ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    FanFic : All Fiction [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #10 : [คู่ป่วนฯ] Dig one's own grave (หลีจือหง x เหยียนซือ)

    • อัปเดตล่าสุด 8 ธ.ค. 54


    Title                 :  Dig one's own grave
    Pairing            :  หลีจือหง x เหยียนซือ
    Rating             :  PG-13
    Warning          :  ฟิคนี้เกิดอันเนื่องมาจากฉากนั้นในเล่มหก....ลูกพี่เหยียนปวดเอว! ฮ่าๆๆๆ!!!! เป็นความว้อนท์ส่วนตัวล้วนๆเลยค่ะ!

     

     




                ฝ่ามือใหญ่ที่ติดจะเย็นอยู่นิดๆของหลีจือหงกดลงอย่างเบามือบนแผ่นหลังอุ่น ของเหยียนซือ ที่บริเวณเหนือบั้นเอวสอบเพรียวนั้นขึ้นไปเล็กน้อย

                “อืมม์....”ร่างสูงโปร่งข้างใต้ส่งเสียงครางแผ่วเหมือนแมวอ้วนเกียจคร้าน บ่งบอกถึงความผ่อนคลายอย่างสุดแสนยามมือหนาของอีกฝ่ายค่อยๆเลื่อนลงต่ำ น้ำหนักที่กดย้ำสลับกับคลายออกอย่างพอเหมาะพอดีนั้นทำเอาเหยียนซือเคลิ้ม แล้วเคลิ้มอีก สองตาปรือปรอยแทบจะปิดอยู่รอมร่อ

                ...ให้ตาย...ไม่ยักรู้มาก่อนว่าอดีตเพื่อนร่วมชั้นของเขาจะมีฝีมือนวดเลิศ ล้ำปานนี้...นี่ถ้ารู้แต่แรกเขาคงไม่ต้องทนปวดอยู่ตั้งหลายวันหรอก...

                “ไม่เจ็บใช่ไหม?”หลีจือหงถามอย่างไม่ใครแน่ใจ ขณะที่บรรจงทิ้งน้ำหนักลงบนแนวกระดูกสันหลัง เสียงลั่นกร๊อบระคายหูทำให้สารวัตใหญ่ต้องขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างช่วยไม่ได้

                “อื้อ...สบายมาก...แรงอีกสิ...อื้ม...”ใครจะรู้ว่าเหยียนซือยิ่งเคลิ้มยิ่ง ลามปาม ครวญครางออกมาเป็นคำชวนคิดได้ไม่หยุด ยิ่งนานเข้า หลีจือหงยิ่งทำหน้าปั้นยากขึ้นทุกที

                “อ๊ะ...อ๊ะ...อื้ม...ดีจัง...อา....”

                ปื้ด! ในที่สุดเส้นด้ายบางๆที่เรียกว่าความอดทนก็ขาดผึง

               หลีจือหงละมือออกห่างอย่างรวดเร็ว แถมท้ายด้วยการถีบเหยียนซือเข้าให้อีกหนึ่งดอกจนร่างสูงโปร่งกลิ้งตกโซฟาจน หน้าจูบกับพื้นกระเบื้องเย็นๆไปอย่างน่าสงสาร

                เหยียนซือผู้ยังจับต้นชนปลายไม่ถูกขยับตัวลุกขึ้นนั่ง มือหนึ่งกุมสะโพก สีหน้าคล้ายเจ็บปวดแทบขาดใจ

                “เล่นอะไรของนายวะ!”โดนถามแบบนี้เข้าทำเอาท่านสารวัตรใหญ่ต้องเหลือกตาขวางใส่

                “นายสิเล่นบ้าอะไร! คิดว่าตัวเองเป็นนางเอก AV รึไง ถึงได้เอาแต่ครางแบบนั้นไม่หยุดน่ะห๊ะ!”ใบหน้าคมคร้ามของคนพูดแดงก่ำ ไม่รู้ว่าเพราะโกรธหรือเพราะอาย...ไม่แน่ว่า...อาจจะเป็นทั้งสองอย่าง

                เหยียนซือเบิกตาโตมองอดีตเพื่อนร่วมห้องด้วยสายตาเหลือเชื่อ ก่อนที่วินาทีต่อมาจะพ่นลมหายใจพรืด ปล่อยเสียงหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลังอย่างสุดจะกลั้น

                “ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ! นาย...นาย...! ฮ่ะๆๆๆๆๆๆๆ โอย...ปวดท้อง! ฮ่าฮ่าฮ่า!!”เหยียนซือมือหนึ่งกุมสะโพกที่ยังคงปวดแปลบอยู่เล็กน้อย อีกมือปาดน้ำตาที่เกิดจากการหัวเราะไม่คิดชีวิตออกอย่างต่อเนื่อง

                นานมากกว่าที่เสียงหัวเราะของแพทย์นิติเวชหนุ่มจะเงียบลงได้ แม้ว่าจะยังหลงเหลือรอยยักยิ้มที่มุมปากอยู่อย่างชัดเจนก็ตาม

                “โอย...จี้ดีชะมัด! ฉันหัวเราะจนจะขาดใจตายอยู่แล้ว!”ขณะที่พูดเจ้าตัวยังหอบหายใจไม่หยุด

                “ให้ฉันช่วยทำให้นายขาดใจตายไปจริงๆเลยดีไหม?”หลีจือหงเหลือกตาขวางใส่ อีกรอบ สีหน้าแววตาไม่บ่งบอกว่าล้อเล่นแม้แต่น้อยจนเหยียนซือต้องทำคอหด

                “ฆ่าคนมันผิดกฎหมายนา...”

                “ไม่ต้องห่วงไปหรอก ฉันจัดฉากให้มันกลายเป็นการฆ่าตัวตายได้แน่นอน”

                “หวา! เจ้าหน้าที่หลี คุณกำลังใช้อำนาจหน้าที่ในทางที่ผิดอยู่นะ!”คนถูกขู่แกล้งทำเป็นตกใจ แต่ใบหน้ากลับยังปรากฏรอยยิ้มล้อเลียนที่เห็นแล้วชวนให้อารมณ์เสียมากอยู่ เช่นเคย

                “หุบปาก!”หลีจือหงแทบจะคำรามใส่ เหยียนซือมองใบหน้าคมเข้มและเส้นเลือดที่ปูดโปนขึ้นบนนั้นด้วยรอยยิ้มกว้าง แถมด้วยเสียงหัวเราะลั่นอีกยกใหญ่

                พักใหญ่ๆต่อมาเหยียนซือก็เริ่มรู้สึกตัวในที่สุดว่าคราวนี้ออกจะเสียมารยาท มากไปนิด ถึงเขาจะชอบยั่วให้อดีตเพื่อนร่วมห้องโมโหเล่น แต่ถ้าขืนอีกฝ่ายโกรธขึ้นมาจริงๆก็สนุกไม่ออกเหมือนกัน ชายหนุ่มฉีกยิ้มแห้งๆอย่างคนมีชนักติดหลัง ลุกขึ้นจากพื้นกระเบื้องเข้าเบียดกระแซะร่างกำยำสมส่วนบนโซฟานุ่ม

                “ไม่เอาน่าลูกพี่ ฉันแค่ล้อเล่นเอง...”

                “ออกไป”น้ำเสียงราบเรียบห้วนสั้นทำเอาคนง้อใจแป้ว แต่แพทย์หนุ่มก็ยังไม่ยอมแพ้ “ลูกพี่หลี...”

                ขั้นแรกส่งสายตาอ้อนวอน...

                เหยียนซือสบสายตากับดวงตาเรียวยาวคมกริบเยือกเย็นของอีกฝ่าย ดวงตาที่แฝงแววดื้อรั้นซุกซนของแพทย์หนุ่มกระพริบถี่ๆส่งสายตาปิ๊งๆเหมือน ลูกหมาอ้อนเจ้าของ...

                “จะอ้วก!” ไม่ได้ผลแฮะ...

                แพทย์หนุ่มเก็บสายตาออดอ้อนของตัวเองกลับไปอย่างจนใจ

                “งั้นเอางี้ เดี๋ยวฉันพานายไปเลี้ยงข้าวอร่อยๆเอง ดีไหม?”

                ขั้นที่สองเอาของกินเข้าล่อ...

                หลีจือหงเบือนหน้ากลับมา มองคนพยายามง้อที่จ้องกลับมาอย่างคาดหวัง เรียวปากบางเฉียบกระตุกรอยยิ้มเย็นที่มุมปาก...

                “ฉันไม่หิว!”ทำลายความหวังเลือนรางของเหยียนซืออย่างเลือดเย็น

                “ง่า...ลูกพี่หลี ไม่เอาน่า”มือเรียววางทาบลงบนบ่าแกร่ง บีบนวดอย่างเอาใจ เหยียนซือตัดสินใจใช้ขั้นตอนสุดท้าย...

                ......เอาตัวเข้าแลก!!(!?) **ใช้คำผิดความหมาย

                “ไม่โกรธน้า...น่านะ.....”เรียวปากได้รูปที่ปกติจะพ่นออกมาแต่คำกวนประสาท ส่งเสียงฉอเลาะเอาใจ มือเรียวบีบนวดบ่าแกร่งอย่างตั้งอกตั้งใจ ขณะที่ใบหน้าคมคายขยับเข้าใกล้อีกฝ่ายมากขึ้นเรื่อยๆ...เพื่อกระซิบเสียงเบา ที่ข้างหู

                “ถ้าจะทำให้นายหายโกรธได้...ฉัน - ยอม - ทำ - ทุก - อย่าง - เลย - นะ ♥”ไม่พูดเปล่าเหยียนซือจัดการเป่าลมฟู่ใส่หูคนหน้าดุอีกหนึ่งทีเป็นการสำทับ

                ปึ้ดดดดดดดดดดดดดดด!!!!

                “แกจะขอโทษฉัน หรือจะยั่วโมโหฉันมากกว่าเดิมกันแน่หาาาา!!!!!!?????” หลีจือหงทนไม่ไหวแล้ว มือแกร่ง “สะบัด” ร่างสูงโปร่งของอดีตเพื่อนร่วมห้องที่กระแซะเข้ามาใกล้จนแทบจะขึ้นมานั่ง เกยอยู่บนตักสุดแรง ก่อนจะขยับตัวขึ้นคร่อม สองมือกอบกุมลำคอเรียวเอาไว้หลวมๆ

                แต่ก่อนที่สารวัตรหนุ่มจะได้เปลี่ยนสถานะตัวเองจากตำรวจไปเป็นผู้ต้องสงสัย ในคดีฆาตกรรมประตูห้องทำงานก็ถูกเปิดออกด้วยฝีมือของใครคนหนึ่ง...

                “......”อวี๋ถงมองภาพตรงหน้าด้วยสีหน้าที่ไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่นิดเดียว... รอยยิ้มนุ่มนวลนั้นยังคงประดับอยู่บนเรียวปากขณะที่ร่างสูงของชายหนุ่มก้าว เดินเข้ามาในห้องตรงไปยังโต๊ะทำงานของหลีจือหง ราวกับมองไม่เห็นคนสองคนที่อยู่บนโซฟากว้าง

                ไม่มีใครพูดอะไรออกมาขณะที่อวี๋ถงเดินข้ามห้องเพื่อวางวางแฟ้มเอกสารลงบน โต๊ะอย่างเรียบร้อย และหันหลังกลับ เหยียนซือกับหลีจือหงเกือบจะเผลอคิดไปแล้วว่าอีกฝ่ายมองไม่เห็นจริงๆกระทั่ง ก่อนที่บานประตูจะถูกปิดลง...

                “...ยังไงนี่ก็ยังอยู่ในเวลางานนะครับสารวัตรหลี เดี๋ยวมีคนมาเห็นเข้าจะเป็นเรื่องใหญ่...แต่ก็เอาเถอะผมเข้าใจว่าช่วงนี้คุณ งานยุ่ง...เอาเป็นว่า...ผมจะล็อคประตูไว้ให้แล้วกันนะครับ...”

                พร้อมๆกับเสียงดัง กริ๊ก...

                “.................................”

     

                เหยียนซือทำหน้าบิดเบี้ยว ขณะที่หลีจือหงทำหน้าบิดเบี้ยวยิ่งกว่า...

                “อย่างน้อย...ก็ขอเป็นตอนที่อยู่กับตำรวจสาวสวยไม่ได้รึยังไง....เป็นศพสาว สวยก็ได้!”เหยียนซือโอดครวญ แต่ก็น่าเศร้าที่คนที่ไม่ว่าจะมองมุมไหน...หลีจือหงก็ไม่อาจจะจัดว่าเป็น ทั้งสองอย่างนั้นอยู่ดี...

                แต่ก็นะ...ก่อนที่จะโอดครวญกับเรื่องนั้นเหยียนซือต้องกระชากตัวเองให้กลับ มายังปัจจุบัน...เพื่อคิด.....ว่าต้องทำยังไง....เขาถึงจะมีชีวิตรอดไปโอด ครวญหาศพสาวสวยต่ออีกสักร้อยแปดรอบ...ชายหนุ่มกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ พลางฉีกยิ้มแห้งแล้ง

                “ลูก...ลูกพี่หลี.....”

                สีหน้าและสายตาฆาตกรของอดีตเพื่อนรวมห้องทำเอาเหยียนซือเย็นสันหลังวาบ...

                ...อาถง! นายกลับมาช่วยฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ!!!!

     

     

     

     

     

     

    ------------


     

    Dig one's own grave เป็นสำนวนภาษาอังกฤษ มีความหมายว่า ขุดหลุมฝังตัวเอง X D ฮาา

    ปล. หมาไม่ได้กลั่นแกล้งอะไรลูกพี่เหยียนเพราะความหมั่นไส้ส่วนตัวเลยนะ จริงจริ๊ง! สาบานด้วยเกียรติของลูกเสือสามัญเลยเอ้า!

    ปลล. พ่อใหญ่โขมยซีน!!!!!!




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×