คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Niger prologue
Prologue
นาฬิกาปลุกแผดเสียงเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วไม่ทราบได้
หากชายหนุ่มเจ้าของผิวสีแทนที่เสริมรับให้กรอบหน้าและรูปร่างดูคมคายหล่อเหลา กลับรู้สึกว่าเสียงที่ดังขึ้นนั้นดึงความหงุดหงิดใจให้เขามากนัก ถึงจะรู้ทั้งรู้ก็เถอะว่าวันนี้ต้องทำอะไร แต่เขาก็อดจะนั่งจมปลักอยู่บนโซฟาเบดภายในห้องรับแขกของคอนโดฯ ตัวเองไม่ได้
สมุดจดงานยังเปิดกางอยู่ในมือ และใช่...วันนี้เขามีงานทำ
คิม จงอินพ่นลมหายใจพลางยกมือขึ้นยีเส้นผมของตัวเอง ไล่สายตาอ่านถึงกรอบตารางที่ปรากฏชัดว่าจะมีงานอีกในสี่สิบห้านาทีข้างหน้า ก่อนปิดสมุดลงแล้วกดปิดเสียงที่ยังคงแผดลั่นอย่างไม่รับรู้ความรู้สึกของเจ้าของ และผุดกายลุกขึ้นยืนในที่สุด
มันเป็นเรื่องยากที่จะสามารถทำงานไปพร้อมกับการเรียนมหาวิทยาลัยปีสุดท้าย ทว่าคิม จงอินก็ทำได้ดีมาเสมอ สำหรับทั้งอาชีพนายแบบและสถานะการเป็นนิสิตปีสี่ของคณะเศรษฐศาสตร์ ...หากไม่ใช่เพราะสัปดาห์สอบนรกที่เพิ่งผ่านพ้นไปเมื่อวาน ที่ทำเอาตารางชีวิตเขารวนไปหมด
แถมทั้งที่ก็แจ้งผู้จัดการส่วนตัวไปแล้วว่าต้องการจะพักผ่อนสักหลายวัน ทว่าการที่มีนิตยสารใหญ่มีชื่อติดต่อเข้ามาว่าต้องการจะร่วมงานด้วยก็เป็นสิ่งที่ไม่สามารถมองข้ามได้ ดังนั้นคิม จงอินจึงมีแต่ยินยอมตอบรับด้วยความรู้สึกกึ่งเต็มใจกึ่งไม่ใช่
ง่วงเป็นบ้าเลย...!
แต่ถึงอย่างนั้นสุดท้ายแล้วก็ทำอะไรไม่ได้...จงอินจัดการแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าดูดีมีสไตล์ตามแบบฉบับของนายแบบ ออกเดินทางจากที่พักโดยรถของผู้จัดการส่วนตัวจนกระทั่งถึงโกดังใหญ่ที่อยู่ห่างออกมาจากตัวเมืองพอประมาณ ชายหนุ่มได้แต่มองสภาพภายนอกที่ค่อนข้างโกโรโกโสก็ให้ได้ถอนหายใจ ลงจากรถแล้วเดินเข้าไปหากลุ่มคนด้านในที่กำลังจัดการสถานที่กันอยู่แล้วทิ้งกายลงนั่งบนเก้าอี้ว่างในทันที
กิริยานั้นสร้างให้ใครหลายคนหันมามอง ใบหน้าคมคายที่หลับตาพริ้มไม่ได้เอ่ยทักใครตามมารยาทที่ควรเป็น แสดงออกถึงความไม่เคารพทั้งเพื่อนร่วมงานและอาชีพของตัวเอง กระนั้นเขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร จนกระทั่งได้ยินเสียงใครบางคนดังขึ้นไม่ดังไม่เบา หากก็รับรู้ได้ว่านั่นน่ะ...กำลังพูดถึงเขาชัดๆ
“ทำตัวไม่มีมารยาทตั้งแต่มาถึงเลยรึเนี่ย? ทำไมถึงได้จ้างคนประเภทนี้มาทำงานกัน...”
ใบหน้าของคนถูกพูดถึงกระตุกน้อยๆ กระนั้นความเหนื่อยล้าที่สั่งสมก็ยังทำให้เขาเพียงปรือเปลือกตาหนักอึ้งขึ้นมองหาคนที่ว่ากล่าว
ที่ต้นเสียงนั้น...ชายหนุ่มเจ้าของดวงตากลมโตสดใสได้จ้องมองมาด้วยขุ่นใจอย่างเปิดเผย ไม่คิดจะเบือนหลบสายตาไปสักนิดเดียว คิ้วเข้มคมของอีกฝ่ายขมวดแน่น เช่นเดียวกับกลีบปากหยักอิ่มเต็มที่เหยียดเป็นเส้นตรง ...นั่นเองก็ไม่ใช่สีหน้าของคนที่กำลังรู้สึกพอใจ
นายแบบหนุ่มเลื่อนสายตาอีก มองเห็นสายกล้องที่คล้องอยู่กับลำคอเรียวขาวที่ดูบอบบางเหลือเกินนั้น ร้องอ้อเหยียดยาวอยู่ในใจ
“อ่า...ขอโทษด้วยนะครับที่มาถึงกองช้า พอดีจงอินเค้าเพิ่งสอบเสร็จน่ะครับ อาจจะล้าไปบ้าง ถ้าวันนี้ทำให้งานล่าช้าก็ขออภัยล่วงหน้าเลยนะครับ”
เสียงของผู้จัดการส่วนตัวดังขึ้นพร้อมกับปลายนิ้วที่สะกิดไหล่ของเขา จงอินละสายตาจากใครคนนั้น หยัดกายขึ้นยืนแล้วโค้งให้ทีมงานรอบๆ โกดังแล้วเอ่ยอย่างไม่กระตือรือร้นนัก “สวัสดีครับ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ”
ให้ตายเถอะ ใครฟังก็ต้องรู้ไม่ใช่รึไงว่าไม่เต็มใจจะมาทำงานเลยสักนิด!
ดวงตากลมโตที่เคยจดจ้องอย่างไม่พึงใจก่อนหน้านี้เสมองไปทางอื่น อดจะส่งเสียงหึในลำคอไม่ได้ก่อนจะเริ่มพูดคุยกับทีมช่างภาพจากที่ค้างไว้ ดูแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจในตัวนายแบบเท่าไรนัก เห็นจะมีก็แต่จงอินนั่นแหละที่คอยมองใครอีกคนเป็นระยะๆ ไม่รู้ว่าเพราะขัดเคืองกับวาจาที่เอ่ยออกมานั่น หรือเป็นเพราะสนใจอะไรในตัวกันแน่
นายแบบหนุ่มขยับย้ายพาตัวไปนั่งที่เก้าอี้กองถ่ายซึ่งมีกระจกทรงยาวตั้งอยู่ตรงหน้า ให้ช่างแต่งหน้าได้เริ่มบรรจงแตะแต้มสร้างสีสันเพื่อขับเสริมให้ใบหน้าที่หล่อเหลาอยู่แล้วยิ่งดูดีมากยิ่งขึ้น ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เป็นชุดที่สไตลิสต์เลือกไว้ จนกระบวนการแต่งกายเรียบร้อยดีตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าแล้ว ก็ถึงเวลาที่จงอินจะเดินไปยังสถานที่ที่ทางทีมช่างภาพจัดไว้ ตรงนั้นมีลังไม้เก่าๆ ตั้งขึ้นเป็นฉากหลัง จงอินเหลียวมองมันอยู่แวบหนึ่งก่อนจะหันมาเล่นจ้องตากับช่างภาพที่ยืนรออยู่ก่อนแล้วและกดยิ้ม
รอยยิ้มนั้นเหมือนการท้าทาย
ดวงตาที่เดิมทีปิดปรือราวกับเจ้าของกำลังจะหลับใหลพลันทอประกายคมกล้า เสน่ห์เย้ายวนอันควรค่าแก่การมองชมได้ถูกเผยออก แสดงเหตุผลที่ ทำไมถึงได้จ้างคนประเภทนี้มาทำงาน ให้อีกฝ่ายได้รับทราบแจ่มชัด
นี่เป็นการทำงานครั้งแรกระหว่างเขากับนิตยสารนี้ ดังนั้นก็คงจะเป็นครั้งแรกระหว่างเขากับช่างภาพปากร้ายคนนี้ด้วยเช่นกัน
ดังนั้นคิม จงอินไม่ถือสาหรอก...ถ้าหากว่าไก่ตัวหนึ่งจะไม่รู้ค่าของเม็ดพลอย
กิริยาดื้อรั้นอวดดีนั้นฉายชัดผ่านเลนส์กล้อง ส่งให้ช่างภาพหนุ่มเหยียดริมฝีปากออก คล้ายยิ้มคล้ายไม่ใช่ แม้ไม่ได้ชื่นชมกับความไร้มารยาทของฝ่ายนั้น ทว่าก็คงต้องยอมรับ...ว่าคุณสมบัติของอีกฝ่ายไม่ได้เลวเลย
ชายหนุ่มกดชัตเตอร์สองสามครั้ง ก่อนจะร้องบอกให้อีกฝ่ายเปลี่ยนอากัปกิริยาให้ได้อย่างใจ
"มองไปทางซ้าย แล้วเงยหน้าขึ้นอีกนิดครับ โอเค...ค้างไว้...ทีนี้มองเหมือนเหม่อออกไป ใช่...อย่างนั้นล่ะ"
...เขายอมรับก็ได้...
ไม่ใช่แต่เพียง 'ไม่เลว' ทว่าภาพของอีกฝ่ายในยามที่มองเห็นผ่านเลนส์นั่นน่ะ มัน 'ดี' มากจริงๆ
โด คยองซูกดยิ้มอย่างพึงใจ เช่นเดียวกับปลายนิ้วที่กดลงไปบนปุ่มชัตเตอร์อย่างต่อเนื่องตามท่วงท่าของนายแบบหนุ่มที่ขยับเคลื่อนไหวอย่างเป็นธรรมชาติ แม้เขาจะยังคงทำหน้าที่ช่างภาพอยู่ตรงนี้ แต่เขาก็กลับรู้ดีว่าภาพที่ฉายขึ้นบนจอคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกับกล้องนั้นต้องเป็นภาพที่เรียกได้ว่าทรงอานุภาพไม่ใช่น้อย
ทว่าความพึงพอใจที่ปรากฏผ่านเรียวปากอิ่มเต็มนั้นพลันเจือจางและหายไปในวินาทีหลังจากนั้น
เพราะเจ้าของเรือนร่างสูงได้สัดส่วนจากเดิมที่เคลื่อนไหวราวกับรู้ใจ กลับแปรผันกลายเป็นดื้อดึง ไม่ใช่ว่าแข็งทื่อจนภาพที่ปรากฏดูไม่มีชีวิตชีวา แต่เป็นเพราะเมื่อคำชมที่ออกจากปากของช่างภาพนั้นคล้ายจะเป็นการกระตุ้นอุปนิสัยภายในซะมากกว่า
คยองซูมองเห็นเพลิงไฟที่ลุกโหมยามเมื่อจิตวิญญาณของนายแบบมืออาชีพเต็มร้อย เช่นเดียวกับจงอินที่มองเห็นประสิทธิภาพและพลังงานที่คล้ายจะเผาไหม้เขาให้ร้อนดุจโดนไฟลนยามเมื่อเสียงชัตเตอร์กดรัวตามการเคลื่อนไหว
แต่เขาก็ยังไม่ได้ลืมไป...ว่าก่อนเริ่มงานนั้น คำพูดที่อีกฝ่ายกล่าวหาไว้เป็นเช่นไร
เพราะอย่างนั้นแล้วหลังจากที่เขาแสร้งทำตัวเป็นรู้ดีต่อหน้าที่ ก็ถึงเวลาที่จะแสดงฤทธิ์เดชให้อีกฝ่ายได้รู้บ้าง
“อย่ามองแต่กล้องสิครับ” ช่างภาพหนุ่มสั่งขึ้นด้วยสุ้มเสียงราบเรียบ “หันมองทางอื่นบ้าง” หากเขาก็หาได้สนใจไม่ “เป็นธรรมชาติหน่อย” คิดหรือว่าจงอินจะทำตาม?
จงอินไม่ได้ทำตามคำสั่งของช่างภาพเลยสักนิด แม้เขาจะยังคงปรับเปลี่ยนท่วงท่าระหว่างการถ่ายทำ ถึงอย่างนั้นดวงตาคู่คมกลับไร้แววใดปรากฏขึ้น ต่างจากเมื่อครู่ราวกับหน้ามือเป็นหลังมือ ยิ่งเมื่อดวงตาคู่นั้นจับจ้องเลนส์กล้องไม่วางตา ราวกับจะมองล่วงทะลุผ่านเลนส์นั้นสู่นัยน์ตาคู่กลมที่อยู่หลังช่องมองภาพนั้น ทั้งมุมปากก็ยังกดยิ้มคล้ายเต็มใจ หากก็มีแววเยาะหยันอยู่ในที
กล้องตัวใหญ่ดำด้านลดลงจากดวงตา เผยให้เห็นใบหน้าที่กึ่งเรียบเฉยหากก็ติดเจือด้วยไม่พอใจ
“เป็นอะไรครับ? สอบเหนื่อยมากรึไง เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่เลยนี่ ทำตัวให้มันเป็นธรรมชาติตลอดไม่ได้รึไง?”
จงอินไม่ตอบในทันที แต่กลับขยับตัวก้าวเท้าถอยหลังจนชนกับลังไม้ ขยับขึ้นนั่งบนนั้นทั้งที่สายตายังจับจ้องไปยังช่างภาพที่กระชับกล้องติดมือแน่น แต่ไม่มีทีท่าจะยกขึ้นถ่ายเลยแม้แต่น้อย
นัยน์ตาคู่คมฉายแววอย่างชัดเจน
ท้าทาย...
ดวงตากลมคมสดใสที่เจือความขุ่นใจหรี่แคบ
เมื่อได้รับการท้าทายจากอีกฝ่ายหลายครั้งอย่างนี้เข้า ความอภิรมย์ยามได้ถ่ายภาพที่เหมือนดั่งงานศิลปะอันงามก็ถูกทำให้ทลายลง
คยองซูมองสายตาท้าทายคู่นั้นนิ่ง สีหน้าของช่างภาพหนุ่มยิ่งนานยิ่งเยียบเย็นไร้อารมณ์ขึ้นไปทุกที
ก่อนที่ดวงตาคู่นั้นจะหลุบลง... แล้วลืม...
เรียวปากรูปหัวใจของเขาขยับเผยอ
"คุณไค..." นามที่ใช้เรียกขานนั้นเป็นชื่อในวงการอันห่างเหิน
ทางที่เขาเลือกจะใช้เพื่อตอบโต้กับต้นไฟอันแรงร้อนนั้น...
“ผมจะบอกคุณให้ ว่าที่นี่เป็นที่ทำงานของผู้ใหญ่ ของคนที่รู้จักว่าอะไรเป็นอะไร ไม่ใช่สนามเด็กเล่นที่จะทำให้คุณทำตามใจตัวเองอย่างนี้!”
ก็คือ...น้ำมันที่สาดลงไป และยิ่งทำให้กองเพลิงโหมไหม้ลุกโชติชัชวาล
“มองดูด้านข้าง ทั้งซ้ายและขวา คุณดูหน้าทุกคนไว้...นั่นคือหน้าของคนที่คุณทำให้พวกเขาต้องเสียเวลาอันมีค่าไปกับการกระทำไร้สาระเหมือนเด็กเล่นขายของนั่น!”
คำนั้นไม่ต่างอะไรจากการเงื้อมือขึ้นตบหน้า
จงอินหน้าชา ไม่เคยคาดคิดว่าชั่วชีวิตจะสามารถรู้สึกอับอายเพียงนี้ได้ เขาขึงตาจับจ้องใส่แวววาวโรจน์ในลูกแก้วกลมสวย ต่างก็เห็นภาพของเพลิงไฟที่สะท้อนใส่กัน ทว่าก่อนที่นายแบบหนุ่มจะทันได้ตอบโต้อะไร ช่างภาพผู้มีสิทธิ์ขาดก็ร้องสั่งให้พักกองสักครู่หนึ่ง
“จนกว่า นายแบบของเรา จะพร้อมสำหรับการทำงาน”
โดคยองซู เป็นมืออาชีพ และมีฝีมือยอดเยี่ยมไม่ต้องสงสัย ผลงานภายใต้ชื่อของเขาไม่ทราบกี่ชิ้นได้กลายเป็นตัวกระตุ้นการดำเนินไปของวงการสิ่งพิมพ์ในประเทศ ทั้งยังใช่ว่าไม่เคยรับรางวัลในระดับที่สูงขึ้นไปกว่านั้น ดังนั้นจึงไม่ใช่การกล่าวเกินเลยไปถ้าหากจะนับว่าเขาเป็นช่างภาพอันดับต้นๆ ของประเทศนี้
ความเข้มงวดในการทำงานจึงเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้
ที่จริงถึงแม้คำพูดที่ใช้จะรุนแรงนัก ทว่าก็ไม่มีใครสักคนในกองที่จะคัดค้านคำว่ากล่าวนั้น แม้แต่ยามที่คิมจงอินหันไปมองผู้จัดการส่วนตัวของตนเองด้วยสีหน้าคล้ายจะฟ้องร้อง อีกฝ่ายก็ยังสั่นศีรษะ ยืนยันว่าครั้งนี้เป็นเขาเองที่เป็นฝ่ายทำไม่ถูกต้อง
เพลิงไฟที่กลางอกคล้ายยิ่งระเบิดปะทุ
ดวงตาคมคายมองตามแผ่นหลังของคนที่หันกายเดินเลี่ยงออกไปข้างนอกโกดัง
นึกทบทวนด้วยความประชดหยามหยัน
โด คยองซูอย่างนั้นหรือ...
ช่างทำให้เขาประทับใจมากจริงๆ!
To be continued
กี่โปรเจคแล้วไม่ทราบที่ถูกพี่ชล (RYUGU) ล่อลวงให้เขียนด้วยกัน
แต่ถ้าจะนับเฉพาะฟิคไคซู นี่ก็เป็นฟิคที่สอง ที่ได้จับคู่นี้เป็นคู่หลักล่ะครับ
Albus l Niger โปรเจคนี้ เป็นการเล่าเรื่องราวโดยอาศัยตัวละครที่พื้นเพนิสัยเหมือนกัน ทว่าเมื่อได้เลือกกระทำในทางเลือกที่แตกต่าง เส้นทางของพวกเขาจึงไม่เหมือนกัน
ใน Albus ทุกคนอาจจะได้ลิ้มรสความละมุนละไมแบบฉบับพี่ชล(?)
แต่ใน Part Niger นี้...เคสตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะถ่ายทอดความแข็งกร้าวร้อนแรงของทั้งสองฝ่ายให้ทุกท่านได้ละเลียดชิม J และหวังว่าจะสามารถทำให้ทุกคนที่ได้อ่านนึกชอบรสนี้บ้าง ไม่มากก็น้อย <3
#ฟิคดำks
ความคิดเห็น