรอจงแด”
“หืม? เปล่านี่ครับ ก็เหมือนๆกัน”
“...เหรอ?” พี่ใหญ่ร้องรับขณะที่ก้มหน้าลง จิบเครื่องดื่มหอมกรุ่น ละเลียดรสขาติละมุนละไมด้วยปลายลิ้น...
แล้วทำไม เขาถึงรู้สึกราวกับว่า...มันหวานกว่าแก้วที่ดื่มไปก่อนหน้ากันนะ...////...
สองสามวันหลังจากนั้น จงแดก็ซื้อน้ำเต้าหู้มาฝากอีกเรื่อยๆ...เรื่อยๆ ...จนกระมั่งมันกลายเป็นความเคยชิน
มินซอกจะดื่มก่อนหนึ่งแก้ว ถูกหลอกล่อให้กินขนม แล้วก็จิบอีกแก้วขณะที่รอให้อีกฝ่ายเก็บกวาดขนมส่วนที่เขาไม่ยอมทาน เป็นอย่างนี้อยู่ร่วมสองอาทิตย์ น้ำหนักเขาก็ลดลงไปอีกแล้ว ดูเหมือนว่าน้ำเต้าหู้มันจะช่วยได้จริงๆด้วย
“ฮยอง...ผอมลงอีกแล้วเหรอ?” ทั้งที่มินซอกอารมณ์ดีมากๆ แต่เหมือนจงแดจะเป็นตรงกันข้าม สีหน้าที่ควรจะเหมือนมีรอยยิ้มอยู่เสมอกลับถึงขั้นดูบึ้งตึง
เขาไม่เห็นเข้าใจเลยว่ามีอะไรไม่ดี
“อื้อ ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ? ไม่ดีใจกับฮยองเหรอ?” เมนโวคัลหนุ่มน้อยไม่ได้ตอบคำถามของพี่ใหญ่ในตอนนั้น เขาแค่ถอนหายใจ หันหลังเดินหนีไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ...
มินซอกรับรู้ความไม่พอใจที่เข้มข้นขึ้นได้ในอีกสามวันถัดมา
สามวันที่ไม่มีคนถือถ้วยน้ำเต้าหู้หอมๆ มาเคาะประตูปลุกในตอนเช้า ทั้งที่ตลอดครึ่งเดือนมีมาอยู่ทุกวัน
“จงแดอา...น้ำเต้าหู้ของฮยองล่ะ” เขาถามออกไปในที่สุด แต่คนถูกถามก็ทำเป็นนิ่งเสีย ราวกับว่าไม่ได้ยิน กริยาอย่างนั้น ย่อมทำให้คนถามหงุดหงิดใจ มินซอกชักสีหน้า ขมวดคิ้ว แล้วค่อยพูดด้วยน้ำเสียงห้วนจัด
“ไม่พอใจอะไรก็พูดออกมาสิ ไม่ใช่มาทำเงียบกวนโมโหกันอย่างนี้”
จงแดยังคงเงียบ
“คิมจงแด!” เสียงห้วนสั้นแทบกลายเป็นการตวาด จงแดพ่นลมหายใจดังหึ ในที่สุดก็หันมาสนใจคนที่เริ่มจะกรุ่นโกรธโมโห ชายหนุ่มจ้องมองใบหน้าอ่อนเยาว์ไม่สมอายุของอีกฝ่าย นิ่ง...
“ผมไม่อยากซื้อน้ำเต้าหู้มาให้ฮยองอีกแล้ว”
กระซิบ...แผ่วเบา พร้อมกับมือเรียวที่เอื้อมไปคว้าข้อมือผอม ดึงร่างสันทัดของอีกคนให้เข้ามาใกล้ ใกล้...พอที่เข้าจะยื่นมือไปสัมผัสกับแก้มซูบเซียวซีดขาว
“เพราะว่าเดี๋ยวนี้...ฮยองไม่น่ารัก...”
ไม่ค้างเนอะ ไม่ค้างเนอะ? ไม่ค้างหรอกเนอะ
/กะพริบตาอย่างไร้เดียงสา
ความคิดเห็น