ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    FanFic : All Fiction [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #11 : [MAGI >>Vow (Musrur x Sinbad)

    • อัปเดตล่าสุด 22 เม.ย. 55


     

    Vow.



                    “...คืนนี้พระจันทร์งามนัก ...เจ้าว่าเช่นนั้นรึเปล่า มัสรูล...ชายหนุ่มร่างสูงเอนตัวพิงขอบหน้าต่าง ทอดมองจันทร์เสี้ยวที่เปล่งแสงนุ่มนวลบนฟากฟ้าอย่างเยียบเย็นอ้างว้าง หากคนฟังตอบรับคำเอ่ยเลื่อนลอยนั้นด้วยความเงียบงันอย่างเคยจนเขาต้องขมวด คิ้วเข้าหากันอย่างไม่ชอบใจ

                    ทำไมเจ้าถึงชอบเงียบนัก หืม?”ผู้เป็นนายเอ่ยถามอย่างมิได้คาดหวังคำตอบใดจากเจ้าของร่างสูงกำยำแม้สักนิด เขาเอ่ยจบแล้วทำเพียงระบายลมหายใจออกพลางเบนสายตากลับไปยังนอกหน้าต่าง ทอดมองแสงสีเงินอ่อนจางที่ไม่อาจข้ามผ่านม่านหมอกแห่งความมืดของยามราตรีไปไกล ซึมซาบเอาความอ่อนแอเปราะบางของแสงจันทร์เสี้ยว ...ในแววตาปรากฏความคิดมากมายที่ไหลผ่าน สุดที่ผู้คนจะหยั่งถึงคาดเดาได้...

                    ฉับพลัน บังเกิดเสียงกึกก้องกัมปนาททะลวงผ่านความเงียบงันเฉื่อยชา กระชากเอาความสงบที่ดำเนินมาจนถึงเมื่อครู่ทิ้งหายไปไม่เหลือร่องรอย เช่นเดียวกับที่ท่ามกลางฟากฟ้าสีหมึก ซึ่งเคยถูกพร่างพรมเอาไว้ด้วยเพียงดวงดาวนับแสนนับล้านดวงก็ได้แต่งแต้มเพิ่มเติมด้วยเปลวเพลิงที่แตกกระจายออก คลี่บานเป็นบุปผาสีแดงสดท่ามกลางความมืดอนธการ

                    ดวงตาสีอำพันทอประกายวูบไหว...ก่อนที่เขาจะแย้มยิ้มออกมา

                    ซินแบดเอ่ยเอื้อนด้วยเสียงที่ไม่หนักไม่เบา คล้ายกำลังรำพึงรำพันกับตนเอง              

                    ชีวิตข้าเพียงเฝ้าหวัง...ได้เปล่งประกายเจิดจ้างดงามเฉกเช่นดอกไม้ไฟ...แม้เพียงเสี้ยวนาที...ใบหน้าคมคายของจอมราชาแห่งซินเดรียฉาบเอาไว้ด้วยความอ้างว้างเปลี่ยวเหงาท้อรันทด ดูราวกับชราลงอีกหลายปี...

                    คนที่มองอยู่รู้สึกเหมือนมีมือที่มองไม่เห็นบีบเค้นก้อนเนื้อในอกที่กำลังเต้นตึก...ปวดหนึบไปทั้งหัวใจ...

                    ซิน...

                    ร่างสูงกำยำทรุดกายลงข้างบาทผู้เป็นนาย โน้มค้อมเรือนกายลงต่ำก่อนจะเอื้อมมือหยาบกร้านไปแตะต้องชายผ้าคลุมที่อีกฝ่ายสวมใส่รวบรั้งเข้าแนบจุมพิต...อย่างหนักแน่นและภักดี...

                    ไม่ว่าท่านจะปรารถนาเช่นไร...ข้ายินดีจะน้อมสนองส่งท่านไป...

                    ดวงตาเรียวยาวคมกริบคู่นั้นเงยขึ้น สบกับอัญมณีสีอ่อนที่กำลังเปี่ยมล้นด้วยอารมณ์หลากหลาย

                    ข้าจะเป็นข้าบาทให้ท่านช่วงใช้ เป็นโล่คุ้มครองกายท่าน เป็นคมหอกผลาญรานศัตรูท่านให้หมดสิ้น...
                   

                 ...หากท่านปรารถนาจะเป็นดอกไม้ไฟ...แตกปะทุแต่งแต้ม ฟากฟ้าราตรีให้ทวีความงดงาม...ข้ายินดีเป็นดินปืนเชื้อไฟ...มอดไหม้สลายกลาย เป็นเพียงเศษเถ้าธุลี...เพื่อแสงของท่านเจิดจ้าสว่างไสว...


    ...สุดแล้วแต่ท่านจะต้องการ.....

     


                    “...วันนี้เจ้าพูดมากจริงซินแบดปั้นยิ้ม เบนสายตาหลบเลี่ยงทำเป็นมองไม่เห็นคำพูดที่สื่อผ่านมาจากแววตาของอีกฝ่าย มือแกร่งวางทาบลงกับบ่ากว้างแข็งแรง ตบเบาๆเป็นเชิงอนุญาติ

                    ลุกขึ้นเถอะแต่เขาไม่ขยับ เด็กหนุ่มร่างสูงยังคงนิ่งงันอยู่เช่นนั้น จับจ้องมองใบหน้าคมสันของนายเหนือหัวด้วยสายตาเคารพเทิดทูนล้ำลึก ซินแบดถูกดวงตาสีน้ำผึ้งแน่วแน่คู่นั้นจับจ้อง...รู้สึกเหมือนถูกล่วงรู้ถึงความในใจ ครู่ต่อมาราชาหนุ่มจึงลู่ไหล่ลง แสดงตัวตนด้านที่อ่อนล้าเหน็ดเหนื่อยออกมาให้เห็น เขากางแขนโอบรอบลำคอแกร่ง และเอนกายสู่อ้อมอกมั่นคงของแม่ทัพคนสนิทอย่างไร้เรี่ยวแรง จนอีกฝ่ายต้องยืนขึ้นเพื่อประคองร่างไม่ให้ล้มลง

        “...ข้าเป็นราชาที่ดีใช่ไหม มัสรูลเสียงถามดังเพียงกระซิบ แต่เด็กหนุ่มเฟอนาริสย่อมได้ยินชัดเจนทุกถ้อยคำ เขาไม่ตอบคำถามนั้นทำเพียงจับจูงมือเรียว สาวเท้าก้าวยาวๆเข้าชิดริมหน้าต่าง

        ...แต่ไม่ใช่เพื่อเฝ้ามองดูพระจันทร์...

        “ฟังสิซิน...ได้ยินไหม คำตอบของคำถามน่ะเสียงทุ้มต่ำเอ่ยย่างนุ่มนวล ชี้มือออกไปยังความเวิ้งว้างเบื้องหน้า

       เมื่อแรกซินแบดเองก็งุนงงแปลกใจ แต่พอลองเงี่ยหูฟัง เขาก็ได้ยินในสิ่งที่อีกฝ่ายบอก ที่แท้ราตรีนี้ไม่ได้เงียบสงบอย่างที่เข้าใจ...ในความสงัดซุกซ่อนเอาไว้ด้วยเสียงสรวลเสเฮฮาที่แว่วมากับสายลม...ทั้งรื่นเริงสนุกสนาน...และสงบสุขปลอดภัย...เสียงเหล่านั้นนั้นก่อให้ความตื้นตันบังเกิดขึ้นในอก ใจที่สั่นไหวอยู่จนถึงเมื่อครู่สงบลง

       ดูเถอะ ประเทศของท่าน...สงบสุขเหมือนแดนสวรรค์ ประชาชนของท่าน...ครอบครัวของท่าน มีความสุขกันถึงเพียงนั้นเชียวนะ

       “...ท่านเป็นราชาที่ยอดเยี่ยมที่สุด

       ไม่จำเป็นต้องมีคำพูดอื่นใดมากกว่านี้ มัลรูลเอื้อมมือเข้ากอบกุมมือกร้านของเหนือหัวผู้สูงส่ง บีบเบาๆอย่างให้กำลังใจ จอมราชาคลี่ยิ้มกว้างเลื่อนรั้งมือใหญ่ขึ้นแนบกับแก้มอุ่นของตน ก่อนจะระบายลมหายใจออกมาอย่างอิ่มเอม

       “หวังว่าในวันพรุ่งนี้...และวันต่อๆไป...พวกเขาก็ยังสามารถมีความสุขได้เช่นนี้...มัสรูลฟังแล้วขยับยิ้มที่เห็นได้ไม่บ่อย ศีรษะที่ปกคลุมด้วยเส้นผมสีแดงฉานราวกับเพลิงไฟเคลื่อนขยับ เรียวปากอุ่นแนบชิดริมหูและกระซิบ...ด้วยน้ำเสียงหยอกเอินแหย่เย้า

       “ซินแบดคนโลภ...ท่านไม่ได้หวังว่าจะเป็นเพียงดอกไม้ไฟเสียหน่อยนี่ร่างสูงฟังแล้วหัวเราะสดใส ผลักเรือนผมสีแดงสดของเด็กหนุ่มออกไปเล็กน้อยเป็นการประท้วง

       ”เจ้าเด็กปากดี ลามปามใหญ่แล้วปากเอ่ยบริภาษแง่งอน แต่ในแววตากลับปรากฏเพียงรอยยิ้มเบิกบาน มัสรูลส่ายศีรษะอย่างอ่อนใจ ขยับร่างเข้าใกล้อีกฝ่ายมากขึ้น เพื่อประพรมจุมพิตอ่อนหวานลงบนขมับขาวของนายเหนือ

       “ข้ารู้ดี...รู้ดียิ่งกว่าใคร ท่าน...เป็นราชาที่โลภมากที่สุดไม่เพียงคลี่ยิ้ม หากตอนนี้คนปากหนักถึงกับกำลังหัวเราะขบขัน ดวงตาสีน้ำผึ้งเจือประกายอ่อนหวาน

       ท่านหวังให้ประชาชนของท่านอยู่อย่างมีความสุขตลอดกาล ปรารถนาให้ซินเดรียรุ่งเรืองไม่มีที่สิ้นสุด...สิ่งที่ท่านปรารถนาจะเป็น ย่อมมิใช่การเป็นเพียงดอกไม้ไฟเล็กจ้อย...แตกปะทุงดงามอยู่เพียงชั่วครู่...

     

       ...แต่เป็นเปลวไฟแห่งโซโลมอน...เปลวไฟที่จะไม่มีวันดับลงตลอดกาล...

       เป็นเพลิงอัคคีโชติช่วงที่ช่วยชี้ทาง เป็นสัญลักษณ์แห่งศรัทธาอันแรงกล้าของเหล่าผู้คนที่ติดตามท่าน...

       “ไม่ว่าท่านจะปรารถนาสิ่งใด...ขอท่านระลึกอยู่เสมอว่า...ข้าจะอยู่เคียงข้างท่าน...ซิน...

       เรียวปากอุ่นจัดแนบชิดลงบนผิวแก้ม...เลื่อนไปตามรูปหน้าคมคาย ประทับนิ่งอยู่ที่มุมปากหยักสวย ก่อนที่เด็กหนุ่มจะแลบเลียปลายลิ้นเบียดคลึงริมฝีปากนุ่ม ซินแบดสบกับดวงตาสีน้ำผึ้งวาววามคู่นั้น แล้วเผลอกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว ร่างสูงโปร่งของจอมราชาสั่นสะท้าน ยามเมื่อปลายลิ้นฉ่ำชื้นลากเลื่อนลงต่ำหยอกเย้ากับปลายคางได้รูป เล็มเลียชิมรสราวกับเขาเป็นอาหารชั้นเลิศจานหนึ่ง

       “เจ้าเด็กบ้า...ถ้อยคำว่าขานที่กำลังจะตามมาถูกกลืนกลับลงไปในลำคอเมื่อเรียวปากถูกประทับแนบแน่น จุมพิตลึกล้ำดั่งคำสัตย์สาบานดำเนินอยู่เนิ่นนาน เมื่อเรียวปากนั้นถอดถอนออกไป ทั้งคู่ถึงหอบหายใจถี่กระชั้น รสชาติของเร่าร้อนยังคงติดตรึงอยู่ที่ปลายลิ้น...ยังคงประทับแน่นอยู่ในความรู้สึก

       มัสรูลโน้มใบหน้าลงประทับจุมพิตอีกครั้ง...ถอดถอน และกดย้ำใหม่ หลายต่อหลายครั้ง หลายต่อหลายหน เหมือนดั่งสัตย์ปฏิญาณ คำสาบานที่ถ่ายทอดโดยไร้ซึ่งถ้อยวจี...และมีจันทร์เสี้ยวบนฟากฟ้าเป็นพยาน...

       “ข้าจะอยู่เคียงข้างท่าน...แม้สิ้นลมหายใจ แม้กายจะถูกฝังลงยังแผ่นดินมาตุภูมิ แม้วิญญาณจะกลับคืนสู่ลูฟ...แต่ข้าก็ยังจะอยู่ข้างกายท่าน ฝ่าบาท...

     

     

    FIN

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×