ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (exo) Niger | Albus (KaiDo - KaiSoo)

    ลำดับตอนที่ #1 : Niger prologue

    • อัปเดตล่าสุด 4 พ.ค. 58


     

    Prologue

     

                นาฬิกาปลุกแผดเสียงเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วไม่ทราบได้

                หากชายหนุ่มเจ้าของผิวสีแทนที่เสริมรับให้กรอบหน้าและรูปร่างดูคมคายหล่อเหลา กลับรู้สึกว่าเสียงที่ดังขึ้นนั้นดึงความหงุดหงิดใจให้เขามากนัก ถึงจะรู้ทั้งรู้ก็เถอะว่าวันนี้ต้องทำอะไร แต่เขาก็อดจะนั่งจมปลักอยู่บนโซฟาเบดภายในห้องรับแขกของคอนโดฯ ตัวเองไม่ได้

                สมุดจดงานยังเปิดกางอยู่ในมือ และใช่...วันนี้เขามีงานทำ

                คิม จงอินพ่นลมหายใจพลางยกมือขึ้นยีเส้นผมของตัวเอง ไล่สายตาอ่านถึงกรอบตารางที่ปรากฏชัดว่าจะมีงานอีกในสี่สิบห้านาทีข้างหน้า ก่อนปิดสมุดลงแล้วกดปิดเสียงที่ยังคงแผดลั่นอย่างไม่รับรู้ความรู้สึกของเจ้าของ และผุดกายลุกขึ้นยืนในที่สุด

    มันเป็นเรื่องยากที่จะสามารถทำงานไปพร้อมกับการเรียนมหาวิทยาลัยปีสุดท้าย ทว่าคิม จงอินก็ทำได้ดีมาเสมอ สำหรับทั้งอาชีพนายแบบและสถานะการเป็นนิสิตปีสี่ของคณะเศรษฐศาสตร์ ...หากไม่ใช่เพราะสัปดาห์สอบนรกที่เพิ่งผ่านพ้นไปเมื่อวาน ที่ทำเอาตารางชีวิตเขารวนไปหมด

    แถมทั้งที่ก็แจ้งผู้จัดการส่วนตัวไปแล้วว่าต้องการจะพักผ่อนสักหลายวัน ทว่าการที่มีนิตยสารใหญ่มีชื่อติดต่อเข้ามาว่าต้องการจะร่วมงานด้วยก็เป็นสิ่งที่ไม่สามารถมองข้ามได้ ดังนั้นคิม จงอินจึงมีแต่ยินยอมตอบรับด้วยความรู้สึกกึ่งเต็มใจกึ่งไม่ใช่

    ง่วงเป็นบ้าเลย...!

    แต่ถึงอย่างนั้นสุดท้ายแล้วก็ทำอะไรไม่ได้...จงอินจัดการแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าดูดีมีสไตล์ตามแบบฉบับของนายแบบ ออกเดินทางจากที่พักโดยรถของผู้จัดการส่วนตัวจนกระทั่งถึงโกดังใหญ่ที่อยู่ห่างออกมาจากตัวเมืองพอประมาณ ชายหนุ่มได้แต่มองสภาพภายนอกที่ค่อนข้างโกโรโกโสก็ให้ได้ถอนหายใจ ลงจากรถแล้วเดินเข้าไปหากลุ่มคนด้านในที่กำลังจัดการสถานที่กันอยู่แล้วทิ้งกายลงนั่งบนเก้าอี้ว่างในทันที

    กิริยานั้นสร้างให้ใครหลายคนหันมามอง ใบหน้าคมคายที่หลับตาพริ้มไม่ได้เอ่ยทักใครตามมารยาทที่ควรเป็น แสดงออกถึงความไม่เคารพทั้งเพื่อนร่วมงานและอาชีพของตัวเอง กระนั้นเขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร จนกระทั่งได้ยินเสียงใครบางคนดังขึ้นไม่ดังไม่เบา หากก็รับรู้ได้ว่านั่นน่ะ...กำลังพูดถึงเขาชัดๆ

    “ทำตัวไม่มีมารยาทตั้งแต่มาถึงเลยรึเนี่ย? ทำไมถึงได้จ้างคนประเภทนี้มาทำงานกัน...”

    ใบหน้าของคนถูกพูดถึงกระตุกน้อยๆ กระนั้นความเหนื่อยล้าที่สั่งสมก็ยังทำให้เขาเพียงปรือเปลือกตาหนักอึ้งขึ้นมองหาคนที่ว่ากล่าว

    ที่ต้นเสียงนั้น...ชายหนุ่มเจ้าของดวงตากลมโตสดใสได้จ้องมองมาด้วยขุ่นใจอย่างเปิดเผย ไม่คิดจะเบือนหลบสายตาไปสักนิดเดียว คิ้วเข้มคมของอีกฝ่ายขมวดแน่น เช่นเดียวกับกลีบปากหยักอิ่มเต็มที่เหยียดเป็นเส้นตรง ...นั่นเองก็ไม่ใช่สีหน้าของคนที่กำลังรู้สึกพอใจ

    นายแบบหนุ่มเลื่อนสายตาอีก มองเห็นสายกล้องที่คล้องอยู่กับลำคอเรียวขาวที่ดูบอบบางเหลือเกินนั้น ร้องอ้อเหยียดยาวอยู่ในใจ

    “อ่า...ขอโทษด้วยนะครับที่มาถึงกองช้า พอดีจงอินเค้าเพิ่งสอบเสร็จน่ะครับ อาจจะล้าไปบ้าง ถ้าวันนี้ทำให้งานล่าช้าก็ขออภัยล่วงหน้าเลยนะครับ”

    เสียงของผู้จัดการส่วนตัวดังขึ้นพร้อมกับปลายนิ้วที่สะกิดไหล่ของเขา จงอินละสายตาจากใครคนนั้น หยัดกายขึ้นยืนแล้วโค้งให้ทีมงานรอบๆ โกดังแล้วเอ่ยอย่างไม่กระตือรือร้นนัก “สวัสดีครับ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ”

    ให้ตายเถอะ ใครฟังก็ต้องรู้ไม่ใช่รึไงว่าไม่เต็มใจจะมาทำงานเลยสักนิด!

    ดวงตากลมโตที่เคยจดจ้องอย่างไม่พึงใจก่อนหน้านี้เสมองไปทางอื่น อดจะส่งเสียงหึในลำคอไม่ได้ก่อนจะเริ่มพูดคุยกับทีมช่างภาพจากที่ค้างไว้ ดูแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจในตัวนายแบบเท่าไรนัก เห็นจะมีก็แต่จงอินนั่นแหละที่คอยมองใครอีกคนเป็นระยะๆ ไม่รู้ว่าเพราะขัดเคืองกับวาจาที่เอ่ยออกมานั่น หรือเป็นเพราะสนใจอะไรในตัวกันแน่

    นายแบบหนุ่มขยับย้ายพาตัวไปนั่งที่เก้าอี้กองถ่ายซึ่งมีกระจกทรงยาวตั้งอยู่ตรงหน้า ให้ช่างแต่งหน้าได้เริ่มบรรจงแตะแต้มสร้างสีสันเพื่อขับเสริมให้ใบหน้าที่หล่อเหลาอยู่แล้วยิ่งดูดีมากยิ่งขึ้น ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เป็นชุดที่สไตลิสต์เลือกไว้ จนกระบวนการแต่งกายเรียบร้อยดีตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าแล้ว ก็ถึงเวลาที่จงอินจะเดินไปยังสถานที่ที่ทางทีมช่างภาพจัดไว้ ตรงนั้นมีลังไม้เก่าๆ ตั้งขึ้นเป็นฉากหลัง จงอินเหลียวมองมันอยู่แวบหนึ่งก่อนจะหันมาเล่นจ้องตากับช่างภาพที่ยืนรออยู่ก่อนแล้วและกดยิ้ม

    รอยยิ้มนั้นเหมือนการท้าทาย

    ดวงตาที่เดิมทีปิดปรือราวกับเจ้าของกำลังจะหลับใหลพลันทอประกายคมกล้า เสน่ห์เย้ายวนอันควรค่าแก่การมองชมได้ถูกเผยออก แสดงเหตุผลที่ ทำไมถึงได้จ้างคนประเภทนี้มาทำงาน ให้อีกฝ่ายได้รับทราบแจ่มชัด

    นี่เป็นการทำงานครั้งแรกระหว่างเขากับนิตยสารนี้ ดังนั้นก็คงจะเป็นครั้งแรกระหว่างเขากับช่างภาพปากร้ายคนนี้ด้วยเช่นกัน

    ดังนั้นคิม จงอินไม่ถือสาหรอก...ถ้าหากว่าไก่ตัวหนึ่งจะไม่รู้ค่าของเม็ดพลอย

    กิริยาดื้อรั้นอวดดีนั้นฉายชัดผ่านเลนส์กล้อง ส่งให้ช่างภาพหนุ่มเหยียดริมฝีปากออก คล้ายยิ้มคล้ายไม่ใช่ แม้ไม่ได้ชื่นชมกับความไร้มารยาทของฝ่ายนั้น ทว่าก็คงต้องยอมรับ...ว่าคุณสมบัติของอีกฝ่ายไม่ได้เลวเลย

    ชายหนุ่มกดชัตเตอร์สองสามครั้ง ก่อนจะร้องบอกให้อีกฝ่ายเปลี่ยนอากัปกิริยาให้ได้อย่างใจ

    "มองไปทางซ้าย แล้วเงยหน้าขึ้นอีกนิดครับ โอเค...ค้างไว้...ทีนี้มองเหมือนเหม่อออกไป ใช่...อย่างนั้นล่ะ"

    ...เขายอมรับก็ได้...

    ไม่ใช่แต่เพียง 'ไม่เลว' ทว่าภาพของอีกฝ่ายในยามที่มองเห็นผ่านเลนส์นั่นน่ะ มัน 'ดี' มากจริงๆ

    โด คยองซูกดยิ้มอย่างพึงใจ เช่นเดียวกับปลายนิ้วที่กดลงไปบนปุ่มชัตเตอร์อย่างต่อเนื่องตามท่วงท่าของนายแบบหนุ่มที่ขยับเคลื่อนไหวอย่างเป็นธรรมชาติ แม้เขาจะยังคงทำหน้าที่ช่างภาพอยู่ตรงนี้ แต่เขาก็กลับรู้ดีว่าภาพที่ฉายขึ้นบนจอคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกับกล้องนั้นต้องเป็นภาพที่เรียกได้ว่าทรงอานุภาพไม่ใช่น้อย

    ทว่าความพึงพอใจที่ปรากฏผ่านเรียวปากอิ่มเต็มนั้นพลันเจือจางและหายไปในวินาทีหลังจากนั้น

    เพราะเจ้าของเรือนร่างสูงได้สัดส่วนจากเดิมที่เคลื่อนไหวราวกับรู้ใจ กลับแปรผันกลายเป็นดื้อดึง ไม่ใช่ว่าแข็งทื่อจนภาพที่ปรากฏดูไม่มีชีวิตชีวา แต่เป็นเพราะเมื่อคำชมที่ออกจากปากของช่างภาพนั้นคล้ายจะเป็นการกระตุ้นอุปนิสัยภายในซะมากกว่า

    คยองซูมองเห็นเพลิงไฟที่ลุกโหมยามเมื่อจิตวิญญาณของนายแบบมืออาชีพเต็มร้อย เช่นเดียวกับจงอินที่มองเห็นประสิทธิภาพและพลังงานที่คล้ายจะเผาไหม้เขาให้ร้อนดุจโดนไฟลนยามเมื่อเสียงชัตเตอร์กดรัวตามการเคลื่อนไหว

    แต่เขาก็ยังไม่ได้ลืมไป...ว่าก่อนเริ่มงานนั้น คำพูดที่อีกฝ่ายกล่าวหาไว้เป็นเช่นไร

    เพราะอย่างนั้นแล้วหลังจากที่เขาแสร้งทำตัวเป็นรู้ดีต่อหน้าที่ ก็ถึงเวลาที่จะแสดงฤทธิ์เดชให้อีกฝ่ายได้รู้บ้าง

    “อย่ามองแต่กล้องสิครับ” ช่างภาพหนุ่มสั่งขึ้นด้วยสุ้มเสียงราบเรียบ “หันมองทางอื่นบ้าง” หากเขาก็หาได้สนใจไม่ “เป็นธรรมชาติหน่อย” คิดหรือว่าจงอินจะทำตาม?

    จงอินไม่ได้ทำตามคำสั่งของช่างภาพเลยสักนิด แม้เขาจะยังคงปรับเปลี่ยนท่วงท่าระหว่างการถ่ายทำ ถึงอย่างนั้นดวงตาคู่คมกลับไร้แววใดปรากฏขึ้น ต่างจากเมื่อครู่ราวกับหน้ามือเป็นหลังมือ ยิ่งเมื่อดวงตาคู่นั้นจับจ้องเลนส์กล้องไม่วางตา ราวกับจะมองล่วงทะลุผ่านเลนส์นั้นสู่นัยน์ตาคู่กลมที่อยู่หลังช่องมองภาพนั้น ทั้งมุมปากก็ยังกดยิ้มคล้ายเต็มใจ หากก็มีแววเยาะหยันอยู่ในที

    กล้องตัวใหญ่ดำด้านลดลงจากดวงตา เผยให้เห็นใบหน้าที่กึ่งเรียบเฉยหากก็ติดเจือด้วยไม่พอใจ

    “เป็นอะไรครับ? สอบเหนื่อยมากรึไง เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่เลยนี่ ทำตัวให้มันเป็นธรรมชาติตลอดไม่ได้รึไง?

    จงอินไม่ตอบในทันที แต่กลับขยับตัวก้าวเท้าถอยหลังจนชนกับลังไม้ ขยับขึ้นนั่งบนนั้นทั้งที่สายตายังจับจ้องไปยังช่างภาพที่กระชับกล้องติดมือแน่น แต่ไม่มีทีท่าจะยกขึ้นถ่ายเลยแม้แต่น้อย

    นัยน์ตาคู่คมฉายแววอย่างชัดเจน

    ท้าทาย...

    ดวงตากลมคมสดใสที่เจือความขุ่นใจหรี่แคบ

    เมื่อได้รับการท้าทายจากอีกฝ่ายหลายครั้งอย่างนี้เข้า ความอภิรมย์ยามได้ถ่ายภาพที่เหมือนดั่งงานศิลปะอันงามก็ถูกทำให้ทลายลง

    คยองซูมองสายตาท้าทายคู่นั้นนิ่ง สีหน้าของช่างภาพหนุ่มยิ่งนานยิ่งเยียบเย็นไร้อารมณ์ขึ้นไปทุกที

    ก่อนที่ดวงตาคู่นั้นจะหลุบลง... แล้วลืม...

     

    เรียวปากรูปหัวใจของเขาขยับเผยอ

    "คุณไค..." นามที่ใช้เรียกขานนั้นเป็นชื่อในวงการอันห่างเหิน

    ทางที่เขาเลือกจะใช้เพื่อตอบโต้กับต้นไฟอันแรงร้อนนั้น...

     

    “ผมจะบอกคุณให้ ว่าที่นี่เป็นที่ทำงานของผู้ใหญ่ ของคนที่รู้จักว่าอะไรเป็นอะไร ไม่ใช่สนามเด็กเล่นที่จะทำให้คุณทำตามใจตัวเองอย่างนี้!

    ก็คือ...น้ำมันที่สาดลงไป และยิ่งทำให้กองเพลิงโหมไหม้ลุกโชติชัชวาล

    “มองดูด้านข้าง ทั้งซ้ายและขวา คุณดูหน้าทุกคนไว้...นั่นคือหน้าของคนที่คุณทำให้พวกเขาต้องเสียเวลาอันมีค่าไปกับการกระทำไร้สาระเหมือนเด็กเล่นขายของนั่น!

    คำนั้นไม่ต่างอะไรจากการเงื้อมือขึ้นตบหน้า

    จงอินหน้าชา ไม่เคยคาดคิดว่าชั่วชีวิตจะสามารถรู้สึกอับอายเพียงนี้ได้ เขาขึงตาจับจ้องใส่แวววาวโรจน์ในลูกแก้วกลมสวย ต่างก็เห็นภาพของเพลิงไฟที่สะท้อนใส่กัน ทว่าก่อนที่นายแบบหนุ่มจะทันได้ตอบโต้อะไร ช่างภาพผู้มีสิทธิ์ขาดก็ร้องสั่งให้พักกองสักครู่หนึ่ง

    “จนกว่า นายแบบของเรา จะพร้อมสำหรับการทำงาน”

    โดคยองซู เป็นมืออาชีพ และมีฝีมือยอดเยี่ยมไม่ต้องสงสัย ผลงานภายใต้ชื่อของเขาไม่ทราบกี่ชิ้นได้กลายเป็นตัวกระตุ้นการดำเนินไปของวงการสิ่งพิมพ์ในประเทศ ทั้งยังใช่ว่าไม่เคยรับรางวัลในระดับที่สูงขึ้นไปกว่านั้น ดังนั้นจึงไม่ใช่การกล่าวเกินเลยไปถ้าหากจะนับว่าเขาเป็นช่างภาพอันดับต้นๆ ของประเทศนี้

    ความเข้มงวดในการทำงานจึงเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้

    ที่จริงถึงแม้คำพูดที่ใช้จะรุนแรงนัก ทว่าก็ไม่มีใครสักคนในกองที่จะคัดค้านคำว่ากล่าวนั้น แม้แต่ยามที่คิมจงอินหันไปมองผู้จัดการส่วนตัวของตนเองด้วยสีหน้าคล้ายจะฟ้องร้อง อีกฝ่ายก็ยังสั่นศีรษะ ยืนยันว่าครั้งนี้เป็นเขาเองที่เป็นฝ่ายทำไม่ถูกต้อง

    เพลิงไฟที่กลางอกคล้ายยิ่งระเบิดปะทุ

    ดวงตาคมคายมองตามแผ่นหลังของคนที่หันกายเดินเลี่ยงออกไปข้างนอกโกดัง

    นึกทบทวนด้วยความประชดหยามหยัน

     

    โด คยองซูอย่างนั้นหรือ...

    ช่างทำให้เขาประทับใจมากจริงๆ!

     

     




    To be continued

     

     

    กี่โปรเจคแล้วไม่ทราบที่ถูกพี่ชล (RYUGU) ล่อลวงให้เขียนด้วยกัน

    แต่ถ้าจะนับเฉพาะฟิคไคซู นี่ก็เป็นฟิคที่สอง ที่ได้จับคู่นี้เป็นคู่หลักล่ะครับ

     

    Albus l Niger โปรเจคนี้ เป็นการเล่าเรื่องราวโดยอาศัยตัวละครที่พื้นเพนิสัยเหมือนกัน ทว่าเมื่อได้เลือกกระทำในทางเลือกที่แตกต่าง เส้นทางของพวกเขาจึงไม่เหมือนกัน

    ใน Albus ทุกคนอาจจะได้ลิ้มรสความละมุนละไมแบบฉบับพี่ชล(?)

    แต่ใน Part Niger นี้...เคสตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะถ่ายทอดความแข็งกร้าวร้อนแรงของทั้งสองฝ่ายให้ทุกท่านได้ละเลียดชิม J และหวังว่าจะสามารถทำให้ทุกคนที่ได้อ่านนึกชอบรสนี้บ้าง ไม่มากก็น้อย <3

    #ฟิคดำks


     



     

    B E R L I N ❀
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×