คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Program 3 : Classified (รักร้อนๆ พร้อมเสิร์ฟ) แบบร่าง20%
“เคยมีคนกล่าวไว้ว่า คำว่า “แพ้” หรือ “ชนะ” ใช้แบ่งแยกคนสองจำพวกออกจากกันจนสุดขั้ว แต่สำหรับคนอย่าง เอกเทศ เขากลับไม่เคยยี่หระในผลลัพธ์ของการแข่งขันที่ต้องเผชิญ หากแต่ความพิสมัยหนึ่งเดียวที่มี คือการได้ก้าวลงสนามด้วยความรื่นรมย์ และคงจะยิ่งสุขสม ถ้าได้ เอกกมล เป็นคู่แข่งในชีวิตไปตลอดกาล”
*******************
“แฮ่กๆๆ สิบเอ็ดโมงห้าสิบ แฮ่กๆๆๆ”
ผมก้มลงดูข้อมือโดยไม่ปล่อยให้ขาทั้งสองข้างที่วิ่งอยู่ได้หยุดพัก อันที่จริงมันก็ไม่ได้อยู่นิ่งมาตั้งแต่ผมลืมตาตื่นแล้วล่ะ ถ้าใครต้องเข้างานวันแรกให้ทันก่อนเที่ยง แต่ดันผุดหัวขึ้นจากเตียงในเวลาเดียวกับที่เข็มสั้นของนาฬิกาไปหยุดอยู่ที่เลขสิบเอ็ด ก็คงมีสภาพไม่พ้นไปจากผมในตอนนี้แน่ๆ ไม่น่าเล้ย! ไม่น่าเลยจริงๆ ดันไปเชื่อไอ้เจตฉลองอยู่กับมันจนดึก ทั้งๆที่วันนี้ต้องเริ่มงานพาร์ทไทม์เป็นวันแรก นี่ถ้าไม่ใช่เพราะมันทำลายสถิติ จีบสาวติดครั้งแรกในชีวิตล่ะก็ จ้างให้ก็ไม่ยอมตามใจมันเด็ดขาด ยังโชคดีที่เป็นช่วงปิดเทอม รถเลยไม่ค่อยติดเท่าไหร่ ซึ่งทำให้ผมพอมีโอกาสไปทันอยู่บ้าง นี่ก็เหลือเพียงวิ่งเข้าซอยข้างหน้าเท่านั้น โอ้ย! ปวดหัวจริงจริ๊ง ท่าทางผลพวงจากการนอนไม่เต็มอิ่มจะแทงทิ่มใส่ตัวผมเข้าซะแล้ว เฮ้อ!
“แฮ่กๆๆ ร้าน ฟอเรส ไปทางไหนคะ แฮ่กๆๆๆ”
“เฮ้ย!” ผมร้องอุทานหลังหันหน้าไปหาต้นเสียง ร่างทั้งร่างผงะไปด้านหลังแต่ยังคงไม่ละฝีเท้า
ที่ผมตกใจไม่ใช่เพราะเจ้าของเสียงทักไม่น่าพิสมัยแต่อย่างใด ตรงข้าม ใบหน้าคมเข้มใต้ปีกหมวกของเธอดูสวยเฉี่ยวจนเท่ ในแบบที่เค้าเรียกกันทั่วไปว่า-สาวหล่อ- ส่วนการแต่งกาย อืม... เสื้อยืดกับกางเกงสามส่วน ดูทะมัดทะแมงคล้ายผู้ชายแฮะ สรุปได้โดยไม่ต้องสงสัย ยัยนี่น่ะทอมชัวร์
เปล่านะครับ! ผมไม่ได้ตกใจที่ผู้หญิงสวยๆอย่างเธอหันมาฝักใฝ่ดนตรีไทย แต่ที่เผลอร้องออกไป เป็นเพราะยัยทอมที่พูดถึงนี่ ดันวิ่งตีคู่ขนาบมากับผมจนลมหายใจแทบรดใส่กัน แม้ในขณะที่วิ่งอยู่นี้
“แฮ่กๆๆ ตกลงว่านายรู้จักมั้ย แฮ่กๆ” เจ้าของคำถามเริ่มใส่อารมณ์ในน้ำเสียง
“อ...อะไรนะครับ แฮ่กๆๆ”
“แฮ่กๆๆ หูหนวกเหรอไง ช่างเถอะ! ฉันถามผิดคนเอง เสียเวลาจริงๆ แฮ่กๆ” สาวน้อยขยับปีกหมวกรับลมก่อนหันกลับไปให้ความสนใจเส้นทาง แล้วเร่งสปีดทิ้งผมจนสุดตัว
อะไรวะ! ผมมองแผ่นหลังเล็กๆเบื้องหน้าด้วยความงุนงง ยัยวิปริตนี่ที่บ้านไม่รักหรือไง ถึงได้มาใส่ชาวบ้านเค้าเป็นชุดแล้วก็วิ่งจากไป ไม่ได้ๆ แบบนี้มันเสียเชิงชาย ถึงจะรู้สึกเหนื่อยสักแค่ไหน แต่ศักดิ์ศรีที่มีมันยุข้างใบหูตลอดเวลา ให้ขาที่ล้าสาวเร็วขึ้นเพื่อไล่เป้าหมายที่อยู่ตรงหน้าให้ทัน แม้ต้องขาดใจ
“แฮ่กๆๆๆ ประจำเดือนไม่มาเหรอไงแม่คุณ ถึงได้เที่ยวระรานเค้าไปทั่วน่ะ แฮ่กๆ” ผมลอยหน้าลอยตายิ้มเย้ยคู่อริ เมื่อตามประกบเธอได้อีกครั้ง
“นี่นาย!” ดวงตาเด็กสาวแดงกล่ำ ก่อนกำปั้นจะพุ่งตามมา
เฟี้ยว!!!
ผมเบี่ยงตัวหลบหมัดอย่างผู้ที่คาดการณ์ได้ อันเป็นผลทำให้ร่างของอีกฝ่ายเสียหลักเซล้มลง รอยยิ้มกระหยิ่มของผมฉีกขึ้นอย่างสะใจ ไม่รู้จักไอ้เฟิร์ทซะแล้ว! อ่าว...นั่น! ซอยอุตสาหการสิบเก้า ถึงแล้วนี่หว่า ผมผ่อนความเร็วลงเพื่อเตรียมเลี้ยวเข้าสู่ซอยด้วยอารมณ์ที่เบิกบาน แต่แล้วไรขนที่ต้นคอกลับลุกขึ้นราวสัมผัสรังสีน่าสะพรึงอะไรสักอย่างซึ่งแผ่มาจากด้านหลัง ความหวาดระแวงฉีดขึ้นสมองจนล้นปรี่ สายตาทั้งคู่ค่อยๆเหลียวมองหาที่มา เหวอ!
“แฮ่กๆๆ หยุดเดี๋ยวนี้นะ” คู่แค้นบัญชีเดิมยังคงไล่ตามมาอย่างไม่ลดละ “นายไม่มีที่ไว้เลี้ยงหมาใช่มั้ย ถึงได้ปล่อยให้เผล้นพล่านจนเต็มปากแบบนี้ แฮ่กๆ”
“แฮ่กๆ น้อยๆหน่อย ใครกันแน่ที่ปากเสีย จะถามทางเค้าน่ะ สะกดคำว่ามารยาทไว้บ้างก็คงดีนะ แฮ่กๆๆ” ผมหันกลับไปสวนแต่ก็ยังไม่ลืมเร่งฝีเท้า
“แฮ่กๆๆ ก็ถามดีๆแล้วไม่ฟังนี่หว่า คราวหน้าคราวหลังอย่าลืมพกหูมาด้วยนะ แฮ่กๆ”
“แฮ่กๆๆ หูน่ะเอามา ไม่ขี้ลืมเหมือนใครบางคนหรอก ที่ลืมได้แม้กระทั่งเพศของตัวเอง ฮิๆๆ”
“หนอย! พูดงี้หมายความว่าไง อย่าให้ฉันจับตัวได้นะ แฮ่กๆๆ” สาวน้อยแผดเสียงอย่างเดือดดาล
“แฮ่กๆๆ พูดแต่ปากใครก็ทำได้ แน่จริงพิสูจน์ให้ดูหน่อยสิ ฮ่าๆๆๆ”
“แก!” เสียงคำรามกระชั้นดังไล่หลังผมมา
หึๆๆๆ ยัยทอมนั่นคิดว่ากำลังวิ่งไล่ใครอยู่ ผมแชมป์เหรียญทองวิ่งผลัดกีฬาสีทุกปีนะครับ ให้ตามทันได้ง่ายๆก็เสียชื่อแย่น่ะสิ แต่ปัญหาที่ผมคิดอยู่ตอนนี้คือการจะสลัดยัยเหาฉลามนี่ทิ้งได้ยังไง เพราะร้านกาแฟ ฟอเรส ที่ผมสมัครงานไว้มันตั้งเด่อยู่ตรงหน้านี้แล้ว เอาไงดีวะเนี่ย ผมเหลียวกลับไปมองก้านหลังอีกครั้ง นั่นไง! ว่าแล้ว! แม่นั่นยังวิ่งตามผมมาอยู่เลย เอ๊ะ! เมื่อกี้ยัยทอมนั่นถามทางไปไหนนะ ตายละหว่า! แม่นั่นหาที่นี่อยู่เหมือนกันนิ แย่แล้ว! ทำไงดีถึงแล้วด้วยสิ เฮ้อ! เอาล่ะวะ! เป็นไงเป็นกัน...
บานประตูไม้สลักหน้าร้านถูกผมผลักเต็มแรงจนเปิดออก ก่อนทิ้งตัวถลาสู่ด้านในแล้ววกกลับมาดันประตูเข้าที่เดิมอย่างสุดกำลัง เพียงไม่กี่อึดใจต่อมา ร่างทั้งร่างของผมก็ต้องแบกรับแรงกระแทกจากทั้งฝ่ามือและเท้าซึ่งถูกส่งผ่านมาจากอีกฝากของประตู
ตึ่งๆๆๆๆๆ!!! โครมๆๆๆๆ!!!
“แน่จริงเปิดประตูสิ นี่นายไม่กล้าแม้แต่เผชิญหน้ากับผู้หญิงตัวเล็กๆหรือไง”
ผมเปลี่ยนมาใช้แผ่นหลังรับภาระจากประตูแทนฝ่ามือ ก่อนทิ้งตัวตามแรงโน้มถ่วง แล้วถ่ายน้ำหนักผ่านแขนทั้งสองข้างลงสู้พื้น ไอ้เรื่องกลัวน่ะ ผมไม่กลัวแม่นั่นหรอก แต่การต้องมามีเรื่องกับผู้หญิงนี่สิ(ถึงเป็นทอมก็เถอะนะ) ขอบายล่ะ...มีแต่เสียกับเสีย ผมซบหน้ากับแขนเสื้อเพื่อซับเม็ดเหงื่อที่ไหลอาบทั่วใบหน้าด้วยท่าทางที่อ่อนล้า อาการหอบยังคงรุมเล่นงานผมอยู่ แม้จะเบาบางลงแล้วก็ตามที หลังรู้สึกหายใจได้คล่องขึ้นแล้ว ความสนใจที่มีทั้งหมดของผมก็มุ่งไปยังบรรยากาศที่อบอวลอยู่รอบตัวร้าน โดยทิ้งเสียงอึกทึกที่มีไว้เบื้องหลัง
การตกแต่งที่ไม่เหมือนใครของ ฟอเรส เนรมิตให้คุณรู้สึกราวกับว่า กำลังนั่งจิบน้ำชาอยู่ในสวนองุ่นทางแถบยุโรป ชุดโต๊ะเก้าอี้คงรูปลักษณ์ธรรมชาติไว้อย่างเหนียวแน่น เถากล้วยไม้ที่เลื้อยเลาะผ่านฝาผนังไม่ได้ทำให้รู้สึกว่ารก หากแต่กลับดูลงตัวจนน่าประหลาด และท้ายสุด ใครจะเชื่อว่า ซุ้มไม้ขนาดใหญ่สีขาวและเฉลียงที่ตั้งอยู่ด้านหน้าร้าน จะบรรจุอยู่ในบริเวณตัวตึกแถว ซึ่งตระหง่านอยู่ท่ามกลางย่านธุรกิจใจกลางเมืองหลวงเช่นนี้
“โผล่หัวออกมาจากกระดองเดี๋ยวนี้นะ ฉันไม่ปล่อยให้เรื่องนี้มันจบลงง่ายๆหรอก” เด็กสาวยังคงราวีไม่เลิกทั้งทางฝีปากและแรงปะทะผ่านบานไม้
“นี่เธอ หยุดบ้าสักที ฉันต้องทำงานนะ ไม่ว่างทะเลาะด้วย กลับบ้านไปได้แล้ว”
“งาน? จริงสิ! ลืมซะสนิทเลย” สาวน้อยอีกฝากค่อยๆสงบสติลง ก่อนที่จะ... “ว้าย! ตายแล้ว! ฉันถูกไล่ออกตั้งแต่วันแรกแน่ๆ เพราะนายคนเดียว ไอ้ปากบอน ออกมาให้เหยียบซะดีๆ”
“เฮ้อ!” ผมคลายแรงจากแผ่นหลังที่ดันประตูไว้ด้วยความโล่งใจ คงจะพูดกันรู้เรื่องสักที “นี่...พูดให้ดีๆนะ ใครใช้ให้เธอวิ่งตามฉันมา ห๊า...”
“ไม่ต้องมาพูดเลย นายนั่นแหละหาเรื่องฉันก่อน ฉันแค่ถามทางนายดีๆ นายกลับมาปากเสียใส่ ที่บ้านคงไม่ได้สอนวิธีเป็นสุภาพบุรุษให้สินะ”
“อ่าว...พูดงี้” ผมผุดร่างขึ้นด้วยความขุ่นเคือง แล้วยื่นมือไปคว้าลูกบิดประตูกระชากออกจนสุดแรง แม่นี่ชักจะเล่นเกินไปแล้ว เล่นถึงที่บ้านเลยเหรอเนี่ย “แล้วที่บ้านเธอไม่ได้สอนวิธีขอความช่วยเหลือแบบที่คนดีๆเค้าทำกันมาบ้างหรือไง” ผมท้าทายพร้อมเอาเรื่อง
“เฮ้ยๆ พูดกับผู้หญิงให้มันดีๆหน่อย ถ้าไม่รู้จักวิธีเป็นผู้ชายล่ะก็ ฉันแนะนำให้ไปหากระโปรงใส่ซะ ไป๊!” เด็กสาวแรงกลับมาไม่แพ้กัน
“มากไปแล้วนะยัยลักเพศ” ผมขบฟันพลางง้างหมัดลอยขึ้นค้างกลางอากาศ
“แล้วคนแบบนาย มีใครที่ไหนเค้าเรียกว่าผู้ชายกันบ้าง” สาวน้อยตวาดอยู่ในท่าที่คล้ายกัน
ไม่น่ารักเลย! ว่าแฟนไอ้เจตห้าวแล้วนะ แม่นี่กลับนรกดีๆนี่เอง ดันมายืนทะเลาะกันที่นี่ เกิดเจ้าของร้านมาเห็นเข้าจะทำยังไงดีวะเนี่ย ยัยทอมนี่มันมารร้ายชัดๆ พับผ่าสิน่ะ
“ใครอยู่หน้าร้านครับ” เสียงใสทุ้มดังมาจากหลังร้าน แทนระฆังลั่นพักยก แต่เราทั้งคู่ยังคงแยกเขี้ยวใส่กันอยู่ภายใต้บรรยากาศที่ตึงเครียดเกินระงับไหว
ซวยๆๆๆๆๆ จนได้แล้วมั้ยล่ะ อุตส่าห์มาทันแล้วแท้ๆเชียว ถ้าต้องโดนไล่กลับบ้าน สาบานได้ว่าไม่ปล่อยแม่นี่ไว้แน่ ผมหรี่ตาเป็นเชิงปรามคู่แค้นไม่ให้คิดเล่นตุกติกอะไร ก่อนละสายตาไปทางเจ้าของเสียงปริศนาที่เดินใกล้เข้ามาทุกที จนในที่สุดก็มาหยุดยืนตรงหน้าของเราทั้งคู่
“ร้านยังไม่เปิดนะครับ รบกวนแวะมาอีกครั้งหลังสี่โมงเย็น” เจ้าของเสียงเป็นเด็กหนุ่มหน้าหวานคล้ายผู้หญิง อยู่ในชุดบริกรสีขาวสะอาดตาตัดกับผ้ากันเปื้อนสีดำที่สวมอยู่ รอยยิ้มกว้างที่ฉาบบนใบหน้าบอกได้ถึงความจริงใจที่มี แม้แววตาจะดูเศร้าสร้อยกว่าที่ควรก็ตาม “และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ฟอเรส จะได้มีโอกาสบริการคุณในอนาคตอันใกล้นี้”
*******************
ความคิดเห็น