คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ๑.จิ้งจอกดื่มด่ำเมรัย
๑
- จิ้งจอกดื่มด่ำเมรัย -
คิกคัก คิกคัก... คิกคัก...
ท่านลองเงี่ยหูฟังดู บางทีในย่ำค่ำยามราตรี อาจได้ยินเรื่องเล่าสนุกสนานบางเรื่องแว่วมา
คิกคัก...คิกคัก...
มีเรื่องอะไรน่าสนุกสนใจ ถึงได้หัวเราะอย่างนั้น?
ท่านไม่รู้หรือ? คิก...
รู้อะไร?
ก็...เรื่องเล่าของเจ้าปิศาจจิ้งจอกตัวนั้น คิกคิก เจ้าจิ้งจอกเฒ่าจอมเล่ห์กล ที่เสียทีถูกมนุษย์จับกิน...
สายฟ้าฟาดเปรี้ยงข่มขวัญผู้คน เช่นเดียวกับลมฝนที่โหมกระหน่ำลงมา ชายหนุ่มผู้หนึ่งเคลื่อนไหวร้อนรน พาร่างสูงเปียกปอนของตนเข้ามาหลบฝนในวัดร้าง ทว่าทันทีที่ปลายเท้าเหยียบย่างเข้าในอาคาร เขาก็ชะงักไปวูบหนึ่งด้วยไม่คาดว่าจะมีผู้จับจองพื้นที่อยู่ก่อน
แสงเทียนวูบไหวจากส่วนที่ลึกที่สุดของห้อง ส่งให้ดวงหน้าคมคายปรากฏฉายวี่แววแห่งความประหลาดใจ
และยังประหลาดใจมากยิ่งขึ้นไปเมื่อเห็นว่าคนผู้นั้น...ถึงกับเป็นสตรีนางหนึ่ง
แม้ว่านางจะอยู่ในชุดอย่างบุรุษ ทว่ายามที่ผืนผ้าเปียกปอนนั้นแนบไปกับเรือนกายก็ไม่อาจปิดบังทรวดทรงอวบอิ่มเอาไว้ หนำซ้ำดวงหน้าที่แจ่มจรัสอยู่ใต้แสงเทียน ก็ยังพิลาศงดงามจับใจ แม้ไม่ได้งดงามอ่อนหวานเหมือนอย่างตุ๊กตากระเบื้อง ทว่าก็เป็นความงามสง่าอย่างคันศร ประเปรียว...เข้มแข็ง และยังมีความยวนตาแฝงอยู่ที่หว่างคิ้ว
หญิงงามในวัดร้างกลางป่าเปลี่ยว อยู่เพียงเดียวดาย...นี่...ออกจะเหมือนเรื่องเล่าผีสางอย่างที่เคยฟังผ่านหูมาบ้างอยู่หลายส่วนทีเดียว
“ขออภัยที่รบกวน ท่านจะว่าอะไรไหมถ้าข้าจะขออาศัยหลบฝนด้วยคน”
ชายหนุ่มเลือกที่จะปัดเรื่องไร้สาระเหล่านั้นทิ้งไป เอ่ยปากกับแม่นางที่นั่งอยู่ก่อนอย่างมีมารยาทนบน้อม
“ที่แห่งนี้ไม่ใช่ของข้าเสียหน่อย ผู้ใดจะพักหรือไม่...ย่อมไม่ใช่ข้าเป็นผู้กำหนด”
เป็นสุ้มเสียงระรื่นกังวานราวกับเสียงกระพรวนที่เอ่ยตอบ ออกจะทุ้มต่ำอยู่บ้างทว่าก็ยังรื่นหูชวนฟัง อย่างที่กระตุ้นให้ผู้คนคิดใคร่สานต่อบทสนทนา ด้วยอยากจะยินเสียงอย่างนั้นซ้ำอีกครั้ง
“อย่างนั้นก็รบกวนแล้ว” ชายหนุ่มค้อมศีรษะลง ทรุดกายลงนั่งโดยเว้นระยะห่างไว้พอสมควร เมื่อนั่งลงแล้วแสงไฟริบหรี่จากเทียนไขจึงค่อยส่องให้เห็นเค้าหน้าของเขา ดวงตาเรียวยาวคู่คมที่วางตัวอยู่ใต้คิ้วใบหลิว รูปจมูกสมบูรณ์แบบ และริมฝีปากอิ่มซึ่งเหยียดคลี่ออกเป็นรอยยิ้มเปี่ยมเสน่ห์
นับว่าเป็นชายหนุ่มรูปงามคนหนึ่งเลยทีเดียว
“...ชื่อข้า คิมจีวอน จะขอบังอาจรับฟังนามของท่านได้หรือไม่”
“นามผู้ต่ำต้อย ไม่ควรค่าที่จะบอกแก่ท่าน” นางบอกปัดไป ทำให้ชายหนุ่มนึกเสียดายขึ้นมาวูบหนึ่งด้วยนึกว่าตนไม่ได้รับอนุญาตให้พูดคุยรู้จัก ทว่าที่เบื้องหน้าโฉมงามกลับไม่ทราบปรากฏกาสุราและจอกสองใบขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่
สายน้ำไร้สีถูกรินลงในจอกกระเบื้อง พลันกลิ่นหอมจรุงของดอกบัวก็รื่นโชยมาแตะจมูก
“ทว่าได้พบกันในสถานการณ์เช่นนี้ถือเป็นวาสนา ผู้ต่ำต้อยขอคารวะท่านจอกหนึ่ง”
ดวงตาเรียวงามของหญิงสาวทอประกายประหลาด--- ทั้งยั่วยวนหยอกเย้า และเหมือนปรารถนาบางอย่าง
จีวอนยิ้ม รับจอกกระเบื้องเคลือบงดงามที่อีกฝ่ายเลื่อนส่งมาให้ แหงนคอดื่มโดยไม่ว่าอะไร
สุรานี้แม้หอมอย่างยิ่ง ทว่ารสกลับไม่หวาน...ออกจะฝาด และร้อนลวก ...แสงเทียนและเมรัย ได้ค่อยๆ ขับไล่ความมืดเย็นเหน็บหนาวของราตรีฝนพร่างให้เหมือนห่างไกลออกไป ทำให้ผู้คนค่อยๆ รู้สึกอบอุ่นขึ้นมา
ไม่ทราบเหตุใด กาเล็กๆ กานั้นกลับดูเหมือนมีเครื่องดื่มบรรจุไว้ไม่สิ้นสุด คนงามรินให้เขาจอกแล้วจอกเล่า นางเองก็ดื่มเข้าไปจอกแล้วจอกเล่า ดื่มจนใบหน้าขาวกระจ่างระเรื่อแดง ดวงตาเรียวงามหวานฉ่ำเหมือนน้ำค้างที่ตรึงอยู่บนกลีบบัวในยามรุ่งอรุณ
ชายหนุ่มยังคงไม่ได้ว่าอะไรขณะที่ร่างเย้ายวนขยับเข้ามาใกล้ สัมผัสนุ่มนวลแตะลงกับหัวไหล่ และกลิ่นดอกบัวหลวงยิ่งฟุ้งกำจาย ผ่านไปอีกครู่ใหญ่ เขาก็ยังคงดื่มต่อเรื่อยๆ ไม่เร็วไม่ช้า ราวกับเพิ่งเริ่มดื่มเมื่อชั่ววินาทีก่อนหน้า ตรงข้ามกับคนงามที่บัดนี้เอนลงซบลงกับบ่าของอีกฝ่าย
นางสะอึกเบาๆ ดวงตาหวานฉ่ำหรี่แคบลงจับจ้องมาที่เขา
“ท่านไฉนไม่เมามาย?” เสียงทุ้มกังวานเหมือนเสียงกระพรวนของนางถามอย่างกังขา
“เหตุใดจึงคิดว่าข้าจะเมามายเล่า สาวน้อย?”
เขาถามกลับเจือขำ
“อือ...” ใบหน้าอ่อนเยาว์ซบลงกับลาดบ่าแข็งแรง กริยาล้วนแฝงไว้ด้วยความไม่รู้ตน ...อันก็สมควรที่จะเป็นเช่นนั้น ในเมื่อปริมาณเมรัยที่ดื่มกินถึงกับเพียงพอจะทำให้ชายฉกรรจ์ล้มพับไปเนิ่นนานแล้ว
“หรือท่านที่แท้เป็นปิศาจสุรา”
“ข้าย่อมเป็นมนุษย์” จีวอนว่าพร้อมกับหัวเราะ
“กลิ่นท่านก็บอกเช่นนั้น ข้าถึงได้ไม่ระแวงสงสัย...” สาวน้อยเริ่มขยับกาย เปลี่ยนจากการแอบอิงกับบ่าแกร่ง เป็นซบซุกลงในอ้อมกอดที่ขยับโอบรอบร่างกายตน จมูกโด่งคมของนางขยับนิดๆ ราวกับสุนัขตัวเล็กๆ ที่กำลังสำรวจกลิ่นอาหาร
พึมพำ “โลกนี้เหตุใดมีมนุษย์ที่ดื่มยอนยอบจู(เมรัยดอกบัว) ของข้าแล้วไม่เมามาย”
“เจ้ารับสารภาพแล้วหรือว่าตั้งใจจะมอมเหล้าข้า” เขายังคงถามยิ้มๆ ปลายนิ้วเรียวยาวที่ติดจะกร้านอยู่บ้างละออกจากจอกสุรา เปลี่ยนเป็นลูบแผ่วเบาบนปลายจมูกน่ารักและนวลแก้มแดงระเรื่อของนาง “พวกเรารู้จักกัน...มีความแค้นใดต่อกันหรือ?”
“ฮื้อ--- ไม่รู้จัก” มือเรียวบางปัดเจ้าของสัมผัสที่คลอเคลียกับใบหน้าตนออกอย่างรำคาญใจ กริยาเย้ายวนที่ก่อนหน้าดำรงอยู่พลันปลาสนาการหาย ท่าทีในความเมามายกลับกลายเป็นกระโชกโฮกฮาก “ข้าแค่ต้องการของในตัวเจ้าไปช่วยคน ไม่ได้จะไปฆ่าแกงใครสักหน่อย!”
“งั้นหรือ?”
“รู้แล้วก็ส่งใบสนเข็มแดงมาให้ข้าเดี๋ยวนี้!” นางวางท่าเขื่องโข กระชากคอเสื้อของคู่สนทนาร้องสั่งอย่างเอาแต่ใจ
จีวอนเดินทางย่ำเท้าทั่วโซซอน ตั้งแต่ภูเขาทางเหนือจรดถึงทะเลทางใต้สุด ผ่านพบผู้คนมากมาย กลับไม่เคยพบพานสตรีเช่นนี้ เห็นท่าทีวางอำนาจข่มขู่ของนาง เห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเอาแต่ใจนั้น พลันกลับรู้สึกว่าน่าเอ็นดูรักใคร่ ความอ่อนหวานเมื่อบังเกิดขึ้นในใจผสานรวมกับฤทธิ์เมรัยในกาย ก็อดไม่ได้ที่จะโน้มศีรษะลงจุมพิตกลีบปากหยักงาม
“!!”
กลืนกินนาง
ครอบครองดื่มด่ำ...กับรสชาติของเรียวปากนุ่มนิ่มปานจะละลายนั้นไว้
“อื้อ!”
คิกคิก
เท่านี้หรือ แล้วอย่างไร...ชายคนนั้นก็ได้ครอบครองหญิงงาม ครองรักกันอย่างมีความสุขชั่วชีวิต?
คิก...เรื่องราวหากง่ายดายปานนั้นก็ไม่ใช่เรื่องน่าสนุกแล้ว
ยังมีอันใดอีกหรือ
ยังมี...
แสงแดดอ่อนๆ ยามเช้าตรู่ก็เพียงพอจะปลุกให้ชายหนุ่มตื่นขึ้นจากหลับใหล เพื่อพบว่าที่ข้างกายตนนั้นว่างเปล่าไม่มีใคร
จีวอนสะบัดศีรษะขับไล่ความมึนงง ตระหนักได้ว่าสุราที่ดื่มเมื่อคืนนี้แรงยิ่งนัก ตัวเขาที่ศึกษาการแพทย์แต่เล็ก ลิ้มชิมสมุนไพรทั่วแผ่นดิน สรรพคุณเหล่านั้นเจืออยู่ในเลือดเนื้อร้อยพิษไม่อาจกล้ำกราย ยังถึงกับถูกพิษจากเมรัยหลายจอกนั้นทำให้มึนเมาข้ามวัน
เขาสูดเอาอากาศชื้นฉ่ำในยามเช้าหลังฝนตกเข้าปอด
นางผู้นั้นไม่อยู่แล้ว...
คิดเงียบๆ ขณะที่หยิบเสื้อผ้ามาใส่กลับคืนบนร่าง และสำรวจพบว่า ใบสนเข็มแดงรวมถึงตัวยาหลายอย่างหายพร่องไป แต่ระหว่างที่กำลังนับจำนวนโสมหมื่นปีที่เหลืออยู่สายตาก็พลันสะดุดเข้าจอกกระเบื้องที่วางคว่ำไว้บนพื้น ซึ่งบางทีเจ้าของอาจจะรีบร้อนจนลืมเก็บไปด้วย
รอยยิ้มเปี่ยมเสน่ห์ค่อยๆ ถูกปาดวาดขึ้นบนใบหน้าคมคาย
ยิ้มนั้นอย่างที่ทำให้ดวงตาเรียวยาวกลายเป็นเส้นโค้งน่าดู
ชายหนุ่มเอื้อมหยิบเอาจอกใบน้อยนั้นมาพินิจ ภาพวาดใบบัวเขียวครามตัดกับดอกสีแดงอ่อนอันวิจิตรบรรจงชวนให้นึกถึงเจ้าของ กลิ่นหอมจางๆ ของดอกบัวเองยังคงกรุ่นอยู่ในอากาศรอบกาย
จีวอนนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบมีดพกเล่มเล็กออกมา ...เพื่อบรรจงสลักตัวอักษรสี่แถวติดไว้ที่มุมเสา
ย่ำรุ่งหมอกจางเจือหาย
กรุ่นกายยังจำเสียงขาน
ที่พรากหวังได้พบพาน
...เกี่ยวสานสำราญนิรันดร์...
ดวงตาเรียวยาวทอประกายฉ่ำหวาน ยามอ่านทวนท่อนสุดท้ายที่ตนได้ขีดเขียน ชายหนุ่มเก็บมีด ใช้ปลายนิ้วเรียวลูบจอกกระเบื้องในมือเล่น วนไล้อยู่กับตัวอักษรสองสามตัวที่นูนขึ้นมาเล็กน้อยจากผิวที่ใต้จอก
‘คิมฮันบิน’
ยังมี...ปิศาจจิ้งจอกตัวนั้นเดิมที ไม่ใช่ตัวเมีย
คิก...คิก...
to be continued.
สวัสดีครับ เป็นครั้งแรกที่ได้มาเขียนฟิคดับเบิ้ลบีอย่างเป็นทางการ หลังจากตกบ่วงชนิดที่หาทางกลับไม่เจอ /ซับน้ำตา
จริงๆ เหตุผลหลักๆ ที่กลับไม่ได้นี่นอกจากเสน่ห์ของเด็กๆ แล้ว เคสว่าแฟนคลับนี่แหละตัวดีเลย
iKON นี่ของเค้าฮาร์ดเซลล์มากจริงๆ /ยังจำได้ว่าวันนั้นถูกรุมแสปมใส่เหมือนปืนกล /ทุกวันนี้ก็ยังโดนอยู่
ไปๆ มาๆ รู้ตัวอีกทีก็ถูกยุจนเปิดเรื่องนี้ซะแล้วครับ #ร้องไห้หนักมาก
ยังไงก็ตามก็ฝากทุกคนเอ็นดูฟิค iKON เรื่องแรกของเคสฟิคนี้ด้วยนะคร้าบบ <3
คอมเม้นท์ในนี้ หรือติดแท็ค #บาบิคนกินหมา (เดี๋ยวนะ แท็ค...) ในทวิตเตอร์กันได้น้าาา~
เจอกันตอนหน้า เร็วๆ นี้ครับ <3
ปล.เคสทำเพื่อ #น้ำหวานจุนฮวาน ของพี่ชลเลยนะเนี่ย /ชริ้ง
ความคิดเห็น